คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ทุกคนกลัวความตาย
ผมเชื่อว่าแบบนั้น...
ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือคนแก่
ทุกคนต่างก็กลัวความตายกันทั้งนั้น
แต่ใครเล่าเลยจะรู้
ว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะเล่นตลกกับผม
ท่านยื่นมีดให้และให้ผมเลือกว่าจะให้ใครตาย
ไม่สิ...
ไม่ใช่แค่ ‘ผม’
แต่เป็น ‘พวกเราทุกคน’ ต่างหาก....
Intro
........ Mary had a little lamb ~
It's fleece was white as snow~
Everywhere that Mary Went~
The little lamb was sure to go.......
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว
ลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว
ขนมันดูคล้ายสำลี
เสียงเพลงคุ้นหูดังขึ้นปลุกให้ผมตื่นขึ้น จังหวะเพลงที่บรรเลงโดยแกรนด์เปียโนช้าๆอย่างคนหัดเล่นดังแต๊งๆทุกทีเป็นจังหวะ ผมกวาดสายตามองไปรอบๆห้องที่ไม่คุ้นเคยเพื่อหาที่มาของเสียงแต่ก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดนอกเสียจากคนในวงบางคนที่กำลังสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาและยังหลับอยู่
“ที่นี่ที่ไหน....”สำเนียงจีนกลางแปร่งๆของน้องเล็กเอ็มดังขึ้นถามผม ผมส่ายหน้าอย่างจนปัญญาที่จะตอบ
........ Mary had a little lamb ~
It's fleece was white as snow~
Everywhere that Mary Went~
The little lamb was sure to go.......
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว
ลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว
ขนมันดูคล้ายสำลี
เพลง Mary had a little lamb วนดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผมรู้แล้วว่ามันดังออกมาจากลำโพงติดผนังอันใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง สภาพห้องสีขาวที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบชุดและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่ได้ช่วยทำให้ผมรู้สึกหายงงและสลัดความสงสัยออกไปได้เพราะนอกจากจะเป็นห้องที่ไม่รู้จักแล้ว เมมเบอร์ของผมแต่ละคนก็หลับเป็นตายเสมือนคนถูกวางยา
“เก้อเกอ..”จื่อเถาลุกขึ้นจะเดินมาหาผมแต่ก็ต้องเซล้มลงที่เก่า ใบหน้าของน้องชายบูดเบี้ยวและตลกเสียจนผมต้องหัวเราะออกมา
“เกิดอะไรขึ้น?”อาจเป็นเพราะผมมัวแต่หัวเราะและมองจื่อเถาอยู่จึงไม่รู้ว่านอกจากเราสองคนแล้วยังมีคนอื่นตื่นขึ้นมาอีก จงอินที่นอนพับอยู่ไกลจากเซฮุนไม่เท่าไหร่พยุงตัวขึ้นมองมาทางผมก่อนจะส่งคำถามที่ผมไม่สามารถตอบได้ออกมาอีกครั้ง และครั้งนี้ผมก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าตามเดิมเท่านั้น
“เราอาจจะถูกจับมา”เสียงที่สี่แทรก ผม จื่อเถา จงอินรีบมองหาต้นเสียงนั้นทันทีแต่ก็ไม่เจอว่าเป็นของใคร
“ฉันอยู่นี่..มาช่วยยกชานยอลออกจากตัวฉันที ฉันลุกไม่ได้..”มือเล็กๆโผล่พ้นขึ้นมาจากใต้ร่างใหญ่ๆของชานยอลที่นอนคว่ำหน้าอยู่ เกือบครึ่งตัวของน้องชายตัวสูงพาดทับลำตัวของพี่ใหญ่หน้าเด็กเอาไว้ มินซอกเบ้หน้าทันทีที่จื่อเถากับผมดันตัวชานยอลออกจากตัวเองได้ ร่างเคยอวบนั้นดันตัวเองขึ้นก่อนจะใช้หางตามองมายังผมและเอ่ยขอบคุณเบาๆ
“ถ้านี่ไม่ใช่รายการบ้าบอเล่นตลกก็คงมีใครซักคนลักพาตัวพวกเรามา”พี่ใหญ่เน้นย้ำคำเดิมอีกครั้ง ผมขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยจะเห็นด้วยสักเท่าไหร่ ซาลาเปาที่กลายเป็นเกี๊ยวน้ำลูกนี้ชักจะมองโลกในแง่ร้ายไปทุกวันและมันจะพาลทำให้น้องๆกลัวไปด้วยซึ่งคนแรกที่พร้อมจะเชื่อและหวาดกลัวไปกับคำพูดนั้นคงหนีไม่พ้นจื่อเถาแน่ๆ
“คงไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอกมั้ง..”ผมแย้ง มินซอกเชิดหน้าขึ้นมองผม ริมฝีปากเล็กนั้นยิ้มเหยียดอย่างที่ชอบทำก่อนจะใช้นิ้วชี้ลากกวาดให้ผมมองตามไปยังพวกที่เหลือที่นอนนิ่งไม่ไหวติงกันอยู่
“แล้วนายจะอธิบายว่ายังไง? เพลียเกินไปเลยไม่ตื่นงั้นเหรอ?”ผมจนในคำพูดที่จะเถียงกลับ เป็นแบบนี้ประจำเมื่อผมเริ่มที่จะมีความเห็นขัดแย้งไปคนละทาง แต่มันก็ใช่อย่างที่มินซอกว่า การที่จะนอนหลับนิ่งได้ขนาดนี้คงไม่ใช่การนอนหลับธรรมดาทั่วไป แถมพอเวลาตื่นขึ้นมากลับรู้สึกเหนื่อยและมึนเบลอมากกว่าปกติอีกต่างหาก
........ Mary had a little lamb ~
It's fleece was white as snow~
Everywhere that Mary Went~
The little lamb was sure to go.......
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว
ลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว
ขนมันดูคล้ายสำลี
“ใครก็ได้ปิดเพลงกวนประสาทนี่ทีก่อนที่ผมจะเป็นบ้าตาย!”จงอินลุกขึ้นอย่างหัวเสียก่อนจะเดินข้ามเซฮุนมาหาผมกับมินซอก เพลง Mary had a little lamb ถูกวนมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้และบางทีมันอาจจะเปิดมาก่อนที่ผมจะตื่นเสียด้วยซ้ำ
“อือ.....โอ๊ย!”ทั้งหมดหันไปตามเสียงร้อง ผมเห็นอี้ชิงกำลังเอามือลูบหัวตัวเองอยู่ทั้งๆที่นอนแผ่กับพื้น เขาได้ที่นอนไม่ดีเสียเลยเพราะมันอยู่ใกล้กับโต๊ะ เสียงโอดโอยนั่นอาจมาจากอุบัติเหตุไม่คาดคิดก็เป็นได้
“เจ็บมากมั๊ย?”คริสเป็นอีกคนที่ตื่นขึ้น สองคนนี้นอนอยู่ใกล้ๆกันหรือบางทีเจ้านั่นอาจจะตื่นมาพร้อมกับอี้ชิงและทันเห็นฉากที่อีกฝ่ายเอาหัวกระแทกโต๊ะก็ได้ ผมลอบมองรอยยิ้มล้อเลียนนั่นพลางขบขันอยู่ในใจ ดูอย่างไรก็เชื่อได้ว่าคริสคงทันได้เห็นฉากอะไรดีๆบางอย่างอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
“พวกที่เหลือคงจะตื่นในไม่ช้านี้แหละ ฉันว่าเราลองเดินสำรวจห้องนี่ดูก่อนดีกว่ามั๊ย?”ผมเสนอความคิด จงอินไม่ตอบแต่ร่างสูงกว่าผมเลือกที่จะเดินไปยังลำโพงและกระชากปลั๊กของมันออก เสียงเพลงที่ดังคลออยู่ตลอดดับลงพร้อมกับความเงียบที่เข้ามาปกคลุมพวกเราทุกคน มันเงียบเสียจนถ้าใครเผลอผายลมออกมาคงได้ยินกันถ้วนหน้าแน่ๆ
“เชื่อสิว่าประตูนี้เปิดไม่ออก”มินซอกที่เดินไปที่ประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้พูดก่อนจะหมุนลูกบิด ผมยืนจ้องอยู่นิ่งๆทั้งๆที่ในใจก็แอบลุ้นและแอบกลัวไปพร้อมกัน หากมันเปิดไม่ออกจริงนี่ไม่เท่ากับว่าทุกสิ่งที่มินซอกพูดนั้นเป็นความจริงหรอกหรือ? พวกเราทุกคนถูกจับมา? เรื่องมันชักจะตลกไม่ออกไปเสียทุกที
..แกรก..
เสียงบิดลูกบิดประตูดังขึ้นพร้อมกับคำภาวนาของผมที่ขอให้มันเปิดออก และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆเมื่อประตูบานนั้นเปิดออกได้ ผมกระตุกยิ้มอย่างดีใจโดยมีใบหน้าไม่รับแขกของมินซอกมองค้อนมา
“ยอมรับเถอะว่านายเดาผิดแล้ว”ผมเดินเข้าไปกอดคอคนตัวเล็กกว่าและพาเดินออกจากห้อง ที่นี่อยู่ชั้นสองเพราะผมมองเห็นบันไดอยู่ริมขวามือ ตรงทางเดินลงบันไดมีรูปภาพแขวนอยู่ แต่เพราะมันมืดเลยทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเป็นรูปอะไร ผมคว้าโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังขึ้นมา กดปลดล็อคหน้าจอเพื่อขอแสงสว่าง แต่ทว่าเมื่อผมมองดูที่สัญญาณกลับไม่มีแม้แต่ขีดเดียว
“บ้าน่า”ผมมองเส้นสัญญาณที่หายไปหมดก่อนจะขยี้หัวอย่างหงุดหงิด ในประเทศที่ระบบเครือข่ายคมนาคมดีเป็นเลิศมีพื้นที่อับสัญญาณได้อย่างไร แต่ถ้าคิดในแง่ดี มันอาจจะเป็นเฉพาะเครื่องผมคนเดียวก็ได้ อีกซักพักถ้าทุกคนตื่นกันหมดคงต้องขอให้เช็คดูอีกทีแล้วล่ะ
“จะลงไปมั๊ย?”ผมหันไปถามเพื่อนรักที่ยังชักสีหน้าใส่ผมอยู่ มินซอกปัดมือผมออกก่อนจะคว้ามือถือไปและเดินนำลงไปเป็นคนแรก ผมหันกลับไปมองด้านหลังพบจงอินกับจื่อเถาที่หน้าประตู คิ้วของผมเลิกขึ้นเป็นเชิงถามว่าจะมาด้วยกันหรือไม่? จงอินพยักหน้าในขณะที่จื่อเถาบอกว่าจะช่วยอี้ชิงกับคริสปลุกคนอื่นๆในห้อง
แกรก แกรก แกรก แกรก
ผมได้ยินเสียงแปลกๆมาจากด้านล่าง จงอินกับผมจึงตัดสินใจรีบตามลงไปสมทบกับมินซอก ระหว่างทางเดินผมก็ลอบสังเกตรอบๆตัวไปด้วยผ่านความมืดสลัว ที่นี่มันเหมือนกับเป็นบ้านพักอาศัยของใครสักคน แต่มันเป็นของใครกันล่ะ? นั่นแหละคือสิ่งที่ผมอยากรู้ และที่อยากรู้มากที่สุดคือ....ใครเป็นคนพาพวกเรามาที่นี่กัน....
แกรก แกรก แกรก
เสียงแปลกๆยังดังต่อเนื่อง ผมเห็นแผ่นหลังของมินซอกยืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับท่าทางที่เหมือนกับกำลังจะเปิดประตูอยู่ ใจของผมเต้นระรัวเพราะท่าทางแบบนั้นมันคล้ายกับคนที่เปิดประตูไม่ได้ นี่เพื่อนรักของผมคงไม่ลงทุนเล่นละครหลอกผมโดยเฉพาะหรอกนะ มันจะลงทุนเกินไปหรือเปล่า?
“อย่าแกล้งกันน่าเปาจื่อ”ผมเดินไปซ้อนหลังร่างเคยอวบที่ตอนนี้บอบบางเกือบจะมากกว่าผมเสียอีก มินซอกหันมามองค้อนเพราะชื่อเล่นที่ผมตั้งให้ก่อนจะเปิดทาง
“ลองดูเองสิ”ใบหน้าน่ารักนั้นเอ่ยท้า ผมไม่ลังเลที่จะเดินไปเปิดประตูบานนั้น แต่ทว่า.........
“เดี๋ยวก่อนฮยอง..ผมเปิดเอง..”จงอินเดินมาขวางหน้าผมพร้อมกับอาสาที่จะเปิด อาจเป็นไปได้ว่าน้องเกือบรองของเราคนนี้กลัวว่าผมกับมินซอกจะเล่นอะไรกันแผลงๆเลยเลือกที่จะไปเปิดเองให้แน่ใจซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดอะไร
แกรก แกรก แกรก แกรก ตึงๆๆๆๆๆ
จงอินกระหน่ำบิดลูกบิดและดึงประตูอย่างแรงจนผมต้องดึงมือนั้นให้หยุดเพราะกลัวว่าลูกบิดจะพังไปเสียก่อน คราวนี้ผมแน่ใจแล้วว่าประตูบานนี้มันเปิดไม่ออกจริงๆอย่างไม่มีใครแกล้ง
“เป็นไงล่ะ..ทีนี้เชื่อฉันได้รึยังว่าฉันพูดถูกน่ะเสี่ยวลู่~”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
จบไปแล้วกับอินโทร(ปาดเหงื่อ)
ยืมไอดีเพื่อนในเด็กดีมาลงฟิคเพราะขี้เกียจสมัคร ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่รู้ว่าจะสนุกมั๊ยเพราะเป็นฟิคเรื่องแรกที่แต่งแนวแบบนี้
ถ้าจะติชมอะไรก็ติดแท็ค #ดิวัน ได้นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่าาาาาาาาา
ป.ล. ไม่รู้จะเวิ่นอะไรต่อแล้วววว
ความคิดเห็น