คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 เทพมังกรภูผา
จินหลงค่อยลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง รอบๆตัวของเขานั้นมืดสนิท เขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่รอบๆตัวได้เลย เขาลุกขึ้นยืนด้วยความแปลกใจ
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เหตุใดข้าถึงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย
เมื่อครู่ข้ารู้สึกเจ็บปวดราวกับร่างจะแหลกสลาย แต่เหตุใดกันข้าถึงไม่รู้สึกเจ็บปวด
ซ้ำทั้งยังรู้สึกสดชื่นกระปี้กระเปร่าเสียด้วยซ้ำ ไม่มีซึ่งความเหนื่อยล้า
นี่มันแปลกมาก ถึงแม้ว่ารอบตัวของเขาจะมืดสนิท
แต่เขาพยายามใช้มือคลำไปทั่วตัว
ไม่จริงน่า! ไม่มีบาดแผล! ไม่มีแม้แต่เลือด ! หรือว่านี่ข้าจะตายไปแล้วกัน
จินหลงพยายามเดินไปรอบๆสองมือก็ไขว่คว้า หาสิ่งที่อยู่รอบๆ แต่รอบตัวของจินหลงนั้นล้วนว่างปล่าว ไม่มีสิ่งอื่นใดเลย นอกจากเขา ที่นี่มันที่ไหน เกิดอะไรขึ้น เขารู้สึกสับสนวุ่นวายใจ
“มีใครอยู่ไหม!”
“ได้ยินเสียงข้าไหม ข้าติดอยู่ในนี้!”
จินหลงเดินไปรอบๆในความมืด พร้อมกับส่งเสียงหวังจะได้ยินเสียงตอบกลับมา แต่เสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงฝีเท้าของเขาเพียงเท่านั้น
พรึ่บ!
เกิดแสงสว่างขึ้น
มันเป็นแสงจากแท่นหินที่มีคบเพลิงวางอยู่
แท่นหินแบ่งเป็นสองข้างยาวเป็นทางเดิน และที่สุดทางเดินมีบัลลังก์หินมีหัวมังกรประดับอยู่ที่สองข้างของพนักเก้าอี้
นี่มันถ้ำนี่นา แต่ทำไมมันถึงไม่มีทางออก ข้าว่าข้าตกลงมาจากด้านบน จินหลงมองไปรอบๆเขาเห็นแต่ผนังถ้ำรอบทั้งสี่ทิศ ไม่มีทางเข้าหรือทางออก ในที่นี้มีแต่แท่นคบไฟที่ยาวเป็นทางไปจนถึงบัลลังก์มังกร
“หึหึหึหึ เจ้าเด็กน้อย….”
“…..”
“เจ้านี่ดวงแข็งไม่เบานะ สมกับที่เป็นผู้ถูกเลือก”
“นั่นใครน่ะ ท่านเป็นใครกัน”
เกิดแสงสีน้ำตาลปรากฏเป็นรูปดวงตาขนาดยักษ์ บริเวณผนังถ้ำหลังบัลลังก์สีทอง เสียงที่เปล่งออกมาความความน่าเกรงขามและมีพลังอำนาจบางอย่างที่ทำให้จินหลงรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที แรงกดดันพลังวิญญาณมหาศาลทำให้จินหลงรู้สึกอึดอัดใจ
“ข้าคือ เทพมังกรแห่งภูผา !”
“เทพมังกร ทำไมถึงมีเทพมังกรที่นี่ ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ เจ้าหนุ่มข้าอยากจะถามเจ้า เจ้านั้นฝึกฝนวรยุทธ์กายามังกรสีชาดเช่นนั้นรึ?”
“ใช่แล้วขอรับ”
“หึ ข้าคิดว่าวรยุทธ์นี้หายไปจากโลกนี้แล้วซะอีก ข้าอยู่ที่นี่มากว่าพันปี หากแต่ไม่พบผู้ใดที่ฝึกวรยุทธ์นี้เลย บางทีนี่อาจกเป็นลิขิตจากสวรรค์ก็เป็นได้”
“ท่านหมายความเช่นใด วรยุทธ์นี้อยู่ที่ตระกูลของข้า ท่านพ่อข้าก็ฝึกฝนวรยุทธ์นี้เช่นกัน อีกทั้งท่านปู่ข้ายังบอกว่าท่านพ่อนั้นบรรลุถึงขั้นที่สิบซึ่งเป็นขั้นสุดท้าย เหตุใดท่านจึงบอกว่า ไม่พบผู้ที่ฝึกฝนวรยุทธ์นี้” จินหลงพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่ขึงขัง
“ฮ่าๆ เจ้าพูดเรื่องตลกอันใดกัน ใครบอกเจ้ารึว่าขั้นที่สิบคือขั้นสุดท้าย อีกอย่างนะเจ้าเด็กน้อย ผู้ที่จะบรรลุถึงจุดสูงสุดของวรยุทธ์กายามังกรสีชาด จะต้องมีธาตุภูผาเท่านั้น ! หากพ่อของเจ้าธาตุภูผาข้าคงได้พบมันไปแล้วล่ะ พลังธาตุอื่นหากฝึกวรยุทธ์กายามังกรสีชาด มันก็เป็นได้แค่พวกขยะเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้มีพลังธาตุภูผาที่มีวรยุทย์กายามังกรสีชาด!”
จินหลงขมวดคิ้ว เขาไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เทพมังกรพูดจะเป็นความจริง แม้ว่าท่านพ่อจะมีพลังธาตุอัคคี ไม่ได้มีพลังธาตุภูผา แต่ชื่อเสียงล่ำลือของท่านพ่อที่ข้าได้ยิน ท่านเป็นอัจฉริยะที่บรรลุกายามังกรสีชาดขั้นสุดท้าย ร่างกายของท่านจึงเปี่ยมไปด้วยพลัง ศาสตราวุธไม่อาจสร้างแม้แต่รอยขีดข่วนให้ท่านพ่อเสียด้วยซ้ำ
ถ้านี่เป็นเรื่องจริง งั้นก็หมายความว่าหากข้าฝึกวรยุทธ์กายามังกรสีชาด ข้าที่มีธาตุภูผาจะแข็งแกร่งกว่าท่านพ่อน่ะสิ
“เด็กน้อยเจ้ารู้หรือไม่ เหตุใดเจ้าจึงไม่ได้รับเลือกจากเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังที่อยู่ในถ้ำแห่งนั้น”
“…”
“มันเพราะเจ้าฝึกวรยุทธ์กายามังกรสีชาดนั่นแหละ! จิตวิญญาณที่อยู่ในหนังสือเคล็ดวิชาพวกนั้นมันไม่กล้าที่จะลบลู่เทพมังกรอย่างข้าแน่นอน และถ้าหากมันกล้า เคล็ดวิชาของมันคงต้องถูกข้าลบล้างจนหายไปจากโลกนี้อย่างแน่นอน !”
“ลบลู่ท่าน? เหตุใดจึงเป็นการลบลู่ท่าน”
“กายามังกรสีชาดเป็นส่วนหนึ่งของวรยุทธ์ของข้า ที่ข้าได้ใช้เลือดของข้าจารึกมันเอาไว้ คนที่มีคุณสมบัติเท่านั้นถึงจะสามารถฝึกมันได้!”
“…”
“หากเจ้าฝึกวรยุทธ์กายามังกรสีชาดแล้ว แค่เจ้าสำเร็จเพียงแค่ขั้นแรก เคล็ดวิชาทั้งหมดที่อยู่ในที่แห่งนี้ก็ไม่อาจเทียบได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียว!”
“วรยุทธ์มังกรสีชาด สามารถใช้ในการบ่มเพาะพลังได้ด้วยรึ”
“หึ เจ้าฝึกถึงขั้นใดแล้ว”
“ข้าพึ่งจะบรรลุขั้นที่สอง ได้เพียงไม่นาน”
“ไม่แปลกที่เจ้าจะไม่รู้ว่าวรยุทธ์กายามังกรสีชาด ใช้สำหรับบ่มเพาะพลังด้วยเช่นกัน เพราะผู้ที่บรรลุถึงขั้นที่สามเท่านั้นจึงจะสัมผัสได้ถึงเคล็ดวิชาสำหรับบ่มเพาะพลัง”
“แล้วข้าควรทำเช่นใด หากข้าไม่เริ่มบ่มเพาะพลังข้าคงจมปลักอยู่ที่ชั้นแรกเริ่มนี่แน่นอน เคล็ดวิชาพวกนั้นข้าก็ไม่อาจฝึกฝนได้ กายามังกรสีชาดก็ไม่คืบน่า ข้านั้นใช้เวลาถึงสามปีกว่าจะบรรลุขั้นสอง”
“หากเจ้าต้องการที่จะบรรลุขั้นที่สาม ข้าเกรงว่าเจ้าต้องใช้เวลามากกว่าห้าปี!”
“มันจะนานเช่นนั้นเชียวรึท่านเทพมังกร ท่านพ่อของข้าใช้เวลา7ปีจึงบรรลุขั้นสิบ ข้าว่า ข้าอาจจะบรรลุขั้นสามได้เร็วกว่านั้น อย่างน้อยก็ซักสามปี”
“ไอเจ้าโง่! ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหม หากมันไม่ได้มีธาตุภูผามันไม่อาจบรรลุวรยุทธ์กายามังกรสีชาดได้อย่างแท้จริง ! เจ้านั้นมีพลังธาตุภูผา แน่นอนถ้าเจ้าฝึกฝนวรยุทธ์นี้แม้จะขั้นแรกเจ้าก็เหนือกว่าพ่อของเจ้าแล้ว ! และเพราะเหตุนั้นมันก็ต้องแลกกับเวลาและการฝึกที่ยากมากกว่าหลายเท่า”
“เฮ้อ… ถ้าอย่างนั้นก็คงช่วยไม่ได้ ข้าคงต้องยอมติดอยู่ชั้นแรกเริ่มนี่ไปก่อนล่ะนะ”
จินหลงได้แต่ทำหน้าผิดหวัง เขากำลังคิดว่าเขานั้นโชคดีจริงๆที่มีธาตุภูผาที่เหมาะสำหรับการฝึกวรยุทธ์กายามังกรสีชาด แต่ทุกอย่างพังทลายลงไปในพริบตา หากเขาต้องใช้เวลามากกว่า5ปี เพื่อที่จะบรรลุขั้นที่สามถึงจะเริ่มบ่มเพาะพลังได้
“ข้ายังพูดไม่จบ”
จินหลงเงยหน้ามองไปยังดวงตายักษ์ทันที
“ที่ข้าบอกต้องใช้เวลาอย่างน้อยถึงจะบรรลุขั้นที่สามนั่นเป็นกรณีที่เจ้าไม่ได้พบข้า ตอนนี้เจ้าได้มาพบข้าผู้เป็นเจ้าของวรยุทธ์นี้ ข้ามีทางช่วยเจ้าได้”
“ข้าต้องทำเช่นใด
ท่านเทพมังกรโปรดชี้แนะข้าด้วย”จินหลงรีบประสานมือ
คารวะอย่างนอบน้อมไปยังดวงตายักษ์
“ต่อไปนี้ข้าจะเป็นอาจารย์ของเจ้า ! เรียกข้าว่าอาจารย์ซะ!”
“ท่านอาจารย์! โปรดรับการคาราวะจากศิษย์”
จินหลง
ค่อยๆก้มตัวคุกเข่าพร้อมประสานมือไว้ตรงหน้า
“ดี ก่อนอื่นข้าจะกลับร่างมนุษย์ก่อน แล้วเราค่อยมาเริ่มฝึกกัน”
เกิดแสงวาบจากดวงตายักษ์ก่อนจะจางหายไป ขณะเดียวกันที่บัลลังก์ค่อยๆปรากฏกลุ่มแสงสีน้ำตาล ค่อยๆหลอมรวมเป็นรูปเป็นร่างคล้ายๆกับร่างกายของคน รายละเอียดต่างๆค่อยๆชัดเจนขึ้น ในที่สุดประกายแสงหายไป
สิ่งที่สะท้อนในนัยน์ตาของจินหลง
ทำให้เขาต้องตกใจ
เสียงที่ข้าพูดคุยด้วยเมื่อครู่ เสียงที่บอกว่าตัวเองเป็นเทพมังกรภูผา แท้จริงเป็นเด็กชายอายุราว 6 ขวบ สวมใส่อาภรณ์สีน้ำตาล เด็กชายหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ดูไม่ประสีประสี ร่างกายดูบอบบางผิวพรรณอย่างกับเด็กตัวน้อยที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์และส่งสายตามองมาทางเขา ให้ตายเถอะแม้จะเป็นเด็กชายแต่ให้ความรู้สึกเหมือนเห็นน้องสาวเสียมากกว่า นั่นเป็นเพียงแค่เด็กผู้ชายราว 6 ขวบชัดๆ เทพมังกรอะไรกัน! นี่ข้าเรียกเด็กชาย 6 ขวบ ว่าอาจารย์!
ความคิดเห็น