[Shinee SF] Raining Day :: Minho x Taemin - [Shinee SF] Raining Day :: Minho x Taemin นิยาย [Shinee SF] Raining Day :: Minho x Taemin : Dek-D.com - Writer

    [Shinee SF] Raining Day :: Minho x Taemin

    ความสุขเล็กๆน้อยๆของ ชเวมินโฮ

    ผู้เข้าชมรวม

    992

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    992

    ความคิดเห็น


    18

    คนติดตาม


    6
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 มี.ค. 54 / 22:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    Title : : Raining Day
    Couple : : Minho x Taemin, Twomin
    Author : : a_idear
    Note : : ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของ ชเวมินโฮ





    หลังจากที่เป็นรีดเดอร์มานานนม เลยอยากจะผันตัวเองมาเป็นไรท์เตอร์บ้างอะไรบ้าง
    ยังงัยก็ฝากเนื้อฝากตัวกับฟิคเรื่องนี้ด้วยนะจ้ะ ยิ้มหวาน~~

    จากที่ไรท์เตอร์ลงพาร์ทของมินโฮไปแล้ว เมื่อนานชาติ
    ตอนนี้ก็เอาส่วนของน้องแทมมาให้อ่านต่อกันแล้ว

    ไรท์เตอร์ขอบคุณจากใจจริงเลยสำหรับคนที่คอมเมนท์ให้
    ถึงแม้ว่ามันจะน้อยกว่ายอดวิวมากก็ตาม แต่ทุกคอมเมนท์ก็ทำให้ไรท์เตอร์มีกำลังใจ

    เอาไว้คราวหน้าจะเอาเรื่องอื่นมาลงให้อีกนะคะ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




      นที่หล่นร่วงลงมาเป็นสายตกกระทบกระจกหน้าต่างที่รายล้อมรถเมล์คันที่เขานั่งกลับบ้านอยู่ทุกวัน ภาพภายนอกหน้าต่างที่เขาเห็นมาจนชินตา แต่บัดนี้กับพร่าเลือนเพราะน้ำฝนที่ตกกระหน่ำลงมา บรรยากาศแบบนี้อาจจะทำให้บุคคลที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาไม่ชอบใจเอาซะเลย เพราะดูจากอาการของคนที่เขาแอบมองอยู่ทุกวันนั้นตอนนี้ดูกระสับกระส่ายจนเจ้าตัวไม่อาจนั่งสงบอยู่กับที่ได้ ถึงแม้เจ้าตัวจะทำเหมือนกับว่าเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงที่ออกมาจากหูฟังสุดเท่ก็ตาม แต่อาการที่แตกต่างเพียงเล็กน้อยไม่เหมือนทุกวันทำให้มินโฮรู้ดีว่าคนที่เขามองอยู่นั้นไม่ได้สงบอย่างที่เจ้าตัวเพียรพยายามจะทำเลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งใกล้จุดหมายที่เจ้าตัวจะต้องลงด้วยแล้วก็ยิ่งออกอาการมากเท่านั้น



      แต่สำหรับมินโฮแล้วภาพเบื้องหน้าทำให้เขายิ้มได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะคนที่เขาแอบมองอยู่ทุกวันไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็น่ารักเสมอ ใบหน้าเรียวได้รูปเหมือนผู้หญิง ผิวขาวใส ปากบางสีชมพู  ดวงตากลมโต รูปร่างติดจะผอมบางเล็กน้อย เวลายิ้มมักจะทำให้เขาหวั่นไหวเสมอ แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อเขา เพราะมันจะมีให้กับใครอีกคนหนึ่งเสมอ






      ......................................





      ตั้งแต่สี่เดือนก่อนขณะที่ผมนั่งรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นผมกำลังหงุดหงิดกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว มันจะทำให้ผมเป็นบ้า ผมหวังแค่เพียงว่าเมื่อไหร่ที่รถเมล์มาผมก็จะได้ขึ้นไปนั่งตากแอร์เย็นๆแล้วเอนตัวหลับไปจนกว่าจะถึงบ้าน



      ในขณะที่ผมหงุดหงิดเต็มกำลังแล้วนั้น ดันมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กผู้ชายสองคนที่ยืนคุยกันอยู่ไม่ห่างไปจากผมสักเท่าไหร่ มันยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้กับผมเข้าไปอีก ผมหันไปมองดูหน้าสองคนนั้นหวังจะใช้สายตากำหราบ แต่ผมกลับเจอกับเด็กหนุ่มหน้าหวานที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มกับเพื่อนอีกคนที่หน้าตาดูดีกำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข



      แค่วินาทีนั้นสายตาที่คิดว่าจะใช้กำหราบเจ้าเด็กสองคนนี้ กลับกลายเป็นสายตาเคลิ้มฝันที่มองใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นอย่างไม่วางตา ความหงุดหงิดของผมกลับหายไปอย่างง่ายดาย ผมแอบลอบมองเขาอยู่สักพักแล้วรีบหลบสายตาเพราะกลัวว่าเขาจะรู้ตัว ตอนนั้นผมรู้ตัวในทันทีเลยว่ารอยยิ้มนั้นมีอิทธิพลกับผมมากแค่ไหน



      เอี๊ยด...... ฟู่....



      เสียงรถเมล์ที่ผมจะต้องไปมาจอดเทียบท่าแล้ว แต่ผมยังไม่อยากจะไปจากตรงนี้เลย เพราะผมยังอยากเห็นใบหน้าและรอยยิ้มนั้นอยู่ แต่ผมก็ต้องตัดใจลุกขึ้นพร้อมที่จะก้าวขึ้นรถด้วยความเสียดาย กลัวว่าจะหลังจากนี้ไปผมจะไม่ได้เห็นใบหน้านั้นอีก พอผมเดินขึ้นรถมาผมก็มองหาที่นั่งหลังสุดเพราะมันเป็นมุมที่ผมชอบนั่งเป็นประจำ



      “งั้นเราไปก่อนนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะจงฮยอน ขอบใจที่มาส่ง” เสียงหวานๆของคนที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีกแล้วดังขึ้น พร้อมกับเจ้าตัววิ่งขึ้นมาบนรถคันเดียวกับผม แล้วเลือกหาที่นั่งเหมาะๆซึ่งเป็นที่นั่งเดี่ยวเยื้องกับที่ผมนั่งอยู่ จึงทำให้ผมได้เห็นใบหน้าด้านข้างของคนน่ารักได้อย่างถนัดตา



      ผมเห็นเขาหยิบเครื่องเล่น MP3 ขึ้นมาฟังแล้วจมดิ่งไปกับโลกส่วนตัวของตัวเอง ใบหน้าครึ่งเสี้ยวนั้นบ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับบทเพลงที่ตัวเองหยิบขึ้นมาฟังมากแค่ไหน ตอนนี้ผมดีใจมากเลยที่เขาขึ้นรถคันเดียวกัน แต่ผมก็แอบสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมผมไม่เคยเห็นเค้ามาก่อนในเมื่อเค้ากลับบ้านทางเดียวกันกับผม ผมแอบมองเค้าไปตลอดทางเพราะผมอยากรู้ว่าเขาจะลงตรงไหน แต่แล้วความพยายามของผมก็น่าโดนมะเหงกนัก ก็พอผมเริ่มสบายตัวเปลือกตามันก็ดันหนักอึ้งจนผมทนไม่ไหว สุดท้ายก็เข้าสู่ห้วงนิทรา



      ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นคนน่ารักของผมแล้ว นั่นไงยังไม่ทันไรผมก็สรุปเอาเองแล้วว่าเขาเป็นของผม น่าขำดีนะครับ กะอีแค่รอยยิ้มของเด็กผู้ชายตัวเล็กๆหนึ่งคนทำให้ผมเป็นได้ถึงขนาดนี้ หลังจากวันนั้นทุกวันผมก็จะต้องรีบออกมารอดูที่ป้ายรถเมล์เผื่อว่าจะได้เจอกับเจ้าของรอยยิ้มนั้นอีก แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดน่ะแหละครับเขาเดินมาพร้อมกับเพื่อนคนนั้นเสมอ ผมได้ยินเพื่อนที่ชื่อจงฮยอนเรียกคนน่ารักของผมว่า แทมิน



      ตอนนี้ผมรู้จักชื่อของเขาแล้วครับ ชื่อเขาน่ารักเหมือนตัวเขาเลย ผมเห็นเขายืนคุยกับเพื่อนข้างตัวอย่างสนุกสนานเช่นเคย รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าหวานอย่างต่อเนื่องจนผมรู้สึกอิจฉา ผมอยากให้รอยยิ้มนั้นเป็นของผมบ้าง มันจะมีสักวันไหมนะผมก็คงได้แต่คิด



      วันนี้เขากับผมก็ยังคงขึ้นรถคันเดียวกัน ผมก็ยังนั่งที่เดิมของผม ส่วนคนตัวเล็กนั้น วันนี้เค้ามานั่งที่ว่างตรงข้างหน้าผมพอดี ทำให้ผมไม่สามารถเห็นใบหน้าหวานๆของเขาได้เลย แต่ผมกลับดีใจมากกว่าเพราะเค้าอยู่ห่างจากผมแค่ไม่กี่คืบ กลิ่นหอมจางๆของคนตรงหน้าทำให้ผมเคลิ้มอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วมือเรียวก็หยิบเฮดโฟนขึ้นมาครอบศรีษะอย่างเคยเพื่อเข้าสู่โลกส่วนตัวอีกครา ผมสัญญากับตัวเองว่าวันนี้จะไม่หลับเด็ดขาด เพราะวันนี้ผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าเขาลงที่ป้ายไหน และแล้วผมก็รู้แล้วล่ะครับว่าเขาลงก่อนผมแค่สองป้ายเท่านั้น



      แล้วตั้งแต่วันนั้นผมก็รอกลับบ้านพร้อมกันกับเขาทุกวัน แต่เขาไม่เคยรู้หรอกครับว่าผมรอเขาอยู่ คงจะมีแต่ผมเท่านั้นแหละครับที่หลงรักเขาอยู่ข้างเดียว แต่แค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว นี่แหละครับความสุขเล็กๆน้อยๆของ ชเว มินโฮ






      ..................................




      “พี่จินกิเหรอฮะ วันนี้ผมไม่ได้เอาร่มมา พี่ช่วยออกมารับผมหน่อยได้มั้ยฮะ... ฮะ ได้ฮะ งั้นแล้วผมจะรอที่ป้ายรถเมล์นะฮะ” เสียงหวานกรอกเสียงลงไปที่โทรศัพท์มือถือด้วยน้ำเสียงร้อนใจ แต่หลังจากที่คุยเสร็จแล้ว ร่างบางก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก ทำให้สายตาจากมินโฮที่มองมาด้วยความเป็นห่วงค่อยเบาใจลงได้บ้าง



      ‘อ่อ ลืมร่มน่ะเอง’ มินโฮคิดในใจ แต่แล้วก็เอะใจขึ้นได้ว่าที่ป้ายรถเมล์ของคนน่ารักไม่มีที่กันฝนนี่นา มือหนาลนลานล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อตรวจเช็คว่าร่มที่เขานำติดตัวมายังอยู่ดีหรือเปล่า



      ภายในสมองของมินโฮตอนนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับความคิดที่ว่าจะเอาร่มให้คนตัวเล็กยืมไปก่อนดีหรือเปล่า หรือว่าเขาจะลงไปส่งที่ป้ายรถเมล์จนกว่าพี่ชายของเจ้าตัวจะมารับดี แต่คิดได้อยู่ไม่นานก็คงต้องรีบตัดสินใจแล้ว เพราะร่างบางเตรียมที่จะลุกขึ้นเพื่อลงป้ายข้างหน้าที่กำลังจะถึง



      ‘เอาไงดีวะ คิดสิ ๆ เขากำลังจะลงแล้วนะ นี่เป็นโอกาสที่จะได้รู้จักกับเขาสักทีนะมินโฮ’ สมองของเราเริ่มทำงานหนัก ‘เอาวะ เป็นไงเป็นกัน’



      กว่ามินโฮจะคิดได้ร่างบางก็วิ่งลงจากรถไปหาที่หลบฝนอยู่ข้างล่างแล้ว ร่างสูงเลยต้องรีบวิ่งตามลงไปเพราะว่าประตูรถกำลังจะปิด



      ร่างสูงหยิบร่มขึ้นมากางแทบไม่ทันเพราะมัวแต่คิด พอลงจากรถได้ร่างสูงก็เริ่มสอดส่ายสายตาหาคนตัวเล็กที่วิ่งไปหลบฝนอยู่ตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ร่มเงาของต้นไม้ตอนนี้ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรได้มากสักเท่าไหร่ จึงทำให้ร่างเล็กที่ตอนนี้เริ่มเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนสั่นขึ้นมาเล็กน้อยเพราะความหนาว ร่างสูงเห็นแล้วเลยรีบวิ่งเข้าไปยื่นร่มของตนไปกางให้



      “อ๊ะ... ขอบคุณฮะ” บัดนี้ใบหน้าหวานแย้มยิ้มอย่างขอบคุณส่งมาให้มินโฮ ที่ตอนนี้แทบจะยืนแข็งเป็นหินไปแล้ว



      ในที่สุดรอยยิ้มที่เขาเฝ้ารอคอยมานานสี่เดือนก็เป็นของเขาบ้างแล้ว ตอนนี้หัวใจของมินโฮโลดเต้นอยู่ไม่สุข จนเสียงเต้นของมันแทบจะเล็ดลอดออกมาให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆได้ยินอยู่รอมร่อแล้ว มินโฮมองใบหน้าหวานค้างอยู่อย่างนั้นจนคนตัวเล็กจะต้องกระตุกเสื้อโค้ทของอีกฝ่ายเพื่อเรียกสติ



      “เอ่อ พี่ฮะ เป็นอะไรรึเปล่าฮะ” มือบางกระตุกเสื้อโค้ทของคนข้างๆที่ยืนมองหน้าเค้า จนเขาเขินไปหมดแล้ว



      “อะ เอ่อ..... อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ชื่อมินโฮครับ ชเว มินโฮ แล้วน้องล่ะครับชื่ออะไร” เมื่อร่างสูงได้สติกลับคืนมาก็ถึงขั้นพูดไม่เป็นภาษาเลย แล้วมันน่าเขกกะโหลกนักรู้ชื่อเขาแล้วยังจะถามเขาอีก



      “ผมชื่อลี แทมินฮะ บ้านพี่อยู่แถวนี้เหรอฮะ” เสียงเล็กเอ่ยถามผู้มีพระคุณข้างๆตัวอย่างเป็นมิตร ด้วยท่าทีที่ยังเขินอายอยู่ ก็จะไม่ให้เขาอายได้อย่างไงล่ะ ก็ในเมื่อพี่ชายคนที่ยืนอยู่ข้างๆนี้ เอาแต่มองเค้าไม่เลิกสักที



      “เปล่าหรอกครับ บ้านพี่เลยไปอีกสองป้ายน่ะ” เสียงทุ้มตอบกลับคนตัวเล็ก ทั้งๆที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานของคนข้างตัว จนคนตัวเล็กกว่าต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย



      “เอ่อ พี่มินโฮฮะ พี่จะมองหน้าแทมินอีกนานมั้ยฮะ แทมินเขิน” คนตัวเล็กเอ่ยเพียงแค่นี้ก็เรียกสติของมินโฮให้กลับมา น้ำเสียงของคนตัวเล็กกว่าก็บ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวนั้นเขินจริงๆ พอร่างสูงโดนทักอย่างนี้ใบหน้าที่คมคายก็ถึงกับขึ้นสี จนไม่กล้ามองหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆอีก



      “พี่ขอโทษครับ” เสียงทุ้มปล่อยออกมาอย่างแผ่วเบา



      “แล้วเมื่อกี้พี่มินโฮวิ่งลงมาจากรถทำไมล่ะฮะ” เสียงใสยังคงถามไม่เลิก เลยทำให้มินโฮต้องหันหน้ากลับมาตอบคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆอีกครั้ง



      “พอดีพี่ได้ยินเราคุยโทรศัพท์น่ะ ว่าไม่ได้เอาร่มมา พี่เห็นว่าป้ายนี้มันไม่มีที่หลบฝน พี่เลยวิ่งลงมาช่วยแทมินไงครับ” ทีนี้เป็นฝ่ายคนตัวเล็กต้องหลบสายตาคนตัวสูงบ้างแล้ว ตอนนี้บรรยากาศภายในร่มคันเล็กๆ กำลังตลบอบอวลไปด้วยความอบอุ่น



      “งั้นแทมินขอบคุณพี่มินโฮมากเลยนะฮะ แต่เดี๋ยวอีกสักพักพี่จินกิก็คงออกมารับแทมินแล้วล่ะ อ๊ะ นั่นไงพูดถึงก็มาพอดีเลย งั้นแทมินไปก่อนนะฮะ” คนตัวเล็กพูดจบแค่นั้นแล้วก็รีบวิ่งออกไปหาพี่ชายที่ยืนถือร่มคันใหญ่รออยู่ไม่ห่างจากตรงนั้นสักเท่าไหร่ ทิ้งให้คนตัวสูงยืนมองร่างบางที่เพิ่งวิ่งออกไปด้วยความเอ็นดู



      ร่างบางเดินหันหลังไปกับพี่ชายไม่นาน ก็หันกลับมาตะโกนแข่งกับเสียงฝน ถึงแม้ว่าเสียงฝนที่ตกลงมาจะดังสักแค่ไหน แต่เสียงใสของคนน่ารักของเขานั้นยังดังก้องอยู่ในหัวอย่างชัดเจน



      “แล้วพรุ่งนี้เรากลับบ้านพร้อมกันอีกนะฮะพี่มินโฮ”






      .............................




      ฝนที่หล่นร่วงลงมาเป็นสายตกกระทบกระจกหน้าต่างที่รายล้อมรถเมล์คันที่เขานั่งกลับบ้านอยู่ทุกวัน ภาพภายนอกหน้าต่างที่เขาเห็นมาจนชินตา แต่บัดนี้กับพร่าเลือนเพราะน้ำฝนที่ตกกระหน่ำลงมา บรรยากาศแบบนี้มันทำให้ชเว มินโฮมีความสุขเหลือเกินครับ เพราะตอนนี้ผมไม่ได้นั่งรถกลับบ้านคนเดียวอย่างแต่ก่อนแล้ว แต่มีร่างบางที่ตอนนี้กำลังนอนหลับเอาหัวน้อยๆมาพิงไหล่ของผมอยู่



      ดวงตากลมโตที่ตอนนี้ปิดสนิททำให้เขายากที่จะทำลายความสุขในการนอนของคนตัวเล็กนี่เลย จมูกโด่งก้มลงหอมที่กลุ่มผมนุ่มนิ่มของคนข้างตัว เป็นสัญญาณให้คนตัวเล็กรู้สึกตัวว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องลงป้ายหน้า ดวงตากลมโตค่อยๆปรือตาขึ้น ใบหน้าหวานยิ้มให้กับคนข้างตัวอย่างทุกที



      “ถึงแล้วเหรอฮะ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะฮะ” มือบางหยิบร่มออกมาจากกระเป๋าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะลง



      ร่างบางหันหน้ามาหอมแก้มคนตัวสูงเบาๆ แล้วจึงเดินลงจากรถไป ปล่อยให้คนถูกขโมยหอมนั่งหน้าแดงอยู่บนรถอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่



      นี่แหละครับ ความสุขเล็กๆน้อยๆของ ชเว มินโฮ











      Lee Taemin's Part :






      เมื่อประมาณสี่เดือนก่อนเป็นวันที่อากาศร้อนมาก ผู้คนมากมายต่างยืนรอและนั่งรถรถเมล์สายที่ตัวเองกำลังจะไปกันอย่างหนาแน่นเหมือนอย่างทุกๆวัน แต่วันนี้คงเป็นวันที่อากาศร้อนที่สุดของปีเลยล่ะมั้ง เพราะพี่ชายคนที่เขาแอบมองอยู่ทุกวันดูจะหงุดหงิดมากเป็นพิเศษ แต่ถ้าเดี๋ยวรถเมล์มาแล้วพี่เขาก็คงจะขึ้นไปนั่งที่เดิมแล้วก็หลับไปอย่างทุกที ดวงตากลมโตปรายตามองพี่ชายที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากที่เขายืนอยู่เป็นระยะๆ เพราะกลัวคนๆนั้นจะรู้ตัว แล้วเสียงคุ้นเคยข้างๆตัวก็ดังขึ้นทำลายความสุขในการมองของเขา

       

      นั่นเหรอพี่ชายสุดหล่อของนาย หล่อแฮะ ตาถึงไม่เบาเลยนะแทมิน จงฮยอนไม่แซวเปล่าแถมยังเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของแทมินเบาๆ อย่างหมันไส้

       

      ไอ้บ้าจงฮยอน ของฉันที่ไหนกันเล่า แล้วนี่ตามมาทำไม ทำไมไม่กลับบ้าน เสียงเล็กๆต่อว่าเพื่อนซี้ที่ตอนนี้ยืนทำท่าขบขันกับอาการของคนตัวเล็กข้างหน้า ก็เมื่อกี้นี้น่ะยังทำเป็นเขินหน้าแดงอยู่เลย ตอนนี้ทำมาเป็นเก๊กเสียงดุเขา มีหรือว่าคนอย่างจงฮยอนจะกลัว

       

      ก็ตามมาดูพี่ชายที่นายชอบเพ้อให้ฟังบ่อยๆ ว่าหล่อนักหล่อหนายังไงล่ะ แหมผู้ชายในอุดมคติของสาวๆ ตาโต จมูกโด่ง ผิวคล้ำ แถมยังสูงเป็นเสาไฟฟ้า จงฮยอนกระแนะกระแหนอีกฝ่ายไม่เลิก

       

      พอเลย ก็เห็นแล้วนี่กลับไปได้แล้ว ไปเลย มือบางผลักไสคนข้างตัวออกไปเป็นพัลวัน ทำให้คนขี้แกล้งหัวเราะขึ้นมา

       

      ไม่กลับหรอก ฉันจะยืนรอส่งนายกลับบ้านก่อน ว่าแล้วเจ้าตัวก็ทำเป็นยืนกอดอกตัวแข็งไม่ยอมขยับ แทมินเลยทำหน้าพองลมเพราะโดนขัดใจ แล้วริมฝีปากบางก็เริ่มยิ้มเหยียดไปให้กับคนข้างตัว รอยยิ้มที่ใครๆมาเห็นเข้าก็ต้องหลง แต่สำหรับจงฮยอนแล้ว มันเป็นรอยยิ้มอาฆาต

       

      ได้... นายจะเอาอย่างนี้ใช่ไหม แล้วนิ้วเรียวก็เริ่มตรงเข้าไปจี้เอวคนที่ทำเป็นยืนตัวแข็ง คนใจแข็งตอนนี้เริ่มทำตัวยุกยิกเพราะเริ่มจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องปล่อยหัวเราะออกมาอย่างยอมแพ้

       

      เสียงหัวเราะทำให้ใครบางคนที่นั่งออกไปไม่ห่างหันมามองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ แล้วพลันสายตานั้นก็กลายเป็นอ่อนโยนขึ้นมาในทันที ทำให้เสียงหัวเราะที่ดังอยู่เมื่อครู่จึงต้องเงียบลงไปแล้วกลายเป็นเสียงกระซิบแทน

       

      แทมิน เมื่อกี้ฉันเห็นพี่เขามองมาทางนายด้วยแหละ เสียงทักของจงฮยอนทำให้ร่างบางตรงหน้าที่กำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานที่ได้แกล้งเขาถึงกับหยุดชะงักในทันที พลันใบหน้าได้รูปก็ขึ้นสีชมพู ใบหน้าที่หวานอยู่แล้วก็เลยยิ่งดูน่ารักเข้าไปอีก

       

      จริงเหรอ ไม่ต้องมาโกหกเลยนะ แทมินทำเสียงดุเจ้าเพื่อนสนิทที่ชอบแกล้งเขา พร้อมเอามือเล็กๆตีไปที่แขนของจงฮยอนสองสามที

       

      จริงสิ ไม่เชื่อนายก็หันไปดูเองแล้วกัน

       

      แต่ว่าไม่ทันแล้วเพราะกว่าคนตัวเล็กจะยอมหันหน้าไปมอง ใบหน้าหล่อเหลากับดวงตาคู่สวยนั้นก็หันไปมองทางอื่นซะแล้ว

       

      เอี๊ยด...... ฟู่....

       

      เสียงรถเมล์คันที่แทมินจะต้องไป มาจอดเทียบท่าแล้ว แต่เจ้าคนตัวเล็กยังไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่คุยอยู่กับเพื่อนซี้จนลืมสนใจที่จะดูรถไปซะสนิท จนเพื่อนซี้ข้างตัวต้องตัดบทให้หยุดคุยแล้วไล่เจ้าตัวเล็กให้รีบไปขึ้นรถได้แล้ว

       

      แทมินหันมาเห็นร่างสูงของพี่ชายที่เค้าแอบชอบอยู่เดินขึ้นรถไปแล้ว จึงนึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็ต้องกลับด้วยเหมือนกัน ร่างบางหันมาโบกมือลาเพื่อนที่ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ก่อนจะวิ่งขึ้นรถไป

       

      งั้นเราไปก่อนนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะจงฮยอน ขอบใจที่มาส่ง ร่างบางเดินขึ้นมาบนรถก่อนที่ประตูรถจะปิด ดวงตากลมโตมองไปยังที่นั่งที่ประจำของพี่ชายสุดหล่ออย่างเคย แต่วันนี้กลับไม่เหมือนทุกวันเพราะสายตาที่แทมินใฝ่หามานานด้วยความต้องการให้สายตานั้นหันมามองเขาบ้าง ตอนนี้กลับมองมาทางเขาเหมือนตั้งใจ แค่แวบเดียวที่สายตาต้องกัน คนตัวเล็กเลยรีบแสร้งทำเป็นมองหาที่นั่งเหมาะๆ ของตัวเอง แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นที่นั่งเดี่ยวซึ่งเยื้องๆกับพี่นั่งของพี่ชาย ร่างบางเดินไปนั่งตรงนั้นอย่างจำใจ เพราะต้องรีบกลบเกลื่อนใบหน้าที่ตอนนี้ร้อนวูบวาบอย่างที่ยากจะเย็นลงได้ ปกติขึ้นรถกลับบ้านคันเดียวกัน ได้ใช้อากาศหายใจร่วมกันก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว แล้ววันนี้บังเอิญได้สบตากันอีก คนอย่างแทมินคงทำได้แค่นั่งสงบสติอารมณ์สะกดความเขินอายที่ตอนนี้มันจะพุ่งล้นทะลักออกมาให้เขาจับไต๋ได้อยู่แล้ว

       

      ร่างบางนั่งลงปรับท่าทางให้นั่งสบายก่อน มือเรียวหยิบเครื่องเล่น MP3 ตัวโปรดขึ้นมากดสองสามปุ่มแล้วเสียงเพลงป๊อปสบายๆที่เจ้าตัวชอบฟังก็ดังขึ้น แทมินหยิบหูฟังเฮดโฟนขึ้นมาครอบศรีษะ แล้วพร้อมที่จะจมไปกับท่วงทำนองของเสียงเพลงอย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าได้มีสายตาคมๆของใครคนหนึ่งนั่งมองการกระทำทุกอย่างของเขาอย่างไม่วางตา

       

      เมื่อนั่งรถมาได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง หนทางข้างหน้าที่คุ้นตาบ่งบอกว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงจุดหมายที่เขาจะต้องลงแล้ว ร่างบางเก็บข้าวของเตรียมพร้อมจะลุกขึ้น ก่อนจะลงแทมินก็ไม่ลืมที่จะหันหน้ากลับมามองยังที่นั่งหลังสุดอย่างเคยนิสัย ใบหน้าหล่อเหลากำลังหลับอยู่อย่างเป็นสุข ทำให้แทมินแอบอมยิ้มออกมาเล็กน้อย แค่ได้เห็นใบหน้านี้แทมินก็มีความสุขแล้ว ร่างบางเดินลงจากรถไปพร้อมกับรอยยิ้มในใจเฉกเช่นทุกๆวันที่ผ่านมา

       

      นี่แหละฮะความสุขเล็กๆน้อยๆ ของ ลี แทมิน

       

       

       

       

      ................................

       

       

       

      ฝนที่หล่นร่วงลงมาเป็นสายตกกระทบกระจกหน้าต่างที่รายล้อมรถเมล์คันที่เขานั่งกลับบ้านอยู่ทุกวัน ภาพภายนอกหน้าต่างที่เขาเห็นมาจนชินตา แต่บัดนี้กับพร่าเลือนเพราะน้ำฝนที่ตกกระหน่ำลงมา บรรยากาศแบบนี้ถ้าเป็นเวลาปกติแล้วผมคงจะชอบใจไม่น้อยเลยฮะ เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะผมได้กลับบ้านกับคนที่ผมแอบชอบเขาอยู่น่ะสิฮะ แต่พี่เขาไม่รู้หรอกนะฮะว่าผมแอบชอบเขาอยู่ ตอนนี้เขานั่งอยู่ข้างหลังผมถัดไปสองเบาะเท่านั้นเอง ป่านนี้พี่เขาคงจะยังหลับอยู่ หรือไม่ก็คงมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยเหมือนทุกที แต่ว่าวันนี้ผมไม่มีอารมณ์สุนทรีย์อะไรเลยล่ะฮะ ก็วันนี้น่ะ ผมลืมเอาร่มมาจากบ้าน ทั้งๆที่วางเอาไว้ใกล้กับกระเป๋านักเรียนแล้วแท้ๆ แต่ก็ดันลืมจนได้ นี่ถ้าพี่จินกิรู้ผมคงจะต้องโดนมะเหงกแน่ๆเลย แล้วอีกอย่างผมก็ไม่อยากตัวเปียกกลับบ้านด้วย ถ้าพี่คนที่ผมแอบชอบเขาอยู่เห็นล่ะก็ ผมต้องอายเค้าแน่ๆเลยฮะ

       

      ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ระยะทางที่นั่งมาก็หดลงเรื่อยๆ สุดท้ายผมก็ต้องหยิบมือถือคู่ใจขึ้นมากดหาเบอร์โทรที่คุ้นเคย ผมโทรหาพี่จินกินั่นแหละฮะ แล้วก็อย่างที่คาดเดาเอาไว้ ผมโดนพี่จินกิบ่นจนหูชาเลย แต่พี่เค้าก็ยอมออกมารับผมจนได้ เป็นไงล่ะฮะ พี่ชายผมใจดีมั้ย ตอนนี้ผมก็เริ่มจะสบายใจขึ้นมานิดหน่อยแล้วฮะ

       

      ผมเตรียมพร้อมที่จะลงไปลุยกับฝนแล้วล่ะ วันนี้ผมเป็นกังวลกับเรื่องฝนมากจนผมลืมที่จะหันหน้าไปมองที่นั่งเบาะหลังสุด วันนี้ผมไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่เลย ผมก้าวลงจากบันไดรถเมล์ขั้นสุดท้ายแล้วก็รีบวิ่งจ้ำอ้าวไปยืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่เลย สุดท้ายผมก็เปียกอยู่ดี ตอนนี้ตัวของผมก็เริ่มจะสั่นเพราะความหนาวแล้วด้วย

       

      แต่แล้ว....

       

      อ๊ะ ขอบคุณฮะ ผมกล่าวขอบคุณออกไปพร้อมกับยิ้มให้ก่อนที่จะหันไปมองว่าคนที่เอาร่มมากางให้ผมนั้นเป็นใคร

       

      สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าทำให้ผมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง พี่ชายสุดหล่อของผมยืนกางร่มให้ผมอยู่ ตอนนี้ดวงตาคู่สวยของพี่ชายกำลังมองมาที่ผมฮะ มันทำให้ผมแทบจะหยุดหายใจได้เลยทีเดียว ตอนนี้ใบหน้าของผมร้อนฉ่าเลยฮะ อาการหนาวสั่นเมื่อกี้หายไปเลยทันที ผมคิดว่าพี่เค้าคงต้องสังเกตเห็นแน่เลยว่าผมเขิน

       

      เสียงของสายฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องดังไปทั่วบริเวณที่ผมยืนอยู่ ผมว่าผมคงต้องพูดอะไรบ้างแล้วฮะ ก็พี่เขาเอาแต่ยืนตัวแข็งมองผมอยู่นั่นแหละ ผมเลยเอามือน้อยๆของผมกระตุกเสื้อโค้ทของพี่เค้าเบาๆเพื่อเรียกสติเค้านิดหน่อยฮะ

       

      เอ่อ พี่ฮะ เป็นอะไรรึเปล่าฮะผมถือโอกาสถามออกไปด้วยความอยากรู้จริงๆ เพราะว่านี่ก็คือโอกาสดีแล้วที่ผมจะได้รู้จักกับพี่เค้า เพราะไม่รู้ว่าถ้าจบจากวันนี้ไปผมจะได้คุยกับพี่เขาอีกหรึอเปล่า พอพี่เขาได้สติก็อ้าปากค้าง พูดจาติดๆขัดๆ เหมือนจะทำตัวไม่ถูก พฤติกรรมแบบนี้มันช่างน่ารักอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้ฮะ

       

      อะ เอ่อ..... อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ชื่อมินโฮครับ ชเว มินโฮ แล้วน้องล่ะครับชื่ออะไร เสียงทุ้มของพี่เค้าช่างมีเสน่ห์จังเลยฮะ ชื่อมินโฮด้วย แค่ชื่อก็เท่แล้ว แถมพี่เค้ายังถามชื่อผมอีก ไม่ได้ฮะผมต้องรีบสานสัมพันธ์เอาไว้ก่อน

       

      ผมชื่อลี แทมินฮะ บ้านพี่อยู่แถวนี้เหรอฮะ ผมฉลาดมั้ยฮะบอกชื่อไม่พอยังแอบหยอดคำถามเพื่อเก็บเกี่ยวข้อมูลอีกด้วย แต่ดูพี่เขาสิฮะ จะตอบผมแต่ละคำทำไมจะต้องจ้องหน้าผมขนาดนั้นด้วยล่ะ ผมเขินนะ

       

      เปล่าหรอกครับ บ้านพี่เลยไปอีกสองป้ายน่ะ คำตอบของพี่มินโฮทำเอาผมงงไปเล็กน้อยฮะ เพราะถ้าบ้านของพี่เค้าไม่อยู่แถวนี้แล้วเค้าลงมาทำไมหว่า แต่ตอนนี้ลี แทมิน เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วฮะ ก็พี่เค้าเล่นมองไม่กระพริบตาเลยอ่ะ ถึงแม้ว่าอยากจะให้พี่เค้ามองอยู่อย่างนี้ก็เถอะ แต่เลือดลมมันไม่เป็นใจเอาซะเลย เล่นฉีดเลือดขึ้นหน้าซะขนาดนี้ ผมก็เขินเป็นนะฮะ

       

      เอ่อ พี่มินโฮฮะ พี่จะมองหน้าแทมินอีกนานมั้ยฮะ แทมินเขิน พอผมพูดเสร็จพี่เค้าก็หน้าแดงทันทีเลย แล้วรีบหันไปอีกทางไม่กล้ามองหน้าผมอีกเลย เฮ้อ ผมไม่น่าพูดออกไปตรงๆอย่างนั้นเลย แต่ถ้าผมไม่พูดออกไปผมคงละลายเพราะสายตาคมๆของพี่เค้าเป็นแน่เลยล่ะฮะ

       

      พี่ขอโทษครับ พี่เขาขอโทษผมด้วยเสียงอันเซ็กซี่นี่อีกแล้วฮะ โอย แทมินจะละลาย

       

      แล้วเมื่อกี้พี่มินโฮวิ่งลงมาจากรถทำไมล่ะฮะ ผมถามออกไปทั้งๆที่รู้ว่าคำตอบมันคืออะไร แต่ใจดวงน้อยๆมันสั่งให้ต้องถามเพราะอยากฟังคำตอบจากเจ้าของเสียงนั้น แล้วเป็นการยืนยันว่าผมไม่ได้คิดไปเอง

       

      พอดีพี่ได้ยินเราคุยโทรศัพท์น่ะ ว่าไม่ได้เอาร่มมา พี่เห็นว่าป้ายนี้มันไม่มีที่หลบฝน พี่เลยวิ่งลงช่วยแทมินไงครับ

       

      นี่แหละฮะคือคำตอบของพี่เค้า จะอ้อมค้อมหน่อยก็ไม่ได้เล่นตอบมาซะตรงขนาดนี้ แทมินก็เขินอีกแล้วน่ะสิฮะ ไหนจะดวงตาคู่สวยที่มองตรงมานั่นอีก ผมเลยต้องเป็นฝ่ายหลบตาพี่เค้าซะก่อน ก็มันทำให้ผมแทบจะทรุดทั้งยืนเลยล่ะ บรรยากาศในตอนนี้มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผมจะได้รู้จัก พูดคุย หรือได้เห็นท่าทางอย่างนั้นของพี่เค้า วันนี้แทมินมีความสุขที่สุดเลยฮะ

       

      งั้นแทมินขอบคุณพี่มินโฮมากเลยนะฮะ แต่เดี๋ยวอีกสักพักพี่จินกิก็คงออกมารับแทมินแล้วล่ะ อ๊ะ นั่นไงพูดถึงก็มาพอดีเลย งั้นแทมินไปก่อนนะฮะ เวลาของผมกับพี่มินโฮกำลังจะหมดลงแล้วล่ะฮะ พี่จินกิยืนรอผมไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ แต่ยังไงผมก็คงจะต้องไปอยู่ดี ผมรีบวิ่งออกไปหาพี่ชายก่อนที่ในหัวจะนึกอะไรขึ้นได้

       

       แล้วพรุ่งนี้เรากลับบ้านพร้อมกันอีกนะฮะพี่มินโฮ

       

      ผมตะโกนแข่งกับเสียงฝนที่ตกลงมา ผมไม่รู้ว่าพี่มินโฮจะได้ยินเสียงที่ผมพูดหรือเปล่า แต่แล้วพี่เค้าก็ยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ลี แทมินมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมากก่อน

       

      นี่แหละความสุขเล็กๆน้อยๆ ของ ลี แทมิน

       

       

       

       

      ...........................................

       

       

       

      ฝนที่หล่นร่วงลงมาเป็นสายตกกระทบกระจกหน้าต่างที่รายล้อมรถเมล์คันที่เขานั่งกลับบ้านอยู่ทุกวัน ภาพภายนอกหน้าต่างที่เขาเห็นมาจนชินตา แต่บัดนี้กับพร่าเลือนเพราะน้ำฝนที่ตกกระหน่ำลงมา บรรยากาศแบบนี้มันทำให้ลี แทมินมีความสุขมีความสุขเหลือเกินฮะ เพราะตอนนี้ผมไม่ได้นั่งรถกลับบ้านคนเดียวอย่างแต่ก่อนแล้ว แต่กลับมาไหล่หนาของใครคนหนึ่งคอยรองรับหัวเห็ดน้อยๆของผมอยู่

       

      สัมผัสบางเบาที่กลุ่มผมสวยบอกให้เป็นสัญญาณว่า ตื่นได้แล้ว ทั้งๆที่ดวงตากลมโตของร่างบางนั้นไม่ได้หลับอย่างที่คนตัวโตกว่าเข้าใจ แต่ก็ต้องทำเป็นแสร้งว่าหลับเพราะอยากจะอยู่ใกล้ชิดกับคนตัวสูงอีกนานๆ ดวงตากลมโตค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ แล้วแย้มยิ้มให้กับคนข้างตัวอย่างทุกที

       

      ถึงแล้วเหรอฮะ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะฮะ มือบางหยิบร่มออกมาจากกระเป๋าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะลง

       

      ร่างบางหันหน้ามาหอมแก้มคนตัวสูงเบาๆ แล้วจึงเดินลงจากรถไป ปล่อยให้คนถูกขโมยหอมนั่งหน้าแดงอยู่บนรถอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่

       

      นี่แหละฮะ ความสุขเล็กๆน้อยๆของ ลี แทมิน






      ไรท์เตอร์ทอร์ค


      เป็นไงบ้างทุกคน อ่านพาร์ทของน้องแทมแล้วยิ้มออกกันบ้างมั้ย
      โดยส่วนตัวไรท์เตอร์ชอบฟิคเรื่องนี้มากนะ อ่านแล้วยิ้ม
      รีดเดอร์ทั้งหลายเห็นด้วยกับไรท์เตอร์รึป่าว
      ถ้าไงก็เมนท์บอกกันบ้างนะคะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×