ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Second Time To Secert Room ; 2 ครั้งต่างทางสู่ห้องลับใต้ดิน
Second  Time  To  Secert  Room  ;  2 ครั้งต่างทางสู่ห้องลับใต้ดิน
              พอลเปิดเครื่องคอมในห้องหนังสือ  แต่พอลไม่ได้ตอบคำถามเหมือนอย่างที่อลิซเคยตอบ  เขาแค่พิมพ์  Password  ลงไปเป็นสิบๆตัว  เมื่อทุกอย่างเสร็จ  แจกันก็เริ่มหมุน  คอมพิวเตอร์ก็ปิดเองอัตโนมัติ  ประตูที่ห้องด้านข้างที่เป็นชั้นหนักสือก็ดีดตัวเปิดเองอัตโนมัติเช่นกัน  ภายในนั้นก็มีบันได  แต่ไม่ใช่เหมือนที่อลิซเคยไป  มันเป็นบันใดไม่ลึกมากนัก  และตามทางก็มีแสงสว่างด้วย  ทางที่พอลกำลังพาเธอไปนั้น  ไม่เหมือนกันที่เธอเคยเขาไปเมื่อครั้งก่อน  และแล้วก็ถึงจุดหมาย  นั่นก็คือ  ห้องใต้ดิน
          บรรยากาศภายในห้องก็ดูเหมือนเดิม  แต่มันไม่มีแสงสว่างเหมือนครั้งก่อนก็เท่านั้น  สายลมเย็นๆ  พัดเข้ามาเรื่อยๆ  ทำให้ห้องใต้ดินซึ่งเหมือนห้องที่รวมทุกๆห้องไว้ด้วยกันมีอากาศหายใจได้อย่างปลอดโปร่ง
“พอล...ใครเป็นคนสร้างห้องนี้หรอ”
“ปู่ของฉัน  แต่พ่อของฉันเป็นคนสร้างต่อหลังจากที่ปู่ได้จากไป  แต่พ่อก็ยังสร้างได้ไม่สมบูรณ์หรอกนะ  ฉันก็แค่ทำส่วนที่เหลือต่อเท่านั้นแหละ” พอลเดินไปเปิดไฟทำให้ห้องนั้นสว่างขึ้น  อลิซมองเห็นรูปภาพที่ฝาผนัง  มันเป็นรูปของคนในตระกูลของพอล  ทุกคนดูสดใสร่าเริงยิ้มแย้ม  รักใครกลมเกลียวกัน
“ตอนนี้  ทุกคนได้จากฉันไปหมดแล้ว”
“นายคงมีความสุขมากสินะ  ถ้าได้อยู่กับพวกเขาอีก”
“อืม”  มันเป็นเสียงที่อลิซฟังแล้วรู้สึกเศร้าตามพอลไปด้วย  คนที่สดใสอย่างพอล  ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีอดีตที่เศร้าขนาดนี้  แต่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปกับอลิซมากนักหรอก
“นายเก่งนะที่สร้างห้องนี้ต่อได้”  อลิซพยายามเปลี่ยนเรื่อง  เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น
“ลองทายสิว่า  ฉันสร้างอะไรต่อจากปู่และพ่อ” น้ำเสียงของเขาเริ่มดีขึ้น
“อืม...คำถาม  และ  คำตอบ  ในคอมพิวเตอร์”
“ผิด...นั่นพ่อของฉันเป็นคนทำถ้าพ่อของฉันไม่เสียซะก่อนเราคงได้สร้างมันด้วยกัน”
“ฉันแค่ทำทางอีกทางเพื่อสำหรับคนที่ไม่มี Password  ให้ลงมาสู่ห้องนี้ก็เท่านั้น”
“นายเป็นคนทำทางนั้นหรอพอล ไม่จริงมั้ง” อลิซถามอีกครั้งอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่พอลพูด
“ใช่ แล้วก็จริงด้วย”  อลิซอยากจะให้พอลลองไปเดินทางที่ตัวเขาเองเป็นคนสร้างสัก 100 รอบ  เพื่อเขาจะได้รู้ซะมั่งว่า    ทางที่เขาสร้างนั้นมันเป็นอย่างไร
“เฮ้อ...พอลนะพอล...แล้วทำไมทางนี้มันใกล้นักล่ะ”
“555...ครั้งก่อนอลิซต้องไปทางนั้นมาแน่ๆเลย...เป็นไงบ้างล่ะ” พอลไม่สนใจคำถามของอลิซ
“จะเป็นยังไงนายก็ลองไปเดินดูเองสิ”  อลิซตอบอย่างโมโห  แต่เป็นคำตอบที่ทำให้พอลหัวเราะไม่หยุด  ทำไมเขาจะไม่เคยเดินทางนั้น  ก็เขาเป็นคนสร้างนี่  ก็ต้องเคยอยู่แล้ว  แต่หลังจากสร้างเสร็จ  เขาก็ไม่คิดที่จะใช้ทางนั้นอีกเลย
“นี่  หยุดหัวเราะสักทีได้ไหม”
“ได้” แต่เขาก็ยังหัวเราะอยู่
“นี่ที่ถามยังไม่ได้ตอบเลยนะ  ทำไมทางนี้มันถึงใกล้นักล่ะ”
“555..อ๋อ..ก็ทางที่เธอไปครั้งที่แล้วอ่ะ...555...ฉันทำเป็นทางวนไปวนมา...มันก็เลยไกล...แต่จริงๆทางที่เธอเดินไป...ก็แค่รอบๆบ้านเรานั่นแหละ...ความจริงห้องนี้อยู่ใต้ห้องรับแขกของตัวบ้านพอดี  มันก็เหมือนเดินจากห้องสมุดไปห้องรับแขกก็เท่านั้น”
“อืม...ว่าแต่จะให้ฉันดูอะไรหรอ”
“อ๋อ...รอเดี๋ยวนะ” พอลเดินไปที่หลังรูปภาพของครอบครัวของเขา  เขาเคาะมือที่ตรงกลางรูป  แล้วภาพก็เปิดออก  เขาหยิบกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมจัตุรัสกล่องใหญ่  แต่ดูท่าทางของด้านในจะไม่หนักมากนัก  เขาเปิดกล่องและหยิบของในนั้นขึ้นมา
“นี่ไง”  มันมีรูปร่างเป็นวงกลม  ไม่สิ! วงรี  แต่มันก็ดูกลมๆเหมือนกันแหละ  มันมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ  2  ซม.  เมื่อเทียบกับกล่องที่บรรจุมา  มันดูมีขนาดเล็กมากๆ  มันมีขนสีขาวที่ดูนุ่มนิมล้อมรอบตัว 
“มันคืออะไร”
              เขาไม่ตอบคำถามนั้น  เขายื่นมันใส่มือของเธอ  แล้วเขาก็ยกกล่องใบใหญ่นั้นเก็บเข้าไปในข้างหลังภาพดังเดิม  เขาเคาะมือที่ข้างๆภาพและภาพก็ปิดเองอัตโนมัติ  ในความคิดของเธอ  คนที่สร้างห้องใต้ดินแห่งนี้เป็นคนช่างคิดซะเหลือเกิน  ถึงแม้จะเข้ามาในห้องแห่งนี้ได้  และมีคนตามเข้ามา  เขาก็จะสามารถหลบอยู่ในห้องนี้ได้อย่างปลอดภัย  และการสร้างห้องที่มีกลไกมากมายขนาดนี้  จะต้องมีพรสวรรค์มากมายเลยทีเดียว  รวมทั้งคนที่กำลังอยู่กับเธอตอนนี้ด้วย  อลิซมองเขาแล้วพิจารณาไปเรื่อยๆ
“มองอะไร” เขาถามอย่างเขินๆ
“ปะ  ปะ  เปล่า  ก็นายยังไม่ตอบคำถามของฉันเลยนี่”
“ไม่สำคัญหรอกว่ามันคืออะไร  เมื่อถึงเวลาแล้วอลิซจะรู้เองแหละ”
“เมื่อไหร่ล่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่า...เมื่อถึงเวลา...”  เขาบอกอย่างยิ้มๆ  ถ้าเป็นตอนแรกๆที่เพิ่งเจอกับพอล (ตอนที่อลิซเข้าโรงเรียนใหม่)  อลิซคงจะไม่พูดกับพอลอีกแน่หากพอลตอบคำถามเธอแบบนี้  เพราะเธอคิดว่าการตอบคำถามแบบกวนๆ  มันไม่ตลกและเท่ห์ตรงไหน  นี่แหละสิ่งที่พวกคนธรรมดาชอบทำกัน  แต่ตอนนี้เธอยังอยากอยู่กับบรรยากาศแบบนี้มากกว่าที่จะมาทะเลาะกัน 
              อลิซลองหมุนไปรอบๆสิ่งของที่พอลได้ให้เธอมา  พิจารณาดูไปดูมา  ‘มันคืออะไรกันแน่’  เธอคิด  มันคงไม่ใช่แค่ลูกกลมๆรีๆธรรมดาๆหรอก  ไม่งั้นพอลคงไม่ต้องให้เธอมาถึงที่นี่  พอลดูอลิซซึ่งถือสิ่งที่เขาให้เธอ  แล้วเขาก็อมยิ้มไปกับท่าทางของอลิซ
“อย่าทำท่าซีเรียสอย่างนั้นสิ...” เขาแกล้งล้อท่าทีของเธอ  แล้วพูดต่อไปว่า
“เวลาช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น...ในขณะเดียวกัน...เวลาก็ทำให้เรารู้มากขึ้นด้วย...จงรอจนกว่าเวลานั้นจะมาถึง” ยิ่งพอลพูดมากเท่าไหร่  อลิซก็ยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้นมากขึ้น  เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก  “เมื่อไหร่เวลานั้นจะมาถึงนะ” เธอคิดในใจ
“อลิซเคยพูดไม่ใช่หรือ  ว่า ‘เวลาไม่เคยหยุดนิ่งเลย...ในเวลาที่ต้องการให้หยุด...กลับเดินไปอย่างรวดเร็ว...ในเวลาที่อยากจะผ่านไปให้เร็วที่สุด...กลับเดินช้าอย่างไร้เหตุผล’ แต่คราวนี้อลิซต้องเป็นฝ่ายรอเวลาแล้วนะ”
A  Railroad  Station  Platform  ;  ชานชาลา
              ผู้คนหนาตามาก  เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่  สถานีรถไฟดูเล่นไปขนัดตาเลยทีเดียว  เมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารทั้งขาเข้าขาออก  แต่วันนี้จะไม่มีอะไรที่ทำให้ใครต่อใครอารมณ์เสียได้ง่ายนักหรอก  เพราะปีใหม่ปีหนึ่งมีหนเดียวนี่หน่า
++ เวลา 9.00 น. ++  ที่จุดนัดพบ
“ตายแล้ว  คนเยอะจัง  แล้วเพื่อนๆจะเห็นฉันไหมเนี่ย” แมรี่ซึ่งมาก่อนเวลานัดอยู่นาน  พูดขึ้นขณะที่รอบๆตัวของเธอเต็มไปด้วยสัมภาระต่างๆมากมาย
“แล้วเจ๊จะบ่นอะไรนักหนา...ก็บอกแล้วว่านัดที่นี่...เค้าก็รู้อยู่แล้วแหละ” วีสซึ่งกำลังนั่งกิน B-Big  hot dog  อยู่เริ่มรำคาญกับท่าทีตื่นเต้นเกินขนาดของแมรี่
“นั่นไงมากันแล้ว” พอลกับอลิซเดินมาพร้อมกัน
“ขอโทษนะจ๊ะ  กว่าจะแหวกผู้คนมาได้  เหนื่อยอยู่เหมือนกัน”
“เห็นไหมฉันบอกแล้วว่าพวกเขาต้องหาเจอ  ก็ร้าน B-Big มีที่เดียวในสถานีรถไฟแห่งนี้ไงล่ะ  รู้ไหมคุณเจ๊”
“ยะ..ยะ..ยะ...ฉันรู้แล้วตาบ้าฟุตบอลจอมตะกละ”
“โอ้โห...แมรี่...เธอจะไปกี่วันเนี่ย...ขนหยั่งกับไปเป็นเดือน” พอลแซว  พอดีขณะที่เรสวินเดินเข้ามา
“เฮ้อ...คนเยอะจังเลย...ถ้ายอมให้ฉันเอารถตู้ระดับ VIP มาส่งทุกคนก็ดีหรอก จริงไหมอลิซ”
“ฉันว่าไปรถไฟน่าจะดีกว่านะดูเป็น  ธรรมชาติ  ดีออก”  เพล้ง  !!!  เป็นครั้งแรกที่อลิซทำเรสวินหน้าแตก 
พอลแอบหัวเราะโดยหันหน้าไปด้านหลัง 
“หัวเราะอะไร  ตลกตาย”  แต่เรสวินก็ยังอุตสาห์แอบเห็น
“สวัสดีจ้า”
“ขอโทษนะ  ที่มาช้า”
“ไม่เป็นไร  รีบไปกันเถอะ”
++ ตู้ที่ 05 ++ เวลา 9.15 น. รถไฟเริ่มเคลื่อนขบวน
“กี่ชั่วโมงถึงหรอ” วีสถามขณะกินข้าวโพดคั่ว
“2 ชม. กว่าๆจ้า” 
“อลิซเคยไปหรอ”
“อืม”  พอลยืนขึ้นและเดินออกไป 
“พอลไปไหนหรอ”
“เดินเล่น”
++  เวลาผ่านไป 10 นาที ++
“นี่ทุกคน...ฉันซื้อขนมมาฝาก” พอลเดินกลับมาพร้อมกับมือที่ถือถุงต่างๆมากมาย
“อะนี่...อลิซ” พอลยื่นถุงสีใสให้
“อะไร”
“ก็ข้าวเช้าไง  อลิซยังไม่ได้กินไม่ใช่หรอ”
“ขอบใจ”
++ เวลาผ่านไป 1 ชม. ++
              วีสซัดอาหารและขนมไปหลายอย่าง  และในที่สุด  ตอนนี้เข้าก็กำลังหลับ  เช่นเดียวกันกับแมรี่  ที่ตื่นเต้นจนแทบไม่ได้นอน  เอฟกับออฟก็หลับเช่นกัน  ไม่ค่อยแปลกนักหรอกที่ฝาแฝดจะมักทำอะไรเหมือนๆกัน 
“อลิซ...ไปที่ตู้อาหารกันไหม”
“ไม่ล่ะ  เรสวิน  ไปเถอะ”
              หลังจากนั้นไม่นาน  อลิซก็เบื่อกับการนั่งเฉยๆ  เธอลุกขึ้นและเดินออกไปจากตู้รถไฟหมายเลข 05  เธอเดินผ่านตู้รถไฟมากมาย  จนมาถึงตู้ที่ 01 ตู้นี้วิวสวยกว่าตู้อื่นๆ  เพราะเป็นกระจกเกือบทั้งหมด  มีที่นั่งว่าง  อยู่หลายที่  เธอคิดว่าถ้านั่งตรงนี้ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
สักพักก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งมานั่งข้างเธอ “ชอบดูวิวหรอ” เขาทักขึ้น
เธอไม่ตอบชายคนนั้น  เธอคิดว่า ‘ที่อื่นก็มีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมต้องมานั่งตรงนี้ด้วย’
“ไม่ตอบ...เฮ้อ...คนเรา” ชายคนนั้นทำเสียงกวนๆ  อลิซหันมาจ้องหน้า
“อ้าว...พอล...” อลิซทำท่า งงงง
“เมื่อกี้...”
“เราเองแหละ”
“เราลองดัดเสียงดูก็เท่านั้น”
“กะจะแกล้งต่อสักหน่อย...” พอลหัวเราะ แฮะ ๆ
“ยังไม่ตอบคำถามเราเลย ชอบดูวิวหรอ”
“เปล่า แค่เบื่อๆไม่มีอะไรทำ”
“เฮ้ย...ดูนั่นสิ...รุ้งกินน้ำ” พอลชี้ไปที่นอกหน้าต่าง  อลิซรีบหันหน้าไปมองทันที
“ไหน”
“ไหนบอกไม่ชอบดูวิวไง เราล้อเล่น”
“ใครบอกว่าไม่ชอบดู...ฉันแค่พูดว่า ‘เปล่า’ แค่นั้นเอง...นายคิดไปเองรึเปล่า”  อลิซย้อนพอลมั่ง
“โอ้โห  เดี๋ยวนี้ย้อนเก่งซะด้วย...ไปเอานิสัยมาจากใครนะ”
“ก็นายนั่นแหละ” อลิซแกล้งชกท้องพอลเล่นๆ  แล้วเธอก็หันหน้าไปดูวิวต่อ  ทันใดนั้นเธอก็เห็นรุ้งกินน้ำอยู่ไกลๆ 
“นั่นไง...มีรุ้งกินน้ำจริงๆด้วย...เท่ากับเมื่อกี้เราไม่ได้โกหก”
“ใช่...นี่แหละ...ธรรมชาติของจริง”
Timena  City  ;  ทีมีน่า  ซิตตี้
              หลังจากที่รถไฟเข้าสู่สถานีของเมือง ทีมีน่า  ซิตตี้  แล้วทุกคนสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาอย่างไม่ขาดระยะ  ผสมเข้ากับแสงแดดอ่อนๆที่แทบจะไม่มีความร้อนอยู่เลย  มันเป็นอากาศที่หนาวนิดๆแต่ก็เย็นสบายดี     
              วีสโดดออกมาจากรถไฟเป็นคนแรก  ตามมาติดๆ  คือ  แมรี่  หลังจากที่ทุกคนลงจากรถไฟกันหมดแล้ว  ไม่นานรถตู้ที่แมรี่ได้โทรจองไว้ก็มารับทุกคน
“เฮ้ย...ยังเมื่อยก้นไม่หายเลย...ต้องนั่งต่ออีกแล้ว” วีสพูดขึ้นทั้งๆที่ยังไม่ได้ก้าวขาขึ้นรถ
“นี่...รีบๆขึ้นสักทีสิ...เดี๋ยวไม่รอนะ” วีสยืนบ่นนานไปหน่อยเลยลืมไปเลยว่าตัวเองยังอยู่นอกรถอยู่
“เราจะไปไหนกันหรอ”
“ไปภูเขา กรี  กรี”  คนขับรถหันหน้ามาตอบ
“ใช่...บ้านพักพวกเราอยู่ที่นั่น”
              เมื่อขับรถไปไม่นานก็ถึงภูเขา กรี กรี  ทางขึ้นเขาค่อนข้างขรุขระ  แต่ธรรมชาติโดยรอบแล้วแทบจะไม่มีที่ติเลยก็ว่าได้  เสียอย่างเดียวคือ  การที่จะต้องชมธรรมชาติไป  หัวชนหลังคารถไปก็เท่านั้น  ภายในเวลา 30 นาทีกว่าๆ  ก็ถึงจุดหมาย  นั่นคือ  บ้านพัก
              แมรี่ซึ่งได้กุญแจมาจากคนขับรถก็รีบวิ่งไปเปิดประตูบ้านพักทันที  สิ่งแรกหลังจากที่แมรี่เข้าบ้านพักไปแล้วคือ  เดินสำรวจห้องต่างๆ 
“อลิซ...ๆ...” แชะ !!!  แสงสีขาวสว่างวาบเข้าหน้าของอลิซอย่างจัง  ทันทีที่เธอหันหน้าไปหาพอล
“เฮ้ย...พอลทำอะไร” 
“ก็นี่ไง”  พอลชูกล้องถ่ายรูปให้อลิซดู 
“ขอดูรูปหน่อยสิ”
“ไม่ให้ดู 555”
“นี่ทุกคน...เข้ามาในบ้านกันหน่อยสิ” เสียงแมรี่ตะโกนเรียกดังออกมาจากในบ้าน  ไม่นานทุกคนก็ทยอยเข้าบ้านกันหมด  พร้อมกับสัมภาระที่เตรียมกันมาอย่างมากมาย
“ฉันสำรวจแล้ว...มีห้องนอนอยู่  3  ห้องนอน...แล้วก็  3  ห้องน้ำ...แล้วด้านหลังก็มี  บ่อน้ำพุร้อน...แล้วก็มีห้องครัว  ห้องนั่งเล่นใหญ่  อื่ม...แค่นี้แหละ”
“เอาไงดี...นอนห้องละ 2-3 คนละกัน...  ผู้ชายมี 3 คน  งั้นก็เอาห้องใหญ่ไป  แล้ว  เอฟกับออฟ  ก็นอนด้วยกัน  ทางห้องด้านซ้ายของด้านบนละกัน  และก็ฉันกับอลิซ  จะนอนทางห้องด้านขวาเองนะ ...  เอาอย่างนี้ดีไหม ?”  ไม่ใครตอบออกมา
“ถ้างั้นก็...เอาตามนี้ละกัน”
“เจ๊...ที่นี่มี TV ป่ะ” 
“เสียใจ  กลางเขาอย่างนี้ไม่มีทีวีย่ะ”
“ตายแล้ว  คืนนี้มีบอลนัดสำคัญซะด้วย.....” และวีสก็บ่นต่ออีกยืดยาวอย่างซ้ำไปซ้ำมา  จนทุกคนเดินแยกย้ายเข้าห้องของตัวเอง
“เฮ้อ...เมื่อยจัง” แมรี่ล้มตัวลงนอนบนเตียงสปริง  และไม่นานเธอก็หลับไป  อลิซจัดเก็บของทั้งหมดเข้าตู้  แล้วเธอก็ว่างๆ  พอล้มตัวลงจะนอน  แต่ก็นอนไม่หลับ  ใจของเธออย่างจะออกไปด้านนอกมากกว่าที่จะมาพักผ่อน  ว่าแล้วเธอก็ทำตามใจปรารถนา
              เธอไม่อยากจะไปกับใคร  เธออยากจะสำรวจพื้นที่คนเดียวมากกว่า  เพราะมันน่าตื่นเต้นกว่ากันเยอะ  เธอจึงตัดสินใจที่จะใช้ทางลงทางหน้าต่างในห้องนอนชั้นสอง  เพราะเธอคิดกว่า  ดีกว่าที่จะออกไปทางประตู  แล้วอาจจะมีคนขอตามเธอไป
ฟรุบ !!!  มีเสียงเล็กน้อยขณะที่เท้าของเธอลงแตะกับพื้นหญ้า  เธอเดินอ้อมหลังบ้าน  และเธอก็เจอกับบ่อน้ำพุร้อน  เธอหยุดมองรอบๆสักพัก  เพื่อเป็นการป้องกันการติตาม  และก็มีความคิดหนึ่งเข้ามาแทรก  ‘ นี่เราคิดมาเกินไปรึเปล่านะ ?  นี่คือการพักผ่อน  ไม่ใช่งาน ’  เธอเดินต่อไปทางด้านหลัง  และพบว่า  ห่างจากบ้านที่พวกเธอพักอยู่  ก็มีบ้านพักอยู่อีกหลายหลังเช่นกัน  เธอเดินออกไปเรื่อยๆจนไม่พบบ้านพักอื่นๆอีก  อากาศที่นี่ช่างบริสุทธิ์เสียจริงๆ  เสียงนกร้อง  มีกระรอกวิ่งผ่านไปผ่านมา  หนอนหลากสีเกาะอยู่บนใบไม้  มีตัวหนึ่งดูเหมือนวีสไม่มีผิด และยิ่งเดินเธอก็ยิ่งมัน  และตอนนี้เธอก็เดินเข้ามาลึกมากแล้ว  เธอมองนาฬิกา  “ตายแล้ว !!!  นี่บ่าย 3 แล้วหรือเนี่ย  เพื่อนๆต้องหาฉันให้วุ่นแล้วแน่ๆเลย...”  เธอรีบเดินย้อนกลับไปทางเก่า 
ปั่ง  ๆ  ๆ  !!!  เสียงปืนดังขึ้น  ขณะที่อลิซกำลังวิ่งอยู่  ‘ เกิดอะไรขั้น ’  เธอคิด
“เฮ้ย...ไปดูซิ...มันตายรึยัง”  มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น  อลิซลืมเรื่องของเพื่อนๆของเธอไปเสียสนิท  แล้วเป็นทางเป็นวิ่งไปตามเสียงนั้น
              พอลเปิดเครื่องคอมในห้องหนังสือ  แต่พอลไม่ได้ตอบคำถามเหมือนอย่างที่อลิซเคยตอบ  เขาแค่พิมพ์  Password  ลงไปเป็นสิบๆตัว  เมื่อทุกอย่างเสร็จ  แจกันก็เริ่มหมุน  คอมพิวเตอร์ก็ปิดเองอัตโนมัติ  ประตูที่ห้องด้านข้างที่เป็นชั้นหนักสือก็ดีดตัวเปิดเองอัตโนมัติเช่นกัน  ภายในนั้นก็มีบันได  แต่ไม่ใช่เหมือนที่อลิซเคยไป  มันเป็นบันใดไม่ลึกมากนัก  และตามทางก็มีแสงสว่างด้วย  ทางที่พอลกำลังพาเธอไปนั้น  ไม่เหมือนกันที่เธอเคยเขาไปเมื่อครั้งก่อน  และแล้วก็ถึงจุดหมาย  นั่นก็คือ  ห้องใต้ดิน
          บรรยากาศภายในห้องก็ดูเหมือนเดิม  แต่มันไม่มีแสงสว่างเหมือนครั้งก่อนก็เท่านั้น  สายลมเย็นๆ  พัดเข้ามาเรื่อยๆ  ทำให้ห้องใต้ดินซึ่งเหมือนห้องที่รวมทุกๆห้องไว้ด้วยกันมีอากาศหายใจได้อย่างปลอดโปร่ง
“พอล...ใครเป็นคนสร้างห้องนี้หรอ”
“ปู่ของฉัน  แต่พ่อของฉันเป็นคนสร้างต่อหลังจากที่ปู่ได้จากไป  แต่พ่อก็ยังสร้างได้ไม่สมบูรณ์หรอกนะ  ฉันก็แค่ทำส่วนที่เหลือต่อเท่านั้นแหละ” พอลเดินไปเปิดไฟทำให้ห้องนั้นสว่างขึ้น  อลิซมองเห็นรูปภาพที่ฝาผนัง  มันเป็นรูปของคนในตระกูลของพอล  ทุกคนดูสดใสร่าเริงยิ้มแย้ม  รักใครกลมเกลียวกัน
“ตอนนี้  ทุกคนได้จากฉันไปหมดแล้ว”
“นายคงมีความสุขมากสินะ  ถ้าได้อยู่กับพวกเขาอีก”
“อืม”  มันเป็นเสียงที่อลิซฟังแล้วรู้สึกเศร้าตามพอลไปด้วย  คนที่สดใสอย่างพอล  ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีอดีตที่เศร้าขนาดนี้  แต่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปกับอลิซมากนักหรอก
“นายเก่งนะที่สร้างห้องนี้ต่อได้”  อลิซพยายามเปลี่ยนเรื่อง  เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น
“ลองทายสิว่า  ฉันสร้างอะไรต่อจากปู่และพ่อ” น้ำเสียงของเขาเริ่มดีขึ้น
“อืม...คำถาม  และ  คำตอบ  ในคอมพิวเตอร์”
“ผิด...นั่นพ่อของฉันเป็นคนทำถ้าพ่อของฉันไม่เสียซะก่อนเราคงได้สร้างมันด้วยกัน”
“ฉันแค่ทำทางอีกทางเพื่อสำหรับคนที่ไม่มี Password  ให้ลงมาสู่ห้องนี้ก็เท่านั้น”
“นายเป็นคนทำทางนั้นหรอพอล ไม่จริงมั้ง” อลิซถามอีกครั้งอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่พอลพูด
“ใช่ แล้วก็จริงด้วย”  อลิซอยากจะให้พอลลองไปเดินทางที่ตัวเขาเองเป็นคนสร้างสัก 100 รอบ  เพื่อเขาจะได้รู้ซะมั่งว่า    ทางที่เขาสร้างนั้นมันเป็นอย่างไร
“เฮ้อ...พอลนะพอล...แล้วทำไมทางนี้มันใกล้นักล่ะ”
“555...ครั้งก่อนอลิซต้องไปทางนั้นมาแน่ๆเลย...เป็นไงบ้างล่ะ” พอลไม่สนใจคำถามของอลิซ
“จะเป็นยังไงนายก็ลองไปเดินดูเองสิ”  อลิซตอบอย่างโมโห  แต่เป็นคำตอบที่ทำให้พอลหัวเราะไม่หยุด  ทำไมเขาจะไม่เคยเดินทางนั้น  ก็เขาเป็นคนสร้างนี่  ก็ต้องเคยอยู่แล้ว  แต่หลังจากสร้างเสร็จ  เขาก็ไม่คิดที่จะใช้ทางนั้นอีกเลย
“นี่  หยุดหัวเราะสักทีได้ไหม”
“ได้” แต่เขาก็ยังหัวเราะอยู่
“นี่ที่ถามยังไม่ได้ตอบเลยนะ  ทำไมทางนี้มันถึงใกล้นักล่ะ”
“555..อ๋อ..ก็ทางที่เธอไปครั้งที่แล้วอ่ะ...555...ฉันทำเป็นทางวนไปวนมา...มันก็เลยไกล...แต่จริงๆทางที่เธอเดินไป...ก็แค่รอบๆบ้านเรานั่นแหละ...ความจริงห้องนี้อยู่ใต้ห้องรับแขกของตัวบ้านพอดี  มันก็เหมือนเดินจากห้องสมุดไปห้องรับแขกก็เท่านั้น”
“อืม...ว่าแต่จะให้ฉันดูอะไรหรอ”
“อ๋อ...รอเดี๋ยวนะ” พอลเดินไปที่หลังรูปภาพของครอบครัวของเขา  เขาเคาะมือที่ตรงกลางรูป  แล้วภาพก็เปิดออก  เขาหยิบกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมจัตุรัสกล่องใหญ่  แต่ดูท่าทางของด้านในจะไม่หนักมากนัก  เขาเปิดกล่องและหยิบของในนั้นขึ้นมา
“นี่ไง”  มันมีรูปร่างเป็นวงกลม  ไม่สิ! วงรี  แต่มันก็ดูกลมๆเหมือนกันแหละ  มันมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ  2  ซม.  เมื่อเทียบกับกล่องที่บรรจุมา  มันดูมีขนาดเล็กมากๆ  มันมีขนสีขาวที่ดูนุ่มนิมล้อมรอบตัว 
“มันคืออะไร”
              เขาไม่ตอบคำถามนั้น  เขายื่นมันใส่มือของเธอ  แล้วเขาก็ยกกล่องใบใหญ่นั้นเก็บเข้าไปในข้างหลังภาพดังเดิม  เขาเคาะมือที่ข้างๆภาพและภาพก็ปิดเองอัตโนมัติ  ในความคิดของเธอ  คนที่สร้างห้องใต้ดินแห่งนี้เป็นคนช่างคิดซะเหลือเกิน  ถึงแม้จะเข้ามาในห้องแห่งนี้ได้  และมีคนตามเข้ามา  เขาก็จะสามารถหลบอยู่ในห้องนี้ได้อย่างปลอดภัย  และการสร้างห้องที่มีกลไกมากมายขนาดนี้  จะต้องมีพรสวรรค์มากมายเลยทีเดียว  รวมทั้งคนที่กำลังอยู่กับเธอตอนนี้ด้วย  อลิซมองเขาแล้วพิจารณาไปเรื่อยๆ
“มองอะไร” เขาถามอย่างเขินๆ
“ปะ  ปะ  เปล่า  ก็นายยังไม่ตอบคำถามของฉันเลยนี่”
“ไม่สำคัญหรอกว่ามันคืออะไร  เมื่อถึงเวลาแล้วอลิซจะรู้เองแหละ”
“เมื่อไหร่ล่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่า...เมื่อถึงเวลา...”  เขาบอกอย่างยิ้มๆ  ถ้าเป็นตอนแรกๆที่เพิ่งเจอกับพอล (ตอนที่อลิซเข้าโรงเรียนใหม่)  อลิซคงจะไม่พูดกับพอลอีกแน่หากพอลตอบคำถามเธอแบบนี้  เพราะเธอคิดว่าการตอบคำถามแบบกวนๆ  มันไม่ตลกและเท่ห์ตรงไหน  นี่แหละสิ่งที่พวกคนธรรมดาชอบทำกัน  แต่ตอนนี้เธอยังอยากอยู่กับบรรยากาศแบบนี้มากกว่าที่จะมาทะเลาะกัน 
              อลิซลองหมุนไปรอบๆสิ่งของที่พอลได้ให้เธอมา  พิจารณาดูไปดูมา  ‘มันคืออะไรกันแน่’  เธอคิด  มันคงไม่ใช่แค่ลูกกลมๆรีๆธรรมดาๆหรอก  ไม่งั้นพอลคงไม่ต้องให้เธอมาถึงที่นี่  พอลดูอลิซซึ่งถือสิ่งที่เขาให้เธอ  แล้วเขาก็อมยิ้มไปกับท่าทางของอลิซ
“อย่าทำท่าซีเรียสอย่างนั้นสิ...” เขาแกล้งล้อท่าทีของเธอ  แล้วพูดต่อไปว่า
“เวลาช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น...ในขณะเดียวกัน...เวลาก็ทำให้เรารู้มากขึ้นด้วย...จงรอจนกว่าเวลานั้นจะมาถึง” ยิ่งพอลพูดมากเท่าไหร่  อลิซก็ยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้นมากขึ้น  เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก  “เมื่อไหร่เวลานั้นจะมาถึงนะ” เธอคิดในใจ
“อลิซเคยพูดไม่ใช่หรือ  ว่า ‘เวลาไม่เคยหยุดนิ่งเลย...ในเวลาที่ต้องการให้หยุด...กลับเดินไปอย่างรวดเร็ว...ในเวลาที่อยากจะผ่านไปให้เร็วที่สุด...กลับเดินช้าอย่างไร้เหตุผล’ แต่คราวนี้อลิซต้องเป็นฝ่ายรอเวลาแล้วนะ”
A  Railroad  Station  Platform  ;  ชานชาลา
              ผู้คนหนาตามาก  เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่  สถานีรถไฟดูเล่นไปขนัดตาเลยทีเดียว  เมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารทั้งขาเข้าขาออก  แต่วันนี้จะไม่มีอะไรที่ทำให้ใครต่อใครอารมณ์เสียได้ง่ายนักหรอก  เพราะปีใหม่ปีหนึ่งมีหนเดียวนี่หน่า
++ เวลา 9.00 น. ++  ที่จุดนัดพบ
“ตายแล้ว  คนเยอะจัง  แล้วเพื่อนๆจะเห็นฉันไหมเนี่ย” แมรี่ซึ่งมาก่อนเวลานัดอยู่นาน  พูดขึ้นขณะที่รอบๆตัวของเธอเต็มไปด้วยสัมภาระต่างๆมากมาย
“แล้วเจ๊จะบ่นอะไรนักหนา...ก็บอกแล้วว่านัดที่นี่...เค้าก็รู้อยู่แล้วแหละ” วีสซึ่งกำลังนั่งกิน B-Big  hot dog  อยู่เริ่มรำคาญกับท่าทีตื่นเต้นเกินขนาดของแมรี่
“นั่นไงมากันแล้ว” พอลกับอลิซเดินมาพร้อมกัน
“ขอโทษนะจ๊ะ  กว่าจะแหวกผู้คนมาได้  เหนื่อยอยู่เหมือนกัน”
“เห็นไหมฉันบอกแล้วว่าพวกเขาต้องหาเจอ  ก็ร้าน B-Big มีที่เดียวในสถานีรถไฟแห่งนี้ไงล่ะ  รู้ไหมคุณเจ๊”
“ยะ..ยะ..ยะ...ฉันรู้แล้วตาบ้าฟุตบอลจอมตะกละ”
“โอ้โห...แมรี่...เธอจะไปกี่วันเนี่ย...ขนหยั่งกับไปเป็นเดือน” พอลแซว  พอดีขณะที่เรสวินเดินเข้ามา
“เฮ้อ...คนเยอะจังเลย...ถ้ายอมให้ฉันเอารถตู้ระดับ VIP มาส่งทุกคนก็ดีหรอก จริงไหมอลิซ”
“ฉันว่าไปรถไฟน่าจะดีกว่านะดูเป็น  ธรรมชาติ  ดีออก”  เพล้ง  !!!  เป็นครั้งแรกที่อลิซทำเรสวินหน้าแตก 
พอลแอบหัวเราะโดยหันหน้าไปด้านหลัง 
“หัวเราะอะไร  ตลกตาย”  แต่เรสวินก็ยังอุตสาห์แอบเห็น
“สวัสดีจ้า”
“ขอโทษนะ  ที่มาช้า”
“ไม่เป็นไร  รีบไปกันเถอะ”
++ ตู้ที่ 05 ++ เวลา 9.15 น. รถไฟเริ่มเคลื่อนขบวน
“กี่ชั่วโมงถึงหรอ” วีสถามขณะกินข้าวโพดคั่ว
“2 ชม. กว่าๆจ้า” 
“อลิซเคยไปหรอ”
“อืม”  พอลยืนขึ้นและเดินออกไป 
“พอลไปไหนหรอ”
“เดินเล่น”
++  เวลาผ่านไป 10 นาที ++
“นี่ทุกคน...ฉันซื้อขนมมาฝาก” พอลเดินกลับมาพร้อมกับมือที่ถือถุงต่างๆมากมาย
“อะนี่...อลิซ” พอลยื่นถุงสีใสให้
“อะไร”
“ก็ข้าวเช้าไง  อลิซยังไม่ได้กินไม่ใช่หรอ”
“ขอบใจ”
++ เวลาผ่านไป 1 ชม. ++
              วีสซัดอาหารและขนมไปหลายอย่าง  และในที่สุด  ตอนนี้เข้าก็กำลังหลับ  เช่นเดียวกันกับแมรี่  ที่ตื่นเต้นจนแทบไม่ได้นอน  เอฟกับออฟก็หลับเช่นกัน  ไม่ค่อยแปลกนักหรอกที่ฝาแฝดจะมักทำอะไรเหมือนๆกัน 
“อลิซ...ไปที่ตู้อาหารกันไหม”
“ไม่ล่ะ  เรสวิน  ไปเถอะ”
              หลังจากนั้นไม่นาน  อลิซก็เบื่อกับการนั่งเฉยๆ  เธอลุกขึ้นและเดินออกไปจากตู้รถไฟหมายเลข 05  เธอเดินผ่านตู้รถไฟมากมาย  จนมาถึงตู้ที่ 01 ตู้นี้วิวสวยกว่าตู้อื่นๆ  เพราะเป็นกระจกเกือบทั้งหมด  มีที่นั่งว่าง  อยู่หลายที่  เธอคิดว่าถ้านั่งตรงนี้ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
สักพักก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งมานั่งข้างเธอ “ชอบดูวิวหรอ” เขาทักขึ้น
เธอไม่ตอบชายคนนั้น  เธอคิดว่า ‘ที่อื่นก็มีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมต้องมานั่งตรงนี้ด้วย’
“ไม่ตอบ...เฮ้อ...คนเรา” ชายคนนั้นทำเสียงกวนๆ  อลิซหันมาจ้องหน้า
“อ้าว...พอล...” อลิซทำท่า งงงง
“เมื่อกี้...”
“เราเองแหละ”
“เราลองดัดเสียงดูก็เท่านั้น”
“กะจะแกล้งต่อสักหน่อย...” พอลหัวเราะ แฮะ ๆ
“ยังไม่ตอบคำถามเราเลย ชอบดูวิวหรอ”
“เปล่า แค่เบื่อๆไม่มีอะไรทำ”
“เฮ้ย...ดูนั่นสิ...รุ้งกินน้ำ” พอลชี้ไปที่นอกหน้าต่าง  อลิซรีบหันหน้าไปมองทันที
“ไหน”
“ไหนบอกไม่ชอบดูวิวไง เราล้อเล่น”
“ใครบอกว่าไม่ชอบดู...ฉันแค่พูดว่า ‘เปล่า’ แค่นั้นเอง...นายคิดไปเองรึเปล่า”  อลิซย้อนพอลมั่ง
“โอ้โห  เดี๋ยวนี้ย้อนเก่งซะด้วย...ไปเอานิสัยมาจากใครนะ”
“ก็นายนั่นแหละ” อลิซแกล้งชกท้องพอลเล่นๆ  แล้วเธอก็หันหน้าไปดูวิวต่อ  ทันใดนั้นเธอก็เห็นรุ้งกินน้ำอยู่ไกลๆ 
“นั่นไง...มีรุ้งกินน้ำจริงๆด้วย...เท่ากับเมื่อกี้เราไม่ได้โกหก”
“ใช่...นี่แหละ...ธรรมชาติของจริง”
Timena  City  ;  ทีมีน่า  ซิตตี้
              หลังจากที่รถไฟเข้าสู่สถานีของเมือง ทีมีน่า  ซิตตี้  แล้วทุกคนสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นๆที่พัดมาอย่างไม่ขาดระยะ  ผสมเข้ากับแสงแดดอ่อนๆที่แทบจะไม่มีความร้อนอยู่เลย  มันเป็นอากาศที่หนาวนิดๆแต่ก็เย็นสบายดี     
              วีสโดดออกมาจากรถไฟเป็นคนแรก  ตามมาติดๆ  คือ  แมรี่  หลังจากที่ทุกคนลงจากรถไฟกันหมดแล้ว  ไม่นานรถตู้ที่แมรี่ได้โทรจองไว้ก็มารับทุกคน
“เฮ้ย...ยังเมื่อยก้นไม่หายเลย...ต้องนั่งต่ออีกแล้ว” วีสพูดขึ้นทั้งๆที่ยังไม่ได้ก้าวขาขึ้นรถ
“นี่...รีบๆขึ้นสักทีสิ...เดี๋ยวไม่รอนะ” วีสยืนบ่นนานไปหน่อยเลยลืมไปเลยว่าตัวเองยังอยู่นอกรถอยู่
“เราจะไปไหนกันหรอ”
“ไปภูเขา กรี  กรี”  คนขับรถหันหน้ามาตอบ
“ใช่...บ้านพักพวกเราอยู่ที่นั่น”
              เมื่อขับรถไปไม่นานก็ถึงภูเขา กรี กรี  ทางขึ้นเขาค่อนข้างขรุขระ  แต่ธรรมชาติโดยรอบแล้วแทบจะไม่มีที่ติเลยก็ว่าได้  เสียอย่างเดียวคือ  การที่จะต้องชมธรรมชาติไป  หัวชนหลังคารถไปก็เท่านั้น  ภายในเวลา 30 นาทีกว่าๆ  ก็ถึงจุดหมาย  นั่นคือ  บ้านพัก
              แมรี่ซึ่งได้กุญแจมาจากคนขับรถก็รีบวิ่งไปเปิดประตูบ้านพักทันที  สิ่งแรกหลังจากที่แมรี่เข้าบ้านพักไปแล้วคือ  เดินสำรวจห้องต่างๆ 
“อลิซ...ๆ...” แชะ !!!  แสงสีขาวสว่างวาบเข้าหน้าของอลิซอย่างจัง  ทันทีที่เธอหันหน้าไปหาพอล
“เฮ้ย...พอลทำอะไร” 
“ก็นี่ไง”  พอลชูกล้องถ่ายรูปให้อลิซดู 
“ขอดูรูปหน่อยสิ”
“ไม่ให้ดู 555”
“นี่ทุกคน...เข้ามาในบ้านกันหน่อยสิ” เสียงแมรี่ตะโกนเรียกดังออกมาจากในบ้าน  ไม่นานทุกคนก็ทยอยเข้าบ้านกันหมด  พร้อมกับสัมภาระที่เตรียมกันมาอย่างมากมาย
“ฉันสำรวจแล้ว...มีห้องนอนอยู่  3  ห้องนอน...แล้วก็  3  ห้องน้ำ...แล้วด้านหลังก็มี  บ่อน้ำพุร้อน...แล้วก็มีห้องครัว  ห้องนั่งเล่นใหญ่  อื่ม...แค่นี้แหละ”
“เอาไงดี...นอนห้องละ 2-3 คนละกัน...  ผู้ชายมี 3 คน  งั้นก็เอาห้องใหญ่ไป  แล้ว  เอฟกับออฟ  ก็นอนด้วยกัน  ทางห้องด้านซ้ายของด้านบนละกัน  และก็ฉันกับอลิซ  จะนอนทางห้องด้านขวาเองนะ ...  เอาอย่างนี้ดีไหม ?”  ไม่ใครตอบออกมา
“ถ้างั้นก็...เอาตามนี้ละกัน”
“เจ๊...ที่นี่มี TV ป่ะ” 
“เสียใจ  กลางเขาอย่างนี้ไม่มีทีวีย่ะ”
“ตายแล้ว  คืนนี้มีบอลนัดสำคัญซะด้วย.....” และวีสก็บ่นต่ออีกยืดยาวอย่างซ้ำไปซ้ำมา  จนทุกคนเดินแยกย้ายเข้าห้องของตัวเอง
“เฮ้อ...เมื่อยจัง” แมรี่ล้มตัวลงนอนบนเตียงสปริง  และไม่นานเธอก็หลับไป  อลิซจัดเก็บของทั้งหมดเข้าตู้  แล้วเธอก็ว่างๆ  พอล้มตัวลงจะนอน  แต่ก็นอนไม่หลับ  ใจของเธออย่างจะออกไปด้านนอกมากกว่าที่จะมาพักผ่อน  ว่าแล้วเธอก็ทำตามใจปรารถนา
              เธอไม่อยากจะไปกับใคร  เธออยากจะสำรวจพื้นที่คนเดียวมากกว่า  เพราะมันน่าตื่นเต้นกว่ากันเยอะ  เธอจึงตัดสินใจที่จะใช้ทางลงทางหน้าต่างในห้องนอนชั้นสอง  เพราะเธอคิดกว่า  ดีกว่าที่จะออกไปทางประตู  แล้วอาจจะมีคนขอตามเธอไป
ฟรุบ !!!  มีเสียงเล็กน้อยขณะที่เท้าของเธอลงแตะกับพื้นหญ้า  เธอเดินอ้อมหลังบ้าน  และเธอก็เจอกับบ่อน้ำพุร้อน  เธอหยุดมองรอบๆสักพัก  เพื่อเป็นการป้องกันการติตาม  และก็มีความคิดหนึ่งเข้ามาแทรก  ‘ นี่เราคิดมาเกินไปรึเปล่านะ ?  นี่คือการพักผ่อน  ไม่ใช่งาน ’  เธอเดินต่อไปทางด้านหลัง  และพบว่า  ห่างจากบ้านที่พวกเธอพักอยู่  ก็มีบ้านพักอยู่อีกหลายหลังเช่นกัน  เธอเดินออกไปเรื่อยๆจนไม่พบบ้านพักอื่นๆอีก  อากาศที่นี่ช่างบริสุทธิ์เสียจริงๆ  เสียงนกร้อง  มีกระรอกวิ่งผ่านไปผ่านมา  หนอนหลากสีเกาะอยู่บนใบไม้  มีตัวหนึ่งดูเหมือนวีสไม่มีผิด และยิ่งเดินเธอก็ยิ่งมัน  และตอนนี้เธอก็เดินเข้ามาลึกมากแล้ว  เธอมองนาฬิกา  “ตายแล้ว !!!  นี่บ่าย 3 แล้วหรือเนี่ย  เพื่อนๆต้องหาฉันให้วุ่นแล้วแน่ๆเลย...”  เธอรีบเดินย้อนกลับไปทางเก่า 
ปั่ง  ๆ  ๆ  !!!  เสียงปืนดังขึ้น  ขณะที่อลิซกำลังวิ่งอยู่  ‘ เกิดอะไรขั้น ’  เธอคิด
“เฮ้ย...ไปดูซิ...มันตายรึยัง”  มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น  อลิซลืมเรื่องของเพื่อนๆของเธอไปเสียสนิท  แล้วเป็นทางเป็นวิ่งไปตามเสียงนั้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น