ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { Au Fic KHR } Android's Assassin : My Sin Against God

    ลำดับตอนที่ #4 : ◤My Sin Against God : My Way Of Destiny◢

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 56


    My Sin Against God : My Way Of Destiny


     


     

    ฮึกฉันขอโทษฉันขอโทษนะมุคุโร่…’

     

    เสียงร่ำไห้สุดสะอื้นของสตรีนางหนึ่งซึ่งกำลังโอบกอดร่างของชายหนุ่มผู้ไร้เรี่ยวแรงเอาไว้ ร่างนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดโลหิตที่สาดกระเซ็นไปตามเนื้อผ้าและร่างกายที่เย็นยะเยือก ใบหน้าอันเศร้าสร้อยของเธอผู้นั้นช่างดูทรมานเสียเหลือเกิน หยดน้ำตาอุ่นๆได้ไหลลงกระทบกับดวงตาที่หลับอยู่ ผิดต่างจากเมื่อก่อนที่เคยเผยให้เห็นถึงสีอัญมณีที่ตัดกันอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาที่ไม่ยอมใคร ทั้งแข็งแกร่ง เจ้าเล่ห์และอ่อนโยน แต่ตอนนี้ดวงตาที่ส่องประกายกลับกลายเป็นดวงตาที่ไร้แววและไร้ประกาย

     

    ‘…นี่คือทางเลือกของเธอสินะ อนาสตาเซีย ชานดร้า

     

    เสียงของหญิงสาวปริศนาทั้งสองได้ถูกเอื้อนเอ่ยมาตามสายลมอันแผ่วเบา ประโยคที่เอ่ยมานั้นราวกับเป็นหอกแหลมคมซึ่งพุ่งเข้ามาปักตรงกลางใจของเธอผู้ฟังประโยคนี้เป็นอย่างยิ่ง ริมฝีปากที่ขบเม้มเข้าหากัน โลหิตสดๆได้ไหลลงมายังริมฝีปากสีระเรื่อหวาน เห็นได้ชัดเลยว่าเธอกำลังข่มความรู้สึกผิดและน้ำตาที่กำลังจะหลั่งรินออกมาอีกครั้ง ความเจ็บปวดแล่นไปยังทุกส่วนของร่างกาย จนทำให้ชาจนไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว

     

    All things that we've got are all things that we've paid for(สิ่งที่เราได้มาทั้งหมดคือทั้งหมดที่เราให้ไป)

     

    ประโยคที่จับใจความยากและช่างดูปริศนาของสาวทั้งสองถูกสอดประสานพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน สิ้นสุดประโยคแห่งปริศนาก็เกิดเสียงก้องสะท้อนออกมาเป็นร้อยๆเสียง ทำให้หญิงสาวนั้นไล่กวาดสายตาไปทั่วบริเวณเพื่อดูว่ามีใครพูดประโยคนี้อีกนอกจากสองสาวนี้ หากแต่เมื่อเธอหันไปยังจุดที่สองคนนั้นยืนอยู่ หญิงสาวพวกนั้นก็ได้หายลับไปราวกับสายลม ทิ้งไว้เพยงเศษเสี้ยวปริศนาเพียงอย่างเดียวคือ กระดาษสีเหลืองน้ำตาล ใช่แล้ว..มันคือกระดาษที่เก่ามาแล้วนั่นเอง ในใบนั้นเขียนด้วยตัวหนังสือบรรจงว่า…..ว่า….

     

    ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด !!! ขณะนี้เวลา 05.00 ได้เวลาตื่นแล้ว

     

    อึก!!....นี่ฉันฝันไปอีกแล้วหรอ…”

     

    ร่างของหญิงสาวที่เคยอยู่ในห้วงแห่งนิทราได้ลืมตาขึ้นพร้อมกับสะดุ้งตื่นด้วยความที่ว่านาฬิกาปลุกของเธอนั้นได้ดังขึ้นมานั่นเอง ร่างที่นิ่งงั้นค่อยๆเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุกที่ส่งเสียงดังสนั่น สตรีสาวลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับไปล้างหน้าแปรงฟันอย่างเรียบร้อย หลังจากนั้นเธอก็ได้ออกจากบ้านเพื่อไปออกกำลังกายยามเช้าเช่นเคย เธอมักจะทำเช่นนี้ทุกเช้าหากแต่วันนี้เธอรู้สึกไม่สบายใจจึงออกกำลังกายเช้ากว่าปกติ การออกกำลังยามเช้าทำให้ความรู้สึกไม่สบายใจและกังวลใจได้หายไปกับสายลมอันโอนโยนชามเช้ากับดวงอาทิตย์ขึ้นที่อบอุ่น เพียงแค่นี้ก็ทำให้สิ่งกวนใจได้หายไป แม้ว่าจะเพียงเวลาสั้นๆก็ตามที

     

    ระหว่างที่หญิงสาวกำลังจะเดินทางกลับบ้านนั้น เธอก็ได้พบกับร่างของหญิงสาวทั้งสองในฝันเธอทั้งสองมีใบหน้าที่เรียบนิ่งราวกับตุ๊กตาที่พระเจ้าปั้นขึ้นมาเพื่อให้รับใช้และลงมามอบหน้าที่ให้กับเหล่ามนุษย์ซึ่งเป็นมนุษย์ที่พระเจ้าได้ทำการทดสอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือเรียกว่าลูกของพระเจ้าลูกที่ให้กำเนิดผิดพลาดไร้ซึ่งรอยยิ้มแด่พระเจ้า ไร้ซึ่งความรักก็ราวกับจักรกลในสมัยนี้นั่นแล หากแต่เธอยังมีหัวใจที่ยังปิดกั้นซึ่งใครต่อใคร ไม่พร้อมที่จะรักใครเท่านั้น และไม่สามารถมีรักได้ เพียงเพราะคำสัตย์ในวันนั้น..

     

    ณ โบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง

     

    เจ้าจะมอบคำสัตย์สัญญาให้กับเราอย่างนึงได้ไหม เพื่อแสดงว่าเจ้านั้นยังเคารพและจะไม่ทรยศต่อเรา

     

    เสียงที่ดูเข้มแข็งและอ่อนโยนของพระผู้เป็นเจ้านั้นดังกึกก้องกังวานไปทั่วบริเวณแห่งนั้น หากแต่บุคคลที่จะได้ยินมีเพียงลูกของพระเจ้าที่ให้กำเนิดผิดพลาดอย่างเธอกำเนิดมาดีเกินไปจนเกิดความผิดพลาดนั่นเอง และคนที่จะได้ยินอีกก็มีเพียงหญิงสาวฝาแฝดซึ่งเป็นผู้รับใช้พระเจ้า เมื่อสิ้นสุดประโยคของพระเจ้าแล้ว เด็กสาววัยแปดปี ที่กำลังก้มหน้าอยู่ก็ได้เงยหน้าขึ้นเพื่อเผยให้เห็นถึงความงามที่หาใครเปรียบเทียบ ผิวที่ขาวผุดผ่องไร้รอยขีดข่วน กับรูปร่างหน้าตาที่เรียกได้ว่า ถูกรังสรรค์มาโดยพระผู้เป็นเจ้าให้เป็นมนุษย์ที่มีรูปลักษณ์คล้ายเทพธิดานางฟ้าบนสรวงสวรรค์ เธอผู้นี้ได้เอ่ยกล่าวด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจและริมฝีปากที่เผยอเอื้อนเอ่ยวาจาสัตย์ให้แด่บิดาอันสูงส่งของตนว่า

     

    ลูกนั้นขอตั้งคำสัตย์เอาไว้ว่าจะไม่ทรยศกับท่านเด็ดขาด อีกทั้ง ลูกจะไม่รักใครนอกจากท่าน พระบิดาแห่งเรา หากลูกได้ผิดต่อคำสัตย์นี้ โปรดมอบความตายแก่ลูกผู้โง่เขลาคนนี้ด้วยเถิด…’

     

    คำสาบานที่เปล่งออกมาด้วยวาจาอันเข้มแข็งหนักแน่น ดวงตาฉายแววเป็นประกายไม่สั่นไหวแต่อย่างใด ใบหน้าของหญิงสาวในตอนนั้นช่างเป็นใบหน้าที่ดูจริงจังเสียงจนน่ากลัวเลยเสียด้วยซ้ำไป หากแต่สิ่งที่กล่าวไปนั้นทำให้พระผู้เป็นเจ้านิ่งเงียบราวกับครุ่นคิด ครั้งแรกที่ประโยคนี้ออกจากปากของลูกสาวอันเป็นที่รัก สีหน้าของท่านผู้นั้นก็ตกตะลึงมิใช่น้อย หาใช่ว่าตกตะลึงในความมุ่งมั่นและความแน่วแน่ แต่เป็นคำสัตย์ที่ไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์ที่มนุษย์สร้างเพื่อความพอใจของตนเสียนี่สิพระเจ้าเลยเอ่ยขึ้นมาว่า

     

    ดีมากเจ้าจงทำตามสิ่งที่เจ้าคิดว่าถูก และจงทำตามสิ่งที่จักปรากฏในภายภาคหน้า แต่ในบางครั้งสิ่งที่เห็นอาจจะเป็นสิ่งที่พุ่งมาทำร้ายเราหากเราเลือกเส้นทางผิด จงคิดพิจารณาให้ดี โชคชะตาหรือความบังเอิญอะไรนั่นมันก็แค่คำพูดของมนุษย์ซึ่งสร้างขึ้นมาปลอบใจตนเองหรือสร้างขึ้นมาให้ดูสวยหรูเพียงเท่านั้น สิ่งที่เจ้าต้องทำ เจ้ารู้นะว่าเจ้าต้องทำอะไรเรามีเพียงชี้นำทางเจ้า ลูกที่รัก แต่คนที่เลือกคือตัวเจ้าเอง อย่าลืมสิ่งที่เราพูดไปเชียวเล่า

     

    … All things that we've got are all things that we've paid for

     

    … All things that we've got are all things that we've paid for

     

    … All things that we've got are all things that we've paid for

     

    เสียงสุดท้ายที่พระบิดาผู้สูงส่งได้เอ่ยออกมา เป็นประโยคที่หาความจับได้ยาก..ยากมากสำหรับเธอเสียงด้วยซ้ำ

    สองสาวปริศนานั้นได้เดินตรงมายังอนาสตาเซียพร้อมกับหยิบยื่นกระดาษสีน้ำตาลเหลืองซึ่งดูเก่าอย่างมาก ที่มุมกระดาษบางส่วนมีร่องรอยการถูกเผาไหม้อยู่เล็กน้อย นิ้วเรียวยาวและเรียวแขนของหญิงสาวทั้งสองนั้นขาวซีดราวกับหิมะที่ไร้การแต่งเติมเสียจริงเชียว เป็นสีที่สวยหากแต่น่ากลัวน่าดู อนาสตาเซียมองไปยังกระดาษสลับกับใบหน้าของสาวทั้งสองอย่างช้าๆ เธอได้ดึงกระดาษจากมือสาวทั้งสองเบาๆก่อนที่จะนำมาอ่านดู

     

    เส้นทางแรกที่เจ้าจักต้องเลือก ณ คฤหาสน์เวเลโน่

    ขึ้นไปยังที่ปกคลุมไปด้วยพฤกษาและพรรณไม้

    บรรยากาศเย็นสบายเยี่ยงที่ราบสูงครักซิฟิโอ

     

    เมื่อสายตามาจรดตัวอักษรตัวสุดท้าย กระดาษก็ลุกไหม้เป็นเปลวไฟสองสี สีแดงที่แสดงออกถึงความร้อนแรงและเป็นสีของสงครามกรฆ่าฟัน และสีน้ำเงิน ที่แสดงถึงความเย็นยะเยือกอันเป็นนิรันดร และหัวใจที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ อนาสตาเซียสัมผัสได้ถึงความร้อนของไฟเพียงชั่วครู่พลางมองไปยังหญิงสาวทั้งสองซึ่งในตอนนี้ได้หายจาก ณ ที่นี้เสียแล้ว ช่างเป็นหญิงสาวที่ไปเร็วเฉกเช่นในความฝันของเธอ

    เส้นทางแรก..เริ่มแล้วสินะ..”

    หญิงสาวได้สอดประสานนิ้วเรียวยาวกับเส้นผมสีดำรัตติกาลอันน่าหลงใหล สะบัดปลายข้อมืออย่างหนักแน่นทำเอาเส้นผมสยายสะบัดไปด้านข้างตามแรงข้อมือของเธอ แสงที่ส่องลงมากระทบผมงามทำให้ผมของเธอยิ่งดูมีเสน์งดงามมากขึ้น

    เรื่องราวของหญิงสาวซึ่งเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเธอจะเป็นอย่างไรเมื่อได้รับแบบทดสอบที่ยากจะไขได้ของพระเจ้าจะเป็นเช่นไรต่อไป ใครจะไปรู้เล่า สิ่งที่จะทำให้เธอได้รับการเปลี่ยนแปลงเริ่มจากจุดนี้แล้วกระมัง

     

     

    To Be Continued

     

    Empire•Theme
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×