คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 9 ปะทะ
บทที่ 9 ปะทะ
น่านฟ้าเหนือประตูเมืองทิศเหนือ
เพลิงไฟเผาไหม้ยังคงลุกลามไปทั่วทุกบริเวณ
บริเวณรอบกำแพงเมืองเต็มไปด้วยเพลิงไฟที่มาจากสัตว์อสูร
มันสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับบริเวณริมกำแพง
จินหลงยังคงมองเห็นอีกว่าสัตว์อสูรเริ่มเข้าใกล้กำแพงเมือง
มีบางส่วนที่หลุดเข้ามาสร้างความเสียหายบริเวณในเมือง แต่ยังมีผู้ฝึกวรยุทธ์ทำการยับยั้งได้ทัน
แต่นั่นก็สร้างความเสียหายอย่างมาก
ทั่วทุกบริเวณมีเสียงการปะทะกันนำโดยผู้ฝึกวรยุทธ์ที่มาจากตระกูลซุนและตระกูลผู้ฝึกยุทธ์จากตระกูลหลินที่เป็นผู้นำหลักทางประตูทิศเหนือ
นอกจากตระกูลหลักทั้งสองยังมีตระกูลเล็กๆที่ร่วมสู้ด้วยแม้จะไม่เก่งกาจเทียบเท่าสองตระกูล
แต่ทุกตระกูลยังคงร่วมต่อสู้กับอสูรโดยไม่ถอยหนี หลายคนเต็มไปด้วยบาดแผลจากสัตว์อสูร
รวมทั้งแผลพุพองจากการโดนเพลิงจากพวกมัน แต่ทุกคนก็ยังคงต่อสู้โดยไม่ถอยหนี
จินหลงร่อนตัวลงบนกำแพงเมือง และกวาดสายตาเพื่อมองหาปู่ของเขา
“ท่านพี่ ข้าจะไปตามหาท่านปู่ก่อน”
“ระวังตัวด้วย ข้ากับหลินไห่จะไปรายงานท่านปู่ก่อนแล้วข้าจะตามเจ้าไป”
เสี่ยวซากับหลินไห่ รีบวิ่งไปอีกทางเพื่อไปหาผู้อาวุโส 1 หรือ ซุนหย่งฉือผู้เป็นปู่ของเขา ที่เปรียบเสมือนผู้นำที่ทำหน้าที่ดูแลและสั่งการต่างๆบนกำแพงเมือง
จินหลงเดินเหินไปบนอากาศ พลางกวาดสายตาหาปู่ของเขา ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนของปู่ของเขา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อสูรอสรพิษม่านเปลวเพลิง ทำร้ายปู่ของเขาจนล้มลงไป
“ท่านปู่!!!”
จินหลงเห็นผู้นำตระกูลหลินรีบเข้าไปช่วยเหลือทันทีที่ท่านปู่ของเขาล้มลง จินหลงเองก็รีบพุ่งทะยานไปบริเวณที่ผู้นำหลินและท่านปู่ของเขาอยู่ทันที
หลังจากซุนลู่หยุนผู้นำตระกูลล้มลง ทั่วทุกพื้นที่บริเวณโดยรอบเกิดการโกลาหลขึ้นทันที ผู้ฝึกยุทธ์จากทั้งตระกูลหลินและตระกูลซุนต่างพุ่งทะยานเข้าหาสองผู้นำเพื่อป้องกันจากสัตว์อสูรทันที
“ท่านผู้นำ ! ท่านผู้นำเป็นอย่างไรบ้าง!”
“ข้า ข้าไม่เป็นไร ข้า…”
ซุนลู่หยุนกระอักเลือดทันทีที่เขาพยายามจะพูดต่อ ใบหน้าเริ่มของเขาเริ่มฉีดจนกลายเป็นสีขาว เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของสัตว์อสูรตนนั้นอย่างหนักหน่วง
“รีบนำผู้นำซุนไปรักษาเร็วเข้า ! ข้าจะกันพวกสัตว์อสูรนี้ไว้เอง
พวกเจ้ารีบไป” ผู้นำหลินรีบบอกคนของตระกูลซุนที่มาถึงทันที
“อึ้กก ไม่ได้นะพี่ห้าวไห่ มันเป็นสัตว์อสูรระดับลิขิตสวรรค์
หากข้าไม่อยู่ช่วยท่านคงไม่มีผู้ใดที่จะหยุดยั้งมันได้”
“แต่ว่าน้องลู่หยุนเจ้าบาดเจ็บ”
หลินห้าวไห่หรือผู้นำหลินค่อนข้างเป็นกังวลกับซุนลู่หยุนที่ได้รับบาดเจ็บ
แต่มันเป็นความจริงตามที่ซุนลู่หยุนบอก ซุนลู่หยุนยันตัวขึ้นมา
โดยมีคนอื่นๆในตระกูลพยุง ทั้งยังกำกระบี่กระจ่างฟ้าเหมันต์ไว้แน่น
“พวกเจ้าหลบไปก่อน พวกเจ้าไปมีทางรับมือกับมันได้หรอก จงไปจัดการกับอสูรตนอื่นซะ อย่ามามัวเสียเวลาที่นี่ !”
คนจากตระกูลซุนมีใบหน้าที่สับสน เขาไม่รู้ว่าควรทำเช่นใด เช่นเดียวกับหลินห้าวไห่และคนอื่นๆ เขารู้ดีแก่ใจว่าถ้าให้คนในตระกูลสู้กับมันมีแต่จะต้องตายเท่านั้น ความเป็นไปได้เดียวคือ พลังของผู้นำทั้งสอง ชั้นลิขิตสวรรค์ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะสามารถต่อกรกับมัน แต่พวกเขาล้วนเป็นห่วงอาการของซุนลู่หยุ่นเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่บาดแผล แต่พวกสัตว์อสูรพวกนี้ยังมีพิษอีกด้วย ยิ่งมันเป็นถึงระดับลิขิตสวรรค์หากปล่อยไว้นาน แม้จะเป็นซุนลู่หยุ่นที่อยู่แค่ชั้นชะตาสวรรค์ก็อาจจะไม่รอดเช่นกัน
ระหว่างที่ทุกคนกำลังสับสนว่าควรทำเช่นใด
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งร่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขาพอดี
และมันกลับทำให้ทุกคนยิ่งแปลกใจ เพราะคนที่มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาคือ ซุนจินหลง
“ท่านปู่!”
“จินหลงนี่นา!”
“เขาหายไปไหนมานะ”
“เขายังไม่ตาย”
“จินหลงทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้!”
แม้ว่าคนอื่นๆในตระกูลจะยังคงต่อสู้กับพวกอสูรอยู่แต่พวกเขาก็สังเกตว่าเป็นจินหลงที่พุ่งเข้ามา เกิดเสียงเซ็งแซ่ของคนในตระกูลซุน พวกเขาทราบมาว่าจินหลงหายตัวไป ซึ่งหายตัวไปเป็นเวลานานมาก ทุกคนในตระกูลต่างคิดว่าเขาอาจจะตกตายไปแล้ว
แม้ใบหน้าของซุนลู่หยุนจะยังคงซีดเซียวไร้สี แต่ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความตกใจระคนดีใจ เพราะเขาไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นหลานของเขามายืนต่อหน้าในเวลาหน้าซิ่วหน้าขวานแบบนี้
“จินหลง เจ้ากลับมาแล้วหรือ เจ้าหายไปไหนมา เจ้าปลอดภัยดีใช่ไหม จริงสิ ที่นี่อันตรายเจ้ารีบตามคนอื่นๆในตระกูลไปที่ปลอดภัยก่อนนะหลานรัก เดี๋ยวปู่จะจัดการทางนี้เอง”
น้ำเสียงของลู่หยุนแม้ว่ามันจะแฝงด้วยความอ่อนล้า แต่กลับมีประกายความห่วงใย ดีใจเป็นอย่างมาก เขาตรงเขาไปหาจินหลงทันที แต่นั่นก็ไม่อาจทำได้ง่าย เป็นจินหลงแทนที่รีบตรงเข้ามาพยุงปู่ของเขาไว้แทน
“หลานกลับมาแล้ว หลานปลอดภัยดี แต่ว่าท่านปู่ ท่านบาดเจ็บ”
“ปู่ไม่เป็นไร บาดแผลเล็กน้อย”
“จินหลงรีบพาปู่เจ้าออกไปเถอะ ทางนี้ข้าจะจัดการเอง ปู่ของเจ้าไม่ไหวแล้ว รีบไปก่อนที่ข้าจะต้านมันไว้ไม่อยู่ เร็วเข้า!”
เสียงผู้นำหลินที่ปลีกตัวออกไปรับมือกับอสูรอสรพิษม่านเปลวเพลิง ชั้นลิขิตสวรรค์ดังขึ้นมา บัดนี้แม้คนในตระกูลจะร่วมด้วยช่วยดันต้านอสูรตนนั้นไว้ แต่มันแข็งแกร่งเกินไป ทำให้คนในตระกูลอื่นๆได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก มีเพียงหลินห้าวไห่ผู้นำของตระกูลหลินคนเดียวที่ยังคงต้านมันอยู่ แต่บัดนี้ผู้นำหลินก็ดูท่าทางไม่ไหวแล้วเช่นกัน ชั้นชะตาสวรรค์หรือจะสู้ชั้นลิขิตสวรรค์ได้ มันต่างกันเกินไป!
“รีบไปเถอะจินหลง ไม่มีเวลาแล้ว พาท่านผู้นำไปรักษาก่อน ข้าจะพาคนตระกูลซุนไปช่วยผู้นำหลินเอง”
“ไม่! ข้าจะอยู่ที่นี่ร่วมกับพวกเจ้า แม้ข้าจะต้องตายข้าก็จะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าสู้เพียงลำพัง ข้ายังไหว”
จินหลงมีแววตาสับสนเขาเองรู้ดีที่ผู้อาวุโสและผู้นำหลินบอกให้เขารีบพาปู่ของเขาไปรักษาเพราะพิษที่เข้าไปในร่างท่านปู่ค่อนข้างร้ายแรง หากปล่อยไว้ปู่ของเขาอาจจะตาย แต่เขารู้ดีด้วยนิสัยของปู่เขา จะไม่ยอมไปแน่ๆ แม้ตัวท่านปู่จะต้องตายเขาจะไม่หนีไปลำพังโดยทิ้งให้คนในตระกูลสู้เป็นแน่
ระหว่างที่จินหลงสับสน ปู่ของเขาก็พุ่งตรงไปสู้กับอสูรอสรพิษม่านเปลวเพลิงชั้นลิขิตสวรรค์ร่วมกับผู้นำหลินทันที ท่ามกลางความตกใจของทั้งคนในตระกูลซุนและคนตระกูลหลิน พวกเขาได้แต่ถอนหายใจในความดื้อรั้นของซุนลู่หยุน แต่ทุกคนก็เร่งตามเข้าไปช่วยเหลือซุนลู่หยุนสู้กับสัตว์อสูรทันที
“พวกเจ้าทุกคนจงฟัง พวกเจ้าจงแบ่งกำลังไปสู้กับอสูรตนอื่นซะ ชั้นลิขิตสวรรค์มีแต่จะทำให้พวกเจ้าตายอย่างไร้ค่า อย่างน้อยหากพวกเจ้าฆ่าตนอื่นได้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองไม่น้อย ไม่ต้องห่วงข้า!”
เสียงปู่ของเขาดังขึ้นมาทันทีที่ทุกคนจะมุ่งเข้าไปสู่กับอสูรอสรพิษม่านเปลวเพลิงชั้นลิขิตสวรรค์ที่มีสองผู้นำกำลังจัดการกับมันอยู่ ทำให้ทุกคนกระจายตัวไปสู้กับตนที่อยู่รอบข้างแทน แม้ว่าไม่อาจช่วยสองผู้นำได้ แต่พวกเขาคิดว่านี่จะทำให้สองผู้นำปลอดภัยจากอสูรตนอื่นที่อาจจะลอบทำร้ายได้
จินหลงพุ่งไปทิศทางที่ปู่ของเขาอยู่
เขาไม่อาจปล่อยให้ปู่ของเขาสู้ทั้งๆที่ยังบาดเจ็บแบบนี้ได้
ด้วยความได้เปรียบทางด้านพลังชั้นลิขิตสวรรค์ของสัตว์อสูรทำให้
ทั้งซุนลู่หยุนและผู้นำหลินกระเด็นออกมาจากปราณของมันทันที
ตอนนี้อสูรอสรพิษม่านเปลวเพลิงกำลังโกรธจัด มันเริ่มทำการอาละวาดทันที เปลวเพลิงของมันที่มีพลังสูงสุดของมันได้ถูกปลดปล่อยออกมา เมื่อเห็นดังนั้นทั้งผู้นำหยุนและซุนลู่หยุนรีบกระโจนไปด้านหน้าทันที พร้อมกับยื่นมือไปข้างหน้าปล่อยพลังออกมาจากฝ่ามือ เกิดเกราะป้องกันสีใสที่เกิดจากธาตุแสงด้านในและเกราะน้ำแข็งขึ้นอีกหนึ่งชั้น ป้องกันเปลวเพลิงจากอสูร ทำให้หลายคนรอดจากการถูกเพลิงของมัน
แม้ว่าสองทั้งจะร่วมมือกัน
แต่ทั้งคู่ยังคงอยู่แค่ชั้นชะตาสวรรค์ทั้งยังบาดเจ็บทำให้ทั้งคู่ไม่อาจจะรองรับพลังของสัตว์อสูรได้
ผู้นำทั้งสองได้เริ่มก้าวถอยหลังทีละก้าว และเริ่มกระอักเลือด จากการบอบช้ำจากพลังวิญญาณภายในที่ทำการปะทะกัน
ซุนลู่หยุนและผู้นำหลินหันมาสบตากันก่อนจะพยักหน้าให้กัน พวกเขาล้วนรู้ดีว่าไม่อาจต้านไว้ได้แล้ว ซุนลู่หยุนหันไปข้างหลังสบตากับทุกคนที่อยู่หลังเกราะป้องกัน
“จินหลง เจ้าจงพาทุกคนถอยขึ้นไปบนกำแพงเมือง”
“ทำตามที่ผู้นำซุนบอกซะ
เร็วเข้า ไปซะ !”
หลินห้าวไห่รีบกล่าวหลังจากที่ปู่ของเขาพูดจบ ทั้งคู่เร่งโคจรพลังอย่างรุนแรง เพื่อเค้นพลังวิญญาณต้านเปลวเพลิงของอสูร บัดนี้ทั้งพลังเปลวเพลิงของอสูรอสรพิษม่านเปลวเพลิงและเกราะกำแพงของสองผู้นำกำลังเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง
“หากพวกเจ้าอยู่จะยิ่งกลายเป็นภาระของพวกข้า รีบไปซะ !”
หลังจากจบคำ ผู้อาวุโสของทั้งสองตระกูลรีบนำคนออกไปจากบริเวณนั้นทันที และถอยกลับขึ้นไปบนกำแพงเมือง หากแต่จินหลงยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขารีบสร้างกำแพงภูผาขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งต่อจากเกราะป้องกันใสๆของผู้นำหลินทันที
“นี่เจ้า! ทำไมเจ้ายังอยู่”
สองผู้นำรีบหันไปมองทันทีที่เกิดเกราะแห่งภูผาขึ้น
แววตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความกังวล เนื่องจากจินหลงไม่ยอมไปกับพวกคนอื่นๆ ทางด้านหลินห้าวไห่เขารู้ดีว่าจินหลงนั้นเป็นหลานที่ซุนลู่หยุนรักมาก
และเขาก็เห็นจินหลงมาแต่เด็กๆแน่นอนเขานั้นรักและเอ็นดูจินหลงไม่ต่างกับหลานตัวเองเช่นกัน
“หากพวกท่านปู่ยังอยู่ ข้าก็จะอยู่กับพวกท่าน”
แววตาดื้อรั้นของจินหลงเปล่งประกายออกมา
นั่นทำให้ทั้งสองผู้นำถอนหายใจออกมาทันที เห็นได้ชัดเลยว่านิสัยดื้อรั้นนี่ช่างเหมือนกันจริงๆ
ความรุนแรงของการปะทะกันระหว่างคลื่นพลังชั้นกำเนิดลมปราณ มีหรือจะทนคลื่นพลังที่มาจากชั้นลิขิตสวรรค์ได้ จินหลงนั้นแม้ว่าจะมีพลังทั้งสองผู้นำต้านพลังอยู่ แต่ตอนนี้จินหลงเองเริ่มได้รับผลกระทบจากคลื่นพลังของสัตว์อสูร เขารู้สึกเหมือนร่างกายจะระเบิด ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เนื่องจากฝืนปะทะพลังวิญญาณที่ต่างชั้นกันเกินไป
ไม่นานหลังจากนั้นเขาเริ่มค่อยๆอ่อนแรง มีเลือดไหลออกมาที่มุมปาก สองขาของเขาเริ่มไร้เรี่ยวแรง เกราะภูผาเริ่มเกิดรอยร้าวและค่อยๆแตกออก จินหลงค่อยๆล้มลง หากแต่พลังของทั้งสองผู้นำยังคงต้านไว้ได้อยู่ แต่ก็เริ่มเกิดรอยร้าวเช่นกันหลังจากที่เกราะภูผาหายไปทั้งสองผู้นำเริ่มได้รับพลังที่รุนแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“จินหลงจินหลง!”
เมื่อเห็นจินหลงล้มลงไปเขาไปอาจทำอะไรได้นอกจากส่งเสียงเรียก
เขารู้สึกเศร้าใจยิ่งนักที่ไม่อาจทำอะไรได้ หากเขาละมือจากการกางเกราะป้องกัน
เปลวเพลิงของสัตว์อสูรจะต้องพุ่งใส่พวกเขาทั้งหมดอย่างแน่นอน
มองไปยังด้านผู้นำหลินเขาเองก็เริ่มจะไม่ไหวแล้วเช่นกัน
สองขาของผู้นำหลินค่อยๆร่วงลงไปปะทะกับพื้น เกราะป้องกันสีใสเริ่มหายไป แววตาของซุนลู่หยุนเบิกกว้าง ไม่มีทางเลือกแล้ว สติของทั้งจินหลงและผู้นำหลินหายไป ทั้งคู่หมดสติแล้ว
ซุนลู่หยุนรวบรวมพลังขั้นสุดท้าย ใบหน้าที่ไร้สีอยู่แล้วกลับไร้สียิ่งกว่าเดิมจนหน้าหวาดหวั่น ซุนลู่หยุนยื่นมือไปคว้าตัวจินหลงและผู้นำหลินขึ้นมาใกล้ตัวก่อนจะหยิบกระบี่กระจ่างฟ้าเหมันต์ วาดเป็นรูปสีเหลี่ยมกางอากาศก่อนจะปักกระบี่ลงพื้น เกิดเป็นเกราะน้ำแข็งขึ้นมาให้พื้นที่ที่ทั้งสองอยู่ เกราะนั้นดูหนาแน่นเมื่อเทียบกับ เกราะน้ำแข็งที่เป็นกำแพงต้านพลังเพลิงของอสูรก่อนหน้าอย่างมาก เนื่องจากเป็นการบีบอัดเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆโดยใช้แค่พื้นที่ปกคลุมทั้งสองไว้แทน
เมื่อซุนลู่หยุนใช้พลังทั้งหมดกับการสร้างเกราะน้ำแข็งปกคลุมทั้งสองไว้ในพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ
เกราะกำแพงตรงหน้าที่ใช้ต้านพลังเพลิงของสัตว์อสูรค่อยๆแตกร้าวทันที
ซุนลู่หยุนไม่แม้แต่จะเหลียวมองไปยังกำแพงที่กำลังแตกร้าว
แต่สายตาของเขากลับมองไปที่คนทั้งสองคนที่อยู่ในเกราะน้ำแข็งที่มีกระบี่ของเขาปักอยู่แทน
รอยยิ้มของชายชราตรงหน้าบ่งบอกถึงการทำสิ่งสุดท้ายที่สำคัญสำเร็จแล้ว เขามองไปยังเกราะน้ำแข็งที่เขาสร้างขึ้นจากพลังเฮือกสุดท้าย พลังสุดท้ายที่ปกป้องคนสำคัญทั้งสอง คนหนึ่งเป็นดั่งเพื่อนรัก อีกคนเป็นหลานรัก ราวกับปล่อยวางชีวิตของตนเอง ชายชรายังคงหันหน้าเข้าหาพวกเขาทั้งสองและหันหลังให้กับเปลวเพลิงที่พุ่งทะลุผ่านเกราะน้ำแข็งที่พังทะลาย บัดนี้เขาทำได้เพียงหลับตาลงช้าๆรอความตายที่กำลังเข้ามาเยือน
ตึง!
หลังจากหลับตาไปชั่วขณะหนึ่ง
เขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะไอร้อนและกลิ่นไหม้กลิ่นควัน รวมถึงเสียงต่างๆทั้งหมดหายไป
หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ซุนลู่หยุนลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
ภาพตรงหน้ากับมีเพียงเกราะน้ำแข็งที่เขาสร้างไว้กับกระบี่ที่เขาปักไว้ที่พื้น
หากแต่พื้นที่รอบกายมืดสนิท เขาไม่สามารถเห็นอะไรรอบข้างได้เลย
นี่มันเกิดอะไรขึ้น !
ซุนลู่หยุนลุกขึ้นยืน เมื่อเขามองไปยังเกราะน้ำแข็ง ยังคงเห็นทั้งสองนอนหมดสติอยู่ในนั้น เขาเดินไปด้านข้างเพื่อสำรวจสองมือคว้าไปด้านหน้า มือเขาสัมผัสได้ถึงกำแพงลึกลึบ ซุนลู่หยุนขมวดคิ้วแน่น
“นี่มัน กำแพงนี่นา กำแพงภูผา หรือว่าจะเป็นเกราะภูผา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ทุกอย่างยังคงเงียบสงบเขาไม่เข้าใจจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่นี่คือที่เดิมที่เขาอยู่แน่ๆ เพราะพื้นดินยังคงมีร่องรอยแอ่งเลือด
เขามั่นใจว่าที่นี่คือที่เดิม หากแต่เกราะภูผานี่มาได้อย่างไร ใครสร้างขึ้น
ทำไมถึงโผล่ขึ้นมาได้ แล้วมันมีพลังมากแค่ไหนกัน
เขาไม่อาจสัมผัสพลังอะไรเลยจากด้านนอก เกิดอะไรขึ้นข้างนอกกัน
เกราะกำแพงนี่สามารถป้องกันพลังจากเพลิงของอสูรอสรพิษม่านเปลวเพลิงชั้นลิขิตสวรรค์ได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ซุนลู่หยุนเอาหูแนบเข้ากับเกราะกำแพงภูผา
เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แปลว่ามันค่อนข้างหนาแน่น อีกทั้งยังมีพลังวิญญาณปกคลุมอย่างหนาแน่นซะจนพลังอื่นๆรวมทั้งเสียงต่างๆไม่อาจหลุดลอดเข้ามาในนี้ได้เลย
เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว
ซุนลู่หยุนจึงเดินกลับมาหยุดอยู่ตรงเกราะน้ำแข็งที่เขาสร้างปกคลุมจินหลงและผู้นำหลิน
เขาแตะมือไปยังเกราะน้ำแข็ง เกราะน้ำแข็งค่อยร้าวและระเหยไปในที่สุด
ซุนลู่หยุนตอนนี้เขาไม่เหลือพลังวิญญาณแล้วทั้งสิ้น ทำได้แต่จับชีพจรดู และพบว่าทั้งสองยังคงปลอดภัยอยู่ รอยยิ้มอันอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันซีดเซียว
“ข้าเองไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เท่านี้พวกเราคงปลอดภัยซักระยะหนึ่งล่ะนะ ถึงเวลาที่ข้าคงต้องพักด้วยซักที”
เมื่อพูดจบซุนลู่หยุนค่อยๆเอนตัวนอนลงข้างๆทั้งสอง ก่อนจะหมดสติไปในที่สุด
ความคิดเห็น