ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SEHUN X YOU SO WHAT?

    ลำดับตอนที่ #2 : SO WHAT? CHAPTER 1

    • อัปเดตล่าสุด 12 ธ.ค. 57


     

     

    SO WHAT?

     

     

     

    CHAPTER 1

     

     

        ฉันเดินมาตามทางเข้าของมหาลัยจนถึงตึกคณะ

        อาจจะมีคนตายหรือใครป่วยอยู่ชะนีพวกนี้มองดูอะไรกันมีคนมาแก้ผ้างั้นหรอฉันเดินเข้าไปส่องดูก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งสูบบุหรี่ตรงสวนกลางคณะเขาใส่แว่นเรย์แบรนด์ทรงสวยสีดำนั่งไกวห้างแต่งตัวเหมือนพวกเด็กแว๊นกางเกงขาดๆเสื้อเป็นรูเล็กๆ



    ...แม่คงจะไม่รักน่าสงสาร...

     

     

        มันก็น่าตกใจอยู่ที่ว่าในรั้วมหาลัยเขาห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะมันจะมีที่ของมันและที่น่าตกใจไปกว่านั้นซึ่งทำให้สาวๆคณะนี้กรี๊ดกร๊าดและพากันรุมดูกันใหญ่เพราะตรงที่เขานั่งอยู่นั่นมันมุมอ่านหนังสือของเด็กนิติศาสตร์

     




    ชั่วได้ใจจริงๆ

     

     

     

    “นี่ นาง ไอ้เหี้_ตัวนั้นเรียนคณะไรวะ” เธอดูลังเลเมื่อหันมาหาฉันแล้วยิ้มออกมาอย่างฝืนๆสงสัยคงกลัว แต่ที่สาวๆทั้งหลายไม่รู้คือฉันไม่ระรานใครก่อนยกเว้นกรณีหมั้นไส้เป็นการส่วนตัวอันนั้นก็อนุโลมกันได้

    “นิเทศค่ะเอ่อ นิเทศการแสดงค่ะยู” จะกลัวอะไรนัก

    “หรอ”


        ที่แท้ไอ้หมอนี่ก็เรียนคณะนักแสดงมันคงหลงผิดหรือเปล่าตึกนิเทศอยู่ทางด้านหลังตึกนิติศาสตร์ฉันขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองของคณะนี้เพื่อเดินเชื่อมไปยังอีกตึกฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นของคณะตัวเองสถาปัตยกรรม...

     

     

        แต่ก่อนไปขอทำอะไรสนุกๆก่อนละกัน   

     

     

        ฉันมองพนักงานทำความสะอาดที่ถูกระจกอยู่เธอหันมามองฉันที่เดินเข้าใกล้แล้วยิ้มให้ก่อนจะหันไปเช็ดกระจกต่อฉันหยิบถังน้ำขุ่นๆข้างๆเธอแล้วเดินไปที่ขอบระเบียงหันไปยิ้มให้กล้องวงจรปิดสองสามตัวแล้วเล็งไปที่คนด้านล่างที่โบกมือไปมาให้สาวๆอยู่

     

     

    ฟู่...

     


    เย็นดีไหม?

     

     

        ตรงสวนมันไม่ใช่ที่ต้องห้ามอะไรแต่คนเราก็ควรมีจิตใต้สำนึกรู้สถานที่บ้างตรงไหนควรไม่ควรเพราะมีอนุสาวรีย์ของบิดาแห่งกฎหมายตั้งอยู่คนเขาทำไว้เคารพแต่ไอ้หมอนี่ไปใหญ่มาจากไหนถึงกล้ามาหยามเด็กกฎหมายขนาดนี้ดีนะที่พวกเขามีสมองเลยไม่ยำเอา

     

    “ใครวะ เชี่ย!!!!!” กรี๊ดให้ตายเถอะฉันรออยู่ในกล้องวงจรปิดแล้วไปตามหาเอาฉันเดินเข้าตึกคณะตัวเองขึ้นไปชั้นสี่ในคาบเรียนแรกแต่ไม่เห็นใครสักคน

     

     

    ต้องสายตลอดๆ

     

     

    “ยู มาเร็วจังนะ”

    “อืม...”

     

        หัวหน้าห้องหันมายิ้มให้ฉันก่อนจะวางกระดาษวาดรูปแผ่นใหญ่ปึกหนาไว้ที่โต๊ะอาจารย์แล้วหยิบอะไรสักอย่างในกระเป๋าเดินเอามาให้ฉัน

    “ฉันเก็บได้ คิดว่าน่าจะเป็นของยู” เธอหยิบกล้องดิจิตอลรอคาหลายแสนซึ้งฉันรู้ดีเพราะนี่มันของฉันว่ะตลกโคตรยัยนี่เก็บได้งั้นหรอ

    “ขอบใจ”

     

        ถ้าให้จำได้จริงๆของชิ้นนี้ฉันถูกพวกที่หมั้นไส้ขโมยเอาไปซ่อนไว้ต่างหากน่ารำคาญเรียนไม่เก่งแล้วยังเสือกโง่...

    “เมื่อกี้ยูเยี่ยมไปเลย” เธอลากเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามฉันแล้วเอ่ยเหตุการณ์ที่เหมือนจะถูกใจให้ฟัง “เราเห็นนะ”

    “หรอ เธอคิดว่าคนทำผิดเจ๋งหรอ” ฉันทำผิดแต่เธอกลับบอกว่าเจ๋งงั้นหรอ ใบหน้าน่ารักหดยิ้มลงแล้วมองฉันเศร้าๆ ฉันทำเด็กร้องไห้ป่ะเนี่ย

    “มันก็อยู่ที่ว่าทำใครไม่ใช่หรอ” ก็ใช่ไม่เถียง แต่ฉันไม่ได้ทำเพื่อใครแค่หมั้นไส้ส่วนตัว

    “ก็ใช่ เธอ...ชื่ออะไร” ถึงจะเจอแทบทุกวันตอนมาเรียนก็ไม่ใช่ว่าจะรู้จักกันซะหน่อยฉันไม่อยากเอาคนอื่นมาทำให้รำคาญหัวแค่ตัวเองก็วุ่นวายพอ

    “อิม แจฮยอง”

    “อืม...ไปนั่งที่ไป” ทำไมต้องยิ้มดีใจฉันไม่ได้บอกเลขเธอสักหน่อย

     

     

     

     

     

     

    “ยู ไปทานข้าวด้วยกันไหม”

    “ไม่” 

        เธออาจจะสงสารหรือเป็นมิตรตีสนิทกับฉันอยู่ก็เป็นได้ชวนทุกวันตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสามทั้งๆที่ปฏิเสธไปทุกวันก็ยังชอบที่จะทำไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กบอบบางจนทนคำพูดไร้เยื้อใยของฉันได้ดีขนาดนี้

     

        ฉันชอบอยู่คนเดียวมากกว่า...สบายใจไม่มีอะไรให้เครียดเบื่อที่จะคิดเรื่องคนอื่น

     

    “น้ำเปล่าขวดหนึ่งค่ะ” ฉันหยิบเอาเงินทอนแล้วหยิบขวดน้ำจากที่คนขายยื่นมาให้

    ทำไมโลกมันดูน่าเบื่อนะ

     

    “โอ๊ย!!!ขอโทษครับ”

    “...”ฉันมองไปที่คนตรงหน้าเขาจับไหล่ตัวเองไว้แล้วยิ้มให้ ขอโทษทำไมทั้งที่เขาตั้งใจชนฉันไม่เข้าใจเป็นโรคจิตหรือเรียกร้องความสนใจ?

     

       ฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวว่างที่ไม่มีประชากรนั่งอยู่แล้วกวาดตามองหาของกินที่ไม่ซ้ำซากก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่งถ้าจำไม่ผิดคือคนที่ฉันเทน้ำยาเช็ดกระจกใส่เมื่อเช้าหมอนี่เปลี่ยนชุดแล้วน่าจะแค่เสื้อสีแดงสดแต่กางเกงน่าจะตัวเดิม

     

        ไม่ได้สะดุดเพราะสีเสื้อแต่สะดุดเพราะเขากำลังนั่งจูบจับกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในโรงอาหารเธอทำท่าเขินอายตีมือเขาเหมือนกลัวใครเห็นแต่นางชะนีคนนี้ลืมไปหรือเปล่าว่าที่นี่มันโรงอาหารสวรรค์ของคนหิวโหย

     

        คงไม่ต้องบอกว่าที่ๆของกินเยอะขนาดนี้ประชากรมีมากแค่ไหน

     

    “ห้องน้ำก็มีทำไมไม่ไปจับนมกันวะ”

     

        พอกินข้าวเสร็จก็อยากจะบ้าไม่อร่อยเลยใช้เท้าทำหรอ...อยากกินฝีมือแม่ชะแล้วสิตั้งแต่เดินออกจากบ้านมาก็ไม่มีใครโทรหาสักคน เบื่อๆ

     

     

    “โอ๊ะ โอ๊ย!!ขอโทษค่ะ”

     

        ฉันวางถ้วยลงที่เก็บจานแล้วหันไปมองเจ้าของเสียงที่คุ้นเคยหัวหน้าคณะชั้นแจฮยองนั่นแหละเธอเดินถือแก้วน้ำแล้วมีผู้หญิงเดินตัดหน้าเธอตกใจเลยทำน้ำแตงโมปั่นหกใส่เสื้อตัวเองไม่พอยัยคนนั้นยังกระชากแก้วออกจากมือเธอแล้วสาดใส่จนเต็มเสื้อสีขาวมันเปียกจนเห็นชุดชั้นใน

     

    “รู้ไหมถ้าเปื้อนเสื้อฉันเธอจะโดนอะไร” ฉันยังไม่เห็นว่าเปื้อน? กวนตีน

    “ขอโทษค่ะฉันขอโทษ” แล้วขอโทษ? ทำไมไม่มีใครทำอะไรเลยทุกคนเอาแต่มองแล้วส่ายหน้าไปมาแจฮยองไม่ได้ผิดแล้วทำไมชะนีตัวนั้นยังกล้าเหวี่ยง

    “เซฮุนนายบอกพ่อไล่ยัยนี่ออกซะ” ผู้ชายคนนั้นเดินมาผลักแจฮยองที่ร้องไห้อยู่ล้มไปกับพื้นเขาเดินไปกอดเอวยัยบ้านั้นแล้วหอมแก้มเบาๆน่าเกลียดดี

     

     

    นี่มันเรื่องบ้าอะไร

     

    ทำไมไม่มีใครช่วย

     

     

    “คุณเซฮุนค่ะ อย่าบอกท่านอธิการเลยนะค่ะ ฉันขอร้อง” อธิการ? บดีด้วยป่ะวะสงสัยอำนาจในสังคมมหาลัยจะเยอะมาก...

    “...” มีเพียงแต่ความเงียบตอบการอ้อนวอนของแจฮยอง

     

     

    และยูคนนี้เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว

     

    ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย

     

     

    “ลุก” ฉันเดินเข้าไปหาแจฮยอนแล้วยืนมือไปให้เธอจับมือฉันแล้วดึงอย่างอ่อนแรงฉันเลยช่วยพยุงขึ้นสองคนผัวเมียทำหน้าไม่พอใจ...

    “ขอบคุณจ๊ะ”

     

    และฉันคิดว่าผีเน่ากับโลงผุคู่นี้รู้จักฉันน้อยไปนะ

     

     

        ฉันถอดเสื้อแจ็คเก็ตสีดำแล้วคลุมไว้บนไหล่แจฮยองเธอยิ้มแล้วขอบคุณก่อนฉันจะพาตัวเองมายืนด้านหน้ากวาดตามองยัยที่สาดน้ำใส่เธอตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะผลักไหล่เหมือนที่แฟนเธอทำกับแจฮยองจนยัยนี่หล่นลงพื้น

    “โอ๊ย!! นี่เธอเป็นใคร” เป็นใครไม่รู้...

     

        ฉันผลักแฟนหนุ่มเธอออกเมื่อหมอนี่มาจับแขนฉันจนเขาล้มลงที่พื้นด้วยอีกคนสงสัยเมื่อตอนเช้ายังสะใจไม่พอสินะฉันแรงเยอะจะตายยังกล้า?

    “โอ๊ย เธอ คุ้นๆนะ”

     

     

       ไม่มีคุ้นอะไรหรอก...ฉันไม่รู้จักนายฉันผลักยัยคนนี้ลงอีกทีเมื่อเธอพยายามจะลุกขึ้นไปหาแฟนหนุ่มก่อนจะตบเข้าที่หน้าแรงๆสักทีด้วยความหมั่นไส้

    “เซฮุนยัยนี่ตบฉัน” เลือดกบปากเลยแฮะสงสัยจะแรงไปหน่อย

     

     

        พอฉันทำบ้างก็ไม่มีคนห้ามอย่างนี้ก็สนุกสิ!

     

     

    “หึๆ” ฉันเค้นยิ้มอย่างสะใจแล้วเดินไปหาแจฮยองเหมือนเดิมกระซับเสื้อเธอให้แน่นขึ้นก่อนจะพาเดินออกมาแต่ต้องถูกหยุดเมื่อแรงกระซากที่แขน

        ไอ้น่าจะชื่อเซฮุนกระซากมือฉันออกจากบ่าอีกคนอย่างแรงจนฉันต้องหันกลับไปมืออีกข้างของเขาจับเข้าที่แก้มฉันแล้วออกแรงบีบ

    “กล้าดียังไงมาทำแฟนฉันแบบนี้”

    “กล้าดียังไงมาทำเพื่อนฉันแบบนี้” ฉันย้อนเข้าแล้วบีบมือที่กุมหน้าฉันอยู่ออกเพราะมันน่าขยะแขยงเกินไป

    “เก่งนักหรอฮะ วอนแล้วที่มาทำแฟนฉัน” สายตาอันดุร้ายมองมาทางฉันอย่างไม่ลดละแล้วกวาดตามองใบหน้าฉันไม่หยุด

    “อย่าว่าแต่แฟนนายเลย”

     

     

        ฉันถอยเท้าขวากลับไปข้างหนึ่งแล้วเว้นระยะห่างไว้ก่อนจะซกเข้าที่ใบหน้าไอ้ผู้ชายสุดกร่าง

    พลั๊ว!!!!

    “โอ๊ย!!” ร่างเขาลงไปนั่งกับพื้นทันทีแล้วกุมหน้าด้วยความเจ็บปวด

    “แม้แต่นายฉันก็กล้าทำ”

    “ฉันจะบอกพ่อให้ไล่เธอออก”

    “เชิญ!!” สงสัยจะเป็นลูกอธิการจริงๆเพราะเขาเรียกว่าพ่อ คิดว่าฉันกลัวหรือไงวะ “อย่าคิดว่าใหญ่แล้วจะเหยียบหัวคนอื่นได้”

    “ทำไมจะไม่ได้วะ” ยังจะเถียง

    “เพราะถ้านายเหยียบคนอื่นได้ ฉันก็เหยียบหัวนายได้เหมือนกัน!!!!

     

     

        ฉันถีบเข้าไปที่ท้องเขาอีกครั้งแล้วเดินกลับไปหาแจฮยองคนในโรงอาหารเงียบลงอย่างกับป่าช้าก่อนจะเสียงดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเราสองคนเดินออกมาแล้ว

        ฉันลากเธอมาที่ลานจอดรถแล้วยัดตัวยัยนี่เข้าไปด้านในก่อนจะนำตัวเองเข้าไปด้วย

     

     

    “บ้านอยู่ไหน”

    “ยูจะไปส่งหรอ” ไม่ดูสภาพตัวเองก่อนจะถามฉันเลยมันดูเหมือนพวกบ้าคลั่งจนสติแตกละ ทำไมไม่สู้วะอ่อนแอ!!!

    “อืม” ฉันขับรถออกมาตามคำสั่งเธอ

     

        เกลียดพวกเอารัดเอาเปรียบและชอบข่มขู่คนอื่นอย่างนี้ที่สุดเลยน่ารำคาญฉันอยากจะต่อให้ละเอียดคามือเมื่อเช้าแค่สูบบุหรี่หน้าอนุสาวรีย์ที่เขาเคารพกันยังไม่พอต้องมาลวนลามกันกลางโรงอาหารต่อ

     

        สงสัยถือคติพ่อกูใหญ่ใครจะทำไม!

     

    “ที่ยูต่อย ลูกอธิการเลยนะ”

    “แล้วยังไง”

    “ไม่กลัวถูกไล่ออกหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นพ่อแม่ฉันต้องด่าแน่เลย” ฉันอันดับหนึ่งนะจะกล้าไล่หรอไม่กลัวคะแนนมหาลัยตกหรือไง หึๆ พ่อเขาเป็นอธิการย่อมอยู่ใต้นักศึกษาเพราะฉันจะทำตามแค่กฎของมหาลัยที่ระบุขึ้นเท่านั่นไม่ได้มาทำตามอธิการที่มาทำหน้าที่บริหาร

    “มหาลัยไม่ได้มีแค่ที่นี่สักหน่อย”

    “แต่พ่อเขามีเส้นสายเยอะแยะอาจจะโกรธเราจนทำให้เข้าเรียนที่ไหนไม่ได้เลยก็ได้ฉันกังวลอ่ะยูทำยังไงดี” เพราะอย่างนี้นี่เองลูกถึงดูอวดดีนัก

    “ถ้ามีเส้นทั่วโลกค่อยมาขู่ฉัน...เธอไม่ต้องห่วงเรื่องนี้มันไม่มีคำว่าเราฉันคนเดียวจำไว้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เข้าใจไหม” ฉันเตือนเพราะยัยคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรเลยเธอแค่ถูกรังแกและฉันก็แค่หมั้นไส้เท่านั้นเอง

    “แต่...”

    “พ่อฉันใหญ่กว่าพ่อหมอนั้นอีก ถึงแล้วลงซะ” มันหมดทางเลือกจนฉันต้องพูดออกมาเพื่อไม่ให้อีกคนกังวลมากเกินไปพ่อฉันใหญ่จนไล่อธิการออกได้เลยรู้ไหม...เฮอะขยะแขยง!!

    “อืม...ขอบคุณนะแล้วแจ็กเก็ต...”

    “ซักแล้วเอามาคืน”

    “บายๆ”

    “อืม”

        พ่อฉันน่ะใหญ่กว่าคำว่าอธิการอีกใหญ่จนน่าเข้าข่ายคำว่าขยะแขยงถ้าจะไล่ออกต้องเป็นฉันคนเดียวอีกคนไม่เกี่ยวไม่ได้ปกป้องแค่สิ่งที่ฉันทำนั้นมันเป็นเรื่องของฉัน...คนเดียว

     

     

     

















     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×