คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ◣ Prologue ◥
เสียง บูทยาวกระทบพื้นกระเบื้องดังเป็นพิเศษบนทางเดินที่เงียบสงัดเช่นที่เป็นอยู่ ตอนนี้ ดวงตาคมกริบสีฟ้าใสกวาดไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังตามสัญชาติญาณส่วนตัวในขณะที่ถอดถุงมือสีดำเปื้อนเลือดบนฝ่า มือออก ดวงหน้าหล่อเหลาไร้ความรู้สึกราวกับรูปสลักกวาดไปรอบ ๆ ตามความเคยชินแม้จะรู้ตัวดีว่านอกจาก ‘เพื่อนร่วมงาน’ ของตนแล้วก็คงไม่มีผู้ใดเข้ามาใกล้บริเวณนี้อีกแล้ว
ขา เรียวยาวพาร่างสูงมาเบื้องหน้าประตูไม้บานใหญ่บานหนึ่ง บนบานประตูมีรูปกางเขนโบราณสีเงินประดับอยู่ เมื่อฝ่ามือยื่นออกไปผลักมันเบา ๆ กางเขนสองข้างก็แง้มออกพร้อมแสงจาง ๆ ลอดออกมาจากบานประตู ริมฝีปากของชายหนุ่มเอ่ยคำพูดเบา ๆ
“ข้าอเลาดิ…”
ปัง!
“….”
เสียง ที่กำลังจะเอ่ยต่อเงียบไปทันทีที่ไอร้อนพร้อมลูกตะกั่วเฉียดผ่านแก้มไปทิ้ง รอยเลือดบาง ๆ ไว้บนใบหน้า..เจ้าของเส้นผมสีครีมเหลือบมองทิศที่วิถีกระสุนปลิวออกมาด้วย แววตาเย็นชาจนแทบเป็นน้ำแข็ง
“จี!ผมบอกแล้วไงครับว่าห้ามยิงปืน!ถ้าโดนใครตายขึ้นมาล่ะ!”
...ไม่โดน...แต่ก็เฉียด...ดวงตาสีฟ้าใสหรี่ลงอย่างน่ากลัว
“ไม่โดนหรอกน่า ฝีมือระดับไหนแล้ว”
...แน่ใจ?
อเลา ดิเปิดประตูเข้าไปด้วยแรงที่มากขึ้นกว่าเดิมห้าเท่าจนบานประตูใหญ่กระแทก กำแพงสองปัง...และถ้ามองดี ๆ จะเห็นรอยร้าวบาง ๆ อยู่บนประตอีกหน่อยด้วย เขามองสำรวจเพื่อนร่วมงานของตนเองด้วยแววตาเรียบเฉย
“ทำอะไรกันอยู่นี่”
“ข้าได้ปืนใหม่มา ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าหรอกน่า!”
จี กำลังจะกัดอเลาดิต่อ ดวงตาสีแดงสดก็เหลือบไปเห็นรอยเลือดบาง ๆ บนใบหน้าหล่อเหลาเย็นชานั่น...ที่แม้ตอนนี้เลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่ก็พนันได้ว่ามันต้องเหลือสะเก็ดแผลแน่ ๆ...
นึกถึงตรงนี้จีก็กลืนน้ำลายเอื๊อก...
“หัวหน้าฝากให้ข้ามาบอกว่าจะให้พวกเจ้าออกไปหาอมนุษย์ที่แฝงตัวอยู่ในหมู่มนุษย์...ข้าไปล่ะ”
จบ เสียงก็หายวาบไปราวไม่เคยมีอยู่ทำเอาอดอ้าปากค้างไม่ได้...นึกจะมาก็มาจะไป ก็ไป...จีอดอ้าปากหวอไม่ได้ แต่ก็ถูกเสียงนุ่ม ๆ ระโหยนิด ๆ จากข้างหลังดึงความสนใจกลับไป
“แล้วจะให้ไปเมืองไหนบ้างเหรอครับ...”
เอ็น มะเอ่ยถามด้วยสีหน้าอมทุกข์เช่นปกติ หากแต่แววตานั้นหากลองมองเข้าไปอย่างลึกๆจะแสดงให้เห็นถึงแววตาที่จริงจัง มากกว่าเมื่อครู่...นิดหน่อยล่ะมั้ง?
ขณะ ที่ริมฝีปากของจีจะเอ่ยคำตอบออกมาให้ได้ประจักษ์(?) ก็ถูกขัดด้วยเสียงประตูไม้บานใหญ่ซึ่งในตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าใกล้จะพัง ด้วยร่องรวยการ ‘เปิดประตู’ ที่คนใบหน้าเย็นชาอย่างอเลาดิทำเอาไว้ เมื่อถูกประทุษร้าย(?)อีกครั้งบานประตูก็สงเสียงแกร๊บออกมาอย่างน่ากลัว
เมื่อ สายตาทั้งสองคู่จดจ้องไปยังผู้ที่มาเยือนยังที่แห่งนี้ก็พบกับชายหนุ่มทั้ง สองผู้ครอบครองเรือนผมสีไพรินคล้ายกันอย่างน่าตกใจ หากแต่ดวงตาสองสีของชายที่มาด้วยกันกลับดึงดูดเสียยิ่งกว่าใคร...และแน่นอน ว่าเหลือบมองบานประตูใหญ่โตนั้นด้วยแววตาประหลาดใจเล็ก ๆ
และทั้งสองคนที่เข้ามาร่วมในบทสนทนาด้วยก็ได้เอ่ยประโยคที่คุ้นหูกันดีอยู่ในแล้วในกลุ่มของพวกเขา
“นุฟุฟุฟุ..เบื้องบนสั่งลงมาแล้ว ทำไมพวกคุณจึงยังไม่ออกไปหาพวกอมนุษย์นั้นซะล่ะครับ..”
เสียง ที่เป็นเอกลักษณ์นุ่มทุ้มของชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาคมคายดวงตาที่แฝงแววเจ้า เล่ห์ไม่เป็นรองใครออกมา เดม่อนเหลือบมองทั้งสามยิ้ม ๆ...ที่เป็นสัญญาณอันรู้กันดีว่าเป็นคำถามว่า ‘พวกตาแก่นั่นสั่งลงมาแล้ว ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ถ้าเดือนนี้ต้องกินแกลบกันล่ะก็...พวกเจ้าตาย’
“อะ..เอ่อ..ผมกำลังจะถามคุณจีอยู่น่ะครับ ว่าจะต้องไปที่เมืองไหนบ้าง”
“หึ...ก็พวกเจ้าเล่นมาตอนที่ข้าจะตอบอ่างนี้ แล้วข้าจะบอกได้ยังไงกัน?”
คลับ คล้ายว่าจีนั้นกำลังจะได้เรื่องกัดกับชายหนุ่มเดม่อนเสียแล้ว ยังดีที่มีเอ็นมะและชายหนุ่มผู้ที่ตามมาด้วยกับเดม่อน เขาซึ่งมีดวงตาสองสีและเรือนผมทรงแฉกเอกลักษณ์ (?) หรือโรคุโด มุคุโร่คอยห้ามทั้งสองมิให้เกิดการทะเลาะกัดกัน
“คึหึหึหึ...ไหนๆเราก็มากัน...น่าจะครบแล้ว ก็บอกเลยสิครับว่าจะมีเมืองไหนบ้างที่เราจะต้องไป?”
“นั่นสิครับ...เดม่อนคุงกับจีคุงหยุดทะเลาะกันก่อนเถอะ...”
เมื่อ ทั้งสองฝ่ายสงบศึกกันแล้วก็กลับมานั่งในที่ประจำที่ตนนั้นเคยนั่งเสมอๆ บรรยากาศที่เงียบสงัดชักชวนให้ความตึงเครียดแฝงตัวเข้ามาอย่างอดเสียไม่ได้ ก่อนที่จะถูกทำลายด้วยเสียงของเดม่อนที่เอ่ยออกมาด้วยเสียงกวนประสาท
“เมืองที่ข้าต้องไป คือเมือง ‘ไซริส เซอร์เรน’ จากสายของศาสนจักร คาดว่าที่นั่นต้องมีไซเรนแฝงตัวอยู่ในเหล่ามนุษย์แน่นอน นุฟุฟุฟุ”
“ส่วนเมืองข้านั้นยังไม่ได้กำหนด แต่ข้าพอเลือกเอาไว้สักสองสามเมืองแล้ว...เมืองที่มีข่าวรางๆว่ามีพวกมนุษย์หมาป่าอยู่น่ะ...”
“Oya ..ผมก็เช่นกันนะครับ หากแต่ของผมนั้นมีข่าวลือเกี่ยวกับ ‘ไวเวิร์น’ ล่ะครับ..งานนี้คงจะไม่ง่ายเหมือนที่แล้ว ๆ มาแน่ครับ..คึหึหึ..”
“เอ่อ...ส่วนผม...ผมก็”
ในขณะที่เอ็นมะกำลังอยู่ในโลก ‘ผมก็’ นั้น เดม่อน จีและมุคุโร่ก็เหลือบมองกันด้วยแววตางงเล็ก ๆ แล้วก็หันมองคนที่ยังผมก็อยู่ และเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน
“เมืองเฟลิซาเบีย..”
เสียงประสานออกมาดังดึกก้องทั่วบริเวณ ทำเอาเอ็นมะถึงกับสะดุ้งไปเล็กน้อยกับเสียงนั้น
“เจ้าเพิ่งบอกกับพวกข้าไม่นานมานี้เองว่าเจ้าอยากจะลองไปดูที่เมือง เฟลิซาเบีย..”
“นุฟุฟุ..เจ้านี่ช่าง..”
“...ขอโทษครับ”
“หืม..แล้วที่เหลือล่ะครับ?”
เมื่อได้ยินประโยคออกจากปากของมุคุโร่เข้าชั่วขณะก็เกินบรรยากาศเงียบสงัดลงอีกครั้ง..เงียบ..เงียบ..
จะเงียบไปไหน???
ปึง!!!
เสียง ของประตูนั้นดังออกมาอย่างกระทันหันมาก ทำเอากลุ่มวงสนทนาถึงกับเตรียมอาวุธขึ้นมาป้องตัวกันอย่างดี หากแต่เมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มเรือนผมสีทองท่าทางสง่างามองอาจอย่างดีโน่ คาบัคโรเน่ ทั้งหมดก็วางอาวุธลงอย่างไม่ใส่ใจ
“เรื่องนั้นน่ะ มันแน่อยู่แล้วว่าจะต้องแบ่งหน้าที่ไปกันเอง...”
เสียง ทุ้มนุ่มเอ่ยอย่างเคร่งเครียด...แต่ไม่ทันไร...ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินเข้า มาในมาดที่สง่างามกลับสะดุดล้มกับพื้นเข้าอย่างจังด้วยเหตุที่ว่า ‘สะดุดล้มขัดขาตัวเอง’
“โอ๊ย!..อีกแล้วแฮะ..”
เหล่า ชายหนุ่มศาสนจักรที่อยู่มาก่อนหน้านี้ก็พากันนั่งมองสภาพดูไม่ได้ของหนึ่งใน ศาสนจักรอย่างไร้น้ำใจ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติ หากแต่ถ้าเป็นแบบนี้มาก ๆ...ก็ต้องคิดแล้วว่าจะจับอมนุษย์หรือโดนอมนุษย์จับกิน
และเหมือนเพื่อนที่แสนดีทั้งหลายก็พร้อมใจกันอวยพรให้ข้อสองเป็นจริงเหลือเกิน...
“ไปกันเถอะ” เดม่อนตัดบทอย่างง่ายดาย ทั้งหมดขานรับด้วยอาการเริ่มไม่อยากมีแรงฮึดแล้ว เท้าหลายคู่ค่อย ๆ ก้าวออกจากบริเวณห้องโถงใหญ่ของศาสนจักร....
“รอฉันด้วยสิ!เหวอ!!”
โครม!!
เอ่อ...ช่างมันเถอะ
cinna mon
ความคิดเห็น