ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : The Last Sentence ; ประโยคสุดท้าย
The  Last  Sentence  ;  ประโยคสุดท้าย
              แม้ว่านี่จะเป็นเวลาบ่ายสามกว่าๆแล้ว  แต่อากาศที่ภูเขา กรี กรี  ไม่มีวี่แววของความร้อน  มีเพียงแค่สายลมพัดเอื่อยๆที่มีความเยือกเย็นน้อยกว่าช่วงเช้าๆเท่านั้น  แต่ทำไมใจคนเราถึงไม่เย็นเฉกเช่นเดียวกับอากาศนะ  ก็คงเป็นเพราะ  มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตไงล่ะ  มีทั้ง  รัก  โลภ  โกรธ  หลง  ที่สำคัญคือ  มนุษย์มีจิตใจ
“นี่อลิซ...หายไปนานแล้วนะ...เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้...ในที่นี้ไม่มีใครหายไปนอกจากอลิซใช่ไหม? จะไปไหนก็น่าจะบอกกันมั่งนะ....”  แมรี่หลังจากตื่นขึ้นมา  เธอก็เรียกประชุมสมาชิกทั้งหลายเพื่อนัดแนะเกี่ยวกับเวลาต่างๆ  แต่เมื่อรอมานานมากแล้วอลิซก็ไม่มาสักที  เธอก็เริ่มเป็นห่วง  แต่แทนที่จะห่วงอย่างเดียว  เธอกลับบ่นตลอดเวลาไปด้วย
 
“นี่เจ๊...จะบ่นอีกนานไหม?...ถ้าเจ๊บ่นแล้วอลิซกลับมาก็ว่าไปอย่าง...แต่นี่ไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นเลย...แล้วอีกอย่างนะ...พอลเค้าออกไปตามอลิซตั้งนานแล้ว...เจ๊ไม่รู้หรือไง”
“อะไรนะ...พอลออกไปตามอลิซงั้นหรอ”
“แล้วเจ๊คิดว่า...วีสผู้ที่หน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์คนนี้จะโกหกงั้นหรอ”
“แล้วทำไมพวกเราไม่ไปช่วยพอลตามอลิซล่ะ”
“ก็พวกเรากำลังจะชวนเจ๊ไงล่ะ  แต่พวกเราจะรอให้เจ๊บ่นให้จบก่อน”
“ตาบ้าวีส  ยังจะมาเล่นลิ้นอีก  ไปกันเถอะ”
“อ๋อ...แสดงว่าบ่นเสร็จแล้ว...งั้นพวกเราคงไปกันได้แล้วมั้ง...”
“เดี๋ยวก่อน...เราแยกกันไปหาดีกว่าจะได้เร็วขึ้น...วีสไปกับเอฟออฟละกัน...ฉันจะไปกับแมรี่เอง”  เรสวินพูดขึ้นหลังจากที่นิ่งเงียบมานาน
“แล้วเวลา 5 โมงตรง  ถ้าไม่เจอให้กลับมารวมกันที่บ้านก่อนละกันนะ”
“อืม” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
              เธอเดินลึกเข้าไปในป่า  ยิ่งเดินลึกเท่าไหร่  เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้น  และในตอนนี้เธอก็ได้เห็นโกดังเก็บไม้ขนาดใหญ่  และที่มาของเสียงก็ต้องอยู่ด้านในนั้นแน่นอน  เธอกำจัด (ทำให้สลบ) คนเฝ้าประตูโกดัง  2  คน  ด้วยไม้อันใหญ่ที่เก็บได้จากแถวๆนั้นได้อย่างสบายๆ  เธอลากคน 2 คนอย่างไร้เสียงใดใดไปเก็บไว้ในที่ลับตาคน  และภายในไม่ถึง 2  นาที  อลิซก็กลายเป็นคนเฝ้าประตูไปซะแล้ว  เธอเดินกลับไปที่โกดังอีกครั้ง  และเธอก็ค่อยๆแง้มประตูดูต้นเสียงที่อยู่ด้านใน
อึก  อึก  อัก  อัก  !!!
              เด็กคนหนึ่งซึ่งถูกมัดไว้กับเสากำลังโดนซ้อมอย่างหนัก  ร่างของเด็กชายอายุประมาณ  15  ปีกำลังชุ่มไปด้วยน้ำสีแดงข้น  ที่เรียกว่า  “เลือด”  ข้างๆกันกับที่เด็กคนนั้นถูกมัด  มีร่างหนึ่งนอนอยู่พร้อมกับบาดแผลที่เต็มตัว  เธอมองไม่ถนัดว่า  เจ้าของร่างนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่  และแล้วชายผู้ที่มีแว่นตาดำอำพรางใบหน้าอยู่นั้นก็พูดขึ้น
“ว่าไง...เจ้าเด็กปากแข็ง...ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง...บอกมาเจ้าเอาของๆข้าไปซุกซ่อนไว้ไหน”
“ถุย !!!  ถึงแกจะฆ่าฉัน...ยังไงซะแกก็ไม่มีทางรู้ที่ซ่อนของหรอก...และอีกไม่นานตำรวจก็จะมาฆ่าแก...” 
อึก  อึก  อัก  อัก  !!!
              เด็กคนนั้นโดนซ้อมชุดใหญ่อีกครั้ง  อลิซแทบจะไม่อยากลืมตาดูภาพนั้นเลย  เธอไม่รู้หรอกว่า  เด็กคนนี้ดีหรือเลว  แต่เธอคิดว่า  ผู้ชายคนในแว่นดำนั้น  ต้องไม่ใช่คนดีเป็นแน่ !!!  และเธอก็เกลียดคนที่ทำร้ายเด็กแบบนี้ซะด้วยสิ  เธอค่อยๆเปิดประตูโกดังอย่างช้าๆ
“เฮ้ย !!!  ไอ้จุ้ย  แกเข้ามาทำไมวะ  ข้ายังไม่ได้สั่งอะไรเลย” 
“มีไอ้หน้าไหนก็ไม่รู้ฮะ  ไปแจ้งตำรวจ  และตำรวจกำลังบุกมาที่นี่”
“แล้วแกรู้ได้ไงวะ...ว่าตำรวจจะบุกมา”
“เอ่อ...ก็เมื่อกี้...ฉันลงไปเดินเล่นแถวๆโน้น...เห็นตำรวจเดินไปเดินมา”
ปั่ง !!!  อีกไม่ถึง ซม. กระสุนจะตรงเข้าสู่ร่างของอลิซทันที  เธอสามารถหลบได้อย่างรวดเร็ว
“กูไม่โง่ขนาดนั้นหรอกโว้ย...ถ้าตำรวจมาจริง...กูจะรู้ได้เอง...เพราะกูมีรหัสลับโว้ย...และท่าทางแกก็ไม่น่าใช่คนของกูเป็นแน่”
“ฮึม...รู้ก็ดีแล้วนี่...ฉันก็ไม่ได้สนุกแบบนี้มานานแล้ว”  อลิซดึงหน้ากากออก  เผยให้เห็นว่าเธอคือผู้หญิง
“โอ้...เป็นสาวน้อยน่ารักหรือนี่...แต่ขอโทษนะ...กูมันไม่ใช่สุภาพบุรุษโว้ย”
“555...ไม่บอกชั้นก็รู้ย่ะ”  ชายใส่แว่นผู้เป็นหัวหน้านั้นยิ้มที่มุมปากอย่างเหี้ยมโหด  เขาเล็งปากกระบอกปืนมาที่อลิซ  ชายอีกคนซึ่งเป็นคนซ้อมเด็กผู้ชายที่ถูกมัดอยู่ก็ค่อยๆเริ่มตั้งท่าเตรียมพร้อม  อลิซถูกล้อมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  ชายผู้เป็นหัวหน้าขยิบตา 1 ที
ปั่ง !!!  เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง  อลิซก้มตัวหลบทำให้  ชายอีกคนเกือบถูกลูกกระสุน  เธอวิ่งไปที่ชายคนนั้นแล้วใช้เขาเป็นโล่ป้องกันตัวเอง  เธอเดินตรงไปที่หัวหน้าพร้อมกับโล่ชิ้นใหม่
“โอ้สาวน้อย  ฝีมือดีใช่ย่อยนะเนี่ย...แต่ถึงแกจะมีโล่กำบังชั้นดีกูก็ไม่สน...เพราะกูมีตัวประกันที่ดีกว่าแก”
“งั้นหรอ...เสียใจย่ะ...ถึงเด็กนั่นตาย...ฉันก็ไม่สน...เพราะยังไงแกก็ไม่รู้ที่ซ่อนสมบัตินั่นอยู่ดีนั่นแหละ...แค่เสียเด็กไปคนหนึ่ง...ประเทศนี้ไม่ล่มสลายหรอก...และอีกอย่างแกก็จะต้องตายตามเด็กนั่นไป...และประเทศก็คงสูงขึ้นกว่าเดิม”  ชายผู้เป็นหัวหน้ามีอาการกระตุกอย่างเห็นได้ชัด
“แกเป็นใครกันแน่”  ปืนที่อยู่ในมือของเขาสันไม่หยุด
“ได้...ฉันจะบอกแก...แต่  (ฉึบ !!!)  แกคงรู้เอง  เมื่อแกไปสู่ในนรกแล้วเท่านั้น” มีดที่อลิซได้จากในกระเป๋าของชายที่เป็นโล่ของเธอปักเข้าตัดขั่วหัวใจของชายคนนั้นทันที  ทั้งๆที่อลิซยังพูดไม่จบ  แต่เขาคงได้ยินสิ่งที่เธอพูดประโยคสุดท้าย   
A  Weep  ;  เสียงกรีดร้อง
แฮก  แฮก  !!!
“พ.....พี่.....สาว....ครับ”  เด็กคนนั้นพูดออกมาด้วยความยากลำบาก  เขาแทบจะไม่มีแรงเหลืออยู่เลย
“พี่ชื่อ  อลิซ  จ้า”
“ค.....ครับ...พ.....พี่อลิซ”
“น้องอยู่เฉยๆก่อนดีกว่านะ...”  น้ำตาของเด็กผู้ชายคนนั้นไหลลงอาบแก้ม  อย่างไม่สามารถที่จะปกปิดได้  แต่เขาก็ทำตามที่อลิซพูดทุกอย่าง  อลิซมองหญิงที่สลบอยู่ข้างๆกับเด็กผู้ชายคนนั้น  หญิงคนนั้นลืมตาขึ้น  “ช...ช่วย...ลูก...ของ...ฉัน...ด้วย”  เธอชัก  และในที่สุดก็หมดแรงตายไป  “แม่”  เด็กชายคนนั้นตะโกนออกมาสุดเสียง  เขารู้สึกได้ทันทีเลยว่า  แผลตามร่างกายของเขายังไม่เจ็บเท่าการที่แม่ของเขาได้จากเขาไป 
“ผมชื่อ แม็ค ครับ”  เขาเสียงของเด็กคนนั้นดีขึ้นกว่าช่วงเวลาอันโหดร้ายที่เพิ่งผ่านไป  หลังจากที่อลิซแบกตัวเขาขึ้นหลังนานกว่า  5  นาที
“พี่อลิซเก่งมากๆเลยนะ...ผมอยากเก่งแบบพี่มั่งจังเลย...ตอนที่พี่สู้กับเจ้าพวกนั้นนะ...ผมอึ้งกับฝีมือของพี่มากๆเลย พี่สอนผมมั่งได้ไหม”
“อย่าดีกว่า...อย่าเป็นแบบพี่...พี่ไม่อยากให้ใครมีชีวิตแบบพี่อีกแล้ว” เสียงของเธอสั่นๆ
“ทำไมล่ะครับ”
“ช่างเถอะนะ...พี่ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม.........................................................................................
.........................................................................................................................................” 
              อลิซแบกเด็กคนนั้นไปที่ซ่อนของคนเฝ้าโกดัง  และอลิซก็จัดการกับคนเหล่านั้น  เธอสั่งให้เด็กคนนั้นรอเธอสักครู่  และไม่นานเธอก็กลับมา  เธอแบกเด็กคนนั้นเดินลงเขาไป  ที่ด้านล่างมีสถานีอนามัยใหญ่ตั้งอยู่  เธอให้เด็กเข้าห้องตรวจทันทีเมื่อถึง  และเธอก็ได้แจ้งกับตำรวจทันที  เธอให้ปากคำกับตำรวจอยู่นานสองนาน  และในที่สุดเธอก็ได้เวลาพักผ่อนบ้างเสียที  เธอเดินกลับไปที่บ้านพักบนภูเขาอีกครั้ง  เมื่อถึงที่ประตูทางเข้าเธอถึงกับยืนถอนหายใจอยู่หลายเฮือก  แล้วก็คิดอยู่ในใจว่า  นี่คือ  ‘การพักผ่อนหรือเนี่ย’  แล้วเธอก็ตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูทันที
“อะ...ลิซ...”  เพื่อนๆของเธอร้องขึ้นพร้อมกัน
“อลิซไปทำอะไรมา?...อลิซบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?...ทำไมอลิซไปไหนไม่บอกพวกเราเลย? ทำไมตัวอลิซมีเลือดด้วยล่ะ? เป็นอะไรรึเปล่าอลิซ? เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรออลิซ? เราออกตามหาเธอตั้งนาน...แต่เราไม่เจอเธอเลย...เธอไปอยู่ไหนมา?”  เพื่อนๆของเธอแย่งกันถามอย่างไม่มีใครยอมใคร  ทำให้อลิซรู้สึกปวดหัวนิดๆ  เธอเดินแหวกทุกคนโดยที่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว  เพื่อนของเธอก็ไม่กล้าตามเธอไป  แค่อลิซปลอดภัยก็ดีแล้ว  พวกเขาคิด
              อาหารมื้อเย็นเป็น บาร์บีคิว ของโปรดของวีส  แต่ความจริงวีสก็ชอบกินทุกอย่างนั่นแหละ  อลิซปฏิเสธอาหารมื้อนั้นไป  เธอไม่อยากจะขยับร่างกายของเธออีกแล้ว  เธอขอให้เวลานี้เธอมีความสุขกับการได้นอนหลับยาวๆสักพักจะดีกว่า
“WOW !!! อาหารมื้อนี้อร่อยสุดๆเลย” วีสพูดหลังจากที่ซัดอาหารจนเรียบ
“ไปแช่น้ำดีกว่า 555”
“เดี๋ยวตาวีส...นี่ไม่คิดจะช่วยกันเก็บก่อนเลยรึไง”
“ฮึม !!!  คุณเจ๊ก็อย่าขี้บ่นนักสิ...เห็นไหมตีนกาขึ้นหน้าเต็มไปหมดแล้ว”
“งั้นคุณวีสช่วยล้างจานหมดนี่ด้วยละกันนะคะ”
“ได้อยู่แล้วครับน้องสาว”
“หา...หมดนี่นี่นะ”  เขาอุทานทันทีที่หันมาเห็นจานเป็น 30 40 ใบแล้วไหนจะแก้วน้ำอีก  ซ้อน  ส้อมอีก ฯลฯ
“นั่นแหละ...ล้างให้หมดนะ”
              กลางดึกลมแรงกว่าช่วงเช้าสัก 3 เท่าได้  แถมยังเป็นคืนเดือนมืดอีก  มองอะไรแทบจะไม่เห็น  ค้างคาว  และนกฮูก  เริ่มออกหากิน  เสียงตักแตนจิ้งหรีดดังลั่น  เธอเดินอยู่กลางป่าคนเดียว  ลมที่แสนหนาวเย็นพัดมาเป็นระยะระยะ  ทำให้เธอรู้สึกวังเวงยังไงชอบกล  ไม่นานนัก  ฝนก็ตกลงอย่างแรง  โดยที่ไม่มีสัญญาณอะไรบอกกล่าว 
              ภาพของแม็คผุดขึ้นในหัวสมองของเธอ  ตัวที่ชุ่มไปด้วยเลือด  น้ำตาที่ไหลอย่างไม่สามารถปกปิดความเจ็บปวด  ภาพหญิงคนหนึ่งที่ตอนนี้  เธอได้จากไปแล้ว  และภาพหลังจากนั้น  คือ  เด็กหญิงตัวเล็กกำลังมองขึ้นไปบนท้องฟ้า  เธอโบกมือไปมาพร้อมกับพูดว่า  “กลับมาเร็วๆนะคะ...คุณพ่อ”  เครื่องบินลำใหญ่ลอยอยู่เหนือศรีษะของเธอ  น้ำใสๆไหลลงสู่พื้นหญ้า  “หนูจะรอค่ะ”
 
ตูม !!!  เครื่องบินลำนั้นระเบิดอย่างไม่มีสาเหตุ 
ตุบ !!!
“.......พ่อ......”  เด็กคนนั้นกรีดร้องออกมาสุดเสียงที่เธอสามารถเปล่งออกมาได้  ศพของพ่อเธอหล่นลงมาอยู่ตรงหน้าของเธอพอดี  และก็สิ้นใจ ณ ขณะนั้น
              เธอลืมตาขึ้น  ทั้งตัวชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ  เธอเอามือปิดตา  และลุกขึ้นนั่ง  ตั้งสติสักพักใหญ่  เธอเอามือออกและมองไปรอบๆห้อง  อาการเหนื่อยหอบของเธอยังไม่หาย  เธอเห็นแมรี่นอนอยู่ข้างๆ  เธอล้มตัวเพื่อที่จะนอนต่อ  แต่ภาพนั้นกลับวนเวียนอยู่ในหัวของเธอจนเธอไม่กล้าแม้จะหลับตาลงอีกเป็นครั้งที่สอง  เธอเริ่มรู้สึกหิวอยู่นิดๆ  ทั้งตอนเที่ยงและตอนเย็นเธอยังไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลย
              เธอไปหาของกินที่ตู้เย็นในห้องครัว  โชคดีที่มีนมกล่องอยู่  เธอดื่มเรียบจนหมดกล่อง  เธอไม่รู้จะทำอะไรต่อดี  ถ้ากลับไปนอน  ภาพนั้นก็คงไม่ยอมจากไปแน่ๆ
“อลิซ”  อลิซสะดุ้งกับเสียงนั้นเล็กน้อย  ความจริงเธอไม่ใช่คนที่ตกใจอะไรง่ายๆ  แต่คงเป็นเพราะฝันเมื่อสักครู่ล่ะมั้ง
“มีอะไรหรอ...พอล”
How  Long  Must  I  Stay  Like  This ? ; จะต้องอยู่อย่างนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ ?
“มีอะไรงั้นหรอ”
“เราน่ะจะเป็นฝ่ายถามอลิซมากกว่านะ”
“อลิซไปไหนมา ?”
“..............................”  ไม่มีคำตอบจากอลิซ
“พูดอะไรบ้างสิ.....เห็นวีสบอกว่าอลิซกลับมายังไม่ยอมพูดอะไรเลยนี่.....ไม่ยอมอธิบายอะไรเลย”  พอลเริ่มหัวเสียแล้ว  เขาเป็นห่วงเธอแทบตาย  และเพิ่งกลับเข้ามาเมื่อไม่นานนี้ด้วย  แล้วเธอกลับทำท่าทีเมินเฉยใส่เขาเพื่อตอบแทนความรู้สึกของเขาอย่างนั้นหนะหรือ  เธอทำเกินไปแล้ว  เขาคิด
“นี่ไม่ใช่เวลาตอบคำถาม”  อลิซเบื่อเต็มทนแล้ว  เธอเดินหนีพอลไปนอกบ้าน  แต่พอลก็เดินตามและดึงแขนอลิซไว้เพื่อไม่ให้เธอเดินต่อ  เขาต้องพูดกับเธอให้รู้เรื่องให้ได้  และไม่ปล่อยให้เรื่องหยุดแค่นี้แน่ 
“ไม่ใช่เวลาตอบคำถามงั้นหรืออลิซ.....แล้วเมื่อไหร่ล่ะ.....เมื่อไหร่จะได้เวลาที่อลิซยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเราเข้าใจอลิซบ้าง.....พวกเราเป็นห่วงอลิซนะ.....พวกเราพากันออกตามหาอลิซทั่วภูเขา.....แล้วอยู่ดีดีอลิซก็กลับมา.....ไม่บอกอะไรสักคำอย่างนี้หรออลิซ.....เธอเคยคิดบ้างไหม?.....ว่าพวกเราเค้าจะคิดยังไง ..เคยเข้าใจความรู้สึกพวกเราบ้างไหม”  เธอรู้สึกใจหายมากที่เพื่อนของเธอออกตามหาเธอ  ถ้าพวกเขาไปเจออย่างที่เธอได้เจอจะทำอย่างไร  แต่เธอก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดใดออกมาต่อหน้าพอล  นั่นแหละที่ยิ่งจะทำให้เขาโกรธมากขึ้น
“.....ตามหา.....ห่วง.....จริงหรอ ? ”  เธอบ่นพึมพำเบาๆ  พอลไม่ได้ยินคำพูดนั้น  เขาโกรธอลิซมากจนไม่อยากมองหน้าเธออีก  แล้วเข้าก็กลับขึ้นห้องไป
              อลิซนั่งกอดเข่าอยู่ที่ระเบียงนอกบ้าน  เธอมองท้องฟ้าที่มืดสนิท  เสียงจิ้งหรีดกรีดร้องสนั่น  ลมที่เย็นเยือกพัดมาไม่ขาดระยะ  เธอหรี่ตาลงเมื่อไม่สามารถต้านทานแรงลมได้  เธอมองไปรอบๆ  และก็พบแต่ความว่างเปล่า  เหมือนรอบตัวเธอไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากตัวเธอเอง  ‘กี่ครั้งแล้วนะ  ที่เรารู้สึกแบบนี้ ..ฮึม..ๆ..ๆ .’  เธอพึมพำและหัวเราะกับความคิดงี่เง่าของตัวเองซึ่งได้กลั่นออกมาพร้อมน้ำตาซึ่งไหลพรากโดยที่เธอเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ ‘ต้องอยู่คนเดียวไปอีกนานเท่าไหร่นะ’  ในขณะเดียวกันคำพูดและการสนทนาเมื่อครู่ก็ยังหมุนอยู่ในหัวของเธอ .....พวกเราเป็นห่วงอลิซนะ..... เธอเคยคิดบ้างไหม.....ว่าพวกเราเค้าจะคิดยังไง.....เคยเข้าใจความรู้สึกของพวกเราบ้างไหม..... ‘ ทำไมนะ  ทำไมเราต้องรู้สึกผิดกับคำพูดพวกนี้ด้วย  เราไม่เคยทำอะไรผิดสักหน่อย.....ห่วง.....ตามหา.....จริงหรอ? ..’  อลิซสั่นหัวพร้อมกับปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอ  ‘เราไม่ได้ทำอะไรผิด....ห่วง....เราไม่ได้ต้องการให้ใครมาห่วงเรา  เราดูแลตัวเราเองได้  ก็หลายปีที่ผ่านมา  เราก็ดูแลตัวเองมาตลอดนี่.....ตามหา....เราไม่ได้ใช้พวกนั้นสักหน่อย  พวกนั้นจะออกตามหาเราทำไม  เราไม่ได้เป็นอะไรกับพวกนั้นเลย  จะห่วงกันทำไม  จะตามหาไปเพื่ออะไร  โกหกทั้งนั้นแหละ 
              เธอก้มหน้าลงซุกกับแขน  เธอไม่สามารถห้ามน้ำตาที่เธอพยายามไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเธอ  เธอไม่ใช่คนอ่อนแอ  ปัญหาแค่นี้มีหรือที่จะแก้ไม่ได้  ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหล  เพราะเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่เธอคิดออกมานั้น  มันเป็นแค่ความคิดที่ใช้ที่ปลอบใจตัวเองเท่านั้น
“อลิซ”  เสียงใสๆร้องเรียกเธอ
“อลิซ”  มือที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน  จับแขนของเธอและเขย่า  อลิซลืมตาขึ้น  คราบน้ำตาเต็มใบหน้าอันผ่องใส  ดูไม่เหมือนอลิซคนก่อน
“ทำไม ? มานอนตรงนี้ล่ะอลิซ.....เมื่อคืนหนาวมากเลยนะ.....อ้าวอลิซเป็นอะไรล่ะ.....ร้องไห้ทำไม.....ใครทำอลิซหรอ.....บอกมาได้เลย.....เดี๋ยวเราจะไปจัดการให้”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร ..กี่โมงแล้ว”
“เพิ่งตี 5 ครึ่งเอง  ..  อลิซไปนอนต่อในบ้านดีกว่า .....  เดี๋ยวไม่สบายเอานะ”
“ไม่ล่ะ.....เราไม่ง่วงแล้ว.....ขอถามอะไรหน่อยสิ”  อลิซเดินไปพูดไป  จิตใจเธอเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว  เธอเดินไปห้องน้ำ  เปิดน้ำให้แรงที่สุดเท่าที่ก๊อกที่นั่นจะเปิดได้  เธอล้างหน้าและคราบน้ำตาออกจนหมด  หน้าอลิซกลับมาเหมือนเดิมแล้ว  ยกเว้นที่ตาของเธอดูชำนิดหน่อยเท่านั้น
“ถามอะไรหรอ”
“นี่เราว่านะ.....ตอนนี้พวกหนุ่มๆยังไม่ตื่น.....ใช่ป่ะ.....เราไปแช่บ่อน้ำพุร้อนไป.....คุยกันไปดีกว่านะ”
“แต่ตอนเช้ามันหนาวนะ  มีลมด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า.....พอแช่แล้ว....ความหนาวจะหายไปทันทีเลยล่ะ”
              แมรี่จัดการลากอลิซเข้าห้องพอเตรียมชุดคลุม  ผ้าขนหนู  เรียบร้อยแล้ว  ก็รีบเดินไปที่หลังบ้าน  พอแมรี่เปิดประตูหลังบ้าน  ไออุ่นจากบ่อน้ำพุร้อนก็แผ่เข้าถึงตัวของทั้งสองทันที  แมรี่ไล่ให้อลิซลงไปในบ่อก่อน  แล้วเธอก็ปิดป้ายไว้หน้าประตูว่า  “ห้ามรบกวน”  แล้วเธอจึงค่อยลงแช่ตาม
“โอ้ !!!  วาว !!!  อุ่นดีจริงๆเลย .ว่าแต่มีอะไรจะถามหรอ”
“คิดยังไงหรอ”
“บ้าหรอ....จะให้เค้าคิดอะไรอ่ะ....ตัวเอง”
“ไม่ใช่อย่างนั้น.....หมายความว่า......คิดว่าเมื่อวานฉันทำผิดรึเปล่า”
“อ๋อ.....มันก็ไม่ผิดหรอกนะ.....แต่มันก็ไม่ถูกอ่ะ.....”
“แล้วมันยังไงล่ะ.....ฉันไม่เข้าใจ”
“ก็เวลาอลิซไปไหนก็น่าจะบอกกันมั่งนี่.....แต่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวใช่ไหมล่ะ.....ที่คนเราจะมีสิทธิที่จะไปไหนมาไหนได้ตามที่เราต้องการ.....แต่ตอนที่อลิซหายไปอ่ะนะ.....พวกเราเป็นห่วงอลิซมากๆเลยนะ.....พวกเราออกตามหาอลิซด้วย......แต่ก็ไม่มีใครเจอเลยอ่ะ......รู้ไหมพอลหนะ......ออกไปหาอลิซนานที่สุดเลยนะ.....แล้วเขาเพิ่งกลับมาตอนที่อลิซหลับไปแล้วในตอนที่พวกเรากำลังเก็บกวาดกันอยู่.....และดูเหมือนเขาจะดีใจนะที่อลิซไม่ได้เป็นอะไร.....แต่ก็ดูเหมือนว่าเค้าจะโกรธอลิซด้วยนั่นแหละ”
“ทำไมต้องห่วงด้วยล่ะ? พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แค่หายไปแค่เนี่ย   ทำไมจะต้องห่วงกันถึงขนาดนั้นด้วย กลัวว่าฉันจะสร้างความเดือดร้อนให้   หรือว่าอะไรกันแน่”
“เหตุผลที่ว่าทำไมต้องห่วงหนะ . . . . . เราไม่มีหรอกนะ . . . . . เพราะเราคิดว่าอลิซเป็นเพื่อนเป็นคนสำคัญของเรา . . . . . เราแค่ไม่อยากให้อลิซเป็นอะไรไป . . . . . เราไม่ได้กลัวว่าเธอจะทำอะไรให้พวกเราเดือดร้อน . . . . . เราก็ดีใจที่เห็นเธอกลับมาอย่างปลอดภัย . . . . . แค่นี้เอง”
“แล้วทำไมพอลเค้าต้องว่าฉันขนาดนั้นด้วย”
“อ๋อ......เมื่อคืนใช่ป่ะ”
“แมรี่ได้ยินด้วยหรอ”
“อืม.....ก็พอลเสียงดังออกขนาดนั้น”
“นั่นแหละ . . . . เขาเป็นห่วงเธอนี่ . . . . . เค้าก็เลยโกรธมาก . . . . แต่ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ห่วงเธอนะ . . . . . คนเราหนะอารมณ์และท่าทางที่แสดงออกจะแตกต่างกับไป . . . . . อย่างเช่นเรา . . . . เราคิดว่าอลิซปลอดภัยเราก็ดีใจ  และไม่อยากที่จะกวนใจในสิทธิ์ของอลิซ . . . . . แต่กับพอลมันไม่เหมือนกัน . . . . เขาก็มีเหตุผลของเขา . . . . เขาแค่อยากรู้ในฐานะที่เขาก็เป็นเพือนคนหนึ่งของอลิซหรือมากกว่านั้น”  พอพูดมาถึงขนาดนี้อลิซก็เริ่มเข้าใจ  และคิดว่า  ทำไมเธอถึงไม่เคยเรียนเรื่องแบบนี้มาก่อนบ้างนะ  สิ่งที่แมรี่พูดออกมามันขัดกับสิ่งที่เธอได้รับรู้ในสมัยก่อนมาอย่างสิ้นเชิง  อลิซยิ้มออกบ้างแล้วในตอนนี้
“ว่าแต่แมรี่.......ที่บอกว่ามากกว่านั้น......หมายความว่าไงหรอ”  แมรี่ก็ยิ้มๆ 
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ” 
              และนี่คือโอกาสที่อลิซจะแกล้งแมรี่คืน  เธอรีบขึ้นจากน้ำและใส่ชุดคลุม  เธอแกล้งเอาชุดคลุมของแมรี่ไปซ่อน  ทำให้แมรี่ขึ้นจากบ่อไม่ได้  แต่เมื่อท้องฟ้าเริ่มสางแล้ว  อลิซก็คืนให้แมรี่  แล้วทั้งสองก็รีบวิ่งขึ้นห้องตัวเองเพื่อที่จะแต่งตัว  อลิซรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก  เธอเพิ่งเข้าใจว่า  คนเราไม่จำเป็นจะต้องเป็นญาติหรือเป็นอะไรกัน  ก็สามารถห่วงกันได้  ถึงมันจะขัดๆกับที่เธอได้เรียนรู้มา  แต่เธอก็เลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่แมรี่พูด  เพราะมันทำให้เธอสบายใจได้มากกว่าก็
              แม้ว่านี่จะเป็นเวลาบ่ายสามกว่าๆแล้ว  แต่อากาศที่ภูเขา กรี กรี  ไม่มีวี่แววของความร้อน  มีเพียงแค่สายลมพัดเอื่อยๆที่มีความเยือกเย็นน้อยกว่าช่วงเช้าๆเท่านั้น  แต่ทำไมใจคนเราถึงไม่เย็นเฉกเช่นเดียวกับอากาศนะ  ก็คงเป็นเพราะ  มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตไงล่ะ  มีทั้ง  รัก  โลภ  โกรธ  หลง  ที่สำคัญคือ  มนุษย์มีจิตใจ
“นี่อลิซ...หายไปนานแล้วนะ...เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้...ในที่นี้ไม่มีใครหายไปนอกจากอลิซใช่ไหม? จะไปไหนก็น่าจะบอกกันมั่งนะ....”  แมรี่หลังจากตื่นขึ้นมา  เธอก็เรียกประชุมสมาชิกทั้งหลายเพื่อนัดแนะเกี่ยวกับเวลาต่างๆ  แต่เมื่อรอมานานมากแล้วอลิซก็ไม่มาสักที  เธอก็เริ่มเป็นห่วง  แต่แทนที่จะห่วงอย่างเดียว  เธอกลับบ่นตลอดเวลาไปด้วย
 
“นี่เจ๊...จะบ่นอีกนานไหม?...ถ้าเจ๊บ่นแล้วอลิซกลับมาก็ว่าไปอย่าง...แต่นี่ไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นเลย...แล้วอีกอย่างนะ...พอลเค้าออกไปตามอลิซตั้งนานแล้ว...เจ๊ไม่รู้หรือไง”
“อะไรนะ...พอลออกไปตามอลิซงั้นหรอ”
“แล้วเจ๊คิดว่า...วีสผู้ที่หน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์คนนี้จะโกหกงั้นหรอ”
“แล้วทำไมพวกเราไม่ไปช่วยพอลตามอลิซล่ะ”
“ก็พวกเรากำลังจะชวนเจ๊ไงล่ะ  แต่พวกเราจะรอให้เจ๊บ่นให้จบก่อน”
“ตาบ้าวีส  ยังจะมาเล่นลิ้นอีก  ไปกันเถอะ”
“อ๋อ...แสดงว่าบ่นเสร็จแล้ว...งั้นพวกเราคงไปกันได้แล้วมั้ง...”
“เดี๋ยวก่อน...เราแยกกันไปหาดีกว่าจะได้เร็วขึ้น...วีสไปกับเอฟออฟละกัน...ฉันจะไปกับแมรี่เอง”  เรสวินพูดขึ้นหลังจากที่นิ่งเงียบมานาน
“แล้วเวลา 5 โมงตรง  ถ้าไม่เจอให้กลับมารวมกันที่บ้านก่อนละกันนะ”
“อืม” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
              เธอเดินลึกเข้าไปในป่า  ยิ่งเดินลึกเท่าไหร่  เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้น  และในตอนนี้เธอก็ได้เห็นโกดังเก็บไม้ขนาดใหญ่  และที่มาของเสียงก็ต้องอยู่ด้านในนั้นแน่นอน  เธอกำจัด (ทำให้สลบ) คนเฝ้าประตูโกดัง  2  คน  ด้วยไม้อันใหญ่ที่เก็บได้จากแถวๆนั้นได้อย่างสบายๆ  เธอลากคน 2 คนอย่างไร้เสียงใดใดไปเก็บไว้ในที่ลับตาคน  และภายในไม่ถึง 2  นาที  อลิซก็กลายเป็นคนเฝ้าประตูไปซะแล้ว  เธอเดินกลับไปที่โกดังอีกครั้ง  และเธอก็ค่อยๆแง้มประตูดูต้นเสียงที่อยู่ด้านใน
อึก  อึก  อัก  อัก  !!!
              เด็กคนหนึ่งซึ่งถูกมัดไว้กับเสากำลังโดนซ้อมอย่างหนัก  ร่างของเด็กชายอายุประมาณ  15  ปีกำลังชุ่มไปด้วยน้ำสีแดงข้น  ที่เรียกว่า  “เลือด”  ข้างๆกันกับที่เด็กคนนั้นถูกมัด  มีร่างหนึ่งนอนอยู่พร้อมกับบาดแผลที่เต็มตัว  เธอมองไม่ถนัดว่า  เจ้าของร่างนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่  และแล้วชายผู้ที่มีแว่นตาดำอำพรางใบหน้าอยู่นั้นก็พูดขึ้น
“ว่าไง...เจ้าเด็กปากแข็ง...ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง...บอกมาเจ้าเอาของๆข้าไปซุกซ่อนไว้ไหน”
“ถุย !!!  ถึงแกจะฆ่าฉัน...ยังไงซะแกก็ไม่มีทางรู้ที่ซ่อนของหรอก...และอีกไม่นานตำรวจก็จะมาฆ่าแก...” 
อึก  อึก  อัก  อัก  !!!
              เด็กคนนั้นโดนซ้อมชุดใหญ่อีกครั้ง  อลิซแทบจะไม่อยากลืมตาดูภาพนั้นเลย  เธอไม่รู้หรอกว่า  เด็กคนนี้ดีหรือเลว  แต่เธอคิดว่า  ผู้ชายคนในแว่นดำนั้น  ต้องไม่ใช่คนดีเป็นแน่ !!!  และเธอก็เกลียดคนที่ทำร้ายเด็กแบบนี้ซะด้วยสิ  เธอค่อยๆเปิดประตูโกดังอย่างช้าๆ
“เฮ้ย !!!  ไอ้จุ้ย  แกเข้ามาทำไมวะ  ข้ายังไม่ได้สั่งอะไรเลย” 
“มีไอ้หน้าไหนก็ไม่รู้ฮะ  ไปแจ้งตำรวจ  และตำรวจกำลังบุกมาที่นี่”
“แล้วแกรู้ได้ไงวะ...ว่าตำรวจจะบุกมา”
“เอ่อ...ก็เมื่อกี้...ฉันลงไปเดินเล่นแถวๆโน้น...เห็นตำรวจเดินไปเดินมา”
ปั่ง !!!  อีกไม่ถึง ซม. กระสุนจะตรงเข้าสู่ร่างของอลิซทันที  เธอสามารถหลบได้อย่างรวดเร็ว
“กูไม่โง่ขนาดนั้นหรอกโว้ย...ถ้าตำรวจมาจริง...กูจะรู้ได้เอง...เพราะกูมีรหัสลับโว้ย...และท่าทางแกก็ไม่น่าใช่คนของกูเป็นแน่”
“ฮึม...รู้ก็ดีแล้วนี่...ฉันก็ไม่ได้สนุกแบบนี้มานานแล้ว”  อลิซดึงหน้ากากออก  เผยให้เห็นว่าเธอคือผู้หญิง
“โอ้...เป็นสาวน้อยน่ารักหรือนี่...แต่ขอโทษนะ...กูมันไม่ใช่สุภาพบุรุษโว้ย”
“555...ไม่บอกชั้นก็รู้ย่ะ”  ชายใส่แว่นผู้เป็นหัวหน้านั้นยิ้มที่มุมปากอย่างเหี้ยมโหด  เขาเล็งปากกระบอกปืนมาที่อลิซ  ชายอีกคนซึ่งเป็นคนซ้อมเด็กผู้ชายที่ถูกมัดอยู่ก็ค่อยๆเริ่มตั้งท่าเตรียมพร้อม  อลิซถูกล้อมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  ชายผู้เป็นหัวหน้าขยิบตา 1 ที
ปั่ง !!!  เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง  อลิซก้มตัวหลบทำให้  ชายอีกคนเกือบถูกลูกกระสุน  เธอวิ่งไปที่ชายคนนั้นแล้วใช้เขาเป็นโล่ป้องกันตัวเอง  เธอเดินตรงไปที่หัวหน้าพร้อมกับโล่ชิ้นใหม่
“โอ้สาวน้อย  ฝีมือดีใช่ย่อยนะเนี่ย...แต่ถึงแกจะมีโล่กำบังชั้นดีกูก็ไม่สน...เพราะกูมีตัวประกันที่ดีกว่าแก”
“งั้นหรอ...เสียใจย่ะ...ถึงเด็กนั่นตาย...ฉันก็ไม่สน...เพราะยังไงแกก็ไม่รู้ที่ซ่อนสมบัตินั่นอยู่ดีนั่นแหละ...แค่เสียเด็กไปคนหนึ่ง...ประเทศนี้ไม่ล่มสลายหรอก...และอีกอย่างแกก็จะต้องตายตามเด็กนั่นไป...และประเทศก็คงสูงขึ้นกว่าเดิม”  ชายผู้เป็นหัวหน้ามีอาการกระตุกอย่างเห็นได้ชัด
“แกเป็นใครกันแน่”  ปืนที่อยู่ในมือของเขาสันไม่หยุด
“ได้...ฉันจะบอกแก...แต่  (ฉึบ !!!)  แกคงรู้เอง  เมื่อแกไปสู่ในนรกแล้วเท่านั้น” มีดที่อลิซได้จากในกระเป๋าของชายที่เป็นโล่ของเธอปักเข้าตัดขั่วหัวใจของชายคนนั้นทันที  ทั้งๆที่อลิซยังพูดไม่จบ  แต่เขาคงได้ยินสิ่งที่เธอพูดประโยคสุดท้าย   
A  Weep  ;  เสียงกรีดร้อง
แฮก  แฮก  !!!
“พ.....พี่.....สาว....ครับ”  เด็กคนนั้นพูดออกมาด้วยความยากลำบาก  เขาแทบจะไม่มีแรงเหลืออยู่เลย
“พี่ชื่อ  อลิซ  จ้า”
“ค.....ครับ...พ.....พี่อลิซ”
“น้องอยู่เฉยๆก่อนดีกว่านะ...”  น้ำตาของเด็กผู้ชายคนนั้นไหลลงอาบแก้ม  อย่างไม่สามารถที่จะปกปิดได้  แต่เขาก็ทำตามที่อลิซพูดทุกอย่าง  อลิซมองหญิงที่สลบอยู่ข้างๆกับเด็กผู้ชายคนนั้น  หญิงคนนั้นลืมตาขึ้น  “ช...ช่วย...ลูก...ของ...ฉัน...ด้วย”  เธอชัก  และในที่สุดก็หมดแรงตายไป  “แม่”  เด็กชายคนนั้นตะโกนออกมาสุดเสียง  เขารู้สึกได้ทันทีเลยว่า  แผลตามร่างกายของเขายังไม่เจ็บเท่าการที่แม่ของเขาได้จากเขาไป 
“ผมชื่อ แม็ค ครับ”  เขาเสียงของเด็กคนนั้นดีขึ้นกว่าช่วงเวลาอันโหดร้ายที่เพิ่งผ่านไป  หลังจากที่อลิซแบกตัวเขาขึ้นหลังนานกว่า  5  นาที
“พี่อลิซเก่งมากๆเลยนะ...ผมอยากเก่งแบบพี่มั่งจังเลย...ตอนที่พี่สู้กับเจ้าพวกนั้นนะ...ผมอึ้งกับฝีมือของพี่มากๆเลย พี่สอนผมมั่งได้ไหม”
“อย่าดีกว่า...อย่าเป็นแบบพี่...พี่ไม่อยากให้ใครมีชีวิตแบบพี่อีกแล้ว” เสียงของเธอสั่นๆ
“ทำไมล่ะครับ”
“ช่างเถอะนะ...พี่ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม.........................................................................................
.........................................................................................................................................” 
              อลิซแบกเด็กคนนั้นไปที่ซ่อนของคนเฝ้าโกดัง  และอลิซก็จัดการกับคนเหล่านั้น  เธอสั่งให้เด็กคนนั้นรอเธอสักครู่  และไม่นานเธอก็กลับมา  เธอแบกเด็กคนนั้นเดินลงเขาไป  ที่ด้านล่างมีสถานีอนามัยใหญ่ตั้งอยู่  เธอให้เด็กเข้าห้องตรวจทันทีเมื่อถึง  และเธอก็ได้แจ้งกับตำรวจทันที  เธอให้ปากคำกับตำรวจอยู่นานสองนาน  และในที่สุดเธอก็ได้เวลาพักผ่อนบ้างเสียที  เธอเดินกลับไปที่บ้านพักบนภูเขาอีกครั้ง  เมื่อถึงที่ประตูทางเข้าเธอถึงกับยืนถอนหายใจอยู่หลายเฮือก  แล้วก็คิดอยู่ในใจว่า  นี่คือ  ‘การพักผ่อนหรือเนี่ย’  แล้วเธอก็ตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูทันที
“อะ...ลิซ...”  เพื่อนๆของเธอร้องขึ้นพร้อมกัน
“อลิซไปทำอะไรมา?...อลิซบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?...ทำไมอลิซไปไหนไม่บอกพวกเราเลย? ทำไมตัวอลิซมีเลือดด้วยล่ะ? เป็นอะไรรึเปล่าอลิซ? เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรออลิซ? เราออกตามหาเธอตั้งนาน...แต่เราไม่เจอเธอเลย...เธอไปอยู่ไหนมา?”  เพื่อนๆของเธอแย่งกันถามอย่างไม่มีใครยอมใคร  ทำให้อลิซรู้สึกปวดหัวนิดๆ  เธอเดินแหวกทุกคนโดยที่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว  เพื่อนของเธอก็ไม่กล้าตามเธอไป  แค่อลิซปลอดภัยก็ดีแล้ว  พวกเขาคิด
              อาหารมื้อเย็นเป็น บาร์บีคิว ของโปรดของวีส  แต่ความจริงวีสก็ชอบกินทุกอย่างนั่นแหละ  อลิซปฏิเสธอาหารมื้อนั้นไป  เธอไม่อยากจะขยับร่างกายของเธออีกแล้ว  เธอขอให้เวลานี้เธอมีความสุขกับการได้นอนหลับยาวๆสักพักจะดีกว่า
“WOW !!! อาหารมื้อนี้อร่อยสุดๆเลย” วีสพูดหลังจากที่ซัดอาหารจนเรียบ
“ไปแช่น้ำดีกว่า 555”
“เดี๋ยวตาวีส...นี่ไม่คิดจะช่วยกันเก็บก่อนเลยรึไง”
“ฮึม !!!  คุณเจ๊ก็อย่าขี้บ่นนักสิ...เห็นไหมตีนกาขึ้นหน้าเต็มไปหมดแล้ว”
“งั้นคุณวีสช่วยล้างจานหมดนี่ด้วยละกันนะคะ”
“ได้อยู่แล้วครับน้องสาว”
“หา...หมดนี่นี่นะ”  เขาอุทานทันทีที่หันมาเห็นจานเป็น 30 40 ใบแล้วไหนจะแก้วน้ำอีก  ซ้อน  ส้อมอีก ฯลฯ
“นั่นแหละ...ล้างให้หมดนะ”
              กลางดึกลมแรงกว่าช่วงเช้าสัก 3 เท่าได้  แถมยังเป็นคืนเดือนมืดอีก  มองอะไรแทบจะไม่เห็น  ค้างคาว  และนกฮูก  เริ่มออกหากิน  เสียงตักแตนจิ้งหรีดดังลั่น  เธอเดินอยู่กลางป่าคนเดียว  ลมที่แสนหนาวเย็นพัดมาเป็นระยะระยะ  ทำให้เธอรู้สึกวังเวงยังไงชอบกล  ไม่นานนัก  ฝนก็ตกลงอย่างแรง  โดยที่ไม่มีสัญญาณอะไรบอกกล่าว 
              ภาพของแม็คผุดขึ้นในหัวสมองของเธอ  ตัวที่ชุ่มไปด้วยเลือด  น้ำตาที่ไหลอย่างไม่สามารถปกปิดความเจ็บปวด  ภาพหญิงคนหนึ่งที่ตอนนี้  เธอได้จากไปแล้ว  และภาพหลังจากนั้น  คือ  เด็กหญิงตัวเล็กกำลังมองขึ้นไปบนท้องฟ้า  เธอโบกมือไปมาพร้อมกับพูดว่า  “กลับมาเร็วๆนะคะ...คุณพ่อ”  เครื่องบินลำใหญ่ลอยอยู่เหนือศรีษะของเธอ  น้ำใสๆไหลลงสู่พื้นหญ้า  “หนูจะรอค่ะ”
 
ตูม !!!  เครื่องบินลำนั้นระเบิดอย่างไม่มีสาเหตุ 
ตุบ !!!
“.......พ่อ......”  เด็กคนนั้นกรีดร้องออกมาสุดเสียงที่เธอสามารถเปล่งออกมาได้  ศพของพ่อเธอหล่นลงมาอยู่ตรงหน้าของเธอพอดี  และก็สิ้นใจ ณ ขณะนั้น
              เธอลืมตาขึ้น  ทั้งตัวชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ  เธอเอามือปิดตา  และลุกขึ้นนั่ง  ตั้งสติสักพักใหญ่  เธอเอามือออกและมองไปรอบๆห้อง  อาการเหนื่อยหอบของเธอยังไม่หาย  เธอเห็นแมรี่นอนอยู่ข้างๆ  เธอล้มตัวเพื่อที่จะนอนต่อ  แต่ภาพนั้นกลับวนเวียนอยู่ในหัวของเธอจนเธอไม่กล้าแม้จะหลับตาลงอีกเป็นครั้งที่สอง  เธอเริ่มรู้สึกหิวอยู่นิดๆ  ทั้งตอนเที่ยงและตอนเย็นเธอยังไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลย
              เธอไปหาของกินที่ตู้เย็นในห้องครัว  โชคดีที่มีนมกล่องอยู่  เธอดื่มเรียบจนหมดกล่อง  เธอไม่รู้จะทำอะไรต่อดี  ถ้ากลับไปนอน  ภาพนั้นก็คงไม่ยอมจากไปแน่ๆ
“อลิซ”  อลิซสะดุ้งกับเสียงนั้นเล็กน้อย  ความจริงเธอไม่ใช่คนที่ตกใจอะไรง่ายๆ  แต่คงเป็นเพราะฝันเมื่อสักครู่ล่ะมั้ง
“มีอะไรหรอ...พอล”
How  Long  Must  I  Stay  Like  This ? ; จะต้องอยู่อย่างนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ ?
“มีอะไรงั้นหรอ”
“เราน่ะจะเป็นฝ่ายถามอลิซมากกว่านะ”
“อลิซไปไหนมา ?”
“..............................”  ไม่มีคำตอบจากอลิซ
“พูดอะไรบ้างสิ.....เห็นวีสบอกว่าอลิซกลับมายังไม่ยอมพูดอะไรเลยนี่.....ไม่ยอมอธิบายอะไรเลย”  พอลเริ่มหัวเสียแล้ว  เขาเป็นห่วงเธอแทบตาย  และเพิ่งกลับเข้ามาเมื่อไม่นานนี้ด้วย  แล้วเธอกลับทำท่าทีเมินเฉยใส่เขาเพื่อตอบแทนความรู้สึกของเขาอย่างนั้นหนะหรือ  เธอทำเกินไปแล้ว  เขาคิด
“นี่ไม่ใช่เวลาตอบคำถาม”  อลิซเบื่อเต็มทนแล้ว  เธอเดินหนีพอลไปนอกบ้าน  แต่พอลก็เดินตามและดึงแขนอลิซไว้เพื่อไม่ให้เธอเดินต่อ  เขาต้องพูดกับเธอให้รู้เรื่องให้ได้  และไม่ปล่อยให้เรื่องหยุดแค่นี้แน่ 
“ไม่ใช่เวลาตอบคำถามงั้นหรืออลิซ.....แล้วเมื่อไหร่ล่ะ.....เมื่อไหร่จะได้เวลาที่อลิซยอมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเราเข้าใจอลิซบ้าง.....พวกเราเป็นห่วงอลิซนะ.....พวกเราพากันออกตามหาอลิซทั่วภูเขา.....แล้วอยู่ดีดีอลิซก็กลับมา.....ไม่บอกอะไรสักคำอย่างนี้หรออลิซ.....เธอเคยคิดบ้างไหม?.....ว่าพวกเราเค้าจะคิดยังไง ..เคยเข้าใจความรู้สึกพวกเราบ้างไหม”  เธอรู้สึกใจหายมากที่เพื่อนของเธอออกตามหาเธอ  ถ้าพวกเขาไปเจออย่างที่เธอได้เจอจะทำอย่างไร  แต่เธอก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดใดออกมาต่อหน้าพอล  นั่นแหละที่ยิ่งจะทำให้เขาโกรธมากขึ้น
“.....ตามหา.....ห่วง.....จริงหรอ ? ”  เธอบ่นพึมพำเบาๆ  พอลไม่ได้ยินคำพูดนั้น  เขาโกรธอลิซมากจนไม่อยากมองหน้าเธออีก  แล้วเข้าก็กลับขึ้นห้องไป
              อลิซนั่งกอดเข่าอยู่ที่ระเบียงนอกบ้าน  เธอมองท้องฟ้าที่มืดสนิท  เสียงจิ้งหรีดกรีดร้องสนั่น  ลมที่เย็นเยือกพัดมาไม่ขาดระยะ  เธอหรี่ตาลงเมื่อไม่สามารถต้านทานแรงลมได้  เธอมองไปรอบๆ  และก็พบแต่ความว่างเปล่า  เหมือนรอบตัวเธอไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากตัวเธอเอง  ‘กี่ครั้งแล้วนะ  ที่เรารู้สึกแบบนี้ ..ฮึม..ๆ..ๆ .’  เธอพึมพำและหัวเราะกับความคิดงี่เง่าของตัวเองซึ่งได้กลั่นออกมาพร้อมน้ำตาซึ่งไหลพรากโดยที่เธอเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ ‘ต้องอยู่คนเดียวไปอีกนานเท่าไหร่นะ’  ในขณะเดียวกันคำพูดและการสนทนาเมื่อครู่ก็ยังหมุนอยู่ในหัวของเธอ .....พวกเราเป็นห่วงอลิซนะ..... เธอเคยคิดบ้างไหม.....ว่าพวกเราเค้าจะคิดยังไง.....เคยเข้าใจความรู้สึกของพวกเราบ้างไหม..... ‘ ทำไมนะ  ทำไมเราต้องรู้สึกผิดกับคำพูดพวกนี้ด้วย  เราไม่เคยทำอะไรผิดสักหน่อย.....ห่วง.....ตามหา.....จริงหรอ? ..’  อลิซสั่นหัวพร้อมกับปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอ  ‘เราไม่ได้ทำอะไรผิด....ห่วง....เราไม่ได้ต้องการให้ใครมาห่วงเรา  เราดูแลตัวเราเองได้  ก็หลายปีที่ผ่านมา  เราก็ดูแลตัวเองมาตลอดนี่.....ตามหา....เราไม่ได้ใช้พวกนั้นสักหน่อย  พวกนั้นจะออกตามหาเราทำไม  เราไม่ได้เป็นอะไรกับพวกนั้นเลย  จะห่วงกันทำไม  จะตามหาไปเพื่ออะไร  โกหกทั้งนั้นแหละ 
              เธอก้มหน้าลงซุกกับแขน  เธอไม่สามารถห้ามน้ำตาที่เธอพยายามไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเธอ  เธอไม่ใช่คนอ่อนแอ  ปัญหาแค่นี้มีหรือที่จะแก้ไม่ได้  ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหล  เพราะเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่เธอคิดออกมานั้น  มันเป็นแค่ความคิดที่ใช้ที่ปลอบใจตัวเองเท่านั้น
“อลิซ”  เสียงใสๆร้องเรียกเธอ
“อลิซ”  มือที่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน  จับแขนของเธอและเขย่า  อลิซลืมตาขึ้น  คราบน้ำตาเต็มใบหน้าอันผ่องใส  ดูไม่เหมือนอลิซคนก่อน
“ทำไม ? มานอนตรงนี้ล่ะอลิซ.....เมื่อคืนหนาวมากเลยนะ.....อ้าวอลิซเป็นอะไรล่ะ.....ร้องไห้ทำไม.....ใครทำอลิซหรอ.....บอกมาได้เลย.....เดี๋ยวเราจะไปจัดการให้”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร ..กี่โมงแล้ว”
“เพิ่งตี 5 ครึ่งเอง  ..  อลิซไปนอนต่อในบ้านดีกว่า .....  เดี๋ยวไม่สบายเอานะ”
“ไม่ล่ะ.....เราไม่ง่วงแล้ว.....ขอถามอะไรหน่อยสิ”  อลิซเดินไปพูดไป  จิตใจเธอเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว  เธอเดินไปห้องน้ำ  เปิดน้ำให้แรงที่สุดเท่าที่ก๊อกที่นั่นจะเปิดได้  เธอล้างหน้าและคราบน้ำตาออกจนหมด  หน้าอลิซกลับมาเหมือนเดิมแล้ว  ยกเว้นที่ตาของเธอดูชำนิดหน่อยเท่านั้น
“ถามอะไรหรอ”
“นี่เราว่านะ.....ตอนนี้พวกหนุ่มๆยังไม่ตื่น.....ใช่ป่ะ.....เราไปแช่บ่อน้ำพุร้อนไป.....คุยกันไปดีกว่านะ”
“แต่ตอนเช้ามันหนาวนะ  มีลมด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า.....พอแช่แล้ว....ความหนาวจะหายไปทันทีเลยล่ะ”
              แมรี่จัดการลากอลิซเข้าห้องพอเตรียมชุดคลุม  ผ้าขนหนู  เรียบร้อยแล้ว  ก็รีบเดินไปที่หลังบ้าน  พอแมรี่เปิดประตูหลังบ้าน  ไออุ่นจากบ่อน้ำพุร้อนก็แผ่เข้าถึงตัวของทั้งสองทันที  แมรี่ไล่ให้อลิซลงไปในบ่อก่อน  แล้วเธอก็ปิดป้ายไว้หน้าประตูว่า  “ห้ามรบกวน”  แล้วเธอจึงค่อยลงแช่ตาม
“โอ้ !!!  วาว !!!  อุ่นดีจริงๆเลย .ว่าแต่มีอะไรจะถามหรอ”
“คิดยังไงหรอ”
“บ้าหรอ....จะให้เค้าคิดอะไรอ่ะ....ตัวเอง”
“ไม่ใช่อย่างนั้น.....หมายความว่า......คิดว่าเมื่อวานฉันทำผิดรึเปล่า”
“อ๋อ.....มันก็ไม่ผิดหรอกนะ.....แต่มันก็ไม่ถูกอ่ะ.....”
“แล้วมันยังไงล่ะ.....ฉันไม่เข้าใจ”
“ก็เวลาอลิซไปไหนก็น่าจะบอกกันมั่งนี่.....แต่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวใช่ไหมล่ะ.....ที่คนเราจะมีสิทธิที่จะไปไหนมาไหนได้ตามที่เราต้องการ.....แต่ตอนที่อลิซหายไปอ่ะนะ.....พวกเราเป็นห่วงอลิซมากๆเลยนะ.....พวกเราออกตามหาอลิซด้วย......แต่ก็ไม่มีใครเจอเลยอ่ะ......รู้ไหมพอลหนะ......ออกไปหาอลิซนานที่สุดเลยนะ.....แล้วเขาเพิ่งกลับมาตอนที่อลิซหลับไปแล้วในตอนที่พวกเรากำลังเก็บกวาดกันอยู่.....และดูเหมือนเขาจะดีใจนะที่อลิซไม่ได้เป็นอะไร.....แต่ก็ดูเหมือนว่าเค้าจะโกรธอลิซด้วยนั่นแหละ”
“ทำไมต้องห่วงด้วยล่ะ? พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แค่หายไปแค่เนี่ย   ทำไมจะต้องห่วงกันถึงขนาดนั้นด้วย กลัวว่าฉันจะสร้างความเดือดร้อนให้   หรือว่าอะไรกันแน่”
“เหตุผลที่ว่าทำไมต้องห่วงหนะ . . . . . เราไม่มีหรอกนะ . . . . . เพราะเราคิดว่าอลิซเป็นเพื่อนเป็นคนสำคัญของเรา . . . . . เราแค่ไม่อยากให้อลิซเป็นอะไรไป . . . . . เราไม่ได้กลัวว่าเธอจะทำอะไรให้พวกเราเดือดร้อน . . . . . เราก็ดีใจที่เห็นเธอกลับมาอย่างปลอดภัย . . . . . แค่นี้เอง”
“แล้วทำไมพอลเค้าต้องว่าฉันขนาดนั้นด้วย”
“อ๋อ......เมื่อคืนใช่ป่ะ”
“แมรี่ได้ยินด้วยหรอ”
“อืม.....ก็พอลเสียงดังออกขนาดนั้น”
“นั่นแหละ . . . . เขาเป็นห่วงเธอนี่ . . . . . เค้าก็เลยโกรธมาก . . . . แต่ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ห่วงเธอนะ . . . . . คนเราหนะอารมณ์และท่าทางที่แสดงออกจะแตกต่างกับไป . . . . . อย่างเช่นเรา . . . . เราคิดว่าอลิซปลอดภัยเราก็ดีใจ  และไม่อยากที่จะกวนใจในสิทธิ์ของอลิซ . . . . . แต่กับพอลมันไม่เหมือนกัน . . . . เขาก็มีเหตุผลของเขา . . . . เขาแค่อยากรู้ในฐานะที่เขาก็เป็นเพือนคนหนึ่งของอลิซหรือมากกว่านั้น”  พอพูดมาถึงขนาดนี้อลิซก็เริ่มเข้าใจ  และคิดว่า  ทำไมเธอถึงไม่เคยเรียนเรื่องแบบนี้มาก่อนบ้างนะ  สิ่งที่แมรี่พูดออกมามันขัดกับสิ่งที่เธอได้รับรู้ในสมัยก่อนมาอย่างสิ้นเชิง  อลิซยิ้มออกบ้างแล้วในตอนนี้
“ว่าแต่แมรี่.......ที่บอกว่ามากกว่านั้น......หมายความว่าไงหรอ”  แมรี่ก็ยิ้มๆ 
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ” 
              และนี่คือโอกาสที่อลิซจะแกล้งแมรี่คืน  เธอรีบขึ้นจากน้ำและใส่ชุดคลุม  เธอแกล้งเอาชุดคลุมของแมรี่ไปซ่อน  ทำให้แมรี่ขึ้นจากบ่อไม่ได้  แต่เมื่อท้องฟ้าเริ่มสางแล้ว  อลิซก็คืนให้แมรี่  แล้วทั้งสองก็รีบวิ่งขึ้นห้องตัวเองเพื่อที่จะแต่งตัว  อลิซรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก  เธอเพิ่งเข้าใจว่า  คนเราไม่จำเป็นจะต้องเป็นญาติหรือเป็นอะไรกัน  ก็สามารถห่วงกันได้  ถึงมันจะขัดๆกับที่เธอได้เรียนรู้มา  แต่เธอก็เลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่แมรี่พูด  เพราะมันทำให้เธอสบายใจได้มากกว่าก็
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น