คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : SO WHAT? CHAPTER 1
SO WHAT?
CHAPTER 1
ฉันเดินมาตามทางเข้าของมหาลัยจนถึงตึกคณะ
อาจจะมีคนตายหรือใครป่วยอยู่ชะนีพวกนี้มองดูอะไรกันมีคนมาแก้ผ้างั้นหรอฉันเดินเข้าไปส่องดูก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งสูบบุหรี่ตรงสวนกลางคณะเขาใส่แว่นเรย์แบรนด์ทรงสวยสีดำนั่งไกวห้างแต่งตัวเหมือนพวกเด็กแว๊นกางเกงขาดๆเสื้อเป็นรูเล็กๆ
...แม่คงจะไม่รักน่าสงสาร...
มันก็น่าตกใจอยู่ที่ว่าในรั้วมหาลัยเขาห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะมันจะมีที่ของมันและที่น่าตกใจไปกว่านั้นซึ่งทำให้สาวๆคณะนี้กรี๊ดกร๊าดและพากันรุมดูกันใหญ่เพราะตรงที่เขานั่งอยู่นั่นมันมุมอ่านหนังสือของเด็กนิติศาสตร์
ชั่วได้ใจจริงๆ
“นี่ นาง ไอ้เหี้_ตัวนั้นเรียนคณะไรวะ” เธอดูลังเลเมื่อหันมาหาฉันแล้วยิ้มออกมาอย่างฝืนๆสงสัยคงกลัว แต่ที่สาวๆทั้งหลายไม่รู้คือฉันไม่ระรานใครก่อนยกเว้นกรณีหมั้นไส้เป็นการส่วนตัวอันนั้นก็อนุโลมกันได้
“นิเทศค่ะเอ่อ นิเทศการแสดงค่ะยู” จะกลัวอะไรนัก
“หรอ”
ที่แท้ไอ้หมอนี่ก็เรียนคณะนักแสดงมันคงหลงผิดหรือเปล่าตึกนิเทศอยู่ทางด้านหลังตึกนิติศาสตร์ฉันขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองของคณะนี้เพื่อเดินเชื่อมไปยังอีกตึกฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นของคณะตัวเองสถาปัตยกรรม...
แต่ก่อนไปขอทำอะไรสนุกๆก่อนละกัน
ฉันมองพนักงานทำความสะอาดที่ถูกระจกอยู่เธอหันมามองฉันที่เดินเข้าใกล้แล้วยิ้มให้ก่อนจะหันไปเช็ดกระจกต่อฉันหยิบถังน้ำขุ่นๆข้างๆเธอแล้วเดินไปที่ขอบระเบียงหันไปยิ้มให้กล้องวงจรปิดสองสามตัวแล้วเล็งไปที่คนด้านล่างที่โบกมือไปมาให้สาวๆอยู่
ฟู่...
เย็นดีไหม?
ตรงสวนมันไม่ใช่ที่ต้องห้ามอะไรแต่คนเราก็ควรมีจิตใต้สำนึกรู้สถานที่บ้างตรงไหนควรไม่ควรเพราะมีอนุสาวรีย์ของบิดาแห่งกฎหมายตั้งอยู่คนเขาทำไว้เคารพแต่ไอ้หมอนี่ไปใหญ่มาจากไหนถึงกล้ามาหยามเด็กกฎหมายขนาดนี้ดีนะที่พวกเขามีสมองเลยไม่ยำเอา
“ใครวะ เชี่ย!!!!!” กรี๊ดให้ตายเถอะฉันรออยู่ในกล้องวงจรปิดแล้วไปตามหาเอาฉันเดินเข้าตึกคณะตัวเองขึ้นไปชั้นสี่ในคาบเรียนแรกแต่ไม่เห็นใครสักคน
ต้องสายตลอดๆ
“ยู มาเร็วจังนะ”
“อืม...”
หัวหน้าห้องหันมายิ้มให้ฉันก่อนจะวางกระดาษวาดรูปแผ่นใหญ่ปึกหนาไว้ที่โต๊ะอาจารย์แล้วหยิบอะไรสักอย่างในกระเป๋าเดินเอามาให้ฉัน
“ฉันเก็บได้ คิดว่าน่าจะเป็นของยู” เธอหยิบกล้องดิจิตอลรอคาหลายแสนซึ้งฉันรู้ดีเพราะนี่มันของฉันว่ะตลกโคตรยัยนี่เก็บได้งั้นหรอ
“ขอบใจ”
ถ้าให้จำได้จริงๆของชิ้นนี้ฉันถูกพวกที่หมั้นไส้ขโมยเอาไปซ่อนไว้ต่างหากน่ารำคาญเรียนไม่เก่งแล้วยังเสือกโง่...
“เมื่อกี้ยูเยี่ยมไปเลย” เธอลากเก้าอี้มานั่งลงตรงข้ามฉันแล้วเอ่ยเหตุการณ์ที่เหมือนจะถูกใจให้ฟัง “เราเห็นนะ”
“หรอ เธอคิดว่าคนทำผิดเจ๋งหรอ” ฉันทำผิดแต่เธอกลับบอกว่าเจ๋งงั้นหรอ ใบหน้าน่ารักหดยิ้มลงแล้วมองฉันเศร้าๆ ฉันทำเด็กร้องไห้ป่ะเนี่ย
“มันก็อยู่ที่ว่าทำใครไม่ใช่หรอ” ก็ใช่ไม่เถียง แต่ฉันไม่ได้ทำเพื่อใครแค่หมั้นไส้ส่วนตัว
“ก็ใช่ เธอ...ชื่ออะไร” ถึงจะเจอแทบทุกวันตอนมาเรียนก็ไม่ใช่ว่าจะรู้จักกันซะหน่อยฉันไม่อยากเอาคนอื่นมาทำให้รำคาญหัวแค่ตัวเองก็วุ่นวายพอ
“อิม แจฮยอง”
“อืม...ไปนั่งที่ไป” ทำไมต้องยิ้มดีใจฉันไม่ได้บอกเลขเธอสักหน่อย
“ยู ไปทานข้าวด้วยกันไหม”
“ไม่”
เธออาจจะสงสารหรือเป็นมิตรตีสนิทกับฉันอยู่ก็เป็นได้ชวนทุกวันตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสามทั้งๆที่ปฏิเสธไปทุกวันก็ยังชอบที่จะทำไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กบอบบางจนทนคำพูดไร้เยื้อใยของฉันได้ดีขนาดนี้
ฉันชอบอยู่คนเดียวมากกว่า...สบายใจไม่มีอะไรให้เครียดเบื่อที่จะคิดเรื่องคนอื่น
“น้ำเปล่าขวดหนึ่งค่ะ” ฉันหยิบเอาเงินทอนแล้วหยิบขวดน้ำจากที่คนขายยื่นมาให้
ทำไมโลกมันดูน่าเบื่อนะ
“โอ๊ย!!!ขอโทษครับ”
“...”ฉันมองไปที่คนตรงหน้าเขาจับไหล่ตัวเองไว้แล้วยิ้มให้ ขอโทษทำไมทั้งที่เขาตั้งใจชนฉันไม่เข้าใจเป็นโรคจิตหรือเรียกร้องความสนใจ?
ฉันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวว่างที่ไม่มีประชากรนั่งอยู่แล้วกวาดตามองหาของกินที่ไม่ซ้ำซากก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่งถ้าจำไม่ผิดคือคนที่ฉันเทน้ำยาเช็ดกระจกใส่เมื่อเช้าหมอนี่เปลี่ยนชุดแล้วน่าจะแค่เสื้อสีแดงสดแต่กางเกงน่าจะตัวเดิม
ไม่ได้สะดุดเพราะสีเสื้อแต่สะดุดเพราะเขากำลังนั่งจูบจับกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในโรงอาหารเธอทำท่าเขินอายตีมือเขาเหมือนกลัวใครเห็นแต่นางชะนีคนนี้ลืมไปหรือเปล่าว่าที่นี่มันโรงอาหารสวรรค์ของคนหิวโหย
คงไม่ต้องบอกว่าที่ๆของกินเยอะขนาดนี้ประชากรมีมากแค่ไหน
“ห้องน้ำก็มีทำไมไม่ไปจับนมกันวะ”
พอกินข้าวเสร็จก็อยากจะบ้าไม่อร่อยเลยใช้เท้าทำหรอ...อยากกินฝีมือแม่ชะแล้วสิตั้งแต่เดินออกจากบ้านมาก็ไม่มีใครโทรหาสักคน เบื่อๆ
“โอ๊ะ โอ๊ย!!ขอโทษค่ะ”
ฉันวางถ้วยลงที่เก็บจานแล้วหันไปมองเจ้าของเสียงที่คุ้นเคยหัวหน้าคณะชั้นแจฮยองนั่นแหละเธอเดินถือแก้วน้ำแล้วมีผู้หญิงเดินตัดหน้าเธอตกใจเลยทำน้ำแตงโมปั่นหกใส่เสื้อตัวเองไม่พอยัยคนนั้นยังกระชากแก้วออกจากมือเธอแล้วสาดใส่จนเต็มเสื้อสีขาวมันเปียกจนเห็นชุดชั้นใน
“รู้ไหมถ้าเปื้อนเสื้อฉันเธอจะโดนอะไร” ฉันยังไม่เห็นว่าเปื้อน? กวนตีน
“ขอโทษค่ะฉันขอโทษ” แล้วขอโทษ? ทำไมไม่มีใครทำอะไรเลยทุกคนเอาแต่มองแล้วส่ายหน้าไปมาแจฮยองไม่ได้ผิดแล้วทำไมชะนีตัวนั้นยังกล้าเหวี่ยง
“เซฮุนนายบอกพ่อไล่ยัยนี่ออกซะ” ผู้ชายคนนั้นเดินมาผลักแจฮยองที่ร้องไห้อยู่ล้มไปกับพื้นเขาเดินไปกอดเอวยัยบ้านั้นแล้วหอมแก้มเบาๆน่าเกลียดดี
นี่มันเรื่องบ้าอะไร
ทำไมไม่มีใครช่วย
“คุณเซฮุนค่ะ อย่าบอกท่านอธิการเลยนะค่ะ ฉันขอร้อง” อธิการ? บดีด้วยป่ะวะสงสัยอำนาจในสังคมมหาลัยจะเยอะมาก...
“...” มีเพียงแต่ความเงียบตอบการอ้อนวอนของแจฮยอง
และยูคนนี้เริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว
ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
“ลุก” ฉันเดินเข้าไปหาแจฮยอนแล้วยืนมือไปให้เธอจับมือฉันแล้วดึงอย่างอ่อนแรงฉันเลยช่วยพยุงขึ้นสองคนผัวเมียทำหน้าไม่พอใจ...
“ขอบคุณจ๊ะ”
และฉันคิดว่าผีเน่ากับโลงผุคู่นี้รู้จักฉันน้อยไปนะ
ฉันถอดเสื้อแจ็คเก็ตสีดำแล้วคลุมไว้บนไหล่แจฮยองเธอยิ้มแล้วขอบคุณก่อนฉันจะพาตัวเองมายืนด้านหน้ากวาดตามองยัยที่สาดน้ำใส่เธอตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะผลักไหล่เหมือนที่แฟนเธอทำกับแจฮยองจนยัยนี่หล่นลงพื้น
“โอ๊ย!! นี่เธอเป็นใคร” เป็นใครไม่รู้...
ฉันผลักแฟนหนุ่มเธอออกเมื่อหมอนี่มาจับแขนฉันจนเขาล้มลงที่พื้นด้วยอีกคนสงสัยเมื่อตอนเช้ายังสะใจไม่พอสินะฉันแรงเยอะจะตายยังกล้า?
“โอ๊ย เธอ คุ้นๆนะ”
ไม่มีคุ้นอะไรหรอก...ฉันไม่รู้จักนายฉันผลักยัยคนนี้ลงอีกทีเมื่อเธอพยายามจะลุกขึ้นไปหาแฟนหนุ่มก่อนจะตบเข้าที่หน้าแรงๆสักทีด้วยความหมั่นไส้
“เซฮุนยัยนี่ตบฉัน” เลือดกบปากเลยแฮะสงสัยจะแรงไปหน่อย
พอฉันทำบ้างก็ไม่มีคนห้ามอย่างนี้ก็สนุกสิ!
“หึๆ” ฉันเค้นยิ้มอย่างสะใจแล้วเดินไปหาแจฮยองเหมือนเดิมกระซับเสื้อเธอให้แน่นขึ้นก่อนจะพาเดินออกมาแต่ต้องถูกหยุดเมื่อแรงกระซากที่แขน
ไอ้น่าจะชื่อเซฮุนกระซากมือฉันออกจากบ่าอีกคนอย่างแรงจนฉันต้องหันกลับไปมืออีกข้างของเขาจับเข้าที่แก้มฉันแล้วออกแรงบีบ
“กล้าดียังไงมาทำแฟนฉันแบบนี้”
“กล้าดียังไงมาทำเพื่อนฉันแบบนี้” ฉันย้อนเข้าแล้วบีบมือที่กุมหน้าฉันอยู่ออกเพราะมันน่าขยะแขยงเกินไป
“เก่งนักหรอฮะ วอนแล้วที่มาทำแฟนฉัน” สายตาอันดุร้ายมองมาทางฉันอย่างไม่ลดละแล้วกวาดตามองใบหน้าฉันไม่หยุด
“อย่าว่าแต่แฟนนายเลย”
ฉันถอยเท้าขวากลับไปข้างหนึ่งแล้วเว้นระยะห่างไว้ก่อนจะซกเข้าที่ใบหน้าไอ้ผู้ชายสุดกร่าง
พลั๊ว!!!!
“โอ๊ย!!” ร่างเขาลงไปนั่งกับพื้นทันทีแล้วกุมหน้าด้วยความเจ็บปวด
“แม้แต่นายฉันก็กล้าทำ”
“ฉันจะบอกพ่อให้ไล่เธอออก”
“เชิญ!!” สงสัยจะเป็นลูกอธิการจริงๆเพราะเขาเรียกว่าพ่อ คิดว่าฉันกลัวหรือไงวะ “อย่าคิดว่าใหญ่แล้วจะเหยียบหัวคนอื่นได้”
“ทำไมจะไม่ได้วะ” ยังจะเถียง
“เพราะถ้านายเหยียบคนอื่นได้ ฉันก็เหยียบหัวนายได้เหมือนกัน!!!!”
ฉันถีบเข้าไปที่ท้องเขาอีกครั้งแล้วเดินกลับไปหาแจฮยองคนในโรงอาหารเงียบลงอย่างกับป่าช้าก่อนจะเสียงดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเราสองคนเดินออกมาแล้ว
ฉันลากเธอมาที่ลานจอดรถแล้วยัดตัวยัยนี่เข้าไปด้านในก่อนจะนำตัวเองเข้าไปด้วย
“บ้านอยู่ไหน”
“ยูจะไปส่งหรอ” ไม่ดูสภาพตัวเองก่อนจะถามฉันเลยมันดูเหมือนพวกบ้าคลั่งจนสติแตกละ ทำไมไม่สู้วะอ่อนแอ!!!
“อืม” ฉันขับรถออกมาตามคำสั่งเธอ
เกลียดพวกเอารัดเอาเปรียบและชอบข่มขู่คนอื่นอย่างนี้ที่สุดเลยน่ารำคาญฉันอยากจะต่อให้ละเอียดคามือเมื่อเช้าแค่สูบบุหรี่หน้าอนุสาวรีย์ที่เขาเคารพกันยังไม่พอต้องมาลวนลามกันกลางโรงอาหารต่อ
สงสัยถือคติพ่อกูใหญ่ใครจะทำไม!
“ที่ยูต่อย ลูกอธิการเลยนะ”
“แล้วยังไง”
“ไม่กลัวถูกไล่ออกหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นพ่อแม่ฉันต้องด่าแน่เลย” ฉันอันดับหนึ่งนะจะกล้าไล่หรอไม่กลัวคะแนนมหาลัยตกหรือไง หึๆ พ่อเขาเป็นอธิการย่อมอยู่ใต้นักศึกษาเพราะฉันจะทำตามแค่กฎของมหาลัยที่ระบุขึ้นเท่านั่นไม่ได้มาทำตามอธิการที่มาทำหน้าที่บริหาร
“มหาลัยไม่ได้มีแค่ที่นี่สักหน่อย”
“แต่พ่อเขามีเส้นสายเยอะแยะอาจจะโกรธเราจนทำให้เข้าเรียนที่ไหนไม่ได้เลยก็ได้ฉันกังวลอ่ะยูทำยังไงดี” เพราะอย่างนี้นี่เองลูกถึงดูอวดดีนัก
“ถ้ามีเส้นทั่วโลกค่อยมาขู่ฉัน...เธอไม่ต้องห่วงเรื่องนี้มันไม่มีคำว่าเราฉันคนเดียวจำไว้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เข้าใจไหม” ฉันเตือนเพราะยัยคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรเลยเธอแค่ถูกรังแกและฉันก็แค่หมั้นไส้เท่านั้นเอง
“แต่...”
“พ่อฉันใหญ่กว่าพ่อหมอนั้นอีก ถึงแล้วลงซะ” มันหมดทางเลือกจนฉันต้องพูดออกมาเพื่อไม่ให้อีกคนกังวลมากเกินไปพ่อฉันใหญ่จนไล่อธิการออกได้เลยรู้ไหม...เฮอะขยะแขยง!!
“อืม...ขอบคุณนะแล้วแจ็กเก็ต...”
“ซักแล้วเอามาคืน”
“บายๆ”
“อืม”
พ่อฉันน่ะใหญ่กว่าคำว่าอธิการอีกใหญ่จนน่าเข้าข่ายคำว่าขยะแขยงถ้าจะไล่ออกต้องเป็นฉันคนเดียวอีกคนไม่เกี่ยวไม่ได้ปกป้องแค่สิ่งที่ฉันทำนั้นมันเป็นเรื่องของฉัน...คนเดียว
ความคิดเห็น