ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GEAR อัพจนจบภาคแรกเลย

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 สวัสดีเด็กใหม่ นี่คือแอปเปิลรสส้มของเธอ

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 66


    บทที่ 2

    สวัสดีเด็กใหม่ นี่คือแอปเปิลรสส้มของเธอ



     

    มิวไม่เคยฝันนานขนาดนี้มาก่อน นี่มันคือฝันแบบมาราธอนชัดๆ

    เธอเริ่มต้นด้วยการฝันถึง ซูซูอิน28 คุณหมีผู้มีใบหน้าเคร่งเครียด ดูไม่น่ารักเหมือนกับคุณหมีตัวอื่น แต่เพราะเขาคือเพื่อนคนแรกๆของเธอ มิวเลยชอบเขามาก 

    ซูซูอิน28สวมชุดหมีนายพลสีน้ำเงินถึงแม้ว่าเขาจะยืนในขณะที่เธอนั่ง เขาก็ยังสูงไม่พ้นหัวเธออยู่ดี

    “มีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย แลกกับหมวกใบนี้” 

    เขาเริ่มต้นพูดแล้วหยิบหมวกหมีนายพลที่สวมอยู่ออกมายื่นไปให้เธอ น่าแปลกที่เขาสวมเครื่องแบบพลเอกที่เป็นชุดสีน้ำเงิน แต่หมวกใบนั้นกลับเป็นหมวกสีชมพูของตำแหน่งพลโท 

    มิวชอบสีชมพูมากกว่าสีน้ำเงินเธอรับมันมาสวมเอาไว้อย่างว่าง่าย

    “ฉันมีคนสำคัญคนหนึ่งที่อยากปกป้องแต่ว่าตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว ช่วยปกป้องเขาแทนฉันหน่อยได้ไหม”

    “ซูซูอิน28จะไปที่ไหน?” มิวขมวดคิ้วสงสัย 

    ไม่ได้สัญญาว่าจะมาหาเธอหรอกเหรอ? 

    นายพลซูซูอิน28เงยหน้าขึ้นไปมองฟากฟ้าสีน้ำเงินเข้มเหมือนกำมะหยี่พร่างพราวไปด้วยแสงดาวสีเงินนับพันนับหมื่น 

    “ออกเดินทางไปยังที่ไกลแสนไกล ไกลจากที่นี่มาก จำเป็นต้องไปแล้ว”

    “แฮปปี้กับอัลเฟรโด้ก็พูดแบบนี้กับมิวเหมือนกัน ใครๆก็ออกเดินทางกันหมด! ขอไปด้วยคนสิ”

    เขาส่ายหน้า “มิวไปกับฉันไม่ได้ ตอนนี้เธอต้องอยู่ที่นี่ ทำสิ่งที่ฉันทำไม่ได้แล้ว”

    เด็กสาวผงกหัวรับอย่างว่าง่าย 

    เขายื่นมือมาให้ มิวยื่นมือไปจับมือที่เต็มไปด้วยขนสีน้ำตาลอ่อนนุ่มของเขาเอาไว้แน่น 

    นายพลซูซูอิน28หันไปมองอีกด้าน มิวออกจะแปลกใจที่เธอพบว่าพื้นที่ๆเคยว่างเปล่าปรากฏต้นไม้ใหญ่เก่าแก่สีทอง ไม่ว่าส่วนไหนก็เป็นสีทองทั้งนั้น ใต้โคนต้นนั้น คิงแบลร์- -เทพเจ้าของเหล่าแบลร์กำลังนอนขดตัวอยู่ด้วยความทรมาน สีหน้าของเขาคล้ายกำลังฝันร้าย 

    “ตั้งแต่เกียร์กลายเป็นสีส้มคิงแบลร์ก็ฝันร้ายไม่หยุด” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกังวลเจือไปด้วยความเป็นห่วง “ฉันเกิดมาเพื่อปกป้องเขา น่าเศร้าที่ตอนนี้ฉันไม่อาจปกป้องเขาได้อีกแล้ว น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นคือฉันคงไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว ช่วยทำหน้าที่แทนฉันได้ไหม ถ้าเธอรับปากฉันคงออกเดินทางด้วยความสบายใจได้แล้ว”

    “คิงแบลร์! ถ้าคิงแบลร์สัญญาว่าจะเป็นเพื่อนมิวล่ะก็ ให้ทำอะไรก็ทำให้ทั้งนั้น” มิวผงกหัวรับอย่างว่าง่าย 

    ซูซูอิน28ยิ้มรับแล้วบีบมือเธอตอบ เขาเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า 

    “ถ้าครั้งหนึ่งโชคชะตานำพาเรามาพบกันทั้งที่พวกเราไม่น่าจะเจอกันได้ ฉันเชื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้าพวกเราต้องได้พบกันอีกแน่ ฝากด้วยล่ะ” 

    คำบอกลาสุดท้ายมาพร้อมกับรอยยิ้ม พร้อมกันนั้นเปลวเพลิงสีชมพูประกายทองก็ลุกขึ้นเผาร่างนั้นจนมอดไหม้ภายในชั่วพริบตา ซูซูอิน28หายไปแล้วแต่ไออุ่นยังคงติดอยู่ที่ปลายนิ้วของเธอ มันชัดเจนราวกับว่านี่ไม่ใช่ความฝัน 

    มิวไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทั้งที่มันเป็นความฝันแต่ทำไมเธอถึงได้รู้สึกวูบโหวงมากถึงขนาดนี้ 

    มันเหมือนกับว่าซูซูอิน28จากไปแล้วจริงๆ 

    เด็กสาวเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่ค่อนข้างต่างจากท้องฟ้าที่โลกจริงหรือแม้แต่ท้องฟ้าที่เกียร์เองก็ตามเพื่อที่จะจดจำมันเอาไว้ 

    ทว่าตอนนั้นเองที่มิวรู้สึกเหมือนร่างกายเธอถูกกระชากลงไปในของเหลวบางอย่างที่อุ่นสบายแต่กลับทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเหมือนตัวจะระเบิด 

    เสียงหนึ่งที่จะว่าคุ้นก็คุ้นไม่คุ้นก็ไม่คุ้นดังขึ้นห่างออกไปไม่มาก 

    “เอาล่ะเราจะเริ่มการเชื่อมต่อดวงจิตกับร่างกายใหม่ เป็นเด็กดีนะจ้ะ อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

    เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกดเข้าไปในแม่พิมพ์ที่ทั้งแคบทั้งแข็ง รู้สึกอึดอัดและไม่สบายตัวมาก ทั้งพอจมลงไปทั้งตัวยังได้ยินเสียงน่ารำคาญดังสับสนปนเปเต็มหูไปหมด

    “ได้โปรดรับโชคชะตานี้ไปด้วยเถิด- - -มีเพียงท่านเท่านั้น- -ได้โปรด- -ชะตากรรมของข้า”

    ไอ้ของที่เธอถูกผลักลงมานอนก็อึดอัดจนแทบขยับตัวไม่ได้แล้วยังจะมีเสียงน่ารำคาญดังซ้ำไปซ้ำมาอีก คนอย่างเธอน่ะถ้าไม่มีของที่ต้องการมาแลกต่อให้โลกแตกตรงหน้าเธอก็ไม่สนใจหรอกนะ

    จะขอให้ช่วยบอกด้วยว่าสิว่าเธอจะได้อะไรตอบแทน ไอ้การทำงานเพื่อมวลมนุษย์เงินเดือนก็ไม่ได้แถมเสี่ยงตายน่ะมีแค่ผู้กล้าซื่อบื้อเท่านั้นแหละที่ยอมทำ พอดีว่าเธอฉลาดมากผลตอบแทนไม่คุ้มค่าอย่าหวังจะมาต่อรอง 

    คิดได้แบบนั้นมิวก็หนีไปจากของหน้าอึดอัดนั้นซะ

    “การเชื่อมต่อเป็นศูนย์ทุกจุด นี่มันอะไรกันเนี่ย ดวงจิตหลุดออกจากร่างกายเองต่างหาก”

    เสียงผู้หญิงร้องขึ้นด้วยความตกใจเจือไปด้วยความกลัวและความกังวล ก่อนจะมีเสียงผู้ชายที่ฟังดูเนือยๆพูดตอบ 

    “ลองใหม่ นี่แค่ครั้งแรกปกติมันไม่สำเร็จอยู่แล้ว ดวงจิตของมิวแข็งแกร่งกว่าของคนอื่นไปพอสมควรกดมันเอาไว้ให้แน่นๆ”

    จบคำพูดนั้นมิวก็ถูกกระชากลงไปในแม่พิมพ์แคบๆนั้นอีกรอบ ถึงจะรู้สึกอึดอัดน้อยลงแต่มิวคิดว่ามันไม่เข้าท่าอยู่ดี แถมเธอยังถูกกดเอาไว้อีกทำให้ขยับตัวไม่ได้ 

    มิวได้ยินเสียงพูดว่าเริ่มทำการเชื่อมต่อพร้อมกันนั้นเธอก็รู้สึกว่าร่างกายกำลังผสานเข้ากับไอ้ของที่แสนอึดอัดนี่ แต่มิวไม่อยากได้มัน เธอเลยกระชากร่างกายกลับที่เดิม เกิดความรู้สึกคล้ายกับบางส่วนหลุดออกไปแต่ช่างมันเถอะนะ 

    ดีกว่าต้องรวมเป็นหนึ่งกับไอ้ของไม่เข้าท่านี่!

    “คิระมิวกระชากตัวเองระหว่างกระบวนการเชื่อมต่อ ผิวนอกของดวงจิตแหว่งเป็นหย่อมๆเลย!”

    “สมกับเป็นราชินีเอาใจยาก ลองใหม่อีกรอบ ถ้าการเชื่อมต่อเป็นศูนย์ทั้งหมดไม่ต้องพยายามแล้วปล่อยเธอออกมาแล้วเริ่มกระบวนการใหม่ มันต้องได้สักรอบล่ะน่า”

    “ครั้งที่ 18 ล้มเหลว” “ลองใหม่” “ครั้งที่ 42” “อืม” “ครั้งที่ 78 มิวต้องไม่ใช่คนแน่ๆ คนทั่วไปแค่ห้าสิบครั้งผิวนอกของดวงจิตก็ไม่เหลือแล้วแต่มิวยังเหลือผิวนอกอีกเป็นครึ่ง” “ฉันก็ไม่เคยคิดนะว่ามิวเป็นคนธรรมดา พวกนั้นก็พูดว่าพลังชีวิตมิวสูงกว่าเมอาร์ร่างเดมิก็อดซะอีก สุดยอดไปเลย” “สุดยอดบ้านนายสิ ครั้งที่ 80ล้มเหลวอีกแล้ว!” “บางทีครั้งที่ร้อยอาจจะสำเร็จก็ได้นะ มิวเป็นประเภทชอบข่มคนอื่นนี่นา” “ครั้งที่ 90 ล้มเหลว.....”

    หลังจากที่ครั้ง 98 ล้มเหลวสองคนนี้ก็ล้มเลิกการจับมิวลงไปขังในที่แคบๆชั่วคราว บอกแล้วไงว่าถ้ามิวไม่ต้องการก็อย่าหวังว่าจะทำได้สำเร็จ 

    คือจริงๆก็แอบคิดว่าไอ้ที่แคบๆนี้มันก็ไม่เลวเหมือนกันแต่ว่าอยากรอดูก่อนน่ะว่ามีของที่ดีกว่านี้ไหม

    “ถ้าการผสานดวงจิตกับร่างกายรอบต่อไปไม่สำเร็จ เราต้องส่งดวงจิตกลับร่างเดิมและต้องรออย่างต่ำหกเดือนถึงจะเริ่มกระบวนการผสานดวงจิตเข้ากับร่างกายใหม่ได้อีกครั้ง- -เอาไงต่อดี จะทดลองผสานร่างกายครั้งที่ 99 ไหม?” 

    “ครั้งที่ 99 มันต้องล้มเหลวแน่ เฮ้อ เธอเลือกเองนะว่าจะไม่เอาร่างนี้ ไม่เอาก็ไม่เอา- -ใต้ห้องลับของตระกูลเอสตราด้ามียานอวกาศโบราณลำหนึ่งซ่อนอยู่ ยานลำนี้เคยมาเยือนเกียร์เมื่อหลายพันปีก่อน พวกเขาเป็นชนเผ่าประหลาดที่ขยายเผ่าพันธุ์โดยการใช้เครื่องมือประหลาดที่ถูกเรียกว่า ทวารแห่งการกำเนิด”

    ทวารแห่งการกำเนิดของพวกเจเนอเรเตอร์! 

    นี่แหละสิ่งที่ราชินีอย่างมิวคู่ควร รีบพามิวไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยนะ! 

    “ในเมื่อมิวไม่อยากได้ร่างกายเดมิก็อด แล้วเธอก็ผ่านเงื่อนไขของทวารแห่งการกำเนิด ฉันจะเดิมพันเธอกับของนี่ก็แล้วกัน” เสียงเฉื่อยๆนั้นพูดแล้วคว้ามิวมาถือเอาไว้ในมือ 

    นี่เป็นครั้งแรกที่มิวรู้สึกว่าหมอนี่ทำอะไรเข้าท่า มิวอดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆว่าแอปเปิลลูกแรกที่ถูกยื่นมาจะเป็นอะไร แฮปปี้บอกว่า บลิงค์ของอินาสก้า เป็นพลังที่ดีมาก แต่มิวอยากได้ กรงเล็บของบอลร็อคมากกว่า ถ้ามีกรงเล็บนั่นจะไปที่ไหนในโลกก็ได้ทั้งนั้น แต่ว่า กรงเล็บทะลุมิติของอินาสก้า ก็ดีมากเหมือนกันนะ ถ้ามีพลังนี้อยากได้สมบัติของใครก็ฉกมาได้ทั้งนั้น 

    อื้ม มารอดูดีกว่าว่าตาแก่คนไหนจะโผล่หน้ามาเจอมิวเป็นคนแรก

    หวังว่าแอปเปิลลูกแรกจะอร่อย!

    ระหว่างที่มิวกำลังเพลิดเพลินกับความคิดเรื่อง ‘แอปเปิล’ ที่มิวอยากได้ เจ้าสองคนที่ดูจะไม่เอาไหนกันทั้งคู่ก็พากันพูดถึงเรื่องยานอวกาศและทวารแห่งการกำเนิด 

    มิวอดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าเจ้าพวกนี้ไม่รู้เรื่องเจเนอเรเตอร์แต่กลับรู้วิธีใช้ทวารแห่งการกำเนิดเนี่ยนะ อืม อันที่จริงถ้าไม่มองโลกในแง่ร้าย ใต้ฐานของเครื่องมือนี้วาดรูปวิธีการใช้เอาไว้แบบละเอียดมากๆ แม้แต่คนที่ซื่อบื้อที่สุดก็น่าจะรู้ว่าแค่ใส่ดวงจิตลงไปเครื่องก็จะเริ่มทำงาน

    เอาเถอะเจ้าพวกนี้ยังพอมีความดีความชอบเรื่องที่ใช้เครื่องนี้กับมิว มิวจะคิดในแง่ดีว่าพวกนี้ไม่ได้ฟลุ้คใช้ได้ก็แล้วกัน

    คราวนี้มิวรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดูดเข้ามาที่ไหนซักที่ก่อนจะร่วงลงมายืนบนพื้น กลิ่นหอมคล้ายกลิ่นสมุนไพรผสมกับกลิ่นสดชื่นของต้นไม้บางชนิดหอมอบอวลไปทั่ว เท้าเปลือยเปล่าที่เหยียบลงบนหญ้ารับรู้ได้ถึงสัมผัสอ่อนนุ่มของผืนดิน 

    แสงแดดจ้าสาดผ่านรอยแยกของร่มไม้ลงมากระทบกับเส้นผม มิวยกมือขึ้นบังด้วยเพราะตายังไม่คุ้นชินกับแสงจ้า เสียงนกร้องดังมาจากที่ไกลๆเช่นเดียวกับเสียงคลื่นรวมไปถึงเสียงที่ฟังดูคล้ายตัวอะไรบางอย่างขนาดใหญ่กำลังขยับร่างกายด้วย

    “ฉันออกจะแปลกใจไม่น้อยที่ตัวเองถูกส่งมาสร้างเส้นทางแรกให้สมาชิกใหม่ เจเนอเรเตอร์ปกติจะเจอฉันที่เส้นทางที่ห้าหรือไม่ก็ที่สุดปลายทาง ถึงจะพูดแบบนี้แต่ครั้งสุดท้ายที่ฉันเจอเจเนอเรเตอร์ที่สุดปลายทางมันนานเสียจนฉันลืมไปแล้วล่ะว่ามันเกิดขึ้นมานานเท่าไหร่แล้ว” 

    เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านข้าง

    ตอนนั้นเองที่เด็กสาวพบว่าถัดไปทางด้านขวามือของเธอมีคนแปลกหน้าคนหนึ่งนั่งอยู่ แอปเปิลสีแดงในมือถูกโยนขึ้นลงคล้ายทำเพื่อฆ่าเวลาเล่น เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่จนดูคล้ายกับยักษ์ ร่างกายใหญ่โตซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำเนื้อหยาบ ผิวสีเข้ม ผมสีดำปลายสีแดงยาวถึงไหล่ดูแปลกตาสุดๆ แม้จะเห็นเพียงแค่ใบหน้าครึ่งล่างแต่มิวก็คล้ายจะรู้ว่าเขาเป็นพวกไม่สมควรจะมีเรื่องด้วยอย่างยิ่ง

    “นี่คือชะตากรรมของเธอรับไปสิ” เขายื่นแอปเปิลผลนั้นมาให้มิว เด็กสาวรับมันมาจ้อง

    “ชะตากรรมหมายถึงเส้นทาง?”

    “ใช่ มันคือเส้นทางแรกของเธอ กัดมันเข้าไปเมื่อไหร่เส้นทางเดิมของเธอจะจบลงเส้นทางใหม่ที่ยาวไม่รู้จบจะเริ่มต้นขึ้นนับจากนั้น” ชายหนุ่มแปลกหน้าอธิบาย 

    มิวผงกหัวรับแล้วกัดมันเข้าไป ถึงภายนอกจะดูเหมือนแอปเปิลแต่จริงๆแล้วของนี่เป็นเจลลี่แถมยังเป็นรสองุ่นอีกต่างหาก 

    หลอกลวงผู้บริโภคชะมัด!

    “เหมือนมิวจะรู้เลยว่าแอปเปิลนี่คืออะไร” เด็กสาวบ่นขณะกินแอปเปิลปลอมผลนั้นอย่างเชื่องช้า เขาพยักหน้ารับแล้วอธิบาย

    เธอเพิ่งเกิด ยังไม่แข็งแกร่งพอจะต้านทานการควบคุมของแอปเปิลได้ แข็งแกร่งขึ้นเมื่อไหร่เธอจะจำได้เอง”

    “อีกนานไหม มิวรู้สึกเหมือนตัวเองรู้จักนายน่ะ มีเรื่องอยากจะพูดกับนายด้วย” มิวขมวดคิ้ว 

    ถึงจะไม่เคยเห็นหน้าแต่มิวมั่นใจว่าตัวเองรู้จักหมอนี่ และเตรียมคำพูดบางอย่างจะพูดด้วยมานานแล้ว

    “ไม่รู้สิ บางคนก็เดือนหนึ่ง บางคนก็ปีหนึ่ง บางคนก็สิบปี บางคนก็ร้อยปี บางคนก็หลายร้อยปี มันขึ้นอยู่กับว่าบนเส้นทางแรกนี้เธอได้พยายามตะเกียกตะกายจะไปยังเส้นทางที่สองหรือเปล่า” เขาตอบ 

    ช่างเป็นคำตอบที่ไม่ช่วยอะไรแม้แต่น้อย... 

    มิวงึมงำถามว่าเธอจะจำความฝันได้ไหม ชายแปลกหน้าตอบแบบเดิม ถ้าเธอแข็งแกร่งเมื่อไหร่เธอจะจำทุกอย่างได้ 

    “มิวพูดเรื่องอื่นได้ไหม มิวรู้สึกไม่มีความสุขเลย เพื่อนของมิวพากันออกเดินทางกันหมด ทุกคนบอกว่าตัวเองต้องเดินทางไปที่ๆไกลมาก ขอไปด้วยก็ไม่ให้ไป- -”

    เขารับฟังเรื่องบ่นของเธออย่างสงบโดยไม่มีการพูดแทรก พอมิวพูดจบเขาก็พูดขึ้นบ้าง

    “เธอไม่สามารถควบคุมคนอื่นได้หรอกตราบใดที่เธอยังอ่อนแอกว่า มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งจนเป็นเจ้าชีวิตเท่านั้นจึงจะบงการชีวิตคนอื่นให้เป็นไปตามต้องการได้ นั่นเป็นความสนุกก็จริงแต่กับเพื่อนเราไม่ควรทำแบบนั้นหรอกจริงไหม 

    สิ่งมีชีวิตทุกอย่างในจักรวาลนี้ต่างก็มีเส้นทางเป็นของตัวเอง พบเจอก็เพราะเส้นทางประสานกัน แยกจากก็เพราะเส้นทางหมุนไปคนละทาง 

    การเฝ้ารอให้คนที่เส้นทางต่างจากเธอโดยสิ้นเชิงมาพบเธออีกครั้ง เกรงว่ามันคงต้องใช้ยิ่งกว่าโชค แทนที่จะรอคอยสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะมาแน่หรือเปล่า เปลี่ยนเป็นวิ่งไปหาพวกเขาแทนดีไหม ในเมื่อสิ่งที่เธอสามารถควบคุมได้อย่างเบ็ดเสร็จคือตัวเอง”

    “มิวไม่ค่อยมีโชคเท่าไหร่น่ะ พอเห็นพวกดวงเฮงเลยอดแกล้งนิดๆหน่อยๆไม่ได้” 

    เด็กสาวบ่นว่าเธอก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะออกไปตามหาพวกนั้นด้วยตัวเอง เรียงลำดับตามความใกล้ก็น่าจะเป็น ซูซูอิน28 แล้วก็เป็น แฮปปี้ ส่วน อัลเฟรโด้อยู่ไกลเสียจนหมอนั่นยังอดสงสัยไม่ได้ว่าตัวเองมาโผล่แถวๆนี้ได้ยังไง 

    มิวหวังว่าอัลเฟรโด้จะไม่ซุ่มซ่ามหลงทางไปที่ไหนตอนที่มิวไปหานะ

    “ในฐานะคนที่ต้องให้คำแนะนำเพื่อให้เธอมีชีวิตรอดจนถึงเส้นทางถัดไป ฉันอยากให้เธอขอบคุณความไร้โชคนั้น นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเลยล่ะ ไม่มีชะตากรรมไหนเปลี่ยนแปลงได้เพราะโชค อยากเปลี่ยนแปลงเธอต้องแข็งแกร่งให้มากขึ้น พยายามให้มากขึ้น ใช้ความสามารถของตัวเองทำลายเส้นทางเดิมพร้อมกับขยับตัวเองไปยังเส้นทางที่พวกอ่อนแอพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ทำแบบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก วันหนึ่งเธอจะยืนอยู่บนเส้นทางที่ผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นสามารถก้าวเดินได้”

    “ใช้ความแข็งแกร่งทำลายชะตากรรมแล้วสร้างชะตากรรมใหม่ขึ้นมางั้นเหรอ?” 

    “ใช่ มันคือชะตากรรมแบบที่เธอเป็นคนกำหนดปลายทางไงล่ะว่าสุดท้ายแล้วเธออยากจะไปที่ไหน ทำลายข้อจำกัดเดิมแล้วเริ่มต้นเส้นทางใหม่ที่เธอขีดขึ้นมาเอง นี่เป็นวิถีของผู้แข็งแกร่งกล้าที่พวกอ่อนแอไม่มีวันเข้าใจ 

    ความแข็งแกร่งนั้นจะทบกันไปเรื่อยๆ วันนี้เธออาจจะทำได้แค่เดิน วันต่อไปเธอวิ่ง วันต่อไปเธอออกบิน วันต่อไปเธอบินได้อย่างมั่นคง วันต่อไปเธอจะบินเก่งขึ้นกว่าเดิม เมื่อวันนั้นมาถึงต่อให้ร่วงลงมาเธอก็รู้วิธีที่จะกลับขึ้นไปบินใหม่อีกครั้ง 

    โชคดีอาจจะทำให้เธอบินได้ในครั้งแรกแต่ครั้งต่อไปที่เธอคิดจะบินและมันมีมันคอยช่วยเธอจะร่วงลงสู่พื้นเหมือนผู้แพ้ จงเกลียดชังมันให้มาก หันหลังให้กับมันแล้วทำลายทุกสิ่งด้วยความแข็งแกร่งของเธอเอง” 

    มืออันใหญ่โตนั้นวางลงบนศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยผมสีขาว สีผมค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีดำโดยมีปอยผมสีแดงแซมบางส่วน เช่นเดียวกับดวงตาของเธอที่เปลี่ยนเป็นสีทอง

    สีผมและสีตาของพวกเขาทั้งสองกลายเป็นแบบเดียวกัน 

    ผิวหนังบนแขนข้างที่วางลงบนหัวมิวแปรสภาพเป็นเกล็ดแข็งสีดำวาวแววแซมด้วยประกายแสงสีทองและและสีแดงที่ทำให้มิวนึกไปถึงเปลวไฟ

    “อาธาเนียร์!” มิวเรียก 

    เธอจำได้แล้วว่าเจ้าหมอนี่ชื่ออาธาเนียร์แต่เธอจำไม่ได้ว่าหมอนี่เป็นใคร

    “ไม่เลวนี่ เจเนอเรเตอร์ใหม่ที่ใช้เวลาเพียงแค่เจ็ดชั่วโมงในการข้ามไปยังเส้นทางที่สองมีน้อยจนฉันจำชื่อได้” 

    เขาตบหัวเธอเบาๆอย่างถูกใจ แขนที่แปรสภาพเป็นเกล็ดแข็ง นิวมือที่แปรสภาพเป็นกรงเล็บใหญ่สีดำมันวาวยื่นแอปเปิลลูกที่สองให้มิว เด็กสาวยื่นมืออกไปคว้ากรงเล็บนั่นมาดูใกล้ๆ

    เธอคุ้นเคยกับมันมากๆ มิวแน่ใจว่าเธอรู้จักมัน แต่ดันจำชื่อไม่ได้เสียอย่างงั้น

    ชายแปลกหน้าไม่ได้ดึงมือกลับ เขาปล่อยให้มิวสำรวจมือเขาอยู่แบบนั้นตามสบาย 

    “เธอดูจะไม่ชอบแอปเปิลรสองุ่น นี่แอปเปิลรสส้ม”

    ประเด็นคือในเมื่อมันเป็นเจลลี่รสผลไม้ทำไมต้องทำเป็นรูปแอปเปิลต่างหาก!

    “แอปเปิลบ้านี่มันคืออะไรกันแน่!” 

    มิวไม่ชอบทั้งองุ่นทั้งส้มนั่นแหละ มิวชอบช็อคโกแล็ต!

    “ก่อนหน้านี้คือ ‘พลังชีวิต’ ส่วนลูกนี้คือ ‘ฟื้นฟูตัวเอง’ ร่างกายที่แข็งแกร่งสำคัญกว่าพลังวิเศษ จำเอาไว้ให้ดีเจเนอเรเตอร์” อาธาเนียร์วางมือลงบนผมของเด็กสาวอีกที 

    คราวนี้ปอยผมสีแดงกระจายตัวกว้างขึ้นจนดูเหมือนมิวย้อมผมสองสีพร้อมกัน สีตาก็เข้มขึ้นจนดูเหมือนสีบรั่นดี สีผมสีตาที่เข้มขึ้นนี้ทำให้ใบหน้าของเด็กสาวดูมีชีวิตชีวาขึ้นอย่างมาก 

    “เจอกันครั้งหน้า ฉันจะเอา ‘เสียงคำราม’ ให้ ส่วน ‘กรงเล็บ’ ที่เธออยากได้ ไปฝึกแขนให้แข็งแรงกว่านี้ ไม่งั้นฉันรับประกันว่าเวลาเธอใช้กรงเล็บ แขนเธอจะหักไปด้วยแน่ๆ”

    พวกเขาจะได้พบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน 

    อาธาเนียร์ขยับยิ้มพร้อมกับที่ภาพทั้งหมดที่ดับวูบลง

    “ยินดีต้อนรับเข้าสู่ลอวก้า ชะตากรรมใหม่ของเจ้าได้เริ่มขึ้นแล้วเจเนอเรเตอร์...”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×