ตอนที่ 14 : Chapter 13 : Dream
Chapter 13 Dream
“จันทร์....อ้าปาก”
“อื้อ....”
ผมอ้าปากให้เจิ้น...ให้เขาสอดลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นผม....เรือนร่างเจิ้นเปลือยเปล่าคร่อมตัวผมอยู่...รูปร่างของเจิ้นดูดีมาก เขามีกล้ามที่แม้จะไลน์ไม่ชัดแต่มันก็ดูออกว่าเป็นซิคแพคในระยะสายตาแบบนี้
มือเจิ้นบีบเคล้นไปทั่วตัวผม...จูบเขาขยับลงมาข้างแก้ม ลำคอ ลาดไหล่....และทิ้งสัมผัสเจ็บๆที่หน้าอกผม เขากัดสลับจูบจนผมได้แต่นอนคราง
เสียงกระซิบเรียกชื่อผมทำให้ผมได้แค่ครางชื่อเขากลับ....ขาผมถูกรั้งขึ้นพาดบ่าเจิ้น....และเขาก็ทามทับลงมา ตัวของผมล่องลอย.....
เฮือก!
ผมสะดุ้งตื่นพร้อมกับความเปียกชื้นที่ตรงกลางลำตัว คืนที่สองแล้วที่ผมเป็นแบบนี้ ตอนที่มันเกิดขึ้นครั้งแรกผมไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นอะไรแต่พอล้วงมือไปแตะๆมันก็เปียกจริงๆ
ความฝันของผมฉายชัดเหมือนมันเกิดขึ้นจริง...ในคืนแรกเจิ้นโลดโผนกว่าผมมากกว่านี้อีก.... มันเกิดขึ้นที่โต๊ะกระจกหรือโต๊ะเครื่องแป้งนั่นแหละ...
“จันทร์? เป็นอะไร”
เจิ้นสะลึมสะลือดันตัวขึ้นมามองผม นาฬิกาบนหัวนอนยังบอกว่าเพิ่งจะตีสี่เท่านั้น ยังเหลือเวลาอีกเกือบสามชั่วโมงให้เราได้นอนหลับ
“จันทร์แปลก...”
“หืม ไม่สบาย?”
เจิ้นเหมือนจะหายง่วงทันที ฝ่ามือเขาวางทับลงมาที่หน้าผากผม ผมพยายามจะเขยิบหนีแต่เพราะความชื้นตรงกลางลำตัวทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ มันออกมาเยอะจัง...
หรือผมฉี่แตก? มันก็ไม่เยอะเหมือนฉี่...แต่มันก็ไม่น้อยเลย
“จันทร์ไม่รู้....มันเปียก”
ผมรู้สึกอายไม่รู้จะอธิบายยังไง เจิ้นกดเปิดไฟหัวเตียง เป็นไฟสลัวสีส้มทำให้พอจะมองออกว่าเขาขมวดคิ้ว ผมเขินมากพูดไม่ถูกเลยดึงมือเจิ้นมาจับตรงที่เปียก....แล้วรีบดันมือเขาออก ถึงเจิ้นจะจับบ่อยๆแต่ผมก็อายอยู่ดี
“ขอพี่ดูหน่อยครับ”
เจิ้นหายขมวดคิ้วและมีรอยยิ้มแปลกๆมาให้ผมแทน แต่ผมก็อยากให้เจิ้นดู อยากรู้ว่าผมจะไม่เป็นอะไรมากแน่ๆใช่ไหม.... เจิ้นดันตัวผมลงนอนผมเขินจนต้องกอดสินเชื่อไว้ แต่ตาก็เหลือบมองเขาดันขาผมขึ้นแล้วดึงกางเกงนอนลง มืออุ่นของเจิ้นจับลงที่ตรงนั้นของผม...
“อื้อ...”
มัน....รู้สึกแปลกๆจัง
“เปียกมากเลยจันทร์...”
เสียงเจิ้นแหบพร่าคงเพราะเขาเพิ่งตื่นนอน ผมพยายามหุบเข่าแต่เจิ้นก็ดันออกแทรกตัวมากั้นไว้ นิ้วเขาบีบเบาๆที่ตรงส่วนปลายทำให้ผมตาพร่าเบลอ
“อาจจะเพราะช่วงนี้เราไม่ค่อยไนท์แคร์กัน?”
ช่วงนี้เจิ้นยุ่งมาก หลังผมกลับจากทริปทะเลเจิ้นก็เข้าสู่ช่วงออกงานประจำปี ปลายฝนต้นหนาวไปจนจบหน้าหนาวเป็นช่วงที่งานสำคัญๆต่างๆมักถูกจัด ทั้งงานแต่ง งานเลี้ยงสมาคม และเจิ้นก็ได้บัตรเชิญเป็นกระบุง เรายังคงมอนิ่งแคร์กันแต่ไนท์แคร์ไม่ทันเพราะผมหลับก่อนเจิ้นกลับมาอีก
“จันทร์....ป่วยหรอ”
“เปล่า....พี่ผิดเอง ถ้าเราไนท์แคร์กันบ่อยๆ มันก็คงดีขึ้น....งั้นไนท์แคร์กันไหม? เพิ่งจะตีสี่นิดๆเอง”
“อื้อ....จันทร์ตามใจเจิ้น”
“จันทร์ฝันเห็นอะไรบ้าง.... อาการแบบนี้เกี่ยวข้องกับความฝัน...ถ้าทำตามที่ฝันอาจจะดีขึ้น”
เจิ้นขยับคร่อมผมเหมือนในความฝัน น่าแปลกที่ผมกลับจำมันได้ชัดเจน.... ทั้งของคืนก่อนและของวันนี้ มันคล้ายกัน...เริ่มจากการที่เจิ้นคร่อมผมแบบนี้และจูบ...
“เราไนท์แคร์กัน.... แล้วเจิ้นก็ยกขาจันทร์พาดไหล่....แล้วจันทร์ก็ตื่น”
ผมได้ยินเสียงหัวเราะของเจิ้น เขาจูบไล่ลงมาตามลำคอแบบที่ผมฝันราวกับรู้ว่าผมฝันว่าอะไร...จะต่างก็ตรงที่เขาขบเม้มขาอ่อนผมอยู่นานถึงยกขาผมขึ้นพาดไหล่
มือของเจิ้นสัมผัสแตะต้องผมสักพักก่อนผมจะรู้สึกถึงของเจิ้นที่ถูกจับรวบเข้าด้วยกัน....
“จะ เจิ้นเคยเปียกเหมือนจันทร์บ้างไหม...อา”
ผมถามเขาเสียงพร่า
“เคย....พี่ก็มีจันทร์ในความฝันเหมือนกัน”
ตอนแรกผมตั้งใจจะไม่บอกว่าผมเคยฝันถึงที่เรายืนด้วยกันหน้ากระจก แต่เจิ้นก็ถามไล่ต้อนจนผมเผลอหลุดปาก แต่เจิ้นบอกว่าคงทำแบบนั้นไม่ได้....เขาจะทนไม่ไหว
ผมไม่ได้ถามต่อว่าทำไมทนไม่ไหว....เพราะผมมัวแต่มึนเมาไปกับจูบของเจิ้น สุดท้ายเขาก็ถึงมือผมไปสัมผัสความชื้นชนิดเดียวกันที่เกิดจากเขา
“เขาเรียกว่าฝันเปียก....ฝันที่จิตใต้สำนึกเราอยากให้เป็นจริง....ฝันของจันทร์เป็นจริงแล้วนะเด็กดี”
“งะงั้น...จริงๆแล้วจันทร์อยากไนท์แคร์กับเจิ้นอย่างนั้นหรอ”
“ใช่....”
ผมนั่งพิงอกเจิ้นปล่อยให้เขากอด ตัวของเราเปล่าเปลือยอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ เจิ้นโอบรอบตัวผม มือของเราผสานกันที่หน้าตักผม
“แต่มันเปียก.... เหมือนจันทร์ฉี่รดที่นอนเลย”
“ฝันเปียกมันเป็นเรื่องธรรมชาติ...แสดงว่าจันทร์โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มูนนี่ของพี่โตขึ้นแล้วนะ”
ผมเงยหน้ามองเจิ้น เขามีรอยยิ้มแต้มใบหน้าทำให้ผมยิ้มตาม แสดงว่าฝันเปียกนี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะเมื่อกี๊เจิ้นก็เปียกเหมือนกัน เหมือนผมเคยเรียนเรื่องนี้ในวิชาสุขศึกษาแต่ก็นานแล้วเลยจำไม่ค่อยได้
“เจิ้นฝันเปียกบ่อยไหม?”
“เมื่อก่อนบ่อย....แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยเพราะมีจันทร์ช่วยไนท์แคร์พี่”
เจิ้นหอมแก้มผมแรงๆจนผมหลุดหัวเราะเพราะไรหนวดของเขาเริ่มขึ้นเป็นตอๆ มันจักจี้ไปหมด
“งั้นฝันเปียกบ่อยๆก็ไม่เป็นไรใช่ไหม....จันทร์ค่อยสบายใจหน่อย”
“คราวหลังฝันเปียกก็บอกพี่....พี่ช่วยเช็ดให้นะ แล้วเราก็ไนท์แคร์กันแบบที่จิตใต้สำนึกจันทร์ฝันดีไหม?”
ผมพยักหน้า ถึงไนท์แคร์จะเหนื่อยแต่พอผมได้ทำตามที่ฝันมันก็ดีมากจริงๆ แล้วก็แฮปปี้มากๆด้วย พอเราไนท์แคร์กันเสร็จก็ได้นั่งกอดกันแบบนี้มันก็ดีมากเลย
“เจิ้นฝันถึงจันทร์ว่ายังไงบ้าง...เล่าให้ฟังได้ไหม? จำได้หรือเปล่า”
“จำได้....แต่ของพี่ฝันเยอะกว่าจันทร์นิดหน่อย....เราไม่ได้จบที่แค่...ไนท์แคร์แบบนี้ เราไปมากกว่านั้นนิดหน่อย แต่จันทร์ยังเด็กพี่เลยยังไม่อยากทำตามฝันเท่าไหร่”
“เจิ้นเพิ่งบอกเองนะว่าจันทร์โตแล้ว... เจิ้นต้องให้จันทร์ตัดสินใจเองสิว่าจันทร์อยากทำตามฝันเจิ้นไหม?”
คิ้วเขาเริ่มขมวดอีก เจิ้นต้องไม่ยอมบอกผมแน่ๆ แต่ผมไม่ชอบเลยที่เขาเอาคำว่าเด็กมาจำกัดสิทธิ์ของผม เราต้องมีทางออกสำหรับเรื่องนี้สิ ผมโตแล้วด้วย! ทีเจิ้นยังตามใจผม ผมก็อยากตามใจเจิ้นบ้าง
“ก็....พี่ฝันว่า....พี่กอดจันทร์...จูบจันทร์...แล้วตัวของพี่ก็ขยับเข้าไปในตัวจันทร์....”
“เข้ามาหรอ? เข้ามายังไงอ่ะ?”
“เหมือนในคลิปที่จันทร์เคยดู”
ตาผมเบิกกว้าง คลิปโป๊ที่ผมเคยเผลอเปิดแล้วเจิ้นก็เห็นตอนนั้น คลิปนั่นทำผมกลัว...แต่เจิ้นกลับฝันแบบนั้นเหมือนกัน จะ เจิ้นอยากจะรุนแรงกับผมหรอ?
“แต่พี่อ่อนโยนกับจันทร์...และจันทร์ก็ชอบด้วย.....”
“ตะ แต่ มันดูเจ็บ...เขาร้องเสียงดัง”
“เขาเรียกว่าเสียงคราง....เหมือนที่จันทร์ทำเสียงน่ารักใส่พี่เมื่อกี๊ไงครับ.... จันทร์เจ็บหรือเปล่าล่ะเวลาพี่ทำ?”
“มะ ไม่.... ไม่เจ็บ”
“นั่นเพราะเราทำด้วยความรัก.....เราจึงต่างจากในคลิปเหมือนที่พี่เคยเล่าให้จันทร์ฟังไง....เราอ่อนโยน เราดูแลกัน จันทร์ดูแลพี่ พี่ดูแลจันทร์”
ผมชอบที่เจิ้นบอกว่าเราดูแลกันเพราะผมก็อยากดูแลเจิ้นมากๆเลย เรานั่งกอดกันคุยกัน จูบกันอยู่พักใหญ่จนนาฬิกาปลุก เจิ้นอุ้มผมขึ้นไปอาบน้ำพร้อมกัน
ปกติผมจะอาบก่อนแล้วรีบไปกินข้าว แต่วันนี้เราแช่น้ำอุ่นด้วยกัน ผมนั่งคร่อมตักเจิ้นยังคงชวนเขาคุยเรื่องฝันเปียกต่อ ก็มันสงสัยนี่นา.... ฝันเปียกครั้งแรกของเจิ้นเกิดตั้งแต่ ม.3 ไม่ใช่ปี 1 แบบผม เจิ้นบอกว่าแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน
ตอนเจิ้น ม.3 ผมยังไม่มาอยู่กับเจิ้น ผมถามว่าเขาฝันเปียกถึงใคร....เจิ้นทำหน้าลำบากใจก่อนจะบอกว่าเป็นนางแบบเซ็กซี่คนหนึ่ง แต่พอผมมาอยู่ด้วย...มันก็เป็นผมมาตลอด
“เจิ้นอยากไนท์แคร์จันทร์ตั้งแต่จันทร์หกขวบเลยหรอ?”
“อืม....โกรธพี่ไหม?”
“ไม่....แสดงว่าเจิ้นรักจันทร์มากๆ ก็เลยห่วงจันทร์ตลอดเลย ดีใจจัง”
ผมจุ้บปากเจิ้นหลายทีเป็นการให้รางวัลเด็กดี ผมดีใจที่ได้โกงเจิ้นอีก แต่ผมไม่ค่อยกล้าจูบเจิ้นแล้วเพราะตอนเราไนท์แคร์กันผมแอบเรียกร้องให้เขาจูบเยอะแล้ว อาศัยจังหวะเจิ้นเผลอเก็บคะแนนไปเพียบเลย
“แล้วเมื่อไหร่เจิ้นจะเข้ามาในตัวจันทร์หรอ?”
เจิ้นชะงักเท้าตอนเราเดินออกจากห้องน้ำด้วยกัน เขาหันมามองผม...สายตาเจิ้นเหมือนมีความร้อนจุดกระจายอยู่ข้างใจ
“จันทร์อายุยี่สิบก่อน....ตอนนี้ยังไม่โตเต็มที่ เดี๋ยวหาว่าพี่รังแกเด็ก”
“ฮึ่ย...ไม่เด็กสักหน่อย”
บทสนทนาเราเปลี่ยนไปเป็นเรื่องความโม้การเป็นผู้ใหญ่ของผมแทน แต่ก็ยังดีที่เจิ้นให้เวลาผมเตรียมตัวเพราะเอาจริงผมก็กลัวจะเจ็บแล้วส่งเสียงทรมานน่าเกลียดแบบนั้น
แต่อีกใจก็อยากให้ผมอายุยี่สิบเร็วๆจัง ผมอยากทำตามความฝันเจิ้นบ้าง...ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมชักจะเอาเปรียบเจิ้นเยอะไปหน่อย
นิสัยไม่ดีเลยอ่ะ....
การไนท์แคร์ตอนตี่สี่กับเจิ้นทำให้ผมสดชื่นขึ้นมาหน่อยจากเรื่องคิว ตั้งแต่เราคุยกันคิวเว้นระยะห่างจากผมอย่างชัดเจนแต่ผมทำเป็นมองไม่เห็น ท่าทีของเขาดูอึดอัดแต่ผมไม่สามารถทำอะไรให้เขาหายได้หรอกเพราะปัญหามันอยู่ที่เขา ไม่ใช่ผม
ถ้าคิวยังคงเลิกคิดมากกว่าเพื่อนกับผมหรือติดภาพผมกับเจิ้นจูบกันในหัวไม่เลิกระหว่างเราคงไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีก อันที่จริงผมเริ่มมีเพื่อนใหม่เพราะกิจกรรมรับน้องมันน้อยลงทำให้ผมได้คุยจริงๆจังๆกับเพื่อนคนอื่นบ้าง หลายวิชาอาจารย์ก็จับกลุ่มให้ทำรายงานเลยเป็นโอกาสให้ผมได้รู้จักคนอื่นๆ คิวก็ยังคงยุ่งกับการซ้อมดาวเดือนที่ใกล้จะมาถึง
ผมเจอพี่แทนใจบ่อยในช่วงนี้ พี่แทนใจเป็นผู้หญิงอารมณ์ดีชอบซื้อขนมมาให้ผม พี่แทนใจก็ยังมีท่าทีรู้สึกผิดให้เห็นบ่อยๆ ผมเคยบอกไปแล้วว่าไม่เป็นไรไม่ใช่ความผิดของพี่แทนใจเลยนะ
ทำไมคนที่ผมแฮปปี้จะอยู่ด้วยต้องเป็นแบบนี้กันไปหมด
แต่คิวไม่อยู่ด้วยบ่อยๆมันก็ดีเพราะผมจะได้เอาเวลาไปพิสูจน์ว่าการที่เจิ้นจูบผมมันผิดจริงหรือเปล่า? ผมไม่อยากให้เจิ้นโดนปรักปรำฝ่ายเดียว แล้วตอนนี้ยังพิสูจน์อะไรไม่ได้เท่ากับเจิ้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แล้วผมก็ชอบจูบเจิ้นด้วย
ผมหยิบสมุดจนเล่มเล็กหนีเข้าห้องสมุดในโซนที่เป็นโต๊ะเดี่ยวๆมีคอกกั้นส่วนตัวของแต่ละโต๊ะ ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้ผมต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง มันกระทบต่อเจิ้นและผม
ถ้าเจิ้นทำผิดจากที่เจิ้นเสียหายโดนผมโกงก็จะกลายเป็นผมเสียหายแทน ถึงผมจะไม่ค่อยรู้สึกว่าตัวเองเสียหายตรงไหนก็เหอะ ผมเริ่มจากหยิบมือถือมาเสิร์ชหาคำว่าแฟน...
มันบอกว่าแฟนคือคู่รัก คนรัก สามีหรือภรรยา แต่ไม่มีบอกว่าพี่น้อง ผมเริ่มทำมายแมพวาดภาพบนสมุด
ส่วนจูบเป็นคำกริยา กูเกิ้ลมันบอกว่าใช้ปากหรือจมูกสัมผัสแสดงความรักใคร่ อันนี้ตรงกับเรื่องผมและเจิ้น
แต่พอเสิร์ชคำว่าพี่น้องจูบกัน กระทู้มากมายจากหลายๆเว็บไซต์ทำให้ผมตาลาย ส่วนมากก็มีเรื่องความรู้สึกว่าทำแบบไหนถึงไม่ใช่พี่น้อง...อะไรคือเส้นกั้นระหว่างพี่น้อง
จูบกับลูกพี่ลูกน้อง...มีสารพัดเรื่องราวของการจูบ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าของผมจัดอยู่ในประเภทไหน ก็ผมเป็นพี่น้องกับเจิ้นแต่ก็คนละสายเลือด
ถ้าว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์คือเราไม่เกี่ยวข้องเป็นญาติกัน งั้นเรื่องพี่น้องอาจจะไม่ตรงสักเท่าไหร่ มายแมพของเลยตันหน่อยๆ ลูกพี่ลูกน้องก็เข้าเค้าแต่มันก็คนละแบบอยู่ดี
ผมพับสมุดเก็บใส่ในกระเป๋าหลังจากได้ข้อมูลเบื้องต้นแบบตันๆ มันไม่ค่อยจะเชื่อมโยงกัน ผมเลยคิดว่าอาจจะต้องเริ่มสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง....
มันคล้ายการทำวิจัยหน่อยๆ แต่ผมก็เอาวิธีวิจัยมาใช้นั่นแหละ...เราต้องมีสมมุติฐาน ข้อมูล การดำเนินงานเพื่อพิสูจน์ความจริงสักอย่าง
แค่การวิจัยของผมอาจจะต้องเป็นความลับ....
ระหว่างเดินจากหอสมุดไปหาลุงคนขับรถที่มักจะจอดรอหน้าคณะ ผมก็วางแผนกลุ่มประชากรตัวอย่างในใจ จริงๆประเด็นนี้สำหรับผมมันก็ชวนกระอักกระอ่วนที่จะถามตรงๆ การสัมภาษณ์ของผมอาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก
และคำถามต้องไม่ดูเฉพาะเจาะจงจนเกินไปเพราะแต่ละคนก็ต่างความคิด...เหมือนที่ผมตกใจมากตอนคิวบอกว่าผมกับเจิ้นจูบกันมันผิด
ผมอาจจะต้องวิเคราะห์คำถามก่อน แล้วก็มาเลือกกลุ่มตัวอย่างหลายๆเกณฑ์จะได้มีคำตอบจากมุมมองคนหลายๆกลุ่ม
แต่ถึงยังไงถ้าผมออกมาเป็นเจิ้นผิด...ผมจะให้อภัยเจิ้น...ผมจะไม่ปล่อยมือจากเจิ้น...แต่เราต้องแก้ไขมันให้ถูก ถึงผมจะเสียใจหน่อยๆที่ผมอาจจะไม่ได้จูบกับเจิ้นอีกก็ตาม
....ระหว่างที่ผลวิจัยของผมยังทำไม่เสร็จ ผมก็จะยังจูบเจิ้นเหมือนเดิม....เพราะเจิ้นยังไม่ได้ผิดสักหน่อย ผมก็ไม่ควรรีบตัดสินเขา
เฮ้อ....เรื่องพวกนี้มันซับซ้อนจังเลย
“คุณจันทร์เครียดอะไรหรือเปล่าคะ คิ้วขมวดเชียว หรือเป็ดไม่อร่อยคะ?”
วันนี้บ้านใหญ่ของปู่ทำเป็ดย่างราดน้ำซอสคล้ายๆเป็นเอ็มเคมาให้ หนังเป็ดกรอบๆเข้ากันได้ดีกับน้ำซุปหัวไชเท้านุ่มๆ แต่เพราะผมยังมีเรื่องในใจมั้งมันก็เลยกินไม่ค่อยลงเท่าที่ควร แต่ผมก็ใกล้หมดจานแรกแล้วนะและคิดว่าคงจะต่อจานที่สอง
“อร่อยครับ...แต่จันทร์กังวลเรื่องงานวิจัยจันทร์นิดหน่อย”
“การบ้านหรอคะ? เรียนมหาลัยแล้วนี่คะการบ้านต้องยากขึ้นกว่าเดิม คุณจันทร์อย่ายอมแพ้นะคะ”
“ป้าครับ...ผม...มีเรื่องถาม ป้าต้องตอบตามจริงนะ”
“ได้ค่ะ ถามเรื่องอะไรคะ เดี๋ยวป้ารินชาเพิ่มให้ก่อนดีกว่า”
คุณป้าแม่บ้านรินชาใส่แก้วผมจนเต็ม ท่าทางกระตือรือร้นจะตอบคำถามของคุณป้าแม่บ้านทำให้ผมอดตื่นเต้นนิดหน่อยไม่ได้เหมือนกัน
“เจิ้น...เคยเป็นเด็กไม่ดีไหม หมายถึงแบบทำผิด โดนปู่ลงโทษ...”
“คิกคิก เคยสิคะ เจิ้นเธอร้ายจะตาย ร้ายมากค่ะช่วงมัธยมต้น ก่อนคุณจันทร์จะย้ายมาอยู่กับเยว่ เจิ้นนี่ทั้งโดดเรียน เป็นหัวหน้าแก๊งเพื่อนๆทะเลาะกับรุ่นพี่ หน้าเน้อเธอช้ำกลับบ้านทุกวัน”
“เอ๋...เจิ้นนี่นะครับ?”
“ใช่ค่ะ เธอนิ่งของเธอแบบนี้แหละแต่เห็นว่าพวกรุ่นพี่ไม่ชอบที่เจิ้นเธอดูหยิ่งก็เลยทะเลาะกัน เจิ้นยอมใครที่ไหนล่ะคะ ต่อยกลับเขาหมด เพิ่งจะมาดีขึ้นตอนคุณจันทร์มาอยู่ด้วย”
ผมตื่นเต้นกับความรู้ใหม่ เจิ้นดูไม่ใช่คนใจร้อนทะเลาะเบาะแว้งกับใครง่ายๆ ยิ่งตอนนี้เจิ้นเป็นผู้บริหารธนาคารช่อฟ้ามีแต่คนจะยิ่งเกรงใจมากกว่า
“แล้ว...เจิ้นทำตัวไม่ดี คนในบ้านมีใครโกรธเจิ้นไหมหรือแบบว่าเกลียด?”
“อืมมม คุณท่านโกรธมากค่ะ ทำโทษส่งเจิ้นไปซัมเมอร์เมืองนอกบ้าง หลังเลิกเรียนไปช่วยงานที่บริษัทบ้าง แต่ไม่มีใครเกลียดเจิ้นหรอกค่ะ เยว่มีแค่คุณท่าน คุณแม่กับคุณพ่อของเจิ้น แล้วก็เจิ้น ตอนนี้ก็มีคุณจันทร์ด้วย ครอบครัวก็คือกลุ่มคนที่รักกัน ถึงเราจะโกรธที่ใครสักคนทำผิด...แต่สุดท้ายครอบครัวก็ต้องสามัคคีกัน ช่วยเหลือกัน เหมือนที่ทุกคนเป็นห่วงเจิ้น ให้กำลังใจเจิ้นจนกลับมาเป็นเด็กดี เป็นผู้ใหญ่ที่ดีแบบทุกวันนี้ยังไงคะ?”
“ถ้าผมทำผิดเจิ้นบอกว่าจะไม่ทิ้งผมเหมือนกัน....ผมก็จะไม่ทิ้งเจิ้นด้วย ผมจะให้กำลังใจเจิ้น เจิ้นจะได้ไม่ทำผิดอีก”
“คิกคิก ถูกแล้วค่ะ ห้ามทิ้งป้าด้วยนะคะ ดังนั้นรับข้าวอีกสักจานดีกว่า เป็ดเนี่ยป้ารู้ว่าคุณจันทร์ชอบ”
“โหยยย หลอกผมกินข้าวอ่ะ”
หลังกินข้าวผมก็สบายใจขึ้นนะ เพราะแสดงว่าเจิ้นก็เคยทำผิดมาก่อนแต่ทุกคนก็ให้อภัยเจิ้น เราเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วเรื่องทะเลาะต่อยตีผมว่าร้ายแรงกว่าที่เจิ้นจูบผมอีก!
คนปกติที่ไหนเขาจะไปต่อยไปตีกับชาวบ้านกันเล่า.... จูบกับเจิ้นนี่ก็แค่ประเด็นเล็กๆเอง งานวิจัยผมชักจะไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด
“ฮึ่ยยย สินเชื่อทำไมตัวหอมจัง”
ผมแอบคุยกับสินเชื่อเหมือนเดิม เล่าให้ฟังถึงแผนการผม ผมเหมารวมสินเชื่อเข้ามาในแผนแล้วในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์ของผมกับเจิ้นทุกอย่าง
แต่ผมไม่ต้องระวังว่าสินเชื่อจะไปฟ้องใคร....แผนการของเราจะเป็นความลับ
ตื่นเต้นจัง....ผมเพิ่งเคยมีความลับกับเจิ้นครั้งแรก...เอ้ะไม่สิ ครั้งที่สอง...เรื่องคิวด้วยเหมือนกัน
สงสัยผมจะเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว...อายุยี่สิบใกล้เข้ามาทุกที
============================
ฝากติดตามต่อไปด้วยนะคะ ให้กำลังเจิ้นหน่อย นางจะซวยแล้ว 5555+ มูนนี่เด็กดีเริ่มเป็นมูนนี่ยอดนักสืบแล้วววว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตั้งแต่น้องหกขวบกันเลย