ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไอดิน กับ กลิ่นเมฆ

    ลำดับตอนที่ #1 : แรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 49


    1.

     

                  มันเป็นเวลา 6.00 นาฬิกา  ในตอนเช้า   เมฆฝน นั่งเล่นกินบรรยากาศอยู่บนดาดฟ้าที่บ้าน นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้ออกมาดูท้องฟ้ายามเช้าเช่นนี้

    แน่หละ เพราะโดยปกติแล้ว เธอจะตื่นเช้าเพียงวันที่มีเรียนเท่านั้น ส่วนวันอื่นๆนะเหรอ อย่าหวังเลยว่าเธอจะตื่นก่อนแปดโมงครึ่ง บ้านของ เมฆฝน เป็นบ้านเดี่ยวขนาดกลาง ตั้งอยู่ ณ ชานเมืองของมหานครกรุงเทพ เมืองหลวงที่แสนจะศิวิไล ของเมืองไทย   โชคดีที่พ่อกับแม่ของเธอไม่ได้รวยล้นระดับมหาเศรษฐี เธอคิด    เมฆฝน เคยเห็นเพื่อนหลายคนที่รำรวยเสียคนมานัดต่อนัดแล้ว บางครั้ง ครอบครัวที่อบอุ่นก็มีลูกใจแตกได้ มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น คงไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่อยากจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนไม่ดี    นี่แหละ เมฆฝน  มองโลกในแง่ดีตลอด เธอช่างเหมาะกับการเป็นนางเอกเสียเหลือเกิน

     "เอี๊ยดดดดดดดดดด!!" 

    " ไอ้บ้าาาาาเอ๊ย!!!!" เสียงรถจักรยานยนต์ทำให้หล่อนตื่นจากภวังค์ แล้วกล่าวสบถทันที  ถึงแม้จะมองโลกในแง่ดีเหมือนนางเอก  แต่ เมฆฝน ก็ไม่ได้เรียบร้อยเฉกเช่น นางเอกคนอื่นๆ   เธอเป็นคนปากไว เปิดเผย  ซุ่มซ่าม  

                  "แม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ  แม่อยู่ไหน"  ตอนนี้ เมฆฝน กำลังวิ่งว่อนอยู่ในบ้าน เธอวิ่งขึ้นลงบันไดครั้งแล้วครั้งเล่า

    "อะไรลูก"

    "โอ๊ย แม่  เนี่ย กระโปรงตัวใหม่ของเมฆ อยู่ไหนเหรอ  ที่เพิ่งซื้อมาหนะแม่  เนี่ย เดี๋ยวเมฆต้องเรีบไป"  เธอพรรณาคำพูดทั้งหมดออกมาเป็นชุดอย่างรวดเร็ว

    "อ๋ออ ของลูกเหรอ แม่นึกว่าของน้อง เอ้อ เมฆ .......... อ้าว       ยัยลูกคนนี้"   ไม่ทันที่แม่ของเธอจะพูดจบ เมฆฝนก็วิ่งแจ้นไปที่ห้อง หญ้า  น้องสาวตัวดีของเธอ

    "เห้ย หญ้า กระโปรงชั้นอยู่ไหน"  เสียงเมฆฝนดังสนั่นหวั่นไหวจนบ้านแทบจะทรุด แม่ของเธอที่อยู่ชั้นล่างได้แต่ส่ายหัว เช่นเดียวกับหญ้า ที่สายหัวและกล่าวว่า ไม่รู้

    "อะไรวะ ไม่รู้ได้ไง ก็แม่บอกว่ากระโปรงฉันมาอยู่ห้องเธอ " เมฆกระโจนเข้ามาในห้องน้องสาวแล้วจัดการรื้อตู้เสื้อผ้า

    " โอ๊ย ก็บอกไม่รู้ๆ อะไรเนี่ย เค้าจะเอาของเธอมาทำไม"  ทันทีที่หญ้าพูดจบประโยค พี่สาวของเธอก็หันมา พร้อมกับกระโปรงยีนตัวเก๋

    " ไม่รู้แล้วนี่อะไร ตาบอดเหรอ   แม่งงงง เสียอารมณ์ตั้งแต่เช้าเลย" เมฆทำท่าเซ็งแล้วเดินกระทืบเท้าออกมาจากห้อง

    "อ้าว ก็หญ้ายังไม่ได้ดูตู้หนิ "          แล้วบ้านก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง  สิบนาทีต่อมา เสียงปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียง เมฆฝน

    "ไปแล้วแม่ ตอนเย็นเจอกัน" 

    "เดินดีๆนะเมฆ!!"

                                    ตอนเด็กๆ เมฆฝนเคยคิดอยากจะเปลี่ยนชื่อตัวเอง เพราะคนที่เธอแอบชอบและคลั่งใคล้ใหลหลง มาบอกกับเธอว่า ชื่อของเธอฟังดูไม่เบิกบานอารมณ์ ทำให้นึกถึงบรรยากาศอึมครึมก่อนฝนตก  ด้วยเหตุผลแค่นี้แหละ ทำให้เมฆฝนร้องจะเปลี่ยนชื่อจะเป็นจะตาย  จนแม่เธอต้องลากไปอบรมสั่งสอน

    " รู้มั้ย ทำไมแม่ถึงตั้งชื่อนี้ให้เธอ"   เด็กหญิง เมฆฝนอายุ 10 ขวบ นั่งก้มหน้า

    " เพราะแม่หนะชอบ เล่นฝน     ถึงมันจะเปียกนะ"   เมฆ พยักหน้า หงึกหงักๆ เป็นหุ่นยนต์

    " ถึงมันจะเปียก  แต่ฝนนะลูก มันเป็นพาหะนำชีวิต   ฝนทำให้สีเขียวของพืชมีชีวิต ทำให้สัตว์ร่าเริง แล้วหลังฝนก็อากาศเย็นสบายเสมอ"     เมฆยังคงทำเช่นเดิม แต่ในใจกำลังเถียงแม่ว่า "อะไรกัน เมื่อวานฝนตก วันนี้ยังร้อนอยู่เลย"

    "ลูกนะเป็นลูกสาว แม่ก็อยากให้อ่อนโยน นุ่มนวลเหมือนปุยเมฆ แต่ดูซิ ทำงานบ้านอะไรก็ไม่ทำ ดูอย่างน้องซิ หญ้านะ ให้พี่ช่วง สอนรีดผ้าแล้วนะ"    (เมฆฝนเถียงในใจว่า "ก็งานของพี่ช่วง ก็ให้พี่ช่วงรีดไปซิ เค้าเป็นแม่บ้านหนิ")

    "แล้วลูกหนะนะ....."

    " แม่  เมฆยังไม่ได้ทำการบ้าน "  เมฆฝนงัดวิธีเด็ดออกมาซึ่งมันก็ทำให้ได้ผลทุกครั้ง ตั้งแต่เด็กจนโต  แม่ขี้บ่นเสมอ ตั้งแต่เรื่อง สากกะเบือ ยัน เรือรบ  อันนี้ทุกคนในบ้านรับประกันได้   และหลังจากนั้นมา เมฆฝนก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนชื่อเธออีกเลย  คงเพราะเธอขี้เกียจฟังแม่เทศนาอีกมากกว่าจะรู้ถึงความลึกซึ้งของชื่อตัวเอง

     

                                รถยุโรปคันสีดำสนิท จอดอยู่หน้าต้นไม้ต้นใหญ่  แล้วประตูรถคันนั้นก็เปิดออก  เมฆฝนก้าวเท้าออกมาจากตำแหน่งคนขับ  รถคันนี้พ่อซื้อให้เนื่องในโอกาสที่เข้ามหาวิทยาลัยได้  จริงๆพ่อเกือบไม่ซื้อให้แล้ว เพราะคิดว่าเมฆฝนจะขับไม่ถึง (ขาไม่ถึงว่างั้นเถอะ) เนื่องจากเธอสูงเพียง 156 เซนติเมตร  แต่จนแล้วจนรอด เธอก็ขับรถจนได้ ถึงแม้ว่าจะมีคำสบประมาทดังก้องอยู่ในหัวบ่อยๆก็ตามว่า   "ขาถึงเหรอเมฆ"    เมฆฝน ปิดประตูเบาๆ เมื่อก่อนเธอไม่ค่อยทะนุถนอม รถ ซักเท่าไหร่ จนกระทั่งมีรอยขีดข่วนน่าเกลียดน่ากลัวปรากฏอยู่บนประตูซ้ายข้างคนขับ เธอจึงบรรลุสัจธรรมที่ว่า ถึงรถจะแพงขนาดไหน ถ้ามีรอยขูดขีดน่าเกลียดอัปลักษณ์  ก็จะหมดราคาสง่าราศีไปโดยทันที   สิ้นสุดการปิดประตู หล่อนเดินจ้ำ ไปยังสนามฟุตบอล

    "เมฆ!!" เสียงชายหนุ่มตะโกนก้องไปทั้งสนาม เจ้าของชื่อเดินตามเสียงเรียกนั้นไป

    "แข่งเหรอ เฮา" ชายหนุ่มคนเดิมพยักหน้า

    "แล้วเรียกออกมาทำไม"

    "เฮาคิดถึง เมฆ ไง"  มือของชายหนุ่มคนเดิมเคลื่อนที่มาอยู่บนบ่าของเมฆ เมฆยกสิ่งๆนั้นออกไป

    "อายเขา" เมฆทำหน้าดุ

    "โอ๊ยเพื่อนกันทั้งนั้น อีกอย่าง เค้าก็รู้กันหมดแล้วว่าเราเป็นแฟนกัน" เมฆทำหน้าเบื่อหน่าย แน่หละที่ชาวบ้านรู้กันทั่วเพราะนายดันเป็นคนป่าวประกาศหนิ

    เมฆ ทำกิจกรรมต่างๆได้ดีเสมอ แม้กระทั่งการเป็นผู้ดูฟุตบอลที่ดี เธอเป็นเพียงคนเดียวในอัฒจรรย์ที่ เชียร์เฮา แฟนหนุ่ม อย่างบ้าคลั่ง  ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า ที่อัฒจรรย์ ย่อมมีคนอยุ่สิบกว่าคนเท่านั้น  ฟุตบอลนัดนี้ ดูจะเป็นนัดที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดเท่าที่เมฆเคยดูมา โดยเฉพาะทีมของเฮา  เมฆฝน ไม่เคยพูดกับแฟนจริงๆซักครั้ง ว่าการเล่นฟุตบอลของเค้านั้นห่วยแค่ไหน ตรงข้ามกับทีมตรงข้ามโดยสิ้นเชิง  ไม่ต้องออกแรง ก็ได้ลูกเป็นสิบแล้ว จบเกม เฮา นั่งหน้าเศร้าซบอกแฟนสาวเหมือนเช่นเคย    เมฆฝน เพิ่งสังเกตว่ามีคนหนึ่งคนในทีมตรงข้ามที่เมฆฝนไม่รู้จัก  หล่อนเพิ่งเห็นหน้าเค้าวันนี้

    "นั่นเพื่อนเฮารึปล่าว"  แฟนหนุ่มของเธอหันไปมองตามนิ้ว แล้วพยักหน้า

    "ไม่เชิงอะ เป็นรุ่นพี่ สมัยมัธยม" เมฆพยักหน้า

    "เล่นเก่งน่าดูเลย ไม่น่า วันนี้ฟอร์มดีเชียว"

    "อิ้อ เฮียดินเคยเป็นตัวจริงของโรงเรียนเลยนะ ตอนนั้นที่มีแข่งก็ได้เหรียญทอง "

    "ชื่อดินเหรอ?" เฮาพยักหน้า

     

                                    เจ้าของรถยุโรปสีดำคันเก่าเดินกลับมายังตำแหน่งเดิม หล่อนต้องการหยิบสิ่งของบางอย่างจากกระโปรงท้ายรถ แต่ทว่า รถญี่ปุ่นคันโตกลับจอดชิดกับบั้นท้ายของรถเธอจนไม่อาจมีช่องไฟระหว่างคัน  ราวกับว่าจะเป็นลางอันดีของความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและ ประเทศมหาอำนาจยุโรป  และแล้ว ปาฎิหารย์ก็เกิดขึ้น รถญี่ปุ่นเคลื่อนที่ออกไปช้าๆ เว้นที่ว่างเพียงพอที่เทอจะแทรกกลางเข้าไปได้

    "เข้าได้รึยังคุณ"

    "คะๆ" เมฆฝน เงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของเสียง   อ๋อ ดิน นั่นเอง คนที่เตะบอลเก่งๆ เธอยิ้มให้เขา แล้วกล่าวขอบคุณ

    "แฟนเฮาเหรอ"  เมฆฝนขมวดคิ้ว   นี่ก็อีกคนเหรอเนี่ย เธอคิดในใจ แล้วพยักหน้า พลางหยิบของ

    "น่ารักดีนะเสียดายของจัง "

    " พี่สนิทกับเฮาเหรอ ทำไมไม่เคยเห็นเลย"

    "เห้ย ไม่ๆ อย่าเรียกพี่ดิ เรียกดินดีกว่า" เมฆฝนพยักหน้า (ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เธอถนัดที่สุด)

    "รถสวยนะเนี่ย  audi คันนี้คงแพงไม่ใช่เล่น" เมฆฝนพยักหน้าเช่นเคย

    "ทำงานแล้วเหรอ?" 

    "ป่าวๆ พ่อซื้อให้" เธอตอบคำถามนั้น

    "ดีจังนะพ่อซื้อให้ เรายังหางานทำไม่ได้เลย" เมฆฝนสังเกตุเห็น ดินทำหน้าจ๋อยๆ

    "เพิ่งเรียนจบก็งี้แหละ พยายามเข้า" หล่อนยิ้มให้เขาเช่นเคย

    "จบมาปีกว่าแล้วครับ  ยังหางานไม่ได้เลย" ดินยิ้มกับให้อย่างเป็นมิตร

                                    สมัยอยู่มัธยม ดิน เป็นเด็กเรียนเก่ง กิจกรรมดี นับว่าเป็นนักเรียนที่ สมบูรณ์แบบพอควร  ดินสอบเทียบติดตอนขึ้นมัทธยม 5  เทอม ดินเลยตัดสินใจเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังนั้น  ดิน เรียนเกี่ยวกับการออกแบบ จบออกมาด้วยคะแนนดีพอสมควร แต่จนแล้วจนรอด ดินก็หางานทำไม่ได้

    " อื้ม ที่บ้านเมฆทำบริษัท เกี่ยวกับพวกนี้เหมือนกัน อยากได้งานมั้ยหละ"   ดินยิ้มกว้าง

    "จริงเหรอ อยากดิ แล้วจะติดต่อยังไงอะ "   พูดจบเมฆฝน ก็ยื่นนามบัตรใบเล็กๆให้เขา

    "ติดต่อเมฆ ได้เลย ลูกสาวประธานบริษัท e.a.d. ยินดีให้ความช่วยเหลือคะ" 

     

                                  จากรถยุโรปคันงาม กลับไปที่สนาม สาวร่างเล็กเดินกลับมาที่เดิมอีกครั้ง

    " โห ไปนานจังเลย เมฆ " เฮาบ่น

    "อ๋อพอดี รถมันติดหยิบของให้ไม่ได้ แล้วเจอ พี่ดินเค้าช่วยเข็นให้ "

    "อะ นี่ เอาไป สบู่ กับผ้าเช็ดตัว วันหลังเตรียมมาเองซะบ้างสิ"  เมฆฝนกล่าวต่อ  คู่สนทนาของเธอทำหน้าจ๋อย

    "เอาน่า ขอยืมก่อน ขอบใจนะจ้ะ" เฮาหยิบของจากมือเธอแล้วเดินจากไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×