คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 6 เอ็นพีซีให้เควสขอเรียกใช้ตัวช่วย!
บทที่ 6
เอ็นพีซีให้เควสขอเรียกใช้ตัวช่วย!
มิวรู้ว่าในห้องลับของเอสตราด้ามียานอวกาศ
มิวรู้ด้วยว่าใครเป็นเจ้าของยาน
ฟิโอน่ารู้สึกเหมือนจะวูบไปจริงๆ เธอไม่กล้าถามถึงเรื่องทวารแห่งการกำเนิดเลย! ดีจริงๆที่มิวเลิกพูดถึงเรื่องนี้กลางคันเพราะสาวใช้ถือเค้กช็อคโกแลตเข้ามาพอดิบพอดี
ไม่ได้แล้ว เธอรับมือมิวคนเดียวไม่ได้แล้ว ฟิโอน่าขอเรียกใช้ตัวช่วย!
.
.
เวลาเดียวกันนั้น ณ สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งในหอคอยเซเวนเสจ ศูนย์บัญชาการใหญ่ของเซเวนที่ตั้งตระหง่านอยู่บนแผ่นดินลอยฟ้า
‘การประชุมลับของเสจมาสเตอร์’ ตำแหน่งผู้ถือครองอำนาจสูงสุดของภาคกลางได้เริ่มขึ้นแล้ว
เหล่าเสจมาสเตอร์ลำดับที่หนึ่งถึงเจ็ดซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีขาวโดยมีเพียงสร้อยคอสีเงินบ่งบอกหมายเลขประจำตำแหน่ง นั่งล้อมรอบโต๊ะกลมที่ตรงกลางเป็นจอฉายภาพทรงโค้ง
ในขณะที่อีกฝั่งของโต๊ะกลมมีสมาชิกอยู่สามคนคือ
เสจมาสเตอร์ลำดับที่ 13 ไมรอน
เอสไรเดอร์ อเลสเตอร์
ผู้ช่วยของเสจมาสเตอร์ลำดับที่สอง ซันนี่
และเก้าอี้ว่างเปล่าที่เคยเป็นของใครอีกคน
เช่นเดียวกันกับเก้าอี้ของเสจมาสเตอร์ลำดับที่ห้า ฟิโอน่า เอสตราด้าก็ว่างเปล่าเช่นกัน
ปกติฟิโอน่าจะกระตือรือร้นกับการประชุมมากเพราะจะได้เจอหน้าสามีที่รัก แต่รอบนี้เธอหายเงียบ เงียบชนิดที่เทมส์เรียกเท่าไหร่ภรรยาก็ไม่ตอบ ไม่พูด ไม่คุย ราวกับเธอกำลังโมโหเขาอยู่
ไม่มั้ง ช่วงนี้เขาเป็นเด็กดีมากเลยนะ?
เสจมาสเตอร์เกือบทั้งหมดอยู่กันคนละสถานที่ พวกเขาใช้วิธีการพิเศษในการส่งร่างโฮโลแกรมของตนเองมาร่วมการประชุม พวกเขากำลังเฝ้ารอการมาของคนๆหนึ่ง อำนาจเบื้องหลังเสจมาสเตอร์ ชายผู้มีอำนาจควบคุมโลกอย่างแท้จริง
ชื่อของเขาคือ ‘คิระ’
วูม
ไม่นานเกินรอจอภาพตรงกลางโต๊ะก็สว่างขึ้นพร้อมกับที่ภาพเสมือนจริงครึ่งตัวจะปรากฏขึ้น
คิระ เป็นชายหนุ่มอายุราวๆสามสิบปี ผิวสีแทน ผมหยักศกสีดำ ดวงตาคมสีม่วงทอประกายลึกลับคล้ายมีอำนาจบางอย่างอยู่ในนั้น
แต่สีหน้าของเขากลับเฉื่อยชาราวกับง่วงนอนตลอดเวลา
“ขาดใคร?”
คำพูดแรกไม่ใช่การทักทายแต่เป็นการถามถึงสาเหตุที่เก้าอี้ว่างเปล่าถึงสองตัว
“จีซัสยังไม่ฟื้น ส่วนเสจห้าคิดว่านายน่าจะรู้ดีว่าเธอหายตัวไปไหน” เสจสองที่มีน้ำเสียงติดจะดุเป็นคนตอบ ปัจจุบันเขาเป็นเจ้านายและผู้ปกครองของอเลสเตอร์กับไมรอน
คิระพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเนือยๆ ก่อนจะเริ่มต้นพูดธุระขึ้นโดยไม่อ้อมค้อม
“สงครามกับพวกแม่มดดำเมื่อเดือนก่อน พวกเราเสียหายหนักที่สุดในรอบห้าสิบปี จีซัสถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ส่วนอเลสเตอร์ก็เกือบเสียแขนขวา ทั้งที่ร่างกายของพวกเขาเป็นร่างกายเดมิก็อดที่มีพลังสูงกว่ามนุษย์ถึงสิบเท่าแท้ๆ มีใครอยากจะพูดอะไรกับเหตุการณ์นี้บ้างไหม?”
สีหน้าเนือยๆเหมือนไม่รับรู้โลกภายนอกนั้นขัดกับคำพูดทิ่มแทงใจคนฟังโดยสิ้นเชิง
“นายเรียกประชุมเพื่อซ้ำเติมพวกเรารึไง” ชายที่นั่งประจำที่เสจหนึ่งกอดอกพูด
ปกติเขาเป็นคนร่าเริง แต่คำพูดเมื่อกี้ของคิระไปจี้แผลในใจทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมา น้ำเสียงจึงฟังดูฉุนเฉียว
คิระเลิกคิ้วขึ้นแล้วส่ายหน้าตอบ
“เปล่านี่ ที่ฉันพูดไปมันก็แค่ข้อเท็จจริงเท่านั้น”
“คนที่แวบไปแวบมามีสิทธิ์มาว่าให้คนอื่นรึไง ไม่ได้อ่านในรายงานเรอะว่านอกจากแม่มดดำแล้วเรายังถูกแทรกแซงจากกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า ‘คาเมเลีย’ เจ้าพวกนี้เป็นคนโยนจีซัสไปให้แม่มดดำจัดการ แล้วก็ยังเป็นคนทำให้ไรเดอร์ขยับตัวไม่ได้ โดยที่ไม่ได้ใช้สกิล
พวกคาเมเลียใช้เวทมนต์โบราณจากยุคที่เก่ายิ่งกว่าสมัยพวกเรา แม่มดพวกนั้นถ้าไม่มีอาวุธเทพอย่าหวังเลยว่าจะฟันแทงเข้า มันเป็นความผิดของพวกเรารึไงที่รับมือพวกนี้ไม่ได้” เสจสามที่ปกติมักจะนั่งฟังเงียบๆอดพูดขึ้นมาไม่ได้
มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาสักหน่อย ศัตรูเหนือความคาดหมายไปมากขนาดนี้จะรับมือยังไงล่ะ
“สรุปว่าสู้แม่มดดำไม่ได้ สู้เจ้าพวกคาเม- -เรียกว่าเจ้าพวกกิ้งก่าแล้วกัน ไม่ได้ ฉันเข้าใจถูกไหม?”
มันช่างเป็นการทวนคำถามที่แทงใจคนฟังมาก
เสจสี่พึมพำว่าถ้าจะถามแบบนี้เอาดาบมาแทงเขาเถอะ เสจสามเบนหน้าไปอีกทางคล้ายไม่อยากยอมรับเรื่องนี้เท่าไหร่ ส่วนผู้กล้าต่างมิติทั้งสองได้แต่จำใจฟังคำพูดทิ่มแทงจิตใจนั้น
“ฉันเกลียดสีหน้าของนายวันนี้จริงๆ” เสจหนึ่งพูดด้วยเสียงหงุดหงิด อันที่จริงเขาหงุดหงิดมาตั้งแต่ตอนที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแล้ว
จีซัสเป็นเด็กในกิลด์เขา เขาดูแลมาตั้งนาน พวกบ้านั่นกล้ามาก ถ้าเขาอยู่ตรงนั้นในวันนั้นอย่าได้หวังว่าใครจะรอด
เพราะในความเป็นจริงเทมส์ไม่ได้อยู่กับจีซัส เขาจึงรู้สึกแย่มากจนพาลหงุดหงิดใส่ทุกคน นั่นรวมถึงตัวเขาเองด้วย
“ใช่ พวกเราสู้ไม่ได้ ไม่รู้วิธีจัดการด้วย นี่ใช่ไหมที่อยากได้ยิน”
“เทมส์” เสจสองปรามเสียงเข้ม
เขารู้ว่าอารมณ์ของเพื่อนไม่ปกตินัก เทมส์หงุดหงิดใส่เกือบทุกอย่างเพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ทำไม่ได้แม้แต่จะไปคิดบัญชีกับคนที่ลงมือกับจีซัส
อิริคเข้าใจดี เขาเองก็เห็นจีซัสมาตั้งแต่เด็ก ผูกพันธ์ไม่น้อยไปกว่าเทมส์
ความรู้สึกอึดอัดนี้กำลังค่อยๆแผดเผาหัวใจของเขา
“ข้อมูลเรามีน้อยเกินไป ที่สำคัญกว่านั้นเด็กพวกนี้ไม่ได้ถูกส่งมาเพื่อทำงานนี้ด้วย มันเป็นปัญหาที่พวกเราต้องแก้กันเอง”
นี่เป็นปัญหาของเซเวนไม่ใช่ปัญหาของผู้กล้าต่างมิติ
“แล้วแก้ได้ไหม”
คำถามต่อมาทำให้เสจสองถึงกับพูดไม่ออก
“เมื่อห้าสิบปีก่อนตอนที่แม่มดดำเกิดขึ้นพวกนายก็พูดแบบนี้ เมื่อสามสิบปีก่อนพวกนายก็พูดแบบเดียวกันตอนที่เราพบพวกต่อต้านพระเจ้า ฉันแค่สงสัยน่ะว่าห้าสิบปีมานี้พวกเรารู้อะไรเกี่ยวกับตัวร้ายบ้างนอกจากชื่อกับพลังวิเศษบางอย่างที่พวกนี้ใช้”
ทุกคนพากันเงียบหลังจากที่คิระพูดจบ พวกเขาไม่อาจเถียงได้ เพราะนั่นมันคือความจริงทุกอย่าง ห้าสิบปีที่ผ่านมาพวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกนี้เลย
ไม่รู้แม้แต่เรื่องที่ว่าจะสร้างบาดแผลให้พวกนี้ยังไง
“นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่” เสจสามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“นายรู้ดีว่าเราเป็นรองพวกนั้นอยู่แล้ว พวกเราทำได้แค่ตั้งรับ และถ้าจะถามเรื่องแผนรับมือในอนาคตฉันจะตอบให้ว่า ไม่มี อาวุธอย่างเดียวที่เราใช้กับแม่มดดำได้ผลคือหอกเซอุสและโล่เอจิสของจีซัสที่ฉันรายงานนายไปเมื่อเดือนก่อนแล้วว่ามันถูกทำลายยับ เราไม่มีอาวุธที่ใช้ได้ผลกับพวกนั้นอีกแล้ว”
รายงานที่เขาเขียนก็บอกชัดเจนแล้วทุกอย่าง เรียกประชุมเพื่อพูดเรื่องนี้อีกรอบนี่มันเหมือนการซ้ำเติมพวกเขาชัดๆ
“งั้นส่งไม้ต่อมาให้ฉัน”
คำพูดของคิระทำให้พวกเขาหันไปมองคนพูดพร้อมกัน
“พวกนายกลับไปหาทางเข้าหอคอยต่อซะ ฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้ต่อจากพวกนายเอง”
“นายจะออกไปจัดการพวกนั้นงั้นเหรอ อย่ามาล้อเล่น”เสจสองพูดเสียงดุ
ทว่าคิระกลับยิ้มแล้วส่ายหน้าให้เขา
“ฉันจะใช้ ‘ไพ่ตาย’ ของฉันต่างหากล่ะ ฉันเดิมพันทุกอย่างกับไพ่ใบนี้”
‘ไพ่ตาย’ ที่ว่าหมายถึงคน คนที่คิระใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเดิมพันด้วย
“คนของนายงั้นเรอะ” เสจสามมีท่าทีแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด
“อา ฉันจะเป็นคนให้การสนับสนุนเธอเองไม่เดือดร้อนมาถึงพวกนายหรอก- -เทมส์นายบอกว่ายังไงก็จะไม่เป็นเสจหนึ่งใช่ไหม งั้นฉันขอตำแหน่งคืน”
คิระยื่นมือไปทางเสจหนึ่งที่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าเขาไม่ได้สวมสร้อยคอประจำตำแหน่งแบบคนอื่นๆ
“ไม่อยากจะได้สักนิด”คนชื่อเทมส์พูดแล้วโยนสร้อยคอประจำตำแหน่งไปให้คิระ “นายจะยกตำแหน่งให้ไพ่ตายของนายงั้นหรอ ไว้ใจขนาดนั้นเชียว”
“ไม่ได้จะยกให้ตอนนี้หรอก เรียกว่าใช้มันเป็นตัวประกันดีกว่า เธอเป็นพวกต่อรองด้วยยาก ของที่ฉันมีและพอจะใช้ต่อรองได้ก็มีแค่เก้าอี้เสจหนึ่งเท่านั้น- -แต่ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ให้เธอมากวนพวกนายทำงานหรอก อาจจะขอความร่วมมือเรื่องกำลังคนบ้าง ไม่สิ ไม่ขอดีกว่า ดูเหมือนจะเป็นพวกชอบทำงานคนเดียว” คิระบ่นพึมพัมและแสดงสีหน้าหนักใจออกมา
ดีไม่ดีเธอคงจะหาว่าพวกนี้เกะกะเธอ เอามาทำไม!
“เก่งขนาดทำให้นายต้องพยายามเอาใจเลยเหรอ” เสจสองขมวดคิ้ว
“เป็นคนน่ากลัวมากเวลาอาละวาด” คิระเกาหัวด้วยท่าทางลำบากใจ
“ฟังดูเป็นพวกร้ายกาจ” เทมส์แสดงความเห็น
คิระส่ายหัวทันที
“มันมากกว่าคำว่าร้ายกาจ ถ้านายประเมินเธอว่าร้ายกาจแสดงว่านายมองผิดไปเยอะเลยล่ะ”
การประชุมในครั้งนี้จบลงแล้ว ผู้ร่วมประชุมแทบทุกคนตัดการเชื่อมต่อไปจนหมด คงเหลือเพียงภาพโฮโลแกรมของเสจสามยังไม่หายไป
เมื่อเหลือกันแค่สองคนชายหนุ่มร่างสูงก็ถอดเสื้อคลุมเสจมาสเตอร์ออก เขามีผมสีทอง และใบหน้าหล่อเหลาที่ความสมบูรณ์แบบมากเกินไปก็ทำเขาดูเหมือนผลงานของศิลปินเอกมากกว่าคนจริง
บุหรี่ในกระเป๋าเสื้อถูกหยิบขึ้นมาจุดสูบท่ามกลางความเงียบของห้อง คิระมองเขาด้วยสีหน้าเนือยๆเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ช่วยหาของให้หน่อยสิ ในเกมอาวุธล่าแม่มดเป็นของอย่างเดียวที่ใช้ฆ่าพวกนั้นได้”
ไม่รู้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงจะใช้ได้ผลไหม เขาไม่เคยทดลองใช้เสียด้วย ยิ่งกว่านั้นอาวุธล่าแม่มดในโลกจริงหายากยิ่งกว่าอาวุธเทพเสียอีก เขาพยายามมาหลายปีแล้วก็หาไม่เจอ ยอมแพ้แล้ว เลยตัดสินใจให้คิระช่วยหา
“รุ่นพี่จะใช้อาวุธระยะประชิดสู้กับพวกนั้นเหรอครับ ไม่อันตรายเกินไปหน่อยเหรอ พวกแม่มดเคลื่อนไหวเร็วมากแล้วยังมีงูไฟที่มองแทบไม่ทันด้วย” คิระทักท้วงขึ้นด้วยสีหน้าเฉื่อยชาจนคนฟังชักไม่แน่ใจว่าหมอนี่เป็นห่วงเขาจริงๆหรือเปล่า
เสจสามที่ถูกเรียกว่ารุ่นพี่ยิ้มขมๆตอบ “ยังกับมีทางเลือกอย่างอื่น จนกว่าเราจะหาอาวุธเทพมาใช้แทนหอกเซอุสได้ ฉันคงต้องใช้วิธีนี้ไปก่อน นายไม่ต้องห่วงหรอก เมื่อก่อนตอนอยู่ในเกมฉันชอบทำเควสล่าแม่มดบ่อยๆ ในเกมไม่ค่อยมีคนทำเควสบ้านี้หรอกเพราะของตอบแทนมีแค่ไหแมวที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ แต่ฉันน่ะมีคนให้ท้าสู้ด้วยบ่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็ได้ฉายาวิชฮันเตอร์ระดับสูงไปแล้ว”
“อา เพื่อนสินะครับ”คิระทำท่าเข้าใจทว่าคนตรงหน้าเขากลับหัวเราะขบขันเสียอย่างนั้น
“เพื่อนอะไรกันล่ะศัตรูต่างหาก ศัตรูอันดับหนึ่งเลยล่ะ”
เขาถูกศัตรูที่ว่าตามก่อกวนทั้งวันทั้งคืนถึงห้าปีจะเป็นเพื่อนได้ยังไง แต่ถึงจะพูดว่าศัตรูแต่สีหน้าของคนพูดดูมีความสุขมากทีเดียวเมื่อพูดถึงคนๆนั้น
“หามาให้ได้แล้วกัน อาวุธอะไรก็ได้”
“มันไม่น่าจะเป็นของที่หามาได้ง่ายๆเลยนะ” คิระทำท่าคิด “เอาแบบนี้แล้วกัน ผมอยากให้ไพ่ตายเห็นพวกตัวร้ายใกล้ๆ ฝากเธอไปกับรุ่นพี่หน่อยได้ไหมแลกกับการที่ผมไปหาอาวุธล่าแม่มดมาให้ ฝีมือเธอดีมากรับรองว่าไม่เกะกะแน่ๆ” บางทีอาจจะเป็นรุ่นพี่ด้วยซ้ำที่ถูกเธอหาว่าเกะกะ
ไม่สิ น่าจะถูกอัดกระเด็นไปมากกว่าโทษฐานทำตัวข้ามหน้าข้ามตาราชินี
“เหอะ อย่าให้มาเกะกะฉันก็พอ ว่าแต่ไพ่ตายที่ว่าที่เป็นใครวะ” เขาหรี่ตามองรุ่นน้องด้วยสายตาไม่วางใจ
เสจสามอดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าคนอย่างหมอนี่ไปหาพวกเทพมาจากไหน
นัยน์ตาสีม่วงของคิระเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เขาเพียงแต่ตอบสั้นๆว่า
“เอาไว้รอเซอร์ไพรส์ตอนนั้นดีกว่า เชื่อเถอะว่ารุ่นพี่ต้องช็อคแน่”
ความคิดเห็น