ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC REBORN] Decimo of Vongola [G27]

    ลำดับตอนที่ #3 : RETURN 1 : วิกฤตการณ์

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 59



    เราปกป้องคนอื่น...แล้วใครจะปกป้องพวกเรากันล่ะ?”

    - Sawada Tsunayoshi -

                         

     

               

                บนรถลีมูซีนติดฟิล์มดำคันหรู ชายหนุ่มทั้งเจ็ดนั่งอยู่ ใบหน้าของทั้งเจ็ดไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ พวกเขาต่างเหม่อลอยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในหัวนั้นครุ่นคิดเรื่องราวหลายๆอย่าง โดยเฉพาะท้องนภาที่มีสีหน้าเศร้าลง ดวงตาสีน้ำตาลปิดลงราวกับไม่อยากรับรู้ถึงความทรงจำน้ัน เขาพยายามขับไล่ภาพเหล่านั้นในหัวทิ้งไปแต่ก็ไม่อาจทำได้ กระทั่ง....

     

                ปัง! เอี๊ยด! โครม! รถลีมูซีนที่พวกเขานั่งอยู่เกิดเสียหลัก เสียงแรกที่ได้ยินนั้นพวกเขามั่นใจว่าเป็นเสียงปืน คาดว่าคงถูกลอบยิง คิดได้ดังนั้นด้วยฝีมือของทั้งเจ็ดจึงเปิดประตูลงจากรถแล้วหลบห่ากระสุนที่พุ่งเข้าใส่ได้อย่างว่องไว

     

                “ยินดีต้อนรับ วองโกเล่รุ่นที่สิบและเหล่าผู้พิทักษ์" เสียงทักทายดังมาจากเงาพุ่มไม้ ไม่นานนักเจ้าของร่างจึงเดินออกมา ใบหน้าของชายวัยกลางคนนั้นทำให้มือขวาหนุ่มขมวดคิ้วแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ

     

                “ทัสการ์แฟมิลี่?”

     

                “เป็นแผนของพวกแกสินะ" โกคุเทระเอื้อมมือชักปืนขึ้นมาเล็งไปยังอีกฝ่ายอย่างข่มขู่ นึกถึงบัตรเชิญของคาบัคโรเน่แล้วก็พอจะเดาเรื่องได้ เช่นเดียวกับผู้พิทักษ์คนอื่น

     

                ชายวัยกลางคนยิ้มเหี้ยมแล้วแสร้งปรบมือราวกับชื่นชม "สมกับเป็นสุดยอดมือขวาของวองโกเล่รุ่นที่สิบ คาดเดาได้แม่นยำเสียจริง"

     

                “คึหึหึ คงจ้างให้บางคนปลอมลายมือของดีโน่ คาบัคโรเน่แล้วนำมาส่ง เพื่อล่อให้พวกเราออกมาสินะครับ" มุคุโร่ชักสามง่ามขึ้นมา ดวงตาสองสีจับจ้องไปยังศัตรูด้วยสายตาเย็นชา

     

                “ใช่แล้ว เพื่อล่อให้พวกแกออกมาจากปราสาทวองโกเล่ที่มีการคุ้มกันแน่นหนาก็คงมีแต่วิธีนี้เท่านั้นแหละ" ผู้นำแห่งทัสการ์แฟมิลี่พูดพลางหัวเราะอย่างน่ารังเกียจ

     

                “เหอะ...จะขย้ำให้เละ" ฮิบาริหยิบทอนฟาขึ้นมาถือเอาไว้ เช่นเดียวกับยามาโมโตะที่ชักดาบขึ้นมา และเรียวเฮที่ตั้งท่าเรียบร้อย

     

                “หึๆ ปากดีไปเถอะ พวกแกที่อยู่ในดงกระสุน ต่อให้เป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่รอดหรอก"

     

                “มันก็ไม่แน่" สึนะก้าวออกมายืนด้านหน้าผู้พิทักษ์ ใบหน้าหวานสวยประดับด้วยดวงตาทรงอำนาจยามจับจ้องไปยังร่างของบอสแห่งทัสการ์ เสียงนุ่มเอ่ยพร้อมกระตุกยิ้มบางที่ยั่วอารมณ์อีกฝ่ายอย่างง่ายดาย

     

                “ยิงพวกมัน!สิ้นเสียงคำสั่ง กระสุนจากไรเฟิลมากมายถูกยิงออกมาแล้วพุ่งตรงมายังร่างของเหล่าวองโกเล่

     

                ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! เสียงกระสุนนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปยังจุดๆเดียวทำให้เกิดกลุ่มควันสีขาวขึ้น เมื่อควันจางลงภาพที่เห็นเบื้องหน้ากลับไม่ใช่ศพของวองโกเล่อย่างที่คิด...

     

                “Systema C.A.I”

     

                เกราะป้องกันของอาวุธกล่องแห่งวายุได้ช่วยป้องกันกระสุนทั้งหมดเอาไว้ ในบรรดาผู้ทักษ์ทั้งหมดโกคุเทระเป็นเพียงคนเดียวที่ยังสามารถเปิดกล่องของตนได้เนื่องจากมันใช้ระบบแหวนเปิด และเขามีแหวนแห่งวายุที่ใช้สำหรับเปิดโดยไม่ต้องพึ่งวองโกเล่ริงก์แห่งวายุที่กลายเป็นวองโกเล่เกียร์ไปซะแล้ว

     

                “อย่ามาหยามวองโกเล่"

     

                ดวงตาสีน้ำตาลของบอสรุ่นที่สิบแห่งวองโกเล่มองใบหน้าตกตะลึงของศัตรูด้วยท่าทางนิ่งเฉย เขาสวมถุงมือแล้วเปลี่ยนเป็นโหมดไฮเปอร์เพื่อการต่อสู้ เขาเหาะออกไปจัดการศัตรูที่เป็นพลซุ่มยิ่งพร้อมหลบไรเฟิลที่กระหน่ำใส่อย่างว่องไว เช่นเดียวกับผู้พิทักษ์สายหมอกที่ใช้มายาหลอกตาศัตรูจนล้มตายไปหลายต่อหลายศพ

     

                ผู้พิทักษ์เมฆาเห็นพลซุ่มยิงใกล้หมดลงจึงเริ่มออกอาละวาดบ้าง เขาฟาดฟันศัตรูอย่างเมามันส์โดยไม่สนใจใคร ส่วนผู้พิทักษ์พิรุณที่แม้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ทว่าแววตานั้นไม่ได้เล่นๆเหมือนเก่า มันแฝงด้วยความเยือกเย็นขณะที่ฟาดฟันศัตรู

     

                ผู้พิทักษ์อัสนีนั้นใช้ใช้พลังอัสนีคอยจัดการพวกที่คิดจะลอบกัดอย่างกล้าหาญ ก้าวขึ้นมาอยู่แนวหน้าร่วมกับคนอื่นและกำราบศัตรูมากมาย ส่วนผู้พิทักษ์อรุณนั้นไล่จัดการศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรงพร้อมอุทิศร่างกายเพื่อปกป้องแฟมิลี่ของตน สุดท้ายคือมือขวาหนุ่มผู้พิทักษ์วายุที่คอยใช้เกราะป้องกันให้ทุกคน เป็นแกนกลางการต่อสู้ ทว่าก็ไม่มีการหยุดโจมตี เขากระหน่ำยิงศัตรูด้วยอายุในมืออย่างไม่หยุดพัก

     

                พวกเขาไม่คิดจะใช้วองโกเล่เกียร์ ด้วยความที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้และไม่อยากให้ใครเห็นพลังนี้มากนัก การต่อสู้เป็นไปอย่างราบเรื่อย ความเหนื่อยล้าเริ่มโจมตีเนื่องจากอีกฝ่ายมีมากกว่าเป็นสิบๆเท่า ร่างกายของแต่ละคนเริ่มมีบาดแผล โดยเฉพาะฮิบาริหรือเรียวเฮที่ท่าจะโดนหนักสุดเพราะเป็นแนวหน้าออกรบ

     

                “แฮ่กๆ...พวกสึนะที่กำจัดศัตรูไปเกือบหมดมองร่างของบอสแห่งทัสการ์แฟมิลี่และลูกน้องที่เหลือด้วยสายตาไม่ยอมแพ้ แม้เรี่ยวแรงใกล้จะหมดลง เขาจะตายที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด เขายังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่อีกมากมาย

     

                “ขอชมว่าพวกแกแข็งแกร่งสมคำเล่าลือจริงๆ" บอสทัสการ์ปรบมืออย่างชมเชย รับรู้ถึงเรี่ยวแรงที่เริ่มหมดลงของชายหนุ่มอายุน้อยกว่าเบื้องหน้า "น่าเสียดายที่ประวัติศาสตร์ของวองโกเล่จะต้องจบลง...ตรงนี้!

     

                “ฮึ่ย!

     

                คนหยิ่งในศักดิ์ศรีที่สุดอย่างฮิบาริพุ่งเข้าไปตวัดทอนฟาใส่เหล่าทัสการ์ที่เหลืออยู่ เช่นเดียวกับเรียวเฮที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ บอสทัสการ์เห็นแบบนั้นจึงกัดฟันกรอดแล้วเล็งปืนไปยังสึนะที่ยืนอยู่ ดวงตาสีส้มในโหมดไฮเปอร์เบิกกว้างขึ้นเมื่อกระสุนปืนถูกยิงมาทางตน

     

                “รุ่นที่สิบ!

     

                ปัง! กระสุนปืนถูกยิงใส่ร่างของโกคุเทระที่เอาตัวเข้ามาบังร่างของบอสตนเอาไว้ สึนะรีบดูอาการเพื่อนสนิทกึ่งมือขวาทันทีด้วยความเป็นห่วง ส่วนมุคุโร่นั้นใช้สามง่ามของตนปักใส่ร่างของบอสทัสการ์อย่างไม่ปราณี

               

                “โกคุเทระคุง!สึนะที่แทบจะสิ้นเรี่ยวแรงประคองร่างของมือขวาคนสนิทไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าหวานสวยของบอสรุ่นที่สิบซีดขาวแทบจะเป็นกระดาษ เขาคลายไฮเปอร์โหมดอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำตาลสวยรื้นไปด้วยน้ำตาขณะมองร่างที่หอบหายใจอย่างหนักของโกคุเทระ

     

                “ผม...อึก มะไม่เป็นไร...ครับ" โกคุเทระพยายามเค้นเสียงของตนออกมาเนื่องจากไม่อยากให้รุ่นที่สิบเป็นห่วง ดวงตาสีเขียวมรกตฉายแววจงรักภักดีไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อมองใบหน้าของบอสที่แสนจะเคารพ

     

                “ไม่ต้องพูดแล้วโกคุเทระคุง!สึนะพูดพลางพยายามจะลุกขึ้นยืนทว่าตัวเองนั้นก็สิ้นเรี่ยวแรงเช่นกัน ยามาโมโตะที่อยู่ใกล้ๆรีบวิ่งเข้ามาดูพร้อมใบหน้าซีดเผือดไม่ต่างจากเพื่อนสนิท ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย โดยเฉพาะที่ขาซึ่งเป็นแผลใหญ่มากจนไม่น่าจะยืนไหว "ยามาโมโตะ!"

     

                สึนะอุทานลั่นเมื่อเห็นว่าผู้พิทักษ์ของตนต่างบาดเจ็บหนักกันทั้งนั้น เขากัดฟันพยายามพยุงร่างของคนที่ถูกยิงเพื่อไปโรงพยาบาล แต่ร่างทั้งร่างกลับทรุดฮวบลงไปอย่างหมดแรง

     

                ผู้พิทักษ์คนอื่นๆเมื่อเห็นบอสล้มก็ทำท่าจะเข้ามาหา ทว่าร่างกายกลับทรุดลงจนเกือบหมดสติกันทุกคน โดยเฉพาะฮิบาริที่ต่อสู้มากกว่าคนอื่นและยามาโมโตะที่มีแผลใหญ่ตรงขา สึนะที่กำลังจะหมดสติกัดริมฝีปากแน่น พยายามอธิษฐานต่อทุกสิ่งอย่าง

     

                ขอให้ผู้พิทักษ์ของตนปลอดภัย...เขาไม่ต้องการจะสูญเสียอะไรอีกแล้ว

     

                สึนะเคยเฝ้าถามมาตลอด หากพวกเขาปกป้องแฟมิลี่...แล้วใครล่ะที่จะปกป้องพวกเขา? คนร่างเล็กได้แต่นึกโชคชะตา เขาเกลียดชังโชคชะตาของตัวเอง เกลียดชังความอ่อนแอของตนที่ทำให้สูญเสียสิ่งสำคัญ...

     

                “เราปกป้องคนอื่น...แล้วใครจะปกป้องพวกเรากันล่ะ?” เสียงนุ่มเอ่ยถามออกมาราวกับโทษโชคชะตา สติที่เริ่มเลือนรางลงทำให้เขารู้ว่าตนคงไม่อาจช่วยใครได้ ภาพสุดท้ายที่เห็นคือเปลวเพลิงสีส้มที่เปล่งออกมาจากวองโกเล่เกียร์แห่งนภา พร้อมเสียงทุ้มทรงอำนาจที่ดังออกมา...

     

                “ประวัติสี่ร้อยปีของวองโกเล่จะปกป้องเจ้า...เดชิโม่"


     ++++++++++++++++++++++++++++

     


    คริสตศักราชที่ 16XX

    กรุงโรม, ประเทศอิตาลี

     

                ร่างสูงของชายหนุ่มผมทองฟูฟ่องในชุดทางการกำลังเดินสำรวจป่าทางตะวันตกที่ได้ยินข่าวลือว่ามีกลุ่มโจรซ่องสุมอยู่เยอะ ด้านข้างซ้ายขวามีร่างของชายอีกสองคนเดินประกบตามมาอยู่ หนึ่งคนเป็นชายหนุ่มร่างสูงผมสีแดงเพลิงเจ้าของรอยสักตรงซีกหน้าขวา ส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มร่างสูงในชุดขุนนางญี่ปุ่น

     

                “คิดยังไงถึงได้ออกมาสำรวจด้วยตัวเองน่ะพรีโม่?” ผู้พิทักษ์วายุและมือขวาเอ่ยถามบอสของตนอย่างไม่เข้าใจ ปกติงานแบบนี้พรีโม่มักจะใช้ให้ลูกน้องคนอื่นมาสำรวจแท้ๆ ลำบากให้เขากับอุเก็ตสึต้องตามมาด้วยเพื่อกันไม่ให้พรีโม่แอบอู้งาน...

     

                “ลางสังหรณ์น่ะ" พรีโม่ตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ เขาเข้าใจความเป็นห่วง(งาน)ของจีดี แต่สังหรณ์ของเขามันบอกว่างานนี้เขาควรจะมาด้วยตัวเอง

     

                “แต่ก็ดีนะขอรับ นานๆทีจะได้ออกมานอกปราสาทบ้าง" ผู้พิทักษ์พิรุณกล่าวด้วยรอยยิ้มกระจ่างใส น้ำเสียงไม่คิดอะไรมากทว่าแฝงด้วยความนุ่มลึกบางอย่าง

     

                “ดีอะไรล่ะ เกิดโดนลอบทำร้ายขึ้นมาจะยุ่งอีก" จีบ่นอย่างอดไม่ได้ เพราะคราวที่แล้วออกมาก็เกือบโดนลอบฆ่าไปทีนึง เขาเลยไม่ค่อยอยากให้บอสของตนออกมาด้านนอกเท่าไรนัก

     

                แซ่กๆ ไม่ทันที่พวกเขาจะได้คุยอะไรกันต่อ เสียงคนเดินมาจากพุ่มไม้ด้านข้างก็ทำให้ทั้งสามเตรียมตัวรับมือเผื่อว่าเป็นศัตรูทันที ทว่าร่างที่เห็นนั้นกลับทำให้พวกเขาเบิกตากว้างแทน

     

                “อึก...ยามาโมโตะในสภาพบาดเจ็บหนัก ตรงบริเวณขาซ้ายมีรอยแผลขนาดใหญ่สังเกตจากเลือดที่ไหลไม่หยุดแล้วเขาไม่น่าจะเดินมาถึงนี่ได้ ทว่าด้วยความอยากช่วยเพื่อนนั้นมีมากกว่า เขาที่ฟื้นเป็นคนแรกจึงรีบหาทางช่วยเหลือเพื่อนทันที

     

                “เจ้า...อาซาริ อุเก็ตสึ มองร่างของชายหนุ่มที่เดินออกมาด้วยสายตาประหลาดใจ ความคุ้นเคยแผ่ซ่านเข้ามาทำให้ร่างสูงรีบเข้าไปรับร่างเล็กกว่าตนที่ล้มพับลงมา ยามาโมโตะหอบหายใจอย่างหนักก่อนจะพยายามชี้ไปทางที่ตนเดินมาแล้วเอ่ยอย่างยากลำบาก

     

                “ชะ...ช่ว-- ช่วย" นักดาบอันดับหนึ่งแห่งวองโกเล่ (รุ่นที่สิบ) มองสบกับดวงตาสีฟ้าของอุเก็ตสึที่หันไปมองพรีโม่ทันทีหลังจากพอจะคาดเดาคำพูดของร่างในอ้อมแขนได้ วองโกเล่รุ่นหนึ่งพยักหน้ารับแล้วทำท่าให้มือขวาวิ่งตามเขาไป จีหันมามองร่างในอ้อมแขนชาวญี่ปุ่นเล็กน้อยก่อนจะวิ่งตามบอสของตนไป

     

                ยามาโมโตะหมดสติลงทันทีเมื่อรับรู้ว่าเพื่อนของตนพอมีทางรอด อุเก็ตสึช้อนร่างของชายหนุ่มตัวสูงเอาไว้ราวกับอีกฝ่ายตัวเบามาก แม้ยามาโมโตะจะสูงแต่ก็คงสู้ความสูงของผู้พิทักษ์รุ่นแรกไม่ได้ อุเก็ตสึอุ้มยามาโมโตะเอาไว้แล้วเดินตามพรีโม่ไปอย่างไม่เร่งรีบเพราะกลัวแผลของคนที่ตนอุ้มอยู่จะสะเทือนเสียก่อน

     

                “จี เจ้าพาคนผมเงินนั่นขึ้นรถม้าไปกับอุเก็ตสึก่อน คนอื่นยังบาดเจ็บไม่เท่าสองคนนั้น" จีมองบาดแผลถูกยิงของคนผมเงินแล้วพยักหน้ารับคำบอส เขาช้อนร่างบางของโกคุเทระขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนวิ่งไปยังรถม้าเช่นเดียวกับอุเก็ตสึ โดยไม่ลืมหันมาทิ้งท้ายเอาไว้

     

                “ข้าจะรีบให้คนมารับพวกเจ้า"

     

                จีอ็อตโต้พยักหน้ารับคำเพื่อน เมื่อพวกจีไปแล้วเขาจึงสำรวจบาดแผลของอีกห้าคนที่เหลือพบว่ามีไม่มากนัก ที่บาดเจ็บเยอะสุดเห็นจะเป็นคนผมดำที่ถือทอนฟา นอกนั้นน่าจะเป็นเหนื่อยจนหมดสติเสียมากกว่า คิดได้แบบนั้นเขาจึงเลื่อนสายตามามองใบหน้าหวานของสึนะที่หลับไม่ได้สติ

     

                “ใบหน้านี้...จีอ็อตโต้สำรวจใบหน้าของร่างบางแล้วอดคิดว่าคล้ายตนไม่ได้ ดวงตาสีฟ้าเหลือบไปเห็นมือของร่างบางกำบางอย่างเอาไว้แน่น คิดว่าคงเป็นของสำคัญจึงไม่ได้แกะดู

     

              โดยหารู้ไม่ว่ามันคือ.......

     

    วองโกเล่เกียร์แห่งนภา


    ++++++++++++++++++++++++++++++

    ในที่สุดปู่ก็มา~

    ทาเคชิจังอึดสุดยอด ขาเจ็บหนักยังรักเพื่อนขนาดนี้ //เมนเราเองคิคิ(โดนรีดตบข้อหาลำเอียง)

    ตอนแรกลังเลว่าให้ใครมาสำรวจป่ากับพรีโม่ดี แต่พอคิดไปคิดมา...สองเพื่อนซี้นี่แหละเวิร์คสุด

    ดังนั้นเซอร์วิสแรกเลยกลายเป็นของปู่พิรุณ(โดนปู่จ็อตกับปู่จีตบ)

    ตอนหน้าเตรียมพบกับปู่อีกสี่คนได้โลยย//โบกมือลา

    1 คอมเมนต์ = 1 กำลังใจนะคะ

                                                                
         
        Micelle jean
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×