คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ◤My Sin Against God : The Intro◢
My Sin Against God : The Intro
My Dear … Lying Cold
( นายอันเป็นที่รัก ค่อยๆเย็นยะเยือกลงเรื่อยๆ )
I will Spend All My Life For You … As I Swore On That Day
( ฉันจะมอบทุกสิ่งของฉัน ให้แด่เธอเช่นดั่งที่ฉันเคยได้สาบานไว้ในวันนั้น )
My Sin Against God
( บาปของฉันที่คิดต่อต้านพระเจ้า )
All My Acts Of Treachery Should Be Paid By My Death
( ก็ควรจะจ่ายค่าตอบแทนของบาปทั้งหมด ด้วยความตายของฉันเอง )
So I will Die For You…
( ดังนั้นชีวิตของฉัน ฉันขอมอบให้แด่นาย )
I Believe , That’s My Fate
( ฉันเชื่อว่านี่เป็นโชคชะตาของฉัน )
… I Love You …
( ฉันรักนาย )
เสียงใต้จิตสำนึกของหญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามราวกับเทพีแห่งชัยชนะที่คอยโปรยยิ้มแด่ผู้ที่ครอบครองชัยชนะ หากแต่สตรีผู้นี้นั้นปราศจากรอยยิ้มให้ใคร หาใช่ว่าเธอเย็นชา หากแต่ว่าเธอผู้นี้ยิ้มไม่ได้เสียมากกว่า
รอยยิ้มบางละไมถูกละเลียดประดับบนดวงหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยรอยเลือดและเศษดินที่เปื้อนตามตัว หญิงสาวผู้นี้ที่ไม่เคยยิ้มให้แก่ใครกลับยิ้มให้แด่บุคคลอันเป็นที่รัก ..รักที่ไม่มีวันสมหวังได้..เพราะว่าเธอนั้นได้ทำบาปครั้งใหญ่หลวง โดยการที่ไปรัก ‘เขา’ ผู้ซึ่งเป็นชายหนุ่มไร้หัวใจ
คำสัตย์ที่ให้แก่พระเจ้ากลับกลายเป็นบาปที่ไม่น่าให้อภัยเสียได้ เพราะงั้นเธอจึงอยากเห็นชายหนุ่มอันเป็นที่รักได้สิ่งที่เขาปรารถนาก่อนที่ตนนั้นจะสิ้นลมหายใจไปเสียก่อน หากแต่ว่า เวลาของเธอใกล้จะหมดลงแล้ว …ริบหรี่เต็มทน จะแสดงความอ่อนแอให้เขาต้องเป็นห่วง
…เพราะงั้น…พูดสิ...พูดมันออกมา…
“…ฉันไม่เป็นอะไรหรอก…อย่าแพ้กลับมาล่ะ ไม่งั้นนายไม่ต้องกลับมาหาฉันเป็นครั้งที่สอง เข้าใจสินะ…” แม้ว่าปากจะเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยวาจาเชิงบังคับ หากแต่ฝ่ายตรงข้ามรู้ดีว่าเธอนั้นกำลังให้กำลังใจเขาอยู่ ความสั่นเทาเล็กน้อยที่เกิดจากการฝืนตัวให้ยืนอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่าย ริมฝีปากที่ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก อา…และมันคงเป็นครั้งสุดท้ายของเธออีกด้วย
“Oya ในที่สุดก็ยิ้มมาซักทีนะครับเทพีของผม..ในเมื่อคุณโปรยรอยยิ้มให้ผมแล้วชัยชนะคงอยู่แทบเท้าผมแล้วล่ะครับ คึหึหึ” ชายหนุ่มปรายตาสองสีราวอัญมณีหลากหลายให้เลือกสรรดวงตาข้างหนึ่งที่ดูเย็นยะเยือกราวน้ำแข็งซึ่งไม่มีวันและไม่มีทางที่จะละลาย กับดวงตาอีกข้างที่พร้อมจะเผาผลาญทุกอย่างให้เหลือเพียงเศษเถ้าธุลี ราวกับเพลิงบรรลัยกรรณ์เลยทีเดียวเชียว สองสิ่งที่ไม่น่าจะอยู่ด้วยกันได้กลับมารวมเอาไว้ ถ่วงสมดุลของตัวชายหนุ่มผู้นี้ไม่ปาน
แม้ว่าจะแตกต่างก็สามารถอยู่ด้วยกันได้ ยิ่งแตกต่างกันมากเท่าไหร่ ทั้งสองสิ่งนั้นย่อมเข้ากันได้ดีเสมอ เป็นสัจธรรมของโลกเรา ที่ต้องมีสิ่งถ่วงดุลกันเอาไว้ยึดเหนี่ยวสิ่งต่างๆให้คงอยู่ ไม่ถูกฝ่ายใดกลืนกิน แสงย่อมคู่กับความมืด เสียงย่อมคู่กับความเงียบ หรือในโลกนี้ยังมีคำว่า มีผู้พูดย่อมที่จะมีผู้ฟังนั่นแล…
ถึงกระนั้น ‘เธอ’ และ ‘เขา’ ก็มิอาจที่จะอยู่ร่วมกันได้ เขาที่ต้องทำลายทุกสิงทุกอย่าง กับเธอที่สร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ใช่…ไม่มีทางและไม่มีวัน ก็เพราะถ้าหากเธอเป็นผู้ช่วยพระผู้เป็นเจ้าที่ตั้งสัตย์ว่าจะทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่าง และจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งต้องห้าม หน้าที่ของเธอคือการคอยสร้างเหล่ามนุษย์และสัตว์ขึ้นมาอีกทั้งยังธรรมชาติต่างๆ ส่วนเขาคือชายหนุ่มที่อยู่ในอาบิสคอยทำลายทุกสิ่งให้ร่วงหล่นลงมายังขุมนรกอันมืดมิด คิดที่จะทำลายแม้กระทั่งพระผู้เป็นเจ้า
ใช่…แต่แล้วเมื่อเธอและเขาได้มาพบกัน เธอกลับละทิ้งคำสัตย์ที่ให้กับพระผู้เป็นเจ้า แล้วยอมจมลงไปยังอาบิสที่มืดมิด ช่วยเขาทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เธอจะต้องดึงเขาออกมาจากอาบิสให้ได้แม้ว่าบาปนี้จะเป็นการต่อต้านกับพระผู้เป็นเจ้าก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เธอต้องชดใช้คือชีวิตและตัวตนของเธอเอง …
“นายน่ะ…ไม่เหมือนกับตอนแรกที่ฉันเจอนายเลยซักนิด…ลาก่อน” หญิงสาวกล่าวด้วยถ้อยคำอันแผ่วเบาไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน ได้เพียงมองแผ่นหลังของชายผู้เป็นที่รักซึ่งค่อยๆจากไป…จนลับสายตาของเธอ กระนั้นร่างของหญิงสาวก็ได้ทรุดลงกับพื้นดิน สาส์นแห่งความตายที่พระเจ้าให้เธอมาคงจะมาถึงแล้วล่ะนะ…สาส์นที่จะนำเธอไปยังที่ที่ว่างเปล่า โดดเดี่ยวและไร้ตัวตน หากแต่เธอไม่เสียใจเลยที่ได้ช่วยชายหนุ่มให้หลุดพ้นจากคำว่า ‘จักรกลไร้หัวใจ’ ตอนนี้เขาก็มีความรู้สึก หัวเราะได้ ร้องไห้เป็น ..และยังมีหัวใจแล้วด้วย หัวใจที่มีรัก…ยังไงล่ะ
ลมหายใจอันโรยรินของเธอค่อยๆเลือนหายไปทีละนิด รอยยิ้มที่ยังเผยประดับบนดวงหน้าหวานเอาไว้ยังไม่ถูกลบหายไปแม้แต่อย่างใด กลับยิ้มออกมาด้วยความอ่อนโยนอีกด้วย น่าขันที่เธอนั้นใกล้จะตายแล้วแท้ๆ แต่ยังยิ้มอยู่ได้ …ผู้คนต่างหวาดกลัวความตายกันทั้งสิ้น หากแต่เธอผู้นี้กลับยิ้มรับความตายเสียได้ ช่างเป็นสตรีที่แปลกคนเสียงจริงเชียว ก่อนที่เธอจะหมดสิ้นซึ่งลมหายใจเธอก็ได้เอื้อนเอ่ยกล่าวคำคำนึงขึ้นมาราวกับกระซิบว่า…
“ขอโทษนะที่ฉันทำตามคำสัญญาที่ให้กับนายไม่ได้…มันคือโชคชะตาของฉันที่ต้องเลือก…ฉันเลือกนายนะ…แต่ว่า สุดท้ายฉันก็ไม่ได้บอกนายเลย…. Ti Amo Mukuro (ฉันรักนายนะมุคุโร่…)” สิ้นสุดประโยคแห่งจิตใจร่างของเธอก็ได้หยุดนิ่ง เสียงหัวใจที่เคยเต้นระรัวเพราะใครบางคนกลับหยุดนิ่งลงไป เสียงที่เย็นชาและเหน็บแนมชายผู้นั้นก็ไม่มีอีกแล้ว มีเพียงร่างของหญิงสาวที่แน่นิ่งราวกับเจ้าหญิงนิทราผู้ซึ่งจะไม่มีวันกลับมาได้ แม้จะมีเจ้าชายมาจุมพิตเธอเสียซักกี่รอบก็ไม่มีทางที่จะเรียกเธอกลับมาได้อีกแล้ว เสียงลมที่พัดโชยมาอย่างรุนแรงทำให้ใบไม้เสียดสีกระทบกันจนเกิดเป็นเสียงที่ราวกับความรู้สึกเศร้าสร้อย บรรดานกน้อยที่ส่งเสียงร้องอย่างไพเราะเป็นเพลงสวดส่งให้แด่สตรีผู้นี้…
Talk With Writer
สวัสดีครับ ผมอลิซลงบทนำให้ตามคำขอแล้วนะครับ อาจจะทำไม่ค่อยดี ก็ขอคำติชมและแนะนำผมด้วยนะครับ ไม่ดีหรือไม่พอใจบอกได้นะครับจะแก้ให้ทันทีเลย!!
ความคิดเห็น