ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GEAR อัพจนจบภาคแรกเลย

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 6 เอ็นพีซีให้เควสขอเรียกใช้ตัวช่วย!

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 66


    บทที่ 6

    เอ็นพีซีให้เควสขอเรียกใช้ตัวช่วย!

     

    มิวรู้ว่าในห้องลับของเอสตราด้ามียานอวกาศ

    มิวรู้ด้วยว่าใครเป็นเจ้าของยาน

    ฟิโอน่ารู้สึกเหมือนจะวูบไปจริงๆ เธอไม่กล้าถามถึงเรื่องทวารแห่งการกำเนิดเลย! ดีจริงๆที่มิวเลิกพูดถึงเรื่องนี้กลางคันเพราะสาวใช้ถือเค้กช็อคโกแลตเข้ามาพอดิบพอดี

    ไม่ได้แล้ว เธอรับมือมิวคนเดียวไม่ได้แล้ว ฟิโอน่าขอเรียกใช้ตัวช่วย!

    .

    .

    เวลาเดียวกันนั้น ณ สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งในหอคอยเซเวนเสจ ศูนย์บัญชาการใหญ่ของเซเวนที่ตั้งตระหง่านอยู่บนแผ่นดินลอยฟ้า

    ‘การประชุมลับของเสจมาสเตอร์’ ตำแหน่งผู้ถือครองอำนาจสูงสุดของภาคกลางได้เริ่มขึ้นแล้ว 

    เหล่าเสจมาสเตอร์ลำดับที่หนึ่งถึงเจ็ดซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้เสื้อคลุมสีขาวโดยมีเพียงสร้อยคอสีเงินบ่งบอกหมายเลขประจำตำแหน่ง นั่งล้อมรอบโต๊ะกลมที่ตรงกลางเป็นจอฉายภาพทรงโค้ง 

    ในขณะที่อีกฝั่งของโต๊ะกลมมีสมาชิกอยู่สามคนคือ 

    เสจมาสเตอร์ลำดับที่ 13 ไมรอน 

    เอสไรเดอร์ อเลสเตอร์ 

    ผู้ช่วยของเสจมาสเตอร์ลำดับที่สอง ซันนี่

    และเก้าอี้ว่างเปล่าที่เคยเป็นของใครอีกคน 

    เช่นเดียวกันกับเก้าอี้ของเสจมาสเตอร์ลำดับที่ห้า ฟิโอน่า เอสตราด้าก็ว่างเปล่าเช่นกัน 

    ปกติฟิโอน่าจะกระตือรือร้นกับการประชุมมากเพราะจะได้เจอหน้าสามีที่รัก แต่รอบนี้เธอหายเงียบ เงียบชนิดที่เทมส์เรียกเท่าไหร่ภรรยาก็ไม่ตอบ ไม่พูด ไม่คุย ราวกับเธอกำลังโมโหเขาอยู่

    ไม่มั้ง ช่วงนี้เขาเป็นเด็กดีมากเลยนะ?

    เสจมาสเตอร์เกือบทั้งหมดอยู่กันคนละสถานที่ พวกเขาใช้วิธีการพิเศษในการส่งร่างโฮโลแกรมของตนเองมาร่วมการประชุม พวกเขากำลังเฝ้ารอการมาของคนๆหนึ่ง อำนาจเบื้องหลังเสจมาสเตอร์ ชายผู้มีอำนาจควบคุมโลกอย่างแท้จริง 

    ชื่อของเขาคือ ‘คิระ’

    วูม

    ไม่นานเกินรอจอภาพตรงกลางโต๊ะก็สว่างขึ้นพร้อมกับที่ภาพเสมือนจริงครึ่งตัวจะปรากฏขึ้น

    คิระ เป็นชายหนุ่มอายุราวๆสามสิบปี ผิวสีแทน ผมหยักศกสีดำ ดวงตาคมสีม่วงทอประกายลึกลับคล้ายมีอำนาจบางอย่างอยู่ในนั้น 

    แต่สีหน้าของเขากลับเฉื่อยชาราวกับง่วงนอนตลอดเวลา

    “ขาดใคร?” 

    คำพูดแรกไม่ใช่การทักทายแต่เป็นการถามถึงสาเหตุที่เก้าอี้ว่างเปล่าถึงสองตัว

    “จีซัสยังไม่ฟื้น ส่วนเสจห้าคิดว่านายน่าจะรู้ดีว่าเธอหายตัวไปไหน” เสจสองที่มีน้ำเสียงติดจะดุเป็นคนตอบ ปัจจุบันเขาเป็นเจ้านายและผู้ปกครองของอเลสเตอร์กับไมรอน

    คิระพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเนือยๆ ก่อนจะเริ่มต้นพูดธุระขึ้นโดยไม่อ้อมค้อม

    “สงครามกับพวกแม่มดดำเมื่อเดือนก่อน พวกเราเสียหายหนักที่สุดในรอบห้าสิบปี จีซัสถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ส่วนอเลสเตอร์ก็เกือบเสียแขนขวา ทั้งที่ร่างกายของพวกเขาเป็นร่างกายเดมิก็อดที่มีพลังสูงกว่ามนุษย์ถึงสิบเท่าแท้ๆ มีใครอยากจะพูดอะไรกับเหตุการณ์นี้บ้างไหม?”

    สีหน้าเนือยๆเหมือนไม่รับรู้โลกภายนอกนั้นขัดกับคำพูดทิ่มแทงใจคนฟังโดยสิ้นเชิง

    “นายเรียกประชุมเพื่อซ้ำเติมพวกเรารึไง” ชายที่นั่งประจำที่เสจหนึ่งกอดอกพูด 

    ปกติเขาเป็นคนร่าเริง แต่คำพูดเมื่อกี้ของคิระไปจี้แผลในใจทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมา น้ำเสียงจึงฟังดูฉุนเฉียว 

    คิระเลิกคิ้วขึ้นแล้วส่ายหน้าตอบ

    “เปล่านี่ ที่ฉันพูดไปมันก็แค่ข้อเท็จจริงเท่านั้น”

    “คนที่แวบไปแวบมามีสิทธิ์มาว่าให้คนอื่นรึไง ไม่ได้อ่านในรายงานเรอะว่านอกจากแม่มดดำแล้วเรายังถูกแทรกแซงจากกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า ‘คาเมเลีย’ เจ้าพวกนี้เป็นคนโยนจีซัสไปให้แม่มดดำจัดการ แล้วก็ยังเป็นคนทำให้ไรเดอร์ขยับตัวไม่ได้ โดยที่ไม่ได้ใช้สกิล 

    พวกคาเมเลียใช้เวทมนต์โบราณจากยุคที่เก่ายิ่งกว่าสมัยพวกเรา แม่มดพวกนั้นถ้าไม่มีอาวุธเทพอย่าหวังเลยว่าจะฟันแทงเข้า มันเป็นความผิดของพวกเรารึไงที่รับมือพวกนี้ไม่ได้” เสจสามที่ปกติมักจะนั่งฟังเงียบๆอดพูดขึ้นมาไม่ได้ 

    มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาสักหน่อย ศัตรูเหนือความคาดหมายไปมากขนาดนี้จะรับมือยังไงล่ะ

    “สรุปว่าสู้แม่มดดำไม่ได้ สู้เจ้าพวกคาเม- -เรียกว่าเจ้าพวกกิ้งก่าแล้วกัน ไม่ได้ ฉันเข้าใจถูกไหม?” 

    มันช่างเป็นการทวนคำถามที่แทงใจคนฟังมาก 

    เสจสี่พึมพำว่าถ้าจะถามแบบนี้เอาดาบมาแทงเขาเถอะ เสจสามเบนหน้าไปอีกทางคล้ายไม่อยากยอมรับเรื่องนี้เท่าไหร่ ส่วนผู้กล้าต่างมิติทั้งสองได้แต่จำใจฟังคำพูดทิ่มแทงจิตใจนั้น

    “ฉันเกลียดสีหน้าของนายวันนี้จริงๆ” เสจหนึ่งพูดด้วยเสียงหงุดหงิด อันที่จริงเขาหงุดหงิดมาตั้งแต่ตอนที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแล้ว 

    จีซัสเป็นเด็กในกิลด์เขา เขาดูแลมาตั้งนาน พวกบ้านั่นกล้ามาก ถ้าเขาอยู่ตรงนั้นในวันนั้นอย่าได้หวังว่าใครจะรอด

    เพราะในความเป็นจริงเทมส์ไม่ได้อยู่กับจีซัส เขาจึงรู้สึกแย่มากจนพาลหงุดหงิดใส่ทุกคน นั่นรวมถึงตัวเขาเองด้วย 

    “ใช่ พวกเราสู้ไม่ได้ ไม่รู้วิธีจัดการด้วย นี่ใช่ไหมที่อยากได้ยิน”

    “เทมส์” เสจสองปรามเสียงเข้ม 

    เขารู้ว่าอารมณ์ของเพื่อนไม่ปกตินัก เทมส์หงุดหงิดใส่เกือบทุกอย่างเพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ทำไม่ได้แม้แต่จะไปคิดบัญชีกับคนที่ลงมือกับจีซัส

    อิริคเข้าใจดี เขาเองก็เห็นจีซัสมาตั้งแต่เด็ก ผูกพันธ์ไม่น้อยไปกว่าเทมส์

    ความรู้สึกอึดอัดนี้กำลังค่อยๆแผดเผาหัวใจของเขา

    “ข้อมูลเรามีน้อยเกินไป ที่สำคัญกว่านั้นเด็กพวกนี้ไม่ได้ถูกส่งมาเพื่อทำงานนี้ด้วย มันเป็นปัญหาที่พวกเราต้องแก้กันเอง”

    นี่เป็นปัญหาของเซเวนไม่ใช่ปัญหาของผู้กล้าต่างมิติ

    แล้วแก้ได้ไหม”

    คำถามต่อมาทำให้เสจสองถึงกับพูดไม่ออก 

    “เมื่อห้าสิบปีก่อนตอนที่แม่มดดำเกิดขึ้นพวกนายก็พูดแบบนี้ เมื่อสามสิบปีก่อนพวกนายก็พูดแบบเดียวกันตอนที่เราพบพวกต่อต้านพระเจ้า ฉันแค่สงสัยน่ะว่าห้าสิบปีมานี้พวกเรารู้อะไรเกี่ยวกับตัวร้ายบ้างนอกจากชื่อกับพลังวิเศษบางอย่างที่พวกนี้ใช้”

    ทุกคนพากันเงียบหลังจากที่คิระพูดจบ พวกเขาไม่อาจเถียงได้ เพราะนั่นมันคือความจริงทุกอย่าง ห้าสิบปีที่ผ่านมาพวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกนี้เลย 

    ไม่รู้แม้แต่เรื่องที่ว่าจะสร้างบาดแผลให้พวกนี้ยังไง

    “นายต้องการจะพูดอะไรกันแน่” เสจสามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด 

    “นายรู้ดีว่าเราเป็นรองพวกนั้นอยู่แล้ว พวกเราทำได้แค่ตั้งรับ และถ้าจะถามเรื่องแผนรับมือในอนาคตฉันจะตอบให้ว่า ไม่มี อาวุธอย่างเดียวที่เราใช้กับแม่มดดำได้ผลคือหอกเซอุสและโล่เอจิสของจีซัสที่ฉันรายงานนายไปเมื่อเดือนก่อนแล้วว่ามันถูกทำลายยับ เราไม่มีอาวุธที่ใช้ได้ผลกับพวกนั้นอีกแล้ว”

    รายงานที่เขาเขียนก็บอกชัดเจนแล้วทุกอย่าง เรียกประชุมเพื่อพูดเรื่องนี้อีกรอบนี่มันเหมือนการซ้ำเติมพวกเขาชัดๆ

    งั้นส่งไม้ต่อมาให้ฉัน” 

    คำพูดของคิระทำให้พวกเขาหันไปมองคนพูดพร้อมกัน 

    “พวกนายกลับไปหาทางเข้าหอคอยต่อซะ ฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้ต่อจากพวกนายเอง”

    “นายจะออกไปจัดการพวกนั้นงั้นเหรอ อย่ามาล้อเล่น”เสจสองพูดเสียงดุ

    ทว่าคิระกลับยิ้มแล้วส่ายหน้าให้เขา

    ฉันจะใช้ ‘ไพ่ตาย’ ของฉันต่างหากล่ะ ฉันเดิมพันทุกอย่างกับไพ่ใบนี้”

    ‘ไพ่ตาย’ ที่ว่าหมายถึงคน คนที่คิระใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเดิมพันด้วย

    “คนของนายงั้นเรอะ” เสจสามมีท่าทีแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด

    “อา ฉันจะเป็นคนให้การสนับสนุนเธอเองไม่เดือดร้อนมาถึงพวกนายหรอก- -เทมส์นายบอกว่ายังไงก็จะไม่เป็นเสจหนึ่งใช่ไหม งั้นฉันขอตำแหน่งคืน”

    คิระยื่นมือไปทางเสจหนึ่งที่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าเขาไม่ได้สวมสร้อยคอประจำตำแหน่งแบบคนอื่นๆ

    “ไม่อยากจะได้สักนิด”คนชื่อเทมส์พูดแล้วโยนสร้อยคอประจำตำแหน่งไปให้คิระ “นายจะยกตำแหน่งให้ไพ่ตายของนายงั้นหรอ ไว้ใจขนาดนั้นเชียว”

    “ไม่ได้จะยกให้ตอนนี้หรอก เรียกว่าใช้มันเป็นตัวประกันดีกว่า เธอเป็นพวกต่อรองด้วยยาก ของที่ฉันมีและพอจะใช้ต่อรองได้ก็มีแค่เก้าอี้เสจหนึ่งเท่านั้น- -แต่ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ให้เธอมากวนพวกนายทำงานหรอก อาจจะขอความร่วมมือเรื่องกำลังคนบ้าง ไม่สิ ไม่ขอดีกว่า ดูเหมือนจะเป็นพวกชอบทำงานคนเดียว” คิระบ่นพึมพัมและแสดงสีหน้าหนักใจออกมา

    ดีไม่ดีเธอคงจะหาว่าพวกนี้เกะกะเธอ เอามาทำไม!

    “เก่งขนาดทำให้นายต้องพยายามเอาใจเลยเหรอ” เสจสองขมวดคิ้ว

    “เป็นคนน่ากลัวมากเวลาอาละวาด” คิระเกาหัวด้วยท่าทางลำบากใจ

    “ฟังดูเป็นพวกร้ายกาจ” เทมส์แสดงความเห็น 

    คิระส่ายหัวทันที

    มันมากกว่าคำว่าร้ายกาจ ถ้านายประเมินเธอว่าร้ายกาจแสดงว่านายมองผิดไปเยอะเลยล่ะ”



     

    การประชุมในครั้งนี้จบลงแล้ว ผู้ร่วมประชุมแทบทุกคนตัดการเชื่อมต่อไปจนหมด คงเหลือเพียงภาพโฮโลแกรมของเสจสามยังไม่หายไป 

    เมื่อเหลือกันแค่สองคนชายหนุ่มร่างสูงก็ถอดเสื้อคลุมเสจมาสเตอร์ออก เขามีผมสีทอง และใบหน้าหล่อเหลาที่ความสมบูรณ์แบบมากเกินไปก็ทำเขาดูเหมือนผลงานของศิลปินเอกมากกว่าคนจริง 

    บุหรี่ในกระเป๋าเสื้อถูกหยิบขึ้นมาจุดสูบท่ามกลางความเงียบของห้อง คิระมองเขาด้วยสีหน้าเนือยๆเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง 

    “ช่วยหาของให้หน่อยสิ ในเกมอาวุธล่าแม่มดเป็นของอย่างเดียวที่ใช้ฆ่าพวกนั้นได้”

    ไม่รู้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงจะใช้ได้ผลไหม เขาไม่เคยทดลองใช้เสียด้วย ยิ่งกว่านั้นอาวุธล่าแม่มดในโลกจริงหายากยิ่งกว่าอาวุธเทพเสียอีก เขาพยายามมาหลายปีแล้วก็หาไม่เจอ ยอมแพ้แล้ว เลยตัดสินใจให้คิระช่วยหา

    “รุ่นพี่จะใช้อาวุธระยะประชิดสู้กับพวกนั้นเหรอครับ ไม่อันตรายเกินไปหน่อยเหรอ พวกแม่มดเคลื่อนไหวเร็วมากแล้วยังมีงูไฟที่มองแทบไม่ทันด้วย” คิระทักท้วงขึ้นด้วยสีหน้าเฉื่อยชาจนคนฟังชักไม่แน่ใจว่าหมอนี่เป็นห่วงเขาจริงๆหรือเปล่า 

    เสจสามที่ถูกเรียกว่ารุ่นพี่ยิ้มขมๆตอบ “ยังกับมีทางเลือกอย่างอื่น จนกว่าเราจะหาอาวุธเทพมาใช้แทนหอกเซอุสได้ ฉันคงต้องใช้วิธีนี้ไปก่อน นายไม่ต้องห่วงหรอก เมื่อก่อนตอนอยู่ในเกมฉันชอบทำเควสล่าแม่มดบ่อยๆ ในเกมไม่ค่อยมีคนทำเควสบ้านี้หรอกเพราะของตอบแทนมีแค่ไหแมวที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ แต่ฉันน่ะมีคนให้ท้าสู้ด้วยบ่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็ได้ฉายาวิชฮันเตอร์ระดับสูงไปแล้ว”

    “อา เพื่อนสินะครับ”คิระทำท่าเข้าใจทว่าคนตรงหน้าเขากลับหัวเราะขบขันเสียอย่างนั้น

    “เพื่อนอะไรกันล่ะศัตรูต่างหาก ศัตรูอันดับหนึ่งเลยล่ะ” 

    เขาถูกศัตรูที่ว่าตามก่อกวนทั้งวันทั้งคืนถึงห้าปีจะเป็นเพื่อนได้ยังไง แต่ถึงจะพูดว่าศัตรูแต่สีหน้าของคนพูดดูมีความสุขมากทีเดียวเมื่อพูดถึงคนๆนั้น

    “หามาให้ได้แล้วกัน อาวุธอะไรก็ได้”

    “มันไม่น่าจะเป็นของที่หามาได้ง่ายๆเลยนะ” คิระทำท่าคิด “เอาแบบนี้แล้วกัน ผมอยากให้ไพ่ตายเห็นพวกตัวร้ายใกล้ๆ ฝากเธอไปกับรุ่นพี่หน่อยได้ไหมแลกกับการที่ผมไปหาอาวุธล่าแม่มดมาให้ ฝีมือเธอดีมากรับรองว่าไม่เกะกะแน่ๆ” บางทีอาจจะเป็นรุ่นพี่ด้วยซ้ำที่ถูกเธอหาว่าเกะกะ 

    ไม่สิ น่าจะถูกอัดกระเด็นไปมากกว่าโทษฐานทำตัวข้ามหน้าข้ามตาราชินี

    “เหอะ อย่าให้มาเกะกะฉันก็พอ ว่าแต่ไพ่ตายที่ว่าที่เป็นใครวะ” เขาหรี่ตามองรุ่นน้องด้วยสายตาไม่วางใจ 

    เสจสามอดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าคนอย่างหมอนี่ไปหาพวกเทพมาจากไหน 

    นัยน์ตาสีม่วงของคิระเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เขาเพียงแต่ตอบสั้นๆว่า 

    “เอาไว้รอเซอร์ไพรส์ตอนนั้นดีกว่า เชื่อเถอะว่ารุ่นพี่ต้องช็อคแน่”



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×