ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Great Warrior Online 『 สงครามมหาราชันย์ 』

    ลำดับตอนที่ #1 : ยุคเซครอนและวีรสตรีแห่งจักรวรรดิเบรคาเชียน

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 56





    บทนำ

    ยุคเซครอนและวีรสตรีแห่งจักรวรรดิเบรคาเชียน

     

     

    เมื่อ 1000 ปีก่อน ยุคเซครอน



              จักรวรรดิเบรคาเชียน



             ยุคเซครอนเป็นยุคที่ได้รับอารยธรรมจากกรีกเสียส่วนมาก นอกจากนั้นยังถูกขนานนามว่า ยุคมิคสัญญี ซึ่งถือคติ 'ผู้แข็งแกร่งคือผู้อยู่รอด' เป็นเหตุให้เกิดสงครามขึ้นตามอาณาจักรมากมาย เว้นแต่อาณาจักรเบรคาเชียน


             จักรวรรดิ
    เบรคาเชียน หรือที่รู้จักกันในนาม ดินแดนแห่งนักรบ เป็นจักรวรรดิที่มีแนวคิดและแนวปฏิบัติต่างจากอาณาจักรอื่นๆที่แย่งชิงดินแดนกัน ตรงที่จักรวรรดินี้จะรบก็ต่อเมื่อถูกอาณาจักรอื่นบุกเท่านั้น ไม่เคยแย่งชิงดินแดน หรือยึดครองอาณาจักรใด ทหารทุกนายที่อยู่ที่นี้ล้วนมีคุณสมบัติแห่งนักรบ



                กล่าวคือ มิเคยรุกรานผู้ใดก่อน มิทำร้ายผู้ที่อ่อนแอกว่า มิเหยียดหยามหรือดูถูกชนชาติ ให้เกียรติเด็กและสตรี หากก็คอยฝึกฝนและเพียบพร้อมด้วยฝีมือ กษัตริย์ทรงปกครองด้วยหลักทศพิธราชธรรม ขุนนางคอยแก้ไขปัญหาของชาวบ้านชาวเรือน มิมีการแก่งแย่ง หรือแสวงหาอำนาจใดๆ ด้วยคุณสมบัติและแนวทางปฏิบัตินี้ ทำให้จักรวรรดิเบรคาเชียนมีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น และมีความอุดมสมบูรณที่สุด ทุกคนช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน นับว่าเป็น สรวงสวรรค์ ในยุคมิคสัญญีเช่นนี้เลยทีเดียว

     

                น้อยครั้งที่จักรวรรดิเบรคาเชียนจะถูกรุกราน และทุกอาณาจักรที่มารุกรานนั้นจะได้รับความพ่ายแพ้ไปอย่างย่อยยับ มีหลายเหตุผลที่ทำให้น้อยอาณาจักรนักที่กล้าบุก ไม่ว่าจะการ ยุทธวิธีในการรบ ความเพียบพร้อมของกองทหาร ความกล้าหาญของกษัตริย์ แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุด คือ เจ้าหญิงแห่งเบรคาเชียน ผู้มากพระปรีชาสามารถ เป็นที่พักพิงแก่ประชาชน หากแต่สำหรับอาณาจักรอื่นนั้น เธอถูกเรียกขามว่า แม่มด

      

                เจ้าหญิงแห่งเบรคาเชียนมีพระนามว่า เรธิเซีย มีพระชนมายุเพียง 16 พรรษา แต่กลับได้รับมอบหมายให้เป็นแม่ทัพในการออกรบ ความสามารถของเธอนั้นไม่เป็นที่กังขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจ ความกล้าหาญ และความโอบอ้อมอารี ทหารมากมายเลือกที่จะติดตามเธอไปในสนามรบ และสู้จวบจนนาทีสุดท้าย จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อ 7 ปีก่อนเธอได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมา…..

      

                ในช่วงฤดูแล้งของปี จะมีอัคคีภัยเกิดขึ้นราว 2-3 ครั้ง ความเสียหายมีเพียงป่าไม้ที่ถูกทำลาย แต่แล้วปีหนึ่ง ก็เกิดอัคคีภัยครั้งรุนแรงที่สุดขึ้น เปลวเพลิงแผดเผามาตั้งแต่ป่าไม้ ไปจนถึงอาคารบ้านเรือน ผู้คนมากมายเสียชีวิต เสียงกรีดร้องดังระงม ไฟป่าลุกลามไปจวนจะถึงพระราชวัง แต่แล้ว เจ้าหญิงก็ทรงทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดขึ้น เธอหลับตาลงแล้วเอ่ยบทสวดที่ไม่มีผู้ใดฟังออกขึ้น


     

    ทันใดนั้นจากท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ปราศจากเมฆหมอกใดๆ กลับกลายเป็นฟ้าที่มืดครึ้ม ลมที่พัดเพลิงลุกลามจนถึงขนาดนี้ หายไป ฝนตกกระหน่ำดับเปลวเพลิงที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมายลง เมื่อไฟป่าทั้งหมดดับลงแล้ว ฝนจึงหยุดตกและท้องฟ้ากลับไปปลอดโปร่งอีกครั้ง

     

     

    เวทมนตร์…. ถูกผู้คนมากมายมองว่าเป็นพรแห่งพระเจ้า แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกมองว่าเป็นคำสาปแห่งซาตานด้วยเช่นกัน และนั่นคือคำนิยามสิ่งที่เธอดลบันดาลขึ้น นับตั้งแต่วันนั้น ชาวบ้านเริ่มเทิดทูลเจ้าหญิงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเรื่องนี้ลามไปถึงต่างอาณาจักร บ้างก็ส่งเจ้าชายมาเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี บ้างก็พยายามหลีกเลี่ยงการเป็นศัตรูกับจักรวรรดิ เป็นเหตุให้จักรวรรดิเบรคาเชียนสงบสุขเรื่อยมา

     

    หากแต่ไม่ใช่สำหรับวันนี้ อาณาจักรคาเธนสืบเสาะหาประตูทางลับ อาวุธ หรือกระทั่งจำนวนและรูปแบบของทหาร เพื่อวางรูปแบบกองทหารให้สมบูรณ์แบบที่สุด จนในที่สุดอาณาจักรนี้ก็สามารถพิชิตดินแดนแห่งนักรบนี้ได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่กษัตริย์แห่งคาเธนองค์นี้ต้องการ ที่เขาต้องการคือ ชีวิตของเจ้าหญิงเรธิเซียแห่งจักรวรรดิเบรคาเชียน นั่นทำให้เขาต้องใช้เวลากว่า 7 ปีในการเตรียมพร้อมสำหรับแผนการนี้

     

    บัดนี้ กษัตริย์ ริชาร์ด แห่งคาเธนพร้อมทหารฝีมือดีจำนวนหนึ่งยืนอยู่หน้าจักรพรรดิ

    และเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิเบรคาเชียนซึ่งยืนอย่างสงบ ไร้ซึ่งอาการตื่นตระหนกใดๆ ทหารองครักษ์ขอกษัตริย์แห่งคาเธนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกี้ยวกราด "อยู่ต่อหน้าฝ่าบาทแล้ว ยังไม่คารวะอีกรึ" เจ้าหญิงเรธิเซียแค่นเสียงก่อนกล่าวอย่างดูหมิ่น "ใยข้าต้องคารวะกษัตริย์ลอบกัดเช่นนายเหนือหัวของเจ้าด้วย"

     

    กษัตริย์แห่งคาเธนสรวลก่อนเอ่ย "ใจกล้าสมเป็นเจ้าหญิงแห่งเบรคาเชียนจริงๆ แต่อย่าพึ่งโกรธเกรี้ยวไป ข้ามีข้อเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตของประชาชนในเมืองของเจ้า แน่นอนรวมถึงเสด็จพ่อของเจ้าด้วย" เจ้าหญิงเรธิเซียเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า "อะไรล่ะ ที่มีค่ามากมายขนาดนั้น" 

     

                กษัตริย์ริชาร์ดขยับรอยยิ้มพร้อมเอ่ยตอบอย่างเต็มเสียงว่า "ชีวิตของเจ้าอย่างไรล่ะ ใช้ชีวิตของเจ้าแลกกับประชากรมากมายในจักรวรรดิของเจ้า แลกกับทหารของเจ้า แลกกับขุนนางที่ภักดีของเจ้า และแลกกับชีวิตของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเบรคาเชียน" เจ้าหญิงหรี่ตาลงเล็กน้อย "เพราะข้ามีเวทมนตร์สินะ ย่อมได้ แต่เจ้าต้องสาบานกับแม่น้ำสติกซ์ว่าจะไม่มารุกรานหรือเป็นเหตุให้จักรวรรดิของข้าต้องตกอยู่ในอันตราย และสุดท้าย ข้าจะขอชีวิตคนของท่านคนหนึ่ง ให้เขาคนนั้นตายไปพร้อมกับข้า"

     

     

                คิงริชาร์ดมุ่นหัวคิ้วกับข้อเสนออันแปลกประหลาดก่อนกล่าวตกลง ไม่นานก็มีทหารระดับแม่ทัพคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับทหารที่บาดเจ็บสาหัสใกล้ตายอยู่รอมร่อนายหนึ่ง คิงริชาร์ดเอ่ยว่า "นี่คือคนของข้าที่เจ้าขอ และข้าขอสาบานกับแม่น้ำสติกซ์ว่าจะไม่กระทำการอันใดที่เป็นการรุกรานจักรวรรดิของเจ้าอีก" เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าหญิงเรธิเซียจึงยิ้มอย่างโล่งอก ก่อนเอามือวางบนหลังของทหารที่ถูกพาตัวมาพร้อมเอ่ยถามนามของทหารนายนั้น

     

     

                ปฏิกิริยาที่ได้รับจากทหารคนนั้นผิดคาด ตอนแรกเธอคิดว่าจะได้รับการกล่าวว่าอย่างเหยียดหยาม แต่ไม่ใช่ ทหารนายนั้นหลับตาลงเอ่ยนามของตนและกล่าวว่า "ช่างเป็นเกียรติจริงๆที่ได้ตายพร้อมเจ้าหญิงที่ทรงพระกรุณาธิคุณเช่นท่าน" เจ้าหญิงเรธิเซียชื่นชมจากใจจริงว่า "เจ้าช่างเป็นคนที่เข้มแข็ง ไม่ต้องกังวลไปทหารหาญเช่นเจ้าต้องได้ไปยังเอลลีเซียมแน่นอน" กล่าวจบเธอจึงเขียนอักขระลงบนหลังของชายผู้นั้น น่าแปลกที่ทุกเส้นที่เธอขีดนั้นกลับเป็นเส้นสีดำทั้งที่ขีดด้วยมือเปล่า เมื่อเขียนจบ อักขระนั้นกลายเป็นวงเวทขนาดใหญ่ ทหารนายนั้นค่อยๆหมดลมหายใจและจากไปอย่างสงบ

     

     

    เรธิเซียหันไปโน้มศีรษะคารวะผู้เป็นพ่อ ก่อนเอ่ยกับคิงริชาร์ดอย่างไม่หวั่นเกรง  "ข้าพร้อมแล้ว" กษัตริย์แห่งคาเธนมองดูร่างของทหารผู้นั้นและหันกลับมากล่าวกับเจ้าหญิง "ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าทำอะไร แต่ถ้าเจ้าเล่นตุกติกเมื่อใด เมื่อนั้นจักเป็นคราวอวสานของจักรวรรดิเบรคาเชียน" เจ้าหญิงเรธิเซียหัวเราะเบาๆ

     

     

    "ท่านมิต้องเป็นห่วง ข้ามีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ทำเช่นนั้น ข้าเพียงแต่ใช้ทหารของท่านเป็นตัวกลางนำทหารของข้ากลับมาจากโลกแห่งความตายเพียงเท่านั้น ใช้ชีวิตแลกชีวิตอย่างไรล่ะ แม้ว่าปริมาณจะต่างกันก็เถอะ" และแล้วก็เหมือนได้ยินคิงแห่งคาเธนสบถเบาๆว่า "เจ้าหญิงเจ้าเล่ห์"

     

                ทหารนำเจ้าหญิงเรธิเซียมามัดไว้กับไม้ก่อนนำไปตั้งไว้กลางกองฟางซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เสียงประชาชนมากมายร้องไห้ กล่าวคำสรรเสริญ ด่าทอทหารแห่งคาเธนอย่างไม่กลัวตาย แต่ทหารเหล่าก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากคำสาบานระหว่างกษัตริย์เป็นคำที่พวกเขาจำเป็นต้องทำตาม

     
     

    เจ้าหญิงเรธิเซียหลับตาลงช้าๆ หวนถึงวันเวลาที่เติบโตมา ใช้ชีวิต เล่าเรียน ณ จักรวรรดิแห่งนี้ หวนถึงเหล่าประชาที่แซ่ซ้องสรรเสริญเมื่อมีขบวนเสด็จ หวนถึงรอยยิ้มของเด็กๆเมื่อวันที่พระองค์ทรงมาเยี่ยมเยียน หวนถึงวันเวลามากมายที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ชั่วเวลาแค่นาทีเดียว แต่สำหรับเรธิเซียนั้นยาวนานนับปีเธอจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ทั้งหมด ก่อนที่เปลวไฟแห่งชีวิตจะแผดเผา พรากเธอจากจักรวรรดิที่เธอรัก

     
     

     

     
           


              
               


              
                 



              

     

     

     
    BlackForest✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×