School RN_โรงเรียนนี้มีเพี้ยนตอน1 - School RN_โรงเรียนนี้มีเพี้ยนตอน1 นิยาย School RN_โรงเรียนนี้มีเพี้ยนตอน1 : Dek-D.com - Writer

    School RN_โรงเรียนนี้มีเพี้ยนตอน1

    บทแรกหลังจากบทแนะนำตัวละคร

    ผู้เข้าชมรวม

    63

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    63

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 พ.ย. 54 / 23:24 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      บทที่ 1: ความลับเริ่มต้น
           ฉัน เข้านอนแต่หัวค่ำเหมือนทุกวันจะได้ตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน ก่อนเข้าห้องนอนฉันบังเอิญได้ยินรายงานข่าวจากช่องเจ็ดเรื่องปรากฏการณ์สุริยะคราสในวันนี้ (ฉันแพนผู้ซึ่งหลงใหลในดวงดาว อันที่จริงฉันก็สามารถหลงใหลได้ทุกสิ่งนั่นแหละตั้งแต่โมเดลตัวการ์ตูนแพงๆ จากญี่ปุ่นไปจนถึงหินกรวดแม่น้ำรูปร่างประหลาดๆ ที่เก็บมาจากหน้าบ้าน) ก็นึกสนใจจะฟังขึ้นมาทันที...ฉันเดินไปที่หน้าทีวีนั้น จงใจยืนบังจอจากสายตาฝ้าฟางของคุณยาย ไม่ได้รู้เลยว่าคุณยายที่น่ารักของฉันกำลังอ่าน เรื่องย่อละคร ‘จงกลกิ่งเทียน’ อยู่
      “ที่จังหวัดเชียงใหม่มีผู้สนใจนำฟิล์มซ้อนกันขึ้นมามองปรากฏการณ์นี้มากมายเลยนะคะ ก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีเพราะสุริยะคราสจะเกิดอีกครั้งในอีกหกสิบปีข้างหน้าค่ะ”
           เสียงผู้ประกาศข่าวช่างเจื้อยแจ้วเสียจริง ไม่รับรู้ถึงความหงุดหงิดที่ฉันกำลังระบายใส่หล่อนด้วยสายตาเลยแม้แต่น้อย--อีกหกสิบปี เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นสุริยะคราสเลย พอถึงวันมันจะเกิดฉันกลับไม่ได้ดูเนี่ยนะ--เป็นความผิดของผู้ประกาศข่าวนั่นแหละที่ไม่ยอมประกาศตั้งแต่เมื่อวาน เอ๊ะ นี่ฉันไปได้เชื้อ
      โทษสิ่งแวดล้อมมาจากใครกัน
      “ไปนอน” คุณยายเงยหน้าจากเรื่องย่อละครที่อ่านแล้วออกคำสั่งใส่ฉันเสียงเข้ม
      “ค่ะ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” ฉันตอบเสียงยานคางด้วยความเบื่อหน่าย จากนั้นฉันก็ลากสังขารพร้อมจิตใจห่อเหี่ยวของตัวเองให้ออกห่างจากทีวี ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินความหวังครั้งใหม่
      “สำหรับผู้ที่พลาดโอกาสชมสุริยะคราสในวันนี้ก็ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ ยังจะเกิดสุริยะคราสขึ้นอีกครั้งในวันศุกร์ที่ยี่สิบสองช่วงปลายเดือนค่ะ พักกันสักครู่นะคะแล้วกลับมาพบ คุณฆัณฑนา ในเส้นทางบันเทิง...”
           หูฉันไม่รับรู้อะไรแล้ว ฉันปิดประตูห้อง กดสวิตช์เครื่องปรับอากาศแล้วมุดเข้าที่นอน--ความคิดอย่างแรงกล้าฉายซ้ำไปซ้ำมา คราวนี้ละฉันจะไม่พลาดปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ครั้งสำคัญ...ฉันผล็อยหลับไปโดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับฉันในอีกไม่กี่ชั่วโมงจะทำให้การดูสุริยะคราสวันที่ยี่สิบสองกลายเป็นวันที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียว

      *************************************

            ฉันแน่ใจว่าตัวเองกำลังฝันอยู่แน่ มันต้องเป็นความฝัน เพราะฉันไม่มีทางลุกขึ้นมาเตรียมตัวจะไปเข้าห้องน้ำกลางดึก กำลังจ้องประสานสายตากับผู้หญิงที่อยู่นอกหน้าต่างเด็ดขาด!
           ฉันขยี้ตาด้วยความง่วงงุน ผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว
      “ท่าจะบ้า จ้องต้นไม้จนคิดไปเอง”
           ฉันส่ายหัวให้กับความฟุ้งซ่านของตัวเองก่อนจะลุกไปทำกิจยามดึกและกลับมานอนต่อ--คราวนี้ฉันเห็นผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ทว่าเธอกำลังนั่งอยู่ เธอนั่งร้องไห้อยู่ในความฝันของฉัน...
      “คุณเป็นใครคะ” ฉันถามอย่างสุภาพที่สุดเมื่อเดินเข้าไปใกล้สุภาพสตรีท่านนั้น หล่อนร้องไห้อยู่แท้ๆ แต่ใบหน้าของหล่อนกลับสุกปลั่งเป็นประกายด้วยความงดงาม ชุดที่หล่อนใส่อยู่เป็นชุดโบราณสีฟ้าอ่อน ผ้าลูกไม้มีระบายเป็นแผงถูกประดับด้วยไหมเงินตรงคอเสื้อ กระดุมเสื้อทำให้ฉันชั่งใจอยู่เหมือนกันว่ามันทำมาจากทองคำแท้หรือชุบเอา ท่อนล่าง บริเวณเอวลงมาหล่อนนุ่งโจงกระเบนลายข้าวหลามตัดสีกรมท่า คาดด้วยเข็มขัดเงินใหม่เอี่ยม หล่อนสวมถุงเท้าสีขาวขึ้นมาถึงหัวเข่าด้วย แม่เจ้า! ฉันเคยทำแบบนี้เพราะอยากให้เพื่อนทักว่าจะไปเป็นเด็กญี่ปุ่นที่ไหนเหรอ น่าเจ็บใจทีเดียวเพราะมันกลับทักว่า แกจะไปเล่นลิเกที่ไหนเหรอแพน?
           ฉันกระแอมอีกครั้ง คราวนี้ดังกว่าแต่ก่อน
      “ท่านมีอะไรอยากให้หนูช่วยหรือเปล่าคะ?”
           สุภาพสตรีมีปฏิกิริยาตอบสนองเสียจนฉันตกใจเกือบหวีดร้อง จู่ๆ หล่อนก็โผเข้ามากอดเข่าซ้ายฉันเสียแน่น พลางอ้อนวอนอะไรก็ไม่รู้ฟังไม่ได้ศัพท์
      “ขอโทษนะคะ ช่วยพูดช้าๆ หน่อยค่ะหนูฟังไม่ทัน”
      “ได้โปรด ช่วยเราด้วย เราทรมานเหลือเกิน เราถูกกักขังไว้ในที่มืดมิดไร้ซึ่งความหวังมานานมาก เรารอเวลาที่จะสามารถติดต่อใครสักคน เขาเหล่านั้นจะได้ช่วยปลดปล่อยเรา”
           สุภาพสตรีผู้หยาดเยิ้มกำลังทุกข์ระทมอย่างหนักจนฉันไม่อาจนิ่งดูดายเฉยๆ แม้ไม่รู้ว่าจะช่วยหล่อนยังไงฉันก็ตอบตกลงไปแล้ว
      “โอ ขอบคุณๆ แต่ไม่มีเวลาแล้วอรุณรุ่งกำลังจะมาเยือนเราคงเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้เจ้าฟังไม่ได้”
           หล่อนเปลี่ยนไปราวเป็นคนละคนเมื่อฉันตอบตกลงจะช่วย สายน้ำตาที่ไหลรินหยุดหลั่งเหลือเป็นเพียงหยาดใสที่เกาะข้างขนตางอนราวกับเม็ดไข่มุกแห่งอันดามันก็ไม่ปาน หล่อนกำลังโปร่งแสงและจางหายไป!
      “เดี๋ยว หนูจะช่วยท่านยังไงหากท่านไม่เล่าอะไรให้หนูรู้เลย--แล้ว แล้วหนูจะได้พบท่านอีกไหม”
           ฉันถามด้วยความกระวนกระวายใจ ฉันไม่ชอบผิดคำพูด ถ้าสัญญาอะไรไว้กับใครแล้วต้องทำตามนั้น ฉันยึดสัจบรรณข้อนี้ไว้กับตัวเสมอตั้งแต่แม่ตาย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉันต้องช่วยหล่อนไม่ว่าฉันจะทำได้มากน้อยเพียงใดก็ตาม
      “เราคงไม่มีอำนาจมาพบเจ้าด้วยตัวเองแบบนี้อีกแล้วล่ะเด็กน้อย แต่อย่ากังวลไป เราจะบอกใบ้เจ้าอย่างสุดความสามารถเช่นกัน”
           สุภาพสตรีปริศนายิ้มให้ฉันอย่างเศร้าสร้อยก่อนจะเลือนหายไปเป็นอากาศธาตุ ฉันอดสะเทือนอารมณ์ตามไปด้วยไม่ได้ เมื่อตื่นฉันจึงพบว่าตัวเองนอนจมกองน้ำตาอยู่!

      ***************************************

           ฉันครุ่นคิดถึงความฝันเมื่อคืนจนติดกระดุมเสื้อผิดที่ผิดทาง พอไปถึงโรงเรียนนอกจากจะโดนเจนแซวว่า
      “เดี๋ยวนี้ she เธอเซ็กซี่นะจ๊ะ”
           ยัง ยังไม่พอฉันยังถูกเมดเอาปากกาจิ้มพุงอีกด้วยตอนเรียนฟิสิกส์ฉันจึงรู้ตัวและปลดกระดุมออกเพื่อติดใหม่ ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีใครแซวหรือแกล้งแหย่ฉันอีกตลอดวัน
           หลังจากพักเที่ยงนักเรียนทุกคนเฮฮา ชั่วโมงต่อไปเราต้องเรียนเศรษฐศาสตร์เมื่อครูไม่มาแถมไม่มีงานให้ด้วยเราส่วนใหญ่จึงทำกิจกรรมที่เรียกว่า ‘โสเหล่’ อย่างมีความสุข--เรื่องส่วนใหญ่คงไม่พ้นนินทากาเลตามประสาธรรมชาติมนุษย์ เรื่องต่อๆ มาก็ไม่วายดารานักร้อง และละครซึ่งกำลังออกอากาศอยู่ขณะนี้ ฉันมองเหล่าเพื่อนในห้องพูดคุยกันด้วยระดับเสียงที่ดังขึ้นจนน่ากลัวก่อนจะถูกกลบมิดด้วยเสียงคนคนเดียว
      “เงียบๆ โว้ยอยากโดนด่ารึไงห้องข้างๆ มีอาจารย์สอนอยู่นะเว้ย!”
           ‘อาม่า’ นั่นเอง ได้ผลแฮะ สิ้นเสียงอาม่าพวกเพื่อนกลุ่มอื่นๆ ก็ใช้เสียงกระซิบกระซาบราวกับนกกระจอกตัวเล็กๆ คุยกันแทน
      ‘ยังได้ผลเสมอเลยนะหัวหน้า’
           ฉันหันไปยิ้มให้อาม่าหัวหน้าห้องผู้ซึ่งฟุบหลับไปแล้วจากนั้นฉันก็ครุ่นคิดต่อ--ฉันอยากจะเล่าเรื่องความฝันเมื่อคืนให้ใครสักคนฟังใจจะขาด ฉันมองปลาสมากำลังลอกการบ้านพลางฟังเพลงไปอย่างขะมักเขม้น มองเมดและพีซหยอกล้อกันราวกับคู่รักก็ไม่ปานด้วยความหมั่นไส้ ฉันเกือบจะหลุดคำพูดเหน็บแนมอะไรสักอย่างออกไปตอนที่นิมป์แล้วก็แอร์กอดคอกันนั่งลงยังเก้าอี้ตรงหน้าฉันพอดี
           ฉันรู้สึกเหมือนฟ้าส่งสองคนนี้มาฟังเรื่องร้อนใจของฉัน
      “เมื่อคืนเค้าฝันประหลาด” ฉันเริ่ม
      “ฝันอะไรเหรอแก” นิมป์กำลังหัวเราะค้างหยุดทันทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอถามฉันกลับด้วยเสียงแหลมสูง--เมดพยายามหยุดเพื่อฟังขณะพีซยังคงก่อกวนอยู่
      “เค้าฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดโบราณมาขอความช่วยเหลือ...”
           ฉันใช้เวลาเพียงสามนาทีสำหรับเล่าเรื่อง--แอร์ นิมป์ เมด พีซ กระทั่งปลาสมายังหันมาจ้องฉันเป็นตาเดียวกันเมื่อฉันเล่าจบ
      “มีอะไร ไม่เชื่องั้นรึ ก็ไม่เป็นไรยังไงมันก็ความฝันอยู่แล้ว”
           ฉันพูด เชิดหน้าขึ้นนิดๆ
      “ไม่ใช่หรอกแพน เค้าตกใจน่ะที่ความฝันเราเหมือนกันเลย”
           เมดพูดออกมาช้าๆ ราวกับกำลังอธิบายให้คนโง่เง่าเข้าใจยากฟัง ถึงตอนนี้ฉันกำลังถลึงตาใส่เธอโดยไม่เจตนา
      “เค้าก็ฝัน” พีซว่า
      “เค้าสองคนก็ด้วย” นิมป์ว่า
      “เมื่อเช้าเค้าเล่าให้ไอ้นิมป์ฟัง แรกๆ ก็นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมฝันตรงกันได้--พอรู้ว่ามีคนฝันเรื่องเดียวกันเพิ่มขึ้นอีกหลายคน ชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันหมายความว่ายังไงกันแน่”
           แอร์เสริม คิ้วสีน้ำตาลของเธอขมวดจนเกือบชนกัน ฉันกำลังอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัวแล้วก็หุบทันทีเมื่อนึกได้ว่าควรจะทำยังไงต่อ
      “แกล่ะปลาสมา?” ฉันถาม
      “เออ เค้าก็ฝัน”
           ฉันรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาทันที นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย ในความเงียบชวนอึดอัดที่โต๊ะของเรา โต๊ะคนอื่นกลับเสียงดังขึ้นสองเท่าจนอาม่าต้องลุกขึ้นมาแหกปากอีก พอเสียงคุยจ้อกแจ้กซาลง พริมกับเจนก็พากันเดินมาสมทบ
      “เค้าจะไปห้องน้ำ พาหญิงเจนไปทำธุระหนัก มีใครจะไปด้วยไหม” พริมเอ่ยเอื้อนวาจาด้วยเสียงใสๆ ของเธอ
      “คุยอะไรกันอยู่ท่าทางเครียดเชียว” หญิงเจนหน้าสลอนเข้ามากลางวงหวังทำลายบรรยากาศตึงเครียดนี้ซะ
           ฉันหันไปมองพวกเขาช้าๆ ความหวาดกลัวแล่นมาถึงขั้วหัวใจ แต่ฉันก็ปล่อยให้มันหลุดออกไปในที่สุด
      “เมื่อคืนพวกแกสองคนได้ฝันเห็นผู้หญิงแต่งชุดโบราณกำลังร้องไห้ขอความช่วยเหลืออยู่หรือเปล่า”
           ทันทีที่คำถามพ้นริมฝีปาก ฉันก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้เพราะพริมและเจนไม่มีท่าทีว่าจะอ้าปากค้างเลย--อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้ฝันแปลกๆ เหมือนฉัน ปลาสมา เมด พีซ แอร์ แล้วก็นิมป์...
      “แกรู้ได้ยังไงว่าเค้าฝันแบบนั้น”
           คำตอบของพริมทำเอาทั้งฉันและคนอื่นๆ แทบล้มทั้งยืน
      “นั่นสิแกรู้ได้ยังไงว่าพี่ฝันอะไรแบบนั้น” หญิงเจนย้อนถามบ้าง จากนั้นพริมและเจนก็มองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา
      “ทุกคน...เค้าว่ามีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นแล้วล่ะ”
           ฉันกระซิบ ทันใดนั้นราวกับสิ่งลึกลับที่ว่าตอบสนองต่อความรู้สึกของพวกเราทั้งหมด จู่ๆ หลอดไฟก็แตกลงมาทีละหลอด ทีละหลอด เด็กทุกคนมองอย่างไม่เชื่อสายตาประมาณหนึ่งวินาทีก่อนจะกรี๊ดลั่นและวิ่งกันแตกกระเจิง

           ห้องของเรายืนออกันอยู่หน้าห้องพยาบาล เราต่างสับสนและงงเกินกว่าจะเข้าใจได้ว่าหลอดไฟแตกลงมาได้อย่างไร--อีกเหตุผลหนึ่งที่เราไม่ยอมไปไหนเนื่องจากมีเพื่อนของเราห้าคนบาดเจ็บเพราะถูกเศษแก้วจากหลอดไฟบาดเอา ถ้ามันเป็นแก้วธรรมดาก็อาจไม่เป็นเรื่องใหญ่แต่หลอดที่ถูกตัดไฟกะทันหันมันร้อนมาก เมื่อมันหล่นมาโดนผิวหนังของเด็กๆ จึงเกิดทั้งแผลสดเลือดออกและแผลพุพองจากการโดนของร้อนในคราวเดียว
           ฉันเดินนำพริม เจน ปลาสมา เมด พีซ แอร์และนิมป์มาหาที่นั่งคุยสงบๆ ใต้ต้นปาล์มน้ำมันขนาดใหญ่หน้าอาคารเรียนห้า
      “ผู้หญิงคนนั้นอยากให้เราทำอะไรบางอย่าง” ปลาสมาเริ่มคนแรก
      “ในฝันเขาบอกไว้ว่าจะคอยบอกใบ้ให้ถึงที่สุดด้วย” นิมป์เสริม
      “การระเบิดหลอดไฟเป็นการบอกใบ้งั้นเหรอ” แอร์ขัด และโดนศอกนิมป์กระทุ้งเข้าที่ท้องเต็มๆ
      “เค้าว่ามันเหมือนในหนังผีเลยเนาะ เจอในฝัน แล้วเราก็จะถูกตามฆ่าตายไปทีละคน”
           เมดพูดไปพลางหัวเราะไปพลาง เธอกำลังพูดติดตลกแบบฉบับของเธอ แต่ทุกคนไม่ตลก เราครางให้กับความคิดของเมด นอกจากมันจะน่ากลัวแล้วมันยังแฝงกลิ่นไอของละครลงไปพร้อมสรรพ
      “ถ้าอย่างนั้นเราควรจะทำยังไงดี”
           เจนถามด้วยอาการหวั่นวิตกเล็กน้อย เธอไม่ได้กลัวผีนะ กลัวความมืดนิดหน่อยเอง แต่กลัวเหนือสิ่งอื่นใดก็ คือ กลัวจะตายทั้งๆ ที่ยังไม่มีแฟนสักคน! (โอ้แม่เจ้า หญิงเจน?)
      “หญิงเจน คนอื่นมีคำถามนั้นอยู่ในใจอยู่แล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องออกความเห็นให้ดังกว่าคนอื่นหรอก เชื่อน้องเถอะ”
            พริมกะพริบตาปริบๆ ขณะพูดกับเจน--เจ้าตัวที่ถูกกล่าวถึง
      พูดแค่ว่า อ๋อ เหรอ แล้วก็หัวเราะ
      “อีกสามนาทีโรงเรียนก็จะเลิกแล้ว เค้ามีนัดไปซื้อหนังสือกับฟรีซน่ะ ไว้เราค่อยมาคุยกันต่อพรุ่งนี้เช้า...ดีไหม” ฉันพลิกดูนาฬิกาก่อนตัดสินใจเฟ้นถ้อยคำออกไปให้ดีที่สุด ฉันจะได้ไม่กลายเป็นผู้ทอดทิ้งปัญหาทุกอย่างไว้เบื้องหลังเพียงเพื่อเอาตัวรอดไปซื้อหนังสือกับเพื่อนต่างห้องเรียน
      “ดี” ทุกคนตอบพร้อมเพรียง

      ***********************************

           วันนี้ฉันตื่นสายที่สุดในรอบปี ไม่รู้ผิดพลาดอะไรแต่โทรศัพท์มือถือของฉันมันไม่ยอมเต้นระบำปลุกฉันเลยวันนี้ เพราะฉะนั้นฉันจึงไม่ได้อาบน้ำ ฉันล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวแล้วมาโรงเรียนทันที (ก่อนออกจากบ้านไม่ลืมพ่นน้ำหอมสักเล็กน้อยเพื่อดับกลิ่นตัวด้วย)
      “รู้อะไรไหม” ฉันกระซิบ ทำให้ปลาสมา พีซและเมดต้องกระเถิบเก้าอี้มาใกล้ๆ เพื่อฟังฉัน
      “ฟรีซบอกเค้าเมื่อวานนี้ ว่ามันก็ฝันอย่างเดียวกัน”
      “จริงน่ะ” เมดอุทานพลางเบิกตาโต ส่วนพีซก็ขมวดคิ้วใส่กันด้วยความฉงน
      “รวมกันก็เป็นเก้าคน เลขสวยนะเนี่ย” ปลาสมาว่า
      “รู้ได้ยังไงว่ามีแค่นี้ อาจมีคนฝันแบบนี้อีกก็ได้” ฉันท้วง
      “รู้สิ เค้าลองถามเพื่อน รุ่นพี่ พ่อแม่ น้องรหัส แล้วก็ญาติๆ แล้วด้วย--คนที่ใกล้ชิดเค้ากำลังจะหาว่าเค้าเป็นบ้า!”
           ฉันไม่เถียงปลาสมา เธออาจพูดถูกหรือไม่ถูก ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าตัวฉันเองถูกเพราะฉันก็หาทางพิสูจน์ไม่ได้เหมือนกัน
           แต่...มีอย่างหนึ่งที่ฉันบอกได้ ความลี้ลับกับปริศนาอะไรบางอย่างสำหรับพวกเราได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

      ***************************************

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×