กรรมไล่ล่า ตอน นรกส่งมาเกิด
จากเรื่องจริงของศรีลูกผู้อกตัญญู คนเป็นลูกจะทำร้ายบุพการีได้มากขนาดไหน แล้วผลกรรมจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน นรกส่งมาเกิด
ผู้เข้าชมรวม
34
ผู้เข้าชมเดือนนี้
34
ผู้เข้าชมรวม
วรรณกรรม เรื่องสั้น ชีวิต เรื่องเล่า เรื่องราว ครอบครัว การใช้ชีวิต สะท้อนสังคม ดราม่า ดำเนินชีวิต สะท้อนข้อคิดได้ สังคม ความสัมพันธ์ ทบทวนชีวิต
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กรรมไล่ล่า
ตอน นรกส่งมาเกิด
ตอนที่ 1 ครอบครัว
ศรีเป็นลูกสาวคนที่สอง เกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลางอาศัยอยู่ต่างจังหวัด พ่อแม่มีอาชีพค้าขาย และด้วยความที่ที่บ้านมีอาชีพค้าขายที่เป็นร้านขายส่ง และมีการส่งของให้ลูกค้าตามร้านต่างๆด้วย นี่จึงทำให้ที่บ้านนั้นงานยุ่งตั้งแต่เช้าตรู่จนมืด เวลาส่วนใหญ่ของทุกคนจึงหมดไปกับการค้าขาย รวมไปถึงผู้เป็นแม่ ที่ไม่มีเวลาดูแลลูกๆเลย โดยศรีเมื่อตอนเด็กๆ นั้นจัดได้ว่าเป็นเด็กดีคนหนึ่งเลยทีเดียว คอยช่วยเหลือพ่อแม่ทำงานไม่ขาด
ครั้นเมื่อเริ่มโตขึ้น พ่อแม่ก็ได้ส่งศรีกับน้องคนเล็กไปเรียนที่โรงเรียนประจำเพราะไม่มีเวลาดูแลลูกๆ โดยเฉพาะลูกคนเล็กที่มีนิสัยเอาแต่ใจและขี้งอนเป็นอย่างมาก พอขัดใจนิดหน่อยก็เป็นต้องอดข้าวประท้วงอยู่ร่ำไป ในส่วนของลูกคนโตก็จำเป็นต้องส่งให้ไปอยู่กับลุงที่กรุงเทพ เพราะตอนนั้นครอบครัวของลุงยังไม่มีหลาน ยายเลยอยากช่วยเลี้ยงหลานคนโตให้ เลยมารับเอาไปอยู่ด้วย โดยยายนั้นอาศัยอยู่กับลุง และแน่นอนครอบครัวก็จะเหลือไว้ก็แต่ลูกสาวคนที่ 3 นั่นก็คือ พร ที่เป็นเด็กเงียบๆ ไม่ดื้อ ไม่ซน ขยันและคอยดูแลแม่อยู่ตลอดเวลา
โดยเวลาที่พ่อแม่ไม่อยู่ร้าน ต้องออกไปส่งของให้กับลูกค้า พรก็จะทำหน้าที่ช่วยเหลืองานในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น การทำกับข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า อ่านหนังสือและรอพ่อแม่กลับมา ทำแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนจบมัธยมปลายก็ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพเพื่อเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย
พ่อกับแม่ของศรีนั้นเป็นลูกหลานชาวจีน ที่ถูกคลุมถุงชน ไม่ได้พบรักกันเอง โดยแม่ของศรีนั้นก่อนแต่งงาน ก็มีคนที่รักใคร่ชอบพอกันอยู่ก่อนแล้ว แม่ของศรีเคยพาคนรักมาพบปะกับอาม่าของศรี แต่ก็ไม่ได้สมหวังลงเอยกัน เพราะแฟนของแม่ศรีไม่ได้มีฐานะสักเท่าไหร่ พออาม่ารู้ว่าแม่ของศรีแอบชอบพอกับหนุ่มที่ไม่มีฐานะ ก็คอยกีดกันไม่ให้พบเจอกัน แม่ของศรีก็ร้องห่มร้องไห้ยกใหญ่ เสียใจที่แม่ของตนไม่อยากให้คบกับคนที่ตัวเองรัก อาม่าพอเห็นลูกสาวตัวเองเป็นแบบนี้ เลยรีบจัดแจงหาหนุ่มฐานะดีให้กับแม่ของศรี มาได้พ่อของศรีที่อยู่ต่างจังหวัด
“รื้อต้องแต่งงานกับอาสี่ ลูกอาเตี้ย อั๊วจัดการไว้ให้แล้ว”
อาม่าบอกกับแม่ของศรีในตอนเช้าวันหนึ่งก่อนศรีจะออกไปทำงานที่โรงทอผ้า
“อั๊วไม่แต่ง”
“รื้อจะมาขัดใจอั๊วไม่ได้ อาลี่ รื้อเป็นลูกอั๊ว ต้องทำตามที่อั๊วสั่ง”
“อั๊วไม่แต่ง”
“ไม่ได้” สิ้นเสียงอาม่า ฝ่ามือก็ปะทะกับหน้าของอาลี่
“อย่ามาดื้อกับอั๊ว แต่งก็คือแต่ง”
อาลี่ได้แต่ร้องห่มร้องไห้ เดินออกจากบ้านไป แล้วทำการแจ้งข่าวให้กับหนุ่มคนรักรู้
“อาลี่ เราหนีไปด้วยกันเถอะ ไปช่วยกันทำมาหากิน” หนุ่มคนรักบอกกับอาลี่
“อาซ้ง อั๊วจะเป็นลูกอกตัญญูได้ยังไง ชีวิตจะไม่เจริญเอานะ” อาลี่พูดไปก็ร้องไห้ไป
“แล้วรื้อจะยอมให้แม่รื้อคลุมถุงชนเหรอ”
“แล้วรื้อจะให้อั๊วทำยังไง”
อาลี่ใจก็อยากหนีตามชายคนรักไป แต่อีกใจก็นึกถึงคำว่ากตัญญู หากอกตัญญู ชีวิตจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ได้ คิดได้แบบนี้ ก็ตัดสินใจเลือกที่จะกตัญญูต่อผู้เป็นแม่ ยอมเลิกกับคนรัก แล้วแต่งงานตามที่ผู้เป็นแม่จัดแจง การแต่งงานครั้งนี้ก็คือการคลุมถุงชนนั่นเอง โดยอาลี่นั้นไม่เคยได้พบปะ ค่าหน้าค่าตาผู้ที่จะมาเป็นสามีมาก่อนเลย
โดยก่อนการแต่งงาน อาม่าผู้เป็นแม่ของอาลี่ก็ได้รับรุ้มาว่าชายที่จะมาแต่งงานกับลูกสาวของตนนั้น ครอบครัวมีอาชีพค้าขาย มีกิจการค่อนข้างใหญ่โตในจังหวัดเลยทีเดียว พอเล็งเห็นแล้วว่าลูกสาวแต่งงานไป คงจะไม่ลำบากสักเท่าไหร่ ซึ่งในงานแต่งงานนั้น ทั้งสองฝ่ายก็ได้จัดงานใหญ่โต เชิญแขกเกร่อมามากมาย มีเลี้ยงโต๊ะจีนเป็นร้อยโต๊ะ จัดให้ดูสมฐานะกันเลยทีเดียว
ครั้งพอแต่งงานไป อาลี่ก็คิดว่าจะได้เป็นสะใภ้ที่ไม่ลำบาก เพราะครอบครัวนี้มีกิจการใหญ่โต สามีก็คงไม่ให้ทำงานหนัก แต่ที่ไหนได้ เรื่องราวกลับไม่เป็นไปตามที่คิด หลังจากงานแต่งงาน อาลี่ก็โดนบังคับให้ต้องทำงานหนักสารพัด ไม่ว่าจะเป็นการให้ช่วยขายของในร้านเวลากลางวัน แล้วยังต้องทำงานบ้านทั้งหมดคนเดียวอีก
อาลี่ต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 มาหุงหากับข้าวให้กับคนงานและคนในครอบครัว เสร็จจากหากับข้าว กับปลาแล้ว ก็ต้องมาทำงานที่ร้านตั้งแต่ร้านเปิดยันร้านปิด ซึ่งกิจการที่ร้านนั้นก็เป็นร้านขายของลักษณะของพ่อค้าคนกลาง ขายของกินของใช้ทั่วไป มีร้านใหญ่โตแล้วก็มีบริการส่งของถึงร้านของลูกค้าในจังหวัดอีกด้วย ซึ่งอาลี่ก็ต้องหัดขับรถเพื่อนำช่วยนำของไปส่งอีกทางหนึ่ง
ในส่วนของสามีของอาลี่นั้น มีชื่อว่าสี่ หรือที่คนแถวนั้นเรียกว่าอาสี่ อาสี่มีพี่น้องอีกสองคน ทั้งหมดช่วยกันทำงานที่ร้าน พื้นเพเดิมของอาสี่นั้นเป็นคนเจ้าชู้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร พอแต่งงานกับแม่ของศรีได้ไม่เท่าไหร่ ก็เริ่มติดพันผู้หญิงอื่น โดยหลังจากที่คลอดลูกคนแรกพ่อของศรีก็มีเล็กมีน้อยเรื่อยมา แล้วก็ไม่ได้ดูแลแม่ของศรีและลูกๆเลย ปล่อยให้แม่ของศรีต้องทำงานทั้งงานที่ร้านและงานในบ้าน รวมไปถึงการเลี้ยงดูลูกๆ นี่ยังไม่นับถึงตอนที่ตั้งท้องลูกทั้งสี่คน แม่ของศรีก็ต้องไปคลอดลูกเอง บางทีปวดท้องคลอดมาก ขับรถไม่ไหว แม่ของศรีก็ต้องไหว้วานให้คนข้างบ้านพาไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อคลอดลูก น่าเวทนายิ่งนัก
พอคลอดเสร็จก็ต้องเหมารถกลับมาเอง โดยที่พ่อของศรีนั้นไม่เคยไปเยี่ยมหรือไปรับส่งแม่ของศรีเลย พอกลับมาถึงบ้าน พ่อก็ไม่เคยสนใจใยดีลูกๆ ทั้ง 4 ปล่อยให้แม่ต้องดูแลอยู่คนเดียว แม่ของศรีนั้นก็ไม่มีเวลาดูแลลูกได้อย่างเต็มที่ เพราะต้องทำงานที่ร้านด้วย งานในบ้านด้วย พอลูกๆเริ่มโตได้สักหน่อย แม่เลยได้ตัดสินใจส่งลูกบางคนไปเรียนที่โรงเรียนประจำ และฝากลูกอีกคนไว้กับญาติที่กรุงเทพ และเก็บลูกคนหนึ่งไว้ เพื่อประหยัดเงินในการส่งเสีย
ซึ่งแม่นั้นจะคอยดูแลลูกๆ ในการไปรับ-ส่งลูกจากโรงเรียนประจำในช่วงวันหยุด เสาร์อาทิตย์โดยที่อาสี่ผู้เป็นสามีไม่เคยคิดจะช่วยเหลือเลย อาลี่ทำงานอย่างหนักแบบนี้ ทำไปก็เจ็บช้ำน้ำใจไป เพราะพ่อไม่เคยแบ่งเบา แถมยังมีเมียน้อยให้แม่รับรู้และเสียใจอีก แม่ได้แต่เก็บความรู้สึกทุกอย่างไว้ในใจ และก็อดทนเพื่อที่ลูกจะได้มีทั้งพ่อและแม่เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ถ้าหากเป็นสมัยนี้ก็อาจจะเลิกรากันไปแล้ว แต่แม่เลือกที่จะทน ทนเพื่อลูก
หันกลับมาดูในส่วนของอาสี่ หัวหน้าครอบครัว ที่ทำหน้าที่แค่รับผิดชอบการค้าขายในร้าน พอขายได้เงินมาก็เอาไปปรนเปรอเมียเก็บซะหมด หามาได้มาก ก็จ่ายออกไปมาก แล้วยิ่งถ้าพ่อของศรีนั้นเริ่มมีความรู้สึกอยากได้ผู้หญิงคนใหม่คนไหนมากๆ ถึงขั้นอยากจะเอามาเป็นเมียหลวง พ่อก็จะทำกับแม่ถึงขั้นต้องลอบทำร้ายกันเลย ไม่ว่าจะเป็นการลอบเจาะยางรถในเวลาที่แม่ไปส่งของ จนคนแถวนั้นโจษจันกันใหม่ทั่ว แต่พ่อก็หาได้สนใจต่อคำติฉินนินทาของชาวบ้านไม่ ในบางครั้งก็ทิ้งเมียให้อยู่ร้านคนเดียวทำงานอย่างหนัก มิหนำซ้ำเวลาป่วยแม่ก็ต้องไปหาหมอเองทุกครั้ง
การทำร้ายทางด้านร่างกายของแม่นั้น คงไม่สาแก่ใจพ่อเท่าไหร่นัก หนักวันเข้าก็เริ่มทำร้ายจิตใจแม่ เวลาจะไปเที่ยวไหน ก็จะไปเองไม่ได้ชวนแม่ไปและทิ้งให้แม่อยู่บ้านกับลูกๆ ครั้นพอไปเสร็จก็จะกลับมาเล่าให้แม่ฟังว่า ไปเที่ยวมาสนุกขนาดไหน สร้างความเจ็บช้ำให้กับผู้เป็นเมียครั้งแล้วครั้งเล่า
มีอยู่ครั้งหนึ่ง นึกครึ้มอกครึ้มใจ อยากไปไหว้พระ ก็ได้ชักชวนอาลี่ไปด้วย อาลี่ก็หลงดีใจว่าอาสี่ใจดี ชวนไปไหว้พระ แต่ไปครั้งนี้ไปกับเพื่อนบ้านที่รู้จักกันหลายคน ครั้นพอไปถึงวัด อาสี่ก็บอกให้อาลี่รออยู่ในรถก่อน อาลี่ผู้ไม่รู้ประสีประสาก็นั่งรอเป็นนานสองนาน คิดว่าผู้เป็นสามีคงไปหาซื้อดอกไม้ ธูปเทียน แล้วก็คงจะกลับมาตามตนไปไหว้พระ รอจนแล้วจนเล่า จนเพื่อนบ้านที่ไปด้วยกันเดินกลับมาที่รถ เจออาลี่นั่งรออยู่ในรถ ก็ถามอาลี่ไปว่า
“เอ้า รื้อมานั่งรออะไรตรงนี้ ไม่ไปไหว้พระหรือ”
“ก็ผัวข้าบอกให้รออยู่ในรถ ข้าก็นั่งรอ เดี๋ยวคงมาตามไปไหว้พระแหละ”
“ตามอะไรอาซ้อ อาเฮียแกไหว้พระเสร็จแล้วกำลังเดินกลับมาแล้วนา”
พออาลี่ได้ยินแบบนี้ ก็ตกใจน้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว สักพักก็เห็นสามีตัวเองเดินกลับมาที่รถ แล้วก็มาเล่าให้อาลี่ฟังว่า คนในวัดเยอะมาก พูดจบก็ขับรถพาอาลี่กลับบ้าน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนอาลี่ก็นั่งปาดน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ
เมื่อมีครั้งแรกก็มีครั้งที่สอง สาม ซึ่งอาสี่ก็ทำแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ทำให้แม่เจ็บช้ำน้ำใจไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าวันหนึ่งแม่ทนไม่ได้ก็จะไปเอง ซึ่งเรื่องราวของแม่นั้น ไม่มีลูกคนใดได้รับรู้เลย นอกจาก พร ลูกคนที่สาม ซึ่งแม่ก็เล่าให้พรฟังบ่อยๆว่า พ่อทำอะไรกับแม่ไว้บ้างและพรก็รับรู้และสงสารแม่มาโดยตลอด ซึ่งลูกทั้งสี่คนของแม่ประกอบไปด้วย แววลูกคนโต ศรีเป็นลูกคนที่สอง พรเป็นลูกคนที่สาม และตาเป็นลูกคนสุดท้อง
พอลูกๆเริ่มโตได้สักหน่อย อาลี่ก็ส่งแวว ลูกคนโตไปอยู่กับอาม่าผู้เป็นแม่ ส่งศรีกับตาไปอยู่โรงเรียนประจำ เหตุที่จำเป็นต้องส่งไป เพราะว่าตาเป็นเด็กค่อนข้างดื้อและขี้น้อยใจ เอะอะเป็นร้องไห้งอแง และไม่ยอมกินข้าว อาลี่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะงานก็ล้นมือ เลยส่งตาไปอยู่โรงเรียนประจำและส่งศรีซึ่งเป็นพี่สาวไปดูแลที่โรงเรียนด้วย และเก็บพร ลูกสาวคนที่สามไว้ให้ร่ำเรียนแถวบ้าน เพราะพรเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย
ในบรรดาลูกๆทั้งหมดนั้น ก็มีดีและไม่ดีปะปนกันไป แต่ศรีลูกคนรองนั้นพอโตขึ้นมาก็กลายเป็นคนที่ผิดแปลกไปจากพี่น้องคนอื่นๆ ศรีมีนิสัยขี้อิจฉาอยู่ในตัว เห็นใครได้ดีกว่าก็เป็นต้องอิจฉาทุกคนอยู่ร่ำไป และเก็บสะสมความอิจฉาไว้ในใจเพื่อรอให้เกิดแรงปะทุเพื่อทำให้ตัวเองต้องได้ดีกว่าคนอื่น
โดยหลังจากที่ศรีเรียนจบ พ่อแม่นั้นก็ได้ดาวน์คอนโดให้ศรีไว้ผ่อนในชื่อของศรี และให้น้องๆ ได้อยู่ด้วยกัน 3 คน ซึ่งศรีนั้นก็ตอบตกลงเป็นอย่างดี เพราะอย่างน้อยๆผ่อนไปจนจบก็จะได้มีทรัพย์สินมีค่าเป็นของตัวเอง
โดยคอนโดนั้นอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ปลอดภัย ศรีนั้นแรกๆก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ทำงานผ่อนคอนโดอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่พอผ่อนไปได้แค่ไม่กี่เดือน ศรีก็เลิกผ่อนเพราะใจนั้นคิดว่าทำไมต้องผ่อนให้พี่น้องอยู่ฟรีๆด้วย
หลังจากที่ศรีตัดสินใจไม่ผ่อนต่อแล้ว อาลี่ผู้เป็นแม่ ก็เลยตัดสินใจผ่อนต่อเพื่อให้ลูกๆได้มีที่อยู่ในกรุงเทพด้วยกัน และสามพี่น้องก็อาศัยอยู่ในคอนโดด้วยกันตั้งแต่ซื้อมาโดยคอนโดนั้นเป็นแบบสองห้องนอน ศรีนั้นจะนอนกับพรลูกคนที่ 3 ในส่วนของตาลูกคนเล็กนั้นได้นอนคนเดียวในห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่ง แต่ด้วยความที่พรกับตานั้นไม่ค่อยถูกกัน ก็เลยมีเรื่องทะเลาะกันมาอยู่เรื่อย ๆ
พอเวลาผ่านไปหนึ่งปี ศรีนั้นเห็นว่าน้องๆ เริ่มมีแฟนเป็นตัวเป็นตน หากแต่ตัวเองกลับไม่มี ด้วยความขี้อิจฉา เลยได้แย่งแฟนของเพื่อน ซึ่งเป็นทอมมาเป็นของตน และพามาอยู่ที่คอนโดด้วยกัน และแน่นอนศรีก็นอนกับแฟนที่เป็นทอมในห้อง ทำให้พรลูกคนที่ 3 นั้น เป็นอันต้องระเห็ดออกมานอนอยู่ห้องรับแขก ใครไปใครมาเห็นแล้วก็เวทนายิ่งนัก
ครั้นเวลาผ่านไปหลายปี พรก็ได้ตัดสินใจแต่งงานและได้ย้ายออกจากคอนโดเพื่อไปอยู่บ้านที่ซื้อไว้กับแฟนหนุ่ม ในส่วนของศรีนั้น ก็ใช้ชีวิตอยู่กับทอม สาวหล่อได้หลายปี โดยมีตาน้องคนเล็กที่ไปๆมาๆระหว่างคอนโดกับห้องของแฟน
อยู่มาวันหนึ่งศรีนั้นก็ได้ไปเจอกับแจ็ค หนุ่มในเกมออนไลน์ที่ศรีนั้นนั่งเล่นอยู่เป็นประจำโดยหลังจากได้พูดคุยกันในเกมอย่างถูกคอ ศรีก็ได้ตัดสินใจนัดเจอกับแจ็ค ซึ่งในตอนนั้นศรีก็ยังไม่ได้เลิกกับทอม สาวผู้มีใจเป็นชายที่คอยดูแลศรีมาตลอดระยะเวลาหลายปี โดยหลังจากที่ได้นัดเจอกันกับแจ็ค ศรีก็พูดคุยกับแจ็คเรื่อยมาและนัดเจอกันอยู่เป็นประจำ และแน่นอนความลับก็ไม่มีในโลก หลังจากผ่านไปได้หลายเดือน ทอมก็ได้รู้ความจริงว่าศรีนั้นแอบคุยกับชายหนุ่มที่ชื่อแจ็คได้มานานหลายเดือนแล้ว
หลังจากรู้ความจริงว่าศรีนั้นไปแอบพูดคุยกับชายหนุ่มอีกคน ก็รับไม่ได้และได้โต้เถียงกันอย่างรุนแรง ซึ่งศรีนั้นก็แบ่งรับ แบ่งสู้ ใจก็ชอบแจ็ค อีกใจก็ไม่อยากเสียทอมไปเพราะว่าทอมดูแลดีเหลือเกิน
“ทำไมต้องทำแบบนี้” ทอมถามศรีกลับไป
“ก็แค่คุยกันไม่มีอะไรนี่” ศรีตอบกลับไป
“แล้วศรีจะเอายังไง”
“ศรีไม่เอายังไงอ่ะ ก็แค่คุยกัน”
“จะเลิกคุยกับมันไหม?”
ทอมถามศรีแบบคาดคั้น แต่ศรีก็ไม่ตอบและเดินหนี โดยทอมนั้น พอเห็นเป็นแบบนี้ ก็ได้ตัดสินใจขอเลิกกับศรี พอทอมบอกเลิก ศรีก็ถึงขั้นตกใจ เพราะไม่คิดว่าทอมจะขอเลิกทันที และก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิก ศรีนั้นก็เลยได้ตัดสินใจกินยาแก้ปวดเป็นจำนวนมากเพื่อจะประชดแฟนทอม และตอนที่เกิดเหตุนั้นทอมก็ไม่ได้อยู่ห้อง ภาระจึงตกมาอยู่ที่ตาน้องคนสุดท้อง ที่ต้องพาศรีไปส่งโรงพยาบาลและคอยเฝ้าอาการอยู่หลายคืน จนกระทั่งดีขึ้นก็ได้ออกจากโรงพยาบาล
หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทอมนั้นก็ยังยืนยันว่าจะเลิกและได้ย้ายข้าวของออกจากคอนโดไป เพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่าที่ทิ้งมาเพื่อคบกับศรี ซึ่งศรีนั้นเมื่อรั้งทอมไว้ไม่อยู่ ก็เลยหันไปคบกับแจ็ค หนุ่มในโลกของเกมส์ออนไลน์
แจ็คนั้นมีอายุน้อยกว่าศรีถึง 12 ปี ตอนนั้นแจ็คมีอายุได้ 21 ปี และไม่ได้ทำงานทำการอะไร ด้วยความที่เด็กกว่ามากและเป็นหนุ่มที่ไม่เอาอ่าว หลังจากที่เริ่มคบกัน วันๆแจ็คก็เอาแต่ขอเงินศรี และถ้าหากศรีไม่ให้ แจ็คก็เริ่มทุบตี เตะ ต่อย โดยมีครั้งนึงที่แจ็คเตะศรีเข้าที่ซี่โครง
จนซี่โครงหัก และต้องเข้าโรงพยาบาล โดยแม่ของศรีนั้นก็มาเยี่ยมศรีและถามว่าเกิดอะไรขึ้นศรีก็ได้แต่อ้างแค่ว่าหกล้มกระแทกโต๊ะจนซี่โครงหัก เพราะศรีก็ไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง และอับอายที่ถูกแฟนทุบตี
แต่ถึงจะโดนทำร้ายร่างกาย ศรีก็ยังตัดสินใจชีวิตอยู่กับแจ็คเรื่อยมา โดยไม่ได้บอกใครในครอบครัวให้รับรู้เลย ในส่วนของตาน้องคนสุดท้องนั้น ก็ไปๆมาๆคอนโด และในช่วงหลังๆ ก็เริ่มมาน้อยลงมาก เรียกได้ว่าเดือนนึงมาได้แค่ครั้งเดียว ก็เลยไม่รู้เรื่องที่ศรีนั้นอยู่กับแจ็ค เพราะเมื่อเวลาจะมาคอนโด ก็จะโทรหาศรีก่อนเข้าไป และศรีก็จะพาแจ็คไปหลบที่อื่น แล้วพอตากลับไปก็พามากลับมาอยู่ที่ห้อง เป็นอย่างนี้เรื่อยมาหลายเดือน
จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ตานั้นก็ได้กลับมาที่คอนโดเพื่อมาเอาของ ซึ่งในวันนั้นตาไม่ได้โทรหาศรีเหมือนปกติ แต่ว่าเข้ามาที่คอนโดเลยด้วยความรีบร้อน และทันทีที่ตาไขกุญแจห้องเข้าไป ก็ถึงกับตกใจกับสิ่งที่เห็น
ผลงานอื่นๆ ของ อลิส ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อลิส
ความคิดเห็น