ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Great Warrior Online 『 สงครามมหาราชันย์ 』

    ลำดับตอนที่ #5 : ' S P E C I A L ✖ n e w w o r l d

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 56












    SPECIAL CHAPTER : FIRST FRIEND WITH NEW ENEMY



     




     
     
                     อาชีพนักวิทยาศาสตร์ทำให้เชนและไอรีนไม่อยู่ที่ใดที่หนึ่งนานนัก แน่นอน เรธิเซียก็เช่นกัน แต่ด้วยสมบัติเก่าและรายได้ที่มาจากงานวิจัยชั้นเลิศของทั้งคู่ ก็เพียงพอให้ซื้อหรือเช่าคอนโดระดับห้าดาวในแต่ละที่ได้อย่างสบายๆ การเดินทางบ่อยๆ จนเรียกได้ว่าเดินทางรอบโลก ทำให้ทั้งคู่มีวิสัยทัศน์กว้างกว่าคนทั่วไป อย่างน้อยก็กว้างพอจะเชื่อว่าเด็กสาวที่อาศัยอยู่ด้วยกันนั้นมาจากอดีต 
     
     
                        ตอนนี้ทั้งสามอยู่ที่นอกเมืองหลวงของประเทศหนึ่ง เป็นบ้านพักตากอากาศที่ครอบครัวของไอรีนเคยมาอยู่ช่วงหนึ่ง ช่วงที่ครอบครัวไม่อยู่ก็จ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดตลอด ทำให้บ้านพักหลังนี้สามารถอาศัยอยู่ได้ แม้จะไม่ได้มาเยี่ยมเกือบห้าปีแล้วก็ตาม ไอรีนและเชนเก็บตัวอยู่ในห้องทดลอง เรธิเซียที่ไม่มีอะไรทำจึงออกมาเปิดหูเปิดตานอกบ้าน วันนี้เธอแต่งตัวได้ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าเจ้าหญิงเท่าไหร่นัก อันที่จริงเธอก็ไม่เคยแต่งตัวใกล้เคียงกับนั้นตั้งแต่มาที่โลกนี้แล้ว เรธิเซียใส่เสื้อกั๊กทหาร เสื้อกล้ามทหาร และกางเกงลายพรางกับบูตทหาร เส้นผมสีบลอนด์ถูกรวบเป็นหางม้ายาวถึงกลางหลัง ขี่เสก็ตบอร์ดไปตามถนน
     
     
                        เมืองที่พวกเธออาศัยอยู่นั้นห่างไกลกับคำว่าเจริญพอสมควร พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นนา มีเพียงตัวเมืองเท่านั้นที่เป็นถนนคอนกรีต ตึกรามบ้านช่องเป็นแบบสมัยก่อนรวมถึงการแต่งตัวด้วย ผู้หญิงจะใส่ชุดกระโปรงสไตล์ยุโรป หรือที่เรธิเซียเรียกว่าชุด 'สุ่มไก่' ส่วนผู้ชายจะใส่ชุดสูทหรือเอี๊ยม เป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคจริงๆ ถ้าไม่นับวัยรุ่บางกลุ่มที่แต่งตัวด้วยชุดสมัยใหม่และทำตัวกร่างไปทั่ว ซึ่งเรธิเซียก็ไม่ได้สนใจพวกนั้น เธอขี่เสก็ตบอร์ดไปเรื่อยๆ พลางจดจำลักษณะเมืองไปด้วยจนไปสะดุดอยู่ที่ร้านกาแฟเล็กๆ ร้านหนึ่ง
     
     
                        ร้านกาแฟร้านนี้ตกแต่งสไตล์วินเทจ วอลล์เปเปอร์เป็นสีเขียวอ่อน ที่แปลกไปกว่าร้านอื่นคือ ร้านนี้มีประตูกระจก ภายในมีแอร์อยู่สองเครื่อง ขณะที่ร้านอื่นมักไม่มีประตู และใช้เป็นพัดลมหรืออากาศธรรมชาติเสียส่วนใหญ่ เรธิเซียวางสเก็ตบอร์ดไว้ด้านนอกและเดินเข้ามาในร้าน ภายในร้านมีกลิ่มจัสมินอ่อนๆ คลอเสียงดนตรีเบาๆ หลังเคาท์เตอร์มีคุณยายท่าทางใจดียืนใช้ผ้าเช็ดแก้ว เช็ดจานอย่างทะนุถนอม เมื่อเธอเห็นเด็กสาวเข้ามาก็ยิ้มให้ 
     
     
    "รับอะไรดีจ๊ะ"
     
     
    คำถามเดิมๆ ที่ได้ยินทุกครั้งเมื่อไปร้านอาหาร แต่พอเป็นคุณยายคนนี้พูด เรธิเซียก็รู้สึกดีอย่างประหลาดจนเผลอขยับรอยยิ้มส่งไปให้ก่อนตอบคำถาม
     
     
    "ขอชาร้อนหนึ่งที่ค่ะ"
     
     
                      หญิงชรายิ้มรับ พยักหน้า และหันกลับไปทำงานต่อ เรธิเซียจับจองที่นั่งหน้ากระจกร้านเพื่อจดจำบรรยากาศนี้ไว้ ไม่นาน คุณยายใจดีก็นำชาร้อนมาเสิร์ฟ ด้วยความเคยชิน เธอหยิบชาขึ้นจิบช้าๆ ราวกับเจ้าหญิง คุณยายมองเด็กสาวด้วยสีหน้าชื่นชมปนเอ็นดู เพราะสมัยนี้ไม่มีใครจิบชาด้วยท่าทีเช่นนี้อีกแล้ว เรธิเซียยังคงให้ความรู้สึกที่องอาจและสง่างามเช่นเคย แม้ว่าจะใส่ชุดทหารก็ตาม
     
     
                     จิบชาไปได้เพียงนิดเดียวเสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้น พร้อมกับที่ร่างของเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันเดินเข้ามาในร้าน เขานั่งลงข้างๆเรธิเซียด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย เธอเหลือบมองเล็กน้อยและกลับไปโฟกัสที่จุดเดิมต่อ ไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้สั่งอะไร เสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ลูกค้าไม่ได้มีแค่รายเดียว ชายฉกรรจ์ห้าคนเดินเข้ามาอย่างไม่เป็นมิตร หนึ่งในนั้นตบโต๊ะที่ทั้งคู่นั่งอยู่ดังปึง! เรธิเซียตวัดสายตาไปที่พวกนั้นอย่างไม่พอใจ ส่วนเด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆ เธอกลอกตาขึ้นลง และหันไปเผชิญหน้ากับทั้งห้า
     
     
    "มีธุระอะไร"
     
     
    พวกนั้นแสยะยิ้ม เดินมาตบไหล่เด็กหนุ่ม และเรธิเซียที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยท่าทีสนิทสนม ขัดกับสายตาที่จ้องมาอย่างกินเลือดกินเนื้อ เธอปัดมือทิ้งอย่างรังเกีจ ถลึงตาใส่ชายคนนั้น 
     
     
    "คราวนี้อยู่กับแฟนเหรอไง" หนึ่งในห้าคนแค่นเสียงอย่างดูถูก
     
    "แฟน?" 
     
     
                        เด็กหนุ่มพูดอย่างไม่เข้าใจ ชายที่ตบไหล่ทั้งคู่ในตอนแรกจึงเปลี่ยนไปบีบแขนเรธิเซียอย่างแรง มีความหมายเป็นนัยว่าแฟนที่พูดถึงคือเธอ เรธิเซียบิดแขนตัวเองเพื่อให้มือที่จับอยู่คลายออก แต่ชายคนนั้ยยังไม่ยอมปล่อย เธอจึงเปลี่ยนเป็นชกเข้าที่ท้อง มือที่จับแขนเธออยู่คลายออกไปกุมท้องแทน เรธิเซียกว้าถ้วยชาที่ยังร้อนอยู่ มีชาเกือบเต็มแก้วเทราดหัว และปิดท้ายด้วยการเอาถ้วยกระแทกเข้าที่หัวชายคนนั้นเต็มแรง จนถ้วยแตกกระจาย ส่งผลให้ชายคนดังกล่าวหัวแตกล้มลงไปนอนกับพื้น
     
     
    "เฮ้ย!! แก...."อีกสี่คนที่เหลือเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองสลบเหมือดก็เลือดขึ้นหน้า แต่ก่อนจะได้ทำอะไร เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกันก็คว้าแขนเรธิเซียและพาวิ่งออกไปนอกร้านทันที
     
     
    "ซ้อนเลย พวกนั้นน่ะเป็นหัวโจกของนักเลงแถวนี้ โดนเธอเล่นขนาดนั้นมันต้องกลับมาเอาเรื่องแน่"
     
     
                        เขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์สีดำ เร่งให้เธอซ้อน ถ้านับตามความจริงแล้วคนที่ทำให้เรธิเซียมีเรื่องกับทั้งห้าคนก็เขานั่นล่ะ เพราะถ้าเขาไม่มานั่งข้างๆ พวกนั้นก็อาจไม่มาหาเรื่องเธอ ส่วนตัวแล้วเรธิเซียไม่กลัวพวกนั้นแม้แต่น้อย ต่อให้จวนตัวยังไงเธอก็ยังเนียนใช้เวทมนตร์ได้หรือจะใช้มีดที่ซ่อนอยู่ก็ได้จึงปฏิเสธไป
     
     
    "ไม่ล่ะ ขอบใจ นายไปเถอะ ฉันจะไปเดินเล่นต่อ"
     
     
                         เรธิเซียไปเอาสเก็ตบอร์ดในจังหวะเดียวกับที่ชายทั้งสี่คนวิ่งออกมายอกร้าน ด้วยความชำนาญเธอรีบออกตัวทันทีเพื่อให้อยู่ในรัศมีที่แขนเอื้อมถึงรถคันข้างหน้า เรธิเซียคว้าสปอยเลอร์ของรถคันนั้นไว้ใช้ความเร็วของรถเพื่อชิ่งแทนที่จะใช้ความเร็วจากการสาวเท้า แต่เรื่องไม่ง่ายขนาดนั้น เมื่อทั้งสี่กระโดดขึ้นรถและขับตาม เธอสบถเป็นภาษากรีกโบราณ นึกอยากขว้างไปปักกลางหน้าผากพวกนั้นแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเสียงของไอรีนแว่วมาเตือนในหัวตลอด
     
     
    "ในยุคนี้ นึกอยากจะฆ่าใครก็ฆ่าน่ะ ไม่ได้หรอกนะ จำไว้ให้ดีล่ะ"
     
     
                           ความคิดนั้นจึงเป็นอันต้องยกเลิกไป เรธิเซียปล่อยมือจากรถข้างหน้า เบี่ยงตัวหลบออกมาเมื่อรถของพวกนั้นขับจี้จนแทบจะชน ก่อนใช้ทริคเปลี่ยนทิศทางออกไปตรงเข้าสู่ถนนวันเวย์ที่มุ่งหน้าไปยังโกดังที่เป็นเป้าหมายของเธอ รถของทั้งสี่ยังคงขับตามมา อีกร้อยเมตรจะถึงโกดังดังกล่าว แต่ปัญหาคือสปีดของเธอลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่พวกนั้นเพิ่มขึ้น ก่อนที่รถจะชน เรธิเซียตัดสินใจหันหลังกลับไปและใช้มือค้ำกันชนรถไว้ นี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดเพราะระยะของเธอกับรถคนนั้นจะห่างกันเท่ากับความยาวแขนของเธอตลอด ตราบเท่าที่เรธิเซียยังทรงตัวอยู่ได้ เธอก็จะไม่ถูกชน การทำอย่างนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เธอควบคุมสติในการคำนวณระยะทาง หากมองไม่เห็นทางเดียวที่จะรู้คือการคำนวณ ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การทรงตัวจึงยากขึ้นตาม เมื่อได้ระยะที่พอเหมาะ เรธิเซียจึงเปลี่ยนจากการคำนวณมาเป็นการนับในใจ





     
     
    ห้าสิบ


     
     
     
    สี่สิบ



     
     
     
    สามสิบ



     
     
     
    ยี่สิบ



     
     
     
    สิบ



     
     
     
                      เมื่อนับถึงสิบ เรธิเซียก็ทำในสิ่งที่ทั้งสี่คาดไม่ถึง เธอกดน้ำหนักลงที่แขน เหวี่ยงตัวขึ้นไปบนฝากระโปรงรถวิ่งขึ้นไปบนหลังคาและกระโดดลงมากลิ้งกับพื้นคอนกรีต ก่อนลุกขึ้นมา สเก็ตบอร์ดลอดใต้ท้องรถมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้า ตำแหน่งที่เรธิเซียเหยียบไว้เพื่อหยุด เธอเสยผมขึ้นและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ทั้งสี่คนที่ไม่เข้าใจว่าเธอทำอะไรก็ขมวดคิ้ว แต่ก็ต้องเบิกตากว้างและร้องโหยหวนเมื่อเห็นว่าหน้ากระจกรถที่เคยเรธิเซียบังอยู่มีอะไรอยู่


     
     
     
    โกดังเก็บมูลสัตว์
     


     
     
                 ประโยคสั้นๆ เด่นหราอยู่กลางประตูโกดัง ตามด้วยเสียงโครม! บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าความพยายามของเธอสัมฤทธิ์ผล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าป่านนี้รถทั้งคนคงเต็มไปด้วยมูลสัตว์ไปแล้ว เสียงเอี๊ยด! ดังขึ้นข้างตัวเธอ เรธิเซียหันไปมองก็พบว่าเป็นเด็กหนุ่มในตอนแรกจอดมอไซค์คู่ใจ ถอดหมวกกันน็อคสีดำมาถือไว้ มองสถานที่เกิดเหตุตาค้าง พูดด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ
     


     
    "เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ"




    --------------------------------------------------------------------------------------

    ประเดิน ภาคสเปเชี่ยลตอนแรก!! เป็นยังไงบ้าง ชีวิตประจำวันวันของเรธิเซีย ผู้ชายที่มาด้วยกันยังไม่ขอบอกนะคะว่าเป็นใคร อาจจะบอกตอนหน้า ถ้ากระแสตอบรับดีอาจจะเขียนต่อ อันนี้เป็นภาคโลกเทคโนโลยีนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
     

















     
    PORCELAIN  THEMEs

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×