ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic : Hetalia / APH] Unforgettable Memories

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter IV: Turn

    • อัปเดตล่าสุด 22 ม.ค. 58


    ------------------------------------------------

    Chapter IV: Turn

     

    When you try your best, but you don't succeed
    When you get what you want, but not what you need
    When you feel so tired, but you can't sleep
    Stuck in reverse

    And the tears come streaming down your face
    When you lose something you can't replace
    When you love someone, but it goes to waste
    Could it be worse?

    Fix You - Coldplay

               

                แสงแดดสีทองบ่งบอกเวลาสายส่องลอดผ่านขอบไม้ของหน้าต่างกระจกเข้ามายังในห้องนอน... เสียงนกร้องและลมเย็นๆกำลังดี บวกกับความอบอุ่นจากแสงแดดทำให้ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไปเป็นสาเหตุหลักของการที่บรรยากาศยามเช้าเป็นช่วงเวลาที่มีอุณหภูมิดีที่สุดเหมาะแก่การออกมาเดินเล่นนอกบ้าน หรือนั่งเล่นตากแดดอ่อนๆและรับสายลมเย็นๆ...

     

                แต่แน่นอน... ของธรรมดาๆแบบนั้นควรจะเป็นความคิดของลุดวิกน้องชายเขา ไม่ใช่ของเขา... ท่านกิลเบิร์ต ไวร์ชมิทผู้เกรียงไกรคนนี้...

               

                ชายชาวเยอรมัน-ปรัสเซียนพลิกตัวหลบแสงแดดที่ส่องมาเหมือนกับพยายามจะไล่ให้เขาตื่นอย่างเต็มที่... ทว่าความพยายามของเขาก็ต้องสิ้นสุดลงเมื่อพลิกไปพลิกมา กลายเป็นว่าเขามาอยู่บนพื้นข้างเตียงแทนการนอนอยู่บนเตียง...

     

                เจ็บชะมัด... เช้านี้เป็นเช้าที่ไม่ออวซั่มเลยซักนิด...

     

                กิลเบิร์ตคิดพลางค่อยลุกขึ้นจากพื้น... จับเอวตัวเองที่บาดเจ็บจากการนอนกลิ้งตกเตียงเดินเขย่งๆไปยังห้องน้ำ... ชื่นชมใบหน้าของตัวเองในกระจกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มนึกถึงภารกิจพิเศษที่เขาต้องทำในวันนี้...

     

                วันนี้เจ้าแว่นนั่นมาหาลุดวิกนิ่... ต้องไปก่อกวนซะแล้ว...

     

                คิดพลางเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาข้างฝา... นาฬิกาไม้เยอรมันโบราณซึ่งมีลูกตุ้มเหล็กห้อยอยู่บอกเวลาอ่านอย่างเป็นทางการได้ว่า 13 นาฬิกา 30 นาที...

     

                ออสเตรียจะมาตอนเกือบๆบ่ายสองเท่ากับเขามีเวลาไม่ถึงชั่วโมงในการรีบออกจากบ้านเดินขึ้นรถไฟไปที่ทำงานลุดวิก...

     

                ...แต่จริงๆแล้วในโรงรถยังเหลือรถอีกคันนึงนะ... แม้จะเป็นคันรักของลุดวิกที่สั่งห้ามอย่างเด็ดขาดไม่ให้เขาขับก็เหอะ...

     

                ...รีบๆอย่างนี้ถ้าแอบเอามาใช้ลุดวิกคงไม่ว่าหรอก...

     

    ... มั้ง...

     

    คิดได้อย่างนั้นปรัสเซียจึงรีบเดินไปค้นกุญแจรถจากห้องนอนน้องชายแล้วรีบเดินไปยังโรงจอดรถ...

     

    ภายในนั้น... รถสปอร์ตสัญชาติเยอรมันยี่ห้อดังคันงามสีบอร์ซเงินเปิดประทุนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเร็วที่สุดในสมัยนั้นจอดอยู่...

     

    กิลเบิร์ต ไวร์ชมิทยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างนึกสนุก...

     

    ลุดวิกนี่ใช้ของได้อย่างน่าเสียดายจริงๆ... มีรถดีๆแต่ไม่เคยเอาออกมาขับกลับใช้รถเก่าๆจะพังแหล่มิพังแหล่คันนั้นไปทำงานทุกวัน...

     

    บางทีน้องชายเขาก็มีเหตุผลมากเกิน จนเข้าใจยากเกินไปจริงๆ...

     

    .

     

    .

     

    .

     

                ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 10 นาที ด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดเท่าที่รถคันนั้นจะสามารถเร็วได้ทำให้กิลเบิร์ตมาถึงที่ทำงานลุดวิก...

     

                แต่ในห้องทำงานไร้วี่แววของชายเจ้าของห้อง... มีเพียงแต่ชายเจ้าของผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม ใส่แว่นกับหงอนน้อยที่เด้งออกมาจนเขาสะดุดตานั่งอยู่...

     

                โรเดริค เอลเดสไตน์ ทำหน้าบึ้งเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับใบหน้าของเขาซึ่งส่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีให้ชายชาวออสเตรีย...

     

                โย่! หวัดดีเจ้าแว่น ลุดวิกไปไหนอ่ะ?

     

    ส่งเสียงทักทายคนที่นั่งอยู่ก่อนพลางนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันข้างๆตัวแทนประเทศออสเตรีย

     

    แต่ปฏิกิริยาตอบรับจากออสเตรียคือการเขยิบหนีมานั่งติดขอบเก้าอี้... บวกกับสายตาเชิงตำหนิใส่เขาที่เรียกตัวเองว่าเจ้าแว่น

     

    ...หนอย... ปฏิเสธความใกล้ชิดของท่านกิลเบิร์ตผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ได้ยังไง...

     

    ลุดวิกไปอิตาลี ฉันรู้ว่านายจะต้องมาแน่ๆเลยนั่งรอ

     

    กิลเบิร์ตขมวดคิ้วสงสัยทันทีที่ได้ยินคำตอบจากออสเตรีย แต่ก็เปลี่ยนสีหน้าใหม่เป็นดีใจเมื่อได้รู้ว่าออสเตรียมานั่งรอเขา...

     

    ...นานๆทีออสเตรียจะมาหาเขาซักที... อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นบ้างล่ะน่า...

     

    แล้ววันนี้นายมาหาลุดวิกทำไมอ่ะ?

     

    ด้วยความอยากรู้อยากเห็นในธุระของน้องชาย ทำให้เขาอดถามชายคนข้างๆไม่ได้ ชายชาวออสเตรียเงียบไปครูหนึ่ง ก่อนจะทำหน้าหงุดหงิดแล้วบ่น

     

    ก็รัสเซียสนับสนุนให้พวกเซิร์บก่อกบฏ... ไม่รู้หรอกนะว่า อีวาน บรานกินส์กี้ นั่น อยู่เบื้องหลังจริงรึเปล่า แต่ได้ยินมา...

     

    พวกเซิร์บหรือประเทศแถบทะเลบอลข่านอยู่ใต้การปกครองของออสเตรีย-ฮังการี่มานานเกิดจะมาก่อกบฏ... เขาถึงคิดว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่เป็นฝีมือของรัสเซียแน่ๆ..

     

    ปรัสเซียทำหน้าครุ่นคิดอย่างดูจริงจังเกินเหตุในสายตาของออสเตรียเนื่องจากกิลเบิร์ตไม่เคยคิด... ทำให้ออสเตรียเอาแขนยกขึ้นเท้าคางสังเกตใบหน้าของชายชาวปรัสเซียนชัดๆ...

     

    ดวงตาสีแดงทอดมองอย่างไม่เจาะจงเหมือนกับพยายามนึกอะไรบางอย่าง ผมสีขาวๆเงินๆนั่นแม้จะชี้ๆไม่เป็นทรงแต่เมื่อล้อมรอบใบหน้าเรียวๆนั่นก็... พอดูได้... ขึ้นมานิดหน่อย

     

    ถ้าปรัสเซียหัดทำตัวให้ดีๆเป็นผู้เป็นคนหน่อยก็คงจะดี...

     

    ความคิดของชายชาวออสเตรียถูกขัดโดยเสียงเปิดประตูของคนที่เขาคิดว่าคือผู้ช่วยของลุดวิก...

     

    ทว่าเมื่อบุคคลที่เขาคาดไม่ถึง และไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมาปรากฏตัวที่นี่ก็โผล่ขึ้นมาเบื้องหลังประตูทำให้ออสเตรียต้องลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ...

     

    กิลเบิร์ตเงยหน้าขึ้นมามองบุคคลผู้มาเยือนก่อนจะแสดงอาการตกใจทำตาโตเช่นเดียวกับออสเตรียเมื่อเห็นใบหน้าผู้มาใหม่ชัดๆ

     

    ชายร่างสูงสวมเสื้อโค้ชตัวยาวและผ้าพันคอพันรอบคอหลายตลบส่งรอยยิ้มฉีกยิ้มแบบเดิมให้เขา...

     

    ...แต่หันไปส่งรอยยิ้มที่กว้างกว่าให้แก่ออสเตรีย บวกกับสายตาเจ้าเล่ห์แนวๆฉลาดแกมโกง...

     

                นั่นทำให้ออสเตรียขนลุก... ยกมือขึ้นขยับแว่นตาตัวเองให้เข้าที่อย่างปะหม่า... อีวาน บรานส์กี้เดินเข้ามาในห้องทำงานอย่างไม่สนใจ ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างปรัสเซียแทนที่ออสเตรีย...

     

                ผมอยากคุยกับคุณปรัสเซีย... แต่ไปหาที่บ้านแล้วไม่มีคนอยู่...

     

                ปรัสเซียอ้าปากค้างกับการกระทำของคนที่เพิ่งนั่งลงข้างๆ หมอนี่ไปหาเขาที่บ้าน! ไปที่บ้านเขา... มันรู้ที่อยู่บ้านเขาตั้งแต่เมื่อไหร่...?

     

                ยิ่งไปกว่านั้น... หมอนี่รู้ได้ไงว่าบ้านเขาไม่มีคนอยู่... ในเมื่อโรงรถเขาก็มีประตูเหล็กปิดมิดชิดมีหลังคาครอบ... ถึงจะดูผ่านหน้าต่างหน้าบ้านแต่เท่าที่เขาจำได้ผ้าม่านมันปิดอยู่...

     

                ไม่มีทางรู้จากด้านนอกได้แน่ๆ...

     

                ...รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยในการดำเนินชีวิต...

     

                ปรัสเซียหันหน้ามาเผชิญหน้ากับรัสเซีย ก่อนจะทำหน้าจริงจังแล้วเอ่ย...

     

                แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่นี่?

     

              รัสเซียส่งรอยยิ้มกว้างให้ปรัสเซียแต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไร ชายร่างสูงก็ถูกขัดจังหวะโดยสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งคนที่อยู่ในห้องซะก่อน...

     

                ปรัสเซีย... ไหนนายบอกว่าไม่ได้ติดต่อกับรัสเซีย?

     

                ออสเตรียที่ยืนอยู่ก้มลงจ้องหน้าเขา ขมวดคิ้วส่งสายตาคาดคั้นขณะพูด... ในขณะที่รัสเซียหุบยิ้มทำหน้าเหรอหราหันมาจ้องเขาอีกคนด้วยสายตาที่ดูเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่น... แบบที่หากมีการให้คะแนนการแสดงเขาคงให้ไอ้หมอนี่เต็ม...

     

                ทำไมทุกคนดูกดดันเขากันจัง...?

     

                ปรัสเซียทำหน้าย่น ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวเดินออกนอกห้องด้วยรู้ว่าอีกไม่นานเดี๋ยวลุดวิกคงกลับมาแก้ปัญหานี้แทนเขา แต่ก็ต้องหยุดการกระทำของตัวเองลงเมื่อถูกมือคว้าไว้...

     

                มือหนึ่งคว้าไหล่เขา กันไม่ให้เขาเดินไปที่ประตู...

     

                อีกมือหนึ่ง เอื้อมมาจับข้อมือเขาไม่ให้เดินไปข้างหน้าได้...

     

                ...ทำไมวันนี้ท่านกิลเบิร์ตผู้ยิ่งใหญ่ถึงรู้สึกไม่ค่อยยิ่งใหญ่เท่าไหร่... เหมือนสลับรางรถไฟผิดให้รถไฟชนกันยังไงอย่างนั้น...

     

                ...ซึ่งถ้ารถไฟสองขบวนที่กำลังชนกันอยู่นี่เป็นสาวๆที่บาร์อย่างปกติคงจะทำให้เขารู้สึกดีใจมากกว่านี้...

     

                เมื่อหันไปสบตากับออสเตรียแล้วเจอสายตาคาดคั้นแบบเดิมทำให้เขาตัดสินใจนั่งลงที่เดิม... หันไปอีกทางก็เจอกับหน้าของรัสเซียที่ดูงงๆ ไร้เดียงสาจนอยากต่อย...

     

                กิลเบิร์ตถอนหายใจเฮือกใหญ่ทำลายความเงียบ ก่อนที่คนที่เริ่มพูดก่อนจะเป็นรัสเซีย...

     

                คุณออสเตรียครับ... ผมได้ข่าวมาแหละว่าคุณเซอร์เบียปฏิบัติกับคุณไม่ดีเท่าไหร่... มีอะไรให้ผมช่วยบอกได้นะครับ

     

                ออสเตรียขมวดคิ้วจ้องหน้ารัสเซียอย่างโกรธๆ... ก่อนจะยกมือขึ้นขยับแว่นแล้วหมุนตัวหันหน้าไปที่ประตู

     

                คงไม่ล่ะ... ฉันจัดการเองได้...

     

                เอ~ แต่ว่าพักหลังนี่สถานการณ์ในเซอร์เบียดูรุนแรงขึ้นมากเลยนะครับ คุณออสเตรียน่าจะระวังตัวดีๆนา

     

                ออสเตรียตั้งใจจะเอ่ยตอบทว่ารัสเซียเหมือนจะยังพูดไม่จบประโยค...

     

                เห็นว่าคุณเซอร์เบียก็ติดต่อกับหลายประเทศอยู่เหมือนกันนะครับ วันก่อนยังมาหาผมอยู่เลย... ขอร้องให้ผมช่วยไล่คนของคุณออสเตรียออกไปจากประเทศ แต่ว่านะครับ...

     

              อีวาน บรานส์กี้ เว้นวรรคประโยคก่อนจะเอ่ยต่อโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของออสเตรียที่หันหน้ากลับมาจ้องอย่างอารมณ์เสียที่ตน

     

                ผมคงทำใจทำร้ายคุณออสเตรียไม่ลงหรอก... ถึงแม้ว่าโอกาสตอนนี้จะเหมาะมากเลยก็ตาม...

     

                กิลเบิร์ต ไวร์ชมิท นั่งมองชายชาวรัสเซียเล่นสงครามประสาทกับเพื่อนสนิทของตัวเองเงียบๆอย่างไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย... มองภาพเพื่อนของตอนอ้าปากพยายามจะเถียงรัสเซียแต่ดูเหมือนตัวแทนจากประเทศแห่งความหนาวจะไม่ยอมฟังพูดความคิดเห็นของคนอื่น ยังคงพูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสาต่อไป...

     

                ทั้งราชวงศ์ของคุณออสเตรียกำลังอ่อนแอ... ทั้งกบฏในประเทศที่คุณครอบครอง... จริงๆแล้วผมน่าจะเอาทหารบุกเลยด้วยซ้ำนะครับเนี่ย บรรยากาศตอนนี้กำลังน่าสนุก

     

                รอยยิ้มของรัสเซียกว้างขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ชายชาวออสเตรียเริ่มหมดความอดทนลงเรื่อยๆ

     

                ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น! ที่นายพูดมามันไม่จริงซักนิด!”

     

              ประโยคคำตอบจากออสเตรียเรียกเสียงหัวเราะเล็กๆจากรัสเซียทำให้ โรเดริค เอลเดสไตน์ ยิ่งโมโหหนัก

     

                เอ~ ผมว่าคุณออสเตรียอย่าหลอกตัวเองเลยดีกว่านะครับ...

     

                รัสเซีย! นายกล้าดียังไง!”

     

              ใบหน้าของตัวแทนประเทศออสเตรียแดงก่ำด้วยความโกรธ ยกมือชี้นิ้วใส่รัสเซียอย่างลืมตัวหลุดจากมาดคุณชาย... แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่สะทกสะท้านของรัสเซีย ชายออสเตรียจึงสูดหายใจลึกๆเข้าปอดคิดกับตัวเองในใจว่าไม่ควรเอาพิมเสนไปแลกกับเหลือ หันหน้าตั้งใจจะเดินไปที่ประตู

     

                แต่ดูเหมือนรัสเซียจะไม่จบแค่นั้น...

     

    เพราะว่าตอนนี้สัญญาเป็นพันธมิตรกับเยอรมันก็กำลังจะหมดแล้วใช่มั้ยครับ? เดี๋ยวอีกไม่นานเยอรมันก็คงปฏิเสธสัญญาคุณ ผมว่าคุณออสเตรียรี..

     

                ยังไม่ทันที่รัสเซียจะจบประโยค ออสเตรียก็เดินปึงปังออกจากห้องไปอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันหลังมาทิ้งท้าย...

     

                กิลเบิร์ต! หวังว่านายคงจะมีคำอธิบายดีๆ อธิบายฉันทางโทรศัพท์นะ!”

     

              เสียงปิดประตูอย่างรุนแรงของออสเตรียทำให้ห้องทำงานของลุดวิกกลับเข้ามาสู่ความเงียบอีกครั้ง...

     

                โดยมีปรัสเซียแสร้งทำท่าหาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม ในขณะที่รัสเซียเปลี่ยนจากการทำหน้าไร้เดียงสาหันไปทำหน้านิ่งใส่ปรัสเซีย... ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม...

     

                กิลเบิร์ต ไวร์ชมิทที่กำลังยกมือขึ้นปิดปากที่กำลังอ้าอยู่ค้างสตาฟอยู่ที่ท่านั้นทันที่ที่เห็นใบหน้านิ่งๆของรัสเซีย...

     

                ชิท... ลืมไป... ยังเหลือรัสเซีย...

     

                อย่างน้อยคุณก็น่าจะขอบคุณผมนะครับที่ไล่ออสเตรียออกไปได้

     

                โอเค... มันยังไม่ได้พูดตรงประเด็นขนาดนั้น... แสดงว่ายังไม่โกรธเท่าไหร่...

     

                แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะลืมเรื่องที่คุณเล่นตุกติกกับผมนะครับ

     

                ทีนี้รอยยิ้มของชายชาวรัสเซียกลับมาปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้า... แต่สายตาที่มองเขากลับน่ากลัวยิ่งกว่ารอยยิ้มเสแสร้งๆนั่น...

     

                ...เหมือนสายตาของผู้พิพากษาโรคจิตมองตอนได้ตัดสินประหารชีวิตนักโทษ...

             

    แต่เผอิญว่าเขาออวซั่มเกินกว่าจะเป็นนักโทษธรรมดาๆให้ถูกย่ำยีอ่ะนะ...

     

                กิลเบิร์ตส่งรอยยิ้มกว้างกวนประสาทให้กับรัสเซียก่อนจะเอ่ย

     

                ก็แล้วนายจะทำไง ลงโทษฉันงั้นหรอ? ฉันเซ็นสัญญากับออสเตรียก่อนจะเซ็นกับนายซะอีก...

     

                ทิ้งช่วงประโยคก่อนจะอธิบายต่อ

     

                ที่ฉันทำก็ไม่เห็นจะตุกติกยังไง ฉันก็ยังเซ็นสัญญากับนายอยู่ แต่ก็เซ็นกับศัตรูนายด้วย ในสัญญาไม่ได้บอกไว้นิ่ว่าห้ามเยอรมันเป็นพันธมิตรกับออสเตรีย

     

                อีวาน บรานส์กินส์กี้ เงียบไปครูหนึ่งก่อนจะตอบคำถามที่ชายชาวเยอรมันถาม

     

                ไม่ทำไมหรอกครับ... แค่ผมรู้สึกเหมือนตัวเอง ถูกใช้... แล้วเหตุการณ์นี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อน

     

              ชายชาวรัสเซียมองหน้ากิลเบิร์ตนิ่งๆอย่างจริงจังจนเขาเริ่มรู้สึกกลัวถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา... ปล่อยให้ความเงียบครอบงำทั่วท้องห้องอยู่ชั่วครู่เมื่อปรัสเซียไม่มีท่าทีว่าจะเอ่ยปากแก้ตัวอะไรอีก อีกฝ่ายจึงเอ่ยขึ้นเพิ่มก่อน

     

                คิดว่าคงไม่มีคราวหน้านะครับ

     

                รัสเซียทำท่าเหมือนจะพูดต่อแต่ประโยคของชายชาวปรัสเซียนกลับชิงตัดหน้า

     

                ห้ะ? แค่นี้อ่ะนะ? ไหนเขาบอกว่ารัสเซียโหดเหี้ยมอำมหิตนักไง ไม่เห็นจะจริงอย่างที่พูด

     

                ...เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกไปนะ... แค่คิด... จริงๆนะ... ไม่ได้ตั้งใจจะพูดเลยซักนิด...

     

                ประโยคนั้นเรียกให้ชายชาวรัสเซียหันหน้ามาหาเขา นัยน์ตาสีม่วงจ้องเขาด้วยแววตาลึกลับอย่างที่สัญชาตญาณของเขาเตือนว่าอันตราย เมื่อรวมกับใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มอย่างปกติแล้วทำให้เขาอดขนลุกไม่ได้...

     

                ดูลึกลับ... อันตราย... แต่ก็น่าค้นหา...

     

                ความรู้สึกลึกๆในใจเพียงชั่ววูบของ กิลเบิร์ต ไวร์ชมิท คิดว่าชายชาวรัสเซียมีพลังดึงดูดบางอย่างที่ทำให้อยากจะเขาเห็นด้านอื่นๆของ อีวาน บรานกินส์กี้ ที่ไม่มีใครเคยเห็น...

     

                แต่แล้วภวังค์ความคิดของปรัสเซียก็ถูกทำลายลงเมื่อรัสเซียยิ้มแล้วหลุดเสียงหัวเราะในลำคอออกมาให้เขาได้ยินเป็นครั้งแรก...

     

                ครั้งแรกที่เขาได้ยิน อีวาน บรานกินส์กี้ หัวเราะ...

     

                แม่เจ้า... อยากรีบกลับบ้านไปเขียนไดอารี่...

     

                ฮ่ะ... ฮ่ะ... ฮ่าๆๆ หน้านายตลกมาก

     

                รัสเซียเพิ่งบอกว่า หน้าตาอันหล่อเหลาของท่านกิลเบิร์ต ไวร์ชมิท ตลกงั้นหรอ! ฮึ่ยยย!! บังอาจจ!

     

                ตอนแรกนายก็ทำหน้าดูเหมือนกลัว แล้วก็เปลี่ยนมาเป็น... อีกอย่าง แล้วก็หน้าแดง... แล้วก็ทำหน้าตกใจ ฮ่ะ ฮ่ะ...

     

                ฉันไปหน้าแดงตอนไหน!”

     

                พยายามประท้วงว่าเขาไม่ได้หน้าแดง... รัสเซียต้องบ้าไปแล้ว หน้าแดง = เขิน พจนานุกรมของนักรบผู้ยิ่งใหญ่อย่างปรัสเซียไม่มีคำว่าเขินอยู่ในนั้น...

     

              ไม่มีทาง!

     

                นี่ไงตอนนี้ไง นายหน้าแดงอยู่ ฮ่าๆๆ

     

                กิลเบิร์ต ไวร์ชมิทกัดฟันอย่างหงุดหงิด... กำหมัดแน่นด้วยอาการอยากต่อยใครซักคน... โดยเฉพาะคนที่ชื่อ อีวาน บรานกินส์กี้ จะโดนคนแรกอย่างไม่ต้องสงสัย...

     

                ท่านกิลเบิร์ตคนนี้ไม่มีทางเขินเป็นอันขาด! นายคงตาฝาดแล้ว!

     

                เขาคาดหวังให้คนข้างๆหยุดอาการหัวเราะอาจจะยอมนั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวยอมรับว่าเขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ หรือยอมพ่ายแพ้ให้แก่เขา หรืออะไรอย่างอื่นก็ได้ที่ไม่ใช่หัวเราะ...

     

                ทว่ารัสเซียก็ยังคงหัวเราะอยู่นั่นเอง...

     

                ...น่าหงุดหงิด น่าหมั่นไส้ น่าหงุดหงิด...

     

                กิลเบิร์ตบ่นพึมพำด้วยความที่ไม่ได้ดั่งใจในขณะที่อีวานนั่งกุมท้องหัวเราะปฏิกิริยาของคนข้างๆ

     

                เพราะอย่างงี้ไงฉันถึงได้ชอบนาย ฮ่าๆๆๆ

     

                ...กิลเบิร์ต ไวร์ชมิท ชายสัญชาติเยอรมัน เชื้อชาติปรัสเซียไม่ได้รู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้าเลยซักนิด... และไม่มีทางรู้สึกด้วยว่าตัวเองกำลังหน้าแดง...

     

                คนอย่างปรัสเซียไม่มีทางเขินเพราะคำพูดของรัสเซียเด็ดขาด...

     

                ไม่มีทาง และไม่มีวัน!

     

    .

     

    .

     

    .

     

               

     

             

              ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บนหัวมุมถนนๆหนึ่ง ในกรุงปารีส...

     

                ชายผู้แทนประเทศฝรั่งเศสกรีดนิ้วหยิบแก้วบรรจุน้ำสีแดงหมักจากองุ่นขึ้นหมุนมองไวน์ชั้นดีกลิ้งไปมาในแก้วอย่างใจเย็นก่อนจะยกขึ้นจิบทีละนิด...

     

                อากาศในปารีสตอนนี้กำลังดี... ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกิดไป สามารถนั่งได้อย่างสบายๆโดยไม่ต้องใส่เสื้อโค้ชตัวหนาให้เกะกะหรือใส่ผ้าพันคอ ประกอบกับแสงแดดอุ่นๆยามสายทำให้ร้านอาหารบนถนนมีคนมานั่งจับจองจิบกาแฟเป็นจำนวนมาก...

     

                หรืออาจจะเพราะวันนี้เป็นวันหยุด...

     

              ฟรานซิส บอนเนฟอย ยกข้อมือของตัวเองขึ้นดูเวลาที่นาฬิกาสายหนังสีน้ำตาลแดงดูหรูหรามีสไตล์ตามนิสัยเจ้าตัวก่อนจะมองไปรอบๆแล้วส่งยิ้มให้กลุ่มสาวๆที่ดูท่าทางเหมือนนักศึกษาโต๊ะข้างๆ

     

                ชายชาวฝรั่งเศสนั่งชื่นชมความงามของบรรยากาศรอบๆตัวเองอย่างอารมณ์ดี มองผู้คนเดินข้ามถนน มองรถราวิ่งอย่างมีจุดหมายไปยังที่ต่างๆ มองประเทศตัวเองซึ่งพัฒนาจากการมีแค่ทุ่งหญ้าให้เขาวิ่งเล่นกลายมาเป็นประเทศในวันนี้...

     

                พลางเล่นหูเล่นตากับสาวๆโต๊ะข้างๆ...

     

                ...ถ้าไม่หว่านเสน่ห์ก็คงไม่ใช่ ฟรานซิส บอนเนฟอย...

     

                ตัวแทนประเทศฝรั่งเศสกวาดมองรอบๆไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่กับชายตัวเตี้ยใส่เสื้อเชิ้ต เนคไท สวมเสื้อกั๊กทับอีกทีด้วยเสื้อสูท กางเกงสแล็ค...

     

                ลักษณะการแต่งตัวของชาวต่างชาติประเทศเพื่อนบ้าน... คนที่เขากำลังรอไม่ผิดแน่...

     

                ชายเจ้าของผมสั้นสีบลอนด์มองหน้าเขา นัยน์ตาสีเขียวนั่นส่อแววหงุดหงิด เกือบจะดูน่ากลัวแล้วถ้าไม่ติดว่าเขาเหลือบไปเห็นคิ้วหนาๆ ซึ่งขมวดอยู่นั่น

     

                “Bonjour Angleterre”

     

                ว่าเสร็จก็ส่งรอยยิ้มเอกลักษณ์ของคุณพี่ฝรั่งเศสให้ทำให้คนตรงหน้ายิ่งทำหน้าหงุดหงิดกว่าเดิมแต่ก็ถอดเสื้อสูทออกนั่งลงข้างๆเขา

     

                นายนัด 9 โมงครึ่ง นี่มันเพิ่ง 9 โมง 25...

     

                ชายชาวอังกฤยหยุดประโยคลงเป็นเชิงตั้งคำถามเขาจึงส่งรอยยิ้มกว้างให้คนข้างๆอย่างกวนๆ

     

    ใช่ๆ... คุณพี่แค่อยากมาก่อนให้สุภาพบุรุษหงุดหงิดเล่นน่ะ

     

                อาเธอร์ เคิร์กแลนด์ขมวดคิ้ว กัดฟันตัวเองอย่างหงุดหงิดที่โดนล้อ... หันหน้าไปสั่งชากับบริกรแล้วหันมาพูดต่อ

     

                ยิ่งอยู่กับนายนานขึ้นเท่าไหร่ฉันยิ่งหงุดหงิด รีบคุยเรื่องของนายให้เสร็จๆซะฉันจะได้รีบกลับ

     

                ประโยคนั้นทำให้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าจากชาวฝรั่งเศสครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นแบบเดิมพร้อมกับประโยคต่อมา

     

                เพราะนายทนความหล่อกับเสน่ห์อันร้อนแรงของคุณพี่ไม่ได้ใช่มั้ยล่า โฮะๆๆ

     

                พูดพลางทำท่าเสยผมตัวเองด้วยท่าที่ดูเหมือนจะเท่มาก แล้วยกมือมาแตะที่ปากทำท่าส่งจูบอันเป็นเอกลักษณ์

     

     

                ...แต่ไม่ได้ดูดีเลยซักนิด ในสายตาของ อาเธอร์ เคิร์กแลนด์...

     

                มีแต่คนตาบอดเท่านั้นแหละที่หลงเสน่ห์กบอย่างนาย แค่พูดว่ากินหอยทากก็ไม่อยากจะยุ่งด้วยแล้ว

     

                ทว่าแทนที่ฟรานซิสจะหงุดหงิดกับคำสบประมาท กลับหัวเราะมากยิ่งขึ้นไปอีกก่อนจะพูด

     

                โฮะๆๆ ถ้าอย่างนั้นคนคงตาบอดทั้งประเทศเลยแหละ และถ้าคุณพี่เป็นกบก็คงเป็นเจ้าชายกบ...

     

                อาเธอร์ทำท่าจะเถียง แต่ฟรานซิสยกนิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปากชายชาวอังกฤษทำให้ใบหน้าของตัวแทนเมืองผู้ดีแดงขึ้นด้วยความโกรธ

     

                ...แต่ก็นะ... แค่เมนูเอสคาร์โก้ของคุณพี่ก็อร่อยกว่าความอร่อยของอาหารทั้งประเทศนายซะอีก โฮะๆๆ

     

                อาเธอร์ เคิร์กแลนด์ใช้มือตบโต๊ะอย่างอารมณ์เสียหลุดมาดสุภาพบุรุษเผยให้เห็นอดีตตอนที่ยังเป็นโจรสลัดอยู่ชั่วคราว... ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโหชายชาวฝรั่งเศสตรงหน้า

     

                ไอ้กบเอ้ย! ไอ้บ้ากาม! ไอ้หน้าม่อ! ไอ้...

     

                ทว่ายิ่งชายชาวอังกฤษด่าคนข้างๆเท่าไหร่ รอยยิ้มของฟรานซิสก็ยิ่งกว้างมากขึ้นเท่านั้น พลางสะบัดผมสีทองสั้นประบ่าที่ตัวเองภูมิใจอย่างมีจริต

     

                เอาล่ะๆ... เข้าเรื่องกันดีกว่านา... เดี๋ยวมิสเตอร์คิ้ว 5 ชั้นจะเสียเวลาไปมากกว่านี้

     

                คนที่ถูกว่าว่ามีคิ้ว 5 ชั้นกำลังจะเถียงเพื่อปกป้องความงามของคิ้วตัวเองแต่อีกฝ่ายกลับเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว เอ่ยขึ้นอย่างจริงจังขัดก่อน

     

                คุณพี่ได้ข่าวมาว่าอังกฤษถูกเยอรมันปฏิเสธสัญญาเป็นพันธมิตรหรอ

     

                อังกฤษกลับมาควบคุมสติอารมณ์แล้วตอบกลับอย่างจริงจังเป็นการเป็นงานไม่แพ้กัน

     

                ใช่... เยอรมันให้ฉันรอตั้งหลายชั่วโมง แต่สุดท้ายก็บอกให้มาหาใหม่วันอื่น อย่างนี้มันจงใจปฏิเสธกันชัดๆ!”

     

                ฟรานซิสใช้มือลูบเคราหนวดที่คางตัวเองพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด...

     

                เยอรมันไม่ใช่คนอย่างนั้น น่าจะมีเหตุผลอื่นมากกว่า...

     

                แต่ที่เขาได้ยินมาจากเจ้านาย เจ้านายเขาบอกว่าเจ้านายของเยอรมันไม่น่าจะอยากเป็นพันธมิตรกับอังกฤษอยู่แล้ว เพราะตอนนี้เหมือนต่างคนต่างแข่งกันชิงความเป็นใหญ่อยู่...

     

                ถึงเยอรมันได้คุยกับอังกฤษจริงสัญญาการเป็นพันธมิตรก็คงจะไม่เกิดขึ้น...

     

                ...นั่นเป็นสาเหตุทำให้อังกฤษไม่พอใจเยอรมัน...

     

    ...ทำให้เขามีพวกไปทวงแคว้นคืนแล้วตอนนี้...

     

                แล้วคุณสุภาพบุรุษพอจะบอกคุณพี่ได้มั้ยว่าจะทำยังไงต่อไป

     

                อาเธอร์หันหน้าไปทางถนนของกรุงปารีส... สายตาไม่จับจ้องอะไรเป็นพิเศษอย่างใช้ความคิด...

     

                นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องจำใจมานั่งกับนายตรงนี้ไง

     

                พูดเสร็จก็หันหน้ากลับมาจ้องตัวแทนประเทศฝรั่งเศส... ทิ้งช่วงนิดนึงก่อนจะพูดต่อ

     

                ใช่ว่าฉันอยากจะเป็นพันธมิตรกับประเทศไม่ได้เรื่องอย่างนายหรอกนะ! สถานการณ์มันบังคับหรอก!”

     

                ฟรานซิสมองคนตรงหน้าที่หลุดนิสัยเดิมออกมาอย่างขำๆ... นับว่าเป็นความคิดที่ตรงกันครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีเลยทีเดียว...

     

                แต่ก็จริง... สถานการณ์ตอนนี้มันบังคับให้ประเทศคู่กัดหลายร้อยปีสองประเทศต้องมาเป็นพันธมิตรกันอย่างช่วยไม่ได้... หลังจากต้องผ่านสงครามด้วยกันมาหลายร้อยครั้ง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่อยู่ฝ่ายเดียวกัน...

     

                งั้นก็ดีเลย~ คุณพี่คิดไว้เหมือนกันว่าประเทศเพื่อนบ้านที่เจริญน้อยกว่าคุณพี่นิดนึงจะต้องคิดแบบนี้

     

                อาเธอร์ เคิร์กแลนด์กำหมัดแน่นสงบสติอารมณ์เมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มกวนประสาทอีกรอบ พยายามห้ามตัวเองไม่ให้หมดความอดทนตั๊นหน้าคนกวนประสาทนี่ไป

     

                ถ้าร่วมมือกันเราจะได้ประโยชน์มากกว่าจริงมั้ย แล้วยังมีรัสเซียอีก...

     

                คำว่ารัสเซียทำให้อังกฤษหันหน้าขวับไปทันทีที่ฟรานซิสเอ่ยชื่อ

     

                ไม่! ฉันจะไม่ทำสัญญาร่วมกับหมอนั่น!”

     

                ใจเย็นๆก่อนสิ... นอกจากเยอรมันแล้ว หมอนั่นก็น่าสนใจไม่น้อยนะ... ดีกว่าให้รัสเซียเปลี่ยนใจไปเข้ากับเยอรมันแล้วมารุมเรา

     

                อังกฤษนิ่งไปชั่วครู่ระรึกถึงความแค้นระหว่างตัวเองกับรัสเซีย... ก่อนจะบ่นพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง...

     

                ขนาดกับนายฉันยังยอมมาเป็ยพันธมิตรด้วยได้... รัสเซีย... ก็คงจะเหมือนล่ะกันมั้ง...

     

     

    ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะได้พูดอะไรชายชาวอังกฤษก็นึกอะไรบางอย่างออก...

     

                อ่าว แต่ไม่ใช่ว่ารัสเซียเป็นพันธมิตรกับเยอรมันอยู่หรอกหรอ?

     

                ทีนี้รอยยิ้มของฝรั่งเศสกว้างขึ้นกว่าเดิมอีกเท่านึง...

     

                สายตาเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ชายชาวอังกฤษนึกถึงสมัยตอนที่ตัวเองสู้กับคนข้างๆบนเรือระหว่างเดินทางไปยังทวีปใหม่...

     

                ...ประสบการณ์จากหลายร้อยสงครามที่เขาเป็นศัตรูอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฝรั่งเศสทำให้เขารู้จักรอยยิ้มนั้นเป็นอย่างดี...

     

                จะต้องมีคนอีกกี่ร้อยกี่พันคนกันที่เจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้...

     

                รอดูต่อไปเถอะอังกฤษ... ฉันว่าโชคจะเข้าข้างเรา

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

               

                ชายชาวเยอรมันนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขกตัวเองปล่อยให้ผมสีบลอนด์ที่ไม่ได้หวีให้เรียบแปลปาดเจลแบบปกติตกลงมาบนใบหน้า มือข้างหนึ่งกำลังยีกลุ่มผมนั้นให้เสียทรงด้วยอาการเครียดจากการใช้ความคิด...

     

                ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสวนที่เวนิส... เขาพยายามคิดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ออกมาจากสวนจนกระทั่งถึงบ้านตัวเองที่เยอรมันแล้วก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้...

     

                คิดจนปวดหัวมาตลอดทาง ลุดวิก ไวร์ชมิท ก็ยังนึกอะไรไม่ออกนอกจากใบหน้าหวานกับแววตาเจ็บปวดของชายชาวอิตาลีที่จ้องมายังเขาเท่านั้น...

     

              ทั้งท่าทางแปลกๆของอิตาลี... แววตาคาดหวัง... มันควรจะเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงใช่มั้ย... ทั้งความรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆแต่ก็รู้สึกเหมือนเป็นครั้งแรกนั่น...

     

                ชายชาวเยอรมันถอนหายใจอย่างสิ้นหวังก่อนจะตัดสินใจตามหาคนที่คิดว่าน่าจะอธิบายเรื่องบางอย่างให้เขาฟังได้ว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ซึ่งคนนั้นคือ กิลเบิร์ต ไวร์ชมิท ที่เลือกจะไม่อยู่บ้านในเวลาที่เขาต้องการตัวแบบนี้...

     

                ระลึกได้ว่าบ้านเงียบอย่างผิดปกติ... เพราะมัวแต่คิดเรื่องของเฟลิเซียโน่ทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตว่าชายชาวปรัสเซียไม่อยู่บ้าน...

     

                คำถามคือกิลเบิร์ตไปไหน? ทั้งๆที่น่าจะนั่งอยู่บ้านเฉยๆเพาะวันนี้ไม่ได้มีนัด...

     

                เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากโต๊ะข้างโซฟาทำให้ลุดวิกเขยิบตัวไปรับโทรศัพท์เครื่องสีดำที่ใช้กันในสมัยนั้นด้วยความหวังว่าบุคคลปลายสายคงจะเป็นพี่ชายของเขาโทรหาเพื่อให้ไปรับที่ไหนซักแห่ง

     

                ทว่าเสียงที่เขาได้ยินกลับเป็นเสียงของเพื่อนสนิทคนหนึ่งของพี่ชายแทน... ศิลปินนักเปียโน ตัวแทนประเทศออสเตรียกำลังพูดสายอยู่กับเขา

     

                ฮัลโหล นั่นใครน่ะ กิลเบิร์ตรึเปล่า ฉันรอนายไม่ไหวเลยโทรมาเองเลย

     

                เสียงของฝ่ายตรงข้ามดูร้อนรนอย่างแปลกๆ เหมือนมีเรื่องร้อนใจอะไรบางอย่าง ซึ่งตัดสินจากประโยคแล้วคงเป็นเรื่องที่รอไม่ได้จนต้องโทรมาเองอย่างที่เจ้าตัวว่า

     

                กิลเบิร์ตไม่อยู่ นายมีอะไรฝากไว้รึเปล่า

     

              เมื่อรู้ว่าเป็นเขาพูดฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนจะมีความจริงจัง เป็นการเป็นงานมากขึ้นนิดหน่อย ตอบ

     

                ...เยอรมัน... นายเป็นพันธมิตรกับรัสเซียด้วยใช่มั้ย

     

                แล้วก็เลือกที่จะตอบอย่างตรงประเด็นไม่มีการอ้อมค้อม...



    ลุดวิกเงียบไปครู่หนึ่ง ฟังอีกฝ่ายอธิบายขยายความเพื่อปะติดปะต่อเรื่อง

               

                วันนี้ฉันไปที่ทำงาน เจอกิลเบิร์ตกับรัสเซีย... กิลเบิร์ตบอกฉันว่าเยอรมันไม่ได้ติดต่อกับรัสเซีย... แล้วที่ฉันเจอหมายความว่ายังไง

     

                ชายชาวเยอรมันฟังคำพูดของออสเตรียแล้วก็เข้าใจเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้... อย่างที่เขาคาดไว้คือซักวันนึงเขาก็ต้องเลือกว่าต้องเป็นพันธมิตรกับประเทศข้างไหนระหว่างรัสเซียกับออสเตรีย... เพราะสองประเทศที่ขัดผลประโยชน์กันอยู่นี่คงไปด้วยกันไม่ได้...

     

                แต่ไม่นึกว่าวันที่เขาต้องเลือกข้างจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมาะเลยที่จะตอบปฏิเสธประเทศใดก็ตาม... หากฝากใดฝ่ายหนึ่งมีอำนาจมากกว่าย่อมได้เปรียบกว่า มีความมั่นใจในการชนะมากกว่า อาจทำให้เกิดสงคราม...

     

                ตามสัญญามันไม่ได้ระบุไว้ก็จริงนะ ว่าห้ามเยอรมันเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย... แต่นายก็น่าจะรู้สถานการณ์ระหว่างฉันกับรัสเซียดีใช่มั้ย

     

                ออสเตรียเว้นช่วงไปนิดหนึ่งก่อนจะต่อ

     

                นายจะทำยังไงก็แล้วแต่ แต่ฉันว่านายคงต้องเลือกแล้วล่ะ ว่าจะเข้าข้างใคร ฉันก็คงจะทำได้แต่หวังว่านายคงจะเลือกออสเตรีย

     

                หลังจากนั้นออสเตรียก็ตัดสายไป...

     

                ทิ้งเรื่องปวดหัวอีกหนึ่งเรื่องให้ลุดวิกกลุ้มใจ... ตั้งแต่วันที่เจออิตาลี ชีวิตเขาก็ดูเหมือนจะมีเรื่องยุ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน...

     

                ขณะที่กำลังคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชายชาวเยอรมันก็ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้านและเสียงวางกุญแจบนโต๊ะหน้าบ้าน...

     

                ดี... กลับมาซักที เขาจะได้คุยกับกิลเบิร์ตถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น...

     

                ปรัสเซียเดินผิวปากเข้ามาในห้องนั่งเล่นที่ลุดวิกนั่งอยู่อย่างอารมณ์ดี ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แล้วส่งรอยยิ้มยิงฟันให้น้องชาย

     

                ทำให้ชายชาวเยอรมันอดคิดไม่ได้ว่าพี่ชายดูอารมณ์ดีแปลกๆ... ทั้งๆที่กิลเบิร์ตบอกว่ารัสเซียมาที่ทำงานด้วย...

     

                พี่ไปไหนมา ออสเตรียโทรมาหาว่ารัสเซียมาที่ออฟฟิต

     

                ไปส่งรัสเซียที่สนามบิน ไอ้หมอนั่นงี่เง่า มาเองได้แต่กลับเองไม่ได้ต้องให้ท่านกิลเบิร์ตผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ขับไปส่ง

     

                แม้ประโยคจะดูเหมือนหงุดหงิดที่โดนใช้ แต่การกระทำของคนที่นั่งข้างๆเขาตอนนี้ดูไม่เหมือนคนอารมณ์เสียซักนิด

     

                ...แต่เดี๋ยวนะ... กิลเบิร์ตขับรถไปงั้นหรอ?

     

                กิลเบิร์ต พี่ขับรถไปด้วยหรอ?

     

                ทีนี้สีหน้าของชายชาวปรัสเซียซีดลงเล็กน้อย ยกมือปิดปากตัวเองก่อนจะเท้าแขนเตรียมลุกจากเก้าอี้

     

              “ปะ เปล่า... นายคงฟังผิดมั้ง ฉันนั่งรถไฟน่ะรถไฟ... นายหูฝาดแล้วล่ะ... เคะเซะเซะเซะ...

     

                เสียงกุญแจรถที่วางลงบนโต๊ะหน้าบ้านก่อนหน้านี้ยิ่งย้ำความมั่นใจของเขาว่าพี่ชายต้องเอารถคันนั้น ไปขับแน่ๆ... ทำให้ลุดวิกส่งยิ้มที่อันตรายให้แก่ปรัสเซีย

     

                คิดว่าคงได้ยินถูกแล้วล่ะ... ต่อจากนี้ไปหาข้าวกินเอาเองแล้วกันนะ... กิลเบิร์ต

     

                ลุดวิกพูดก่อนจะเดินไปทางประตูบ้านเพื่อเช็คสภาพรถคนรักที่พี่ชายเอาไปขับ...

     

                สภาพของรถที่จอดอยู่คือข้างๆประตูคนขับที่ควรจะเป็นสีบรอนซ์มีรอยสีดำเป็นเปื้อนพาดอยู่... คาดว่าคงจะไปเฉี่ยวกับอะไรซักอย่าง... เดินไปท้ายรถ ตรงกันชนมีรอยยุบเป็นแถบกับไฟท้ายที่ดูไม่สมประกอบนิดหน่อยคือมีรอยร้าว...

     

                รถคันที่เขาเสียดายเกินกว่าจะเอามาขับไปทำงานปกติ... คันที่คิดว่าจะมาขับในโอกาสพิเศษเช่นต้องไปงานกลางคืนหรืออะไรอย่างนี้เท่านั้น...

     

                ทั้งนี้เพื่อป้องกันโอกาสเสี่ยง ที่จะต้องเสียเงินมานั่งซ่อมอย่างกรณีแบบนี้...

     

                กิลเบิร์ต... ฉันเปลี่ยนใจแล้ว... วันนี้นายเตรียมตัวนอนนอกบ้านได้

     

                พูดพลางเดินกลับเข้ามาในตัวบ้านหาบางสิ่งบางอย่างที่จะใช้ในการต่อรองครั้งนี้

     

                เคะเซะเซะเซะ ตอนนี้ฉันก็อยู่ในบ้านแล้ว ไล่ท่านกิลเบิร์ตคนนี้ออกไปไม่ทันแล้วล่ะ ไอ้น้องชาย!”

     

                สิ่งๆนั้นเกาะอยู่บนขอบหน้าต่างตรงทางเข้าบ้านอย่างเหมาะเจาะทำให้ลุดวิกเดินเข้าไปช้าๆ ใช้อุ้งมือกำสิ่งมีชีวิตตัวนั้นอย่างพยายามคมใจไม่ให้จบชีวิตที่น่าสงสารในกำมือนั่นเมื่อนึกถึงเจ้าของ

     

                กิลเบิร์ต นายจะยอมไปดีๆหรือจะให้ฉันโยนไอ้นี่ออกไปนอกหน้าต่างแทน

     

                รอยยิ้มกวนประสาทของกิลเบิร์ตหุบลงทันทีที่เห็นน้องชายเดินเข้าห้องมาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงสุดที่รัก...

     

                อย่าทำอะไรกิลเบิร์ดสุดออวซั่มนะ! เฮ้ๆ ใจเย็นก่อน! ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ

     

                พูดพลางรีบเดินไปที่ประตูบ้าน... ชะโงกมาจากหน้าประตู โบกไม้โบกมืออย่างยอมแพ้

     

                เฮ้ๆ! นี่ไง ฉันอยู่นอกบ้านแล้ว! ปล่อยกิลเบิร์ดซะ!”

     

                ลุดวิกพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะปล่อยสิ่งมีชีวิตตัวน้อยซึ่งกำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนโต๊ะก่อนจะเดินไปปิดประตูบ้านแล้วล็อก...

     

                ทิ้งให้คนเบื้องหลังประตูถอนหายใจอย่างเซ็งๆ... แต่ก็ยังไม่หยุดคิดเล็กคิดน้อยในใจ...

     

                ถ้านั่งเครื่องบินไปนอนบ้านสเปนตอนนี้จะคุ้มกันมั้ยนะ...?

     

    .

     

    .

     

    .

     

                ถึง อีวาน บรานกินส์กี้ ประเทศรัสเซีย

     

    เนื่องจากสัญญาพันธมิตรระหว่างเยอรมันและรัสเซียถึงวาระที่จะต้องต่อสัญญา เยอรมันขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องบอกปฏิเสธในการต่ออายุสัญญาครั้งนี้ ซึ่งเป็นเหตุให้สัญญาการเป็นพันธมิตรระหว่างเยอรมันและรัสเซียเป็นโมฆะ

     

    ทั้งนี้ทางเยอรมันได้ทบทวนการตัดสินใจผ่านสภาต่างๆ โดยไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจใดๆทั้งสิ้น

     

    ขอแสดงความนับถือ

    ลุดวิก ไวร์ชมิท, เยอรมันนี

     

              ชายร่างสูงเจ้าของผมสีทองสว่างรัสเซียชาวคลี่จดหมายออกอ่านจากซองสีขาวสะอาด... ก่อนจะขยำมันปาทิ้งลงถังขยะ...

     

                            ไม่มีแม้แต่อาการไม่พอใจ... มีแต่แววตาความตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็นในเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเท่านั้นที่แสดงออกมาจากนัยน์ตาสีม่วงอ่อน...

     

                รัสเซียคลี่รอยยิ้มไร้เดียงสาแต่ดูอันตรายกว่าปกติแล้วเอ่ยเบาๆ

     

                คุณปรัสเซียเป็นมาโซคิสก็ไม่บอก... ถ้าชอบเล่นวิ่งไล่จับก็น่าจะบอกกันดีๆตั้งแต่แรก...

     

                ...ในสนามรบมีที่กว้างกว่าตั้งเยอะให้เล่นวิ่งไล่จับ...

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×