คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : RETURN 1 : วิกฤตการณ์
“เราปกป้องคนอื่น...แล้วใครจะปกป้องพวกเรากันล่ะ?”
- Sawada Tsunayoshi -
บนรถลีมูซีนติดฟิล์มดำคันหรู ชายหนุ่มทั้งเจ็ดนั่งอยู่
ใบหน้าของทั้งเจ็ดไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ พวกเขาต่างเหม่อลอยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในหัวนั้นครุ่นคิดเรื่องราวหลายๆอย่าง โดยเฉพาะท้องนภาที่มีสีหน้าเศร้าลง
ดวงตาสีน้ำตาลปิดลงราวกับไม่อยากรับรู้ถึงความทรงจำน้ัน
เขาพยายามขับไล่ภาพเหล่านั้นในหัวทิ้งไปแต่ก็ไม่อาจทำได้ กระทั่ง....
ปัง! เอี๊ยด! โครม! รถลีมูซีนที่พวกเขานั่งอยู่เกิดเสียหลัก
เสียงแรกที่ได้ยินนั้นพวกเขามั่นใจว่าเป็นเสียงปืน คาดว่าคงถูกลอบยิง
คิดได้ดังนั้นด้วยฝีมือของทั้งเจ็ดจึงเปิดประตูลงจากรถแล้วหลบห่ากระสุนที่พุ่งเข้าใส่ได้อย่างว่องไว
“ยินดีต้อนรับ วองโกเล่รุ่นที่สิบและเหล่าผู้พิทักษ์"
เสียงทักทายดังมาจากเงาพุ่มไม้ ไม่นานนักเจ้าของร่างจึงเดินออกมา
ใบหน้าของชายวัยกลางคนนั้นทำให้มือขวาหนุ่มขมวดคิ้วแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“ทัสการ์แฟมิลี่?”
“เป็นแผนของพวกแกสินะ" โกคุเทระเอื้อมมือชักปืนขึ้นมาเล็งไปยังอีกฝ่ายอย่างข่มขู่
นึกถึงบัตรเชิญของคาบัคโรเน่แล้วก็พอจะเดาเรื่องได้ เช่นเดียวกับผู้พิทักษ์คนอื่น
ชายวัยกลางคนยิ้มเหี้ยมแล้วแสร้งปรบมือราวกับชื่นชม
"สมกับเป็นสุดยอดมือขวาของวองโกเล่รุ่นที่สิบ คาดเดาได้แม่นยำเสียจริง"
“คึหึหึ คงจ้างให้บางคนปลอมลายมือของดีโน่ คาบัคโรเน่แล้วนำมาส่ง
เพื่อล่อให้พวกเราออกมาสินะครับ" มุคุโร่ชักสามง่ามขึ้นมา
ดวงตาสองสีจับจ้องไปยังศัตรูด้วยสายตาเย็นชา
“ใช่แล้ว เพื่อล่อให้พวกแกออกมาจากปราสาทวองโกเล่ที่มีการคุ้มกันแน่นหนาก็คงมีแต่วิธีนี้เท่านั้นแหละ"
ผู้นำแห่งทัสการ์แฟมิลี่พูดพลางหัวเราะอย่างน่ารังเกียจ
“เหอะ...จะขย้ำให้เละ" ฮิบาริหยิบทอนฟาขึ้นมาถือเอาไว้
เช่นเดียวกับยามาโมโตะที่ชักดาบขึ้นมา และเรียวเฮที่ตั้งท่าเรียบร้อย
“หึๆ ปากดีไปเถอะ พวกแกที่อยู่ในดงกระสุน
ต่อให้เป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่รอดหรอก"
“มันก็ไม่แน่" สึนะก้าวออกมายืนด้านหน้าผู้พิทักษ์
ใบหน้าหวานสวยประดับด้วยดวงตาทรงอำนาจยามจับจ้องไปยังร่างของบอสแห่งทัสการ์
เสียงนุ่มเอ่ยพร้อมกระตุกยิ้มบางที่ยั่วอารมณ์อีกฝ่ายอย่างง่ายดาย
“ยิงพวกมัน!”
สิ้นเสียงคำสั่ง
กระสุนจากไรเฟิลมากมายถูกยิงออกมาแล้วพุ่งตรงมายังร่างของเหล่าวองโกเล่
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงกระสุนนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปยังจุดๆเดียวทำให้เกิดกลุ่มควันสีขาวขึ้น
เมื่อควันจางลงภาพที่เห็นเบื้องหน้ากลับไม่ใช่ศพของวองโกเล่อย่างที่คิด...
“Systema C.A.I”
เกราะป้องกันของอาวุธกล่องแห่งวายุได้ช่วยป้องกันกระสุนทั้งหมดเอาไว้
ในบรรดาผู้ทักษ์ทั้งหมดโกคุเทระเป็นเพียงคนเดียวที่ยังสามารถเปิดกล่องของตนได้เนื่องจากมันใช้ระบบแหวนเปิด
และเขามีแหวนแห่งวายุที่ใช้สำหรับเปิดโดยไม่ต้องพึ่งวองโกเล่ริงก์แห่งวายุที่กลายเป็นวองโกเล่เกียร์ไปซะแล้ว
“อย่ามาหยามวองโกเล่"
ดวงตาสีน้ำตาลของบอสรุ่นที่สิบแห่งวองโกเล่มองใบหน้าตกตะลึงของศัตรูด้วยท่าทางนิ่งเฉย
เขาสวมถุงมือแล้วเปลี่ยนเป็นโหมดไฮเปอร์เพื่อการต่อสู้
เขาเหาะออกไปจัดการศัตรูที่เป็นพลซุ่มยิ่งพร้อมหลบไรเฟิลที่กระหน่ำใส่อย่างว่องไว
เช่นเดียวกับผู้พิทักษ์สายหมอกที่ใช้มายาหลอกตาศัตรูจนล้มตายไปหลายต่อหลายศพ
ผู้พิทักษ์เมฆาเห็นพลซุ่มยิงใกล้หมดลงจึงเริ่มออกอาละวาดบ้าง
เขาฟาดฟันศัตรูอย่างเมามันส์โดยไม่สนใจใคร
ส่วนผู้พิทักษ์พิรุณที่แม้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ทว่าแววตานั้นไม่ได้เล่นๆเหมือนเก่า
มันแฝงด้วยความเยือกเย็นขณะที่ฟาดฟันศัตรู
ผู้พิทักษ์อัสนีนั้นใช้ใช้พลังอัสนีคอยจัดการพวกที่คิดจะลอบกัดอย่างกล้าหาญ
ก้าวขึ้นมาอยู่แนวหน้าร่วมกับคนอื่นและกำราบศัตรูมากมาย ส่วนผู้พิทักษ์อรุณนั้นไล่จัดการศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรงพร้อมอุทิศร่างกายเพื่อปกป้องแฟมิลี่ของตน
สุดท้ายคือมือขวาหนุ่มผู้พิทักษ์วายุที่คอยใช้เกราะป้องกันให้ทุกคน
เป็นแกนกลางการต่อสู้ ทว่าก็ไม่มีการหยุดโจมตี
เขากระหน่ำยิงศัตรูด้วยอายุในมืออย่างไม่หยุดพัก
พวกเขาไม่คิดจะใช้วองโกเล่เกียร์ ด้วยความที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้และไม่อยากให้ใครเห็นพลังนี้มากนัก การต่อสู้เป็นไปอย่างราบเรื่อย ความเหนื่อยล้าเริ่มโจมตีเนื่องจากอีกฝ่ายมีมากกว่าเป็นสิบๆเท่า ร่างกายของแต่ละคนเริ่มมีบาดแผล โดยเฉพาะฮิบาริหรือเรียวเฮที่ท่าจะโดนหนักสุดเพราะเป็นแนวหน้าออกรบ
“แฮ่กๆ...”
พวกสึนะที่กำจัดศัตรูไปเกือบหมดมองร่างของบอสแห่งทัสการ์แฟมิลี่และลูกน้องที่เหลือด้วยสายตาไม่ยอมแพ้
แม้เรี่ยวแรงใกล้จะหมดลง เขาจะตายที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด
เขายังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่อีกมากมาย
“ขอชมว่าพวกแกแข็งแกร่งสมคำเล่าลือจริงๆ" บอสทัสการ์ปรบมืออย่างชมเชย
รับรู้ถึงเรี่ยวแรงที่เริ่มหมดลงของชายหนุ่มอายุน้อยกว่าเบื้องหน้า
"น่าเสียดายที่ประวัติศาสตร์ของวองโกเล่จะต้องจบลง...ตรงนี้!”
“ฮึ่ย!”
คนหยิ่งในศักดิ์ศรีที่สุดอย่างฮิบาริพุ่งเข้าไปตวัดทอนฟาใส่เหล่าทัสการ์ที่เหลืออยู่
เช่นเดียวกับเรียวเฮที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
บอสทัสการ์เห็นแบบนั้นจึงกัดฟันกรอดแล้วเล็งปืนไปยังสึนะที่ยืนอยู่
ดวงตาสีส้มในโหมดไฮเปอร์เบิกกว้างขึ้นเมื่อกระสุนปืนถูกยิงมาทางตน
“รุ่นที่สิบ!”
ปัง! กระสุนปืนถูกยิงใส่ร่างของโกคุเทระที่เอาตัวเข้ามาบังร่างของบอสตนเอาไว้
สึนะรีบดูอาการเพื่อนสนิทกึ่งมือขวาทันทีด้วยความเป็นห่วง
ส่วนมุคุโร่นั้นใช้สามง่ามของตนปักใส่ร่างของบอสทัสการ์อย่างไม่ปราณี
“โกคุเทระคุง!”
สึนะที่แทบจะสิ้นเรี่ยวแรงประคองร่างของมือขวาคนสนิทไว้ในอ้อมแขน
ใบหน้าหวานสวยของบอสรุ่นที่สิบซีดขาวแทบจะเป็นกระดาษ
เขาคลายไฮเปอร์โหมดอย่างรวดเร็ว
ดวงตาสีน้ำตาลสวยรื้นไปด้วยน้ำตาขณะมองร่างที่หอบหายใจอย่างหนักของโกคุเทระ
“ผม...อึก มะไม่เป็นไร...ครับ"
โกคุเทระพยายามเค้นเสียงของตนออกมาเนื่องจากไม่อยากให้รุ่นที่สิบเป็นห่วง
ดวงตาสีเขียวมรกตฉายแววจงรักภักดีไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อมองใบหน้าของบอสที่แสนจะเคารพ
“ไม่ต้องพูดแล้วโกคุเทระคุง!” สึนะพูดพลางพยายามจะลุกขึ้นยืนทว่าตัวเองนั้นก็สิ้นเรี่ยวแรงเช่นกัน
ยามาโมโตะที่อยู่ใกล้ๆรีบวิ่งเข้ามาดูพร้อมใบหน้าซีดเผือดไม่ต่างจากเพื่อนสนิท
ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย โดยเฉพาะที่ขาซึ่งเป็นแผลใหญ่มากจนไม่น่าจะยืนไหว
"ยามาโมโตะ!"
สึนะอุทานลั่นเมื่อเห็นว่าผู้พิทักษ์ของตนต่างบาดเจ็บหนักกันทั้งนั้น
เขากัดฟันพยายามพยุงร่างของคนที่ถูกยิงเพื่อไปโรงพยาบาล
แต่ร่างทั้งร่างกลับทรุดฮวบลงไปอย่างหมดแรง
ผู้พิทักษ์คนอื่นๆเมื่อเห็นบอสล้มก็ทำท่าจะเข้ามาหา
ทว่าร่างกายกลับทรุดลงจนเกือบหมดสติกันทุกคน
โดยเฉพาะฮิบาริที่ต่อสู้มากกว่าคนอื่นและยามาโมโตะที่มีแผลใหญ่ตรงขา
สึนะที่กำลังจะหมดสติกัดริมฝีปากแน่น พยายามอธิษฐานต่อทุกสิ่งอย่าง
ขอให้ผู้พิทักษ์ของตนปลอดภัย...เขาไม่ต้องการจะสูญเสียอะไรอีกแล้ว
สึนะเคยเฝ้าถามมาตลอด หากพวกเขาปกป้องแฟมิลี่...แล้วใครล่ะที่จะปกป้องพวกเขา? คนร่างเล็กได้แต่นึกโชคชะตา เขาเกลียดชังโชคชะตาของตัวเอง
เกลียดชังความอ่อนแอของตนที่ทำให้สูญเสียสิ่งสำคัญ...
“เราปกป้องคนอื่น...แล้วใครจะปกป้องพวกเรากันล่ะ?” เสียงนุ่มเอ่ยถามออกมาราวกับโทษโชคชะตา
สติที่เริ่มเลือนรางลงทำให้เขารู้ว่าตนคงไม่อาจช่วยใครได้
ภาพสุดท้ายที่เห็นคือเปลวเพลิงสีส้มที่เปล่งออกมาจากวองโกเล่เกียร์แห่งนภา
พร้อมเสียงทุ้มทรงอำนาจที่ดังออกมา...
“ประวัติสี่ร้อยปีของวองโกเล่จะปกป้องเจ้า...เดชิโม่"
++++++++++++++++++++++++++++
คริสตศักราชที่ 16XX
กรุงโรม, ประเทศอิตาลี
ร่างสูงของชายหนุ่มผมทองฟูฟ่องในชุดทางการกำลังเดินสำรวจป่าทางตะวันตกที่ได้ยินข่าวลือว่ามีกลุ่มโจรซ่องสุมอยู่เยอะ
ด้านข้างซ้ายขวามีร่างของชายอีกสองคนเดินประกบตามมาอยู่
หนึ่งคนเป็นชายหนุ่มร่างสูงผมสีแดงเพลิงเจ้าของรอยสักตรงซีกหน้าขวา
ส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดขุนนางญี่ปุ่น
“คิดยังไงถึงได้ออกมาสำรวจด้วยตัวเองน่ะพรีโม่?” ผู้พิทักษ์วายุและมือขวาเอ่ยถามบอสของตนอย่างไม่เข้าใจ
ปกติงานแบบนี้พรีโม่มักจะใช้ให้ลูกน้องคนอื่นมาสำรวจแท้ๆ
ลำบากให้เขากับอุเก็ตสึต้องตามมาด้วยเพื่อกันไม่ให้พรีโม่แอบอู้งาน...
“ลางสังหรณ์น่ะ" พรีโม่ตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ
เขาเข้าใจความเป็นห่วง(งาน)ของจีดี
แต่สังหรณ์ของเขามันบอกว่างานนี้เขาควรจะมาด้วยตัวเอง
“แต่ก็ดีนะขอรับ นานๆทีจะได้ออกมานอกปราสาทบ้าง"
ผู้พิทักษ์พิรุณกล่าวด้วยรอยยิ้มกระจ่างใส
น้ำเสียงไม่คิดอะไรมากทว่าแฝงด้วยความนุ่มลึกบางอย่าง
“ดีอะไรล่ะ
เกิดโดนลอบทำร้ายขึ้นมาจะยุ่งอีก" จีบ่นอย่างอดไม่ได้
เพราะคราวที่แล้วออกมาก็เกือบโดนลอบฆ่าไปทีนึง
เขาเลยไม่ค่อยอยากให้บอสของตนออกมาด้านนอกเท่าไรนัก
แซ่กๆ ไม่ทันที่พวกเขาจะได้คุยอะไรกันต่อ
เสียงคนเดินมาจากพุ่มไม้ด้านข้างก็ทำให้ทั้งสามเตรียมตัวรับมือเผื่อว่าเป็นศัตรูทันที
ทว่าร่างที่เห็นนั้นกลับทำให้พวกเขาเบิกตากว้างแทน
“อึก...” ยามาโมโตะในสภาพบาดเจ็บหนัก ตรงบริเวณขาซ้ายมีรอยแผลขนาดใหญ่สังเกตจากเลือดที่ไหลไม่หยุดแล้วเขาไม่น่าจะเดินมาถึงนี่ได้
ทว่าด้วยความอยากช่วยเพื่อนนั้นมีมากกว่า
เขาที่ฟื้นเป็นคนแรกจึงรีบหาทางช่วยเหลือเพื่อนทันที
“เจ้า...” อาซาริ อุเก็ตสึ
มองร่างของชายหนุ่มที่เดินออกมาด้วยสายตาประหลาดใจ
ความคุ้นเคยแผ่ซ่านเข้ามาทำให้ร่างสูงรีบเข้าไปรับร่างเล็กกว่าตนที่ล้มพับลงมา
ยามาโมโตะหอบหายใจอย่างหนักก่อนจะพยายามชี้ไปทางที่ตนเดินมาแล้วเอ่ยอย่างยากลำบาก
“ชะ...ช่ว-- ช่วย" นักดาบอันดับหนึ่งแห่งวองโกเล่
(รุ่นที่สิบ) มองสบกับดวงตาสีฟ้าของอุเก็ตสึที่หันไปมองพรีโม่ทันทีหลังจากพอจะคาดเดาคำพูดของร่างในอ้อมแขนได้
วองโกเล่รุ่นหนึ่งพยักหน้ารับแล้วทำท่าให้มือขวาวิ่งตามเขาไป
จีหันมามองร่างในอ้อมแขนชาวญี่ปุ่นเล็กน้อยก่อนจะวิ่งตามบอสของตนไป
ยามาโมโตะหมดสติลงทันทีเมื่อรับรู้ว่าเพื่อนของตนพอมีทางรอด
อุเก็ตสึช้อนร่างของชายหนุ่มตัวสูงเอาไว้ราวกับอีกฝ่ายตัวเบามาก แม้ยามาโมโตะจะสูงแต่ก็คงสู้ความสูงของผู้พิทักษ์รุ่นแรกไม่ได้
อุเก็ตสึอุ้มยามาโมโตะเอาไว้แล้วเดินตามพรีโม่ไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะกลัวแผลของคนที่ตนอุ้มอยู่จะสะเทือนเสียก่อน
“จี เจ้าพาคนผมเงินนั่นขึ้นรถม้าไปกับอุเก็ตสึก่อน
คนอื่นยังบาดเจ็บไม่เท่าสองคนนั้น"
จีมองบาดแผลถูกยิงของคนผมเงินแล้วพยักหน้ารับคำบอส
เขาช้อนร่างบางของโกคุเทระขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนวิ่งไปยังรถม้าเช่นเดียวกับอุเก็ตสึ
โดยไม่ลืมหันมาทิ้งท้ายเอาไว้
“ข้าจะรีบให้คนมารับพวกเจ้า"
จีอ็อตโต้พยักหน้ารับคำเพื่อน
เมื่อพวกจีไปแล้วเขาจึงสำรวจบาดแผลของอีกห้าคนที่เหลือพบว่ามีไม่มากนัก
ที่บาดเจ็บเยอะสุดเห็นจะเป็นคนผมดำที่ถือทอนฟา
นอกนั้นน่าจะเป็นเหนื่อยจนหมดสติเสียมากกว่า
คิดได้แบบนั้นเขาจึงเลื่อนสายตามามองใบหน้าหวานของสึนะที่หลับไม่ได้สติ
“ใบหน้านี้...” จีอ็อตโต้สำรวจใบหน้าของร่างบางแล้วอดคิดว่าคล้ายตนไม่ได้
ดวงตาสีฟ้าเหลือบไปเห็นมือของร่างบางกำบางอย่างเอาไว้แน่น
คิดว่าคงเป็นของสำคัญจึงไม่ได้แกะดู
โดยหารู้ไม่ว่ามันคือ.......
วองโกเล่เกียร์แห่งนภา
++++++++++++++++++++++++++++++
ในที่สุดปู่ก็มา~
ทาเคชิจังอึดสุดยอด ขาเจ็บหนักยังรักเพื่อนขนาดนี้ //เมนเราเองคิคิ(โดนรีดตบข้อหาลำเอียง)
ตอนแรกลังเลว่าให้ใครมาสำรวจป่ากับพรีโม่ดี แต่พอคิดไปคิดมา...สองเพื่อนซี้นี่แหละเวิร์คสุด
ดังนั้นเซอร์วิสแรกเลยกลายเป็นของปู่พิรุณ(โดนปู่จ็อตกับปู่จีตบ)
ตอนหน้าเตรียมพบกับปู่อีกสี่คนได้โลยย//โบกมือลา
1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจนะคะ
ความคิดเห็น