ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Voice And A Health Center ; เสียงและสถานีอนามัย
Voice  And  A  Health  Center  ;  เสียงและสถานีอนามัย
              นี่เป็นวันที่สองแล้วที่พวกเขาได้มาถึง  ณ  ภูเขา กรี กรี  อากาศยามเช้าไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่  ฝนตกปลอยๆเมื่อตอนหกโมงกว่าๆ  ถึงอากาศจะเป็นเช่นนั้น  ก็มิอาจสามารถทำลายความสุขของเธอได้  ตอนนี้กลุ่มเมฆฝนเคลื่อนที่และสลายตัวไปในที่สุด  เปิดให้แสงอาทิตย์ส่องผ่านลงมาสู่โลก  น้ำฝนทำให้ภูเขาแห่งนี้ดูชุ่มชื้นสดใส  ลมเย็นๆยังคงพัดไปพัดมาตลอด
กรี๊ด !!!  กรี๊ด !!!
ตึก !!!  ตึก !!!  เสียงฝีเท้าดังสนั่นเป็นจังหวะอยู่สักครู่  แล้วก็หยุดลง
“เกิดอะไรขึ้น” วีสและพวกผู้ชายถือ ไม้กวาด  ไม้แขวนเสื้อ  ไม้ถูพื้น  ที่โกยขยะ  ฯลฯ  มารวมกัน ณ จุดที่เป็นต้นตอของเสียงกรีดร้อง
“ต...ต...ตะ...ตะ...ตุก...ตุ๊ก...กะ...แก”  แมรี่พูดด้วยเสียงอันสั่นเทา  ไม่ใส่แค่เสียงเท่านั้น  มือของเธอ  ขาของเธอ  ทั้งตัวเลยนั่นแหละที่สั่น  แมรี่ในตอนนี้  ไม่ผิดกับ  พวกที่กำลังถูกเจ้าเข้า  เธอสั่นอยู่ในห้องครัวและที่ตู้เย็นมีตุ๊กแกตัวเบ้อเริ้มเกาะอยู่อย่างแนบแน่น
“ฮะ...ตุ๊กแก...นี่เจ๊...ปลุกพวกเราเพราะเรื่องแค่นี้หนะหรอ”  แมรี่ยังคงสั่นเธอไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย  อย่าว่าแต่โกรธเลย  เธอไม่กล้าแม้แต่ขยับปากหรือส่วนไหนของร่างกายแม้แต่น้อย
“เฮ้อ” วีสครางและทุกคนที่อยู่ในห้องครัวก็วางอาวุธ (ไม้กวาด  ไม้แขวนเสื้อ  ไม้ถูพื้น  ที่โกยขยะ)
              วีสและพอลจัดการต้อนตุ๊กแกให้วิ่งออกจากบ้านอย่างยากลำบาก  ถ้าไม่ทำเช่นนี้พวกเขาจะอดกินข้าวกันหมด  เช้านี้พวกเขาหมดแรงไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง  และวีสก็บ่นไม่หยุดเลยหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง
“วีสขอร้องเลิกบ่นเถอะ...เรารู้แล้ว...รู้ตั้งนานแล้วด้วย...ว่าเธอต้องแหกตาตื่นเพราะตุ๊กแกตัวเดียว” เอฟพูดขณะทานข้าวต้มหมู  แต่วีสก็เงียบได้เพียงแค่ 3 นาทีหลังจากนั้นเท่านั้น
“เฮ้อ....น่าเบื่อ” เรสวินพูดแล้วก็เดินออกไปแช่น้ำร้อนอยู่คนเดียว
“เห็นไหมวีส.....คนอื่นเค้ารำคาญ” ออฟพูดต่อแล้วดื่มนมเข้าไปอึกใหญ่
“แล้วทำไม? ไม่ว่าคุณเจ๊มั่งล่ะ” วีสพูดแบบงอนๆ
“ก็คนมันกลัวอ่ะ? จะให้ทำไงล่ะ? ขอโทษไปแล้วด้วย  จะเอาอะไรอีก” และหลังจากนั้นแมรี่กับวีสก็ทะเลาะกันอีกยกใหญ่
“เฮ้อ”  พอลและแฝดทั้งสองถอนหายใจยาวยืดแล้วก็แยกย้ายกันไป  เหลือให้คู้กัดทั้งสองทะเลาะ  เพื่อรอให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหยุด
   
              หลังจากศึกสงบเป็นเวลาสิบห้านาที  แมรี่ก็เรียกทุกคนรวมกันที่หน้าบ้านพักซึ่งมีต้นไม้ใหญ่คอยเป็นร่มแทนหลังคา  ทุกคนนั่นลงอย่างเหนื่อยๆ  และสิ่งเดียวที่พวกเขาคิดเหมือนกันคือ  จะมีศึกยกใหม่อีกไหมน้า
“เอาล่ะนะ.....วันนี้พวกเราจะไปแถวน้ำตก.....เราเคยไปมาแล้วแหละ....สวยมากๆเลย.....นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วด้วย.....น้ำตกก็คงไม่เย็นมาก.....พวกเราจะได้เล่นกัน.....แล้วเราก็ไปกินอาหารกลางวันกันที่โน่นเลยละกัน.....ดีป่ะ”
“อืม”
              เมื่อคณะเดินทางพร้อมแล้ว  ก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากบ้านพัก  แรกๆก็เดินทางไปด้วยดีอยู่หรอก  แต่พอเดินไปได้ 1 ชม. แล้ว  ก็เริ่มมีเสียงบ่นมาเป็นระยะระยะ  ‘เมื่อไหร่จะถึงสักที’  ‘นี่ขาฉันจะต้องลากดินไปถึงไหน’  ‘โอ๊ย !!! แล้วขากลับจะเดินไหวไหมเนี่ย’  และเวลาบ่ายโมงกว่าๆก็ถึงพอดีพร้อมกับเสียง
“WoW”
“สวยจริงๆด้วย”        
“เหมือนในหนังเลย”     
 
“น้ำใส....ดูสิเห็นปลาสีเทาตัวนั้นเลย”
“จะรออะไรล่ะ......ลงไปเล่นให้หายเหมื่อยดีกว่า”  วีสร้องและโดดลงไปคนแรกพร้อมกับทำเสียงเหมือนคนป่า
“โฮ...ฮี้...โฮ...ฮี้...โฮย”  และทุกคนก็ลงน้ำตามแต่ไม่ใช่ในแบบที่วีสทำก็เท่านั้น
“55555....สนุกเป็นบ้าเลย” วีสจับปลาตัวเล็กได้  เขาถือมันขึ้นมาและอวดให้คนอื่นดู  ความจริงเขาไม่ได้จับด้วยมือเองหรอก  ปลามันว่ายเข้าไปติดในเสื้อของเขาโดยบังเอิญก็เท่านั้น  พอทุกคนได้ดูเสร็จก็ชม 
ยกเว้นแมรี่  เธอพูดเล่นๆว่า  “ปลาคงหลับอยู่ล่ะสิ”  วีสก็ยิ้มๆและปล่อยปลาตัวนั้นไปแล้วหันหลังไปบ่นให้กับตัวเองว่า “คุณเจ๊นี่รู้ทันไปซะหมดทุกเรื่อง”
              เวลาผ่านไป 1 ชม. ทุกคนก็เริ่มทยอยขึ้นจากน้ำ  แล้วมานั่งรอบกองไฟที่อลิซเป็นคนก่อขึ้น  เพราะทุกคนเริ่มมีอาการหนาวสั่น  อย่างเห็นได้ชัด  แม้ว่าจะได้เปลี่ยนชุดที่ได้เตรียมกันมาแล้วก็เถอะ  แต่พอเวลาอลิซแจกอาหารที่เตรียมกันมา  ทุกคนก็เหมือนจะลืมความหนาวนั้นไปสิ้น  แต่กลับมาคิดเรื่องความหิวแทน
“เรสวินเอากาแฟไหม” อลิซถามเมื่อเห็นเขายังนั่งสั่นๆอยู่
“อื่ม....ขอบใจ” เขารับกาแฟมาจากมืออลิซ  แถมยังดื่มไปยิ้มไปอีกต่างหาก  พอลเห็นแล้วก็หน้าไม่พอใจ  พออลิซหันกลับไปหาพอล  เขาก็เบนหน้าหนีไปทางอื่น  แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปนั่งที่ที่ไกลออกไปจากเธอทันที
“ลา...ลัน...ลา...ลัน...ลา...ลัน...ลัน...ล้า” วีสร้องเพลง  ทุกคนรีบเอามือขึ้นมาปิดหูอย่างอัตโนมัติ
“อย่าร้องเลยวีส....ให้เอฟกับออฟร้องดีกว่า....เดี๋ยวเราเล่นกีตาร์ให้” เรสวินพูดอย่างรำคาญ  แล้ววงดนตรีกลุ่มเล็กๆก็เริ่มขึ้น  แต่วีสก็ยังอุสาห์คอยเป็นเสียงประสานให้  แม้ทุกคนจะบอกว่าไม่ต้องหรอก  แต่เขาก็ยังทำ
“ขอโทษ” อลิซพูดน้ำเสียงแสดงความสำนึกผิดสุดๆ  แต่เขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านแม้แต่น้อย  แม้แต่หน้ายังคงอยู่กับที่  ไม่หันมามองด้วยซ้ำ  ทำเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงนั้น
“พอล” อลิซเรียกเธอเอามือเขย่าแขนพอลเบาๆให้รู้สึกตัว
“......................................”
“ขอโทษ....”
“.......................................” 
อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ    ‘นี่เค้าหายใจอยู่รึเปล่านะ ?’  เธอคิด
“นี่แมรี่เดี๋ยวอลิซจะไปทางโน้นหน่อยนะ....เอ่อ....พอลก็ไปด้วย....เจอกันที่บ้านพักเลยละกันนะ”  อลิซวิ่งไปบอกแมรี่แล้วก็วิ่งกลับมาหาพอลที่กำลังยืนรอให้อลิซบอกความจริงกับเขา
“นายอยากรู้เรื่องนักใช่ไหม?”
“............”
“ก็ได้....ok .ยอมแพ้แล้ว”
              อลิซพาพอลลงเขา  ความจริงเธอตั้งใจจะลงไปคนเดียวมากกว่า  แต่เพราะเขายังคงโกรธเธอยู่และต้องการรู้ความจริงให้ได้  เขาดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจเดินตามเธอเท่าไหร่นัก  เพราะเธอไม่ได้บอกเขาว่าจะพาเขาไปไหน  ระหว่างทางมีแต่เสียงนกเสียงกาและสัตว์น้อยใหญ่อื่นๆ  ถ้าตัดเสียงพวกนี้ออกไป  ก็จะเหลือแต่ความเงียบ  ในที่สุดก็ถึงที่ที่อลิซต้องการจะมา
“สถานีอนามัย” พอลอ่านป้ายที่ติดอยู่หน้าอาคารใหญ่ตรงหน้า  และนี่คือคำแรกของช่วงเวลาที่พอลอยู่กับอลิซในวันนี้
“เข้าไปด้านในกันเถอะ”  อลิซเดินนำพอลเข้าไปในสถานีอนามัยที่ค่อนข้างว่าง  เธอเดินจนเข้ามาถึงห้อง 008 ป้ายหน้าห้องมีชื่อติดไว้
“Muntitun  Max” พอลอ่านป้ายนั้น  แล้วทำหน้าสงสัย  อลิซเคาะประตูสามที  แล้วจึงเปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ
              เด็กชายผิวคล้ำนอนอยู่บนเตียง  ข้างเตียงมีสายน้ำเกลือสองขวด  ที่มือของเด็กชายคนนี้มีผ้าพันมือของเขากับสายน้ำเกลือไว้  และตามร่างกายมีผ้าพันแผลปิดไว้เป็นจุดๆ  นอกจากเด็กชายคนนี้แล้วในห้องนั้นมีพยาบาลแก่ๆอยู่ด้วยคนหนึ่ง
“อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ”  อลิซเดินเข้าไปยืนข้างเตียงแล้วถามพยาบาลแก่ที่เฝ้าไข้อยู่  แต่ไม่ทันจะมีคำตอบออกจากปากอันเหี่ยวย่นของนางพยาบาลแก่คนนั้น  ตาที่บวมกล่ำที่เปิดขึ้น  ตามมาติดๆกับน้ำเสียงแห่งความดีใจ
“พี่อลิซ” แม็คร้องขึ้นอย่างดีใจตื่นเต้น  แล้วก็ลุกขึ้นนั่งอย่างอัตโนมัติ  ไม่มีอาการเจ็บที่แผลเหมือนตอนที่อยู่กับนางพยาบาล  เมื่อพยาบาลแก่เห็นก็ส่งสายอันแข็งกร้าวมาที่แม็คทำให้เขาหุบยิ้มทันที  แต่แม็คก็ยิ้มอีกครั้ง  เมื่อพยาบาลคนนั้นออกจากห้องไป 
“เป็นไงมั่งจ๊ะ”
“ก็ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย....แต่พอพี่อลิซมา....มันก็ไม่เจ็บแล้วล่ะ....นึกว่าพี่อลิซจะทิ้งผมแล้วซะอีก”
“อะแฮ้มๆ”
“อ้าว....ใครกันล่ะเนี่ย?....เมื่อกี้ไม่เห็นจะเห็นเลย....แฟนพี่อลิซหรอครับ”
A  Story  From  Request  ;  เรื่องเล่าจากคำขอร้อง
“อ๋อ.....นี่พอล” อลิซแนะนำโดยที่ไม่ยอมตอบคำถามที่สอง
“เป็นอะไรกับพี่อลิซล่ะครับ” แม็คยังคงถามอีกครั้งเพราะอยากรู้จริงๆ  ในขณะที่มือของเขาวุ่นอยู่กับสายน้ำเกลือที่พันกันอย่างยุ่งเหยิง
“เป็นเพื่อน.....พวกเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน.....ก็แค่นั้นแหละ” เธอมองหน้าพอลที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วตอบคำถามอย่างช้าๆ
“เฮ้อ.....นึกว่าเป็นแฟนซะอีก.....อย่างนี้.....ผมก็ยังมีโอกาสอยู่ใช่ไหมครับ” แม็คพูดหน้าทะเล้นมือของเขาคลายออกจากสายน้ำเกลือแล้ว
“อะแฮ่มๆ”
“เอ่อ.....แม็คช่วยเล่าเรื่องของแม็คเมื่อวาน....ให้พอลฟังหน่อยสิ....เล่าเหมือนกับเล่าให้ตำรวจฟังนะ” เธอพูดเสียงราบเรียบแต่ท่อนท้ายเธอจงใจใส่น้ำหนักของคำให้ฟังดูชัดขึ้น
“แล้วทำไมพี่อลิซไม่เล่าให้เค้าฟังเองล่ะครับ” แม็คถามอย่างซื่อๆ  แต่พออลิซส่งสายตาดุเข้าใส่แม็คก็เริ่มเล่าอย่างอัตโนมัติทันที
“ - - เมื่อวานผมกับแม่กำลังจะลงเขาไปตลาดกลางหมู่บ้านข้างสถานีอนามัย  ระหว่างทางอยู่ๆก็มีผู้ชายใส่แว่นดำกับคนรูปร่างใหญ่อีก 3 คน  เดินเข้ามาพูดอะไรกับแม่  ซึ่งผมไม่ได้ยิน  แล้วแม่ก็ตะโกนให้ผมวิ่งหนี  แต่มันก็สายไปแล้ว  พวกเราโดยจับไปที่โกดังเก็บไม้ทั้งคู่  แล้วพี่อลิซก็มาช่วย - - ”
“มาช่วย” พอลทวนคำ  อย่างไม่ค่อยเชื่อนัก
“อลิซเนี่ยนะ” พอลส่งสายตาไปมองอลิซอย่างประหลาดใจ
“ทำไมยะ.....คนอย่างฉันเนี่ย....จะช่วยคนเค้าบ้างไม่ได้รึไงกัน” อลิซยกมือขึ้นเท้าเอวอย่างเอาเรื่อง
“555  เอ่อนี่.....ว่าแต่คนพวกนั้นต้องการจะรู้อะไรจากแม่ของเธอหรอ” พอลถามด้วยความอยากรู้อย่างเห็น
“พ่อของผมเป็นตำรวจ  เมื่อเดือนที่แล้ว  พ่อ ตายเพราะหน้าที่  แต่ก่อนตายนั้น  พ่อได้ทำคดีเกี่ยวกับพวกค้าอาวุธเถื่อน  พวกนั้นก็เลยตามมาจะเอาอาวุธของพวกมันคืน  ซึ่งนอกจากพ่อและครอบครัวของผมแล้วก็ไม่มีใครรู้”
“อืม.....พอเข้าใจบ้างแล้ว.....แต่ช่วยเล่าหน่อยสิ.....อลิซไปที่นั่นได้ยังไงและช่วยยังไง”
“ตอนที่พวกมันออกไปข้างนอก  พี่อลิซก็เข้ามา  แล้วก็ช่วยพวกเราออกไป  ก็แค่นั้นแหละ”
“หรอ” พอลทำหน้าแบบไม่เชื่อในคำพูดของแม็ค
“ผมคิดว่าพวกมันคงทะเลาะกันเอง  ก็เลยฆ่ากันตายหมด”
“งั้นหรอ”
“อื่ม” แม็คลงน้ำเสียงให้เหมือนแบบมันใจเต็ม 100 %
“พอลสงสัยอะไรอีกหรอ?  ถามอลิซก็ได้นะ” อลิซเห็นแม็คท่าจะไปไม่รอดเลยรีบช่วย
“ไม่ล่ะ.....เอ่อนี่แม็ค.....ขอถามอีกเรื่องสิ”
“อะไร” แม็คพูดอย่างรำคาญ  และเบื่อคำถามอันมากมายของพอล  ไม่หรอกความจริงเขาไม่อยากเล่นละครแก้ตัวต่างหาก  ซึ่งเค้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาต้องโกหกด้วย  แต่ถ้านั่นเป็นความต้องการของ คนสำคัญคนสุดท้าย ของเขาแล้ว  เขาก็ยินดีทำ
“อาวุธพวกนั้น...อยู่ไหน”
“จะรู้ไปทำไม?”
“บอกไปเถอะจ้า.....ไม่เป็นอะไรหรอก....พี่ลืมบอกไป....พอลหนะเป็นนักสืบ”
“นักสืบ” แม็คทวนคำอย่างประหลาดใจ และทำหน้าแบบไม่เชื่อสุดๆ
“อาวุธพวกนั้น......อยู่ในถ้ำข้างน้ำตก”
“น้ำตกไหน”
“ในภูเขา กรี กรี มีน้ำตกอยู่ที่เดียวเอง  เป็นนักสืบภาษาอะไร  ไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรเลย”
“พอเถอะนะ.....ที่พี่มาวันนี้เนี่ย.....เอ่อ.....พี่จะมาลา.....คือว่า.....เย็นนี้พี่จะกลับแล้ว”
“พะ.....พี่....อลิซจะไปไหน” แม็คถามเสียงสั่น
“กลับบ้าน.....บ้านของพี่อยู่ที่  เดรสซ์  ซิตตี้”
“ไม่”
              แม็คตะโกนลั่นห้อง  พยาบาลหลายคนวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรีบเร่ง  ตอนนี้ในห้อง 008 เต็มไปด้วยสาวใหญ่และสาวเล็กในชุดสีขาว  แม็คอาละวาทร้องไห้อย่างหนัก  จนพยาบาลถึงกับต้องเตรียมยานอนหลับ  อลิซพาพอลออกไปหน้าห้อง
“เอ่อ....พอลกลับไปก่อนดีไหม”
“แล้วแม็คล่ะ”
“ฉันจัดการได้”
“อืม.....แต่เร็วเข้านะ  อีก 3 ชม.  รถตู้จะมารับแล้ว”
“ถ้าอีก 2 ชม. อลิซไม่ได้ไปที่บ้านพัก  พอลช่วยให้แมรี่เก็บของให้อลิซด้วยละกัน....แล้วมารับอลิซที่สถานีอนามัย”
“พี่อลิซจะไปไหน.....ห้ามไปนะ.....อย่าไป” เสียงของแม็คดังลอดออกมานอกห้อง
“ถ้าอลิซต้องการอะไรก็โทรมาละกันนะ”
              การสนทนาเป็นไปอย่างรีบร้อนเร่งด่วน  ตอนนี้พอลได้ออกจากสถานีอนามัยไปเรียบร้อยแล้ว  เขากำลังมุ่งหน้ากลังไปที่บ้านพัก  ระหว่างทางที่เดินอยู่คนเดียวเขาก็นึกถึงเรื่องที่เพิ่งได้ยินไปเมื่อสักครู่  ‘เอ้.....เรื่องนี้มันชักจะแปลกๆ  ยังไงๆ  อยู่นะ  เหมือนทุกอย่างมันจะเข้าล็อกเกินไป  แต่ช่างเหอะ  ยังไงทุกคน (โดยเฉพาะอลิซ) ก็ปลอดภัย  อีกอย่างเด็กนั่นจะโกหกเราไปทำไมกัน  เราคงจะคิดมากไปเอง  แน่ๆ’ (รึเปล่า?) นั่นเป็นเรื่องที่เขายังค้างคาใจอยู่
“อย่ามาจับตัวชั้นนะ.....พี่อลิซ.....พี่อลิซ” แม็คตะโกนไม่หยุด  ตาที่บวมกล่ำมีน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง  ในขณะที่ข้างๆตัวเขามีพยาบาล 5 คนรายล้อมอยู่  ของเหลวใสในเข็มฉีดยาพร้อมอยู่ในมือชายหนุ่มในชุดสีขาว
“ขอโทษค่ะ”  เสียงของอลิซทำให้หมอชะงักแล้วหันกลับไปจ้องเธออย่างเอาผิด  และประหลาดใจที่เธอเข้ามาในห้องนี้เพราะด้านหน้าประตูก็มีพยาบาลเฝ้าอยู่ 
“อย่าเพิ่งฉีดยาเลยนะคะ....ให้ดิฉันคุยกับเด็กคนนั้นเอง”
“ดิฉันมันใจค่ะ.....ว่าจะหยุดเด็กคนนี้ได้”
“แต่ผมเกรงว่า.....”
“พี่อลิซช่วยผมด้วย”  แม็คซึ่งถูกล็อกแขนขาร้องขึ้นด้วยพลังที่ฮึดขึ้นมาอีกครั้ง  ความจริงเขาคงหมดแรงไปแล้ว  ถ้าไม่ได้ยินเสียงอลิซอีก  น้ำตายังคงไหลนองหน้าสีหน้าของเขาบอกได้เลยถึงความทรมาน  ไม่ใช่เพราะความกลัว  ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด  แต่เป็นเพราะความพรัดพราก
              หมอลดมือลงแล้วออกจากห้องไป  พยาบาลคลายมือที่จับแม็คไว้  แม็คเป็นอิสระอีกครั้ง  แม้แผลเก่าและแผลใหม่ดูจะรุนแรงขึ้น  แต่เขาก็ไม่ได้อาละวาทอีกแล้ว  เมื่อทุกคนออกไปหมด  บรรยกาศในห้องก็เหลือแต่เสียงสะอื้นของแม็คเท่านั้น
ThE SaMe PiCtUrE ThAt No OnE WaNtS  ;  ภาพซ้ำ ๆ ที่ไม่ต้องการ  และ  ชะตากรรมที่
              บรรยากาศที่เงียบสงัด  ลมอ่อยๆพัดมาปะทะม่านสีขาวที่หน้าต่างเสียงสะอื้นของความเศร้าดังมาเป็นช่วงๆ  เด็กชายผู้เป็นเจ้าของเสียงนั้นอยู่ในชุดขาวสะอาด  เขานอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียงนุ่มๆสีขาว  ที่แขนมีสายน้ำเกลือพันระโยงระยาง  ตามร่างกาย  เต็มไปด้วยบาดแผลนานาชนิด 
              แต่แผลเหล่านี้เทียบไม่ได้กับการเจ็บปวดเท่าการที่ได้เห็นคนหลายคนที่เข้ามาในชีวิตของเขาต้องตาย  และเขาคงไม่เจ็บปวดมากเช่นนี้หากผู้คนเหล่านั้น  แค่เดินผ่านหน้าเขาและก็ผ่านจากเขาไป  แต่คนเหล่านี้กลับเป็นผู้ให้กำเนิดเขา  เลี้ยงดูเขา  ภาพหลายภาพที่ไม่ควรแก่การจดจำฉายขึ้นไปทุกส่วนของสมองที่ยังทำงานอยู่อย่างไม่หยุด  ภาพศพที่น่าสยดสยองของพ่อ  ภาพที่แม่ถูกทรมานจนตายไปต่อหน้าต่อตา 
              และตอนนี้เขายังต้องเสียคนที่เข้ามาในชีวิตเขาอย่างรวดเร็ว  ช่วยฉุดเขาจากเงาของมัจจุราช  ช่วยคลายความโศกเศร้าทั้งหมดที่มีอยู่ให้หายไปเหมือนถูกต้องมนต์สะกด  และในตอนนี้คนคนนั้นต้องจากเขาไปอีก  เขาเบื่อที่จะเจ็บแบบซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้แล้ว  และยิ่งในเวลาที่ติดๆกันเช่นนี้  ไม่มีที่เหลือพอให้เขาสามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว
“แม็ค” เสียงร้องที่เห็นใจกับความเศร้า  เธอเข้าใจความรู้สึกของเขาดี  เธอและเขามีชะตากรรมที่คล้ายๆกัน  แต่อาจจะต่างเวลาและสถานที่
“แม็ค.....พี่เข้าใจนะ”
“ไม่.....ไม่เลย.....พี่ไม่เข้าใจ.....พี่จะไปเข้าใจอะไร.....พี่ไม่ใช่ผมนี่.....ผมเบื่อ.....เบื่อที่จะดูภาพซ้ำๆพวกนี้แล้ว.....ทุกคนค่อยๆเดินจากไป.....หายไป.....ไม่มีใคร.....ผมอยู่คนเดียว.....ใช่.....ในที่สุดผมก็ต้องอยู่คนเดียว.....แน่ล่ะ.....คนอย่างผม.....คนอย่างผมหนะ.....มันเลว.....มันเห็นแก่ตัว.....ใครจะมารักมาสนใจผมล่ะ” ร่างกายอันสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดเริ่มต่อสู้กับคำพูดของอลิซ
“พี่ไม่น่ามาช่วยผมเลย.....ปล่อยให้ตายไปซะยังจะดีกว่าที่จะต้องอยู่อย่างนี้.....อยู่คนเดียว.....ไม่มีใคร.....พี่ไม่น่ามาช่วยผม.....มาให้ความหวัง.....แล้วตอนนี้พี่กลับมาทำให้ผมแย่ยิ่งไปกว่าเดิมซะอีก.....ไปเลยซิ.....ไปให้พ้นเลย.....สมใจพี่แล้วไม่ใช่หรอ”
              เสียงนั้นหยุดไปหลังจากคำพูดอันรุนแรง  เสียงเหนื่อยหอบเริ่มแทรกเข้ามาแทน  เด็กคนนี้ปล่อยให้น้ำตาไหนออกมาอีกครั้ง  ขณะที่สายตาอันเจ็บปวดจ้องไปที่เธออย่างไม่ลดละ
“สบายใจขึ้นไหม? ..หลังจากที่พูดจบแล้ว.....แต่ถ้ายังไม่จบ.....พี่ยินดีรับฟังต่อนะ”
              นี่หรือคำที่เธอตอบสนองเขา  มันยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้น  อะไรกัน  นี่เธอไม่เข้าใจเขาเลยหรือนี่  เขาหันหน้าไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
“พี่เจ้าใจแม็คนะ.....เข้าใจดีด้วย.....เข้าใจมากกว่าที่แม็ครู้อีก”  เขาหันหน้ากลับมาพร้อมกับคำว่า
“ไม่จริง” เขาถียงอย่างหนักแน่น
“OK.  พี่ตัดสินใจแล้ว.....เป็นไงเป็นกัน.....แม็คไปกับพี่เลยไหม?”
“ฮะ.....พี่ว่าไงนะ”
“ไปด้วยกัน.....ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านพี่.....แม็คจะไปไหม”
“ไปสิ.....ไปครับ.....” ตาบวมๆปิดลงเล็กน้อย  เพราะรอยยิ้มอันกว่างใหญ่ที่เป็นสุข  เป็นความรู้สึกเหมือนลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ  ร่างกายเบาหวิวเหมือนไร้น้ำหนัก
“เอ่อ.....ว่าแต่.....แล้วพวกเราจะไปยังไงล่ะครับ.....หมอคงไม่ให้ผมออกจากสถานี้อนามัยตอนนี้แน่.....และอีกอย่าง.....ตำรวจยังจัดการกับคดีไม่เสร็จ.....” ความคิดในรูปแบบคำพูดนี้ทำให้เขารู้สึกว่าร่างการเริ่มหนักขึ้นอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วง....................(ซุบซิบ)....................”
- - - - - 5 นาที ต่อมา - - - - -
“คุณหมอคะ.....คุณหมอคะ.....แย่แล้ว.....คนไข้ห้อง 008 หายตัวไปค่ะ”
“อะไรนะ”
              ไม่นานสถานีอนามัยก็เต็มแน่นไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นกลางและชั้นผู้น้อย  ไม่ใช่แค่ตำรวจเท่านั้น  ชาวบ้านเกือบทั้งหมู่บ้านทั้งหมดแห่กันมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น  แต่ดูท่าทางตำรวจจะวุ่นวายกับการกันชาวบ้านมากกว่าที่จะช่วยหันตามหาคน
“แม็ค.....ไหวไหม”
“ไหวครับ.....ไม่ไหวไม่ได้ด้วย”
“เฮ้อ  ๆ  ๆ  ๆ  ๆ”  เสียงหอบดังตลอดระยะทาง  แม้ตอนนี้จะถึงหน้าบ้านพักแล้ว
ปึก !!!  ประตูเปิดผงะออกด้วยแรงอันมหาศาลด้วยความหงุดหงิด
“บ่น.....บ่น.....บ่น.....บ่นกันเข้าไป.....ช่ายซี้.....เรามันขี้เกียจ.....ไม่เคยช่วยอะไรใครเค้า.....เอาแต่กินๆๆ.....” แต่พอเจ้าของเสียงนั้นเห็นผู้มาเยือน !!!!
“ตะ...ตะ...ตะ...ตะ.....ตำรวจ.....อะไรกัน.....ผมเปล่านะ.....ผมไม่ได้ขีเกียจ.....ผมไม่ได้เอาแต่กิน....เอ่อ.....ผม.....ผม” วีสยืนก้มหน้าก้มตาพูดอย่างสั่นๆ
“วีส.....จะบ้าหรอ” อลิซพูดพร้อมกับถอดหมวดตำรวจออก  ผมที่ยาวสลวยตกลงมาถึงกลางหลังอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“โธ่ !!! ก็ว่าทำไม  ตำรวจต้องมาจับฉันเพราะเรื่องแค่นี้”
“ว่าแต่.....นั่นใครล่ะ”
“แม็ค” อลิซแนะนำแล้วแม็คซึ่งอยู่ในชุดตำรวจก็ถอดหมวกออก
“หา.....เด็กที่พอลเล่าให้ฟังนี่”
“นี่.....นายวีส.....ส่งเสียงดังอยู่ได้.....ทุกคนเค้าจัดของเสร็จกันหมดแล้ว.....อ้าวอลิซ.....เราจัดของให้เธอเสร็จแล้วนะ.....เอ้.....แล้วนี่ใครกัน”
“.....อ๋อ.....นี่แม็คจ้า”
“หา.....เด็กที่พอลเล่าให้ฟังนี่” แมรี่มาในรูปแบบเดียวกันกับวีส
“55555.....เพื่อนพี่อลิซนี่ตลกดีนะครับ” แม็คพูดกับอลิซในระหว่างทางเดินเข้าบ้านด้วยเครื่องแบบตำรวจ  ไม่นานนัก  การมาของอลิซกับแม็คก็ถึงหูพอล
ปั่ง !!!  แรงเปิดประตูดูเหมือนจะรุนแรงมากกว่าตอนที่อลิซเจอวีสที่หน้าบ้าน
“ไม่ได้นะอลิซ.....เราจะ....................”
“ต้องได้พอล.....ฉันตัดสินใจแล้ว” อลิซซึ่งเปลี่ยนจากชุดตำรวจมาเป็นชุดธรรมดาแล้วตอบอย่างหนักแน่นและมั่นใจว่าแผนของเธอจะไม่บกพร่อง
“แต่มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดนะ.....คดียังไม่เรียบร้อย.....อลิซก็รู้นี่.....แล้วตอนนี้พวกตำรวจก็ต้องวุ่นวายอยู่แน่ๆ.....และที่สำคัญ.....ถ้าเค้าเจอพวกเธอตอนนี้ล่ะ.....อลิซ.....เธอจะกลายเป็นผู้ต้องหาคดีลักพาตัวนะ”
“ไม่พี่อลิซไม่ผิด......ผมเต็มใจไปกับพี่เค้านี่.....จะเรียกว่าลักพาตัวได้ไง”
“เธอไม่เกี่ยว.....อย่าสอด” พอลดุอย่างโมโห
“แล้วนายจะให้ฉันทำไง? ..ให้พาแม็คไปส่งที่เดิมแล้วบอกว่า.....ฉันพาออกมาเดินเล่นที่บ้านพักรึไง” อลิซประชด
“ก็เป็นความคิดที่ดีนี่” พอลประชดตอบอย่างไม่ลดละ
“เชอะ......พอลไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้......และไม่มีวันเข้าใจด้วย.....ถ้าเกิดอะไรขึ้น.....อลิซจะรับผิดชอบเอง.....คนเดียว.....แต่เหตุการณ์นั้นคงไม่เกิดขึ้นหรอก.....นอกจากพ่อยอดนักสืบผู้พดุงความยุติธรรมจะวิ่งไปฟ้องตำรวจ” เธอพูดโดยเน้นทุกคำและเดินออกจากห้องไปทันที
              นี่เป็นวันที่สองแล้วที่พวกเขาได้มาถึง  ณ  ภูเขา กรี กรี  อากาศยามเช้าไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่  ฝนตกปลอยๆเมื่อตอนหกโมงกว่าๆ  ถึงอากาศจะเป็นเช่นนั้น  ก็มิอาจสามารถทำลายความสุขของเธอได้  ตอนนี้กลุ่มเมฆฝนเคลื่อนที่และสลายตัวไปในที่สุด  เปิดให้แสงอาทิตย์ส่องผ่านลงมาสู่โลก  น้ำฝนทำให้ภูเขาแห่งนี้ดูชุ่มชื้นสดใส  ลมเย็นๆยังคงพัดไปพัดมาตลอด
กรี๊ด !!!  กรี๊ด !!!
ตึก !!!  ตึก !!!  เสียงฝีเท้าดังสนั่นเป็นจังหวะอยู่สักครู่  แล้วก็หยุดลง
“เกิดอะไรขึ้น” วีสและพวกผู้ชายถือ ไม้กวาด  ไม้แขวนเสื้อ  ไม้ถูพื้น  ที่โกยขยะ  ฯลฯ  มารวมกัน ณ จุดที่เป็นต้นตอของเสียงกรีดร้อง
“ต...ต...ตะ...ตะ...ตุก...ตุ๊ก...กะ...แก”  แมรี่พูดด้วยเสียงอันสั่นเทา  ไม่ใส่แค่เสียงเท่านั้น  มือของเธอ  ขาของเธอ  ทั้งตัวเลยนั่นแหละที่สั่น  แมรี่ในตอนนี้  ไม่ผิดกับ  พวกที่กำลังถูกเจ้าเข้า  เธอสั่นอยู่ในห้องครัวและที่ตู้เย็นมีตุ๊กแกตัวเบ้อเริ้มเกาะอยู่อย่างแนบแน่น
“ฮะ...ตุ๊กแก...นี่เจ๊...ปลุกพวกเราเพราะเรื่องแค่นี้หนะหรอ”  แมรี่ยังคงสั่นเธอไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย  อย่าว่าแต่โกรธเลย  เธอไม่กล้าแม้แต่ขยับปากหรือส่วนไหนของร่างกายแม้แต่น้อย
“เฮ้อ” วีสครางและทุกคนที่อยู่ในห้องครัวก็วางอาวุธ (ไม้กวาด  ไม้แขวนเสื้อ  ไม้ถูพื้น  ที่โกยขยะ)
              วีสและพอลจัดการต้อนตุ๊กแกให้วิ่งออกจากบ้านอย่างยากลำบาก  ถ้าไม่ทำเช่นนี้พวกเขาจะอดกินข้าวกันหมด  เช้านี้พวกเขาหมดแรงไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง  และวีสก็บ่นไม่หยุดเลยหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง
“วีสขอร้องเลิกบ่นเถอะ...เรารู้แล้ว...รู้ตั้งนานแล้วด้วย...ว่าเธอต้องแหกตาตื่นเพราะตุ๊กแกตัวเดียว” เอฟพูดขณะทานข้าวต้มหมู  แต่วีสก็เงียบได้เพียงแค่ 3 นาทีหลังจากนั้นเท่านั้น
“เฮ้อ....น่าเบื่อ” เรสวินพูดแล้วก็เดินออกไปแช่น้ำร้อนอยู่คนเดียว
“เห็นไหมวีส.....คนอื่นเค้ารำคาญ” ออฟพูดต่อแล้วดื่มนมเข้าไปอึกใหญ่
“แล้วทำไม? ไม่ว่าคุณเจ๊มั่งล่ะ” วีสพูดแบบงอนๆ
“ก็คนมันกลัวอ่ะ? จะให้ทำไงล่ะ? ขอโทษไปแล้วด้วย  จะเอาอะไรอีก” และหลังจากนั้นแมรี่กับวีสก็ทะเลาะกันอีกยกใหญ่
“เฮ้อ”  พอลและแฝดทั้งสองถอนหายใจยาวยืดแล้วก็แยกย้ายกันไป  เหลือให้คู้กัดทั้งสองทะเลาะ  เพื่อรอให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหยุด
   
              หลังจากศึกสงบเป็นเวลาสิบห้านาที  แมรี่ก็เรียกทุกคนรวมกันที่หน้าบ้านพักซึ่งมีต้นไม้ใหญ่คอยเป็นร่มแทนหลังคา  ทุกคนนั่นลงอย่างเหนื่อยๆ  และสิ่งเดียวที่พวกเขาคิดเหมือนกันคือ  จะมีศึกยกใหม่อีกไหมน้า
“เอาล่ะนะ.....วันนี้พวกเราจะไปแถวน้ำตก.....เราเคยไปมาแล้วแหละ....สวยมากๆเลย.....นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วด้วย.....น้ำตกก็คงไม่เย็นมาก.....พวกเราจะได้เล่นกัน.....แล้วเราก็ไปกินอาหารกลางวันกันที่โน่นเลยละกัน.....ดีป่ะ”
“อืม”
              เมื่อคณะเดินทางพร้อมแล้ว  ก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากบ้านพัก  แรกๆก็เดินทางไปด้วยดีอยู่หรอก  แต่พอเดินไปได้ 1 ชม. แล้ว  ก็เริ่มมีเสียงบ่นมาเป็นระยะระยะ  ‘เมื่อไหร่จะถึงสักที’  ‘นี่ขาฉันจะต้องลากดินไปถึงไหน’  ‘โอ๊ย !!! แล้วขากลับจะเดินไหวไหมเนี่ย’  และเวลาบ่ายโมงกว่าๆก็ถึงพอดีพร้อมกับเสียง
“WoW”
“สวยจริงๆด้วย”        
“เหมือนในหนังเลย”     
 
“น้ำใส....ดูสิเห็นปลาสีเทาตัวนั้นเลย”
“จะรออะไรล่ะ......ลงไปเล่นให้หายเหมื่อยดีกว่า”  วีสร้องและโดดลงไปคนแรกพร้อมกับทำเสียงเหมือนคนป่า
“โฮ...ฮี้...โฮ...ฮี้...โฮย”  และทุกคนก็ลงน้ำตามแต่ไม่ใช่ในแบบที่วีสทำก็เท่านั้น
“55555....สนุกเป็นบ้าเลย” วีสจับปลาตัวเล็กได้  เขาถือมันขึ้นมาและอวดให้คนอื่นดู  ความจริงเขาไม่ได้จับด้วยมือเองหรอก  ปลามันว่ายเข้าไปติดในเสื้อของเขาโดยบังเอิญก็เท่านั้น  พอทุกคนได้ดูเสร็จก็ชม 
ยกเว้นแมรี่  เธอพูดเล่นๆว่า  “ปลาคงหลับอยู่ล่ะสิ”  วีสก็ยิ้มๆและปล่อยปลาตัวนั้นไปแล้วหันหลังไปบ่นให้กับตัวเองว่า “คุณเจ๊นี่รู้ทันไปซะหมดทุกเรื่อง”
              เวลาผ่านไป 1 ชม. ทุกคนก็เริ่มทยอยขึ้นจากน้ำ  แล้วมานั่งรอบกองไฟที่อลิซเป็นคนก่อขึ้น  เพราะทุกคนเริ่มมีอาการหนาวสั่น  อย่างเห็นได้ชัด  แม้ว่าจะได้เปลี่ยนชุดที่ได้เตรียมกันมาแล้วก็เถอะ  แต่พอเวลาอลิซแจกอาหารที่เตรียมกันมา  ทุกคนก็เหมือนจะลืมความหนาวนั้นไปสิ้น  แต่กลับมาคิดเรื่องความหิวแทน
“เรสวินเอากาแฟไหม” อลิซถามเมื่อเห็นเขายังนั่งสั่นๆอยู่
“อื่ม....ขอบใจ” เขารับกาแฟมาจากมืออลิซ  แถมยังดื่มไปยิ้มไปอีกต่างหาก  พอลเห็นแล้วก็หน้าไม่พอใจ  พออลิซหันกลับไปหาพอล  เขาก็เบนหน้าหนีไปทางอื่น  แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปนั่งที่ที่ไกลออกไปจากเธอทันที
“ลา...ลัน...ลา...ลัน...ลา...ลัน...ลัน...ล้า” วีสร้องเพลง  ทุกคนรีบเอามือขึ้นมาปิดหูอย่างอัตโนมัติ
“อย่าร้องเลยวีส....ให้เอฟกับออฟร้องดีกว่า....เดี๋ยวเราเล่นกีตาร์ให้” เรสวินพูดอย่างรำคาญ  แล้ววงดนตรีกลุ่มเล็กๆก็เริ่มขึ้น  แต่วีสก็ยังอุสาห์คอยเป็นเสียงประสานให้  แม้ทุกคนจะบอกว่าไม่ต้องหรอก  แต่เขาก็ยังทำ
“ขอโทษ” อลิซพูดน้ำเสียงแสดงความสำนึกผิดสุดๆ  แต่เขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านแม้แต่น้อย  แม้แต่หน้ายังคงอยู่กับที่  ไม่หันมามองด้วยซ้ำ  ทำเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงนั้น
“พอล” อลิซเรียกเธอเอามือเขย่าแขนพอลเบาๆให้รู้สึกตัว
“......................................”
“ขอโทษ....”
“.......................................” 
อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ    ‘นี่เค้าหายใจอยู่รึเปล่านะ ?’  เธอคิด
“นี่แมรี่เดี๋ยวอลิซจะไปทางโน้นหน่อยนะ....เอ่อ....พอลก็ไปด้วย....เจอกันที่บ้านพักเลยละกันนะ”  อลิซวิ่งไปบอกแมรี่แล้วก็วิ่งกลับมาหาพอลที่กำลังยืนรอให้อลิซบอกความจริงกับเขา
“นายอยากรู้เรื่องนักใช่ไหม?”
“............”
“ก็ได้....ok .ยอมแพ้แล้ว”
              อลิซพาพอลลงเขา  ความจริงเธอตั้งใจจะลงไปคนเดียวมากกว่า  แต่เพราะเขายังคงโกรธเธอยู่และต้องการรู้ความจริงให้ได้  เขาดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจเดินตามเธอเท่าไหร่นัก  เพราะเธอไม่ได้บอกเขาว่าจะพาเขาไปไหน  ระหว่างทางมีแต่เสียงนกเสียงกาและสัตว์น้อยใหญ่อื่นๆ  ถ้าตัดเสียงพวกนี้ออกไป  ก็จะเหลือแต่ความเงียบ  ในที่สุดก็ถึงที่ที่อลิซต้องการจะมา
“สถานีอนามัย” พอลอ่านป้ายที่ติดอยู่หน้าอาคารใหญ่ตรงหน้า  และนี่คือคำแรกของช่วงเวลาที่พอลอยู่กับอลิซในวันนี้
“เข้าไปด้านในกันเถอะ”  อลิซเดินนำพอลเข้าไปในสถานีอนามัยที่ค่อนข้างว่าง  เธอเดินจนเข้ามาถึงห้อง 008 ป้ายหน้าห้องมีชื่อติดไว้
“Muntitun  Max” พอลอ่านป้ายนั้น  แล้วทำหน้าสงสัย  อลิซเคาะประตูสามที  แล้วจึงเปิดประตูเข้าไปอย่างช้าๆ
              เด็กชายผิวคล้ำนอนอยู่บนเตียง  ข้างเตียงมีสายน้ำเกลือสองขวด  ที่มือของเด็กชายคนนี้มีผ้าพันมือของเขากับสายน้ำเกลือไว้  และตามร่างกายมีผ้าพันแผลปิดไว้เป็นจุดๆ  นอกจากเด็กชายคนนี้แล้วในห้องนั้นมีพยาบาลแก่ๆอยู่ด้วยคนหนึ่ง
“อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ”  อลิซเดินเข้าไปยืนข้างเตียงแล้วถามพยาบาลแก่ที่เฝ้าไข้อยู่  แต่ไม่ทันจะมีคำตอบออกจากปากอันเหี่ยวย่นของนางพยาบาลแก่คนนั้น  ตาที่บวมกล่ำที่เปิดขึ้น  ตามมาติดๆกับน้ำเสียงแห่งความดีใจ
“พี่อลิซ” แม็คร้องขึ้นอย่างดีใจตื่นเต้น  แล้วก็ลุกขึ้นนั่งอย่างอัตโนมัติ  ไม่มีอาการเจ็บที่แผลเหมือนตอนที่อยู่กับนางพยาบาล  เมื่อพยาบาลแก่เห็นก็ส่งสายอันแข็งกร้าวมาที่แม็คทำให้เขาหุบยิ้มทันที  แต่แม็คก็ยิ้มอีกครั้ง  เมื่อพยาบาลคนนั้นออกจากห้องไป 
“เป็นไงมั่งจ๊ะ”
“ก็ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย....แต่พอพี่อลิซมา....มันก็ไม่เจ็บแล้วล่ะ....นึกว่าพี่อลิซจะทิ้งผมแล้วซะอีก”
“อะแฮ้มๆ”
“อ้าว....ใครกันล่ะเนี่ย?....เมื่อกี้ไม่เห็นจะเห็นเลย....แฟนพี่อลิซหรอครับ”
A  Story  From  Request  ;  เรื่องเล่าจากคำขอร้อง
“อ๋อ.....นี่พอล” อลิซแนะนำโดยที่ไม่ยอมตอบคำถามที่สอง
“เป็นอะไรกับพี่อลิซล่ะครับ” แม็คยังคงถามอีกครั้งเพราะอยากรู้จริงๆ  ในขณะที่มือของเขาวุ่นอยู่กับสายน้ำเกลือที่พันกันอย่างยุ่งเหยิง
“เป็นเพื่อน.....พวกเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน.....ก็แค่นั้นแหละ” เธอมองหน้าพอลที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วตอบคำถามอย่างช้าๆ
“เฮ้อ.....นึกว่าเป็นแฟนซะอีก.....อย่างนี้.....ผมก็ยังมีโอกาสอยู่ใช่ไหมครับ” แม็คพูดหน้าทะเล้นมือของเขาคลายออกจากสายน้ำเกลือแล้ว
“อะแฮ่มๆ”
“เอ่อ.....แม็คช่วยเล่าเรื่องของแม็คเมื่อวาน....ให้พอลฟังหน่อยสิ....เล่าเหมือนกับเล่าให้ตำรวจฟังนะ” เธอพูดเสียงราบเรียบแต่ท่อนท้ายเธอจงใจใส่น้ำหนักของคำให้ฟังดูชัดขึ้น
“แล้วทำไมพี่อลิซไม่เล่าให้เค้าฟังเองล่ะครับ” แม็คถามอย่างซื่อๆ  แต่พออลิซส่งสายตาดุเข้าใส่แม็คก็เริ่มเล่าอย่างอัตโนมัติทันที
“ - - เมื่อวานผมกับแม่กำลังจะลงเขาไปตลาดกลางหมู่บ้านข้างสถานีอนามัย  ระหว่างทางอยู่ๆก็มีผู้ชายใส่แว่นดำกับคนรูปร่างใหญ่อีก 3 คน  เดินเข้ามาพูดอะไรกับแม่  ซึ่งผมไม่ได้ยิน  แล้วแม่ก็ตะโกนให้ผมวิ่งหนี  แต่มันก็สายไปแล้ว  พวกเราโดยจับไปที่โกดังเก็บไม้ทั้งคู่  แล้วพี่อลิซก็มาช่วย - - ”
“มาช่วย” พอลทวนคำ  อย่างไม่ค่อยเชื่อนัก
“อลิซเนี่ยนะ” พอลส่งสายตาไปมองอลิซอย่างประหลาดใจ
“ทำไมยะ.....คนอย่างฉันเนี่ย....จะช่วยคนเค้าบ้างไม่ได้รึไงกัน” อลิซยกมือขึ้นเท้าเอวอย่างเอาเรื่อง
“555  เอ่อนี่.....ว่าแต่คนพวกนั้นต้องการจะรู้อะไรจากแม่ของเธอหรอ” พอลถามด้วยความอยากรู้อย่างเห็น
“พ่อของผมเป็นตำรวจ  เมื่อเดือนที่แล้ว  พ่อ ตายเพราะหน้าที่  แต่ก่อนตายนั้น  พ่อได้ทำคดีเกี่ยวกับพวกค้าอาวุธเถื่อน  พวกนั้นก็เลยตามมาจะเอาอาวุธของพวกมันคืน  ซึ่งนอกจากพ่อและครอบครัวของผมแล้วก็ไม่มีใครรู้”
“อืม.....พอเข้าใจบ้างแล้ว.....แต่ช่วยเล่าหน่อยสิ.....อลิซไปที่นั่นได้ยังไงและช่วยยังไง”
“ตอนที่พวกมันออกไปข้างนอก  พี่อลิซก็เข้ามา  แล้วก็ช่วยพวกเราออกไป  ก็แค่นั้นแหละ”
“หรอ” พอลทำหน้าแบบไม่เชื่อในคำพูดของแม็ค
“ผมคิดว่าพวกมันคงทะเลาะกันเอง  ก็เลยฆ่ากันตายหมด”
“งั้นหรอ”
“อื่ม” แม็คลงน้ำเสียงให้เหมือนแบบมันใจเต็ม 100 %
“พอลสงสัยอะไรอีกหรอ?  ถามอลิซก็ได้นะ” อลิซเห็นแม็คท่าจะไปไม่รอดเลยรีบช่วย
“ไม่ล่ะ.....เอ่อนี่แม็ค.....ขอถามอีกเรื่องสิ”
“อะไร” แม็คพูดอย่างรำคาญ  และเบื่อคำถามอันมากมายของพอล  ไม่หรอกความจริงเขาไม่อยากเล่นละครแก้ตัวต่างหาก  ซึ่งเค้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาต้องโกหกด้วย  แต่ถ้านั่นเป็นความต้องการของ คนสำคัญคนสุดท้าย ของเขาแล้ว  เขาก็ยินดีทำ
“อาวุธพวกนั้น...อยู่ไหน”
“จะรู้ไปทำไม?”
“บอกไปเถอะจ้า.....ไม่เป็นอะไรหรอก....พี่ลืมบอกไป....พอลหนะเป็นนักสืบ”
“นักสืบ” แม็คทวนคำอย่างประหลาดใจ และทำหน้าแบบไม่เชื่อสุดๆ
“อาวุธพวกนั้น......อยู่ในถ้ำข้างน้ำตก”
“น้ำตกไหน”
“ในภูเขา กรี กรี มีน้ำตกอยู่ที่เดียวเอง  เป็นนักสืบภาษาอะไร  ไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรเลย”
“พอเถอะนะ.....ที่พี่มาวันนี้เนี่ย.....เอ่อ.....พี่จะมาลา.....คือว่า.....เย็นนี้พี่จะกลับแล้ว”
“พะ.....พี่....อลิซจะไปไหน” แม็คถามเสียงสั่น
“กลับบ้าน.....บ้านของพี่อยู่ที่  เดรสซ์  ซิตตี้”
“ไม่”
              แม็คตะโกนลั่นห้อง  พยาบาลหลายคนวิ่งกรู่เข้ามาอย่างรีบเร่ง  ตอนนี้ในห้อง 008 เต็มไปด้วยสาวใหญ่และสาวเล็กในชุดสีขาว  แม็คอาละวาทร้องไห้อย่างหนัก  จนพยาบาลถึงกับต้องเตรียมยานอนหลับ  อลิซพาพอลออกไปหน้าห้อง
“เอ่อ....พอลกลับไปก่อนดีไหม”
“แล้วแม็คล่ะ”
“ฉันจัดการได้”
“อืม.....แต่เร็วเข้านะ  อีก 3 ชม.  รถตู้จะมารับแล้ว”
“ถ้าอีก 2 ชม. อลิซไม่ได้ไปที่บ้านพัก  พอลช่วยให้แมรี่เก็บของให้อลิซด้วยละกัน....แล้วมารับอลิซที่สถานีอนามัย”
“พี่อลิซจะไปไหน.....ห้ามไปนะ.....อย่าไป” เสียงของแม็คดังลอดออกมานอกห้อง
“ถ้าอลิซต้องการอะไรก็โทรมาละกันนะ”
              การสนทนาเป็นไปอย่างรีบร้อนเร่งด่วน  ตอนนี้พอลได้ออกจากสถานีอนามัยไปเรียบร้อยแล้ว  เขากำลังมุ่งหน้ากลังไปที่บ้านพัก  ระหว่างทางที่เดินอยู่คนเดียวเขาก็นึกถึงเรื่องที่เพิ่งได้ยินไปเมื่อสักครู่  ‘เอ้.....เรื่องนี้มันชักจะแปลกๆ  ยังไงๆ  อยู่นะ  เหมือนทุกอย่างมันจะเข้าล็อกเกินไป  แต่ช่างเหอะ  ยังไงทุกคน (โดยเฉพาะอลิซ) ก็ปลอดภัย  อีกอย่างเด็กนั่นจะโกหกเราไปทำไมกัน  เราคงจะคิดมากไปเอง  แน่ๆ’ (รึเปล่า?) นั่นเป็นเรื่องที่เขายังค้างคาใจอยู่
“อย่ามาจับตัวชั้นนะ.....พี่อลิซ.....พี่อลิซ” แม็คตะโกนไม่หยุด  ตาที่บวมกล่ำมีน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง  ในขณะที่ข้างๆตัวเขามีพยาบาล 5 คนรายล้อมอยู่  ของเหลวใสในเข็มฉีดยาพร้อมอยู่ในมือชายหนุ่มในชุดสีขาว
“ขอโทษค่ะ”  เสียงของอลิซทำให้หมอชะงักแล้วหันกลับไปจ้องเธออย่างเอาผิด  และประหลาดใจที่เธอเข้ามาในห้องนี้เพราะด้านหน้าประตูก็มีพยาบาลเฝ้าอยู่ 
“อย่าเพิ่งฉีดยาเลยนะคะ....ให้ดิฉันคุยกับเด็กคนนั้นเอง”
“ดิฉันมันใจค่ะ.....ว่าจะหยุดเด็กคนนี้ได้”
“แต่ผมเกรงว่า.....”
“พี่อลิซช่วยผมด้วย”  แม็คซึ่งถูกล็อกแขนขาร้องขึ้นด้วยพลังที่ฮึดขึ้นมาอีกครั้ง  ความจริงเขาคงหมดแรงไปแล้ว  ถ้าไม่ได้ยินเสียงอลิซอีก  น้ำตายังคงไหลนองหน้าสีหน้าของเขาบอกได้เลยถึงความทรมาน  ไม่ใช่เพราะความกลัว  ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด  แต่เป็นเพราะความพรัดพราก
              หมอลดมือลงแล้วออกจากห้องไป  พยาบาลคลายมือที่จับแม็คไว้  แม็คเป็นอิสระอีกครั้ง  แม้แผลเก่าและแผลใหม่ดูจะรุนแรงขึ้น  แต่เขาก็ไม่ได้อาละวาทอีกแล้ว  เมื่อทุกคนออกไปหมด  บรรยกาศในห้องก็เหลือแต่เสียงสะอื้นของแม็คเท่านั้น
ThE SaMe PiCtUrE ThAt No OnE WaNtS  ;  ภาพซ้ำ ๆ ที่ไม่ต้องการ  และ  ชะตากรรมที่
              บรรยากาศที่เงียบสงัด  ลมอ่อยๆพัดมาปะทะม่านสีขาวที่หน้าต่างเสียงสะอื้นของความเศร้าดังมาเป็นช่วงๆ  เด็กชายผู้เป็นเจ้าของเสียงนั้นอยู่ในชุดขาวสะอาด  เขานอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียงนุ่มๆสีขาว  ที่แขนมีสายน้ำเกลือพันระโยงระยาง  ตามร่างกาย  เต็มไปด้วยบาดแผลนานาชนิด 
              แต่แผลเหล่านี้เทียบไม่ได้กับการเจ็บปวดเท่าการที่ได้เห็นคนหลายคนที่เข้ามาในชีวิตของเขาต้องตาย  และเขาคงไม่เจ็บปวดมากเช่นนี้หากผู้คนเหล่านั้น  แค่เดินผ่านหน้าเขาและก็ผ่านจากเขาไป  แต่คนเหล่านี้กลับเป็นผู้ให้กำเนิดเขา  เลี้ยงดูเขา  ภาพหลายภาพที่ไม่ควรแก่การจดจำฉายขึ้นไปทุกส่วนของสมองที่ยังทำงานอยู่อย่างไม่หยุด  ภาพศพที่น่าสยดสยองของพ่อ  ภาพที่แม่ถูกทรมานจนตายไปต่อหน้าต่อตา 
              และตอนนี้เขายังต้องเสียคนที่เข้ามาในชีวิตเขาอย่างรวดเร็ว  ช่วยฉุดเขาจากเงาของมัจจุราช  ช่วยคลายความโศกเศร้าทั้งหมดที่มีอยู่ให้หายไปเหมือนถูกต้องมนต์สะกด  และในตอนนี้คนคนนั้นต้องจากเขาไปอีก  เขาเบื่อที่จะเจ็บแบบซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้แล้ว  และยิ่งในเวลาที่ติดๆกันเช่นนี้  ไม่มีที่เหลือพอให้เขาสามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว
“แม็ค” เสียงร้องที่เห็นใจกับความเศร้า  เธอเข้าใจความรู้สึกของเขาดี  เธอและเขามีชะตากรรมที่คล้ายๆกัน  แต่อาจจะต่างเวลาและสถานที่
“แม็ค.....พี่เข้าใจนะ”
“ไม่.....ไม่เลย.....พี่ไม่เข้าใจ.....พี่จะไปเข้าใจอะไร.....พี่ไม่ใช่ผมนี่.....ผมเบื่อ.....เบื่อที่จะดูภาพซ้ำๆพวกนี้แล้ว.....ทุกคนค่อยๆเดินจากไป.....หายไป.....ไม่มีใคร.....ผมอยู่คนเดียว.....ใช่.....ในที่สุดผมก็ต้องอยู่คนเดียว.....แน่ล่ะ.....คนอย่างผม.....คนอย่างผมหนะ.....มันเลว.....มันเห็นแก่ตัว.....ใครจะมารักมาสนใจผมล่ะ” ร่างกายอันสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดเริ่มต่อสู้กับคำพูดของอลิซ
“พี่ไม่น่ามาช่วยผมเลย.....ปล่อยให้ตายไปซะยังจะดีกว่าที่จะต้องอยู่อย่างนี้.....อยู่คนเดียว.....ไม่มีใคร.....พี่ไม่น่ามาช่วยผม.....มาให้ความหวัง.....แล้วตอนนี้พี่กลับมาทำให้ผมแย่ยิ่งไปกว่าเดิมซะอีก.....ไปเลยซิ.....ไปให้พ้นเลย.....สมใจพี่แล้วไม่ใช่หรอ”
              เสียงนั้นหยุดไปหลังจากคำพูดอันรุนแรง  เสียงเหนื่อยหอบเริ่มแทรกเข้ามาแทน  เด็กคนนี้ปล่อยให้น้ำตาไหนออกมาอีกครั้ง  ขณะที่สายตาอันเจ็บปวดจ้องไปที่เธออย่างไม่ลดละ
“สบายใจขึ้นไหม? ..หลังจากที่พูดจบแล้ว.....แต่ถ้ายังไม่จบ.....พี่ยินดีรับฟังต่อนะ”
              นี่หรือคำที่เธอตอบสนองเขา  มันยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้น  อะไรกัน  นี่เธอไม่เข้าใจเขาเลยหรือนี่  เขาหันหน้าไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
“พี่เจ้าใจแม็คนะ.....เข้าใจดีด้วย.....เข้าใจมากกว่าที่แม็ครู้อีก”  เขาหันหน้ากลับมาพร้อมกับคำว่า
“ไม่จริง” เขาถียงอย่างหนักแน่น
“OK.  พี่ตัดสินใจแล้ว.....เป็นไงเป็นกัน.....แม็คไปกับพี่เลยไหม?”
“ฮะ.....พี่ว่าไงนะ”
“ไปด้วยกัน.....ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านพี่.....แม็คจะไปไหม”
“ไปสิ.....ไปครับ.....” ตาบวมๆปิดลงเล็กน้อย  เพราะรอยยิ้มอันกว่างใหญ่ที่เป็นสุข  เป็นความรู้สึกเหมือนลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ  ร่างกายเบาหวิวเหมือนไร้น้ำหนัก
“เอ่อ.....ว่าแต่.....แล้วพวกเราจะไปยังไงล่ะครับ.....หมอคงไม่ให้ผมออกจากสถานี้อนามัยตอนนี้แน่.....และอีกอย่าง.....ตำรวจยังจัดการกับคดีไม่เสร็จ.....” ความคิดในรูปแบบคำพูดนี้ทำให้เขารู้สึกว่าร่างการเริ่มหนักขึ้นอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วง....................(ซุบซิบ)....................”
- - - - - 5 นาที ต่อมา - - - - -
“คุณหมอคะ.....คุณหมอคะ.....แย่แล้ว.....คนไข้ห้อง 008 หายตัวไปค่ะ”
“อะไรนะ”
              ไม่นานสถานีอนามัยก็เต็มแน่นไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นกลางและชั้นผู้น้อย  ไม่ใช่แค่ตำรวจเท่านั้น  ชาวบ้านเกือบทั้งหมู่บ้านทั้งหมดแห่กันมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น  แต่ดูท่าทางตำรวจจะวุ่นวายกับการกันชาวบ้านมากกว่าที่จะช่วยหันตามหาคน
“แม็ค.....ไหวไหม”
“ไหวครับ.....ไม่ไหวไม่ได้ด้วย”
“เฮ้อ  ๆ  ๆ  ๆ  ๆ”  เสียงหอบดังตลอดระยะทาง  แม้ตอนนี้จะถึงหน้าบ้านพักแล้ว
ปึก !!!  ประตูเปิดผงะออกด้วยแรงอันมหาศาลด้วยความหงุดหงิด
“บ่น.....บ่น.....บ่น.....บ่นกันเข้าไป.....ช่ายซี้.....เรามันขี้เกียจ.....ไม่เคยช่วยอะไรใครเค้า.....เอาแต่กินๆๆ.....” แต่พอเจ้าของเสียงนั้นเห็นผู้มาเยือน !!!!
“ตะ...ตะ...ตะ...ตะ.....ตำรวจ.....อะไรกัน.....ผมเปล่านะ.....ผมไม่ได้ขีเกียจ.....ผมไม่ได้เอาแต่กิน....เอ่อ.....ผม.....ผม” วีสยืนก้มหน้าก้มตาพูดอย่างสั่นๆ
“วีส.....จะบ้าหรอ” อลิซพูดพร้อมกับถอดหมวดตำรวจออก  ผมที่ยาวสลวยตกลงมาถึงกลางหลังอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“โธ่ !!! ก็ว่าทำไม  ตำรวจต้องมาจับฉันเพราะเรื่องแค่นี้”
“ว่าแต่.....นั่นใครล่ะ”
“แม็ค” อลิซแนะนำแล้วแม็คซึ่งอยู่ในชุดตำรวจก็ถอดหมวกออก
“หา.....เด็กที่พอลเล่าให้ฟังนี่”
“นี่.....นายวีส.....ส่งเสียงดังอยู่ได้.....ทุกคนเค้าจัดของเสร็จกันหมดแล้ว.....อ้าวอลิซ.....เราจัดของให้เธอเสร็จแล้วนะ.....เอ้.....แล้วนี่ใครกัน”
“.....อ๋อ.....นี่แม็คจ้า”
“หา.....เด็กที่พอลเล่าให้ฟังนี่” แมรี่มาในรูปแบบเดียวกันกับวีส
“55555.....เพื่อนพี่อลิซนี่ตลกดีนะครับ” แม็คพูดกับอลิซในระหว่างทางเดินเข้าบ้านด้วยเครื่องแบบตำรวจ  ไม่นานนัก  การมาของอลิซกับแม็คก็ถึงหูพอล
ปั่ง !!!  แรงเปิดประตูดูเหมือนจะรุนแรงมากกว่าตอนที่อลิซเจอวีสที่หน้าบ้าน
“ไม่ได้นะอลิซ.....เราจะ....................”
“ต้องได้พอล.....ฉันตัดสินใจแล้ว” อลิซซึ่งเปลี่ยนจากชุดตำรวจมาเป็นชุดธรรมดาแล้วตอบอย่างหนักแน่นและมั่นใจว่าแผนของเธอจะไม่บกพร่อง
“แต่มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดนะ.....คดียังไม่เรียบร้อย.....อลิซก็รู้นี่.....แล้วตอนนี้พวกตำรวจก็ต้องวุ่นวายอยู่แน่ๆ.....และที่สำคัญ.....ถ้าเค้าเจอพวกเธอตอนนี้ล่ะ.....อลิซ.....เธอจะกลายเป็นผู้ต้องหาคดีลักพาตัวนะ”
“ไม่พี่อลิซไม่ผิด......ผมเต็มใจไปกับพี่เค้านี่.....จะเรียกว่าลักพาตัวได้ไง”
“เธอไม่เกี่ยว.....อย่าสอด” พอลดุอย่างโมโห
“แล้วนายจะให้ฉันทำไง? ..ให้พาแม็คไปส่งที่เดิมแล้วบอกว่า.....ฉันพาออกมาเดินเล่นที่บ้านพักรึไง” อลิซประชด
“ก็เป็นความคิดที่ดีนี่” พอลประชดตอบอย่างไม่ลดละ
“เชอะ......พอลไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้......และไม่มีวันเข้าใจด้วย.....ถ้าเกิดอะไรขึ้น.....อลิซจะรับผิดชอบเอง.....คนเดียว.....แต่เหตุการณ์นั้นคงไม่เกิดขึ้นหรอก.....นอกจากพ่อยอดนักสืบผู้พดุงความยุติธรรมจะวิ่งไปฟ้องตำรวจ” เธอพูดโดยเน้นทุกคำและเดินออกจากห้องไปทันที
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น