ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ AU KHR ] Hydrangea’s Darkness ไขประตูหัวใจกุญแจแห่งเสียง

    ลำดับตอนที่ #4 : ◣ Prologue ◥

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 55


      

    เสียง บูทยาวกระทบพื้นกระเบื้องดังเป็นพิเศษบนทางเดินที่เงียบสงัดเช่นที่เป็นอยู่ ตอนนี้ ดวงตาคมกริบสีฟ้าใสกวาดไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังตามสัญชาติญาณส่วนตัวในขณะที่ถอดถุงมือสีดำเปื้อนเลือดบนฝ่า มือออก ดวงหน้าหล่อเหลาไร้ความรู้สึกราวกับรูปสลักกวาดไปรอบ ๆ ตามความเคยชินแม้จะรู้ตัวดีว่านอกจาก เพื่อนร่วมงาน ของตนแล้วก็คงไม่มีผู้ใดเข้ามาใกล้บริเวณนี้อีกแล้ว

    ขา เรียวยาวพาร่างสูงมาเบื้องหน้าประตูไม้บานใหญ่บานหนึ่ง บนบานประตูมีรูปกางเขนโบราณสีเงินประดับอยู่ เมื่อฝ่ามือยื่นออกไปผลักมันเบา ๆ กางเขนสองข้างก็แง้มออกพร้อมแสงจาง ๆ ลอดออกมาจากบานประตู ริมฝีปากของชายหนุ่มเอ่ยคำพูดเบา ๆ

    ข้าอเลาดิ…”

    ปัง!

    “….”

    เสียง ที่กำลังจะเอ่ยต่อเงียบไปทันทีที่ไอร้อนพร้อมลูกตะกั่วเฉียดผ่านแก้มไปทิ้ง รอยเลือดบาง ๆ ไว้บนใบหน้า..เจ้าของเส้นผมสีครีมเหลือบมองทิศที่วิถีกระสุนปลิวออกมาด้วย แววตาเย็นชาจนแทบเป็นน้ำแข็ง

    จี!ผมบอกแล้วไงครับว่าห้ามยิงปืน!ถ้าโดนใครตายขึ้นมาล่ะ!”

    ...ไม่โดน...แต่ก็เฉียด...ดวงตาสีฟ้าใสหรี่ลงอย่างน่ากลัว

    ไม่โดนหรอกน่า ฝีมือระดับไหนแล้ว

    ...แน่ใจ?

    อเลา ดิเปิดประตูเข้าไปด้วยแรงที่มากขึ้นกว่าเดิมห้าเท่าจนบานประตูใหญ่กระแทก กำแพงสองปัง...และถ้ามองดี ๆ จะเห็นรอยร้าวบาง ๆ อยู่บนประตอีกหน่อยด้วย เขามองสำรวจเพื่อนร่วมงานของตนเองด้วยแววตาเรียบเฉย

    ทำอะไรกันอยู่นี่

    ข้าได้ปืนใหม่มา ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าหรอกน่า!”

    จี กำลังจะกัดอเลาดิต่อ ดวงตาสีแดงสดก็เหลือบไปเห็นรอยเลือดบาง ๆ บนใบหน้าหล่อเหลาเย็นชานั่น...ที่แม้ตอนนี้เลือดจะหยุดไหลแล้ว แต่ก็พนันได้ว่ามันต้องเหลือสะเก็ดแผลแน่ ๆ...

    นึกถึงตรงนี้จีก็กลืนน้ำลายเอื๊อก...

    หัวหน้าฝากให้ข้ามาบอกว่าจะให้พวกเจ้าออกไปหาอมนุษย์ที่แฝงตัวอยู่ในหมู่มนุษย์...ข้าไปล่ะ

    จบ เสียงก็หายวาบไปราวไม่เคยมีอยู่ทำเอาอดอ้าปากค้างไม่ได้...นึกจะมาก็มาจะไป ก็ไป...จีอดอ้าปากหวอไม่ได้ แต่ก็ถูกเสียงนุ่ม ๆ ระโหยนิด ๆ จากข้างหลังดึงความสนใจกลับไป

    แล้วจะให้ไปเมืองไหนบ้างเหรอครับ...

    เอ็น มะเอ่ยถามด้วยสีหน้าอมทุกข์เช่นปกติ หากแต่แววตานั้นหากลองมองเข้าไปอย่างลึกๆจะแสดงให้เห็นถึงแววตาที่จริงจัง มากกว่าเมื่อครู่...นิดหน่อยล่ะมั้ง?

    ขณะ ที่ริมฝีปากของจีจะเอ่ยคำตอบออกมาให้ได้ประจักษ์(?) ก็ถูกขัดด้วยเสียงประตูไม้บานใหญ่ซึ่งในตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าใกล้จะพัง ด้วยร่องรวยการ เปิดประตู ที่คนใบหน้าเย็นชาอย่างอเลาดิทำเอาไว้ เมื่อถูกประทุษร้าย(?)อีกครั้งบานประตูก็สงเสียงแกร๊บออกมาอย่างน่ากลัว

    เมื่อ สายตาทั้งสองคู่จดจ้องไปยังผู้ที่มาเยือนยังที่แห่งนี้ก็พบกับชายหนุ่มทั้ง สองผู้ครอบครองเรือนผมสีไพรินคล้ายกันอย่างน่าตกใจ หากแต่ดวงตาสองสีของชายที่มาด้วยกันกลับดึงดูดเสียยิ่งกว่าใคร...และแน่นอน ว่าเหลือบมองบานประตูใหญ่โตนั้นด้วยแววตาประหลาดใจเล็ก ๆ

    และทั้งสองคนที่เข้ามาร่วมในบทสนทนาด้วยก็ได้เอ่ยประโยคที่คุ้นหูกันดีอยู่ในแล้วในกลุ่มของพวกเขา

    นุฟุฟุฟุ..เบื้องบนสั่งลงมาแล้ว ทำไมพวกคุณจึงยังไม่ออกไปหาพวกอมนุษย์นั้นซะล่ะครับ..

    เสียง ที่เป็นเอกลักษณ์นุ่มทุ้มของชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาคมคายดวงตาที่แฝงแววเจ้า เล่ห์ไม่เป็นรองใครออกมา เดม่อนเหลือบมองทั้งสามยิ้ม ๆ...ที่เป็นสัญญาณอันรู้กันดีว่าเป็นคำถามว่า พวกตาแก่นั่นสั่งลงมาแล้ว ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ถ้าเดือนนี้ต้องกินแกลบกันล่ะก็...พวกเจ้าตาย

    อะ..เอ่อ..ผมกำลังจะถามคุณจีอยู่น่ะครับ ว่าจะต้องไปที่เมืองไหนบ้าง

    หึ...ก็พวกเจ้าเล่นมาตอนที่ข้าจะตอบอ่างนี้ แล้วข้าจะบอกได้ยังไงกัน?”

    คลับ คล้ายว่าจีนั้นกำลังจะได้เรื่องกัดกับชายหนุ่มเดม่อนเสียแล้ว ยังดีที่มีเอ็นมะและชายหนุ่มผู้ที่ตามมาด้วยกับเดม่อน เขาซึ่งมีดวงตาสองสีและเรือนผมทรงแฉกเอกลักษณ์ (?) หรือโรคุโด มุคุโร่คอยห้ามทั้งสองมิให้เกิดการทะเลาะกัดกัน

    คึหึหึหึ...ไหนๆเราก็มากัน...น่าจะครบแล้ว ก็บอกเลยสิครับว่าจะมีเมืองไหนบ้างที่เราจะต้องไป?

    นั่นสิครับ...เดม่อนคุงกับจีคุงหยุดทะเลาะกันก่อนเถอะ...

    เมื่อ ทั้งสองฝ่ายสงบศึกกันแล้วก็กลับมานั่งในที่ประจำที่ตนนั้นเคยนั่งเสมอๆ บรรยากาศที่เงียบสงัดชักชวนให้ความตึงเครียดแฝงตัวเข้ามาอย่างอดเสียไม่ได้ ก่อนที่จะถูกทำลายด้วยเสียงของเดม่อนที่เอ่ยออกมาด้วยเสียงกวนประสาท

    เมืองที่ข้าต้องไป คือเมือง ไซริส เซอร์เรน จากสายของศาสนจักร คาดว่าที่นั่นต้องมีไซเรนแฝงตัวอยู่ในเหล่ามนุษย์แน่นอน นุฟุฟุฟุ

    ส่วนเมืองข้านั้นยังไม่ได้กำหนด แต่ข้าพอเลือกเอาไว้สักสองสามเมืองแล้ว...เมืองที่มีข่าวรางๆว่ามีพวกมนุษย์หมาป่าอยู่น่ะ...

    “Oya ..ผมก็เช่นกันนะครับ หากแต่ของผมนั้นมีข่าวลือเกี่ยวกับ ไวเวิร์น ล่ะครับ..งานนี้คงจะไม่ง่ายเหมือนที่แล้ว ๆ มาแน่ครับ..คึหึหึ..

    เอ่อ...ส่วนผม...ผมก็

    ในขณะที่เอ็นมะกำลังอยู่ในโลก ‘ผมก็ นั้น เดม่อน จีและมุคุโร่ก็เหลือบมองกันด้วยแววตางงเล็ก ๆ แล้วก็หันมองคนที่ยังผมก็อยู่ และเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน

     เมืองเฟลิซาเบีย..

    เสียงประสานออกมาดังดึกก้องทั่วบริเวณ ทำเอาเอ็นมะถึงกับสะดุ้งไปเล็กน้อยกับเสียงนั้น

    เจ้าเพิ่งบอกกับพวกข้าไม่นานมานี้เองว่าเจ้าอยากจะลองไปดูที่เมือง เฟลิซาเบีย..

    นุฟุฟุ..เจ้านี่ช่าง..

    ...ขอโทษครับ

    หืม..แล้วที่เหลือล่ะครับ?”

    เมื่อได้ยินประโยคออกจากปากของมุคุโร่เข้าชั่วขณะก็เกินบรรยากาศเงียบสงัดลงอีกครั้ง..เงียบ..เงียบ..

    จะเงียบไปไหน???

    ปึง!!!

    เสียง ของประตูนั้นดังออกมาอย่างกระทันหันมาก ทำเอากลุ่มวงสนทนาถึงกับเตรียมอาวุธขึ้นมาป้องตัวกันอย่างดี หากแต่เมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มเรือนผมสีทองท่าทางสง่างามองอาจอย่างดีโน่ คาบัคโรเน่ ทั้งหมดก็วางอาวุธลงอย่างไม่ใส่ใจ

    เรื่องนั้นน่ะ มันแน่อยู่แล้วว่าจะต้องแบ่งหน้าที่ไปกันเอง...

    เสียง ทุ้มนุ่มเอ่ยอย่างเคร่งเครียด...แต่ไม่ทันไร...ชายหนุ่มที่กำลังจะเดินเข้า มาในมาดที่สง่างามกลับสะดุดล้มกับพื้นเข้าอย่างจังด้วยเหตุที่ว่า สะดุดล้มขัดขาตัวเอง

    โอ๊ย!..อีกแล้วแฮะ..

    เหล่า ชายหนุ่มศาสนจักรที่อยู่มาก่อนหน้านี้ก็พากันนั่งมองสภาพดูไม่ได้ของหนึ่งใน ศาสนจักรอย่างไร้น้ำใจ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติ หากแต่ถ้าเป็นแบบนี้มาก ๆ...ก็ต้องคิดแล้วว่าจะจับอมนุษย์หรือโดนอมนุษย์จับกิน

    และเหมือนเพื่อนที่แสนดีทั้งหลายก็พร้อมใจกันอวยพรให้ข้อสองเป็นจริงเหลือเกิน...

    ไปกันเถอะ เดม่อนตัดบทอย่างง่ายดาย ทั้งหมดขานรับด้วยอาการเริ่มไม่อยากมีแรงฮึดแล้ว เท้าหลายคู่ค่อย ๆ ก้าวออกจากบริเวณห้องโถงใหญ่ของศาสนจักร....

    รอฉันด้วยสิ!เหวอ!!”

    โครม!!

                    เอ่อ...ช่างมันเถอะ


     



    cinna mon  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×