ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไอดิน กับ กลิ่นเมฆ

    ลำดับตอนที่ #5 : อีกคน

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 49


    5.

     

                              "มาแล้วเหรอ  มาๆ เมฆมานี่"  พ่อของเจ้าของชื่อ กวักมือเรียกเธอให้เข้าไปใกล้ๆ

    "ทำไมเหรอพ่อ"    เธอ ทำท่าสงสัย แต่พ่อของเธอก็ส่งสัญญาณมือบอกให้เงียบๆ

    "นี่ Kevin  เขาเป็นหุ้นส่วนใหม่ของบริษัทเรา"   ฝรั่งผมทองในห้อง ยื่นมือมาจับเธอทำท่าเป็นมิตร

    "นี่ลูกชายผม  Jack  หวังว่าจะเข้ากับเธอได้ดี"  เขาแนะนำคนข้างๆเป็นภาษาอังกฤษ เมฆฝนจับมือกับทั้งสอง  แล้วกระซิบกับพ่อ

    "หุ้นส่วน เป็นเจ้าของหุ้นกี่เปอร์เซ็นหลอพ่อ"

    "30%"   เมฆฝนทำหน้าไม่พอใจนัก แล้วกลับมายิ้มเหมือนเดิม

    หลังจากสองคนนั้นออกไป เมฆฝนแทบจะอาละวาดใส่พ่อ      พ่อจะบ้าเหรอ    พ่อถือหุ้น 50%  พี่โชอีก 5% เมฆฝนอีก 5%  แล้ว นี่ตั้ง 30%  นี่มันกะฮุบบริษัทเราชัดๆ "โอ๊ยไม่หรอก มีโชอยู่ทั้งคน" พ่อพูดมามันก็ใช่ แต่ถ้าเกิดมันคิดไม่ซื่อ เอาคนมาดักยิง เมฆกับ พี่โชแล้วเราจะทำยังไง       พ่อใจดีเกินไปแล้ว   แถมเมฆยังต้องคอย take care อีตา Jack อะไรนั่นอีก ชื่อโคตรลาวเลย

     

                        17.00. ferrari สีแดงเปิดประทุน ขับมาจอดที่หน้าบ้าน  เสียงโวยวายเอะอะออกมาจากประตูบ้านของเธอ ชายหนุ่มที่นั่งหน้าพวงมาลัย อายุประมาณ 19-20 แต่งตัวแบรนด์เนมหรูตั้งแต่หัวจรดเท้า  พ่อลากเมฆฝนออกมาจากบ้าน

    "โอ๊ย  หนูจะ......... พ่ออย่าบอกนะว่าจะให้เมฆ ออกไปกับ ตาคนนี้"   ชายวัยกลางคนตรงหน้าหล่อนพยักหน้า

    "Hi girl...... don't want to go with me?"    หญิงสาวมองไปตามที่มาของเสียง แล้วหันกลับมาถอนหายใจ

    "พ่อนะพ่อ  "

    "เขาดูดีออก  ดูซิ รถสวยเชียว ไปได้แล้ว น่าเมฆ"

    "ได้ เมฆยอม  แค่ครั้งนี้นะพ่อ"

    เมฆเดินกระทืบเท้าเข้าไปในรถ  Jack เปิดประตูให้อย่างสุภาพ  จริงๆเขาก็ดูดีพอสมควร ผมสีน้ำตาลเข้มกับตาสีฟ้า  เมฆสังเกตว่าตาของ jack สวยมาก  เขาพาเธอไป dinner ที่ร้านอาหารสุหรู

    "ยิ้มหน่อย มาดมัวแซล" เขาหันหน้ามาหาหญิงสาวข้างๆ เธอยิ้มให้เขาแบบขอไปที

    "คุณไม่มีอะไรทำหรือไง ไม่ช่วยพ่อคุณทำธุรกิจเหรอ"

    " ผมทำอยู่ "  เมฆเหล่ตาไปมอง

    "อ้อ ดี ผูกมิตรกับฝ่ายตรงข้ามหาผลประโยชน์เหรอ"

    " ใช่ เก่งมาก   แต่ผมอยากได้คุณด้วยนะ" เมฆฝนหัวเราะแล้วส่ายหัว  เมฆฝนกวาดอาหารหมดไปหลายจาน ทั้ง steak   ข้าวผัด lobster อะไรต่อมิอะไร  Jack หยุดกินแล้ว เงยหน้ามามองเธอพักใหญ่ พลางจ้องเธอราวกับจะจับผิด  "ไม่รีบกินฉันกินนะ" สิ้นเสียงเมฆฝน  ชายหนุ่มผมน้ำตาลฝั่งตรงข้าม ก็ก้มหน้าก้มตาจัดส่งอาหารในจานที่เหลือไปที่ปาก ก่อนจะเริ่มกระบวรการย่อยอาหารต่อไป อันที่จริงแล้ว ถ้าเพียงแต่ Jack ไม่ใช่คู่แข่งทางธุรกิจของพ่อ เมฆฝนคงจะเปิดใจยอมรับเขาอยู่หน่อยหรอก  รอยยิ้ามของเขาน่ามองทีเดียวเชียว แต่เป็นเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่เธอได้เห็นเขายิ้ม แค่ตอนที่พบกันครั้งแรก กับในรถเท่านั้น เมฆฝนไม่ชอบคนยิ้มยาก หล่อนคิดว่ามันน่าเบื่อทีเดียว ที่จะอยู่กับคนที่หน้าเฉยตลอดเวลาเหมือนไม่มีจิตวิญญาณ   สิ้นสุดการทานอาหารทั้งหมด เมฆฝนรู้สึกเลี่ยนเต็มที เธอไม่ค่อยถูกกับอาหารพวกนี้ซักเท่าไรนัก ไม่เพียงแต่มันจะเลี่ยนชวนอ้วกแล้ว มันยังเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อรูปร่างอีกด้วย  ไวน์แดงถูกรินใส่แก้วข้างๆ Jack ยื่นแก้วของเขามาตรงหน้าเธอ เมฆทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วหยิบแก้วของจนชนส่งๆ  "อย่าดื่มมากนักนะเดี๋ยวจะเมาเอาซะก่อน" เขาเตือนด้วยท่าทางสุดสุภาพ

                         ว่ากันตามตรงแล้ว เมฆฝนไม่ได้ชอบโลกแห่งธุรกิจเท่าใดนัก เธออยากเป็นศิลปินซะมากกว่า การขีดๆเขียนๆ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆบนผืนผ้าใบเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เมฆอาจดูเหมาะกับการคำนวนเลข หาค่ามุม ค่าแรง หรือ อัตราต่างๆ แต่แท้จริงแล้ว เธอไม่ได้ชอบใจนักที่จะทำกิจกรรมพวกนั้น  จะว่าไปแล้ว ศิลปะเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์แต่งตากจากสายพันธุ์อื่นๆไม่มากก็น้อย เช่นเดียวกับความเชื่อและศรัทธา เมฆฝนชอบวาดปีก ปีกของนก ทุกครั้งที่เธอวาดรูป จะต้องมีซักรูปที่เป็นปีขาวๆใหญ่ๆ ที่จะพาเธอโลดแล่นออกไปในโลกที่กว้างใหญ่  การวาดรูปเป็นเพียงทางเดียวที่เธอจะปลดปล่อยให้วิญญาณบินออกไปนอกกรอบ  ส่วนตัวของเธอก็ยังคงถูกขังไว้ในบ้านต่อไป  เมฆฝนพอเข้าใจอยู่ว่าพ่อกับแม่รักเธอมาก  รักมากจนกระทั่งเธอไม่สามารถไปไหนอย่างอิสระเสรีได้  รักจนกระทั่งกว่าเธอได้พบกับตัวเองก็สายไปซะแล้ว  พ่อของเมฆฝนก็ใจดีอยู่หรอก หากแต่ว่า "อยากเรียนอะไรก็เรียน แต่จบมาต้องช่วยงานพ่อ"   ก็ยังดีนะ ที่บริษัทของพ่อทำเกี่ยวกับออกแบบ  ยังมีส่วนผสมของสิ่งที่เธอชอบอยู่บ้าง  และโชคดีกว่านั้น คือเมฆฝนเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท งานที่ทำออกมานึงไม่โดนบีบบังคับ กดดัน หรือตีกรอบ  ธุรกิจเดี๋ยวนี้เป็นอย่างนี้เสมอ สนใจแต่ว่าจะทำเงินได้หรือไม่เท่านั้น  ความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งดี แต่ถ้าสร้างรายได้ไม่ได้ หรือสร้างได้น้อย ก็ถือว่าเป็นสิ่งไร้ค่า คนเดี๋ยวนี้จึงไม่กล้าทำอะไรสร้างสรรค์หรือออกนอกกรอบ  คนรุ่นนี้ถือว่ามีความคิดสร้างสรรค์พอสมควรนะ  เพียงแต่โดนปิดกั้นจากคนแก่ ที่กล่าวว่าจนเป็นผู้ใหญ่ บางกลุ่มเท่านั้น  ด้วยเหตุผลง่ายๆ  พวกเขาอาบน้ำร้อนมาก่อน  มันก็ใช่อยู่หรอก เพียงแต่น้ำร้อนที่เขาเคยอาบตอนนี้กลายเป็นน้ำเย็นไปหมดเสียแล้ว    "senior is not oldman"  (ผู้ใหญ่ไม่ใช่คนแก่) 

     

    เที่ยงๆของวันต่อมา

    "ไงเมฆฝน  หนังสือสนุกมั้ย"  เมฆฝนเจอดินในบริษัทของพ่อ ซึ่งหลังจากการสนทนาประมาณไม่กี่นาที ดินก็ชวนเมฆฝนไปทานข้าวกลางวัน โดยที่เขาจะเลี้ยงเธอ "ฉลองได้เงินเดือนหนะ" เขายิ้มกว้าง ดูดินจะชอบทำท่าอารมณ์ดีเป็น joker อยู่ตลอดเวลา ใครจะรู้บ้างนะ ว่าเวลาตัวตลกร้องให้หนะเป็นยังไงบ้าง

    "งานเป็นไงบ้าง" เมฆฝนที่กำลังจะคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวในชามใส่ปากอยู่ เอ่ยถาม ดินพยักหน้า

    "ขอบคุณ เมฆมากๆเลยนะ ขอบคุณมากๆ" เงินเดือนเริ่มต้นของดินเริ่มที่หมื่นกว่าเป็นตัวเลขที่ใช้ได้ทีเดียว สำหรับคนหนุ่มเพิ่งจบ และ ไร้ประสบการณ์(เรื่องงาน)   เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นระหว่างบทสนทนา ดินหยิบมือถือรุ่นไม่กี่สตางค์ขึ้นมารับ ทำหน้าซีเรียสเล็กน้อยก่อนจะวางหูโทรศัพท์ลง

    "แฟนเหรอ"   ดินส่ายหัว "ไม่ใช่หรอก"

    เมฆค่อนข้างแปลกใจที่คนอย่างดินจะไม่มีแฟน ท่าทางมนุษยสัมพันธ์ดีแบบนั้น ใครๆก็ต้องอย่างคุยด้วย หล่อนก็เช่นกัน   ดินให้ความรู้สึกที่เป็นกันเองมากๆ

    "แล้วไอ้เฮาหละเป็นไงบ้าง  เงียบไปเลย"  เมฆฝนทำตาโต  ลืมสนิท ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ยังไม่ได้คุยกับเฮาเลยซักกะคำ เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นแฟนที่แย่มาก

    "ก็ เรื่อยๆ"

     

             ประตูของห้องหนึ่งบนคอนโดมิเนียมหรูแถวสาธรเปิดขึ้น  หญิงสาวเดินเข้ามาข้างใน  เธอเคยมาที่นี่แล้วถึงจะไม่มากครั้งนัก แต่ก็มากพอที่เธอจะรู้จักทุกซอกทุกมุมของที่นี่  เมฆฝนเดินเข้ามาโดยปราศจากเสียงใดๆ   ตอนแรกหล่อนกะจะสร้างความประหลาดใจให้กับ เจ้าของห้อง  จึงนั่งรออยู่ที่โถงกลาง แต่ เวลาวิ่งผ่านไปหลายนาทีแล้ว สิ่งต่างๆยังหยุดอยู่นิ่งเฉย ราวกับทุกอย่างโดนหยุดเวลาไว้ จนกระทั่ง เมฆฝนแน่ใจว่าเธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเล็ดลอดออกมาจาก ห้องนอนของแฟนหนุ่ม   เธอคิดว่า เฮาคงหลับอยู่ เฮาเป็นคนขี้เซา ถ้าไม่ปลุกคงจะไม่ตื่นง่ายๆแน่ หล่อนจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป......      หนุ่มสาวคู่หนึ่งหันมามองเธอ สายตาของทั้งสามประสานกันอย่างบังเอิญ  เพียงไม่ถึงนาทีที่ประตูห้องเปิด  มันก็ปิดลงดังปัง เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของเมฆฝน และเจ้าของห้อง มันจบลงทันทีที่ประตูกระแทกกับวงกบ

     

           ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS  หญิงสาวกำลังลังเลอยู่ว่าจะก้าวไปทางไหนดีระหว่าง      1. เลี้ยวขวา ลงบันไดด้านหนึ่งเพื่อจะรอรถเมล์กลับไประบายความในใจให้ตุ๊กตาหมีน้อยที่บ้านฟัง หรือ 2. เลี้ยวซ้ายลงอีกด้าน เดินเข้าไปในตลาดนัดจตุจักร เดินดูของให้สบายใจ อารมณ์ดีขึ้นอีกหน่อยก่อนกลับบ้าน     เธอใช้เวลาตัดสินใจไม่นานก่อนตัดสินใจเลี้ยวซ้าย เลือกตัวเลือกที่สอง

    "อ้าวเมฆฝน"  ชายหนุ่มเอ่ยทัก เมื่อเห็นเธอเดินมาหน้าร้านขายหนังสือของเพื่อนเขา เธอยิ้มให้เล็กน้อย   มันเป็นยิ้มที่ไร้ความสุข

    "เป็นอะไรหละเนี่ย"

    "ยังไม่กลับบ้านเหรอ" เธอตอบไม่ตรงคำถาม

    "อื้อ เลิกงานก็มาหาไอ้ยศเนี่ย เห้ยยศ คนนี่ไงที่กูเล่าให้ฟัง"  ยศ ยื่นหน้าออกมาจากกองหนังสือ แล้วพยักหน้า

    "เป็นอะไรเมฆ ดูซึม"

    "ซึมเหรอ"   ดินพยักหน้า

    "ทะเลาะกับที่บ้านรึปล่าว? "  เมฆฝนส่ายหัว

    "ทะเลาะกับเพื่อน?" เมฆฝนส่ายหัว

    "ทะเลาะกับแฟน?" เมฆฝนส่ายหัว

    "อ้าว แล้วเป็นอะไร"

    "ไม่ได้ทะเลาะ   แต่เสียความรู้สึก เลิกแล้วด้วย"   

    "เฮามันทำอะไรเหรอ"  เมฆฝนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ดินฟัง แล้วของเหลวใสๆ ก็ไหลออกมาจากตา เมฆไม่ได้อยากให้มันไหลออกมาซักหน่อย เธอไม่ได้แพ้ และก็ไม่ต้องการแพ้ เธอแค่เสียดายเวลา แต่ทำไมน้ำตาถึงไหลออกมาก็ไม่รู้

    "เอาน่า เราก็อกหักเหมือนกันแหละ" ดินตบไหล่เมฆฝนเบาๆ

    "ใหม่ๆก็งี้แหละ เดี๋ยวพอทำใจได้แล้วก็ดีขึ้นเอง ไม่มีอะไรหรอกน่า"

    "เราไม่ได้รักเฮาซักหน่อย ทำไมต้องร้องให้ก็ไม่รู้    แค่มันนอนกับคนอื่นแค่นั้นเอง" เมฆฝนปาดน้ำตาออกจากแก้ม

    "เอาน่า  รักรึปล่าวก็ไม่รู้แหละ  ยิ้มหน่อยน่า"

    "แล้วแฟนเก่าดินตอนนี้เป็นไงเหรอ"  ดินก้มหน้าเงียบๆ

    "เขาคงมีความสุขมั้ง"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×