คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter X: Perfect Distraction
รู้ว่าขอโทษไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะไม่มีข้อแก้ตัวอะไรจริงๆนอกจากไม่มีอารมณ์เขียนต่อ
ถ้ามีคนอ่านก็ขอโทษจริงๆค่ะ ภาษากับพล็อตน่ารำคาญมาก แต่อยากลงจริงๆเพราะอยากแต่งให้จบ
ขอบคุณคอมเม้นและวิวมากๆ เพราะต่อให้เขียนฟิคแล้วสนุกยังไงก็ไม่รู้สึกดีเท่ากับมีคนอ่านหรือเม้น
โกเมนนาไซ
อยากจะตามมาตบ บึ้มบ้าน หรือระบายอารมณ์ว่าฟิคห่วยมาก @ทวิตมาได้ 555555555+
-------------------------------------------
Chapter X: Perfect Distraction
Some people live for the fortune
Some people live just for the fame
Some people live for the power, yeah
Some people live just to play the game
Some people think that the physical things
Define what's within
Some people want it all, but I want nothing at all. If it ain't you
If I Ain’t Got You–Alicia Keys
“ฉันถูกขังอยู่ในคุกรัสเซียข้อหาอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติแหละ เจ๋งใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
แม้ชายเจ้าของผมสีขาวนัยน์ตาสีแดงจะทำเหมือนเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร... แต่ที่จริงแล้วไม่ว่าเขาหรือใครก็ไม่ควรจะหัวเราะออก... เมื่อมาติดอยู่ในคุกของเจ้าซาดิสม์รัสเซียเซียเป็นครั้งที่สอง...
ท่าทางแผ่นดินนี้จะรับความออวซั่มของเขาไม่ไหวละมั้ง... มาทีไรก็ติดคุกทุกที...
...ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ที่นี่ที่เดียวหรอก...
“ใช้โทรศัพท์เสร็จแล้วก็รีบกลับเข้าไปได้แล้ว!!”
เสียงคนคุมคุกตะโกนอยู่ข้างหูเขาเป็นอะไรที่ไม่น่ารื่นรมย์นัก... เพราะเจ้าบ้ารัสเซียแท้ๆ... เขาไม่น่าหวังดีกับมันเลยจริงๆ...
“ทั้งหมด ทำความเคารพ!”
แอบตกใจกับท่าทางของทหารคนเมื่อกี๊นิดหน่อยที่จู่ๆก็เปลี่ยนท่าทางเป็นทำความเคารพทหารระดับสูงซักคน...
ไม่... ไม่ กิลเบิร์ต นายจะกลัวไม่ได้ คนออวซั่มอย่างนายไม่ยอมตายในคุกรัสเซียกระจอกๆแบบนี้แน่น่อน...
ทันทีที่เห็นร่างที่เดินเข้ามาเขาก็กลั้นหายใจ...
ชายชาวรัสเซียคนคุ้นเคยในชุดทหารประหลาดๆไม่เหมือนคนอื่น...
“นาย... อีกแล้ว... ฉันชักจะเบื่อหน้านายละ”
ไม่ได้อยากยอมรับเท่าไหร่ว่าดีใจที่ได้เห็นหน้า แต่ก็นะ... ออกจากคุกก็ยังดีกว่านอนในคุก
รัสเซียพยักหน้ายิ้มรับคำทักทาย เสียงกรุ๊งกริ๊งของเหล็กกระทบกันดังขึ้นจากการไขกุญแจ ปล่อยเขาให้เป็นอิสระ
“ท่าทางของนายที่น่าหมั่นไส้จริงๆ ฉันยังไม่เห็นต้องมีใครมาทำความเคารพซักคน”
รัสเซียหัวเราะก่อนหลีกทางให้ชายผู้ถูกคุมขังเดินออกมาจากห้องที่อยู่มานานหลายชั่วโมงได้สะดวก พลางตอบ
“นั่นเป็นเพราะเขาไม่อยากทำความเคารพคุณรึเปล่า?”
“ความคิดนายนี่น่าเอ็นดูจริงๆ ช่างกล้าคิด แน่นอนต้องมีคนอยากทำความเคารพกิลเบิร์ตสุดเท่คนนี้อยู่แล้ว”
อีวาน บาร์นสกี้ หัวเราะอีกครั้งให้กับความมั่นใจในตัวเอง หนึ่งในเอกลักษณ์ของคนตรงหน้าที่เขาทำให้เขาตกหลุมรักไม่รู้กี่ครั้ง ก่อนจะพูดต่อ
“ผมว่าคงไม่ใช่ อย่างน้อยน้องชายคุณคงคิดอีกแบบ”
“นายจะมารู้จักน้องชายฉันดีกว่าฉันได้ไง โถ่”
รัสเซียนำทางชายร่างเล็กกว่าไปยังห้องรับรองห้องหนึ่ง ภายในห้องมีเก้าอี้ยาวสองตัวหันหน้าเข้าหากัน มีโต๊ะตัวเล็กตรงกลางตั้งอยู่ใกล้กับเตาผิงและหน้าต่างหิมะเกาะ
“อย่างน้อยผมก็รู้ว่าคุณดีใจที่ผมมาหา”
ประโยคที่ทำให้ชายชาวปรัสเซียชะงักความกระตือรือร้นในการสังเกตสภาพแวดล้อมของห้องไปชั่วขณะ แกล้งเลิกคิ้วกวนๆเป็นเชิงปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ตัวเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
“ฉันคนนี้เนี่ยนะจะเห็นความสำคัญของนาย? หลงตัวเองจริงๆ”
ปรัสเซียเอ่ยพลางส่ายหน้าช้าๆแบบไม่เห็นด้วย
“พูดถึงผมหรือพูดถึงตัวเอง”
“เฮอะ ฉันมีดีให้อวดต่างหาก ไม่เหมือนนาย”
“ผมเพิ่งช่วยให้คุณได้มานั่งสบายๆตรงนี้ น่าจะทำตัวน่ารักๆตอบแทนกันหน่อย”
“รอไปชาติหน้าละกัน”
ชายร่างสูงตรงข้ามเขาไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรตอบรับ กลับเบนความสนใจมาที่แฟ้มซึ่งคนเพิ่งนำมาวางตรงหน้า ภายในแฟ้มประกอบไปด้วยภาพถ่ายความละเอียดต่ำและข้อความภาษารัสเซียที่เขาไม่เข้าใจ ชายชาวปรัสเซียจึงไม่รีรอที่จะเอ่ยปากถามเมื่อภาพล่าสุดที่รัสเซียเปิดให้เขาเห็นคือภาพตัวเขากำลังหลบอยู่หลังกำแพงดูขบวนพาเหรดของเลนิน
“แค่มีรูปฉันแค่นี้อ่ะนะ ฉันเลยถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายของนาย?”
“ผมก็หวังให้มันมีแค่นั้น กิลเบิร์ต คุณทำให้ผมคิดนะรู้มั้ยว่าผมไว้ใจคุณมากไปรึเปล่า”
แฟ้มที่วางตรงหน้าเขาเปลี่ยนจากแฟ้มข้อมูลธรรมดากลายเป็นแฟ้มรวบรวมหลักฐานมัดตัวเขาในฐานะกบฏของแผ่นดินรัสเซีย
เดี๋ยวนะ ได้ข่าวว่าเขาเป็นคนต่างชาติเพิ่งจะเข้ามาได้ไม่นาน เรื่องราวเบื้องหลังแผนการของน้องชายเขา เขาไม่ได้รับรู้อะไรด้วยทั้งนั้น
เขามีหน้าที่แค่มาสร้างสัมพันธ์ที่ดีงามกับรัสเซีย แล้วทำไมเจ้าพวกนั้นทรยศเขาแบบนี้
อย่างน้อยก็น่าจะบอกกันบ้าง ไม่ใช่สิ่งที่เขาอุตส่าห์ทำไปทั้งหมดกลายเป็นไร้ค่าภายในเวลาแค่ไม่วัน
รัสเซียจะคิดกับเขายังไง...
“ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้ทำ นายจะเชื่อมั้ย?”
“เชื่อ เชื่อหมดใจ”
นั่นคือสิ่งที่เขามโนขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว สถานการณ์ปัจจุบันกลับเทียบไม่ได้เลยกับเหตุผลส่วนตัวของเขา หรือความสัมพันธ์ของทั้งคู่
เพราะถึงแม้มันจะมีความสุขแค่ไหน แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเลือกน้องชายและพันธมิตรของเขา.. มากกว่าคนตรงหน้า...
เขาไม่มีสิทธิ์ ปรัสเซียมีความสามารถที่จะทำทุกอย่างตามใจได้... ยกเว้นสิทธิ์ในความสัมพันธ์ส่วนตัว ที่เขายินยอมถูกบังคับแต่โดยดี... เมื่อความเป็นจริงปรากฏให้เห็นตรงหน้าขนาดนี้ เขาจะฝืนเล่นบทละครในความฝันอยู่ต่อไปได้อย่างไร...
“นายจับฉันไม่ได้หรอก เพราะฉันไม่ใช่คนใต้บังคับบัญชาของนาย”
“ใช่ คุณไม่ แต่ผมมีสิทธิ์จะทำอะไรกับคุณก็ได้ เพราะคุณอยู่ในอาณาเขตของผม”
บรรยากาศในห้องเริ่มตรึงเครียดขึ้นเมื่อรัสเซียเริ่มเป็นการเป็นงาน ผิดกับคนที่เขาเคยเจอในสนามรบ... ทำให้เขาเกิดความคิดว่าบางทีสิ่งที่เขาเห็นเมื่อก่อนหน้านี้ เป็นเพียงสิ่งที่เขาอยากรับรู้เท่านั้น... ตัวตนที่แท้จริงของอีวานอาจจะเป็นคนตรงหน้าของเขาคนนี้ ทำหน้าที่ตัวแทนประเทศอย่างสมบูรณ์แบบ... ไม่ใช่คนๆที่จะเป็นของเขา... หรือเป็นเจ้าของเขา...
“นายไม่คิดจะฟังคำอธิบายหน่อยหรอ?”
รัสเซียที่เพิ่งเข้าสู่โหมดปกป้องตัวเองชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้สัญญาณกับชายร่างใหญ่พอๆกันสองคนในชุดเครื่องแบบที่เข้ามาในห้องโดยที่เขาไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่คิดถึงความรู้สึกของคนตรงหน้า ทั้งคู่จึงถอยหลังไปหยุดอยู่ที่ประตู
และดูเหมือนการที่เขาแคร์จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด.. เพราะปรัสเซียไม่เคยแคร์ การแคร์ของปรัสเซียทำให้เกิดปัญหา... เขาเป็นคนที่ไม่สมควรเป็นของใครหรือเป็นเจ้าของใคร... ความคิดนั้นอาจเป็นได้แค่ความฝัน
“ถ้านายคิดจะจับฉันเข้าคุกอยู่แล้วตั้งแต่แรกโดยไม่ฟังเหตุผล ก็ไม่น่าเสียเวลาไปเอาฉันออกมา”
ชายชาวปรัสเซียจำต้องฝืนใจตัวเอง ปล่อยให้ความคิดควบคุมความรู้สึก... เพราะหากสถานการณ์กลับกัน เปลี่ยนจากบทสนทนาระหว่างรัสเซียกับปรัสเซีย เป็นบทสนทนาของอีวานกับกิลเบิร์ต เขาคงจะทำอะไรได้มากกว่านี้...
“ผมแค่อยากได้ยินสิ่งที่คุณพูด ว่าสรุปแล้วเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเรามันคืออะไรกันแน่”
กิลเบิร์ตเงียบเมื่อรู้สึกได้ว่านำตัวเองเข้ามาพัวพันกับสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องถนัด...
เรื่องของความรู้สึกที่เขาไม่อยากพูดถึง กับหน้าที่ที่เขาทำสำเร็จ แต่ไม่มีใครบอกเขาว่างานของเขาได้จบลงตั้งนานแล้ว และผลลัพธ์จะต้องมาลงเอยแบบนี้
“นายเป็นคนบอกให้ฉันไปกินข้าวกับนายเอง หลังสนธิสัญญานั่น สนธิสัญญาสงบศึกนายก็เซ็นเอง ฉันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของนาย จะมาโทษฉันได้ไง”
กิลเบิร์ตผู้เกลียดบรรยากาศมาคุเริ่มอยากเอาตัวเองออกไปจากสถานการณ์นี้ ถ้าเขาสามารถหายตัววาปได้เป็นฮุดินี หรือไม่ก็เดวิด คอปเปอร์ฟิล ที่ทำได้จริงรึเปล่าก็ไม่รู้ เขาคงจะทำไปนานแล้ว
“คุณกำลังจะบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งที่สนามรบนั่นมันไม่จริง??”
ทว่าปรัสเซียที่ติดอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองไม่ได้สนใจที่รัสเซียพูด กลับเอ่ยประโยคเพื่อปกป้องตัวเองต่อไปเมื่อเห็นท่าทางคุกคามของรัสเซีย
“ฉันมีหน้าที่แค่มาผูกมิตรกับนาย ฉันรู้แค่นี้ เรื่องอื่นฉันไม่รู้... นายจะมากล่าวหาว่าฉันเป็นกบฏไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่...”
“ผมไม่ได้อยากรู้จุดประสงค์ว่าคุณมาทำไมเพราะอะไร ผมอยากรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง !!”
รัสเซียซึ่งหมดความอดทนพูดเสียงดังพร้อมกับใช้ท่อไปป์อุปกรณ์ต่อสู้ประจำตัวที่โผล่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ทุบลงบนโต๊ะ ผ่าโต๊ะตรงหน้าเขาออกเป็นสองซี่...
ใจเย็นนะรัสเซีย...
ถ้าเขาซื้อเจ้ารัสเซียภาคนี้มาจากร้านขายของเขาคงจะเอาไปเปลี่ยนตัวแล้ว... น่ากลัวชะมัด
เขาอยากจะเอ่ยแต่บรรยากาศตอนนี้ดูไม่เหมาะอย่างแรง... และเขาก็เริ่มจะกลัวๆหมอนี่ขึ้นมา...
รัสเซียไม่ค่อยแสดงอารมณ์ให้ใครเห็นเท่าไหร่นัก ทำให้เขาอยากค้นหาความจริงเบื้องหลังความลึกลับของอารมณ์คนตรงหน้า... แต่อารมณ์โกรธเหมือนหมาบ้าไม่ใช่หนึ่งในเป้าหมายของเขาเลย...
เหตุการณ์นี้ทำให้เขาหวนนึกถึงอดีตของตัวเอง... ความรู้สึกที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับหน้าที่ตัวแทนที่เป็นสาเหตุให้เขาดำรงอยู่ ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเพื่อนสนิท... ออสเตรียกับฮังการี่ และเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องชายเขา... ความรู้สึกและการกระทำของลุดวิกต่อเฟลิเซียโน่ที่ทิ้งเหตุผลและหน้าที่ไปนานแล้ว...
...เขาไม่อยากลงรอยเหมือนในอดีต...
ยังไม่นับเรื่องของฟรานซิสกับอาเธอร์...
“ฉันไม่อยากลงเอยเหมือนอดีต”
“ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจด้วย”
ปรัสเซียสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรัสเซียไม่ตอบเขาด้วยประโยคที่นุ่มนวลเหมือนปกติ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงที่ปรากฏตรงหน้าขาตอนนี้ทำให้เขาอยากนี้ไปไกลๆ... กลับไปปรัสเซียได้ยิ่งดี แต่ถ้าเขาหนีไปตอนนี้เท่ากับว่าเขาจะเสียฟอร์มมากๆ...
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
“นาย กับโหมดโหดของนาย นายคิดดีแล้วหรอจะใช้เรื่องนี้มาเป็นประเด็นคุยกับฉันในเมื่อหน้าที่ของนายคือดูแลจัดการผลประโยชน์ของประเทศนายเอง หน้าที่ของนายคือทำตามสิ่งที่ผู้นำประเทศของนายบอก ไม่ใช่มาสนใจความรู้สึกของฉัน มีสิ่งผิดพลาดมากมายเกิดขึ้นในดีตเพราะพวกเราทำผิดหน้าที่... สนใจความรู้สึกของตัวเองแทนเหตุผลที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ ฉันไม่อยากลงเอยเหมือนในอดีต”
รัสเซียจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา ท่าทางเย็นยะเยือกเหมือนเขากำลังพยายามใช้เหตุผลกับก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่แผ่ความเย็นทำให้เขาขนลุก มากกว่าตัวแทนประเทศรัสเซีย
“ถึงแม้ว่ามันจำให้คุณไม่มีความสุข?”
ชายตัวเล็กกว่าอ้าปากจะตอบคำถามนั้น แต่ไม่ทันที่จะได้พูด ริ้มฝีปากนั้นก็ถูกครอบครองเสียก่อนด้วยริมฝีปากของคนฝั่งตรงข้ามที่เข้าชาร์ตอย่างไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป... ปรัสเซียเบิกตากว้างที่เขาเป็นฝ่ายโดนรุก ก่อนจะติสินใจยอมแพ้ ยอมโอนอ่อนให้กับอารมณ์ของชายร่างสูง ด้วยการหลับตาลง ปลดปล่อยความรู้สึกไป ณ นาทีนั้น...
“คุณจะยอมปล่อยให้เรื่องทั้งหมดนั้นกลายเป็นอดีตหรอ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้คุณไม่มีความสุข?”
รัสเซียกระซิบที่ข้างหูของชายผมสีเงินซึ่งยังคงหลับตาอยู่ราวกับจะรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดที่ยังหลงเหลืออยู่ใส่ไว้ในประโยคเดียวนั้น
“เรามีชีวิตอยู่เพราะหลายอย่างอีวาน... แต่หนึ่งในนั้น ที่สำคัญที่สุดคือหน้าที่... ฉันทรยศประเทศของตัวเองไม่ได้แม้จะถูกทรยศ... เหมือนกับนาย...”
อีวานมองเขากลับด้วยสายตาที่เศร้าแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนจากชายชาวรัสเซียผู้มีจิตใจยากเกินยั่งถึงอยู่แล้วคนนี้ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันตั้งตัว แววตาเศร้าตรงหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวราวกับโกรธใครมาซักร้อยชาติ พร้อมกับเสียงตะโกนจากคนๆเดิมที่เข้ามาในระบบประสาทอัตโนมัติของเขา
“จับนักโทษขังคุก !!!”
ฟัคยู เวรี่มัช อีวาน บรากินส์กี้
เขาน่าจะรู้ดีว่าชายตรงหน้าทำทุกอย่างได้เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่เกี่ยวกับความรู้สึกหรือเหตุผล
เผ่น กิลเบิร์ต เผ่น...
ด้วยระยะเวลาอันยาวนานที่เขามีชีวิตอยู่ เขาค่อนข้างจะภูมิใจกับการหักห้ามใจตัวเองและประโยคของเขาเองที่ตอบตัวแทนประเทศรัสเซียไปเมื่อครู่ แต่ความพอใจนั้นออกจะผิดที่ผิดเวลาเมื่อสิ่งที่เขาต้องทำคือตรงดิ่งไปหยิบเหล็กเขี่ยเชื้อเพลิงที่อยู่ใกล้กับเตาผิงเพื่อใช้เป็นอาวุธเนื่องจากอาวุธทั้งหมดของเขาถูกริบไปตั้งแต่ถูกจับขังคุกแล้ว
“อย่าเข้ามานะเจ้าพวกเยติ”
ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจประโยคต่อว่าของเขาซักเท่าไหร่เมื่อทหารที่หยุดอยู่ที่ประตูก่อนหน้านี้ค่อยๆย่างสามขุมเข้ามาเพื่อจะจับตัวเขา และมีเพียงสายตาอันเย็นชาของคนสั่งที่ยืนอยู่ห่างๆส่งมาเท่านั้น
เมื่อกิลเบิร์ตถอยหลังจนมาประชิดกับหน้าต่างจึงตัดสินใจใช้เหล็กที่ตนถืออยู่ฟาดกับกระจกและกระโดดข้ามหน้าต่างดังกล่าวไปยังความหนาวเหน็บและกองหิมะอีกฝั่ง
ณ วินาทีนั้นเขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากเอาตัวรอด
ณวินาทีนั้นเขาตัดสินใจหันกลับไปมองคนๆนึงที่ถึงแม้ว่าจะเข้ามามีอิทธิพลกับเขาในช่วงสั้นๆแต่ก็สำคัญมากอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อน...
แววตาที่เปลี่ยนจากเย็นชากลับไปเป็นเศร้าๆแบบเดิมคือสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็น ก่อนที่ภาพหิมะและหนทางอันยาวไกลจะเข้ามาแทนที่...
ลาก่อน อีวาน บรานกินส์กี้...
ฉันคงได้เจอนายอีกครั้ง แต่เมื่อพบกันครั้งต่อไปฉันคงเป็นแค่ปรัสเซียสำหรับนาย... และนายคงเป็นแค่รัสเซียสำหรับฉัน...
.
.
.
สามวันที่ไม่มีการติดต่อจากอิตาลี่...
เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ทำผิดพลาดไปที่ใด ไม่แน่ใจว่าสงครามที่ทำมาทั้งหมดให้ความหมายอะไรกับเขานอกจากหน้าที่ และเขาไม่สามารถเลือกทำหน้าที่ได้อีกต่อไป เพราะมันไม่ได้มีความสำคัญกับเขาเลย
ถ้าหากเขามีโอกาสอีกซักร้อยครั้งเขาคงจะเลือกอิตาลี... เพราะเมื่อได้สัมผัสกับอารมณ์ความรู้สึกรักแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถหักห้ามใจให้ต้องเสียมันไปโดยไม่เสียอะไรกลับมา
ไม่มีใครอยากเป็นคนนิสัยไม่ดีและทรมาณกับทางเลือกของตัวเองอย่างฟรานซิสกับอาเธอร์
“กริ๊งงงง”
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะข้างโซฟาที่เขานั่งอยู่ดังขึ้น ดึงเขาให้ออกจากภวังค์ความคิด... บางทีสายนี้อาจจะเป็นข่าวจากอิตาลี่ ซักที...
“สวัสดีครับ ลุดวิก ไวร์ชมิทพูด”
“โฮะๆ ว่ายังไงลุดวิก... นายหายหน้าหายตาไปเลยนะ ไม่เห็นมีวิธีใหม่ๆมาทำให้พวกเราตื่นเต้น ใกล้จะยอมแพ้แล้วใช่ป่ะล่ะ อิอิ”
น้ำเสียงกวนประสาทจากปลายสาย แบบเป็นเอกลักษณ์ ต้องเป็นฝรั่งเศสไม่ผิดแน่ คงไม่มีคนปกติที่ไหนคิดจะพูดจากับเขาแบบนี้
“ลุดวิกกก ลุดวิกก ช่วยเค้าด้วยย เว่..”
เสียงที่แทรกตามสายโทรศัพท์ยิ่งทำให้กังวลมากขึ้นไปอีก... ข่าวอิตาลีหายตัวไปยังไม่เท่ากับการที่อิตาลีหายไปอยู่กับศัตรู
“นายมีธุระอะไร?”
ชายชาวเยอรมันเอ่ยเสียงเข้มด้วยความไม่พอใจที่ฝ่ายศัตรูใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องมาบังคับเขา
“นายอยากได้อิตาลีคืนใช่มั้ยล่า เฟลิเชียโน่สุดที่รักของนายจะถูกส่งคืนถ้านายยอมแพ้ ฉันอยากชนะ นายไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากอิตาลี วิน-วิน นะว่ามะ?”
ตัวแทนประเทศเยอรมันนีกำหูโทรศัพท์แน่น แม้ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดล่วงหน้าแล้วว่าหากต้องเลือกระหว่างหน้าที่กับเฟลิเซียโน่ แน่นอน... เขาต้องเลือกหน้าที่และผลประโยชน์ของประเทศชาติ
ทว่าเสียงที่เขาเฝ้าคิดถึงและเป็นห่วงมาหลายวันนี่ เริ่มทำให้เขาเปลี่ยนใจ
และอีกอย่างนึงคือ... ไม่มีทางที่ฝรั่งเศสจะเล่นแฟร์ๆ คาดเดาผลสรุปได้แบบนี้ ต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน...
ตอนนี้เขากำลังคิดถึงปรัสเซีย... คนที่รู้จักฝรั่งเศสเกือบดีที่สุดนอกจากอังกฤษและสเปน หายไปไหนนะเวลาต้องการตัว... เวลาไม่ต้องการก็ปรากฏตัวจัง...
“ติ๊กต้อก ติ๊กต้อก คิดดีๆนะเยอรมัน... นายอาจจะเสียใจทีหลังก็ได้ ความอดทนฉันก็มีไม่มากน้า”
เยอรมันนีขมวดคิ้วชั่งน้ำหนักระหว่างสิ่งที่เขาควรจะทำกับสิ่งที่เขาอยากทำ... การต่อสู้ระหว่างสมองกับหัวใจ...
เขาทำไม่ได้ ให้ทิ้งอิตาลีเขาทำไม่ได้ ในความทรงจำที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของเขาไม่ได้ช่วยให้เขาตัดสินใจอะไรได้มากนัก ทว่าลางสังหรณ์ทำให้เขารู้สึกว่าเขาจะต้องเสียใจเป็นเวลาหลายร้อยปี หากเขาปฏิเสธไม่เลือกอิตาลี
“ความจริงแล้วฉันมีความลับเกี่ยวกับความทรงจำนายจะบอกนะ...”
“อะไร??”
ลุดวิกลืมสิ่งอื่นๆไปชั่วขณะเมื่อฝรั่งเศสพูดถึงความทรงจำที่ไม่เคยเต็มของเขา... สิ่งที่เขาโหยหามาตลอดเพราะถ้าหากไร้ซึ่งความทรงจำ เขาจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร?
“อ๊ะ อ๊ะ ใจเย็นนะ หรือฉันควรจะเพิ่มตัวเลือกให้นายดี? ความทรงจำ อิตาลี หรือสงคราม?”
เยอรมันกัดฟันแน่นอย่างพยายามอดกลั้น นึกเสียใจที่ไม่ได้คิดไว้ก่อนว่ากลยุทธที่ฝรั่งเศสถนัดคือการปั่นหัวเขา... เขาน่าจะระวังตัวให้มากกว่านี้ เพราะตอนนี้ต่อให้เขาเลือกอะไรก็ตาม สิ่งที่เขาเลือกทุกอย่างย่อมไม่คุ้มกับผลที่ตามมาอย่างแน่นอน
“หรือฉันควรตัดช้อยส์ให้นายดี? ถ้าฉันบอกว่าสองข้อแรกคือเรื่องเดียวกัน?”
ความอดทนของเยอรมันสิ้นสุดลงทันทีที่ปลายสายเอ่ยจบ สิ่งที่เขาเลือกอาจขัดกับจิตสำนึกความถูกต้องปกติของเขา แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากกว่าอะไรทั้งนั้น เขาคิดว่าเขาไม่น่าจะเสียใจที่เลือก...
ไหนๆเขาก็จะต้องเสียอะไรซักอย่าง... งั้นเขาขอเลือกอะไรที่ส่งผลน้อยที่สุด...
สงครามย่อมมีแพ้มีชนะ... ต่อให้เขาเลือกแพ้ครั้งนี้แต่ครั้งหน้าเขาจะต้องไม่แพ้อย่างแน่นอน...
“อิตาลีอยู่ที่ไหน?”
“เห? คิดถูกแล้วหรอที่เลือกอิตาลี?? แล้วประเทศนายล่ะ ไม่เสียดายหรอ?”
หากเขาหูโทรศัพท์หักได้ คงหักไปนานแล้ว...
“ฝรั่งเศส นายจับตัวอิตาลีไว้ที่ไหน??”
ปลายสายเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะมีเสียงเสียดสีกันของเสื้อผ้าเหมือนคนขยับตัว สร้างความรำคาญใจให้แก่ลุดวิกที่ถือสายรอเป็นอย่างยิ่ง
“เอ... ที่ไหนดีน้า นายลองเดาดูสิ”
แล้วสัญญาณจากปลายสายก็ขาดไป...
.
.
.
สามวันแล้วที่เขาไม่ได้ติดต่อกับเยอรมัน...
อิตาลีจำบทเรียนจากคุณปู่โรมันได้อยู่เสมอว่า อาณาจักรถ้ายิ่งใหญ่เกินไป ซักวันนึงแล้วก็ต้องล่มสลาย เหมือนการจากไปของคุณปู่โรมัน...
ทว่า ถึงบทเรียนนี้จะเป็นสิ่งที่อิตาลีระลึกได้ขึ้นใจ แต่เรื่องแบบเดิมก็กลับมาซ้ำรอยกับรักแรกของเขา... โฮลี่โรมัน...
เขาได้เสียคนที่เขารักที่สุดไปถึงสองครั้งเพราะเรื่องเดิมคือการแย่งชิงอำนาจ จากสงครามที่เขาไม่ได้อยากเกี่ยวข้องด้วย... เขาไม่เคยอยากได้อะไรมากไปกว่าคนรักและศิลปะแต่โลกความจริงที่เขากำลังเผชิญอยู่กับบั่นทอนความไร้เดียงสาของเขาลงไปทุกทีๆ
และเขาก็ไม่อยากให้เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นซ้ำรอยกับคนที่เขาสรุปได้ว่ารักอีกคน... ที่ถึงแม้ว่าจะเพิ่งพบกันเมื่อเปรียบเทียบกับการมีอยู่ของเขาแล้วเป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้น แต่การพบกันระหว่างเขากับคนๆนี้กลับขุดคุ้ยความทรงจำดีๆที่ถูกฝังไว้กับการเวลา ความรู้สึกและการจากไปของคนรักเก่าๆขึ้นมาอีกครั้ง...
เขาไม่อยากจะต้องเสียลุดวิก... คนที่เขารักไปอีกเป็นครั้งที่ 3
“เน่ๆพี่ชายฝรั่งเศส ปล่อยเค้าไปได้มั้ยอ่า เค้าไม่เคยทำอะไรให้เลยนะ ทำไมต้องเอาเค้ามาเกี่ยวด้วย?”
ฝรั่งเศสมองอิตาลีอย่างเอือมๆในความไม่รู้เรื่องรู้ราว ราวกับผ้าขาวบริสุทธิ์ของอิตาลี เป็นผ้าขาวที่อัศจรรย์มากเพราะกาลเวลาและประสบการณ์ไม่สามารถลดทอนความสดใสและไร้เดียงสาของคนๆนี้ลงไปได้เลย...
“สงครามไงอิตาลี... ถ้าร่วมมือกับฉันดีๆแต่แรกก็ไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์นี้หรอก... ความจริงฉันก็สนใจทรัพยากรประเทศนายอยู่นะ แต่นายกลับไปเซ็นสัญญากับเยอรมัน... ผิดหวังในตัวนายจริงๆ...”
“แล้วสงครามนี่มันดียังไงอ่ะ... ชนะก็เท่านั้น เราอยู่เฉยๆไม่สบายกว่าหรอ?”
อิตาลีเอียงหัวมาถามอย่างสงสัยเมื่อถูกมัดไว้กับเก้าอี้ในห้องประชุมเพื่อเตรียมพร้อมรับแผนการต่อไปของฝรั่งเศสกับอังกฤษเมื่อเยอรมันมาถึง
“เงิน... ที่อยู่สบายๆ ความปลอดภัย? นายอ่ะไร้เดียงสาเกินไปขนาดไม่รู้ว่าถ้าเราไม่ได้กำหนดกฏเอง เราจะรู้ได้ไงว่าคนอื่นจะกำหนดถูกใจเรามั้ย เลยเกิดสงครามไง เพื่อไม่ให้คนอื่นมาทำร้ายเราได้”
อิตาลีขมวดคิ้วก่อนจะสวนกลับ
“แล้วมันต่างอะไรกับการที่ฝรั่งเศสกับอังกฤษทำให้เกิดสงครามล่ะ ? อย่างงี้ก็ไม่เท่ากับว่าทำร้ายคนอื่นหรอ?”
ฝรั่งเศสหัวเราะก่อนจะหันหน้าไปหาประตูที่ส่งเสียงแสดงให้เห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งคนกำลังเข้ามาในห้อง ในมือของอังกฤษถือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพร้อมกับใบหน้าที่แสดงรอยยิ้ม
“นายนี่ก็น่าขำนะ คนที่เริ่มสงครามคือแฟนนายต่างหากล่ะ”
อังกฤษพูดพร้อมกับชูหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษขึ้นให้อิตาลีเห็นชัดๆ
พาดหัวข่าวตัวใหญ่กินเนื้อที่ทั้งหน้ากระดาษเขียนว่า “สัมพันธมิตรแพ้สงคราม !” ถัดจากนั้นเป็นกล่องข้อความขยายเล็กๆว่า “เตรียมตัวเตรียมใจให้ดีสัมพันธมิตร ฝ่ายอธรรมจะต้องพินาศ”
ความคิดเห็น