ลำดับตอนที่ #17
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Conspriracy & Calculate ; แผนการและการคำนวณ
Conspriracy & Calculate  ;  แผนการและการคำนวณ
              อีกแปดชั่วโมงก็จะถึงเช้าวันใหม่แล้ว  แดดที่ภูเขา กรี กรี ยังคงสว่างจ้า  แต่ก็ไม่ค่อยมีความร้อยอยู่มากนัก  เพราะ  ภูเขาแห่งนี้  จะมีลมพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา  จึงทำให้ภูเขาแห่งนี้ไม่ร้อนมากนักแม้ในช่วงหน้าร้อน  แต่หากเป็นหน้าหนาว  อากาศที่นี่จะค่อนข้างหนาวถึงหนาวมาก  ก็เพราะลมอีกนั่นแหละ
เสียงของคนทะเลาะกันดังแว่วๆมาจากทางใดทางหนึ่งของภูเขา กรี กรี  นั่นก็คือ  ที่บ้านพักนั่นเอง
“อลิซก็รู้นี่ว่าเราจะไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว”  เขาพูดเสียงดังและเอื่อมมือมาดึงแขนเพื่อไม่ให้เธอเดิน
“ก็ไม่แน่”
“พี่อลิซ  ผมทำให้พี่เดือดร้อนรึเปล่า”  แม็คถามอย่างรู้สึกผิด  แต่ใจเขาก็ยังอยากทำเช่นนี้  หากย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง  ‘ ใช่สิ ’ พอลอยากจะตะโกนให้ลั่นประเทศ  ถ้าเขาสามารถทำได้
“ไม่หรอก  ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย  เชื่อพี่สิ”  อลิซลูบหัวแม็คอย่างเอ็นดู
“ดูเหมือนอลิซจะมั่นใจในสิ่งที่คิดซะเหลือเกินนะ”
“................................................................”  อาการเงียบๆคือคำตอบสำหรับคำพูดอันประชดประชันของพอล  เธอไม่เลือกที่จะเถียง  ถึงจะเถียงไปก็ไร้ประโยชน์  เธอเลิกพูดกับพอล  และหันไปทำการกระทำอันธรรมดา  และพูดกับคนอื่น  เหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“อลิซ  พอเถอะ  เรายอมแพ้แล้ว  แต่เราก็ยังคิดว่าการตัดสินใจของอลิซและแผนอะไรนั่นของเธอก็ยังผิดอยู่ดี  แต่เอาเถอะ  มาถึงขนาดนี้แล้ว  เอาไงเอากัน”
“ฮึม ๆ  นึกว่าพอลจะใจร้ายซะอีก  แต่ถ้าลำบากใจก็ไม่ต้องฝืนหรอกนะ  แค่พอลเข้าใจก็พอแล้ว”  น้ำเสียงของอลิซดูสดชื่นขึ้น  แต่ท่าทีของพอลดูเหนือยๆพิกล
“ไม่หรอก  เราเต็มใจช่วยอลิซอยู่แล้ว  ว่าแต่ช่วยบอกแผนการณ์ที่อลิซมั่นในนักมันใจหนามาหน่อยสิ”  แววตาอันอยากรู้อยากเห็นปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของพอล
“อืมได้  แต่ขอเป็นบนรถไฟดีกว่านะ”  เขาพยักหน้าหงึกๆ
“ดูเหมือนเขาจะชอบพี่อลิซนะครับ”  แม็คพูดอย่างซื่อๆ
“ไม่ต้องดูเหมือนหรอกไอ้หนู  พอลหนะ  ชอบอลิซจริงๆเลยแหละ  รับรองว่าข่าวที่ได้มาจาก  พี่เชื่อถือได้ 100 %”  วีสรีบตอบกับแม็คอย่างฉะฉานในขณะที่มือของเขาก็ตบหัวของแม็คเล่น  ตรงที่เขาตั้งใจแน้นคำว่า  ‘ไอ้หนู’
“ผมไม่ใช่ไอ้หนูนะ”  แม็คเถียงอย่างเคือง
“ต้องใช่สิ  ก็ตัวเล็ก  กระเปี้ยก  แค่นี้เอง”  เขาตบหัวแม็คอีกครั้งและทำหน้ากวนๆ
“วีส  หยุดแกล้งแม็คซะที  รถมาแล้ว  จะไปไหม”
“..........ไอ้หนู..........ไอ้หนู..........ไอ้หนู..........”  วีสนั่งรถไฟไปร้องไป
“หยุดเถอะวีส  น่ารำคาญ”
“เจ๊  ก็ไปรำและก็คลานคนเดียวสิ  ..........ไอ้หนู..........ไอ้หนู..........”
“อย่าไปถือคนสติไม่ค่อยดีเลยนะแม็ค” แมรี่พูดอย่างเอ็นดู
“ผมไม่ถือหรอกครับ  ถึงผมจะเป็นแค่ไอ้หนูสำหรับพี่เค้า  พี่เค้าก็เป็นแค่ ‘ไอ้หมู’ สำหรับผมเหมือนกัน”  แม็คพูดแบบเน้นๆ
              แล้วต่อจากประโยคของแม็ค  จากเพลง  ไอ้หนู  ก็เปลี่ยนมาเป็น  เพลง  ไอ้หมู  ทุกคนรวมทั้งอลิซร่วมกันร้องเพลงนี้  โดยมีเรสวินเป็นมือกีตาร์  แต่วีสคนเป็นคนเดียวที่หน้ามุ่ย  และไม่ยอมร้องเพลง  เขานั่งกอดอกและบ่นกับตัวเองไปตลอดทาง
              เมื่อรถตู้มาส่งที่สถานีรถไฟแล้ว  ทุกคนก็รีบเดินทางไปที่รถไฟทันที  เพราะเวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว  ในที่สุดพวกเขาก็ขึ้นรถไฟกันครบตามกำหนด  วีสเกือบตกรถไฟเพราะมัวแต่ห่วง  บาร์บีคิวข้างทาง  บรรยากาศในรถไฟเหมือนเดิม  แต่แปลกที่พวกเขามีสมาชิกเพิ่มอีก  1  คนก็เท่านั้น
“ไงอลิซ  จะเล่าให้ฟังได้รึยัง”  พอลสะกิดอลิซ  ในขณะที่พวกเพื่อนๆของเขาหลับ
“อืมได้  ไปทางโน้นดีกว่า”
“แม็ค.....แม็ค.....มาทางนี้หน่อยสิ”  เธอสะกิดแม็คที่กึ่งหลับกึ่งตื่น
“เอาไปด้วยหรอ”
“ต้องไปด้วยสิ  ก็เขา.....”
“อืม  ฉันเข้าใจ”  เขาบ่นอย่างหงอยๆ  พี่พลาดโอกาสสำคัญ  และเดินนำหน้าไปที่ตู้ที่ไม่ค่อยมีคนนั่ง  อลิซจูงมือแม็คที่ดูเบลอๆเดินตามพอลไปติดๆ  เมื่อหาที่สงบๆได้  การสนทนาก็เริ่มขึ้นทันที
“เอาตั้งแต่ที่สถานีอนามัยเลยนะอลิซ” เธอพยักหน้า  และก็เริ่มเล่า
“หลังจากที่พอลไปแล้ว  ฉันก็แม็คก็ตกลงกัน  ก็เลยได้แผนมา  คือว่า  ฉันออกจากห้อง 008  โดยทำทีว่ากลับไปแล้ว  แต่เปล่าเลย  ฉันปลอมตัวเป็นพยาบาลผู้ช่วยแพทย์  และไปบอกหมอว่าคนไข้ห้อง 008 หายตัวไป  และพอพวกหมอและพยาบาลออกตามหา  ฉันก็รีบโทรไปหาตำรวจ  พอตำรวจมาฉันก็ปลอมตัวเป็นตำรวจ  พร้อมกับแม็คซึ่งปลอมเป็นตำรวจอยู่ก่อนแล้ว  พวกเราทำทีว่าจะไปสำรวจรอบๆสถานีอนามัยด้านนอก  แล้วเราก็แอบไปเรียกชาวบ้านมา  โดยบอกว่า  มีดารามาถ่ายหนังอยู่ในโรงพยาบาล  แต่แผนมันกลับได้ผลเกินคาด  ชาวบ้านเลยแห่กันมาเกือบทั้งหมู่บ้าน  กว่าเราจะฝ่าฝูงชาวบ้านออกไปได้ก็แย่เอาการ  แต่พอลไม่ต้องห่วงเรื่องคดีหรอกนะ  ไม่จำเป็นที่ตำรวจจะต้องสืบค้นคดีอีกต่อไปแล้ว  พวกนั้นก็ตายกันหมดแล้ว  อาวุธที่เก็บไว้นั่นก็ใช่ว่าจะมีใครรู้  ที่สำคัญเปอร์เซ็นต์ที่จะถูกคนพบมีแค่  0.01% เท่านั้น  เนื่องจากระยะทางและการคำนวณแล้วไม่น่าที่จะมีใครเข้าไปได้  จากปากถึงเขตซ่อนอาวุธก็ 6-7 กม. และตอนนี้สภาพถ้ำก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก  ประมาณกิโลเมตรที่ 4 จากปากถ้ำ  มีดินจับตัวกันปิดกั้นทางเดิน  แม้แต่แมวยังขุดเข้าไปไม่ได้  หากจะยังขุดอีกก็จะเจอน้ำ  ไม่มีอากาศหายใจ  ไม่มีทางเจออาวุธแน่นอน”
“แผนมันก็ดีอยู่หรอกนะอลิซ ..แต่ ..” พอลทึ่งในการคำนวณและแผนการของอลิซมากๆ  สามารถเป็นนักแกะรอยหรือไม่ก็ตำรววจได้อย่างสบายๆ
“แต่มันผิดกับหลักการของพอลใช่ไหมล่ะ”  เธอพูดอย่างรู้ทัน  และเห็นใจ
“ก็ไม่เชิง”  เขาตัดบท
“แต่ที่บอกว่าเหลืออีก  0.01 %  หมายความว่าไง” เขาถามต่ออย่างสงสัย
“แผนของพี่อลิซต้องไม่ผิดพลาดแน่  ผมเชื่อ  ไม่มีทางที่ใครจะเข้าไปได้  ที่นายถามหนะ  นายอยากจะได้อาวุธพวกนั้นใช่ไหมล่ะ”  แม็คที่ตื่นเต็มที่แล้วลุกขึ้นยืนและเถียงด้วยอารมณ์โกรธ
“ใจเย็นๆแม็ค  พี่บอกแล้วไง  ว่าพอลเป็นนักสืบ  เขาสามารถจะช่วยเราได้  เขาอาจจะมองเห็นจุดที่พี่มองข้ามไปก็ได้นะ”
“ว่าไงอลิซ”
“คือว่า  ถ้าหากมีการระเบิดถ้ำ  น้ำที่ขังไว้อาจจะถูกระเบิดออก  และอาจจะเกิดการค้นพบได้  แต่ถ้าจะคิดถึงความเป็นจริง  คงไม่มีใครระเบิดถ้ำนั้นหรอก  เพราะน้ำจากน้ำตกที่ถูกสะสมไว้จะท่วมคนทั้งเขาตายแน่”
“งั้นแผนนี้ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด  ผ่านไปได้  แล้วเรื่องของแม็คจะทำไงต่อ”
“ยังไม่ได้คิด”
“หา” พอลร้องอย่างตกใจ  เขาไม่เคยทำอะไรผิดกฏหมายมาก่อน  จึงตกใจมาก
“ก็ถึงอยากให้พอลช่วยไง”
“ อื่ม ................ ....................... ............... ..........”
“ให้แม็คมาอยู่ที่บ้านฉันดีกว่า” เขาพูดหลังจากเงียบไปสิบนาที
“ไม่นะ” แม็คครางและยืนขึ้นอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้อยากอยู่กับนายนักหรอก”  พอลรีบพูด
“และใครจะอยากอยู่กับนายล่ะ” แม็คสวนกลับ
“พี่คิดว่าพอลต้องมีเหตุผลแน่  แม็คใจเย็นๆหน่อยสิ”
“ครับ”  แม็คนั่งลงอย่างช้าๆพร้อมกับสงสายตาอาฆาตไปที่พอล
“อลิซ  เรามั่นใจว่าตำรวจจะต้องตามหาแม็คแน่  และต้องมีใครสักคนจำเขาได้ด้วย  แล้วอีกอย่าง  เจ้านี่ก็ให้ข้อมูลกับตำรวจไปมากแล้วไม่ใช่หรอ”
เธอสายหน้าช้าๆ  “ไม่เลยพอล  เขาแทบจะไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรกับตำรวจเลย”
“ทำไม”
“นี่  ถามมากไปแล้วนะ  ทำไมถึงไม่ไว้ใจพี่อลิซบ้าง  นายไม่อยากให้ฉันมากับพี่เค้าใจไหม”
“ใช่  แล้วนายก็เลิกตะโกนได้แล้ว  อยากให้คนทั้งรถไฟรู้รึไง”
“แม็ค  ใจเย็นๆหน่อยสิ  เชื่อพี่  ฉันเป็นคนสั่งให้แม็คทำอย่างนั้นเองล่ะพอล” 
“นายคงไม่เข้าใจเหตุผลหรอก  เรื่องบางเรื่องเป็นความลับย่อมดีกว่า  บางสิ่งที่เป็นปริศนา  อาจจะดีกว่า  ที่พอแก้ปริศนาแล้ว  ผลลับที่ออกมาอาจจะฆ่าคนทั้งโลกได้  เช่นเดียวกับคำว่า  เข้าใจ  ทุกคนมีเหตุผลในการกระทำกันทั้งนั้น  แล้วแต่ว่าจะดีหรือไม่  มากหรือน้อยก็เท่านั้น  และที่สำคัญ  เจ้าตัวรู้หรือไม่รู้”  เขามีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที  คำเหล่านี้เข้าไปในร่างกายจนทำให้เขาขนลุก 
“ตอนนี้ตำรวจไม่รู้ว่าแม็คเป็นใคร  แม็คอยู่บนเขานานๆทีละลงไปที่หมู่บ้าน  ไม่ค่อยมีใครรู้จักเขาหรอก”
“แล้วเข้าจะอยู่กับพวกเราตลอดไปหรอ”
“ใช่  และ  ไม่  แค่อาจจะเท่านั้น  ฉันจะให้เขาเลือกเอง  เมื่อถึงเวลา” เธอบีบมือแม็คเบาๆ  เขาดูเหมือนจะตกใจกับประโยคคำพูดที่ยาวของอลิซก่อนหน้านี้
“แล้วตอนนี้จะทำไง  ในเมื่อเขากลายเป็นคนไร้ชื่อในประเทศนี้ไปแล้ว”
“เรื่องนี้แหละที่ฉันอยากให้พอลช่วย”
“ยังไง?” เขาทำหน้างง
A  Comple  On  The  Way  And  Magic  ;  ความกดดันระหว่างทาง และ เวทมนตร์
“ข้อมูลปลอมหนะหรอ?”
“ไม่.....ฉันอยากให้เขามีชีวิตอย่างถูกต้องมากกว่า”
“มันผิดตั้งแต่ที่เธอพาเขาออกมาจากที่นั่นแล้ว”
“ไม่......ฉันหมายถึงหลังจากนี้”
“ฉันอยากให้พอลช่วยคุยกับสารวัตรแครส
“....แต่............................”
“ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือพอล.....เขาจะไปในทางที่ถูกต้องหรือไม่ขึ้นอยู่กับนาย.....ถ้าผิดตั้งแต่แรก.....คิดดูละกันว่าต่อไปเข้าจะเป็นอย่างไร.....นี่แค่เพื่อการเริ่มต้นที่ดีเท่านั้น” 
              หลังจากที่อลิซหยุดพูดเพื่อให้พอลได้คิด  บรรยากาศในรถไฟเงียบสงัด  ถ้าหากตัดเสียงรางรถไฟกระทบกับเครื่องยนต์ออกไป  เธอมองแม็คที่เพิ่งหลับไปเมื่อประมาณ 10 นาทีก่อนอย่างพิจารณา  หากเขาได้ไปอยู่กับพอลจะดีกว่าที่เขาจะต้องมาอยู่กับเธอ  เธอไม่อยากให้เขามาลำบากกับเรื่องราวต่างๆ  ไม่ยากให้เขาได้เข้าไปในทางที่ผิดๆเหมือนที่เธอได้ประสบมา
“ได้” พอลตอบสั้นๆ  แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่น
“ขอบใจนะ” เธอยิ้มอย่างโล่งอก  เมื่อได้ฟังคำตอบที่เธอต้องการ
   
          พอลเพิ่งเริ่มมั่นมั่นใจในสายตาตัวเอง  เมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา  อลิซดูเป็นคนธรรมดา  แต่จริงๆมันไม่ใช่  เธอเป็นคนทำให้เขาทึ่งเป็นครั้งๆคราวๆ  เธอมีเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่ที่เขาหรือใครต่อใครไม่อาจจะหยั่งรู้ได้  และข้อนี้ทำให้เธอตัดสินใจอะไรต่อมิอะไรด้วยตัวของเธอเอง  อาจจะไม่ถูกในสายตาของคนอื่น  แต่เธอก็ไม่แคร  ที่สำคัญ  เธอสามารถทำให้คนรอบข้างรู้สึกถึงสิ่งที่เธอต้องการ  อยากน้อยก็เขานี่แหละเป็นหนึ่งในนั้น  คำพูดที่กดดันก่อนหน้านี้สักครู่  ถ้าต่อด้วยการสั่งให้เขาโดดลงจากรถไฟแล้วละก็  เขาอาจจะไม่รู้ตัวและโดดลงไปจริงๆก็ได้  จะมีใครอีกไหมน้าที่คิดเหมือนเขา  ตอนนี้เธอเหมือนได้สลัดทุกข์ทั้งหมดออกไป  นั่นทำให้จิตใจของดูสดชื่นขึ้นตามไปด้วย  และคำถามต่างๆก็หยุดจากหัวสมองของเขา  เพราะมีคำถามหนึ่งที่เขาไม่สามารถตอบได้ในตอนนี้ด้วยคือ  เธอเป็นใครกันแน่?
“คิดอะไรอยู่พอล”  อลิซถามเมื่อเห็นพอลบางทีก็นั่งอมยิ้มบางทีก็ทำหน้าแปลกๆบางทีก็ทำหน้าสงสัยสลับไปสลับมาเหมือนจิ้งจกเปลี่ยนสี
“ก็กำลังคิดว่า.....อลิซมีเวทมนตร์รึเปล่า”
“บ้าหรอ.....ถ้ามีเรื่องมันจะวุ่นวายขนาดนี้หรอ” เธอแสร้งทำโมโหกลบเกลื่อนความอาย  ที่กำลังจะทำให้เธอหน้าแดงอยู่ตอนนี้  เธอเขาใจว่าพอลกำลังคิดอะไรอยู่  และความหมายของคำว่า  ‘เวทมนตร์’  เมื่อไม่อยากมองหน้าเขาในตอนนี้  เธอจึงหันหน้าหากระจก  และอีกไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็เผลอหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
              ในที่สุดโลกก็ถูกปกคลุมด้วยความมืด  ไม่มีเสียงจิ้งหรีด  ลมเย็นๆที่พัดผ่านตลอดถูกปิดกั้นด้วยตึกใหญ่อันสูงตระหง่าน  แสงไฟหลากสีสัน  ส่องประกายตามข้างทาง  เพลง  Rock  ดังสนั่นกลบเสียงการสนทนาและการกระทำต่างๆทั้งหมดรอบบริเวณนั้น  ไกลออกไปจากแหล่ง  CDL  เป็นสิบสิบกิโลเมตร  เป็นย่านที่พักอาศัย  บรรยากาศดูครึ้มๆ  มีไฟสีเหลืองอ่อนๆประดับอยู่ตามจุดต่างๆ  ทั้งบ้านหลังใหญ่น้องถูกจัดสร้างให้ตั้งขนานกันอย่างมีระเบียบ  แสงไฟลอดออกมาจากทางหน้าต่างของบ้านบางหลัง  แต่มิได้มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาด้วย  ทุกอย่างล้วนเงียบสงบ
              ความเงียบหายไปในเช้าของวันใหม่  นกฝูงหนึ่งบินผ่านไปผ่านมาพร้อมกับเสียงร้อง  ชีวิตอันหลากหลายส่วนหนึ่ง  ถูกรบเร้าให้ตื่นขึ้นด้วยความเต็มใจและไม่เต็มใจ  เพื่อที่จะต้องปฏิบัติภารกิจและหน้าที่อันเดิมๆของพวกเขา
              อาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  พอลจัดการเรื่องของแม็คได้อย่างไม่ค่อยจะราบรื่น  แต่ก็สำเร็จ  แมรี่วิ่งวุ่นอยู่กับการแสดง  เธอตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า  วีสยังบ้าฟุตบอกเหมือนเดิม  เขาโดดการทำฉากมาสามครั้ง  นั่นเป็นสิ่งที่แมรี่โกรธมาก  และเธอจะอารมณ์ไม่ดีอยู่เสมอหากได้ยินคำว่า  ‘ฟุตบอล’ 
              การซ้อมและการทำฉากเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ  จน ณ บัดนี้เหลือที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยอยู่อีกแค่ 5%  เท่านั้น  แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้แมรี่ก็ยังดูไม่ค่อยพอใจกับผลงานสักเท่าไหร่  เธอสั่งโน่นสั่งนี่ทุกๆ 2 นาที  เมื่อวีสกลับมาจากที่โดดไป 2 วันต่อ 1 สัปดาห์  เขาก็โดนใช่อย่างหนักจนน้ำหนักลดไป 4 กก.  นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาบ่นตลอดทั้งวันขณะถูกใช้  แต่เหมือนแมรี่จะไม่ได้ยิน  หรือไม่ก็ไม่สนใจนี่แหละ
              จากเดือนมกราคมก็กลายเป็นเดือนกุมภาพันธ์  ทุกอย่างเรียบร้อยและเป็นไปได้ด้วยดี  ในเรื่องการแสดง  ก็เรียบร้อยดีมากๆแล้ว  แต่ก็ยังไม่ถึงขึ้นเพอร์เฟกต์  ซึ่งแมรี่ก็ตินิดติหน่อยอยู่  แต่ก็น้อยลงกว่าก่อนมาก  สิ่งที่ยังไม่ลงตัวดูเหมือนจะมีอยู่เรื่องเดียวนั่นคือ  เรื่องของแม็ค  จะว่าเป็นเรื่องของแม็คอย่างเดียวก็ไม่ถูก  เพราะเรื่องนี้มีพอลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  สองคนนี้อยู่ด้วยกันมาเป็นเดือนแล้ว  แต่ยังเข้ากันไม่ได้  วันหนึ่งพวกเขาสองคนจะทะเลาะกันด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง  อย่างน้อยวันละ 2-3 เรื่อง  อย่างมากๆก็ 5 เรื่องถือว่าสุดๆ  คนที่ปวดหัวที่สุดดูเหมือนจะเป็นอลิซ
“นี่นายแม็ค  เลิกทำเสียงเอะอะตอนกลางคืนได้ป่ะ”
“เอะอะ  บ้าหรอ  ใครจะมานั่งทำเสียงแบบนั้น”
“โกหก  ถ้าไม่ใช่นายแล้วใคร”
“นายเองนั่นแหละ  บางคืนฉันก็ได้ยิน”
“นี่อย่ามาโทษฉันนะ”  “ฉันเป็นเจ้าของบ้าน”
“คิดหรอ  ว่าอยากอยู่  ถ้าไม่เพราะพี่อลิซนะ  ฉันออกไม่ตั้งแต่วันแรกแล้ว”
“หยุด !!!” เสียงตะโกนพร้อมกับประตูที่ถูกผลักออกด้วยแรงโมโห
“เมื่อไหร่จะเลิกทะเลาะกันซักที”
“กี่นายนี่เริ่มก่อนนี่”
“อ้าวก็ตอนกลางคืนพอได้ยินเสียงแล้วฉันนอนไม่หลับนี่  ถ้านายไม่ทำแล้วใครทำ”
“จะเถียงกันอีกนานไหม”
“เห็นไหม  เพราะนาย  พี่อลิซเลยโกรธ”
“เค้าโกรธนายนั่นแหละ”  พอหันไปทางอลิซอีกที  จุดนั้นก็กลายเป็นที่ว่างเปล่าเสียแล้ว
“อ้าวไปไหนซะแล้วล่ะ”
“แล้วฉันจะรู้มะ”
“พูดงี้ก็สวยสิ”
ฟรืบ !!!  อลิซปรากฏตัวอีกครั้งเหมือนหายตัวไปไหนมาไหนได้
“อ่ะ  นวม  ต่อยกันเลยสิ” อลิซยื่นนวมของจริงให้พอลกับแม็ค  บรรยากาศในห้องเงียบกริบเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิต  เพราะพวกเขาเสียงอันแสนหวานที่ยั่วยวนให้ฆ่ากันของอลิซ
“อ๋อ.....คงไม่พอสินะ”  ขนที่แขนของแม็คตั้งชันขึ้น  พอลรู้สึกเสียวๆหลัง
“นี่ไปเลยนะกัน”  อลิซส่งมีดสีเงินประกายขนาดพกพาให้พอลกับแม็ค  ทั้งสองเริ่มกลืนน้ำลายไม่ถนัด
“หรือว่ายังไม่พอ.....จะเอาอาวุธอะไรอีกล่ะ.....บอกสิ.....จะไปหาให้”  ทั้งสองยิ่งเงียบ  ลมหายใจของทั้งสองแผ่วเบา  อลิซดูน่ากลัวแปลกๆยังไงก็ไม่รู้
“อะ.....อะ.....เอ่อ.....ไม่ต้องหรอก  เราแค่เข้าใจผิดกันนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง  จริงป่ะ”  พอลหันไปเขย่าแม็คที่เริ่มหายใจขัดๆ
“บะ  บ้า  หรอ  เฮ้ย  ครับๆ”
“อืม  งั้นก็ดีแล้ว”  อลิซเปลี่ยนสีหน้าทันที  เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แม็ค”
“ค  ค  ค  คะ  คะ  คะ  ครับ”
“วันนี้ไปค้างบ้านพี่นะ”
“ได้หรอครับ” แม็ครีบถามกลับอย่างดีใจ  อาการติดอ่างหายไปทันควัน
“อื่ม”  เธอลากเสียงยาว
“ทำไมล่ะอลิซ”
“ก็จะได้รู้กันเลยไง  ว่าเสียงที่พอลได้ยินเป็นเสียงของแม็ครึเปล่า”
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง”
“ไม่เป็นไรหรอก  แม็คจะได้เปลี่ยนบรรยากาศมั่งไง  แล้วพอลกจะได้รู้ความจริง”
              ดังนั้นแม็คจึงไปค้างบ้านอลิซ 1 คืน  แต่พอลก็ยังได้ยินเสียงตอนกลางคืนอยู่ดี  และวันรุ่งขึ้นดูเหมือนเขาจะจับตัวคนร้ายได้แล้ว  มันเป็นหนูสีเทาๆตัวใหญ่  พอลจับได้ขณะที่มันกำลังวุ่นอยู่กับถังขยะที่ห้องครัว
Too  Lots  ;  มากเกินไป
              เรื่องราวต่างๆเป็นไปได้ด้วยดี  ผลสอบออกมาแล้วเช่นกัน  ไม่มีใครสอบตก  แน่นอน !  พอลได้ที่หนึ่ง  เป็นไปตามที่คาดหมายของใครหลายๆคน  ตามมาด้วยเรสวิน  ได้ที่สอง  คะแนนตามพอลติดๆ  เขาดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่  วีสได้ที่สิบสอง  ไม่ต้องถามเลยว่าดีใจหรือไม่  วินาทีที่ห้าหลังจากรับผลสอบมาจากมืออาจารย์เท่านั้นแหละ  เขาก็ตะโกนออกไปว่า “ YEA !!! ไม่เสียแรงที่แอบถวายหัวหมูที่เสาธงเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา”  และก็ตามด้วยแรงอันมหาศาลที่รีบวิ่งกลับบ้านด้วยความเร็วเหมือนถูกไฟครอก  เพื่อไปบอกพระบิดาและพระมารดาของเขา  เขาไม่เคยภูมิใจมากขนาดนี้มาก่อน  เพราะปกติจะได้ที่ 20 ลง 
              อลิซถือผลสอบแล้วหน้าเสีย  สั่นหัวไปมากับผลสอบของตัวเอง  เธอลองคิดตั้งหลายรอบว่าตอนนี้เธอฝันอยู่รึเปล่า  จนพอลสังเกตเห็นอาการของเธอ 
“ทำไมอลิซ.....คะแนนไม่ดีหรอ” พอลถามอย่างเป็นห่วง  ตอนที่เขาติวให้อลิซ  ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่  และเขาก็ดึงผลสอบที่อยู่ในมืออลิซมาอ่าน
“ที่ 4 ก็ดีนี่  ได้วิทยาศาสตร์เต็มด้วย  เก่งนี่”
“นั่นแหละที่แย่” เธอพึมพำ  พอลดูผลสอบอีกครั้งแล้วก็ทำหน้า งง
“ช่างมันเถอะ” อลิซตัดบท  พอลหันมาดูที่มือของตนอีกครั้ง  ดูเหมือนตัวเขาเองกำลังจับอากาศอยู่  ทั้งๆที่เมื่อสักครู่ผลสอบของอลิซยังอยู่ในมือ  ‘มันหายไปไหนแล้วล่ะเนี่ย’ เขาคิด  และพอดูอีกทีอลิซกำลังหยิบผลสอบนั่นใส่กระเป๋า  คำถามเดียวที่อยู่ในหัวของพอลคือ ‘ เธอทำได้ไง ’ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะถาม
“HEY !!  ALICE”
“ไง.....แทน......ไม่ได้เจอกันนานเลย”
“ได้ที่เท่าไหร่ล่ะ” อลิซถาม
“ตาไวจังนะ.....20 หนะ.....แล้วอลิซล่ะ”
“4”
“หา.....ที่ 4....ตายแล้วอลิซ”
“อะแฮ่มๆ” พอลขัดจังหวะเสียงดัง  เขางงกับการสนทนาของอลิซกับแทน  มันหมายความว่าอะไรหรือ  พอได้ดีกลับบ่นกันว่าแย่ ตายแล้ว  พอได้ที่ 20 กว่าๆกลับบอกว่าดี 
“อลิซเราไปก่อนนะ.....แล้วเจอกันที่วัน W” แทนไม่ได้สนใจการขัดจังหวะของพอลแม้แต่น้อย  เขาทำเป็นไม่ได้ยิน  และลาอลิซทันที
“จ้า.....แล้วเจอกัน”
“อะไรคือ W” พอลถามตรงๆซื่อๆ
“ความลับจ้า” ว่าแล้วอลิซก็รีบเดินต่อ
ตี๊ด ๆ  ตี๊ด ๆ มือถือของอลิซที่มีลูกกลมๆ  รีๆ  เล็กๆ  ขาวๆ  นุ่มๆ  ห้อยอยู่สั่นและดังขึ้น
“HELLO”
“พี่อลิซอยู่ไหนแล้วครับ”
“ใกล้ถึงบ้านแล้วจ้า......มีอะไรตึเปล่า”
“เปล่าครับ.....รีบๆกลับบ้านนะ”
“อืม” การสนทนาทางโทรศัพท์จบลงเพียงเท่านี้
“แม็คหรอ”
“อืม”
“เราว่าอลิซให้เด็กคนนั้นมากไปรึเปล่า”
“ให้อะไร”
“ความหวัง  ความไว้ใจ  ความสงสาร  ความเมตตา  และก็หลายๆอย่าง”
“ทำไม? พอลถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
“เด็กนั่นติดอลิซแจเลยนะ  พอไปไหนมาไหนก็คอยโทรตาม  เค้าอยากอยู่กับเธอตลอดเวลา”
“ก็ธรรมดานี่  เค้าเพิ่งเสียพ่อแม่ไป  จะให้เฮฮา ดีใจ ได้ไงเล่า”
“ไม่ใช่อย่างนั้นอลิซ  สำหรับเด็กคนนั้นแล้ว  อลิซคือทุกอย่างที่เขามีตอนนี้มากกว่า”
“แค่พี่สาวเท่านั้นแหละ”
“เรามั่นใน 100% ว่าไม่ใช่อย่างนั้นแน่  หรือว่าอลิซมั่นใจล่ะ”
“..............................................” เธอไม่กล้ามองหน้าพอลเลย  ที่เค้าพูดมาจริงทั้งหมด  แต่ว่าจะให้เธอทำยังไงล่ะ?  เธอก็แค่อยากให้แม็คมีชีวิตที่ดีเท่านั้นเอง
“กันไว้ดีกว่านะอลิซ.....เธอน่าจะสอนให้เขามีชีวิตแบบช่วยเหลือตัวเอง.....เค้าอยู่กับเธอตลอดชีวิตไม่ได้หรอก.....ถ้าเกิดเธอทำให้เขาผิดหวังขึ้นมา.....เค้าจะไปต่อด้วยตนเองไม่รอดแน่ๆ.....อย่าผูกเงื่อนไว้มากเกินไปนะอลิซ  มันอาจจะเป็นเงื่อนตาย  แก้ยากจนถึงต้องตัดขาด.....ก็เป็นได้”
“ถ้าถึงวันนั้น  นายช่วยดูแลเขาแทนฉันจะได้ไหม”
“ไม่.....เขาต้องดูแลตัวเอง”
              สิ่งที่พอลพูดมันจริงทุกอย่าง  ยิ่งพูดก็ยิ่งถูก  ไม่มีอะไรผิด  เธอห่วงเด็กคนนั้นมากเกินไป  ทั้งๆที่เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้คิดกับเธอแค่พี่สาวแน่  และคำพูดที่พอลเอ่ยออกมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจนั่นแหละที่ทำให้เธอกังวล  ‘ถ้าเธอทำให้เขาผิดหวังขึ้นมา.....เค้าจะไปต่อด้วยตนเองไม่รอดแน่ๆ’  เรื่องนี้มีโอกาสที่จะเป็นอนาคตที่จริงขึ้นมาก็ได้  หากความลับแตกขึ้นมาล่ะก็เขาจะทำยังไง  อยู่ยังไง  ความเชื่อมั่นที่ฝากไว้กับใครคนหนึ่งจะหายไปรึเปล่า  เขาจะยอมรับเธอในฐานะพี่สาวอีกได้ไหม  ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ซะแล้ว  ไม่ใช่แค่แม็คคนเดียว  มันครอบคลุมถึงทุกคนที่ๆเธอรู้จัก  และเหล่าเพื่อนๆที่เธอรัก
              อลิซเดินไปจนถึงบ้านพร้อมกับพอลเหมือนทุกๆวัน  แต่ต่างจากวันนี้ไม่ใช่วันที่มีเรียนแต่เป็นวันรับผลสอบก็เท่านั้น
“อ้าวแม็ค.....หวัดดีจ้า” แม็คมายืนรอรับอลิซที่หน้าบ้าน  มันก็เหมือนๆทุกวัน  แต่วันนี้มันดูแปลกๆพิกล 
ซึ่งเธอก็คิดว่า  ‘เธออาจจะคิดไปเองมั้ง’
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าจ๊ะ” เธอรู้สึกว่าแม็คเดินแบบคนเจ็บขา  ตัวของเขาดูสั่นๆ
“ครับ” เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่า  นอกจากแม็คที่มาดักรอเธอที่หน้าบ้านแล้วยังมีเพื่อนของเธอและคนที่เธอรู้จัก  รอเธออยู่ในบ้าน  เธอถูกเพื่อนๆลากไปยืนอยู่ในใจกลางของบ้านพร้อมๆกับพอล
“มีอะไรหรอ” เธอมองเพื่อนๆแต่ละคนสลับกันไปมา  ด้วยความรู้สึกแปลกๆ  เสียวๆ  เหมือนมีลางไม่ดีอะไรสักอย่าง
“อลิซขอโทษนะที่พวกเราต้องทำแบบนี้”
“ทำไมหรอ?  ทำอะไร?  ฉันไม่เข้าใจ”  ความวิตกกังวลปรากฏขึ้นที่หน้าของอลิซ
“พี่อลิซ.....พี่บอกพวกเขาไปสิ.....ว่าพี่......ไม่ใช่.....ไม่ใช่” แม็คพูดตัวสั่น 
“เกิดอะไรขึ้น” เธอพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา  จนคนอื่นแทบจะไม่ได้ยินเสียง
“A25/26” แทนเข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าอลิซ
“พวกเขารู้กันหมดแล้วอลิซ”  และตำรวจหลายนายก็วิ่งเข้ามาล้อมอลิซ
“เกมส์จบแล้ว” พอลพูดด้วยเสียงอันเย็นชา
              อีกแปดชั่วโมงก็จะถึงเช้าวันใหม่แล้ว  แดดที่ภูเขา กรี กรี ยังคงสว่างจ้า  แต่ก็ไม่ค่อยมีความร้อยอยู่มากนัก  เพราะ  ภูเขาแห่งนี้  จะมีลมพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา  จึงทำให้ภูเขาแห่งนี้ไม่ร้อนมากนักแม้ในช่วงหน้าร้อน  แต่หากเป็นหน้าหนาว  อากาศที่นี่จะค่อนข้างหนาวถึงหนาวมาก  ก็เพราะลมอีกนั่นแหละ
เสียงของคนทะเลาะกันดังแว่วๆมาจากทางใดทางหนึ่งของภูเขา กรี กรี  นั่นก็คือ  ที่บ้านพักนั่นเอง
“อลิซก็รู้นี่ว่าเราจะไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว”  เขาพูดเสียงดังและเอื่อมมือมาดึงแขนเพื่อไม่ให้เธอเดิน
“ก็ไม่แน่”
“พี่อลิซ  ผมทำให้พี่เดือดร้อนรึเปล่า”  แม็คถามอย่างรู้สึกผิด  แต่ใจเขาก็ยังอยากทำเช่นนี้  หากย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง  ‘ ใช่สิ ’ พอลอยากจะตะโกนให้ลั่นประเทศ  ถ้าเขาสามารถทำได้
“ไม่หรอก  ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย  เชื่อพี่สิ”  อลิซลูบหัวแม็คอย่างเอ็นดู
“ดูเหมือนอลิซจะมั่นใจในสิ่งที่คิดซะเหลือเกินนะ”
“................................................................”  อาการเงียบๆคือคำตอบสำหรับคำพูดอันประชดประชันของพอล  เธอไม่เลือกที่จะเถียง  ถึงจะเถียงไปก็ไร้ประโยชน์  เธอเลิกพูดกับพอล  และหันไปทำการกระทำอันธรรมดา  และพูดกับคนอื่น  เหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“อลิซ  พอเถอะ  เรายอมแพ้แล้ว  แต่เราก็ยังคิดว่าการตัดสินใจของอลิซและแผนอะไรนั่นของเธอก็ยังผิดอยู่ดี  แต่เอาเถอะ  มาถึงขนาดนี้แล้ว  เอาไงเอากัน”
“ฮึม ๆ  นึกว่าพอลจะใจร้ายซะอีก  แต่ถ้าลำบากใจก็ไม่ต้องฝืนหรอกนะ  แค่พอลเข้าใจก็พอแล้ว”  น้ำเสียงของอลิซดูสดชื่นขึ้น  แต่ท่าทีของพอลดูเหนือยๆพิกล
“ไม่หรอก  เราเต็มใจช่วยอลิซอยู่แล้ว  ว่าแต่ช่วยบอกแผนการณ์ที่อลิซมั่นในนักมันใจหนามาหน่อยสิ”  แววตาอันอยากรู้อยากเห็นปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของพอล
“อืมได้  แต่ขอเป็นบนรถไฟดีกว่านะ”  เขาพยักหน้าหงึกๆ
“ดูเหมือนเขาจะชอบพี่อลิซนะครับ”  แม็คพูดอย่างซื่อๆ
“ไม่ต้องดูเหมือนหรอกไอ้หนู  พอลหนะ  ชอบอลิซจริงๆเลยแหละ  รับรองว่าข่าวที่ได้มาจาก  พี่เชื่อถือได้ 100 %”  วีสรีบตอบกับแม็คอย่างฉะฉานในขณะที่มือของเขาก็ตบหัวของแม็คเล่น  ตรงที่เขาตั้งใจแน้นคำว่า  ‘ไอ้หนู’
“ผมไม่ใช่ไอ้หนูนะ”  แม็คเถียงอย่างเคือง
“ต้องใช่สิ  ก็ตัวเล็ก  กระเปี้ยก  แค่นี้เอง”  เขาตบหัวแม็คอีกครั้งและทำหน้ากวนๆ
“วีส  หยุดแกล้งแม็คซะที  รถมาแล้ว  จะไปไหม”
“..........ไอ้หนู..........ไอ้หนู..........ไอ้หนู..........”  วีสนั่งรถไฟไปร้องไป
“หยุดเถอะวีส  น่ารำคาญ”
“เจ๊  ก็ไปรำและก็คลานคนเดียวสิ  ..........ไอ้หนู..........ไอ้หนู..........”
“อย่าไปถือคนสติไม่ค่อยดีเลยนะแม็ค” แมรี่พูดอย่างเอ็นดู
“ผมไม่ถือหรอกครับ  ถึงผมจะเป็นแค่ไอ้หนูสำหรับพี่เค้า  พี่เค้าก็เป็นแค่ ‘ไอ้หมู’ สำหรับผมเหมือนกัน”  แม็คพูดแบบเน้นๆ
              แล้วต่อจากประโยคของแม็ค  จากเพลง  ไอ้หนู  ก็เปลี่ยนมาเป็น  เพลง  ไอ้หมู  ทุกคนรวมทั้งอลิซร่วมกันร้องเพลงนี้  โดยมีเรสวินเป็นมือกีตาร์  แต่วีสคนเป็นคนเดียวที่หน้ามุ่ย  และไม่ยอมร้องเพลง  เขานั่งกอดอกและบ่นกับตัวเองไปตลอดทาง
              เมื่อรถตู้มาส่งที่สถานีรถไฟแล้ว  ทุกคนก็รีบเดินทางไปที่รถไฟทันที  เพราะเวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว  ในที่สุดพวกเขาก็ขึ้นรถไฟกันครบตามกำหนด  วีสเกือบตกรถไฟเพราะมัวแต่ห่วง  บาร์บีคิวข้างทาง  บรรยากาศในรถไฟเหมือนเดิม  แต่แปลกที่พวกเขามีสมาชิกเพิ่มอีก  1  คนก็เท่านั้น
“ไงอลิซ  จะเล่าให้ฟังได้รึยัง”  พอลสะกิดอลิซ  ในขณะที่พวกเพื่อนๆของเขาหลับ
“อืมได้  ไปทางโน้นดีกว่า”
“แม็ค.....แม็ค.....มาทางนี้หน่อยสิ”  เธอสะกิดแม็คที่กึ่งหลับกึ่งตื่น
“เอาไปด้วยหรอ”
“ต้องไปด้วยสิ  ก็เขา.....”
“อืม  ฉันเข้าใจ”  เขาบ่นอย่างหงอยๆ  พี่พลาดโอกาสสำคัญ  และเดินนำหน้าไปที่ตู้ที่ไม่ค่อยมีคนนั่ง  อลิซจูงมือแม็คที่ดูเบลอๆเดินตามพอลไปติดๆ  เมื่อหาที่สงบๆได้  การสนทนาก็เริ่มขึ้นทันที
“เอาตั้งแต่ที่สถานีอนามัยเลยนะอลิซ” เธอพยักหน้า  และก็เริ่มเล่า
“หลังจากที่พอลไปแล้ว  ฉันก็แม็คก็ตกลงกัน  ก็เลยได้แผนมา  คือว่า  ฉันออกจากห้อง 008  โดยทำทีว่ากลับไปแล้ว  แต่เปล่าเลย  ฉันปลอมตัวเป็นพยาบาลผู้ช่วยแพทย์  และไปบอกหมอว่าคนไข้ห้อง 008 หายตัวไป  และพอพวกหมอและพยาบาลออกตามหา  ฉันก็รีบโทรไปหาตำรวจ  พอตำรวจมาฉันก็ปลอมตัวเป็นตำรวจ  พร้อมกับแม็คซึ่งปลอมเป็นตำรวจอยู่ก่อนแล้ว  พวกเราทำทีว่าจะไปสำรวจรอบๆสถานีอนามัยด้านนอก  แล้วเราก็แอบไปเรียกชาวบ้านมา  โดยบอกว่า  มีดารามาถ่ายหนังอยู่ในโรงพยาบาล  แต่แผนมันกลับได้ผลเกินคาด  ชาวบ้านเลยแห่กันมาเกือบทั้งหมู่บ้าน  กว่าเราจะฝ่าฝูงชาวบ้านออกไปได้ก็แย่เอาการ  แต่พอลไม่ต้องห่วงเรื่องคดีหรอกนะ  ไม่จำเป็นที่ตำรวจจะต้องสืบค้นคดีอีกต่อไปแล้ว  พวกนั้นก็ตายกันหมดแล้ว  อาวุธที่เก็บไว้นั่นก็ใช่ว่าจะมีใครรู้  ที่สำคัญเปอร์เซ็นต์ที่จะถูกคนพบมีแค่  0.01% เท่านั้น  เนื่องจากระยะทางและการคำนวณแล้วไม่น่าที่จะมีใครเข้าไปได้  จากปากถึงเขตซ่อนอาวุธก็ 6-7 กม. และตอนนี้สภาพถ้ำก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก  ประมาณกิโลเมตรที่ 4 จากปากถ้ำ  มีดินจับตัวกันปิดกั้นทางเดิน  แม้แต่แมวยังขุดเข้าไปไม่ได้  หากจะยังขุดอีกก็จะเจอน้ำ  ไม่มีอากาศหายใจ  ไม่มีทางเจออาวุธแน่นอน”
“แผนมันก็ดีอยู่หรอกนะอลิซ ..แต่ ..” พอลทึ่งในการคำนวณและแผนการของอลิซมากๆ  สามารถเป็นนักแกะรอยหรือไม่ก็ตำรววจได้อย่างสบายๆ
“แต่มันผิดกับหลักการของพอลใช่ไหมล่ะ”  เธอพูดอย่างรู้ทัน  และเห็นใจ
“ก็ไม่เชิง”  เขาตัดบท
“แต่ที่บอกว่าเหลืออีก  0.01 %  หมายความว่าไง” เขาถามต่ออย่างสงสัย
“แผนของพี่อลิซต้องไม่ผิดพลาดแน่  ผมเชื่อ  ไม่มีทางที่ใครจะเข้าไปได้  ที่นายถามหนะ  นายอยากจะได้อาวุธพวกนั้นใช่ไหมล่ะ”  แม็คที่ตื่นเต็มที่แล้วลุกขึ้นยืนและเถียงด้วยอารมณ์โกรธ
“ใจเย็นๆแม็ค  พี่บอกแล้วไง  ว่าพอลเป็นนักสืบ  เขาสามารถจะช่วยเราได้  เขาอาจจะมองเห็นจุดที่พี่มองข้ามไปก็ได้นะ”
“ว่าไงอลิซ”
“คือว่า  ถ้าหากมีการระเบิดถ้ำ  น้ำที่ขังไว้อาจจะถูกระเบิดออก  และอาจจะเกิดการค้นพบได้  แต่ถ้าจะคิดถึงความเป็นจริง  คงไม่มีใครระเบิดถ้ำนั้นหรอก  เพราะน้ำจากน้ำตกที่ถูกสะสมไว้จะท่วมคนทั้งเขาตายแน่”
“งั้นแผนนี้ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด  ผ่านไปได้  แล้วเรื่องของแม็คจะทำไงต่อ”
“ยังไม่ได้คิด”
“หา” พอลร้องอย่างตกใจ  เขาไม่เคยทำอะไรผิดกฏหมายมาก่อน  จึงตกใจมาก
“ก็ถึงอยากให้พอลช่วยไง”
“ อื่ม ................ ....................... ............... ..........”
“ให้แม็คมาอยู่ที่บ้านฉันดีกว่า” เขาพูดหลังจากเงียบไปสิบนาที
“ไม่นะ” แม็คครางและยืนขึ้นอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้อยากอยู่กับนายนักหรอก”  พอลรีบพูด
“และใครจะอยากอยู่กับนายล่ะ” แม็คสวนกลับ
“พี่คิดว่าพอลต้องมีเหตุผลแน่  แม็คใจเย็นๆหน่อยสิ”
“ครับ”  แม็คนั่งลงอย่างช้าๆพร้อมกับสงสายตาอาฆาตไปที่พอล
“อลิซ  เรามั่นใจว่าตำรวจจะต้องตามหาแม็คแน่  และต้องมีใครสักคนจำเขาได้ด้วย  แล้วอีกอย่าง  เจ้านี่ก็ให้ข้อมูลกับตำรวจไปมากแล้วไม่ใช่หรอ”
เธอสายหน้าช้าๆ  “ไม่เลยพอล  เขาแทบจะไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรกับตำรวจเลย”
“ทำไม”
“นี่  ถามมากไปแล้วนะ  ทำไมถึงไม่ไว้ใจพี่อลิซบ้าง  นายไม่อยากให้ฉันมากับพี่เค้าใจไหม”
“ใช่  แล้วนายก็เลิกตะโกนได้แล้ว  อยากให้คนทั้งรถไฟรู้รึไง”
“แม็ค  ใจเย็นๆหน่อยสิ  เชื่อพี่  ฉันเป็นคนสั่งให้แม็คทำอย่างนั้นเองล่ะพอล” 
“นายคงไม่เข้าใจเหตุผลหรอก  เรื่องบางเรื่องเป็นความลับย่อมดีกว่า  บางสิ่งที่เป็นปริศนา  อาจจะดีกว่า  ที่พอแก้ปริศนาแล้ว  ผลลับที่ออกมาอาจจะฆ่าคนทั้งโลกได้  เช่นเดียวกับคำว่า  เข้าใจ  ทุกคนมีเหตุผลในการกระทำกันทั้งนั้น  แล้วแต่ว่าจะดีหรือไม่  มากหรือน้อยก็เท่านั้น  และที่สำคัญ  เจ้าตัวรู้หรือไม่รู้”  เขามีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที  คำเหล่านี้เข้าไปในร่างกายจนทำให้เขาขนลุก 
“ตอนนี้ตำรวจไม่รู้ว่าแม็คเป็นใคร  แม็คอยู่บนเขานานๆทีละลงไปที่หมู่บ้าน  ไม่ค่อยมีใครรู้จักเขาหรอก”
“แล้วเข้าจะอยู่กับพวกเราตลอดไปหรอ”
“ใช่  และ  ไม่  แค่อาจจะเท่านั้น  ฉันจะให้เขาเลือกเอง  เมื่อถึงเวลา” เธอบีบมือแม็คเบาๆ  เขาดูเหมือนจะตกใจกับประโยคคำพูดที่ยาวของอลิซก่อนหน้านี้
“แล้วตอนนี้จะทำไง  ในเมื่อเขากลายเป็นคนไร้ชื่อในประเทศนี้ไปแล้ว”
“เรื่องนี้แหละที่ฉันอยากให้พอลช่วย”
“ยังไง?” เขาทำหน้างง
A  Comple  On  The  Way  And  Magic  ;  ความกดดันระหว่างทาง และ เวทมนตร์
“ข้อมูลปลอมหนะหรอ?”
“ไม่.....ฉันอยากให้เขามีชีวิตอย่างถูกต้องมากกว่า”
“มันผิดตั้งแต่ที่เธอพาเขาออกมาจากที่นั่นแล้ว”
“ไม่......ฉันหมายถึงหลังจากนี้”
“ฉันอยากให้พอลช่วยคุยกับสารวัตรแครส
“....แต่............................”
“ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือพอล.....เขาจะไปในทางที่ถูกต้องหรือไม่ขึ้นอยู่กับนาย.....ถ้าผิดตั้งแต่แรก.....คิดดูละกันว่าต่อไปเข้าจะเป็นอย่างไร.....นี่แค่เพื่อการเริ่มต้นที่ดีเท่านั้น” 
              หลังจากที่อลิซหยุดพูดเพื่อให้พอลได้คิด  บรรยากาศในรถไฟเงียบสงัด  ถ้าหากตัดเสียงรางรถไฟกระทบกับเครื่องยนต์ออกไป  เธอมองแม็คที่เพิ่งหลับไปเมื่อประมาณ 10 นาทีก่อนอย่างพิจารณา  หากเขาได้ไปอยู่กับพอลจะดีกว่าที่เขาจะต้องมาอยู่กับเธอ  เธอไม่อยากให้เขามาลำบากกับเรื่องราวต่างๆ  ไม่ยากให้เขาได้เข้าไปในทางที่ผิดๆเหมือนที่เธอได้ประสบมา
“ได้” พอลตอบสั้นๆ  แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่น
“ขอบใจนะ” เธอยิ้มอย่างโล่งอก  เมื่อได้ฟังคำตอบที่เธอต้องการ
   
          พอลเพิ่งเริ่มมั่นมั่นใจในสายตาตัวเอง  เมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา  อลิซดูเป็นคนธรรมดา  แต่จริงๆมันไม่ใช่  เธอเป็นคนทำให้เขาทึ่งเป็นครั้งๆคราวๆ  เธอมีเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่ที่เขาหรือใครต่อใครไม่อาจจะหยั่งรู้ได้  และข้อนี้ทำให้เธอตัดสินใจอะไรต่อมิอะไรด้วยตัวของเธอเอง  อาจจะไม่ถูกในสายตาของคนอื่น  แต่เธอก็ไม่แคร  ที่สำคัญ  เธอสามารถทำให้คนรอบข้างรู้สึกถึงสิ่งที่เธอต้องการ  อยากน้อยก็เขานี่แหละเป็นหนึ่งในนั้น  คำพูดที่กดดันก่อนหน้านี้สักครู่  ถ้าต่อด้วยการสั่งให้เขาโดดลงจากรถไฟแล้วละก็  เขาอาจจะไม่รู้ตัวและโดดลงไปจริงๆก็ได้  จะมีใครอีกไหมน้าที่คิดเหมือนเขา  ตอนนี้เธอเหมือนได้สลัดทุกข์ทั้งหมดออกไป  นั่นทำให้จิตใจของดูสดชื่นขึ้นตามไปด้วย  และคำถามต่างๆก็หยุดจากหัวสมองของเขา  เพราะมีคำถามหนึ่งที่เขาไม่สามารถตอบได้ในตอนนี้ด้วยคือ  เธอเป็นใครกันแน่?
“คิดอะไรอยู่พอล”  อลิซถามเมื่อเห็นพอลบางทีก็นั่งอมยิ้มบางทีก็ทำหน้าแปลกๆบางทีก็ทำหน้าสงสัยสลับไปสลับมาเหมือนจิ้งจกเปลี่ยนสี
“ก็กำลังคิดว่า.....อลิซมีเวทมนตร์รึเปล่า”
“บ้าหรอ.....ถ้ามีเรื่องมันจะวุ่นวายขนาดนี้หรอ” เธอแสร้งทำโมโหกลบเกลื่อนความอาย  ที่กำลังจะทำให้เธอหน้าแดงอยู่ตอนนี้  เธอเขาใจว่าพอลกำลังคิดอะไรอยู่  และความหมายของคำว่า  ‘เวทมนตร์’  เมื่อไม่อยากมองหน้าเขาในตอนนี้  เธอจึงหันหน้าหากระจก  และอีกไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็เผลอหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
              ในที่สุดโลกก็ถูกปกคลุมด้วยความมืด  ไม่มีเสียงจิ้งหรีด  ลมเย็นๆที่พัดผ่านตลอดถูกปิดกั้นด้วยตึกใหญ่อันสูงตระหง่าน  แสงไฟหลากสีสัน  ส่องประกายตามข้างทาง  เพลง  Rock  ดังสนั่นกลบเสียงการสนทนาและการกระทำต่างๆทั้งหมดรอบบริเวณนั้น  ไกลออกไปจากแหล่ง  CDL  เป็นสิบสิบกิโลเมตร  เป็นย่านที่พักอาศัย  บรรยากาศดูครึ้มๆ  มีไฟสีเหลืองอ่อนๆประดับอยู่ตามจุดต่างๆ  ทั้งบ้านหลังใหญ่น้องถูกจัดสร้างให้ตั้งขนานกันอย่างมีระเบียบ  แสงไฟลอดออกมาจากทางหน้าต่างของบ้านบางหลัง  แต่มิได้มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาด้วย  ทุกอย่างล้วนเงียบสงบ
              ความเงียบหายไปในเช้าของวันใหม่  นกฝูงหนึ่งบินผ่านไปผ่านมาพร้อมกับเสียงร้อง  ชีวิตอันหลากหลายส่วนหนึ่ง  ถูกรบเร้าให้ตื่นขึ้นด้วยความเต็มใจและไม่เต็มใจ  เพื่อที่จะต้องปฏิบัติภารกิจและหน้าที่อันเดิมๆของพวกเขา
              อาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  พอลจัดการเรื่องของแม็คได้อย่างไม่ค่อยจะราบรื่น  แต่ก็สำเร็จ  แมรี่วิ่งวุ่นอยู่กับการแสดง  เธอตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า  วีสยังบ้าฟุตบอกเหมือนเดิม  เขาโดดการทำฉากมาสามครั้ง  นั่นเป็นสิ่งที่แมรี่โกรธมาก  และเธอจะอารมณ์ไม่ดีอยู่เสมอหากได้ยินคำว่า  ‘ฟุตบอล’ 
              การซ้อมและการทำฉากเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ  จน ณ บัดนี้เหลือที่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยอยู่อีกแค่ 5%  เท่านั้น  แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้แมรี่ก็ยังดูไม่ค่อยพอใจกับผลงานสักเท่าไหร่  เธอสั่งโน่นสั่งนี่ทุกๆ 2 นาที  เมื่อวีสกลับมาจากที่โดดไป 2 วันต่อ 1 สัปดาห์  เขาก็โดนใช่อย่างหนักจนน้ำหนักลดไป 4 กก.  นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาบ่นตลอดทั้งวันขณะถูกใช้  แต่เหมือนแมรี่จะไม่ได้ยิน  หรือไม่ก็ไม่สนใจนี่แหละ
              จากเดือนมกราคมก็กลายเป็นเดือนกุมภาพันธ์  ทุกอย่างเรียบร้อยและเป็นไปได้ด้วยดี  ในเรื่องการแสดง  ก็เรียบร้อยดีมากๆแล้ว  แต่ก็ยังไม่ถึงขึ้นเพอร์เฟกต์  ซึ่งแมรี่ก็ตินิดติหน่อยอยู่  แต่ก็น้อยลงกว่าก่อนมาก  สิ่งที่ยังไม่ลงตัวดูเหมือนจะมีอยู่เรื่องเดียวนั่นคือ  เรื่องของแม็ค  จะว่าเป็นเรื่องของแม็คอย่างเดียวก็ไม่ถูก  เพราะเรื่องนี้มีพอลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  สองคนนี้อยู่ด้วยกันมาเป็นเดือนแล้ว  แต่ยังเข้ากันไม่ได้  วันหนึ่งพวกเขาสองคนจะทะเลาะกันด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง  อย่างน้อยวันละ 2-3 เรื่อง  อย่างมากๆก็ 5 เรื่องถือว่าสุดๆ  คนที่ปวดหัวที่สุดดูเหมือนจะเป็นอลิซ
“นี่นายแม็ค  เลิกทำเสียงเอะอะตอนกลางคืนได้ป่ะ”
“เอะอะ  บ้าหรอ  ใครจะมานั่งทำเสียงแบบนั้น”
“โกหก  ถ้าไม่ใช่นายแล้วใคร”
“นายเองนั่นแหละ  บางคืนฉันก็ได้ยิน”
“นี่อย่ามาโทษฉันนะ”  “ฉันเป็นเจ้าของบ้าน”
“คิดหรอ  ว่าอยากอยู่  ถ้าไม่เพราะพี่อลิซนะ  ฉันออกไม่ตั้งแต่วันแรกแล้ว”
“หยุด !!!” เสียงตะโกนพร้อมกับประตูที่ถูกผลักออกด้วยแรงโมโห
“เมื่อไหร่จะเลิกทะเลาะกันซักที”
“กี่นายนี่เริ่มก่อนนี่”
“อ้าวก็ตอนกลางคืนพอได้ยินเสียงแล้วฉันนอนไม่หลับนี่  ถ้านายไม่ทำแล้วใครทำ”
“จะเถียงกันอีกนานไหม”
“เห็นไหม  เพราะนาย  พี่อลิซเลยโกรธ”
“เค้าโกรธนายนั่นแหละ”  พอหันไปทางอลิซอีกที  จุดนั้นก็กลายเป็นที่ว่างเปล่าเสียแล้ว
“อ้าวไปไหนซะแล้วล่ะ”
“แล้วฉันจะรู้มะ”
“พูดงี้ก็สวยสิ”
ฟรืบ !!!  อลิซปรากฏตัวอีกครั้งเหมือนหายตัวไปไหนมาไหนได้
“อ่ะ  นวม  ต่อยกันเลยสิ” อลิซยื่นนวมของจริงให้พอลกับแม็ค  บรรยากาศในห้องเงียบกริบเหมือนไม่มีสิ่งมีชีวิต  เพราะพวกเขาเสียงอันแสนหวานที่ยั่วยวนให้ฆ่ากันของอลิซ
“อ๋อ.....คงไม่พอสินะ”  ขนที่แขนของแม็คตั้งชันขึ้น  พอลรู้สึกเสียวๆหลัง
“นี่ไปเลยนะกัน”  อลิซส่งมีดสีเงินประกายขนาดพกพาให้พอลกับแม็ค  ทั้งสองเริ่มกลืนน้ำลายไม่ถนัด
“หรือว่ายังไม่พอ.....จะเอาอาวุธอะไรอีกล่ะ.....บอกสิ.....จะไปหาให้”  ทั้งสองยิ่งเงียบ  ลมหายใจของทั้งสองแผ่วเบา  อลิซดูน่ากลัวแปลกๆยังไงก็ไม่รู้
“อะ.....อะ.....เอ่อ.....ไม่ต้องหรอก  เราแค่เข้าใจผิดกันนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง  จริงป่ะ”  พอลหันไปเขย่าแม็คที่เริ่มหายใจขัดๆ
“บะ  บ้า  หรอ  เฮ้ย  ครับๆ”
“อืม  งั้นก็ดีแล้ว”  อลิซเปลี่ยนสีหน้าทันที  เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แม็ค”
“ค  ค  ค  คะ  คะ  คะ  ครับ”
“วันนี้ไปค้างบ้านพี่นะ”
“ได้หรอครับ” แม็ครีบถามกลับอย่างดีใจ  อาการติดอ่างหายไปทันควัน
“อื่ม”  เธอลากเสียงยาว
“ทำไมล่ะอลิซ”
“ก็จะได้รู้กันเลยไง  ว่าเสียงที่พอลได้ยินเป็นเสียงของแม็ครึเปล่า”
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง”
“ไม่เป็นไรหรอก  แม็คจะได้เปลี่ยนบรรยากาศมั่งไง  แล้วพอลกจะได้รู้ความจริง”
              ดังนั้นแม็คจึงไปค้างบ้านอลิซ 1 คืน  แต่พอลก็ยังได้ยินเสียงตอนกลางคืนอยู่ดี  และวันรุ่งขึ้นดูเหมือนเขาจะจับตัวคนร้ายได้แล้ว  มันเป็นหนูสีเทาๆตัวใหญ่  พอลจับได้ขณะที่มันกำลังวุ่นอยู่กับถังขยะที่ห้องครัว
Too  Lots  ;  มากเกินไป
              เรื่องราวต่างๆเป็นไปได้ด้วยดี  ผลสอบออกมาแล้วเช่นกัน  ไม่มีใครสอบตก  แน่นอน !  พอลได้ที่หนึ่ง  เป็นไปตามที่คาดหมายของใครหลายๆคน  ตามมาด้วยเรสวิน  ได้ที่สอง  คะแนนตามพอลติดๆ  เขาดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่  วีสได้ที่สิบสอง  ไม่ต้องถามเลยว่าดีใจหรือไม่  วินาทีที่ห้าหลังจากรับผลสอบมาจากมืออาจารย์เท่านั้นแหละ  เขาก็ตะโกนออกไปว่า “ YEA !!! ไม่เสียแรงที่แอบถวายหัวหมูที่เสาธงเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา”  และก็ตามด้วยแรงอันมหาศาลที่รีบวิ่งกลับบ้านด้วยความเร็วเหมือนถูกไฟครอก  เพื่อไปบอกพระบิดาและพระมารดาของเขา  เขาไม่เคยภูมิใจมากขนาดนี้มาก่อน  เพราะปกติจะได้ที่ 20 ลง 
              อลิซถือผลสอบแล้วหน้าเสีย  สั่นหัวไปมากับผลสอบของตัวเอง  เธอลองคิดตั้งหลายรอบว่าตอนนี้เธอฝันอยู่รึเปล่า  จนพอลสังเกตเห็นอาการของเธอ 
“ทำไมอลิซ.....คะแนนไม่ดีหรอ” พอลถามอย่างเป็นห่วง  ตอนที่เขาติวให้อลิซ  ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่  และเขาก็ดึงผลสอบที่อยู่ในมืออลิซมาอ่าน
“ที่ 4 ก็ดีนี่  ได้วิทยาศาสตร์เต็มด้วย  เก่งนี่”
“นั่นแหละที่แย่” เธอพึมพำ  พอลดูผลสอบอีกครั้งแล้วก็ทำหน้า งง
“ช่างมันเถอะ” อลิซตัดบท  พอลหันมาดูที่มือของตนอีกครั้ง  ดูเหมือนตัวเขาเองกำลังจับอากาศอยู่  ทั้งๆที่เมื่อสักครู่ผลสอบของอลิซยังอยู่ในมือ  ‘มันหายไปไหนแล้วล่ะเนี่ย’ เขาคิด  และพอดูอีกทีอลิซกำลังหยิบผลสอบนั่นใส่กระเป๋า  คำถามเดียวที่อยู่ในหัวของพอลคือ ‘ เธอทำได้ไง ’ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะถาม
“HEY !!  ALICE”
“ไง.....แทน......ไม่ได้เจอกันนานเลย”
“ได้ที่เท่าไหร่ล่ะ” อลิซถาม
“ตาไวจังนะ.....20 หนะ.....แล้วอลิซล่ะ”
“4”
“หา.....ที่ 4....ตายแล้วอลิซ”
“อะแฮ่มๆ” พอลขัดจังหวะเสียงดัง  เขางงกับการสนทนาของอลิซกับแทน  มันหมายความว่าอะไรหรือ  พอได้ดีกลับบ่นกันว่าแย่ ตายแล้ว  พอได้ที่ 20 กว่าๆกลับบอกว่าดี 
“อลิซเราไปก่อนนะ.....แล้วเจอกันที่วัน W” แทนไม่ได้สนใจการขัดจังหวะของพอลแม้แต่น้อย  เขาทำเป็นไม่ได้ยิน  และลาอลิซทันที
“จ้า.....แล้วเจอกัน”
“อะไรคือ W” พอลถามตรงๆซื่อๆ
“ความลับจ้า” ว่าแล้วอลิซก็รีบเดินต่อ
ตี๊ด ๆ  ตี๊ด ๆ มือถือของอลิซที่มีลูกกลมๆ  รีๆ  เล็กๆ  ขาวๆ  นุ่มๆ  ห้อยอยู่สั่นและดังขึ้น
“HELLO”
“พี่อลิซอยู่ไหนแล้วครับ”
“ใกล้ถึงบ้านแล้วจ้า......มีอะไรตึเปล่า”
“เปล่าครับ.....รีบๆกลับบ้านนะ”
“อืม” การสนทนาทางโทรศัพท์จบลงเพียงเท่านี้
“แม็คหรอ”
“อืม”
“เราว่าอลิซให้เด็กคนนั้นมากไปรึเปล่า”
“ให้อะไร”
“ความหวัง  ความไว้ใจ  ความสงสาร  ความเมตตา  และก็หลายๆอย่าง”
“ทำไม? พอลถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
“เด็กนั่นติดอลิซแจเลยนะ  พอไปไหนมาไหนก็คอยโทรตาม  เค้าอยากอยู่กับเธอตลอดเวลา”
“ก็ธรรมดานี่  เค้าเพิ่งเสียพ่อแม่ไป  จะให้เฮฮา ดีใจ ได้ไงเล่า”
“ไม่ใช่อย่างนั้นอลิซ  สำหรับเด็กคนนั้นแล้ว  อลิซคือทุกอย่างที่เขามีตอนนี้มากกว่า”
“แค่พี่สาวเท่านั้นแหละ”
“เรามั่นใน 100% ว่าไม่ใช่อย่างนั้นแน่  หรือว่าอลิซมั่นใจล่ะ”
“..............................................” เธอไม่กล้ามองหน้าพอลเลย  ที่เค้าพูดมาจริงทั้งหมด  แต่ว่าจะให้เธอทำยังไงล่ะ?  เธอก็แค่อยากให้แม็คมีชีวิตที่ดีเท่านั้นเอง
“กันไว้ดีกว่านะอลิซ.....เธอน่าจะสอนให้เขามีชีวิตแบบช่วยเหลือตัวเอง.....เค้าอยู่กับเธอตลอดชีวิตไม่ได้หรอก.....ถ้าเกิดเธอทำให้เขาผิดหวังขึ้นมา.....เค้าจะไปต่อด้วยตนเองไม่รอดแน่ๆ.....อย่าผูกเงื่อนไว้มากเกินไปนะอลิซ  มันอาจจะเป็นเงื่อนตาย  แก้ยากจนถึงต้องตัดขาด.....ก็เป็นได้”
“ถ้าถึงวันนั้น  นายช่วยดูแลเขาแทนฉันจะได้ไหม”
“ไม่.....เขาต้องดูแลตัวเอง”
              สิ่งที่พอลพูดมันจริงทุกอย่าง  ยิ่งพูดก็ยิ่งถูก  ไม่มีอะไรผิด  เธอห่วงเด็กคนนั้นมากเกินไป  ทั้งๆที่เธอก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้คิดกับเธอแค่พี่สาวแน่  และคำพูดที่พอลเอ่ยออกมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจนั่นแหละที่ทำให้เธอกังวล  ‘ถ้าเธอทำให้เขาผิดหวังขึ้นมา.....เค้าจะไปต่อด้วยตนเองไม่รอดแน่ๆ’  เรื่องนี้มีโอกาสที่จะเป็นอนาคตที่จริงขึ้นมาก็ได้  หากความลับแตกขึ้นมาล่ะก็เขาจะทำยังไง  อยู่ยังไง  ความเชื่อมั่นที่ฝากไว้กับใครคนหนึ่งจะหายไปรึเปล่า  เขาจะยอมรับเธอในฐานะพี่สาวอีกได้ไหม  ปัญหานี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ซะแล้ว  ไม่ใช่แค่แม็คคนเดียว  มันครอบคลุมถึงทุกคนที่ๆเธอรู้จัก  และเหล่าเพื่อนๆที่เธอรัก
              อลิซเดินไปจนถึงบ้านพร้อมกับพอลเหมือนทุกๆวัน  แต่ต่างจากวันนี้ไม่ใช่วันที่มีเรียนแต่เป็นวันรับผลสอบก็เท่านั้น
“อ้าวแม็ค.....หวัดดีจ้า” แม็คมายืนรอรับอลิซที่หน้าบ้าน  มันก็เหมือนๆทุกวัน  แต่วันนี้มันดูแปลกๆพิกล 
ซึ่งเธอก็คิดว่า  ‘เธออาจจะคิดไปเองมั้ง’
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าจ๊ะ” เธอรู้สึกว่าแม็คเดินแบบคนเจ็บขา  ตัวของเขาดูสั่นๆ
“ครับ” เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่า  นอกจากแม็คที่มาดักรอเธอที่หน้าบ้านแล้วยังมีเพื่อนของเธอและคนที่เธอรู้จัก  รอเธออยู่ในบ้าน  เธอถูกเพื่อนๆลากไปยืนอยู่ในใจกลางของบ้านพร้อมๆกับพอล
“มีอะไรหรอ” เธอมองเพื่อนๆแต่ละคนสลับกันไปมา  ด้วยความรู้สึกแปลกๆ  เสียวๆ  เหมือนมีลางไม่ดีอะไรสักอย่าง
“อลิซขอโทษนะที่พวกเราต้องทำแบบนี้”
“ทำไมหรอ?  ทำอะไร?  ฉันไม่เข้าใจ”  ความวิตกกังวลปรากฏขึ้นที่หน้าของอลิซ
“พี่อลิซ.....พี่บอกพวกเขาไปสิ.....ว่าพี่......ไม่ใช่.....ไม่ใช่” แม็คพูดตัวสั่น 
“เกิดอะไรขึ้น” เธอพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา  จนคนอื่นแทบจะไม่ได้ยินเสียง
“A25/26” แทนเข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าอลิซ
“พวกเขารู้กันหมดแล้วอลิซ”  และตำรวจหลายนายก็วิ่งเข้ามาล้อมอลิซ
“เกมส์จบแล้ว” พอลพูดด้วยเสียงอันเย็นชา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น