ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Guardian of Dragon เทพกระบี่มังกรจอมราชันย์

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 10 แอ่งเลือด

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 60


    บทที่ 10 แอ่งเลือด


    จินหลง! เจ้าศิษย์บ้า ตื่นเดี๋ยวนี้!”


    เจ้าจะนอนไปถึงเมื่อไร เร็วเข้า ลืมตาขึ้นมาได้แล้ว!”


    เจ้าศิษย์จอมขี้เกียจ!”


    จินหลงที่หมดสติอยู่ได้ยินเสียงของเทพมังกรดังขึ้นในจิตของเขา จินหลงค่อยๆลืมตาขึ้นมา หากแต่รอบกายของเขามืดสนิท แต่ยังคงมีสิ่งหนึ่งนี่ยังคงสว่างไสว นั่นคือกระบี่กระจ่างฟ้าเหมันต์ ตัวกระบี่ยังคงมีคลื่นพลังไอเย็น เปล่งประกายแสงสีขาวอ่อนๆซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของมัน ทำให้จินหลงเห็นว่า ปู่ของเขาและยังมีผู้นำหลินที่นอนหมดสติอยู่ใกล้ๆ จินหลงรีบคลานเข้าไปหาทั้งสอง แม้ว่าเขาจะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเนื่องจากได้รับบาดเจ็บภายใน หากแต่เขาพยายามกลืนความเจ็บปวดนั้นทิ้งไป มือทั้งสองรีบจับไปยังชีพจรของทั้งสองทันที


    พวกเขายังไม่ตาย


    จินหลงยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก


    จะดีใจยังเร็วไป เจ้าบ้า หากปล่อยไว้พวกเขาก็ต้องตายอยู่ดี!”


    ท่านอาจารย์เกิดอะไรขึ้น ที่นี่คือที่ไหน


    เจ้าหมดสติไปเพราะฝืนใช้พลังอันน้อยนิดของเจ้าต้านพลังขั้นลิขิตสวรรค์น่ะสิ เจ้าโง่!”


    แล้วที่นี่มันคือ


    ที่เดิมนั่นแหละ ข้าฝืนบังคับร่างกายเจ้าให้ใช้พลังของข้าสร้างเกราะภูผาขึ้นมาน่ะสิ ไม่งั้นป่านนี้พวกเจ้าดำเป็นตอตะโกไปแล้ว


    นี่ท่านบังคับร่างกายของข้าได้ด้วยหรือท่านอาจารย์


    เหอะ ข้าฝืนทำต่างหาก การทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้ร่างกายของเจ้ารับภาระหนักเกินไป ความแข็งแกร่งทางกายของเจ้าน้อยเกินไป หาข้าฝืนบังคับร่างกายของเจ้าอีก เส้นพลังของเจ้าทั้งหมดจะขาดสะบั้นและเจ้าจะสูญเสียการบ่มเพาะพลังทั้งหมด! เพราะเหตุนี้ข้าจึงทำได้เพียงสร้างเกราะภูผานี้ขึ้นมาเท่านั้น หากข้าฝืนบังคับร่างเจ้ามากกว่านี้ ดีไม่ดีเจ้าจะตายทันที!”


    หากเป็นเช่นนั้น ข้าควรทำเช่นใด ตอนนี้ข้างนอกไม่รู้จะเป็นเช่นใดบ้าง หากปล่อยไว้ พวกอสูรจะเข้าไปในเมืองและฆ่าผู้คนจนหมดเป็นแน่ และที่สำคัญกว่านั้นข้าต้องพาทั้งสองไปรักษาให้เร็วที่สุด


    จินหลงมองไปยังร่างทั้งสอง เขาไม่อาจปล่อยไว้เช่นนี้ไม่เพียงแต่ชีวิตของทั้งสองแต่เป็นชีวิตของทุกคนที่กำลังต่อสู้อยู่ที่กำแพงเมือง มันไม่มีทางที่พวกเขาจะต้านไว้ได้ กำแพงเมืองจะต้องแตกแน่นอน


    จริงอยู่ที่ข้าบอกว่าข้าฝืนบังคับร่างกายเจ้าทำให้ร่างกายเจ้าไม่อาจทนรับพลังข้าได้ ตอนนั้นข้าต้องทำเพราะเจ้าหมดสติไป หากแต่ตอนนี้เจ้ายังมีสติ ถ้าเป็นตอนนี้เจ้าให้ข้าควบคุมร่างเจ้า โดยการผสานร่างเข้ากับข้า แบบนี้แล้วมันจะไม่เป็นการฝืนบังคับร่างเจ้า แต่จะเป็นการผสานร่าง ซึ่งข้าสามารถควบคุมร่างเจ้าได้และใช้พลังของข้าได้ โดยที่ร่างกายของเจ้าจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ


    ท่านอาจารย์โปรดช่วยศิษย์และทุกคนในเมืองด้วย


    จินหลงหลับตาลงและเริ่มทำการประสานร่างกับเทพมังกรทันที


    เมื่อจินหลงลืมตาขึ้นแววตาของเขาก็เปลี่ยนไปทันที มันกลับกลายเป็นแววตาสีน้ำตาลอันน่าเกรงขาม แววตาของเทพมังกร


    จินหลงบัดนี้ข้าได้ทำการควบคุมร่างเจ้าแล้ว ข้าสัมผัสได้ว่าข้างนอกนั้นยังคงมีการต่อสู้อยู่ ดังนั้นข้าจะรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด


    เทพมังกรในร่างจินหลงพุ่งทะลุเกราะกำแพงภูผาขึ้นไปด้านบนด้านความไวแสง รอบกายของเขายังคงเต็มไปด้วยการต่อสู้หากแต่บัดนี้ กำแพงเมืองแตกไปแล้วมีอสูรบางส่วนบุกทะลวงเข้าไปได้แล้วเป็นจำนวนมาก เสียงเอะอะโวยวายและเสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่ว


    เทพมังกรลอยตัวขึ้นไปบนอากาศก่อนจะกางมือออกทั้งสองข้าง เกิดประกายแสงสีน้ำตาลขึ้นบริเวณฝ่ามือ พลังพวยพุ่งออกมาทั่วทั้งร่างของจินหลง พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนจากแรงดันวิญญาณ สัตว์อสูรเริ่มหยุดเคลื่อนไหว รวมทั้งผู้ฝึกยุทธ์พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันวิญญาณมหาศาล เป็นคลื่นพลังที่รุนแรงที่พวกเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน


    เทพมังกรหลับตาลงไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะกำมือทั้งสองข้าง!


    ตึง!


    เสียงดังสนั่น เสียงนั้นเกิดจากกระแทกอย่างรุนแรง เหล่าสัตว์อสูรราวกับถูกแรงโน้มถ่วงมหาศาล พวกมันถูกกดให้ติดลงไปพื้นอย่างเร็วและแรงจนร่างพวกมันถูกบดละเอียดกลายเป็นแอ่งเลือดทันที! มันไม่เหลือแม้แต่เศษเนื้อหรือเศษกระดูก พวกมันกลายเป็นแอ่งเลือดทันที! ไม่เว้นแม้แต่อสูรชั้นลิขิตสวรรค์มันเองก็ถูกพลังที่มองไม่เห็น จนทำให้กลายเป็นแอ่งเลือดเช่นกัน


    ไร้ซึ่งเสียงกรีดร้องของเหล่าอสูรพวกมันไม่แม้แต่จะได้ส่งเสียงร้อง พวกมันกลายเป็นเพียงแอ่งเลือด


    เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่รอบๆต่างเบิกตากว้างแม้พวกมันจะยืนอยู่ใกล้กับเหล่าอสูรหากแต่ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยทั้งสิ้น เพียงกระพริบตาครั้งเดียวอสูรตรงหน้ากลับหายไป กลับกลายเป็นแอ่งเลือด ! บัดนี้บริเวณโดยรอบประตูเมืองทิศเหนือทั้งในและนอกกำแพง สัตว์อสูรนับแสนกลายเป็นแอ่งเลือดทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว


    เสร็จธุระข้าแล้ว เทพมังกรร่อนตัวลงมายืนข้างๆเกราะภูผาที่พื้นดิน


    ขอบคุณขอรับท่านอาจารย์ แววตาสีน้ำตาลน่าเกรงขามของเทพมังกรหายไปกลับกลายเป็นแววตาเดิมของจินหลง เกราะกำแพงภูผาค่อยเริ่มสลายหายไป ปรากฏเป็นร่างของผู้นำทั้งสองที่อยู่ภายใน จินหลงล้มตัวลงหมดสติทันทีหลังจากกล่าวกับเทพมังกร

     

    พลังอะไรกัน


    เสี่ยวซาที่ก่อนหน้านี้กำลังปะทะกับอสูรบนกำแพง มองไปทางร่างของจินหลงที่หมดสติอยู่ที่พื้น เขาหันไปมองที่ปู่ของเขาที่มองค้างไปที่ทั้งสามร่าง ที่หมดสติอยู่ ก่อนที่ซุนหย่งฉือจะได้สติ เขารีบนำคนจากตระกูลซุนวิ่งลงกำแพงไปยัง ร่างทั้งสามทันที


    รีบพาพวกเขาทั้งสามไปรักษาเร็วเข้า!”


    ผู้อาวุโสจากทั้งตระกูลหลินและตระกูลซุนรีบตรงเข้าไปยกร่างของทั้งสามขึ้นมา และเร่งรีบกลับเข้าไปในกำแพงเมืองทันที


    ระหว่างนั้นยังคงมีเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้น มีเพียงคนของตระกูลซุนและตระกูลหลินเพียงเท่านั้นที่เห็นเหตุการณ์นี้ เนื่องจากอสูรสามารถบุกทะลวงเข้าไปบริเวณในเมืองได้ พวกเขาจึงให้คนจากตระกูลอื่นทั้งหมดกลับเข้าไปในเมืองเพื่อหยุดยั้งอสูรในเมือง ดังนั้นบริเวณรอบนอกทั้งหมดจึงเหลือแต่เพียงคนของตระกูลซุนและตระกูลหลินบางส่วนเท่านั้นที่ต้องรับบทหนักทำการหยุดยั้งอสูรข้างนอก


    ไม่น่าเชื่อ


    เจ้าเห็นหรือเปล่า นั่นเจ้าเด็กจินหลง คนจากตระกูลซุนชัดๆ


    ทำได้อย่างไร!”


    พลังอะไรกัน


    เจ้าเด็กนั้นมีพลังขนาดไหนกัน ไม่น่าเป็นไปได้


    นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว!”


    สงครามสัตว์อสูรจบลงแล้ว!”


    พวกเราชนะ พวกเราชนะ!”


    พวกเราป้องกันประตูเมืองไว้ได้ เฮ้!”


    เกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่คนทั้งสองตระกูลที่เห็นเหตุการณ์็น็ทันที และก่อนที่จะวุ่นวายไปมากกว่านี้ ผู้อาวุโสจากตระกูลซุน ซุนหย่งฉือได้เรียกรวมตัวคนจากสองตระกูลทันทีที่บริเวณริมกำแพงเมือง เขากันคนจากตระกูลอื่นๆที่ไม่เห็นเหตุการณ์ออกไปทันที โดนอ้างว่าให้ทุกคนแยกย้ายไปรักษาอาการบาดเจ็บและตรวจสอบความเสียหายภายในเมือง ส่วนสองตระกูลหลักจะออกทำการสำรวจบริเวณข้างนอกรอบเมืองอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย


    คนจากสองตระกูลมารวมตัวกันที่บริเวณริมประตูเมืองทันที ด้านหน้าของพวกเขามี ซุนหย่งฉือยืนอยู่กับผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหลิน


    พี่น้องตระกูลซุนและตระกูลหลินจงฟัง ! ข้าขอให้พวกเจ้าเก็บเรื่องที่พวกเจ้าเห็นวันนี้เอาไว้เป็นความลับ จนกว่าท่านผู้นำทั้งสองจะฟื้นและมีคำสั่งต่อไป


    หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจว่า เรื่องนี้ไม่ควรเปิดเผย


    ทั้งสองผู้อาวุโสประกาศให้คนในตระกูลเก็บเรื่องที่จินหลงมีพลังมหาศาลและสังหารสัตว์อสูรได้ในพริบตาไว้จนกว่าผู้นำทั้งสองจะฟื้นและมีคำสั่งต่อไป พวกเขารู้ดีเรื่องนี้มันประหลาดเกินไป อาจมีผลกระทบกับตระกูลซุน คนจากทั้งสองตระกูลเริ่มมองหน้ากัน  เนื่องจากทั้งสองตระกูลมีความรักความผูกพันธ์กันอย่างแนบแน่น แน่นอนพวกเขาไม่มีวันพูดเรื่องนี้ออกไปเด็ดขาด


    คนอื่นๆนอกจากทั้งสองตระกูล เขารับรู้และเห็นเพียงว่าสัตว์อสูรถูกพลังบางอย่างจนตายเหลือเพียงแต่แอ่งเลือด แต่พวกเขาไม่ทราบเลยว่า ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของเด็กหนุ่มนามว่า จินหลง


    เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลหลินและตระกูลซุนทำการประกาศชัยชนะของประตูทางทิศเหนือ และบอกกล่าวกับทุกคนในที่นั้นว่า เป็นฝีมือของผู้เชี่ยวชาญลึกลับ เขาปรากฏตัวขึ้นบริเวณนอกเมือง ทำลายสัตว์อสูร ก่อนจะสังหารอสูรด้วยพลังบางอย่างในชั่วพริบตา พวกเขาไม่อาจเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นได้ เพราะหลังจากสังหารพวกอสูร ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×