ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SEHUN X YOU BEGIN AGAIN

    ลำดับตอนที่ #5 : BEGIN AGAIN CHAPTER 4

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 59


     S Q W E E Z   T H E M E  @  D E K - D  


     

    Chapter 4

     

     

     

    Begin Again

     

     

     

     

     

        ใครก็ได้เอาปืนมายิงฉันทิ้งเถอะ ยัยพวกนี้ลากฉันมาไว้ที่ชมรมพละต่อหน้าคุณครูมินโฮและพวกเพื่อนที่แสนจะน่ารักของฉันยังเสริมกับครูมินโฮอีกว่า...

     

        นี่คือคาบว่างค่ะ ครูต้องซ้อมให้เซน่านะเดี๋ยวแข่งแล้วแพ้โรงเรียนอื่นเขาหมวดพละต้องโดนยุบแน่เลย

     

        พูดกรอกหูใครไม่กรอกมากรอกหูคนรักศักดิ์ศรียิ่งชีพอย่างครูมินโฮ และจบลงที่ฉันต้องไปเปลี่ยนชุดแล้วมาซ้อมต่อยเตะอย่างเอาเป็นเอาตายกับครูผู้ฝึกสอนอยู่ที่โรงยิมนี่ไงเจ็บไปทั้งตัวแล้ว

     

     

     

    1        2  3  4  5  6 ชั่วโมงผ่านไป จุดพลุð

     

     

     

        “วันนี้พอแค่นี้นะเซน่าครูเหนื่อย... ไปอาบน้ำแล้วมาเจอที่หน้ายิมเดี๋ยวครูไปส่ง”

        “ค่ะ ฮึย!” ที่จริงน่าจะพอตั้งแต่สองชั่วโมงแรกแล้วเหอะ ฉันยกนาฬิกาขึ้นมาดูหน้าปัดบอกเวลาห้าทุ่มนิดๆ ปกติต้องซ้อมถึงสี่ทุ่มแต่วันนี้กินเวลาไปตั้งเยอะ

        คาบกิจกรรมทั้งทีแทนที่ฉันจะได้นอนพักสบายๆ แต่พวกเพื่อนสารเลวยังหางานเหนื่อยใจมาให้ทำ แล้วยังมีหน้าลากฉันมาลงนรกในโรงยิมอีก

     

        ดีนะที่วันนี้ฉันหลบเท้าได้ไม่อย่างนั้นคงได้เอารอยแผลกลับห้องอีกเช่นเคย...

     

        หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็มายืนรออาจารย์ที่หน้าโรงยิมเหมือนเคยและครูมินโฮก็ช้าเหมือนเคย ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากถ้าโรงเรียนมีเครื่องบินรับ-ส่งนักเรียนสักลำคงดี ฉันจะให้เกรียติเป็นผู้ใช้บริการคนแรก

        “เซฮุนน่า...”

        “คร๊า!

        “ครูไม่ได้เรียกเธอนะเซน่า...”

        “แล้วเรียกหมาที่ไหนละค่ะถ้าไม่ใช่ฉัน” พอดึกเข้าความง่วงก็เริ่มครอบงำ... อย่าให้ฉันต้องโมโหเพราะความกวนตีนของครูอีกเลยปวดสมองจะแย่...

        “หมาข้างๆเธอไง...นายมารับเซน่ากลับบ้านหรอ”

        “ครับ”

        “งั้นครูฝากด้วยนะดูแลกันดีๆละ บาย...”

        “อะไรนะ!

        ฉันมองไปยังครูมินโฮที่กำลังวิ่งไปยังรถตัวเองก่อนจะขับออกไป ฉันจะหันกลับมามองคนข้างๆตัวเองช้าๆเพราะกลัวว่าจะเป็นผีมากกว่าคนนะสิ เขามายืนตอนไหนทำไมฉันไม่รู้ตัว

        “นายเป็นใคร?”

        “อย่ากลบเกลื่อนน่าเซน่า เราเจอกันตั้งหลายครั้ง ตอนกลางวันก็ด้วย” ฉันก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดี ตอนซ้อมครูมินโฮตวัดเท้าฟาดหัวฉันครั้งหนึ่งด้วยสิ ความจำบางส่วนหายไปหรือเปล่านะแล้วอีกอย่างคือหมอนี่ใส่แมสปิดปากกับเสื้อฮูดคลุมหัวด้วย ฉันจะจำได้ยังไง...-_-

        “ตอนกลางวัน...ฉันเจอคนเป็นร้อย”

        “เธอเป็นพวกความจำสั้นหรอ? ถึงจำคนที่ตัวเองชอบไม่ได้... ฉันโอเซฮุนไง”

     

        ชอบ? โอเซฮุน?

     

        “อ๋อ! โอเซฮุนนี่เอง” ฉันพยักหน้ายิ้มๆให้เขาเมื่อไขความข้องใจได้

         ผู้ชายคนนี้ที่พวกเพื่อนๆฉันหาว่าเป็นตุ๊ดนี่เอง แต่พอคิดดูแล้วเขาอาจจะเป็นจริงๆก็ได้นะ จะมีผู้ชายที่ไหนยืนบิดซ้ายขวาแล้วยิ้มตาหยีเหมือนเป็นพวกโลกสวยให้กับผู้หญิงแบบนี้ละ

        “^^

        “นายจะไปส่งฉันใช่ไหม?

        “อืมใช่ คราวนั้นฉันก็ไปส่งเธอ” คราวนั้นน่ะคราวไหน? ฉันลืมผู้มีพระคุณของตัวเองหรอ? ได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าถามออกไป...

        “เอ่อ... ฮ่าๆไปกันเถอะเนอะขอบใจเธอ เอ่อ! ขอบใจนายมากนะ” ฉันยิ้มให้เขาอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วเดินตามหลังไป

        “...”

        ไม่น่าละทำไมพวกเพื่อนฉันถึงว่าเขาเป็นชายไม่แท้ ก็อ้อนแอ้นซะขนาดนี้แม้แต่ท่าทางการเดินยังบิดไปบิดมาเลย ฉันเป็นผู้หญิงแท้ๆยังนึกอาย...

     

     

     

     

     

     

       ฉันว่าเหตุการณ์เริ่มคุ้นๆแล้วละ ถ้าจำไม่ผิดเขาก็น่าจะเป็นคนเดียวกันกับผู้ชายที่ปั่นจักยานมาส่งฉันที่คอนโดเมื่อคราวนั้น ลืมไปได้ยังไงเนี่ย...

        “นายรู้ทางด้วยหรอ?”

        “อ่าว... ก็บอกว่าเคยมาส่งเธอไง” ตอนนั้นฉันบอกทางเขาด้วยหรอ หรือว่าฉันลืมอะไรไปอีกนะแต่ช่างเถอะ

        “โอเซฮุน...ถามอะไรหน่อยสิ”

        “ว่า” เขาจอดไฟแดงแล้วเอ่ยตอบ

        ฉันควรจะถามเขาออกไปเลยดีไหมนะแล้วถ้าเกิดว่าเขาโกรธฉันขึ้นมาแล้วทิ้งไว้ข้างทางจะทำยังไงดี ดึกขนาดนี้ ตอนนี้ยิ่งถนนโล่งๆอยู่ด้วย...

        “เดี๋ยวไว้ถึงก่อนแล้วกัน...”

        “ครับผม”

        จะว่าไปแล้วเขาก็หุ่นดีเหมือนกันนะดูได้จากที่ฉันลองสัมผัสแผ่นหลังและไหล่ดูหุ่นเขาใช้ได้เลย ถ้าเกิดว่าเซฮุนเป็นจริงๆละก็...ชะนีหลายตัวคงจะเสียดายน่าดู

        แต่ที่ต้องเสียดายไปมากกว่าหุ่นเซฮุนคือเงินเดิมพันของฮยอนอานี่สิ เธอเล่นทุ่มหมดกระเป๋าเพื่อพนันว่าเซฮุนไม่ใช่เกย์ คิดแล้วอยากขอให้ซูจองเอามาให้ฉันจ่ายค่าหอจริงๆ

     

     

     

     

        แปลกที่ฉันไม่หลับทั้งๆที่เหนื่อยโคตร...

        ฉันคุยโม้ถึงชีวิตตัวเองกับเซฮุนเพลินไปหน่อย ส่วนเขาก็พูดเรื่องตัวเองให้ฉันฟังบ้างแล้วหัวเราะกับชีวิตเฮงซวยของฉันไปด้วย ไม่นานนักเซฮุนก็ปั่นจักรยานเข้ามาในชั้นจอดรถของคอนโด ซึ่งมันทำให้ฉันงงมากตอนเขาสแกนคีย์การ์ดหน้าทางเข้า

        “ตกใจหรอ? ฉันก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน ฮ่าๆ”

        “อืม...นิดหน่อย แต่ทำไมฉันไม่เคยเห็นนายเลย...” อย่างน้อยเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน เวลาหลังเลิกเรียนก็น่าจะเจอกันตรงนั้นตรงนี้บ้างสิ

        “ก็เธอไม่เคยมอง จะเห็นได้ไง” ก็จริงอย่างที่เซฮุนพูด ฉันไม่รู้จักใครเพราะชั้นที่ตัวเองอยู่มีแค่ห้องฉันที่ถูกซื้อไว้ “ไหนเธอว่ามีเรื่องจะถาม”

        “เออ จริงด้วย”

        เราสองคนยืนรอลิฟต์ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในเมื่อมันเปิดออก ฉันอยู่ชั้นบนสุดส่วนเซฮุนอยู่ชั้นไหนก็ไม่รู้เพราะเขาไม่ได้กด...อย่าบอกนะว่าอยู่ชั้นเดียวกันกับฉัน “ไม่กดหรอวะ?

        “กดอะไร กดเธอหรือกดลิฟต์” คนบ้าอะไรเขามากดกันในนี้วะถ้าจะทำต้องที่เตียงสิ!

        “นายจะบ้าหรือไง ฉันหมายถึงชั้นที่นายอยู่อ่ะ นายอยู่ชั้นไหน?”

        “เดี๋ยวค่อยกด”

        พอฉันเดินออกมาเขาก็เดินออกมาด้วยอย่าบอกนะว่าอยู่ชั้นเดียวกัน ฉันหันกลับไปมองหน้าเซฮุนงงๆเขาก็เลื่อนแมสปิดปากลงแล้วยิ้มให้ พอฉันเดินไปถึงประตูห้องเขาก็ยังเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ

        “อะไรของนาย?”

        “ไหนเธอว่ามีเรื่องจะถามฉัน ลืมแล้วหรอเซน่า...” ฉันควรตบกะโหลกตัวเองร้อยครั้งดีไหมเนี่ยลืมซะสนิทเลย ตอนแรกฉันคิดว่าไม่ถามเขายังจะดีกว่า แต่ถ้าเขาเปิดโอกาสให้กันขนาดนี้คงต้องพูดไป... “ไม่เข้าไปคุยด้านในหรอ”

        “นายอยากเข้าไปหรือไง?”

        “อืม...อยากเข้าไปข้างใน” เขาไว้ใจได้ใช่ไหม? แต่ยังไงก็ช่างเถอะเพราะฉันเปิดประตูให้เขาแล้วละ ถ้าหากว่าเกิดอะไรไม่ดีกับชีวิต ฉันจะโทษครูมินโฮที่ปล่อยตุ๊ดมาทำมิดีมิร้าย

     

     

        เราสองคนเดินเข้ามาด้านในห้องพร้อมกัน ฉันวางกระเป๋าเป้ลงบนโซฟาแล้วนั่งลงส่วนเซฮุนก็ตามมานั่งลงข้างๆฉันเช่นกัน เขาเอาหมวกคลุมออกแล้วหันมามองก่อนจะขยับปากพูดแบบไม่มีเสียงที่ฉันจับใจความได้ว่า มีอะไร

        “ถ้าฉันถามไปนายอย่าโกรธนะ...”

        “ไม่โกรธหรอก ใครเขาจะโกรธเธอลง”

        “เอ่อ... คือนายเป็นแบบว่า...พวกชายรักชายหรืออะไรต่างนั้นหรือเปล่า” ฉันถามออกไปตรงๆเมื่อเขาบอกไม่โกรธ แต่ถ้าโกรธฉันจะถีบให้ตกโซฟาเลย เซฮุนนั่งอมยิ้มแล้วเอาขาไกวห้างก่อนจะหรี่ตามองฉันแบบแปลกๆ “หึ หึ เธอคิดว่าไงละ”

        “ไม่รู้สิ... แต่นายอย่าโกรธนะ ฉันแค่ถามเพราะอยากรู้ กลัวว่าจะเข้าใจนายผิด” ที่จริงฉันกลัวเพื่อนไม่หุบปากเรื่องเขาและได้ตีกันตายเพราะเงินต่างหาก

        “อาจจะเป็นมั้ง” O.O ฉันช็อคนะ...เขาบอกว่าเป็นด้วยสีหน้ารื่นเริงแบบนี้ได้ยังไง

        เซฮุนมองหน้าฉันยิ้มๆแล้วขยับเข้ามาใกล้เขายกมือข้างหนึ่งยื่นมาโอบรอบตัวฉันไว้ส่วนมืออีกข้างหนึ่งกอดรอบเอวฉันไว้แน่น เขาค่อยๆขยับใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วกดคางวางลงบนไหล่ก่อนจะกวาดสายตามองใบหน้าฉันรอบๆแล้วจุ๊บเข้าที่แก้ม...

     

        บ้าไปแล้ว...

     

        “นาย...” ฉันครางเรียกเมื่อน้ำหนักกดจูบที่แก้มหนักมากขึ้น เขาเลื่อนหน้าออกไปแล้วซบลงที่อกฉันแทน แขนสองข้างกอดกระซับรอบเอวฉันไว้แน่นกว่าเดิม

        “ทำไมทำหน้าอย่างนั้น รังเกียจฉันหรอ... ใช่สินะ...ฉันมันพวกคนไม่ปกติ” หน้าตาแสดงความเศร้าออกมาชัดเจนจนฉันต้องยื่นมือไปดึงแก้มเขามากุมไว้ก่อนที่เซฮุนจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ฉันไม่ใช่พวกรังเกียจเพศที่สามที่สี่หรอกนะ...ยินดีด้วยซ้ำที่ได้รู้จัก

        “เปล่าฉันไม่ได้รังเกียจนาย แค่ตกใจที่จู่ๆนายมาหอมแก้มฉันน่ะ”

        “นึกว่ารังเกียจ เซน่า...เรื่องนี้อย่าบอกใครได้ไหม...ฉันไม่อยากให้คนอื่นเขานินทา” เขาเงยหน้ามาพูดกับฉันยิ้มๆ

     

        ที่ไม่อยากให้บอกคนอื่นเพราะกลัวเขานินทางั้นหรอ...ฉันว่าไม่ทันแล้วมั้งเพื่อนฉันนั่งพูดเรื่องเขาเอาเป็นเอาตายทุกครั้งที่เห็น ตั้งแต่พวกเธอรู้จักคนชื่อเซฮุนด้วยซ้ำ

     

        “แล้วทำไมนายถึงกล้ามาบอกฉันละ ไม่กลัวว่าฉันจะเอาไปบอกคนอื่นต่อหรอ” โดยเฉพาะยัยจีมินหัวหน้าแห่งชัยชนะในเกม “ไว้ใจฉันแค่ไหนกัน”

        “แล้วทำไมเซน่าถึงกล้าถามละ? ไม่เคยมีใครกล้าถามเรื่องนี้ฉันสักคนเพราะฉะนั้นฉันไว้ใจเธอ อย่าทำให้ฉันผิดหวังแล้วกัน”

        “ถ้าคนอื่นเอามาพูดละ ถ้านายบอกใครนอกจากฉันแล้วเขาเอามาพูด นายอาจจะคิดว่าฉันเป็นคนพูดก็ได้”

        “คนที่ฉันบอกไว้ใจได้ทั้งนั้น”

        “ถ้าฉันทำนายผิดหวังแล้วนาย...”

        “เธอเคยถูกตุ๊ดจับกดไหมฮะ?^.^

        “นาย...นายไม่ทำหรอกใช่ไหม? T^T

        “ลองดูไหมละเซน่า...”

        “ไม่เป็นไรเกรงใจ...”

     

     

     

         ถ้าไม่ฉันก็ไอ้คนที่กอดอยู่นี่แหละที่บ้า เรานั่งกอดกันอยู่อย่างนั้นเหมือนรู้จักกันมาเป็นชาติโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนนาฬิกาข้อมือบอกเวลาตีหนึ่ง จะว่าไปแล้วฉันเหมือนคนบ้าเลยว่ะนั่งให้ตุ๊ดหน้าหล่อกอดเฉยเลย ฉันควรฟินหรือร้องไห้ดี

         ฉันขยับตัวพิงโซฟาเพื่อที่จะได้สบายขึ้น มือที่กอดเอวฉันอยู่เริ่มคลายตกลงไปวางอยู่หน้าตัก ใบหน้าอีกคนที่เคยซบตรงไหปลาร้าตกแหงะอยู่ที่ทรวงอก...

        หนักชะมัดเลย ถ้าเขาเป็นผู้ชายเต็มตัวฉันคงคิดว่าเขาลวนลามฉันอยู่แน่ๆ และหลังจากนั้นคงได้ถีบออกห่างในระยะร้อยเมตร ฉันเอนหลังพิงกับโซฟาก่อนจะเริ่มผลักฮุนนี่ออกแต่ไม่ได้ผล...คงต้องนอนกันทั้งอย่างนี่แหละ

        “เซฮุน...” สุดท้ายฉันก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเองเพราะชะนีคนหนึ่งที่เสียดายเซฮุนก็ฉันนี่แหละนางหนึ่ง เสียดายนายโคตรๆ ฮือ T.T

     

     

     

     

     

     

       “อืม...เจ็บ”

        ฉันลืมตาขึ้นมองผู้ชายไม่แท้! ตัวโตๆที่นอนทับฉันอยู่บนโซฟา ใบหน้าของเขาซบอยู่บนหน้าอกฉันอย่างกับว่ามันเป็นหมอน ฉันจำได้ว่าเมื่อคืนเรานั่งกอดกันอยู่ไม่ใช่หรอ?

        ทับมาได้ยังไงวะ ฉันพยายามอย่างมากในการดันหัวเพื่อนสาวตัวโตออกจากหน้าอกเขาซุกลงแบบนี้ทั้งคืนเลยหรือเปล่าทำไมฉันรู้สึกปวดๆ แล้วเสื้อแจ็คเก็ตหายไปไหน ทำไมเหลือแค่เสื้อแขนกุด ฉันกวาดตามองก็เห็นมันกองอยู่บนพื้นขางโซฟาทั้งของฉันและเสื้อฮูดของอีกคน

        “เซฮุนน่า!” ฉันทุบหัวเขาแรงๆแล้วกลั้นขำไว้เมื่อเขาทำหน้าตาหงุดหงิดฉันแค่อยากปลุกเขาเท่านั้นเองไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเพศที่อ่อนไหวและอ่อนแอ

     

        ตุบ ตุบ ตุบ!

     

        ยังนิ่ง...

     

        “เซฮุนตื่นได้แล้วนะฉันหนัก”

     

        ตุบ!

     

        “ตื่นโว๊ยเซฮุนนนนนน!

        “ฉันง่วงอ่า เงียบก่อนได้ไหมเซน่า...” เขาเงยหน้ามาพูดแล้วนอนลงเหมือนเดิม ฉันควรจะทำยังไงกับเขาดีวะ

        พอตื่นมาก็รู้สึกหิวเลยเมื่อวานตั้งแต่บ่ายยังไม่มีอะไรตกถึงท้องพอมาถึงก็มัวแต่คุยกับเซฮุนแล้วก็หลับเป็นตาย ฉะนั้นวันนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะโดดซ้อมเทควันโดแล้วไปหาอาหารอร่อยๆระดับชาววังที่บ้านคุณยายทาน แต่ความคิดฉันต้องหยุดลงเมื่อคนด้านบนครางออกมา

        “หอมจังวะ”

        ฉันก้มลงมองเซฮุนที่ยันตัวลุกขึ้นแล้วจ้องมองหน้าอกฉันนิ่ง 1 2 3 4 ...60 วินาทีและเงยหน้ามามองฉันต่อ ฉันลุกนั่งพร้อมดันร่างเซฮุนให้เลิกคร่อมแล้วเคาะหัวตัวเองเบาๆเรียกสติ

        อย่าหวั่นไหวนะเซน่า...เขาไม่ใช่ผู้ชาย

        “นายมองจนฉันเสียวเลยนะ”

        “เสียวหรอ” เซฮุนมองฉันแล้วยิ้มตาหยี เขามีฟันเขี้ยวด้วย...ใช่หรือเปล่า น่ารักดีแฮะ “ให้ช่วยไหม”

        “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันหมายถึงกลัว... กลัวอ่ะ”

        “กลัวทำไมฉันนอนทับทั้งคืนเธอยังไม่ว่าอะไรเลย”

        “แล้วทำไมฉันต้องว่าด้วยละห๊า!” เขาชะงักไปสักพักแล้วเปลี่ยนมาหัวเราะต่อ อารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็วไปนะบางที “นายก็เหมือนฉัน”

        “จริงด้วย... ขอจับดูได้ไหมละเซน่า...” เซฮุนยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วทำท่าล้อเลียนจนฉันกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ไม่ใช่อารมณ์ดีที่มีคนขอจับนมหรอกนะแต่คนตรงหน้ามันน่ารักไง ถ้าเขาไปแปลงเพศเป็นผู้หญิงเมื่อไหร่หนุ่มๆต้องเพียบแน่เลย...

        “ไม่ได้หรอก ฉันเจ็บอยู่ เพราะนายนั่นแหละนอนทับทั้งคืน”

        “ว้า..! เสียดายจังเลย”

        “อยากมีก็ไปทำนะ หมอสมัยนี้เก่งจะตาย” ฉันเอานิ้วจิ้มแก้มเค้าเล่นสองสามทีแล้วผลักหัวเบาๆ เซฮุนรีบเอามือจัดทรงผมตัวเองแล้วเหวี่ยงตาใส่ฉัน “ทำเป็นงอน เออ! วันนี้วันเสาร์นายไปไหนป่ะ?”

        “ว่าจะไปซ้อ...ม เอ่อ คือไปทำธุระกับพวกพี่ๆหน่อยน่ะ”

        “อืม...กลับห้องได้แล้ว”

        “ไล่ฉันหรอ?”

        “เปล่า! ฉันจะไปอาบน้ำว่าจะไปบ้านยายสักหน่อย”

        “โอเค งั้นกลับก่อนนะ ไว้เจอกัน” ^^

     

     

     

     

     

        ฉันถอยหลังเข้าจอดที่จอดรถหน้าบ้านคุณยายแล้วเงยหน้าส่องกระจกสำรวจตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าว่าดูเรียบร้อยดีหรือเปล่า ถ้าฉันไม่มาบ้านหลังนี้คงไม่มีวันใส่เดรสสีขาวอย่างกับพวกเจ้าหญิงมาแน่ อ้อ...รองเท้าส้นสูงนี่ก็ด้วย

     

        ฉันก้าวเท้าลงแล้วปิดประตูก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านและตรงไปยังห้องอาหารในทันทีทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งคุณตา คุณยายและคุณน้า หันมามองฉันเป็นตาเดียว หน้าตาทุกคนเต็มไปด้วยอาการตกใจ ฮ่าๆ

     

        “สวัสดีค่ะ” ฉันก้มลงคำนับพวกเขาก่อนที่คุณตากับคุณน้าเซฮีจะลุกขึ้นมากอดฉันไว้ท่านหอมแก้มฉันสองสามครั้งแล้วจูงไปนั่งข้างๆเลยถือโอกาสหอมแก้มคุณยายฟอดใหญ่ให้หายคิดถึง ฉันรู้ว่าท่านต้องโกรธอะไรกันแน่ๆ

        “ไปก็ไม่บอก...มาก็ไม่บอกดูหลานคุณสิ”

        “คุณแม่ค่ะเซน่าก็มาแล้วนี่ไง ไหนบ่นว่าคิดถึงนักคิดถึงหนา” คุณยายทำหน้าเชิดใส่ ซึ่งฉันรู้ว่าท่านกำลังกลั้นยิ้มอยู่

        “ปล่อยคุณยายโกรธไปเถอะค่ะคุณน้า แล้วนี่คุณอาหายไปไหนคะ?”

        “ไปต่างประเทศจ๊ะเห็นว่าธุรกิจที่นั่นไปได้ดีเลย” ฉันพยักหน้าไปมาแล้วหันกลับมาหาคุณยายที่กำลังตักข้าวให้

        ตั้งแต่จำความได้เวลาจะทานข้าวไม่มีแม่บ้านคนไหนตักข้าวให้ฉันเลยสัก จะมีก็แต่แม่ไม่ก็คุณยายหรือคุณน้าเซฮี มันเป็นสิ่งเล็กๆที่อยู่ในความทรงจำของฉันมาตลอด...

        “ว่าแต่เซน่าเถอะเรียนเป็นยังไงบ้างอีกปีหนึ่งก็จบแล้ว”

        “สบายค่ะ โอ๊ะ!” ฉันถูกคุณยายตีลงที่แขนจนมันขึ้นรอยแดง ฉันควรทำยังไงดีแม้แต่คำอุทานของตัวเองยังต้องระวังเลย ถ้าเผลอร้องโอ๊ยออกไปคงถูกบ่นหูชา “แขนหนูแดงแล้วนะคุณยายอ่ะ”

        “เซน่า! ทำไมหนูถึงคิดว่าเรื่องเรียนมันสบาย อย่ามาทำเป็นเล่น”

        “ก็เพราะว่าตอนเรียนมอต้นที่ไทยช่วงปิดเทอมคุณแม่ก็ส่งหนูไปเรียนพิเศษมาหมดแล้วนิค่ะดีนะที่หนูไม่สอบเข้ามหาลัยซะเลย”

        “อย่าเก่งแต่ปากละ”

        “แล้วเราอยากเรียนต่ออะไร ครู หมอ พยาบาล กฎหมาย?”

        “แพทย์ค่ะคุณตา หมออะไรหนูไม่รู้จัก^^” อย่าว่าฉันกวนประสาทนะ แต่คุณตากับน้าเซฮีคือบุคคลที่คุยด้วยง่ายที่สุดในบ้าน แม้แต่แม่บ้านยังคุยกับฉันไม่รู้เรื่องเลย

        “แล้วใครจะมาบริหารงานต่อบริษัท”

        “ลูกคุณน้าเซฮีไงค่ะ เซฮุนอ่ะ หนูยกตำแหน่งและทุกๆอย่างให้เขาเลย” ทุกคนเริ่มหน้าซีดกับคำพูดฉัน แม้แต่คุณน้าเซฮียังยิ้มฝืดๆส่งมาให้แล้วตักกับข้าวใส่จานพวกเราทุกคน “ว่าแต่เขาไปอยู่ไหนคะตั้งแต่หนูมาเกาหลีก็ไม่เจอเลย...คุณน้าเซฮีกักเขาไว้ไม่ให้เจอหนูใช่ไหม?

     

        ฉันถามถึงแฟน เอ่อ...หมายถึงเพื่อนเก่าสมัยเด็ก ถ้าเรียกว่าป๊อบปี้เลิฟจะดีกว่า เขาเป็นลูกชายของคุณน้าเซฮีและที่สำคัญเกิดปีเดียวกันกับฉันเราเลยชื่อเหมือนๆกัน

     

        ความจริงแล้วคุณน้าไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณยายแต่เป็นลูกเพื่อนของคุณตาที่คุณยายรับมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมและดูแลดีกว่าลูกแท้ๆ คุณน้าทั้งใจดีและมารยาทงามสมกับที่คุณยายเลี้ยงมา ฉันจะบอกเหตุผลที่คุณยายรับคุณน้าเป็นลูกบุญธรรมให้ฟังเรื่องมันมีอยู่ว่า...

        ลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวของคุณยายหนีไปมีสามีชาวต่างชาติซึ่งคุณยายไม่ปลื้มเอามากๆ ทั้งกีดขวางทุกวิถีทาง แล้วยังร้องไห้แทบจะขาดใจตายเมื่อได้ข่าวว่าลูกสาวตัวเองท้องก่อนแต่ง แต่ทุกวันนี้ผู้ชายคนนั้นก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้ท่านทั้งสองเห็นแล้วว่าสามารถดูแลกันและกันได้ดีแค่ไหน

     

        พ่อกับแม่ฉันเอง ^.^

     

        “น้ากักเขาไว้แน่ๆ”

        “เปล่านะเซน่าน้าไม่ได้กักเขาไว้ เซฮุนไม่ได้กลับบ้านหรอกเขาต้องฝึกซ้อม” คุณน้าส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็วเหมือนทุกครั้งที่ฉันถาม

        “ซ้อมกับใครค่ะ” ซ้อมหนักอะไรขนาดนั้นเขาจะไปออกสงครามหรือไงถึงไม่มีแม้แต่เวลากลับบ้าน

        “นี่! ยัยเซน่า จะให้น้าบอกกี่ครั้งว่าเซฮุนเขาอยากเป็นไอดอล ยายฟังจนท่องได้แล้วนะ” ท่องไปเถอะคะ แล้วถ้าเซฮุนได้เป็นไอดอลเมื่อไหร่ฉันจะลองถามดูว่าคนไหน ถึงแม้ว่าในตอนนี้ตัวฉันเองยังจำหน้าเขาไม่ได้เลยก็ตาม

        “ก็อยากฟังเรื่องเซฮุนนิค่ะ นั่นสามีในอนาคตหนูเลยนะ^O^” เขาเป็นสามีฉันนะตั้งแต่เด็กแล้วด้วยที่สำคัญเขาเคยขอฉันแต่งงาน แต่ฉันปฏิเสธไป...พอดีว่าหยิ่ง

        “เพ้อเจ้อ! เขาไม่ชอบผู้หญิงอย่างหนูหรอกทำใจได้เลย” เอาซ้อมมาแทงฉันเลยเถอะถ้าจะพูดจาโหดร้ายแบบนี้

        “ทำไมหนูต้องฟังคุณยายค่ะ แม่สามีนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน น้าเซฮีจะรับหนูเป็นลูกสะใภ้ใช่ไหมค่ะ?” คุณน้าหัวเราะฉันแล้วยื่นแก้วน้ำให้คุณตาที่กำลังสำลักข้าวแล้วตบหน้าอกของตัวเองไปด้วย

        “ฮ่าๆ จ๊ะๆ คุณแม่อย่าไปว่าเซน่าเลยนะ”

        “ถ้าถึงเวลาแล้วไม่อยากได้เขาเป็นสามีฉันจะจับเข้าหอเลยคอยดู”

        “ดีเลยค่ะคุณยาย เซน่าพร้อมจะเข้าหอกับเซฮุนแล้ว”

        “ยัยเด็กคนนี้!

        กับข้าวก็อร่อย ขนมก็อร่อยแม้แต่น้ำยังอร่อยเลย ฝีเมื่อคุณน้าเซฮีนี่ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ ฉันออกมาเดินเล่นในสวนหน้าบ้าน รู้ไหมว่าแต่ก่อนมันไม่มีดอกไม้เลยดูโล่งๆแต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอลิสอินวันเดอร์แลนด์ ดอกไม้แปลกๆที่ติดป้ายห้ามจับเยอะแยะไปหมด

        ฉันหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดู 20 สายจากครูมินโฮ 3 สายจากชอนจี 30 สายจากจีมิน 41 สายจากฮยอนอา 12 สายจากซูจอง และเบอร์ที่ไม่รู้จัก 6 สาย รวมแล้ว...112 สาย!

     

        พ่อใครตายวะตอบดิ๊!

     

        ไม่น่าละ ตอนฉันขับรถมามันถึงสั่นตลอดเวลาและอีกอย่างคือฉันวางไว้ที่ห้องรับแขกตอนทานข้าวมันคงจะดังอยู่ตลอดแน่เลย ฉันรีบกดโทรกลับหาชอนจีเพราะสายจากคนอื่นไม่น่าโทรกลับเท่าไหร่ โดยเฉพาะคุณครูมินโฮและจีมิน ส่วนซูจองถ้าไม่ถูกจีมินก็คงเป็นฮยอนอาที่บังคับให้เธอโทรมา

        “ว่างมากไงชอนจี”

        [โทรไปไม่รับ แล้วเธออยู่ไหนวะ]

        “บ้านคุณยาย นายมีอะไรถึงโทรมา”

        [มี...เธอลืมหรอ]

        “ลืมอะไร! ฉันไม่ใช่คนขี้ลืม”

        [หรอครับ? เพิ่งรู้นะเนี่ย...วันนี้วันเกิดฉัน จัดที่สนามบาสโรงเรียนเพราะฉะนั้นรีบๆมาซะยัยโอเซน่าคนที่ไม่เคยลืมอะไรเลย!]

     

        ติ๊ด!

     

        “...”  พูดไม่ออกเลยแฮะ

     

        ที่จริงฉันเป็นพวกลืมง่ายกับบางเรื่อง ยกเว้นเรื่องเรียน...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×