คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3 สู่พันธสถาน
ตัวเรือนสีขาวปรากฏอยู่เบื้องหน้า... มันคือภาพที่คุ้นเคยที่สุด... ในฐานะภาระชิ้นใหญ่ที่ต้องสลัดทิ้งออกไปจากชีวิตให้ได้... ซึ่งฉันก็เกือบจะทำสำเร็จแล้ว... เพียงแค่มันย้อนกลับมาใส่ตัวในฐานะอาภรณ์ชิ้นเอกที่ต้องสวมเข้ามาในชีวิตให้ได้...
ชาล็อตมองเคหสถานนั้นพลางดื่มกาแฟไอกรุ่นไปพลาง เธอนั่งอยู่ในรถของตัวเอง สายตาทั้งสองมองตรงไปยังภาพของบ้านในอนาคต บ้านที่ตนต้องจำใจอยู่ไปเพื่อเก็บสายสัมพันธ์ของครอบครัวเอาไว้... ทั้งๆที่ถ้าจะตัดมันทิ้งไปก็ทำให้ทุกฝ่ายเป็นอิสระได้แท้ๆ...
หลังคาสีน้ำตาลของบ้านทรงวิคตอเรียหลังนี้ทอดเงายาวมาถึงกลางถนน มันบดบังแสงอาทิตย์ที่ควรจะสร้างความอบอุ่นเบื้องล่างไปจนหมด เศษใบไม้ร่วงในเงามืดนั้นปลิวมากระทบยางรถยนต์ช้าๆ
นายหน้าสาวหลับตาซดกาแฟนั่นไปอีกอึกหนึ่ง พยายามจะหนีจากภาพหลอนของใบหน้าพี่น้องของตนที่แทรกสอดเข้ามาในทุกเซลล์ประสาทอันอ่อนล้า แล้วหมุนวนอยู่ใต้เปลือกตาเหมือนเป็นภาพซ้อนแห่งความอัปยศ... พวกเขาดูเป็นคนดีกันหมด...
วิเวียน พี่สาวคนโต สาวผมบลอนด์หยักยาวถึงกลางหลังและแว่นตากรอบเหลี่ยมดำ... อาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ที่โรงเรียนมัธยมแลนด์ฟิค... มีสามีเป็นนักปิโตรเคมีซึ่งไปทำงานอยู่กลางมหาสมุทร... จึงต้องอยู่คนเดียว... ซึ่งก็คงไม่เป็นอย่างนั้นอีกต่อไปแล้วมั้ง... หล่อนเป็นคนที่มีความสุขในโลกใบเล็กของตนเอง... โลกที่ไม่ว่าอะไรก็สวยงามไปหมด... โลกในแบบที่ไม่ควรจะอยู่ในจินตภาพของหญิงอายุ 32... ใช่แล้วล่ะ... โลกที่มีฉันคนนี้เป็นน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่ง...
ฉันนั้นเป็นลูกสาวคนที่สอง ซึ่งดูเหมือนว่าจะแตกต่างกับคนพวกนั้นมากที่สุด... ไม่น่าแปลกใจใช่ไหม?
ลูกชายคนที่สาม... วินเซนต์... อายุ 21 เขาเป็นชายหนุ่มที่มีอุปนิสัยร่าเริงจนเกือบบ้า... นั่นอาจเป็นเพราะเขาเป็นนักเขียนการ์ตูนแอ็คชั่นชื่อดัง... จึงทำให้มีจิตวิกลจริตไปตามประสาตัวละครเอกในกระดาษโง่ๆพวกนั้น... ไม่ว่าจะเป็นเส้นผมสีทองยาวถึงใบหูที่เจ้าตัวพยายามจะขยำให้ดูยุ่งเหยิงที่สุด... แถมคำพูดคำจาก็คัดลอกมาจากบทพากย์ตัวเอกในกระดาษช่องลวงโลกของเขา... ถ้าไม่ใช่น้องชายฉันก็คงคิดว่าหลุดมาจากโรงพยาบาลบ้านั่นแหละ... ไม่น่าเชื่อว่าหมอนี่เนี่ยล่ะ... นักเขียนการ์ตูนหนุ่มมาดเท่ ที่พวกวัยรุ่นกรี๊ดกันตรึม....
ส่วนน้องสุดท้องที่เพิ่งจะอายุ 16... เชอร์ล็อก...นัยน์ตาสีน้ำเงิน เส้นผมสีดำไม่สั้นไม่ยาวนัก เด็กคนนี้น่ะเป็นคนที่มีบุคลิกเงียบขรึม และดูสุขุมแก่เกินวัย... คนนอกน่ะมักจะมองเขาว่านี่แหละนักเรียนตัวอย่าง... แต่สำหรับคนในอย่างฉัน... ดูก็รู้ว่าหมอนี่เด็กเก็บกดชัดๆ แต่ก็คงเป็นเด็กเก็บกดที่สามารถสะกัดกั้นความรู้สึกด้านมืดของตนเองได้เก่งที่สุดในโลกล่ะมั้ง... เพราะตั้งแต่ฉันเกิดมา... เขาก็ไม่เคยเผยตัวตนด้านที่ซ่อนเร้นอยู่ให้ฉันได้เห็นเลยสักครั้ง
ใช่... พวกเขาดูเป็นคนดีกันหมด... ฉันรู้จักคนพวกนี้ดี... เบ้าหลอมศีลธรรมและความสำนึกดีชั่ว ที่แกะออกมาจากพิมพ์ได้อย่างสมบูรณ์เป๊ะๆ ไม่เหมือนกับทองก้นเตาที่มีแต่รอยดำด่างขรุขระอันแสนโสมมอย่างฉัน...
“ชาล็อต!” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้นายหน้าสาวสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ เหลือบสายตาออกไปตามเสียงนั้นก็คือรถสีขาวคันใหญ่ที่เพิ่งก็ดับเครื่องจอดด้านหลัง ประตูรถคันนั้นเปิดออก พร้อมๆกันกับที่เทพเทวดาอันสถิตย์อยู่ภายในได้เสด็จลงมาในทันที
“มาถึงนานหรือยังจ้ะ...” วิเวียนกล่าวอย่างอารมณ์ดี วันนี้ ใบหน้าสีขาวซีดนั้นแลดูมีความสุขที่สุด
“ก็... เพิ่งมาถึงล่ะค่ะ...” นายหน้าสาวลงจากรถ เธอยังคงอยู่ในชุดหนังรัดรูปสีดำตามเดิม
“อื้ม!” พี่สาวคนนั้นอุทานออกมาอย่างสดใส ก่อนที่จะเดินตรงมายังรถน้องสาวของตน “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?” เธอถามมาง่ายๆ
“ก็... เรียบร้อยค่ะ... ตอนนี้บ้านนี่เป็นทรัพย์สินของพี่โดยสมบูรณ์แล้ว...” ชาล็อตตอบกลับ
วิเวียนโผเข้ากอดน้องสาวของตนก่อนที่จะจูบที่แก้มอย่างอารมณ์ดีที่สุด “วิเศษ! ทุกอย่างราบรื่น... เท่านี้หน้าที่ของนายหน้าขายบ้านก็สิ้นสุดแล้วนะจ้ะชาล็อต... ตอนนี้ก็ได้เวลาที่เธอจะทำหน้าที่เป็นน้องสาวของฉันแล้ว... เข้าไปในบ้านกันเถอะจ้ะ!” ว่าแล้วแม่นั่นก็ลากมือของนายหน้าสาวให้เขยกตามไปอย่างรวดเร็ว
“พี่เนี่ยร่าเริงชะมัดเลยเนอะ...” เสียงของเด็กหนุ่มดังมาจากเบื้องหลัง พร้อมๆกับที่เขาคนนั้นได้เปิดประตูรถออก
“อืม... ก็ชาล็อตยอมมาอยู่ด้วยกันแล้วนี่...” น้องชายอีกคนหนึ่งกล่าวพลางยกมือขึ้นมาประสานกันที่ท้ายทอย
ทั้งสองคนค่อยๆออกตัวเดินตามร่างของหญิงสาวผู้มีศักดิ์เป็นพี่ร่วมสายโลหิตไป
“เอาล่ะๆ กุญแจนี่...” ในที่สุดเธอคนนั้นก็ยกตัวปลดสลักสีเงินวับนั้นขึ้นมาในมือ พลางเขย่าปลายกรุ๊ง กริ๊งของมันให้น้องๆทั้งสามดูเหมือนของเล่นเด็ก “คงจะช่วยให้เราเป็นเราได้มากขึ้นนะ”
และแล้ววิเวียน ควินเนอรอสวูดก็ค่อยๆเสียบลูกกุญแจลงในรูกลวงบนบานประตูสีน้ำตาลเข้ม ก่อนที่จะบิดแท่งโลหะนั้นทำให้บานไม้คู่ที่ประกบติดอยู่เปิดอ้าออกไป กระจกสีสเตนกลาสบนประตูนั้นขยับตำแหน่งสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้าเข้าสู่สายตาเจ้าของบ้านคนใหม่ทั้งสี่
“เพอร์เฟ็กซ์! ต้องให้ได้อย่างนี้สิ ตระกูลควินเนอรอสวูดของเรา!” พี่สาวคนโตอุทานออกมา ก่อนที่จะโผเข้ากอดน้องๆทั้งสามคนของตนอย่างรักใคร่ สองคนในกลุ่มนั้นยิ้มรับพลางหัวเราะร่า ส่วนอีกคนหนึ่งยังคงอยู่ในอาการนิ่งเงียบไร้อารมณ์... ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ว่าใคร...
“เอาล่ะเฟ้ย! ลุยจัดของกันเลยดีกว่า!” วินซ์กล่าวอย่างร่าเริง
“โธ่... พี่... เสียงเบาๆหน่อยก็ได้...” เชอร์ล็อกกล่าวเบาๆ พลางยิ้มเจื่อนๆ
“ไม่เอาน่า! เรื่องเจ๋งๆแบบนี้มีมาทั้งที... เราก็ต้องสนุกกันให้สุดเหวี่ยงสิเฟ้ย!” วินซ์วิ่งกลับไปยังรถสีขาวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะคว้าลังกระดาษที่ติดป้ายเอาไว้ว่า “ของส่วนตัว... ราชาเงาเพลิง ท่านวินซ์...” ขึ้นมา แล้ววิ่งตรงเข้าไปในบ้านในฝันนั้นอย่างกระฉับกระเฉง... เชอร์ล็อกซึ่งเห็นการเคลื่อนไหวของพี่ชายตน จึงตัดสินใจทำอย่างนั้นบ้าง เขาก็เลยคว้าลังเครื่องใช้ส่วนตัวของตนวิ่งตามเข้าไปในบ้านทันที
“เราก็เอาบ้างนะ... ชาล็อต... เธอเก็บของมาแล้วใช่ไหมจ้ะ?” วิเวียนกอดแขนของน้องสาวตัวเองไว้ ก่อนที่จะพยายามลากหล่อนตรงกลับไปที่รถ
“ค่ะ... ค่ะ...” นายหน้าสาวตอบรับง่ายๆ พร้อมๆกับที่ร่างของตนปลิวไปตามแรงฉุดของพี่สาว
“นี่ชาล็อต...” ในที่สุดอาจารย์สาวก็หันหลังกลับมายังน้องสาว เนื่องจากสังเกตเห็นอาการซึมสงบของเธอคนนี้ที่บังเกิดขึ้นรบกวนลูกตาของตนมานาน “วันนี้เราควรจะสนุกกันให้เต็มที่นะ...”
“ค่ะ... ค่ะ...” ชาล็อตพยักหน้ารับเงียบๆ
นัยน์ตาของพี่สาวยังคงจับจ้องอยู่ที่เด็กมีปัญหานั่น “ไม่เอาน่าล็อตตี้... พี่เพิ่งบอกให้เธอทำตัวร่าเริงนะ” วิเวียนท้ายสะเอว หล่อนพยายามจะยิ้มให้เป็นมิตร แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้สึกขยะแขยงเสียมากกว่า
“พี่คะ...” ในที่สุดนายหน้าสาวก็กล่าวขึ้น สายตาของเธอคนนั้นประสานตรงกับพี่สาว “ตัวฉันมาอยู่กับพี่... มันไม่ได้หมายความว่าใจฉันจะมาอยู่กับพี่ด้วยหรอกนะคะ... แต่เอาเถอะ ฉันจะพยายามแสดงให้พี่เห็นว่าใจของฉันก็มาอยู่ที่นี่ด้วยแล้วกัน... ” และแล้ว หญิงสาวก็คว้าลังกระดาษเล็กๆของตนแล้วเดินผละจากพี่สาวของตนไป ปล่อยให้เธอคนนั้นยืนสั่นศีรษะไม่สบายใจอยู่ด้านหลัง
เสียงเพลงร็อคดังกึกก้องมาจากบ้านทรงวิคตอเรียหรู... มันช่างไม่เข้ากับบรรยากาศเสียเลย... แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ? ก็เจ้าของเคหสถานแห่งนั้นชื่นชอบมันนี่นา...
“เฮ้ เชอร์ล็อก... นายชอบเพลงนี้หรือเปล่า...” วินซ์ตะโกนถามน้องชายตนเองมาจากในครัว เขากำลังง่วนอยู่กับการจัดจานใส่เข้าไปในตู้กับข้าว
“เอ่อ... อันที่จริงผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่หรอกครับ...” น้องชายของเขาตอบกลับมาพลางหัวเราะแหะๆ เด็กคนนี้กำลังแบกลังกระดาษอีกลังเดินผ่านหลังพี่ชายของตนไป
“อ้าว... ก็ไม่บอก! เปลี่ยนเพลงก็ได้นี่... นายชอบสไตน์ไหนล่ะ เฮพวี่เมตั้ล... แร็พ... หรือเทคโน...”
“อันที่จริง... คลาสสิกน่ะครับ...”
“หา!”
“ก็แหม... ฟังเพลงเร็วๆแล้วมันรู้สึกไม่ค่อยสงบนี่ครับ...” เด็กหนุ่มตอบมายิ้มๆ คำพูดนั้นเอง ที่ทำให้นักเขียนการ์ตูนหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “โอเค... คลาสสิกก็คลาสสิก... จัดไป!”
“เฮ้ หนุ่มๆ... จัดจานกันอยู่เหรอ...”
วินเซนต์ซึ่งกำลังเปลี่ยนเพลงที่เปิดดังลั่นให้กลายเป็นสไตน์ที่น้องชายตนชอบ ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเสียงของพี่สาวที่ห่างเหินไปนาน ดังทักมาจากด้านหลัง
“นี่... วินซ์... ห้องฉันห้องไหนเหรอ...” นายหน้าสาวถามน้องชายตนเองยิ้มๆ พลางชูกล่องใส่เครื่องใช้ส่วนตัวในมือในชายคนนั้นดู
“อ๋อ... ของเธอชั้นสองห้องที่อยู่ตรงกับบันไดน่ะ... ห้องข้างๆคือพี่วิเวียน...” ชายหนุ่มตอบแล้วยิ้มให้ “นี่ๆ ให้ฉันช่วยถือดีกว่า... ไอ้นั่นถ้าจะหนักเอาการอยู่เหมือนกัน...” เขาเอ่ยปากช่วย เมื่อเห็นท่อนแขนที่กำลังสั่นเป็นเจ้าเข้าของพี่สาว
“จ้ะๆ ขอบใจมากนะ...” หญิงสาวส่งลังนั้นให้ ซึ่งชายหนุ่มก็ค่อยๆก้าวมารับไป แต่จังหวะแรกที่แขนสองข้างนั้นได้เริ่มรับน้ำหนักมัน เขาก็ครางออกมาอย่างตกใจทันที “โอ้ว! หนักยิ่งกว่าตอนพี่วิเวียนใช้ให้แบกแจกันกังไสกลับบ้านอีก... ล็อตตี้... นี่เธอใส่อะไรเอาไว้เนี่ย...”
นายหน้าสาวส่งยิ้มให้ “ก็นะ... ของส่วนตัว...”
“กระโถนลายครามสำหรับนั่งฉี่ในรถเหรอ...” ชายหนุ่มหยอกเล่นอย่างร่าเริง
“บ้า! นี่เบียร์ย่ะ!” นายหน้าสาวสะบัดหน้า และแล้วทั้งสองก็เดินขึ้นบันไดไปด้วยกันพร้อมกับเสียงหัวเราะ ชาล็อต... ซึ่งแม้ว่าจะเคยดูเบื่อหน่ายกับการย้ายเข้ามาอยู่กับครอบครัว... บัดนี้กลับดูมีความสุขผิดกับตอนแรกเหมือนกับคนละคน... ริมฝีปากงามนั้นได้ส่งรอยยิ้มกว้างให้น้องชายตนตลอดเวลา... วินซ์มองหน้าเธอกลับแล้วยิ้มให้ “รู้สึกว่าเธอจะเริ่มสนุกกับการอยู่กับเราแล้วใช่ม้า!”
“ก็... เอาจริงมันก็ไม่เลวนะ...” ชาล็อตสะบัดผมแล้วส่งรอยยิ้มที่มุมปาก
“ใช่ไหมล่ะ! อยู่กันเยอะๆสนุกดีออก!” วินซ์ตอบกลับ... เขารู้สึกได้ว่าพี่สาวคนนี้ได้เริ่มเปิดใจรับสายสัมพันธ์ครอบครัวของตนแล้ว
ใช่สิ... วินซ์จะไม่รู้สึกแบบนี้ได้อย่างไรกันล่ะ... ก็ฉันทุ่มสุดตัวเล่นบทบาทนี้เลยนี่... บทบาทที่จะไม่มีวันเป็นจริง...
“เอาล่ะ...” หลังจากที่ทั้งสองเดินไปถึงห้องของชาล็อต วินซ์ก็วางลังช้างสารนั้นลงไปบนพื้น “อย่าดื่มให้มากเกินไปล่ะ... ถ้าเธอเมาไม่รู้เรื่องล่ะก็เสร็จฉันแน่!”
“เสร็จอะไรเหรอ... เธอจะทำอะไรฉัน” ชาล็อตเน้นเสียงอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ก็ละเลงเค้กที่หน้าเธออีกไงล่ะ ฮะ ฮะ ฮ่า!”
“จ้ะ...” นายหน้าสาวตอบรับด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “เอาล่ะ... ทีนี้... นายลงไปจัดห้องด้านล่างต่อเถอะนะ... ฉันจะขอจัดแต่งห้องส่วนตัวสักพักหนึ่ง แล้วจะตามลงไป... โอเคไหม...”
“อืม... ก็ได้ๆ ใช้งานเสร็จก็ไล่เลยนะ... ทำตัวอย่างกับราชินี... ผู้หญิงอะไร เห็นแก่ตัวชะมัด...”
“ใช่... ฉันมันราชินี... มดงานอย่างนายน่ะหมดหน้าที่แล้วก็โดนกระทืบตายไปซะ!” และแล้ว หญิงสาวก็หัวเราะลั่น ก่อนที่จะผลักร่างของชายหนุ่มดันออกไปนอกประตูแล้วกระชากลูกบิดกลับลงกลอนทันที
ใช่สิ... ฉันมันราชินี... ราชินีที่ดูสวยเลิศและดีพร้อม แต่อันที่จริงกลับไม่มีอะไรเลย... ถึงต้องมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวทุกวันนี่ไง...
นายหน้าสาวค่อยๆทรุดตัวนั่งลงเอนหลังพิงประตูห้องนอนบานนั้น เหลือบสายตากวาดไปทั่วห้อง... เตียงสปริงสีเลือดหมูแลดูนุ่มน่านอน... โต๊ะเครื่องแป้งโบราณไม้น้ำตาลเข้มขัดเงา... ผ้าม่านสีแดงเดียวกับฟูกปูเตียงที่ติดลูกไม้พลิ้วระยับ... นี่น่ะหรือคือที่อยู่ใหม่ของฉันน่ะ... กรงขังฝังเพชรชัดๆ...
“เฮ้... ดูอะไรกันเหรอ...” วินซ์ผู้ซึ่งเพิ่งเดินกลับลงมาชั้นล่าง กล่าวขึ้น หลังเหลือบสายตาไปเห็นพี่คนโตและน้องสุดท้องกำลังจ้องตรงไปยังวัตถุบางอย่าง ณ กำแพงริมสวนฝั่งนอกตัวอาคาร เขาจึงเดินเข้าไปสมทบกับสองคนนั้นอย่างทะมัดทะแมง
“นี่อะไรเนี่ย...” นักเขียนการ์ตูนหนุ่มถามขึ้นอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นภาพของสิ่งที่สองคนนั้นจ้องตรงเป็นสายตาเดียวกัน
“ตุ๊กตาไม้...” ใช่แล้ว... มันคือตัวปัญหาที่นายหน้าสาวพยายามปกปิดลูกทัวร์ทุกคนไม่ให้เห็น... ตุ๊กตาไม้คร่ำคร่าที่ถูกแขวนข้อเท้าผูกห้อยหัวออกมาจากเชิงโคมติดผนัง ตุ๊กตาเล็กๆอันแสนน่ารังเกียจ...
“พี่เห็นมันตอนที่มาดูบ้านหรือเปล่าครับ...” เชอร์ล็อกถามเบาๆ
“จ้ะ... ชาล็อตให้พี่ดูแล้ว...”
“แล้วจะเอาไงกับมันดีล่ะ...” วินซ์ถามบ้าง
“ไม่รู้สิจ้ะ... จะตัดทิ้งไหมล่ะ...”
“ตัดไปเถอะครับพี่... แขวนไว้มันดูไม่ค่อยดี...” เชอร์ล็อกพูด คำพูดนี้เองที่ทำให้พี่สาวของเขาคว้ากรรไกรขึ้นมาในมือ แล้วเดินจ้ำตรงไปยังตุ๊กตาประหลาดนั่น ก่อนที่จะอ้าปลายปากคมนั้นออกช้าๆ
“งั้น... ตัดเลยนะ...” หญิงสาวกล่าว ก่อนที่จะบีบปลายกรรไกรบรรจบเข้าด้วยกัน ไม้โสมมนั้นหลุดขาดจากปลายเชือกตกกระทบพื้นเบื้องล่างในทันที จังหวะนั้นเองที่แต่ละท่อนของตัวหุ่นที่เคยเชื่อมติดกันอยู่ได้หลุดกระจายออกไปคนละทิศ... หัว ไหล่ แขน ตัว ขา และเท้าพุ่งกระเด็นกระทบร่างของสามพี่น้องที่ยืนล้อมรอบภาพอันน่าหวาดเสียวนั้นอยู่...
“เหวอ!” เชอร์ล็อกสะดุ้งโผกลับหลัง เมื่อหัวกลมๆที่ทำมาจากเนื้อไม้ล้วนๆนั้นสัมผัสกับท่อนขาของตน
“ไม่เป็นไรน่า... ไม้มันเก่าแล้ว ก็เลยหลุด...” วิเวียนบอกกับน้อง
เชอร์ล็อกหันกลับมามองหน้าพี่สาว พลางยิ้มแหยๆให้ “ค... ครับ... คงงั้นมั้ง...”
“ให้ตายเถอะ... นายนี่มันใจเสาะชะมัดเลยว่ะ...” วินซ์เหน็บน้องชายของเขาก่อนหัวเราะร่า
“โธ่พี่... ล้อกันได้นะ...” เชอร์ล็อกยิ้มเจื่อนๆแล้วตอบกลับไปเรียบๆ
เสียงไวโอลินของเพลงคลาสสิกในบ้านดังออกมาเป็นจังหวะนุ่มสะท้าน ความต่อเนื่องของท่วงทำนองถูกขัดขวางลงด้วยอีกหนึ่งเสียงที่สอดแทรกเข้ามา... มันคือเสียงกริ่งประตู
“ใครมาน่ะ?” วิเวียนรำพึงขึ้นอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงนั้น
“แปลกแฮะ... นี่เราเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่วันแรกเองนะ... จะมีใครมาหาได้ล่ะ...” วินซ์กล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ลองไปดูสิครับ...” เชอร์ล็อกพูด สิ้นเสียงของเด็กหนุ่ม ทั้งสามก็เดินตรงกลับไปยังประตูรั้วหน้าบ้านในทันทีนั้น
ชาล็อตเปิดประตูคุกกรงใหม่ของตนออก เมื่อได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น... หญิงสาวค่อยๆเดินออกมาสู่โถงหน้าบันไดอีกครั้ง แล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานหอคอย ซึ่งมีกระจกบานใหญ่ซึ่งสามารถมองทะลุผ่านมองภาพที่ปรากฏอยู่หน้าบ้านได้ “ใครมานะ...” หญิงสาวรำพึงกับตนเอง
นายหน้าสาวแนบใบหน้าของตนเข้าชิดกับกระจกใส พลางหรี่ตาจ้องสังเกตลงไปยังพื้นเบื้องล่าง ที่เห็นอยู่ตอนนี้ก็มีร่างของน้องชายสองคนที่ยังอยู่ในเขตบ้าน... พี่สาวของตนซึ่งกำลังยิ้มปากฉีกถือช่ออะไรสักอย่างในมือ... แล้วก็ ผู้หญิงอีกคน...
“นั่นมันคุณคาเลเจียนไม่ใช่เหรอ?” หญิงสาวคิดในใจ ทำไมเธอจะไม่รู้จักผู้มาเยือนคนนั้น... ยัยป้านี่ล่ะ คือเจ้าของเก่าของเคหสถานแห่งนี้... ใช่แล้ว... คุณคาเลเจียน... นังผู้หญิงคนที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทุกอย่าง บัดนี้เธอคนนั้นกำลังพูดคุยอย่างอารมณ์ดีกับพี่วิเวียน... คงมาทักทายตามประสาเจ้าของบ้านเก่าล่ะมั้ง... หญิงสาวเบือนสายตาไปจากภาพของคนคนนั้นอย่างไม่ค่อยสนใจ... ตอนนี้ฉันหมดพันธะผูกพันกับแม่นั่นแล้วนี่... ไม่จำเป็นต้องลงไปหาก็ได้... ชาล็อตทำท่าเหมือนจะผละหลังกลับไปยังห้องของตนตามเดิม แต่เธอกลับต้องชะงักกึก เมื่อจักษุประสาทของตนได้ประสานตรงกับนัยน์ตาของใครอีกคนหนึ่งที่มองตรงมาจากด้านล่าง...
“แหม... ขอบคุณมากจริงๆนะคะ คุณคาเลเจียน... ดิฉันไม่คิดไม่ฝันเลยนะคะเนี่ย... ว่าคุณจะอุตส่าห์มาเยี่ยมเราตั้งแต่ที่ย้ายเข้าบ้านในฝันหลังนี้เลยนะคะ...” วิเวียนกล่าวพลางยิ้มกว้าง ริมฝีปากฉีกแทบถึงใบหู
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ... ฉันเป็นเจ้าของบ้านเก่า... ยังไงๆก็ต้องมาส่งมอบบ้านหลังนี้ให้คุณอย่างดีที่สุด นี่มันเป็นหน้าที่อยู่แล้วนี่คะ...” คาเลเจียนพูด เธอเป็นหญิงชราอายุหกสิบกว่า แต่เส้นผมหยักศกที่รวบมวยไว้นั้นยังคงดำสนิท รูปร่างสูงใหญ่และลักษณะการแต่งกายดูเหมือนจะเป็นผู้ดีที่แสนธรรมดา ยกเว้นเพียงแต่นัยน์ตาสีแดงทับทิมเท่านั้น ที่ทำให้เธอคนนี้ แลดูมีเสน่ห์ลึกลับผิดไปจากสามัญชนทั่วไป
“ขอบคุณมากสำหรับช่อดอกไม้นะครับ...” เชอร์ล็อกพูดด้วยรอยยิ้ม
“เล็กน้อยน่ะค่ะ... แค่เห็นพวกคุณอยู่ในบ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุขฉันก็ดีใจแล้ว...” คาเลเจียนกล่าว และแล้วเธอก็หันไปยังอีกร่างหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะหลบเป็นเงาไล่หลังตน “คอนสแตนติน... กล่าวทักทายคุณควินเนอรอสวูดหน่อยสิจ้ะ...”
ร่างของมนุษย์คนนั้นก้าวขึ้นมาด้านหน้า และเหมือนประหนึ่งตุ๊กตาไขลานที่ปลายเชือกอันถูกแช่แข็งได้กระตุกชักอย่างช้าๆ เขาโค้งอย่างสุภาพ ก่อนที่จะกล่าวสวัสดีเจ้าของบ้านด้วยน้ำเสียงอันเย็นระเยือกที่สุด “สวัสดีครับคุณควินเนอรอสวูด ผมคอนสแตนติน คาเลเจียน... ยินดีที่รู้จักครับ...”
นัยน์ตาสีทับทิมของชายหนุ่มน้ำแข็งสลักจ้องประสานกับเจ้าบ้านผมบลอนด์เหมือนกับหลุมดูดวิญญาณ อาจารย์สาวหยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะตอบรับไปด้วยมารยาทตามสมบัติผู้ดี “สวัสดีค่ะ... คุณคงจะเป็น... ลูกชายของคุณคาเลเจียนสินะคะ...”
“ลูกเลี้ยงครับ...” เขาตอบเย็นเฉียบ
“คอนสแตนตินเป็นลูกชายของน้องสาวฉัน... แต่เธอเสียชีวิตไปแล้ว...” คุณนายคาเลเจียนกล่าว
“เอ่อ... ขอโทษนะคะที่ถามไป...”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...” คาเลเจียนยิ้ม “เรื่องมันผ่านไปหมดแล้ว... ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...”
“งั้นก็ดี...” วินซ์หัวเราะง่ายๆ “เฮ้ คอนสแตนติน!” ชายหนุ่มหันไปหาคู่สนธนาซึ่งดูเหมือนจะมีอายุใกล้เคียงกับตนมากกว่า “ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าคุณเลย... คุณไม่ได้อยู่กับคุณคาเลเจียนเหรอ... ผมไปที่บ้านคุณคาเลเจียนตั้งสามครั้ง ทำไมยังไม่เคยเจอคุณเลย?”
“ก็แค่ผมไม่อยู่บ้าน...” คอนสแตนตินตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่ออีกฝ่ายไม่เล่นด้วย วินซ์ก็ได้แต่หัวเราะหึๆอย่างไม่รู้จะเล่นอะไรต่อไปอีก คอนสแตนตินพยักหน้ารับเงียบๆ แล้วก็ถอยกลับไปยืนด้านหลังเหมือนเดิม สามพี่น้องหันหน้าประสานกันอย่างไม่รู้จะกล่าวอะไรในจังหวะ เดียวกันกับที่นางหน้าสาวได้เดินเข้ามาร่วมวง
“สวัสดีค่ะ คุณนายคาเลเจียน!” ชาล็อตพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง ใบหน้าของเธอเปล่งปลั่งย้อมไปด้วยประกายแห่งความสุขอย่างเต็มที่
“ต๊าย! คุณชาล็อต! ฉันลืมไปเลยว่าคุณก็อยู่ที่นี่ด้วย!” หญิงนางนั้นยิ้มกว้าง
“ขอโทษนะคะที่ไม่ได้มาตั้งแต่ต้น... พอดีฉันจัดของอยู่ชั้นสองน่ะค่ะ...”
“ไม่เป็นไรๆ” เจ้าของบ้านคนเก่ากล่าวพลางหัวเราะ “ว่าแต่เป็นอย่างไรบ้างล่ะคะ... บ้านหลังนี้?”
“ก็ดีอย่างที่ฉันเคยโฆษณาไว้น่ะแหละค่ะ ทุกอย่างเพอร์เฟ็คซ์ไปหมด... ใช่ไหมจ้ะ คอนจี้?” ประโยคหลังนี้ นายหน้าขายบ้านสาวหันไปทางบุตรชายของเศรษฐินีลึกลับ และอย่างที่ไม่มีใครคาดเอาไว้ก่อน ราชาน้ำแข็งสลักยิ้มตอบอย่างแฝงเร้นไปด้วยความรู้สึกภายใน... มันเป็นรอยยิ้มแรกที่สามารถสังเกตเห็นได้บนริมฝีปากของหนุ่มเย็นชาคนนี้ เขาค่อยๆเดินก้าวขึ้นมาด้านหน้าอย่างสงบ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างแช่มช้า “ไม่... ชาล็อต... ไม่เลย...”
ความคิดเห็น