ซ่อนรักไว้ใต้วิวาห์ (ซีรีส์วิวาห์ซ่อนรัก) ฉบับรีไรท์
-
นิยาย-เรื่องยาว :
ฟรีสไตล์/ รักหวานแหวว Tags : เเต่งงาน, วิวาห์, คลุมถุงชน, รัก, พี่เก้าของน้อง, เเกร่ง
ผู้แต่ง : มุกรวี/เฌอนมไข่มุก
My.iD :
https://my.dek-d.com/alone_lovely/writer/
ตอนที่ 10 : บทที่ 9 เส้นทางที่ต้องเลือก
9
เส้นทางที่ต้องเลือก
ขวัญฤทัยนิ่งงัน…เมื่อได้ยินถ้อยคำหวานหูซึ่งมีอิทธิพลต่อหัวใจอย่างรุนเเรง ริมฝีปากสีชมพูเม้มเข้าหากันเบาๆเเก้อาการขัดเขิน จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีนิลคู่นั้นในขณะที่สมองกำลังใช้ความคิดไตร่ตรองทบทวนสิ่งที่เขาพูด
เธอดูไม่ออกว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นความจริงจากใจของเขาหรือเป็นเพียงเล่ห์ลวงหลอกให้ตายใจกันเเน่
เพราะตลอดเวลาหลายสิบปีที่รู้จักมักคุ้นกับผู้ชายคนนี้ทำให้ขวัญฤทัยรู้ว่าไม่มีสักครั้งที่เขาจะพูดจาไพเราะเสนาะหูกับเธอเลยแม้แต่ครั้งดียว หากสาวน้อยก็ฉลาดพอที่จะไม่เผลอไผลไปกับถ้อยคำของชายหนุ่ม เขาอาจจะเเค่ต้องการหว่านล้อม ทำดีกับเธอเพื่อให้เธอเเต่งงานด้วย
“ให้ขวัญช่วยเซตผมให้ทุกเช้าก็ได้ค่ะ เวลาพี่เก้ามารับขวัญก็จะทำให้เเบบนี้ เเต่ไม่ทำฟรีนะ ต้องมีค่าจ้างด้วย”
“ค่าจ้างนี่จะเอาเท่าไหร่ล่ะ”
“ร้อยเดียว ไม่เเพง” ขวัญฤทัยตอบอย่างมั่นใจ
“ทำไมต้องเอาค่าจ้าง พี่ถือว่าเป็นค่าน้ำมันไปรับไปส่งขวัญก็เเล้วกัน ค่าจ้างก็ไม่ต้องมาเอา”
“อะไรกัน” สาวน้อยทำปากยื่น “จะเค็มไปไหนคะ ลูกชายคนเดียวของท่านประธานโรงแรมยอเกียรติคุณอย่างพี่มีเงินไม่รู้เท่าไหร่”
“มีเเต่ก็ต้องประหยัดใช้ไม่ฟุ่มเฟือยไอ้เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ว่าเเต่เราเถอะ เมื่อกี้ยังพูดอยู่เลยว่าไม่สนใจที่พี่รวย เเล้วทำไมตอนนี้มาพูดเรื่องเงินซะล่ะ”
“ก็เเค่พูดไปอย่างนั้นเองเเหละ ขวัญไม่สนใจเรื่องเงินหรอก เเค่อยากจะดูน้ำใจพี่เก้ามากกว่า ซึ่ง...ไม่มีเอาซะเลย” เธอส่ายหน้า แสร้งทำท่าทีเอือมระอา
“เลิกใช้คำว่าน้ำใจ เพราะดูเหมือนเธอจะยังไม่เข้าใจความหมายของมันดีเท่ากับเมื่อวาน”
ใช่ ขวัญฤทัยไม่รู้จักคำว่าน้ำใจกับเอื้อเฟื้อเผื่อเเผ่ได้ดีเท่ากับเมื่อวานที่ทุกอย่างดูจะธรรมชาติไปหมด ไม่มีใครมากะเกณฑ์ว่าต้องทำอะไร หล่อนก็เเสดงความงดงามภายในจิตใจออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
“จะเอายังไงกับชีวิต ถามจริง วางเเผนเอาไว้บ้างหรือเปล่า” นพกรเปลี่ยนมาคุยเรื่องสำคัญแทน
“ไม่ได้วางเเผนอะไรไว้สักอย่าง เพราะถ้าจบ ม.6 ขวัญจะไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย” แม่จอมดื้อตอบเสียงเรียบ
ชายหนุ่มระบายยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อได้ฟังคำตอบนั้น ชินกับความตรงไปตรงมาของหล่อนเสียเเล้ว เเต่ก็ดี...จะได้รู้เเจ้งเห็นจริงกันไปเลยว่าขวัญฤทัยมีมุมมองอนาคตอย่างไรเเล้วจะเเก้ไขได้ด้วยวิธีใด
“เเล้วจบ ม.6 จะไปทำอะไร ไหนลองพูดมาซิ”
“ไม่ทำ ครอบครัวก็มีกิจการเป็นของตัวเอง ทำไมขวัญจะต้องออกไปทำงานให้เหนื่อยคะ” ในเมื่อมีเงิน ครอบครัวมีหลักประกันที่มั่นคง มีกินมีใช้ไปตลอด ทำไมยังจะต้องมานั่งทำงานอีก สู้อยู่บ้านเฉยๆสบายกว่าเยอะ
“น่าสมเพชนะที่มีความคิดเเบบนี้”
“เชิญสมเพชเลยค่ะ ขวัญไม่เเคร์ เพราะขวัญไม่ได้ไปขอเงินพี่เก้าใช้”
“ฟังพี่ขวัญฤทัย” ชายหนุ่มเรียกชื่อเต็มของสาวน้อยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “พี่หวังดีหรอกถึงได้เตือน ถ้าคิดจะเกิดมาเพื่อนั่งกินนอนกิน ไม่ทำประโยชน์ใหักับตัวเอง กับสังคม ก็อย่าได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนให้เสียชาติเกิดเลย”
“...” ขวัญฤทัยพูดไม่ออก ได้แต่นิ่ง…เมื่อได้ยินคำพูดสั่งสอนอย่างมีชั้นเชิงที่กรีดลึกเข้าไปในหัวใจ
“เรียนจบเเค่ ม.6 ไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรอก เเต่ต้องคิดหาเเนวทางสายอาชีพให้ชัดเจนด้วยว่าจะเรียนต่อทางด้านไหน เอาให้เลี้ยงตัวเองให้รอด ไม่คิดเห็นเเก่ตัวจะเอาเเต่พึ่งพาพ่อเเม่อย่างเดียว”
“...”
“ขวัญทำตัวเหลวเเหลกมามากพอเเล้ว เเละพี่คิดว่าถึงเวลาต้องทำเพื่ออนาคตจริงจังสักที ค้นหาตัวเองเจอเเล้วหรือยังว่ารักที่จะทำอะไร ชอบทำอะไร สิ่งที่ชอบเอามาพัฒนาเป็นอาชีพได้มั้ย” นพกรยังทำหน้าที่สอนต่อไป ขณะที่ลอบสังเกตขวัญฤทัยไปเรื่อยๆ หล่อนไม่เเสดงอาการต่อต้านก้าวร้าวอีกเเล้วนอกจากก้มหน้านิ่งเท่านั้น รถเเล่นผ่านเลยไปนาทีเเล้วนาทีเล่า จวบจนใกล้ถึงโรงเรียน ภายในรถก็ยังเงียบ เขาก็เฝ้ารอคำตอบจากขวัญฤทัยอย่างใจเย็น
“ขวัญ...” น้ำเสียงของเด็กสาวสั่นเล็กน้อยอย่างไม่มั่นใจนัก “ขวัญชอบเเต่งหน้า ขวัญก็เคย...คิดอยากเรียนเสริมสวยเหมือนกัน และขวัญก็ชอบด้านเสื้อผ้าด้วย”
“สรุปว่าโดยรวมสนใจด้านความงาม”
“ทำนองนั้นเเหละค่ะ”
“ถ้าอยากไปเรียนเสริมสวยหรือพวกเเฟชั่นไว้ตอนที่เรียนจบมหาวิทยาลัยก่อนก็ได้” เขาเเนะนำ
“ทำไมต้องรอล่ะ ขวัญไม่อยากเรียนมหาวิทลัย มันน่าเบื่อ”
“ลองเปิดใจดู การเรียนไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อขนาดนั้น เพราะขวัญปิดกั้นมันมาตั้งเเต่ต้น ถ้าอยากไปเรียนโรงเรียนด้านความงาม เเฟชั่น เสื้อผ้าระดับโลกก็มีที่เรียนดีๆอย่างที่ฝรั่งเศส เเละหลายๆที่บนโลกใบนี้ ล้วนเเล้วเเต่ต้องใช้ความรู้พื้นฐานทางด้านภาษาทั้งนั้น ใบปริญญาก็จะช่วยเป็นใบเบิกทางให้ได้ ถ้าอยากมีโอกาสกว้างไกลก็ตัดสินใจใหม่ซะตั้งเเต่ตอนนี้ยังทัน”
นพกรร่ายยาวจนในที่สุดรถก็มาจอดที่หน้าโรงเรียนมัธยมของเอกชน เเต่หล่อนยังไม่ลงจากรถ ยังนั่งนิ่ง สักพักก็หันมามองหน้าเขา
“ถ้าขวัญเปิดใจเรียน ในอนาคต…ขวัญจะมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ขวัญรักจริงๆใช่มั้ยคะ”
“เเน่นอน มันต้องเป็นเเบบนั้นอยู่เเล้ว” นพกรยิ้มมุมปาก ลูบศรีษะของจอมดื้อรั้นเป็นเชิงให้กำลังใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าทำให้เจ้าหล่อนหวั่นไหวกับการกระทำของเขามากแค่ไหน…
“ขอบคุณค่ะที่อุตส่าห์มาถึงโรงงาน” ม่านพระจันทร์ยกมือกระพุ่มไหว้บุรุษหนุ่มอย่างนอบน้อม คนตรงหน้าเป็นถึงเจ้าของไร่ผลไม้ในเเถบภาคเหนือ เป็นคนที่บุคลิกดูน่าเกรงขาม เธอก็พอรู้จักอยู่บ้างในฐานะคู่ค้าของพ่อ
“เชิญด้านในเลยค่ะ พ่อกับเเม่ของดิฉันรออยู่”
บุรุษหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆเเทนคำพูดใดๆ ก้าวเดินด้วยท่วงท่าสง่างาม มีผู้ติดตามถึงสี่คน ดูๆไปเเล้วเหมือนกับเจ้าพ่อมาเฟีย ม่านพระจันทร์รู้เพียงว่าผู้ชายคนนี้ชื่อ ‘คุณเมฆ’ เเละจุดประสงค์ที่มาวันนี้คือการมาคุย เจรจาตกลงเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ
หญิงสาวในชุดเสื้อเเขนยาวกระโปรงกรอมเดินตรวจตราโรงงานอย่างที่ทำเป็นประจำในทุกๆเช้า ไปยังเเผนกต่างๆ
เธอชำนาญมากที่จะตรวจสอบทุกอย่างด้วยตัวเอง หลังจากที่เรียนจบบัญชีมา ม่านพระจันทร์ก็มุ่งเน้นที่จะช่วยงานที่บ้านเเทนการออกไปทำงานที่อื่น ทำให้ไม่ต้องดิ้นรนอะไร มีความสุขที่จะอยู่กับโรงงานที่เเสนอบอุ่นเหมือนบ้านหลังที่สอง
“เฮ้อ...” ถอนหายใจไประหว่างที่กำลังเดินอยู่ ก่อนหน้านี้หญิงสาวเคยมีความคิดอยากจะเเต่งงาน การมีครอบครัวคือความฝันสูงสุดเท่าที่ผู้หญิงหัวอ่อน ผู้ถูกล้อว่าเป็นกุลสตรีกลับชาติมาเกิดพึงต้องการ เเละผู้ชายที่มีใจให้มาโดยตลอดก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ความใกล้ชิดทำให้เธอหลงรักเขามาเเต่ไหนเเต่ไร เเน่ใจว่ายังไงต้องได้เเต่งงานกันเเน่ๆ ครอบครัวของเธอหัวโบราณเมื่อยังมีความคิดที่จะจับคู่ลูกชายลูกสาวของคนกันเอง ก็มีเพียงเธอเเละนพกรที่ดูจะเหมาะสมกันที่สุดเเล้ว อายุเท่ากัน ความคิดความอ่านไปกันได้ เเต่ใครจะรู้เมื่อเรื่องราวดันหักมุม เธอผิดหวังในความรักเพราะความไม่พร้อมทางบางอย่าง เเละใครที่อีกคน....ก็คือนพกรที่คงจะไม่ได้คิดรักเธอตั้งเเต่เเรก เขาก็คงเลือกที่จะเเต่งกับใครก็ได้ ได้ทั้งเธอเเละขวัญฤทัย เขาก็คงจะเเต่งได้หมด เพียงเเค่มีทายาทไว้สืบวงศ์ตระกูลยอเกียรติคุณเป็นพอ
“ผมจะให้ลูกน้องส่งผลไม้ล็อตใหญ่มาให้เดือนหน้าเเล้วกันนะครับ น่าจะทันฤดูการเก็บเกี่ยวพอดี”
“ได้ครับ ผมกับภรรยาคิดว่าผลไม้จากไร่ของคุณเมฆมีคุณภาพมากที่สุดเเล้วล่ะครับ เเบ่งมาส่งที่โรงงานผมได้เยอะๆยิ่งดี”
ณรงค์กับศิภายิ้มรับเเขกผู้มาเยือนในฐานะคู่ค้า พ่อเลี้ยงหนุ่มจากทางเหนือ ซึ่งทำการค้าขายกันมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีได้เเล้ว เนื่องจากไร่ของเมฆาใหญ่เเละอุดมสมบูรณ์ ผลไม้ที่ได้ล้วนมีคุณภาพ เขาจึงเเทบจะจองผลผลิตเกือบทั้งไร่เลยทีเดียว
“คุณณรงค์ครับ”
“ครับ?”
“ผู้หญิงที่ใส่กระโปรงยาวเมื่อกี้เป็นลูกสาวเหรอครับ”
เขาเเปลกใจเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายถามเรื่องนี้ ปกติเเล้วจะพูดคุยก็เเต่เรื่องงานเท่านั้น
“ครับ ลูกสาวคนโตน่ะครับ”
“ชื่ออะไรเหรอ?” พ่อเลี้ยงหนุ่มถามต่ออย่างใคร่รู้
“ม่านพระจันทร์ครับ ชื่อเล่นชื่อจันทร์”
“ม่านพระจันทร์...” เขาทวนชื่อของหญิงสาวเบาๆ หญิงสาวหน้าหวานถักผมเปียยาว กระโปรงกรอมเท้าจนดูเป็นเเม่ชีสุดๆ เเต่ทำไมท่วงท่า อิริยาบถของเจ้าหล่อนรวมถึงการพูดจาที่เเสนนุ่มนวลเมื่อครู่ยังคงตราตรึงในใจของเขาไม่เสื่อมคลาย
0 ความคิดเห็น