ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rune Seeker PERIOD

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 0.4: Quest of the Aion Clock.

    • อัปเดตล่าสุด 11 ธ.ค. 50


    ภายในโกดังเก็บของร้างที่ซึ่งไม่สมควรจะมีคนอยู่ในเวลาดึกสงัดเช่นคืนนี้ แสงไฟสว่างเลือนรางส่งลอดออกมาจากช่องหน้าต่างไม้ที่ถูกปิดไว้อย่างหยาบๆ ท่ามกลางความมืดสนิทของเวลากลางคืน แสงเลือนๆ นั้นเด่นชัดราวกับแสงโคมไฟ แต่กระนั้นก็ไม่มีใครสนใจแสงอันน่าสงสัยนั้น เพราะรัศมีรอบโกดังนั้นหลายร้อยเมตรไม่มีแม้กระทั่งวี่แววของบ้านเรือนเลยแม้แต่น้อย และภายในโกดังเก็บของร้างนั้นเอง บางสิ่งที่ประเมินคุณค่าไม่ได้กำลังเคลื่อนเข้ามา

    ชายในชุดสูทสีดำเหมือนกันราวกับเครื่องแบบ สวมหมวกสีเดียวกันเดินเรียงรายเข้ามาในห้องเก็บของขนาดใหญ่ที่วางเครื่องมือต่างๆ ไว้ระเกะระกะไม่เป็นที่ ใยแมงมุมปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณบ่งบอกให้รู้ว่าที่แห่งนี้ไม่ได้ใช้งานมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ชายชุดดำเดินเข้ามาแล้วก็มองไปรอบๆ ดูสภาพของสถานที่อย่างรอบคอบ อีกฝั่งหนึ่งของห้องเก็บของนั้นมีคนอีกกลุ่มหนึ่งยืนรอพวกเขาอยู่แล้ว ชายอีกกลุ่มหนึ่งสวมชุดคล้ายๆ กัน ในจำนวนนั้นมีชายคนหนึ่งร่างเตี้ยกว่าคนอื่นแต่แต่งตัวดีกว่า ชายคนนั้นสวมสูทขาวสวมหมวกสีเดียวกันมีผ้าพันคอพาดไหล่ ปากคาบยาเส้นมวนใหญ่สูดเข้าออกอย่างสบายใจ แต่สีหน้าท่าทางนั้นดูเคร่งเครียด

    มาสักที ชายในสูทสีขาวเปรยขึ้นอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นกลุ่มชายสูทดำทยอยเข้ามาในห้อง

    ชายสูทดำที่เข้ามาใหม่ไม่ตอบอะไรนอกจากเดินเข้ามายืนเรียงแถวข้างๆ เปิดทางให้กับชายอีกคนหนึ่งที่กำลังเดินตามเข้ามา ชายคนนั้นสวมสูทดำเช่นกัน แต่ท่าทางบ่งบอกว่ามีอำนาจกว่าคนอื่นมาก ชายคนนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าเบิกบานผิดกับชายที่รออยู่มาก

    อย่าได้ใจร้อนไปสหาย ชายผู้มาเยือนกล่าวอย่างใจเย็นพลางเดินเข้าไปหาคนที่รออยู่พร้อมกับยื่นมือให้สัมผัส ชายสูทขางยื่นมือมาจับอย่างเสียไม่ได้แล้วก็ปล่อยมือแทบจะทันที แต่กระนั้นผู้มาเยือนกลับยิ้มให้อย่างไม่ใส่ใจ โลกนี้ไม่มีอะไรสูญเปล่า แม้กระทั่งการเสียเวลาก็มีความหมายของตัวมันเอง การที่ชั้นมาสายก็เช่นกัน

    หวังว่านายคงจะไม่ได้กลับมามือเปล่าหรอกนะ ชายสูทขาวกล่าวห้วนๆ ท่าทางยังหงุดหงิดไม่หาย แต่ชายคู่สนทนากลับยิ้มกว้างพลางแตะหมวกให้อย่างนอบน้อม พร้อมกันนั้น ขบวนรถเข็นก็แบกลังไม้ขนาดใหญ่หลายอันเข้ามาพร้อมกับคนออกแรงอีกหลายคน แต่ที่น่าแปลกใจคือในจำนวนนั้นมีผู้หญิงปนอยู่ด้วย เมื่อลังไม้เข้ามาถึงผู้มาเยือนก็กล่าวอย่างอารมณ์ดี

    เชิญเลือกชมได้ตามใจชอบ

    ชายสูทขาวแววตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นมากพอที่จะลบความหงุดหงิดก่อนหน้าไปได้ เขาจ้องดูลังไม้พลางเดินเข้าไปช้าๆ พร้อมกับผู้ติดตามอีกสองสามคน

    เมื่อเดินถึงรถเข็น คนงานก็หลบออกมาเปิดทางให้ ยกเว้นคนที่คอยเปิดฝาลังให้เจ้านายเดินเข้าไปมองดูของในลังพร้อมกับแววตาตื่นเต้น เพียงพักหนึ่งก็ยกแจกันงดงามใบหนึ่งขึ้นมาจ้องดูอย่างหลงใหล

    งดงามมาก เขากล่าวด้วยเสียงตื่นเต้นขณะจับแจกันใบนั้นอย่างทะนุถนอม นายไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ

    ขอรับไว้อย่างเต็มใจ แต่ยังเร็วไปที่จะชม ถ้านายดูของทั้งหมดแล้วอาจจะนึกคำชมไม่ออกเลยทีเดียว

    ชายที่ยืนประจำลังไม้แต่ละลังเปิดฝาออก ภายในมีทั้งแจกัน กำไล อาวุธโบราณทำด้วยทองบ้าง เพชรพลอยบ้าง แต่ละชิ้นล้วนงดงามราวกับสมบัติของสวรรค์ เมื่อชายคนนั้นเห็นแล้วก็ตาวาวเดินเข้าไปสำรวจดูอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ เขาเดินเข้าไปหยิบสมบัติชิ้นนั้นชิ้นนี้ขึ้นมาดูแล้วก็วางลงย้ายไปดูชิ้นถัดไป ความหงุดหงิดหายไปเป็นปลิดทิ้ง สีหน้าของเขาตอนนั้นเหมือนหลุดเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันที่มีของที่ต้องการมากองอยู่ตรงหน้าและสามารถคว้ามาได้เพียงแค่เอื้อมมือออกไป

     มากมายจนเลือกไม่ถูกจริงๆ ชายสูทขาวยิ้มกว้างพลางหยิบดาบเล่มหนึ่งขึ้นมาดู ดาบเล่มนี้งดงามมากจริงๆ น่าจะเข้ากับห้องรับแขกใหม่ของชั้นได้ดีทีเดียว ชั้นขอเจ้านี่ไปล่ะ

    ทันใดนั้นเอง ขณะที่เขากำลังจะหยิบดาบเล่มนั้นไป มือของใครบางคนก็รั้งแขนของเขาไว้

    เฮ้ๆ คิดจะเอาเจ้านั่นไปไหนกัน?   เสียงของเจ้าของมือนั้นตามมาพร้อมกับที่ชายคนนั้นหันไป เจ้าของร่างเป็นหญิงสาวสวมเสื้อแจ็กเก็ตหนังทับเสื้อยืดไว้ชั้นหนึ่ง กางเกงยีนส์ขายาวที่เต็มไปด้วยสายรัดของติดตัวหลายชิ้น ผมสีฟ้ายาวลงไปเกือบถึงกลางหลัง ใบหน้ามอมแมมไปด้วยฝุ่นดินแสดงความตรากตรำที่ผ่านมา แต่กระนั้นก็ไม่สามารถซ่อนแววตาที่แหลมคมไว้ได้ ดวงตาสีฟ้าจับอยู่ที่เขาไม่กะพริบมือจับอยู่ที่ตัวดาบแน่นไม่ปล่อย แม้เขาจะพยายามดึงออกมาก็ไม่เป็นผล

    อะไรกัน ผู้หญิงคนนี้? ชายสูทขาวถามพลางออกแรงดึงอีกแต่ก็ไม่ขยับ ปล่อยสิเฮ้ย นี่ใครกัน

    เอ่อนี่… ” ชายนายหน้าเข้ามาแทบจะทันทีพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก นี่คือคนนำทางของเราเอง อย่าได้ถือสาเลยนะ เขาบอกแล้วก็พยายามสะกิดให้หญิงคนนั้นปล่อยแต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากเจ้าตัว

    ดาบเล่มนี้มีค่าเกินกว่าจะไปเป็นของตกแต่งในห้องรับแขกเฉยๆ หญิงคนนั้นกล่าวพลางกระชากดาบมาจากมือและก่อนที่ใครจะทำอะไรทันเธอก็ชักดาบออกมา ตัวดาบที่เงางามสะท้อนกับแสงไฟเป็นแสงสีรุ้งมีลายสลักเป็นอักขระโบราณ รวมกับด้ามดาบที่ทำขึ้นอย่างประณีตและโกร่งดาบที่เป็นลวดลายงดงาม เพียงมองดาบเล่มนี้ก็รู้สึกอัศจรรย์ราวกับดาบวิเศษไม่ใช่เพียงวัตถุโบราณที่จะกลายเป็นเครื่องประดับ เป็นดาบที่สวยงามจริงๆ ชักถูกใจซะแล้วสิ

    ระหว่างที่ผู้หญิงคนนั้นจ้องดูดาบนั้นเอง ลูกน้องของชายสูทขาวก็ล้อมเข้ามา แต่เจ้าตัวยังไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้าง นายหน้าเห็นท่าจะไม่ดีแล้วจึงพยายามบอกให้หญิงคนนั้นวางดาบลง แต่ก่อนจะได้พูดอะไรเธอก็เก็บดาบเข้าฝักตามเดิมแล้วพูดขึ้นเสียก่อน

    ชั้นถูกใจเจ้านี่แล้ว ครั้งนี้ขอดาบเล่มนี้ละกัน เธอกล่าวเสียงดังชัดไปทั่วทั้งห้อง และก่อนที่ใครจะทันตอบสนองต่อคำพูดนั้นทัน บางสิ่งก็หล่นลงมาตรงหน้าผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับควันคลุ้งออกมา เพียงอึดใจเดียวควันก็ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องบดบังสายตาของทุกคนในที่นั้นไปสิ้น

    เกิดอะไรขึ้น! ”  เสียงร้องดังขึ้นโดนที่ไม่มีใครรู้ว่าใครพูดเพราะตอนนี้ แม้แต่มือตัวเองยังไม่มีใครมองเห็น

    นี่มันอะไรกัน ดาบของชั้น! ยัยผู้หญิงคนนั้นหายไปไหนแล้ว อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นอีก คราวนี้พอเดาได้ว่าเป็นเสียงชายสูทขาวที่เป็นลูกค้าแน่ๆ อึดใจใหญ่ๆ ต่อมา ควันก็จางลง แต่ละคนเริ่มมองเห็นหน้ากันแล้ว แต่ผู้หญิงคนนั้นหายไป

    มันขโมยของของชั้นไปแล้ว! หามันให้ทั่ว เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร คุณลูกค้าก็ตะโกนสั่งลูกน้องอย่างเดือดดาล

    อย่าหัวเสียไปเลยน่า

    เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังขึ้นเหนือหัวพวกเขาขึ้นไป เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นเธอยืนอยู่บนหลังคาพร้อมกับดาบล้ำค่าในมือ ที่เท้าของเธอมีเชือกห้อยลงมาจนถึงกลางทางระหว่างเพดานกับพื้นห้อง ซึ่งก็น่าจะเป็นวิธีที่เธอใช้หลบหนีแน่ๆ เธอมองลงมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจมากกว่าจะเยาะเย้ย แต่คนที่เธอมองนั้นไม่คิดอย่างนั้นแน่ๆ

    ดาบเล่มนี้เลือกเจ้าของของมันเอง หญิงคนนั้นกล่าวพลางเตะเชือกร่วงลงมากองกับพื้น นายไม่คู่ควร ไม่สิ ดาบเล่มนี้มันเลือกชั้นมากกว่า คิดซะว่าดวงไม่สมพงษ์กันก็แล้วกันนะ

    อย่ามาล้อเล่นนะเว้ย! ” ชายสูทขาวร้องพลางชูมือให้สัญญาณ ลูกน้องที่รายล้อมอยู่ก็ชักปืนกลมือออกมากราดยิงทันที

    หญิงคนนั้นกระโดดหลบไปเพียงเล็กน้อยก็พ้น แต่จังหวะที่กำลังโดนต้อนยิงอยู่นั้นเอง ไฟในโกดังก็ดับลงโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า มีเสียงโวยวายมาเล็กน้อย แต่เมื่อมองไม่เห็นก็เล็งเป้าไม่ได้ และก็กลายเป็นความมืดที่ช่วยในการหลบหนีอย่างดี

    มันจะหนีไปแล้ว ตามมันไปเร็ว! ” ชายสูทขาวสั่งการทั้งที่ยังมองไม่เห็น แต่ลูกน้องก็เชื่อมั่นหัวหน้าตัวเองจนเกินพอดี เสียงฝีเท้าดังสนั่นห้องเก็บของ ไม่นานนักทุกอย่างก็เงียบลงในที่สุด ไม่มีวี่แววใครอีกเลยนอกจากตัวลูกค้ากับนายหน้าที่ยังอยู่ที่เดิม

    นี่มันอะไรกัน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน คุณลูกค้ากล่าวอย่างหงุดหงิดขณะที่ชายนายหน้าจุดไฟแช็คให้แสงสว่างชั่วคราว ท่าทางไม่ได้ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนัก

    เธอเป็นคนนำทางของเรา ชายคนนั้นตอบ ถ้าไม่มีเธอพวกเราก็คงหาของพวกนี้ออกมาไม่ได้ เพราะอย่างนั้นปล่อยไปเถอะ ยังมีของอย่างอื่นให้เลือกอีกเยอะแยะ

    ยอมได้ยังไงกัน ชั้นจะเล่นงานมันให้ถึงที่สุดเลยเชียว

    ไม่แนะนำให้ทำอย่างนั้นนะ ชายนายหน้ากล่าวพลางส่ายหน้า ถ้าดึงดันจะเอาอย่างนั้นก็ติดต่อโรงพยาบาลไว้หน่อยก็ดี

    หมายความว่ายังไง! ” คุณลูกค้าเริ่มหัวเสียขึ้นมาอีก ยัยนั่นเป็นใครกันแน่!?

    เธอชื่อ นาเดีย ฮาโรล  

     

    ดวงตะวันเคลื่อนตัวสูงขึ้นทางทิศตะวันออกพร้อมกับแสงสว่างของวันที่ค่อยๆ ไล่กลางคืนหายไปทางฝั่งตะวันตก นกร้องระงมรับกับบรรยากาศยามเช้าที่สดชื่น ลมเย็นๆ พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องที่ทำด้วยไม้เก่าๆ ผ้าม่านที่ขึงไว้ลวกๆ พลิ้วไหวตามลมโดยที่หมิ่นเหม่จะหลุดออกมา ในมุมห้องด้านหนึ่งมีเตียงไม้ตั้งอยู่และร่างของเจ้าของห้องนอนเหยียดยาวอยู่ข้างบน ร่างนั้นเป็นหญิงสาวสวมเสื้อยืดคลุมด้วยเสื้อหนังอีกชั้นหนึ่ง กางเกงยีนส์ขายาวมีสายรัดเครื่องมือติดอยู่ หน้าตายังมอมแมมไปด้วยฝุ่นโคลนราวกับว่าเธอออกไปซัดกับลูกน้องพวกค้าของผิดกฎหมายมาทั้งแก๊งแล้วกลับมาเข้านอนอย่างหมดแรงโดยที่ไม่ได้แม้แต่จะล้างหน้า บนโต๊ะข้างๆ หัวนอนของเธอมีซองปืนวางอยู่ ดูเหมือนว่าถึงเธอจะเหนื่อยเพียงไรก็ไม่ลืมที่จะปลดปืนออกก่อนนอน อาจเป็นความรอบคอบหรือสัญชาติญาณของคนที่คุ้นเคยกับสิ่งนั้นมาตลอดก็ตาม แต่ตอนนี้เธอก็ยังหลับไม่ได้สติ

    เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำลายความสงบของตอนเช้าตรู่สองสามครั้งประตูก็เปิดออก ร่างของเด็กชายคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางอิดโรยไม่แพ้กัน เด็กชายเดินตรงเข้าไปที่ชั้นวางของที่อยู่คนละฟากกับเตียงนอนโดยไม่สนใจเจ้าของห้องที่ยังหลับอยู่ เด็กชายคนนั้นมีผมสีแดง สวมแว่นตาเล็กๆ สวมเสื้อคลุมหนังสีขาวและสะพายบางสิ่งไว้กลางหลัง ตาของเด็กชายมองผ่านแว่นตาจ้องไปที่สิ่งที่วางอยู่บนชั้นวางของไม่กะพริบ มันคือห่อผ้าสีดำที่หุ้มบางสิ่งไว้อย่างแน่นหนาจนมองไม่เห็นของข้างใน แต่เด็กชายก็มีแรงกระตุ้นมากพอจะเดินตรงไปแกะห่อผ้าออกดู แต่ก่อนที่เขาจะทันได้สัมผัสมัน เขาก็ต้องหยุดกระทันหันเมื่อเสียงคนกับเสียงดังแกร๊กดังขึ้นด้านหลัง

    คิดจะทำอะไร ลอกินัส?

    เด็กชาย ลอกินัส ยกมือขึ้นทั้งสองข้างพร้อมกับหันกลับไปช้าๆ อีกมุมห้องหนึ่งนั้นเอง หญิงสาวที่ท่าทางเหมือนหลับสนิทอยู่ลุกขึ้นนั่งเมื่อไรเขาก็ไม่รู้ตัว และในมือของเธอนั้นเอง ปืนสั้นเงางามก็หันปลายกระบอกปืนมาที่เขา โดยที่เด็กชายก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอลุกขึ้นแล้วหยิบปืนตอนไหน ทุกอย่างเงียบเชียบ สงบนิ่งเหมือนกับเสียงนกร้องตอนเช้าที่ไม่มีใครสังเกตหรือรู้สึกตัว แต่ที่รู้ตัวแน่นอนก็คือ เขาควรจะหยุดและผละออกมาจะดีกว่า

    ชั้นถามว่าทำอะไรไง     หญิงสาวถามซ้ำ มือยังไม่ลดปืนลง

    ลูกพี่ก็… ” เด็กชายตอบ พยายามหาข้อแก้ตัวอย่างเต็มที่จนตัวสั่น แค่อยากดูของในนั้นแค่นั้นเอง ทำงกไปได้

    อย่าได้แตะต้องของของชั้นก่อนขออนุญาต เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือไง หญิงสาวย้ำ มือยังไม่ลดปืนลงจนในที่สุด เด็กชายก็ยอมถอย

    ลูกพี่นาเดียขี้งก เด็กชายบอกพลางเดินผละออกมาจากชั้นวางของนั้น เมื่อเด็กชายเดินออกมา ปืนในมือหญิงสาวก็กลับไปวางที่เดิม

    ไปไหนมาแต่เช้าหืม? หญิงสาว นาเดีย ถามพลางบิดขี้เกียจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ฝึกสิครับ เด็กชายตอบพลางเดินไปนั่งที่ขอบหน้าต่าง เช้านี้อากาศดีน่าออกไปวิ่งจะตาย แต่ลูกพี่ไม่ยอมลุกสักทีผมเลยออกไปก่อน

    แน่นอนสิ นาเดียลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายพลางตอบ เมื่อคืนลุยหนักขนาดนั้นชั้นก็ต้องอยากพักเป็นธรรมดาสิยะ ไม่ใช่เครื่องจักรสักหน่อย

    ก็เลยนอนหลับอุตุอยู่แบบนี้สินะ ลอกินัสบ่นอุบอิบแต่ดูเหมือนนาเดียจะได้ยิน

    ว่าไงนะเจ้าหนู นาเดียหยิกแก้มลอกินัสดึงเบาๆ จนเจ้าตัวร้องพักหนึ่งก็ปล่อยให้ลอกินัสกุมแก้มเจ็บแปล๊บๆ อยู่คนเดียว

    พี่สาวเจ้าของร้านบอกว่าอาหารเช้าเสร็จแล้วนะ จะลงไปเมื่อไรก็ได้ ลอกินัสบอกทั้งที่มือยังกุมแก้มอยู่

    เฮ้อ ดีจัง รู้สึกหิวตงิดๆ แล้วแฮะ นาเดียเหยียดแขนพลางสูดหายใจเข้าลึกรับอากาศสดชื่นเข้าเต็มปอดก่อนจะถอนหายใจยาว นายกินอะไรหรือยังลอกินัส?

    ยังหรอก ก็จะรอกินพร้อมลูกพี่นี่นา ลอกินัสตอบ ซึ่งเมื่อนาเดียได้ยินก็ยิ้มพลางเดินเข้ามาลูบหัวลอกินัสแรงๆ จนหัวยุ่ง

    ทำตัวน่ารักนะเรา เอาล่ะ ไปหาอะไรลงท้องกันดีกว่า นาเดียพูดเสร็จก็เดินนำลอกินัสออกจากห้องไปเร็วจนลอกินัสท้วงไม่ทัน

    “ …ลูกพี่จะไม่ล้างหน้าล้างตาก่อนเลยหรอ

     

    เพิ่งตื่นใช่มั้ย นาเดีย?

    เป็นคำทักทายแรกเมื่อนาเดียมาถึงส่วนร้านอาหารชั้นล่างของโรงเตี๊ยม ชั้นบนเป็นห้องพัก ส่วนชั้นล่างเป็นร้านอาหารที่ขายเครื่องดื่มเป็นหลัก มีทั้งน้ำนมสัตว์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้านทั้งร้านตอนนี้ไม่มีใครเลยนอกจากนาเดียกับลอกินัส และเจ้าของร้านอีกคนหนึ่ง

    หา? เป็นปฏิกิริยาเดียวที่นาเดียตอบสนองต่อคำทักทายนั้น

    หน้าตาดูไม่ได้เลยนะ ตื่นเช้ามาส่องกระจกบ้างหรือเปล่า เจ้าของร้านเป็นหญิงสาวที่ยังอยู่ในวัยยี่สิบปลายๆ ทักขณะที่นำอาหารเช้ามาบริการลูกค้าทั้งสองของเธอ

    หนวกหูน่า แพตตี้ นาเดียกล่าวพลางรับจานอาหารมาจากเจ้าของร้าน ใครเขาจะมามัวนั่งสนเรื่องหยุมหยิมๆ อย่างใครล้างหน้าไม่ล้างหน้ากันล่ะ พอออกไปเดินที่ถนนก็ไม่มีใครสนแล้ว

    เฮ้อ แบบนี้จะมีใครมาสนใจล่ะเนี่ย แพตตี้ เจ้าของร้าน กล่าวพลางถอนหายใจ อายุขนาดนี้แล้วไม่ทำตัวให้สมหญิงจะไม่ทันรถเที่ยวสุดท้ายนะ

    ผมว่าเที่ยวสุดท้ายน่ะผ่านไปนานแล้วล่ะ ลอกินัสแทรก ซึ่งก็แทบจะทันทีที่นาเดียเคาะเขาเบาๆ จนแพตตี้หัวเราะคิกๆ

    ที่ลอกินัสพูดก็ใช่นะ แพตตี้พูดต่อ มัวแต่ทำงานคลุกฝุ่นแบบนี้เดี๋ยวก็โสดตลอดชีวิตหรอก หัดทำงานบ้านงานเรือนบ้างสิ เผื่อจะยังมีหวัง

    โฮ่ ห่วงตัวเองก่อนเถอะ นาเดียเงยหน้ามองแพตตี้ก่อนจะพูดต่อพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอเองก็จะขึ้นเลขสามอยู่แล้วนี่นา ยังโสดอยู่เลยไม่ใช่เรอะ

    จบคำพูดของนาเดีย เหมือนค้อนขนาดใหญ่ทุบลงมากลางสนามรบที่กำลังร้อนระอุด้วยไฟสงคราม เสียงปืนกลดังสนั่นราวประทัดแตก เสียงระเบิดดังสนั่นกลบเสียงฟ้าผ่าที่ลงมากลางใจของแพตตี้ ซึ่งแพตตี้ก็เถียงอะไรไม่ได้อีกเลย นอกจากยืนอึ้งอยู่ย่างนั้นเอง

    ทันใดนั้นเอง ประตูร้านก็เปิดออกพร้อมกับชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ชายคนนั้นยังหนุ่ม สวมเสื้อคลุมสีน้ำตาล ผ้าโพกหัวสีเดียวกันถูกถอดออกมาถือไว้ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้าน ผมสีดำหยิกน้อยๆ และหนวดทำให้เขาดูภูมิฐานขึ้น และท่าทางก็ดูสง่างามไปตั้งแต่การเดินจนถึงการแต่งกาย นาเดียเห็นชายคนนี้แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

    มาอีกแล้วรึ เจ้าหนวดนี่ นาเดียบ่นอุบอิบ ก็พอดีกับที่ชายคนนั้นมาถึงโต๊ะแล้วนั่งลงข้างๆ เธอ

    อรุณสวัสดิ์ครับ ชายคนนั้นทัก ซึ่งนาเดียก็ตอบโดยแทบจะไม่ได้มอง

    อรุณสวัสดิ์ เอ่อนายอะไรนะ นาเดียทำท่านึกอยู่พักหนึ่งก็ตอบ มาเทโรใช่มั้ย ท่าทางจะว่างจัดนะนาย มาได้ทุกวี่ทุกวัน

    ไม่ได้ว่างหรอกครับ ชายคนนั้น มาเทโร-ยิ้มตอบ การออกเดินตรวจก็เป็นหน้าที่หนึ่งของเทศมนตรีเหมือนกัน เอ่อ ขอเครื่องดื่มเบาๆ ก็พอครับ มาเทโรหันไปบอกกับแพตตี้ ซึ่งเจ้าของร้านก็รับคำแล้วเดินหายเข้าไปหลังร้าน เสร็จแล้วมาเทโรก็หันไปหาลอกินัสที่กำลังง่วนกับอาหารเช้า สบายดีรึ เจ้าหนู?

    สบายดีครับ ลอกินัสเว้นช่วงจากการกินหันมาตอบแล้วก็หันกลับไปจดจ่อกับอาหารเช้าต่อ มาเทโรเห็นแล้วก็ยิ้ม

    นายมาทำอะไรที่นี่ มาเทโร? นาเดียพูดขึ้นในที่สุด อย่าบอกนะว่านายออกตรวจทุกวันแล้วต้องมานั่งพักที่นี่ทุกวันน่ะ

    เมื่อคืนนี้มีเหตุยิงกันขึ้นที่โกดังร้างนอกเมือง มาเทโรกล่าวเรียบๆ แต่นาเดียก็สะดุ้งอยู่ในใจ ไม่พบผู้เสียหายหรือผู้ต้องหา พยานได้ยินเพียงเสียงปืนเท่านั้น พอเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุก็พบแต่ร่องรอยการต่อสู้และปลอกกระสุนปืนเท่านั้น คาดว่าจะไม่ใช่การวิวาทธรรมดาแน่ เพราะปลอกกระสุนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุเยอะจนแทบเอามากองสุมท่วมหัวได้เลย

    แล้วยังไง? นาเดียทำเป็นไม่สนใจยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

    คาดว่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้าของผิดกฎหมายเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย มาเทโรเล่าต่อ เพราะในโกดังใกล้ๆ มีร่องรอยการขนของใหญ่อยู่เต็มไปหมด น่าเสียดายที่ไม่เหลืออะไรให้ตามตัวเลยสักนิด ถ้ามีพยานในที่เกิดเหตุก็คงจะดีสินะ

    นายคิดว่าชั้นเป็นพยานให้ได้รึไง นาเดียแทรกเรียบๆ แต่มาเทโรมองเธอหน่อยๆ ก็ยิ้มรับ

    ก็ไม่ได้พูดถึงขนาดนั้นสักหน่อยนี่ครับ พอดีกับแพตตี้เดินกลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มที่สั่ง การสนทนาจึงหยุดลงแค่นั้น

    มาเทโรยกแก้วดื่มเล็กน้อยก็พูดขึ้นอีก

    ช่วงนี้มีพวกลักลอบค้าของเถื่อนมากขึ้นทุกวัน มาเทโรเปรย ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร การขุดค้น การวิจัยก็ช้ากว่าพวกนั้นไปก้าวหนึ่งทุกครั้ง

    คนของรัฐบาลฝีมือไม่ถึงมากกว่ามั้ง อย่างพวกสถาบันผู้ค้นหานั่นก็ทำงานแต่ตามคำสั่งเบื้องบนไม่ใช่รึ แบบนั้นจะทันใครเขาได้ นาเดียพูดบ้าง

    อาจจะใช่ มาเทโรกล่าวพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ทางรัฐบาลขาดทั้งคนที่ชำนาญงาน และติดระบบงานที่ช้ากว่า ซ้ำฝ่ายนั้นยังมีกำลังทุน กำลังเงินสูงกว่า แล้วยังมีคนที่มีความสามารถสูงกว่าอีก ถึงตรงนี้มาเทโรเหลือบมองนาเดียเล็กน้อย ซึ่งนาเดียก็ไม่ได้หลบสายตา

    ตอนนี้รัฐบาลน่าจะห่วงปัญหาอื่นมากกว่าเรื่องนี้ซะอีก นาเดียเปลี่ยนเรื่อง จะไม่เป็นไรรึที่ปล่อยให้พวกเมจมาทำงานกันพลุกพล่านแบบนี้ ทั้งในสถาบันผู้ค้นหาเองก็มีเต็มไปหมด ไม่ชอบใจเลยแฮะ

    มาเทโรไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มน้อยๆ พร้อมกับเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง แพตตี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้นที่สังเกตเห็นความเจ็บปวดที่อยู่ในสีหน้าของมาเทโรตอนนั้น

    สายมากแล้ว ผมคงต้องขอตัวแค่นี้ก่อนนะครับ มาเทโรกล่าวพลางลุกขึ้นแล้ววางเงินไว้บนโต๊ะ เอาเป็นว่า อย่าทำงานหักโหมแล้วก็อย่าไปเสี่ยงอันตรายมากนะครับ

    พูดอะไรน่ะ?

    หลักฐานมันอยู่บนใบหน้าน่ะครับ มาเทโรกล่าวทิ้งท้ายไว้แล้วก็เดินออกจากร้านไป ทิ้งนาเดียที่เอามือลูบแก้มตัวเองปัดฝุ่นที่ติดอยู่ออก

    ท่าทางเขาจะเป็นห่วงเธอนะ แพตตี้พูดขึ้นเป็นคนแรกหลังจากมาเทโรเดินจากไป

    ช่างเขาสิ ต้องสนใจด้วยรึไง

    แพตตี้ถอนหายใจก่อนจะเก็บจานอาหารของนาเดียกับลอกินัสไปหลังร้าน

    เขารู้งานของลูกพี่แล้วล่ะมั้ง ลอกินัสพูดบ้าง

    แล้วทำไมล่ะ นาเดียตอบ โลกนี้ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่อยู่รอด ถ้าอยากจะอยู่รอดก็ห้ามเลือกวิธีการที่จะอยู่รอด เรื่องง่ายๆ แค่นั้นเอง

    อื้อ ผมรู้ดี

    ถ้ายังอยากจะตามชั้นมาก็ต้องเข้มแข้งไว้ นาเดียตอบ ทำใจไว้ได้เลยว่านายอ่อนแอเมื่อไร ชั้นก็จะทิ้งไว้ตรงนั้นเอง

    ครับลูกพี่ ลอกินัสพยักหน้า ทันใดนั้นเองประตูร้านก็เปิดออกพร้อมกับชายชุดดำหลายคนเดินเข้ามา ยืนเรียงแถวเปิดทางให้ชายอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ ชายคนนั้นยังอยู่ในวัยหนุ่ม แต่งตัวดีกว่าลูกน้องมากจนแยกได้ตั้งแต่แวบแรกที่มองเลยว่าใครเป็นหัวหน้าใครเป็นลูกน้อง เมื่อนาเดียเห็นชายคนนั้นก็ยิ้มกว้าง

    งานเข้าอีกแล้ว

     

    บรรยากาศภายในร้านอัดแน่นไปด้วยความอึดอัดเมื่อชายชุดดำยืนอยู่ประจำจุดเต็มร้าน เว้นที่ตรงกลางเป็นโต๊ะสำหรับนั่งคุย ที่นั่น นาเดียนั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามของเธอเป็นชายหัวหน้าที่นั่งในท่าสบายๆ บรรยากาศอาจดูอึดอัด แต่นาเดียกลับมีท่าทีสบายๆ เช่นกัน ด้านนอกออกมา ลอกินัสกับแพตตี้ได้แต่มองดูการสนทนาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยสบายใจนัก

    ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณฮาโรล เคยได้ยินชื่อเสียงของคุณมามาก ชายคนนั้นทักทาย ผม อาคูรอส บารินเท็น คิดว่าคงเคยได้ยินชื่อนี้บ้างเช่นกัน

    ในวงการนี้ใครล่ะจะไม่เคยได้ยิน นาเดียกล่าวยิ้มๆ พ่อค้าอาวุธและวัตถุโบราณรายใหญ่ที่สุดของโรเบลเลยนี่นา

    ของประเทศครับ คุณฮาโรล บารินเท็นแทรกเรียบๆ ท่าทีชอบใจที่มีคนพูดถึงชื่อของเขาในทางที่เขาชอบ ธุรกิจของผมใหญ่โตก็จริง แต่ก็ยังพอมีเวลาว่างออกมาเดินเล่นทานอาหารกับคุณได้แบบนี้นะครับ

    เสียใจที่ชั้นทานอาหารเรียบร้อยแล้วนะคะ นาเดียหัวเราะในลำคอแล้วก็พูดต่อ แล้วชั้นก็ไม่เชื่อด้วยว่าคนที่มีชื่ออยู่ในบัญชีดำของสถาบันผู้ค้นหาจะออกมาเดินเล่นแบบนี้เพื่อทานอาหารเท่านั้น

    บารินเท็นได้ฟังก็หัวเราะบ้าง พลางหยิบบางสิ่งขึ้นมาวางบนโต๊ะ มันเป็นแผ่นกระดาษเก่าๆ ที่ขาดรุ่งริ่ง แต่ก็ยังพอเห็นลวดลายบนนั้นได้ชัดเจน

    ถ้าอย่างนั้นก็เข้าเรื่องเลยนะครับ บารินเท็นพูดต่อ นี่เป็นของที่ผมได้มาเมื่อไม่นานนี้ คิดว่าคุณคงสนใจ

    นาเดียหยิบแผ่นกระดาษนั้นขึ้นมาดูก็รู้สึกตื่นเต้นไปทั้งตัว มันคือลายแทงสมบัติเหมือนที่เธอเคยเห็นในหนังหรือโทรทัศน์ แต่เจ้าสิ่งนี้กำลังอยู่ตรงหน้าเธอและสัมผัสได้

    นี่มัน… ”

    ลายแทงสมบัติ ซึ่งผมตรวจสอบแล้วว่าน่าจะเป็นพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศนี้ หากคุณสนใจ… ”

    ของที่อยู่ข้างในล่ะ นาเดียแทรก

    ตามตำนานเล่าไว้ว่าเป็นที่ทำงานของจอมเวทย์คนหนึ่ง จอมเวทย์ไร้นามที่มีพลังมากพอจะเคลื่อนภูเขา ย้ายดวงดาวได้ ยังไม่เคยมีใครไปถึงที่นั่นได้เลย แน่นอนว่ายังมีสมบัติอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว คุ้มค่าแก่การสำรวจที่สุด

    กรุจอมเวทย์งั้นรึ? นาเดียถอนหายใจ สีหน้าดูหน่ายลงทันที ท่าทางน่าเบื่อจริงๆ

    ทางเราจะจ่ายให้คุณมากเท่าที่ต้องการถ้าคุณพาพวกเราไปถึงที่นั่นได้ บารินเท็นกล่าวต่อ ขอเพียงนำของที่ทางเราต้องการออกมาได้ คุณจะเรียกค่าจ้างเท่าไรพวกเราก็จ่ายได้

    ในนั้นมีอะไรรึ? นาเดียจ้องตาบารินเท็นเขม็ง ถึงกับทำให้คุณยอมทุ่มขนาดนั้นไม่น่าใช้เพชรพลอยธรรมดาแน่

    นาฬิกา บารินเท็นกล่าว ตอนนั้นแววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากท่าทีสบายๆ กลับดูจริงจังขึ้นทันที เพียงคุณนำนาฬิกาที่อยู่ในนั้นออกมาให้ผมได้ก็พอ สมบัติอย่างอื่นในนั้นผมยกให้คุณทั้งหมด เว้นแต่นาฬิกาเรือนนั้นเท่านั้น

    นาเดียทำท่าเหมือนจะถามอะไรต่อแต่ก็หยุดไว้ เรื่องบางเรื่องของผู้ว่าจ้างก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะสอดรู้ นี่เป็นบทเรียนจากประสบการณ์ของเธอที่ทำงานนี้มานับไม่ถ้วน ขอเพียงเธอได้ค่าจ้างก็เพียงพอแล้ว

    ตกลงชั้นรับงานนี้ จะออกเดินทางเมื่อไรล่ะ

    วันพรุ่งนี้จะมีคนมารับคุณเตรียมออกเดินทาง ผมเข้าใจว่าคุณอาจจะเหนื่อย แต่งานของผมก็เร่งเช่นกัน

    ไม่ว่าอะไร ตกลง นาเดียรับคำ ซึ่งก็ทำให้นายจ้างยิ้มกว้างทันที

    ยินดีที่คุณตกลง นี่เป็นค่าจ้างล่วงหน้าให้คุณเตรียมตัวสำหรับงานนี้นะครับ รึจะเรียกว่าการแสดงความจริงใจก็ได้ บารินเท็นให้ลูกน้องวางกระเป๋าลงตรงหน้าเมื่อเปิดออกก็เห็นเงินหนาปึกอัดแน่นอยู่ข้างในกระเป๋า

    ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้มั้ง

    ไม่เป็นไรหรอกครับ บารินเท็นยิ้ม ผมได้ยินกิตติศัพท์คุณมาเยอะ รู้ดีว่าไม่ควรเล่นตุกติกกับคนอย่างคุณ แต่ก็เป็นมารยาทในวงการนี้นะครับ

    นาเดียรับกระเป๋าใบนั้นไว้ก็พอดีกับที่บารินเท็นลุกขึ้นเตรียมจะจากไป

    แต่ก็ระวังหน่อยนะครับ บารินเท็นกล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมได้ยินกิตติศัพท์ด้านความเจ้าเล่ห์ของคุณมาเหมือนกัน เพราะอย่างนั้นอย่าได้คิดจะเล่นตุกติกกับผมเชียวนะครับ ของที่คุณอยากได้ผมยกให้คุณทั้งหมด ยกเว้นนาฬิกาเท่านั้น  

    คิดว่ากำลังพูดกับใครอยู่ หืม? นาเดียจ้องกลับ ทั้งคู่จ้องตากันครู่หนึ่งบารินเท็นก็หัวเราะ

    ครับ ต้องขอโทษที่สงสัยคุณเข้า แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้นะครับ

    บารินเท็นจากไปพร้อมกับลูกน้องนับสิบของเขา ร้านของแพตตี้ก็โล่งขึ้นทันตาเห็น แพตตี้กับลอกินัสที่ถูกกันออกมาจากวงสนทนาเข้ามาหานาเดียทันทีที่บารินเท็นจากไป

    นาเดีย… ”

    ไม่มีอะไรหรอก ก็เหมือนทุกครั้งนั่นแหละ

    ลูกพี่กันผมออกมาอีกแล้ว ลอกินัสบ่น ซึ่งนาเดียก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายนัก

    ผู้ใหญ่คุยกัน เด็กน่ะอยู่เฉยๆ เถอะ นาเดียบอกแล้วก็เดินขึ้นชั้นสองกลับไปที่ห้อง ทิ้งลอกินัสกับแพตตี้ไว้ เมื่อนาเดียถึงห้องแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง แต่เธอยังไม่ทันจะหลับตาลอกินัสก็ตามเข้ามา

    มีอะไรลอกินัส?

    ลูกพี่ คราวนี้ให้ผมเข้าร่วมคณะเดินทางด้วยได้หรือเปล่า?

    ว่าไงนะ นาเดียลุกขึ้นนั่งมองดูเด็กชายอย่างสงสัย เด็กๆ อย่างนายคิดจะเอาชีวิตไปทิ้งรึไง ในซากโบราณสถานพวกนั้นอันตรายแค่ไหนรู้หรือเปล่า

    ผมไม่ได้อ่อนแอแล้วนะ ลอกินัสร้อง ผมตั้งใจฝึกทุกวันเพื่อที่จะได้ร่วมทางกับลูกพี่เต็มตัวอย่างนี้มานานตั้งแต่ลูกพี่เก็บผมมาแล้ว ตอนนี้ผมก็พร้อมแล้วด้วย ถ้าลูกพี่อยากทดสอบผม ผมก็พร้อมจะ… ”

    ลอกินัสยังไม่ทันพูดจบบางสิ่งก็พุ่งแหวกอากาศตรงมาที่เขา เพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่ลอกินัสชักบางอย่างออกมาจากกลางหลังปัดมันกระเด็นไปทางหนึ่ง สิ่งนั้นกระเด็นไปปักอยู่ที่ผนังห้องค้างอยู่ตรงนั้นเอง เมื่อลอกินัสเห็นแล้วก็ถึงกับหน้าซีด มันคือมีดสั้นคมกริบที่นาเดียพกติดตัวตลอด คมมีดที่ตีโค้งแวววาวฝังเข้าไปในเนื้อไม้ลึกจนน่ากลัว ในมือของลอกินัสเองก็ถือดาบเล่มหนึ่งไว้แน่น มือยังสั่นจากแรงปะทะและความกะทันหันของเหตุการณ์อยู่ แววตาของลอกินัสทั้งตื่นเต้นทั้งตกใจแต่ก็ไม่ได้ถึงกับตัวสั่น

    ผ่าน นาเดียตอบสั้นๆ แล้วก็ล้มตัวลงนอนต่ออย่างไม่ใส่ใจ ถ้ารับมือการโจมตีแค่นี้ไม่ได้ก็อย่าได้คิดจะเข้าร่วมคณะสำรวจเลย กลับไปฝึกต่อสักปีสองปีค่อยมาใหม่

    ถ้าไม่ได้ผมก็หน้าแหกแล้วมั้งลูกพี่ ลอกินัสบ่นเบาๆ

     

    เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มในเช้าวันรุ่งขึ้น เพียงเวลาสายของวันนาเดียก็ข้ามประเทศจากฝั่งตะวันตกสุดมุ่งไปยังฝั่งตะวันออก ฐานะทางการเงินของบารินเท็นไม่ต้องเป็นที่สงสัยเลยจริงๆ เฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่พานาเดียกับลอกินัสข้ามแม่น้ำลองฮอร์นข้ามเมืองหลายเมืองตรงไปที่ชายแดนฝั่งตะวันออกอันเป็นที่หมาย เพียงไม่เกินเที่ยงก็ถึงที่หมายที่บารินเท็นรออยู่ วันนี้เขาเปลี่ยนชุดจากชุดภูมิฐานกลายเป็นชุดผจญภัยเต็มพิกัด

    ยินดีต้อนรับสู่ตะวันออก บารินเท็นทักทายขณะเดินพานาเดียกับลอกินัสออกจากลานจอด บ้านพักของผมอยู่ทางโน้น เชิญพักผ่อนได้ตามสบายเลย… ”

    คนของคุณพร้อมหรือเปล่า? นาเดียแทรก ถ้าพร้อมแล้วล่ะก็จะเดินทางกันวันนี้เลยก็ยิ่งดี งานยิ่งเร็วก็ยิ่งดีใช่ไหมล่ะ

    บารินเท็นมองนาเดียแล้วก็ยิ้ม เขารับรู้ความจริงจังของคนนำทางของเขาอย่างดีแล้ว เพียงตอนบ่ายวันนั้น ขบวนรถก็เคลื่อนออกจากบ้านพักมุ่งตรงไปยังเขตป่าผืนใหญ่ติดชายแดนตะวันตก ตลอดทาง นาเดียอ่านลายแทงที่คัดลอกมาจากของบารินเท็นอย่างเคร่งเครียด ลายแทงนั้นไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับภายในซากโบราณสถานที่เธอกำลังมุ่งหน้าไปเลยแม้แต่นิดเดียว บอกเพียงตำแหน่งของสถานที่นั้นเท่านั้น ซึ่งการเดินทางฝ่าป่าเข้าไปยังที่ที่ยังไม่มีใครเคยสำรวจมาก่อนนั้นเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับนาเดีย เงินค่าแรงเป็นผลพลอยได้อย่างหนึ่ง พอๆ กับสมบัติที่เธอจะสามารถเลือกชิ้นที่เธอถูกใจได้ แต่ต้องไม่ลืมที่จะละเว้นของที่ผู้ว่าจ้างต้องการ แต่หากมันถูกใจเธอเข้าแล้วล่ะก็ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะทำอย่างไร

    นี่คือหมู่บ้านสุดท้ายที่รถสามารถเข้าถึงได้ บารินเท็นบอกขณะที่ขบวนรถเคลื่อนเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านหนึ่ง เราจะพักที่นี่กันสักชั่วโมงหนึ่ง

    นาเดียลงจากรถแล้วก็มองไปรอบๆ หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ค่อนข้างยากจน บ้านแต่ละหลังทำด้วยไม้ ฝาบ้านทำด้วยฟางหยาบๆ พอกันลมฝนได้เท่านั้น แต่กระนั้นเด็กๆ ก็ยังสามารถวิ่งเล่นได้อย่างร่าเริงทั้งเด็กเล็กเด็กโต เป็นภาพที่เห็นได้ยากยิ่งในเมืองทั้งเมืองเล็กเมืองใหญ่ พอความเป็นเมืองเข้ามา สิ่งเหล่านี้ก็หายไป เหมือนกับลอกินัส นาเดียนึกย้อนไปถึงตอนที่เจอกับลอกินัสครั้งแรก เด็กที่นั่งตากฝนอยู่ข้างถนน แววตาสีแดงเพลิงถูกย้อมไปด้วยความเศร้า ขมขื่น ต่างกับเด็กที่เธอเห็นที่หมู่บ้านนี้อย่างสิ้นเชิง แม้จะเป็นหมู่บ้านห่างไกล ยากจนเพียงไร แต่แววตาของเด็กๆ กลับสดใส เห็นเด็กพวกนี้แล้วนาเดียก็รู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด

    พวกเจ้า… ”

    เสียงหนึ่งแทรกเข้ามาขณะที่นาเดียกำลังยืนดูหมู่บ้าน เป็นเสียงของหญิงชราแต่งตัวโทรมๆ หน้าตาเหี่ยวย่นจนดูเหมือนแม่มด ด้วยท่าทางรูปร่างนั้นเอง ลอกินัสถึงกับตกใจจนเกาะนาเดียไว้แน่น

    “ …พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อตามหาของบางสิ่งอยู่ หญิงชราพูดต่อ พวกเจ้ากำลัง… ”

    ยายรู้? นาเดียนั่งลงตรงหน้าหญิงชราคนนั้นพลางถามอย่างนุ่มนวลที่สุด แต่หญิงชราเหมือนไม่เห็นอะไรอยู่ในสายตาแล้วก็พูดต่อ

    สิ่งที่พวกเจ้าตามหา มันคือหายนะ หญิงชราพูดต่อเสียงดัง กลับไป! สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครเป็นเจ้าของ การครอบครองมันคือหายนะของทุกคน! ”

    ลอกินัสสะกิดนาเดียเบาๆ เชิงเตือน

    เลอะแล้วยายคนนี้ ไปกันเถอะลูกพี่ ลอกินัสเรียก แต่นาเดียยังมองดูหญิงชราคนนั้นจนกระทั่งเธอเดินจากมาลับสายตา

    การเดินทางช่วงหลังไม่ราบรื่นเท่าใดนัก นอกจากเปลี่ยนจากการนั่งรถเป็นเดินแล้วยังต้องผจญกับอุปสรรคหลายอย่าง นับแต่ต้นไม้ที่รกชัฏจนมองทางไม่เห็น สัตว์ร้ายที่ซุ่มอยู่ทั้งบนพื้นและในป่าข้างทาง ถึงจะบอกว่าเป็นทางแต่ก็ไม่ใช่เท่าไรนัก ป่านี้ยังไม่เคยมีใครเคยผ่านยังไม่มีกระทั่งรอยเท้าคนเหยียบต้นหญ้าแถวนี้มาก่อน แต่ความลำบากเหล่านี้ไม่ทำให้นาเดียสะทกสะท้านได้เลย จะมีก็แต่ลอกินัสที่เพิ่งเคยเดินทางแบบนี้และยังไม่คุ้นเคยกับความกันดารของพื้นที่ แต่เด็กชายก็ไม่ได้ปริปากบ่นเลยสักคำเดียว

    การค้างแรมกลางป่าก็เป็นของใหม่สำหรับลอกินัส อากาศทั้งหนาวเหน็บและเต็มไปด้วยโรคภัยที่มาในรูปสัตว์ พืชและสิ่งไม่มีชีวิต ต้นไม้พิษ สัตว์พิษ กระทั่งอากาศก็สามารถทำพิษได้ คณะเดินทางของบารินเท็นมีเครื่องมือสำหรับรับมือสิ่งเหล่านี้ครบครันจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอะไร ในส่วนนี้ทั้งนาเดียและลอกินัสค่อยๆ ซึมซับมิตรภาพระหว่างเธอกับผู้ว่าจ้างคนนี้ทีละน้อย การผ่านความลำบากตรากตรำด้วยกันวันเดียวสามารถสร้างมิตรภาพระหว่างคนในคณะเดินทางได้มากกว่าเที่ยวเฮฮาด้วยกันเป็นปีเสียอีก และในวันที่เจ็ดนั้นเอง สถานที่ที่พวกเขาตามหาก็ปรากฏตรงหน้า

    วิเศษที่สุด บารินเท็นยืนอยู่ตรงหน้าซากโบราณสถานขนาดใหญ่นั้นด้วยแววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น อิฐแต่ละก้อนเต็มไปด้วยร่องรอยของการกัดกร่อนทางธรรมชาติ รากไม้พันยุ่งอยู่เต็มไปหมด เป็นสภาพของโบราณสถานที่สดใหม่ยังไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อน เป็นสิ่งที่น่าสงสัยว่าสิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อไร ใครเป็นคนสร้าง และเหตุใดมันจึงถูกทิ้งร้างไว้เช่นนี้ แต่ไม่มีใครในตอนนั้นคิดแบบนั้น เพราะนั่นเป็นคำถามของนักโบราณคดี ซึ่งไม่มีสักคนในที่นี้

    เห็นจะๆ ตาแบบนี้แล้วน่าทึ่งจริงๆ เลยนะลูกพี่ ลอกินัสเปรย

    ทีนี้ก็จะได้เวลางานของเราสักที นาเดียยืดเส้นยืดสายเตรียมพร้อม ไม่ได้สนใจความอลังการของสถานที่เท่าไรนัก ใครจะเข้าไปบ้าง บารินเท็น?

    ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะเข้าไปด้วย บารินเท็นกล่าวพลางนั่งลงบนรากไม้ข้างๆ แต่ท่าทางร่างกายผมจะไม่ไหวซะแล้วสิ บารินเท็นชี้ที่แผลที่ขาของเขาที่ได้รับระหว่างการเดินทางซึ่งสาหัสพอที่จะทำให้เขาเดินไม่คล่องไปนาน แต่กระนั้นเขาก็ยังบากบั่นมาถึงที่นี่จนได้

    งั้นนายรอข้างนอก ใครจะเข้าไปบ้าง? นาเดียหันไปหาคนอื่นๆ ซึ่งยังท่าทางอิดโรยอยู่จากการเดินทาง หมดแรงกันแล้วรึไง ไม่ไหวเลยนะ

    รอสักวันไม่ได้รึ คุณฮาโรล? บารินเท็นกล่าว พวกเรายังเหนื่อยกันอยู่… ”

    เฮ้อ งานยิ่งเสร็จเร็วก็ยิ่งดีไม่ใช่รึ ชั้นยังไหวนะ นาเดียหันไปดูซากอาคารนั้นแล้วก็แทบจะอดกลั้นความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ แต่เมื่อคนอื่นๆ ยังไม่พร้อมเธอก็ต้องยอมรอ ช่วยไม่ได้ งั้นชั้นจะเข้าไปดูที่ทางสักหน่อยละกัน ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากเข้าไป

    ผมไปด้วยสิลูกพี่ ลอกินัสพูดแล้วก็วิ่งตามไปโดยไม่ฟังเสียงเตือนของคนอื่นๆ ข้างหลัง

     

    ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของสถานที่นี้ สัมผัสบางอย่างที่เธอรู้สึกบ่อยๆ เวลาย่างเท้าเข้าไปในโบราณสถานที่อื่นๆ มันเป็นเสน่ห์เป็นมนต์ขลังที่สัมผัสได้ด้วยจิตโดยตรง แต่สถานที่นี้ความรู้สึกเหล่านั้นมันรุนแรงกว่าที่อื่นๆ หลายเท่า ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเหมือนจิตจะหลุดลอยไป

    ลูกพี่! ”

    เสียงของลอกินัสแทรกเข้ามาจนนาเดียที่กำลังเคลิ้มอยู่สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อหันกลับไปก็เห็นเด็กชายสิ่งตามมาจนกระทั่งมายืนหอบอยู่ตรงหน้า

    อะไรของนาย ลอกินัส? จะตามมาทำไมตอนนี้

    ก็ลูกพี่จะเข้าไปดูไม่ใช่หรอ ผมก็อยากเข้าไปด้วย ลอกินัสตอบ

    นี่ไม่ใช่ที่เล่นนะ กลับไปอยู่กับพวกนั้นไป

    ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาเล่นตั้งแต่ตามลูกพี่มาแล้วนี่นา ลอกินัสเถียง ทั้งคู่โต้ตอบไปมาจนลืมสังเกตว่าสิ่งรอบตัวกำลังเปลี่ยนไป

    เฮ้ นี่มัน นาเดียเป็นคนแรกที่สังเกต นี่เราเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรกัน

    ไม่ใช่มั้งลูกพี่ ลอกินัสหันไปดูรอบๆ ตัวบ้างก็เห็นการเคลื่อนไหวรอบตัว กำแพงมันเคลื่อนเข้ามาต่างหาก! ”

    วิ่งเร็ว! ” นาเดียร้องบอกพลางคว้าข้อมือของลอกินัสไว้แล้ววิ่งย้อนกลับเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่เร็วพอ กำแพงเคลื่อนตัวเข้ามาปิดทางออกไว้สนิททั้งข้างบนข้างล่าง ไม่มีช่องให้ลอดตัวออกได้เลย

    ได้เรื่องแล้วมั้ยล่ะ นาเดียเปรยพลางสำรวจผนังอย่างละเอียด ไม่มีกลไกเลยสักนิด ที่ผนังนี่เคลื่อนที่ได้ก็เพราะเวทย์มนต์ล้วนๆ

    อ้าว ก็ที่นี่มันที่ทำงานของจอมเวทย์ไม่ใช่หรอลูกพี่? ผมว่าเขาคงไม่สร้างกลไกแบบสมัยนี้หรอก

    รู้แล้วน่ะ แต่จะด้วยอะไรก็ตาม พวกเรากำลังติดกับอยู่ในนี้ซะแล้ว นาเดียเคาะผนังสองสามทีก็หันไปหาทางอื่น ฝั่งตรงข้ามเป็นทางเดินลึกลงไปใต้ดิน ซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าเป็นทางลงไปภายในสถานที่นี้ หรือไม่ก็ กำลังตกถังข้าวสารล่ะมั้ง มีอะไรอยู่บ้างแม่จะกวาดให้เกลี้ยงเชียว

    เอ๋ จะลงไปต่อหรอลูกพี่ ลอกินัสท้วง แล้วคนอื่นๆ ล่ะ?

    ถ้าพวกนั้นทำอะไรได้ก็คงทำทีหลัง พวกเราหาทางออกไม่ได้ก็ต้องหาอย่างอื่นทำสิ นาเดียเดินไปที่ทางลงมองลงไปก็รู้ว่าลึกไม่น้อย บอกไว้ก่อนนะว่าที่ไหนมีสมบัติที่นั่นก็ต้องมีกับดัก นายมีอะไรติดตัวอยู่บ้าง?

    ลอกินัสสำรวจตัวเองเล็กน้อยก็พบเพียงดาบสั้นประจำตัวกับไฟฉายที่พกติดตัวมาเท่านั้น ส่วนนาเดียมีปืนสั้น ผ้าพันแผล มีดพกประจำตัว เชือก ย่ามกระสุนปืน และห่อผ้าสีดำพันบางอย่างไว้สะพายหลังอยู่

    ห่อผ้านั่นอะไรน่ะลูกพี่? ลอกินัสถามเมื่อสังเกตเห็นห่อผ้านั้น

    ดาบที่ได้มาเมื่อคืนก่อนออกจากโรเบลไง นาเดียตอบพลางตบห่อผ้านั้นเบาๆ เป็นดาบที่สวยมาก ชอบจนไม่อยากเอาไว้ห่างตัวเชียวล่ะ

    แบบนี้จะหนักเปล่าๆ นะ ให้ผมช่วยถือมั้ย?

    ไม่ต้อง ห่วงตัวเองดีกว่านะเจ้าหนู  นาเดียบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินนำลอกินัสไปที่ทางลงมืดๆ ขอไฟฉายหน่อย จากนี้อย่าก้าวนอกเส้นทางเด็ดขาด เดี๋ยวจะตายไม่รู้ตัว

    ครับลูกพี่ ลอกินัสรับคำพลางกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ ก่อนจะเดินตามนาเดียไปในทางเดินมืดๆ ที่เห็นเพียงแสงไฟฉายเล็กๆ ที่ช่วยให้พอที่จะมองเห็นทางเดินบ้าง ยิ่งเดินลงไปลึกเท่าไรก็ยิ่งมืดและเย็นลง ผนังข้างทางมีอักขระจารึกไว้หลายอย่าง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของนาเดียเลยสักนิด เธอเดินนำไปอย่างคล่องแคล่ว หลายครั้งที่เธอบอกให้ลอกินัสหยุดอย่างกะทันหัน จากนั้นก็ใช้มีดเคาะกำแพงสองสามทีก่อนที่ผนังจะพังลงเปิดช่องทางลับใหม่ ความจัดเจนของนาเดียในซากโบราณสถานเช่นนี้เป็นสิ่งเดียวที่รั้งชีวิตของลอกินัสไว้ เพราะหากนาเดียไม่อยู่ เขาคงตกลงไปในกับดักเกินสิบครั้งแล้ว

    หมอบลง! ” นาเดียร้องบอกพลางกดลอกินัสลงกับพื้นอย่างฉับพลัน ก่อนที่เปลวไฟร้อนระอุจะพุ่งออกมาจากกำแพงโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ลอกินัสรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัวเมื่อเปลวไฟพุ่งผ่านหลังหัวเขาไป จนกระทั่งมันจบลง ลอกินัสจึงถอนหายใจได้อย่างโล่งอก

    นี่ครั้งที่เท่าไรแล้วที่ชั้นต้องช่วยนาย ฮึ ลอกินัส นาเดียบอกพลางปล่อยมือจากหัวของเด็กชาย ถ้าไม่ระวังตัวก็ต้องตายอยู่ในนี้แหละ ถ้าชั้นไม่อยู่ล่ะก็นายตายหลายรอบแล้ว

    ขะขอโทษครับลูกพี่ ลอกินัสตอบเสียงอ่อยๆ

    หลังจากนี้ชั้นไม่รู้ว่าจะช่วยนายได้อีกหรือเปล่า ตัวของตัวเองก็ต้องระวังเองด้วยเข้าใจมั้ย?

    ลอกินัสได้แต่พยักหน้ารับ เด็กชายรู้ว่าตัวเองฝึกมามากแค่ไหนเพื่อที่จะได้มีโอกาสร่วมงานกับนาเดีย แต่ก็เพิ่งรู้ว่าของจริงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ในการทำงานเสี่ยงชีวิตเช่นนี้เขาเป็นเพียงตัวถ่วงของนาเดียเท่านั้นเอง ซึ่งการยอมรับความจริงนี้ก็ทำให้ลอกินัสเจ็บใจอยู่ไม่น้อย สำหรับนาเดียแล้ว ตัวถ่วงก็ตัดทิ้งได้ทุกเมื่อถ้าจำเป็น ลอกินัสรู้ดีและก็ไม่อยากเป็นอย่างนั้น แต่เขาก็พยายามอย่างที่สุดแล้วเช่นกัน

    ดูท่าว่าจะไม่ได้มีดีแค่กับดักนะเนี่ย นาเดียเปรยขณะเดินเข้าสู่ห้องโถงขนาดใหญ่ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามา ดวงไฟหลายสิบดวงก็ถูกจุดขึ้นโดยไม่มีคนจุด แสงสว่างฉายภาพในห้องเด่นชัดขึ้น ชัดขึ้นจนเห็นสภาพภายในห้องโถงนั้นชัดเจน ซึ่งลอกินัสเห็นแล้วก็ตะลึงไป

    เบื้องหน้าของเธอกับลอกินัสเป็นกองสมบัติขนาดใหญ่ยักษ์ที่เต็มไปด้วยแสงสะท้อนของสิ่งล้ำค่านับแต่เพชรพลอย เครื่องใช้ที่ทำด้วยทองคำ ส่องประกายแวววาวรับกับแสงไฟที่สว่างไปทั้งห้องจนแสบตา

    สุดยอดเลย ลอกินัสพึมพำออกมาก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปหากองสมบัตินั้นอย่างรวดเร็ว ยอดเลยลูกพี่ เรารวยแล้ว! ของพวกนี้น่ะ พวกเรา… ”

    ลอกินัสยังพูดไม่จบนาเดียก็คว้าคอเสื้อของลอกินัสไว้ก่อนจะดึงเด็กชายกลับมา ซึ่งก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ม่านพลังเวทย์จะพุ่งลงมาเฉี่ยวชายเสื้อคลุมของลอกินัสขาดไปเหมือนถูกตัดด้วยมีด ลอกินัสเห็นชายเสื้อตัวเองขาดไปก็แทบจะหยุดหายใจ แต่ก็เพียงครู่เดียวก่อนที่เขาจะกระเด็นไปชนกำแพงดังโครมใหญ่

    บอกอยู่แหม่บๆ ไม่ใช่รึไงว่าให้ระวังน่ะ นาเดียบอกพลางเดินก้าวเข้าไปหาม่านพลังนั้น เมื่อลองเอาเศษหินโยนเข้าไปก็ป่นเป็นผงทันที สมบัติน่ะมีมากพอๆ กับกับดักนั่นแหละ ยิ่งเป็นกรุของจอมเวทย์ด้วยล่ะก็คาดไม่ถูกหรอก ว่าจะเจออะไรบ้าง สมบัติปลอมน่ะมีอยู่ทั่วไปหมดรอให้คนไม่ระวังตกหลุมเท่านั้นเอง

    อะไรนะลูกพี่

    นาเดียไม่ตอบ แต่มองขึ้นไปหาบางสิ่งด้านบน เธอเห็นบางสิ่งเข้าแล้วก็ชักปืนเล็งขึ้นไปอย่างระมัดระวังแล้วก็ลั่นไก สิ้นเสียงปืนของเธอวัตถุบางอย่างก็ร่วงลงมา เป็นหินสีแดงสดที่แตกเป็นเสี่ยงๆ และพร้อมกันนั้นเอง ม่านพลังก็หายไปพร้อมกับสมบัติที่ส่องประกายแวววาวอยู่เมื่ออึดใจก่อนหน้านี้

    อะไรกัน! ” ลอกินัสร้อง

    กับดักไงเจ้าหนูเอ๊ย นาเดียบอกพลางเคาะหัวลอกินัสทีหนึ่ง กับดักเห็นๆ เลยด้วย ใครที่ไหนจะบริการเปิดไฟให้เห็นสมบัติจะๆ แบบนี้ แล้วสมบัติที่กองอยู่ร้อยกว่าปีแบบนี้จะแวววาวขนาดนั้นได้หรือไง ใช้หัวซะมั่ง

    ลอกินัสซึมลงไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่เพราะสมบัติหายไป แต่เพราะเขาแสดงความอ่อนหัดให้นาเดียเห็นอีกแล้ว ซึ่งหนทางที่จะพิสูจน์ตัวเองนั้นยังยาวไกลสำหรับเขา ลอกินัสคิดในใจ

    เอาเถอะ อย่างน้อยก็ช่วยให้เห็นที่หมายสักทีนะ นาเดียมองไปข้างหน้าบริเวณที่เคยเป็นกองสมบัติกลายเป็นบันไดขนาดใหญ่ทอดยาวสูงเหนือพื้นขึ้นไป ที่ปลายสุดของบันไดนั้นเอง วัตถุบางอย่างวางสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางแสงสีขาวบริสุทธิ์ที่ส่องลงมา

    นั่นมัน นาฬิกาหรอลูกพี่? ลอกินัสกล่าวพลางเพ่งมองไปที่สุดปลายบันได

    เยี่ยม นั่นแหละของที่พวกเราต้องเอากลับไป นาเดียยิ้มพลางเดินไปที่บันไดนั้นช้าๆ แต่เมื่อลอกินัสเดินตามเธอก็หันมาห้ามไว้

    รออยู่ข้างล่าง นาเดียสั่งเสียงเฉียบขาด ก่อนจะถึงนาฬิกานั่นต้องมีกับดักสักอย่างสองอย่างนั่นแหละ นายอย่าตามไปจะดีกว่า

    ลอกินัสพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ปล่อยให้นาเดียก้าวขึ้นบันไดไปอย่างระมัดระวังช้าๆ บันไดนั้นสูงมากและไม่มีราวให้จับ หากพลาดก็ตกลงมาบาดเจ็บแน่นอน และยังมีกับดักอีกหลากหลายรออยู่ ทุกย่างก้าวของนาเดียเต็มไปด้วยความระมัดระวังและกดดันจนลอกินัสที่ยืนดูอยู่ห่างๆ ยังอดใจสั่นไม่ได้

    ทันใดนั้นเอง ขณะที่นาเดียเดินไปได้เกือบครึ่งทาง เธอก็เหยียบบางอย่างเข้าโดนไม่รู้สึกตัว พื้นห้องสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนนาเดียที่อยู่กลางบันไดแทบจะร่วงลงมา ลอกินัสที่อยู่บนพื้นก็แทบทรงตัวไม่อยู่ ผนังหินที่ล้อมห้องโถงนั้นอยู่สั่นอย่างรุนแรง บางส่วนค่อยๆ เปิดออกเผยให้เห็นอักขระที่จารึกไว้ชัดเจน และเกือบจะพร้อมกันนั้น พลังเวทย์ก็แล่นผ่านเข้าไปโดยไม่รู้ว่าปล่อยมาจากไหน ทันทีที่คลื่นพลังเวทย์ผ่านไป อักขระจะเรืองแสงขึ้นมาเหมือนกับหลอดไฟที่ได้รับกระแสไฟฟ้า แต่บรรยากาศตอนนั้นไม่มีเวลาให้ตกใจมากนัก เพราะพลังเวทย์เข้มข้นกำลังก่อตัวที่ผนังรอบด้านพร้อมกับแสงสีต่างๆ เปล่งออกมา

    ยุ่งแล้ว เวทย์อัญเชิญ! ” นาเดียร้องเตือนลอกินัสที่ยังมัวแต่ตะลึงอยู่ ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ลอกินัสก็ชักดาบออกมาเตรียมพร้อมตามสัญชาติญาณ และอึดใจต่อมา สัตว์ประหลาดหลายสิบตัวก็ก้าวออกมาจากผนังห้องโถงนั้น หลายตัวแสยะเขี้ยวว้างพร้อมจะโจมตี สัตว์ประหลาดทุกตัวที่ออกมาแล้วมองไปที่นาเดีย หรือนาฬิกานั้นเป็นตาเดียวก่อนจะคำรามลั่นวิ่งตรงไปที่บันได

    ฮึ่ม เจ้าพวกนี้… ” นาเดียกัดฟันแน่น มองไปข้างหน้าก็เห็นเป้าหมายอยู่รำไร ข้างหลังก็เป็นลอกินัสที่กำลังจะเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดนับร้อย แต่ขณะที่นาเดียชั่งใจอยู่นั้น ลอกินัสก็ร้องห้ามไว้

    ไม่ต้องห่วงลูกพี่ เจ้าพวกนี้ผมจัดการได้ ลูกพี่รีบไปเอานาฬิกามาเถอะ จะได้ออกจากที่นี่กัน

    แต่ นายคนเดียวจะ… ” นาเดียท้วงแต่ก็โดนตอกกลับทันที

    บอกว่าไม่ต้องห่วงไง ลอกินัสร้องดังกว่าเดิม มือจับดาบไว้แน่นพร้อมจะต่อสู้ รีบไปเอานาฬิกานั่นมา เร็วเข้า! ”

    ลอกินัสพูดไม่ทันจบสัตว์ประหลาดตัวแรกก็ถึงตัว ลอกินัสหลบเขี้ยวแหลมคมของมันได้พร้อมกับฟันสวนกลับไป ดาบของเขาเข้าเป้าอย่างจังแต่แผลยังตื้นเกินไป จังหวะที่เจ้าตัวแรกผงะออกมา ตัวที่สองก็หนุนเข้ามาแทน แต่ลอกินัสก็รออยู่แล้ว เขาใช้ดาบปัดกรงเล็บของมันออกแล้วฝากแผลลงบนตัวมันแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็ได้ผลดีกว่าเจ้าตัวก่อนหน้านี้ นี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ลอกินัสได้สัมผัสการต่อสู้จริงกับคู่ต่อสู้ที่หมายเอาชีวิตของเขา เลือดและความเจ็บปวดเป็นของจริง แม้กระทั่งความกลัวที่แทรกซึมเข้ามาโดยที่ความกล้าของเขาแทบจะต้านเอาไว้ไม่อยู่ แต่สำหรับครั้งแรกของการต่อสู้จริง ลอกินัสก็ถือว่าทำได้ไม่เลวนักในสายตาของนาเดียที่พยายามข่มใจวิ่งต่อไปยังของที่พวกเธอต้องการ

    ทันใดนั้นเอง มังกรขนาดย่อมกลุ่มหนึ่งก็บินโฉบเข้าใส่นาเดียจนเธอแทบจะหล่นลงมาจากแท่นบันไดสูงนั้น นาเดียเกาะไว้ได้และพยายามปีนกลับขึ้นมาโดยเร็วที่สุด แต่ทันใดนั้นเอง มังกรตัวหนึ่งก็โฉบเข้ามาดักหน้าเธอไว้พร้อมกับอ้าปากกว้างเตรียมจะปล่อยไฟ แต่นาเดียเร็วกว่า เธอต้องการเวลาเพียงเสี้ยววินาทีสำหรับการเล็งและยิงปืน เจ้ามังกรโดนกระสุนเข้าไปสองนัดกระเด็นร่วงลงมากระแทกพื้นเสียงดัง ลอกินัสเห็นแล้วแต่ก็ไม่มีเวลาให้โล่งใจ เพราะตรงหน้าเขายังมีศัตรูรออยู่อีกหลายสิบ เด็กชายต้องสู้พลางถอยร่นมาที่บันไดแคบๆ เพื่อลดพื้นที่ แต่จำนวนศัตรูที่จัดการได้กับจำนวนที่ทยอยบุกเข้ามานั้นต่างกันมากจนต้องถอยเข้ามาอย่างไม่มีทางต้านได้

    โอ๊ย เยอะจริง! ” ลอกินัสสบถพลางตวัดดาบฟันสัตว์ประหลาดตัวที่เข้ามาใกล้ที่สุด ร่างของเด็กชายเต็มไปด้วยเลือดเปรอะเต็มตัวโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นเลืดของเขาเองหรือเลือดของสัตว์ประหลาดพวกนี้กันแน่ ลอกินัสหันไปดูนาเดียแวบหนึ่งก็เห็นว่านาเดียเองก็รับศึกตึงมือเช่นกัน และจังหวะที่เขาคลาดสายตาไปนั้นเอง สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งก็บุกเข้ามา

    ชิ! ” ลอกินัสเหวี่ยงดาบกลับไปทั้งที่รู้ว่าสายไป

    ทันใดนั้นเองหน้าของเจ้าสัตว์ร้ายก็ผงะไป ลูกกระสุนจากนาเดียเฉี่ยวไหล่ของลอกินัสพุ่งเข้าไปที่หน้าผากของมันอย่างพอดิบพอดี ลอกินัสหันไปเพื่อที่จะขอบคุณ แต่ภาพที่เห็นคือภาพของนาเดียที่โดนเจ้ามังกรเล่นงานเพราะเปิดช่องว่างมาช่วยลอกินัสเพียงเสี้ยววินาทีเดียว ลอกินัสไม่ได้แสดงอาการตกใจหรือพยายามจะเข้าไปช่วยแต่อย่างใด ระยะของเขาไกลเกินไป และการหันหลังให้ศัตรูตอนนี้ก็จะกลายเป็นการทำผิดซ้ำสอง อย่าคลาดสายตาจากคู่ต่อสู้ขณะที่กำลังต่อสู้ บทเรียนของการต่อสู้ที่เด็กชายได้รับบทนี้มีค่ามากถึงขนาดที่บางคนต้องเอาชีวิตแลกมาเพื่อที่จะได้มา

    อีกนิดเดียว! ” นาเดียสบถในลำคอขณะที่พยายามวิ่งไปพร้อมกับสาดกระสุนสกัดศัตรูที่ตามมารังควาน แสงสว่างรำไรเบื้องหน้าที่สมบัติรออยู่ห่างออกไปเพียงไม่ถึงสิบเมตรด้วยซ้ำ แต่ระยะทางก็ดูเหมือนไกลกว่าสิบกิโลเมตร

    ลูกพี่! ” ลอกินัสร้องเสียงดังขณะค่อยๆ ถอยร่นขึ้นมาทางบันได ที่ตามมาคือสัตว์ประหลาดอีกหลายสิบตัวที่ไม่รู้จักหมด ท่าทางลอกินัสจะรับมือไม่ไหวแล้วด้วย ปลายทางของทั้งสองคนค่อยๆ ร่นเข้าหากันตรงกลางบันไดและล้อมหน้าหลังด้วยสัตว์ประหลาดหลายสิบตัว ราวกับรู้กัน ลอกินัสก้มตัวลงพุ่งผ่านนาเดียไปพร้อมกับที่นาเดียเล็งปืนข้ามหัวลอกินัสไปแล้วลั่นไกชุดหนึ่ง สัตว์ประหลาดที่วิ่งตามมาก็โดนยิงร่วงไป พร้อมกับที่ดาบของลอกินัสเสียบเข้าที่มังกรข้างหลังของนาเดีย ร่างของศัตรูร่วงจากบันไดไปกระแทกพื้นเสียงดัง เจ้าสัตว์ประหลาดถอยห่างจากทั้งสองคนเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นช่องว่างให้ทั้งสองคนพักหายใจครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่พอ

    จนมุมซะแล้วสิ นาเดียกัดฟันพูดพลางหอบหายใจ

    ได้สู้ร่วมกับลูกพี่จนถึงที่สุดเป็นวาระสุดท้ายที่ผมพอใจแล้วล่… ” ลอกินัสพูดไม่จบเพราะโดนนาเดียเขกหัวเสียก่อน

    ไปจำคำพูดแบบนั้นมาจากไหนฮึ ไม่เป็นมงคล! ” นาเดียดุ แต่เพียงครู่เดียวก็ยิ้มออกพลางหยิบบางสิ่งออกมา

    ลอกินัสยังไม่ทันเข้าใจอะไร สัตว์ร้ายทั้งสองฝั่งก็กรูเข้ามาพร้อมกัน ลอกินัสที่หมดแรงแล้วได้แต่กัดฟันกลั้นความกลัวไว้โดยที่หมดแรงจะสู้ต่อ แต่ทันใดนั้น นาเดียก็คว้าคอเสื้อเขาไว้แล้วกระโดดออกจากบันไดทันที

    ลูกพี่! ” ลอกินัสร้อง แต่ก็หยุดเมื่อบางอย่างกระตุกตัวเขาที่กำลังร่วงไว้ เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นนาเดียกำลังกำเชือกที่ขึงไว้ด้านบน ทั้งสองคนโหนตัวห่างออกมาจากบันไดและก็ห่างจากศัตรูไปพร้อมกัน

    จะแจ๋วไปเลยลูกพี่! ” ลอกินัสร้องอย่างดีใจแต่นาเดียยังยิ้มได้ไม่เต็มที่นัก

    ยังเร็วไปที่จะดีใจ นะเจ้าหนู นาเดียกัดฟันแน่น ใช้มือหนึ่งจับเชือกไว้ เมื่อลอกินัสเกาะเธอไว้ดีแล้วก็หยิบปืนคู่มือออกมา เพราะมังกรที่เหลือยังตามมาอยู่

    นาเดียกราดยิงศัตรูไปพร้อมกับเชือกที่แกว่งไปมา เมื่อโหนเข้ามาใกล้บันไดทีหนึ่งลอกินัสก็ต้องคุ้มกันให้ ทุกครั้งที่นาเดียโหนเข้าใกล้บันไดจะต้องรับมือกับสัตว์ประหลาดหลายสิบที่รออยู่

    ลูกพี่! จะเล่นโหนแบบนี้อีกนานมั้ยเนี่ย มันเสียวนะ! ” ลอกินัสร้องขณะใช้ดาบป้องกันตัว

    อีกนิดเดียว นาเดียเปรยกับตัวเองขณะที่กำลังโหนเข้าไปที่บันไดอีกครั้ง และครั้งนี้เอง นาเดียเก็บปืนเข้าซองแล้วเอื้อมมือไปที่ปลายสุดบันไดที่พวกเธอกำลังตรงเข้าไป และทันใดนั้นเองมือของเธอก็สัมผัสกับบางสิ่ง มันคือนาฬิกาอันเป็นเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้นั่นเอง

    เอาล่ะ! ” นาเดียร้องอย่างตื่นเต้น

    ทันใดนั้นเองมังกรที่บินอยู่ก็พุ่งเข้ามา แต่ลอกินัสเข้ามาขวางไว้ได้  ดาบของเด็กชายกั้นระหว่างเขี้ยวมังกรกับนาเดียไว้เพียงฝ่ามือ แต่พริบตาต่อมาเปลวไฟก็ปล่อยออกมาใส่ทั้งสองคนเต็มๆ

    อุ๊บ! ” ลอกินัสไม่ทันตั้งตัวและนั่นเองมือเดียวที่เกาะนาเดียอยู่ก็ปล่อยออก ร่างของลอกินัสก็ร่วงลงมาสู่พื้นด้านล่างที่ห่างออกไปหลายสิบเมตรและเหล่าสัตว์ร้ายที่รออยู่

    ลอกินัส! ” นาเดียร้อง มือหนึ่งเกาะเชือกไว้ มือหนึ่งถือนาฬิกาอยู่ เวลาสำหรับลังเลของเธอมีน้อยมากและการจะต้องตัดสินใจอย่างเร็วที่สุด รอบคอบที่สุด ในสภาวะคับขันสุดๆ เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้แต่ผู้เจนสนามอย่างนาเดียก็ตาม

    บ้าที่สุด! ” นาเดียเปรยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปล่อยเชือกแล้วทิ้งตัวดิ่งลงตามลอกินัสมาอย่างรวดเร็ว

    ลูกพี่! ” เป็นคำเดียวที่ลอกินัสสามารถเปล่งออกมาได้ในตอนนั้น จนกระทั่งนาเดียตามมาทัน ทำอะไรน่ะ เดี๋ยวก็…! ” เสียงของเด็กชายขาดห้วงไปเมื่อมองเห็นพื้นล่างใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว นาเดียไม่สามารถตอบอะไรได้นอกจากจับตัวเด็กชายมากอดไว้แน่นแม้จะรู้ว่าไม่ได้ช่วยอะไรถ้าจะกระแทกกับพื้นจากที่สูงขนาดนี้ ทั้งสองคนได้แต่มองดูพื้นใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา และหยุดยิ่งอยู่อย่างนั้นเอง

    เอ๋?

    นาเดียอุทานออกมาได้เพียงคำเดียว หลังจากเห็นสิ่งผิดปกติรอบตัว ภาพรอบตัวกลายเป็นเหมือนภาพโทรทัศน์หรือแผ่นซีดีที่กดปุ่ม หยุด เอาไว้ ทุกการเคลื่อนไหวหยุดนิ่งแม้กระทั่งการหล่นของเธอกับลอกินัสก็หยุดนิ่งค้างอยู่กลางอากาศนั้นเอง ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้นเอง ร่างกายของเธอก็ขยับไปเล็กน้อยตอนที่เธอพยายามจะเอื้อมมือไปจับลอกินัสให้แน่นขึ้น การเคลื่อนไหวนั้นทำให้เธอยิ่งแปลกใจเข้าไปอีก เพราะทั้งที่ทุกอย่างน่าจะหยุดนิ่ง ร่างของเธอกลับขยับได้ และคำตอบของทุกอย่างก็อยู่ในมือเธอแล้ว

    มืออีกข้างหนึ่งที่เธอคว้านาฬิกาไว้ได้นั้นกำแน่นไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปได้แม้จะกำลังร่วงลงมาก็ตาม นาฬิกาเรือนนั้นเปล่งแสงออกมาเรืองๆ และเข็มนาฬิกาที่น่าจะเก่าชำรุดเพราะผ่านเวลามาหลายร้อยปีแล้วกลับเงาวาวสะท้อนกระทั่งใบหน้าของนาเดียที่จ้องมาที่มันไม่กะพริบ เรื่องน่าแปลกอีกเรื่องหนึ่งคือเข็มบอกเวลาบนหน้าปัดค้างอยู่ที่เวลาเดียวกับนาฬิกาของเธอซึ่ง เมื่อร่างกายเธอขยับได้ นาฬิกาข้อมือของเธอก็เดินต่อเช่นกัน นาฬิกานี้เธอจะปรับไว้ตรงเสมอ  และนาฬิกาที่เพิ่งตื่นจากการหลับหลายร้อยปีกลับเดินตรงกับนาฬิกาของเธอที่เป็นปัจจุบัน

    นาฬิกานี่มัน… ” นาเดียพูดกับตัวเองเบาๆ แต่สติของเธอก็กลับมาเมื่อเธอนึกสถานการณ์ปัจจุบันออก เธอรีบคว้าร่างของลอกินัสแล้วค่อยๆ ลอยลงสู่พื้นข้างล่างที่อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่เมตร ซึ่งถ้าเวลาเดินปกติแล้วล่ะก็เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น พวกเธอจะกลายเป็นเศษเนื้อทันที นาเดียค่อยๆ ลงมาสู่พื้นพร้อมกับลอกินัส ราวกับเวลารอบตัวเธอไหลช้าลงจนเหมือนเธอกำลังลอยลงมา เมื่อถึงพื้นแล้ว เหล่าสัตว์ประหลาดยังอยู่ในสภาพเดิม ทุกตัวไม่ขยับ หยุดนิ่งราวกับเป็นรูปปั้น

    เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นาเดียมองไปรอบๆ อย่างไม่เข้าใจ ตอนนี้แม้กระทั่งลอกินัสก็ยังหยุดนิ่งอยู่จนกระทั่งเธอวางเด็กชายลงแล้วสายคล้องนาฬิกาไปสัมผัสลอกินัสเข้า เด็กชายก็ร้องออกมาเสียงดังลั่น

    เหวอ! หวา! ร่วงแล้ว ร่วงแล้ว ร่วง…! ” ลอกินัสแหกปากได้พักหนึ่งก็เงียบลงแล้วมองไปรอบๆ อย่างประหลาดใจเช่นเดียวกับนาเดีย อะนี่เรามาถึงพื้นแล้วหรอลูกพี่?

    ดูเหมือนอย่างนั้น นาเดียตอบพลางมองไปรอบๆ แต่เรื่องที่บอกไม่ถูกก็มีเยอะเหมือนกัน พูดจบนาเดียก็มองดูนาฬิกาในมือ มันเปล่งแสงออกมาหนาขึ้นแต่เข็มเวลาก็ยังไม่เดินเหมือนเดิม

    นาฬิกานั่นเปล่งแสงออกมา ลูกพี่ ลอกินัสสังเกตเห็นนาฬิกาแล้วก็พูดบ้าง

    เห็นแล้วน่ะ นาเดียตอบพลางยกมันขึ้นมาดูชัดขึ้น ดูเหมือนว่ามีแต่ของที่สัมผัสกับนาฬิกานี่เท่านั้นที่สามารถขยับได้น่ะนะ

    พูดจบนาเดียก็ลองเอานาฬิกาไปสัมผัสกับเศษหินที่ค้างอยู่กลางอากาศ ทันทีที่สัมผัสกัน ก้อนหินก็ร่วงลงมาทันที

    ไม่ต้องสงสัยเลยแฮะ นาเดียบอกพลางยิ้มอย่างชอบใจ นาฬิกานี่น่าสนใจทีเดียวล่ะ

    เอ๋ แต่ว่านั่นมันของที่นายบารินเท็นนั่นให้เรามาเอาไปให้เขาไม่ใช่หรอลูกพี่! ” ลอกินัสท้วงอย่างสิ้นหวัง เพราะลองถ้านาเดียสะกิดใจอยากได้ขึ้นมาแล้วล่ะก็ หมดทางที่จะปล่อยให้หลุดมือไปได้แน่

    ล้อเล่นน่า นาเดียหัวเราะเบาๆ แต่ลอกินัสมองออกว่ามีเลศนัยแฝงอยู่เต็มไปหมด เอาล่ะ หาทางออกจากที่นี่กันเถอะ อย่างน้อยนาฬิกานี่ก็จะช่วยให้เราออกไปสบายขึ้นล่ะน่า นาเดียบอกพลางหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูอีกครั้ง เข็มเวลายังหยุดอยู่ที่เดิมและเปล่งแสงออกมามากขึ้น เดี๋ยวก่อนนะ แสงนี่มันอะไรกัน ยังกับมันสว่างขึ้นงั้นแหละ นาเดียลองจับตัวนาฬิกาเขย่าดูก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่าทางมันน่าจะมีกลไกอะไรมากกว่านี้นะ ไหนลอง… ” นาเดียพูดยังไม่ทันจบก็เอามือกดไปโดนที่เกลียวปรับเข็มนาฬิกา ซึ่งคล้ายกับปุ่มกดอะไรบางอย่าง ทันทีที่กดลงไปบางสิ่งก็ร่วงลงมา

    ก้อนหินที่ค้างอยู่กลางอากาศร่วงลงมาที่พื้นเสียงดังก้องไปทั้งห้องโถงนั้น เป็นเสียงเบาๆ ที่ทำให้นาเดียกับลอกินัสหัวใจแทบหยุดเต้นเพราะสิ่งที่หยุดนิ่งกำลังเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ทั้งก้อนหิน รวมทั้งสัตว์ประหลาดอีกหลายสิบตัวในห้องนั้น

    ละลูกพี่ทำอะไรน่ะ ลอกินัสละล่ำละลักถาม

    ก็แค่กดปุ่มนี่นา นาเดียยิ้มแห้งๆ มองดูนาฬิกาในมือ เข็มนาฬิกาหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนตามเวลาปัจจุบันทัน พร้อมกันนั้นเอง สัตว์ประหลาดหลายสิบตัวก็เริ่มเคลื่อนไหว มันคำรามก้องพร้อมกับวิ่งตรงเข้ามาหาทั้งสองคนอีกครั้ง

    กะว่าจะได้ออกไปสบายๆ แล้วเชียว นาเดียสบถพลางชักปืนออกมาเตรียมพร้อม ลอกินัสก็ชักดาบออกมาเช่นกัน แต่ก่อนที่จะเข้าปะทะกันนั้นเอง นาเดียก็ล้มลง

    ลูกพี่! ”

    กะ..เกิดอะไรขึ้น นาเดียกล่าวขณะพยายามพยุงตัวลุกขึ้น เหมือนแรงมันหายไปหมด

    นาเดียหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูก็เห็นแสงสว่างที่เคยเปล่งออกมาค่อยจางหายไป ยิ่งแสงจางลงแรงของเธอก็ยิ่งหดหายตามไปจนกระทั่งแสงสว่างจางหายไปหมด นาฬิกาก็เดินต่อแต่ตัวนาเดียเองไม่มีแรงแม้แต่จะยืนขึ้นแล้ว

    เกิดอะไรขึ้นน่ะ ลูกพี่! ”

    จะไปรู้ได้ไงยะ นาเดียตอบค่อยๆ แต่ตอนนี้แรงจะกระดิกนิ้วยังไม่มีเลย

    ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั้นเอง ศัตรูก็ถึงตัว ลอกินัสไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าฟาดฟันเหล่าสัตว์ประหลาดไม่ให้เข้ามาใกล้นาเดียที่หมดทางป้องกันตัวอยู่ตอนนี้ แต่ก็เหมือนการดิ้นรนครั้งสุดท้ายมากกว่า เหล่าสัตว์ประหลาดหนุนเข้ามาจากทุกด้าน ในขณะที่ลอกินัสยืนต้านเพียงลำพัง และก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นว่าจะจบลงตอนไหน

    หนีไปลอกินัส! ” นาเดียร้อง นายคนเดียวสู้ไม่ได้หรอก ถ้าหนีไปตอนนี้อาจยังทัน

    จะให้ทิ้งลูกพี่ไว้ได้ไงกัน ลูกพี่ไม่รอดแน่… ” ลอกินัสพยายามหาช่องพูดระหว่างจัดการกับศัตรู

    อย่ามาทำน้ำเน่าตอนนี้จะได้มั้ย! ” นาเดียแทรกพลางพยายามยื่นนาฬิกาไปหาลอกินัส นายเอานาฬิกาไปด้วย อย่าให้งานของเราต้องล้มเหลวเด็ดขาด

    ของแบบนั้นผมไม่เอาหรอก! ” ลอกินัสร้องสุดเสียง ซึ่งก็ทำเอานาเดียอึ้งไปเล็กน้อย ลอกินัสหอบหายใจหน่อยหนึ่งก็พูดต่อ ของแบบนั้นผมไม่เอาลูกพี่ทำงานนี้เพราะต้องการค่าตอบแทนผมรู้ดี แต่แต่ ผมไม่ต้องการของพวกนั้น แค่ได้อยู่กับลูกพี่ผมก็พอใจแล้ว! ”

    ลอกินัส… ”

    ผมมีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้เพราะลูกพี่ ถ้าลูกพี่ไม่เก็บผมมาเลี้ยงก็ตายไปนานแล้ว! ” ลอกินัสร้องสุดเสียงแข่งกับเสียงคำรามของเหล่าสัตว์ประหลาดที่กรูเข้ามา ถ้าถ้าต้องปล่อยให้ลูกพี่ตายน่ะ ผมไม่เอาด้วยเด็ดขาด ถ้าไม่มีลูกพี่แล้วผมจะอยู่ต่อไปยังไงได้ล่ะ! ”

    เจ้าบ้า! อยู่ต่อนายก็ไม่ได้ช่วยให้ชั้นรอดเลยนะ คิดบ้างสิ! ” นาเดียเถียงกลับ ถ้านายตายชั้นก็ตายอยู่ดี มีศพเพิ่มอีกศพนึงแล้วมันดีตรงไหน หุบปากแล้วเอานาฬิกานี่หนีไปซะ! ”

    ไม่! ” ลอกินัสปฏิเสธเสียงแหลม ตามด้วยเสียงอึกอักในลำคอเมื่อโดนเจ้าสัตว์ร้ายตบกระเด็นกลิ้งไปชนกำแพงข้างๆ นาเดีย

    เจ้าเด็กโง่เอ๊ย… ” นาเดียหรี่ตาลงแล้วพูดเบาๆ ในลำคอ สภาพดูไม่ได้เลย แบบนี้จะไปสู้หน้าใครได้ละเนี่ย

    ถ้าจะได้เจอใครอีกล่ะก็ จะขายหน้าแค่ไหนก็ยอมล่ะ ลูกพี่ ลอกินัสตอบพลางเช็ดเลือดที่กระอักออกมาจากปาก นาเดียยิ้มหน่อยหนึ่งก็พูดต่อ

    คนบ้านชั้นไม่มีใครตายบนที่นอน ชั้นเองก็ว่าจะรักษาธรรมเนียมนี้เอาไว้ นาเดียพูดแล้วก็ยิ้มอีก เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังแต่กลับอบอุ่นเมื่อลอกินัสยิ้มตอบ คิดว่าพอถึงวาระสุดท้ายจริงๆ แล้วมันน่าจะเย็นเยือกกว่านี้น่ะนะ

    นั่นสินะ ผมก็ว่ามันอบอุ่นจังเลยล่ะลูกพี่ ลอกินัสยิ้มพลางเอนตัวไปพิงนาเดีย ไอ้คนที่เขียนในหนังสือน่ะมันไม่เคยตายมาก่อนแหงๆ

    นาเดียยิ้มอีกครั้งพลางลูบหัวลอกินัสเบาๆ สิ่งที่นาเดียไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็คือความอบอุ่นในตอนนี้เอง ลอกินัสเองก็เช่นกัน ทั้งสองคนใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมาตลอดจนกระทั่งมาเจอกัน แต่ก็เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้รู้สึกเช่นนี้ ก่อนที่ทั้งสองคนจะไม่ได้รู้สึกอะไรอีกเลย เพราะเหล่าสัตว์ประหลาดกรูเข้ามาล้อมไว้ทุกทิศทาง เขี้ยวและเล็บพร้อมจะฉีกร่างของทั้งสองคนเป็นชิ้นๆ ในที่สุดเจ้าตัวที่อยู่หน้าสุดก็คำรามลั่นนำเข้ามา

    ก่อนที่ศัตรูจะถึงตัว เสียงปืนก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปลุกนาเดียกับลอกินัสขึ้นจากความสิ้นหวัง หลังเสียงปืนเพียงเสี้ยววินาที ร่างของเจ้าสัตว์ประหลาดก็ล้มลง ตัวแรก ตามด้วยตัวถัดไปและตัวถัดไป เสียงปืนดังราวกับประทัดแตก กลิ่นดินปืนคลุ้งไปทั่วห้องโถงนั้นจนแทบหายใจไม่ออก เมื่อนาเดียกับลอกินัสเงยหน้าขึ้นมาก็ยิ้มได้

    เป็นอะไรหรือเปล่า คุณฮาโรล! ”

    ได้จังหวะพอดีเลย บารินเท็น นาเดียเปรยเบาๆ แต่ยกมือให้สัญญาณว่ายังดีอยู่ ขณะที่บารินเท็นและคนอื่นๆ บุกเข้ามาในห้องโถงพร้อมกับปืนกลติดตัว แต่ละคนเข้าต้านเหล่าสัตว์ประหลาดอย่างเต็มความสามารถ ไม่นานก็บุกมาถึงเธอกับลอกินัสได้

    เป็นอะไรหรือเปล่า! ” บารินเท็นวิ่งเข้ามาดูอาการของนาเดียกับลอกินัส ซึ่งนาเดียก็ไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มรับ เป็นอะไรไป?

    ผิดคาดนะ

    อะไรรึ?

    นึกว่านายจะถามถึงนาฬิกาก่อนซะอีก นาเดียกล่าว ซึ่งบารินเท็นก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ

    ก็ส่วนหนึ่งนะ ว่าแต่ถ้าเธอไม่เป็นอะไรแล้วก็ดี  แล้วนาฬิกา?

    นาเดียไม่ตอบแต่ชูนาฬิกาที่เธอเสี่ยงชีวิตเอาให้บารินเท็นดู ซึ่งเจ้าตัวเห็นแล้วก็ยิ้มกว้าง

    ได้ของครบแล้วก็ออกจากที่นี่กันเถอะ บารินเท็นกล่าวพลางหันไปหาลอกินัส ทั้งสองคนเดินไหวรึเปล่า?

    ไหวน่า ลอกินัสตอบยิ้มๆ

    นายเจ็บขาไม่ใช่หรอ ถามตัวเองเถอะว่าไหวรึเปล่า? ไม่สิ นายบุกเข้ามาถึงนี่ได้ไงมากกว่า

    สบายมาก บารินเท็นตอบพลางหัวเราะ ผู้ร่วมทางหายไปสองคน หัวหน้าคณะเดินทางก็ทนอยู่เฉยไม่ได้หรอก

    นาเดียยิ้มพลางพยุงตัวลุกขึ้น ซึ่งก็พอดีกับที่คนของบารินเท็นมาตาม

    บอสครับ พวกเราแทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว รีบไปเถอะครับ

    ดีเลย พวกเราเองก็หมดธุระกับที่นี่แล้วเหมือนกัน บารินเท็นบอกพลางช่วยพยุงนาเดียลุกขึ้นยืนแล้วออกเดินอย่างเร่งรีบ ออกจากห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน กลิ่นความตาย และห้องที่ไร้สมบัติแล้ว

     

    บรรยากาศภายนอกย่อมสดชื่นกว่าภายในห้องแคบๆ เป็นไหนๆ ทั้งนาเดีย ลอกินัส บารินเท็น และคนอื่นๆ ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน และความรู้สึกยินดีที่รอดชีวิตมาได้ก็มากพอๆ กับที่งานลุล่วงและจะได้กลับกันเสียที

     

    นาฬิกานั่นมันอะไรกัน บารินเท็น? นาเดียถามขึ้นระหว่างทางกลับ ไม่ใช่นาฬิกาโบราณธรรมดาๆ แน่ ใช่ไหม?

    เธอรู้ความลับของเจ้านาฬิกานี้แล้วงั้นสิ บารินเท็นตอบพลางจับห่อผ้าที่คุ้มครองสมบัติของเขาไว้อย่างแน่นหนาก่อนจะตอบคำถาม นาฬิกาเรือนนี้ไม่ใช่ธรรมดาอย่างที่เธอว่านั่นแหละ มันถูกเรียกว่า นาฬิกาแห่งไอออน… ”

    ใครกัน ไอออน? นาเดียแทรก

    เป็นชื่อของเทพผู้ควบคุมเวลาตามตำนานเก่าๆ น่ะ บารินเท็นตอบพลางคลี่ห่อผ้าหยิบนาฬิกาล้ำค่าขึ้นมา ผมก็เคยแต่ได้ยินตำนานของมันเท่านั้น ว่ากันว่ามีจอมเวทย์ในอดีตคนหนึ่งสร้างนาฬิกานี้ขึ้นมาเพื่อที่จะได้พลังที่ทัดเทียมเทพมาไว้ในกำมือ แต่สุดท้ายจอมเวทย์คนนั้นก็หายตัวไป บางตำนานบอกว่า เขาถูกเทพแห่งเวลาลงโทษเพราะบังอาจตีตัวเสมอเทพ เขาจึงถูกลบไปจากเวลาของโลก ซึ่งนั่นก็เป็นแค่เรื่องเล่าต่อๆ กันมาน่ะนะ

    อืม งั้นรึ? นาเดียฟังแล้วก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เธอเจอภายในวิหารนั้น ที่ว่าควบคุมเวลานี่มันยังไงกัน

    เท่าที่สืบมา บารินเท็นยกนาฬิกาขึ้นมาชี้ให้นาเดียเห็นเกลียวที่ใช้หมุนปรับเข็มนาฬิกาแล้วก็พูดต่อ ตรงนี้ จะสามารถใช้หยุดเวลา หรือย้อนเวลา หรือเร่งเวลาได้อิสระ แต่จะมีผลแค่รัศมีหนึ่งเท่านั้น โดยผู้ใช้จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในช่วงเวลาที่ต่างไปนั้นและต้องจ่ายพลังเวทย์ตามจำนวนเวลาที่ใช้… ”

    รู้ละเอียดจังนะ นาเดียแทรก

    บารินเท็นเงียบไปพักหนึ่งก็ตอบเบาๆ

    พอดีสนใจเรื่องพวกนี้อยู่นะครับ  บารินเท็นตอบแล้วก็เก็บนาฬิกาไว้ตามเดิม บารินเท็นไม่ได้อธิบายอะไรต่อ และนาเดียก็ไม่ได้ซักเพิ่มเติม หลักการยังเหมือนเดิม เรื่องบางเรื่องของผู้ว่าจ้างก็ไม่จำเป็นสำหรับเธอเพียงได้ค่าตอบแทนก็เพียงพอแล้ว และครั้งนี้เธอก็ไม่ได้อะไรนอกจากเงินค่าจ้างจากบารินเท็น นาฬิกาเรือนนั้นดูเหมือนว่าจะไม่เข้าตาเธอหลังจากทำเธอเกือบไม่รอดเพราะถูกดูดพลังไปจนหมด

    ขอบใจที่มาส่ง นาเดียกล่าวหลังลงจากรถพร้อมกับลอกินัสที่หน้าร้านเดิมที่เธอพัก

    ไม่เป็นไร โอกาสหน้าคงได้ร่วมงานกันอีกนะครับ บารินเท็นกล่าวพลางปิดประตูรถ

    งานของนายเสี่ยงตายเหลือเกิน ไม่เอาด้วยหรอก

    ก็ปกติของคุณไม่ใช่หรือครับ บารินเท็นตอบยิ้มๆ ซึ่งนาเดียก็ยิ้มตอบ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะเบาๆ

    แล้วเจอกันนะครับ ลาล่ะเจ้าหนู รักษาสุขภาพล่ะ บารินเท็นกล่าวพลางหันไปลาลอกินัส ซึ่งเด็กชายก็โบกมือให้

    นายก็ด้วย นาเดียกล่าวลาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนรถของบารินเท็นจะเคลื่อนออกไปจนลับตา

     

    เสร็จอีกงานนึงละ นาเดียกล่าวพลางเหยียดแขนคลายเมื่อย ได้ค่าตอบแทนงามซะด้วย ไว้เราไปหาอะไรดีๆ ให้รางวัลชีวิตกันสักหน่อยดีกว่า

    อื้อ แต่ไปนอนก่อนเถอะลูกพี่ นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมก็ง่วงเต็มที ลอกินัสบอกแล้วก็หาว นาเดียเห็นแล้วก็ยิ้มก่อนจะเดินตามลอกินัสเข้าไปในร้าน แต่เงาร่างหนึ่งก็หยุดเธอไว้

     

    นายมาเทโร ใช่ไหม? นาเดียทัก เจ้าของร่างเดินเข้ามาในรัศมีแสงไฟ เป็นมาเทโรจริงๆ แต่สภาพดูอิดโรยลงไปเยอะเพราะการทำงานตรากตรำ

    กลับมาแล้วหรือครับ คุณฮาโรล มาเทโรทัก

    อื้อ ว่าแต่นายมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้แล้ว อย่าบอกนะว่าเดินตรวจรอบดึกน่ะ

    คนที่มาส่งคุณเมื่อกี๊… ”

    ผู้ว่าจ้างน่ะ ว่าแต่ถ้าไม่มีธุระอะไร ก็ขอตัวก่อนนะ ง่วงเต็มทนแล้ว พูดจบนาเดียก็เดินต่อโดยไม่ใส่ใจ

    เดี๋ยวสิ มาเทโรรั้งแขนของนาเดียไว้แต่ก็โดนสะบัดออกแทบจะทันที

    อย่าแตะต้องตัวชั้นเชียวนะ นาเดียพูดเสียงเฉียบขาด ซึ่งทำมาเทโรอึ้งไปทันที

    งานอันตรายแบบนี้เลิกซะดีกว่าไหม คุณฮาโรล มาเทโรพูดต่อพลางมองดูร่างของนาเดียที่เต็มไปด้วยบาดแผล

    อย่ายุ่งกับเรื่องคนอื่นนักเลยน่า ชั้นไม่ได้สบายแบบนายนะ ทางไหนที่จะเอาชีวิตรอดได้ก็ต้องเอาไว้ก่อน จะยังไงก็ตามก็เถอะ

    ผมรู้ว่าคุณทำอะไรอยู่นะ ที่เธอทำตอนนี้มันไม่ต่างกับการปล้นสมบัติของชาติเลย ถ้า… ”

    ชั้นรู้ว่าชั้นทำอะไร ไม่ต้องให้นายบอกหรอก และต่อให้เลวเพียงไหนชั้นก็ต้องทำ ชั้นไม่ได้มีทางเลือกเยอะเหมือนคนอื่นๆ เขาหรอก ต่อให้ต้องเป็นคนเลว เป็นยักษ์มารที่ไหนชั้นก็เอาตัวรอดได้

    มันไม่ใช่ถึงคุณจะต้องดิ้นรนแค่ไหนก็ตาม แต่เรื่องที่สมควรไม่สมควรก็ยังมีอยู่นะ

    อย่ามาพูดดีหน่อยเลย นาเดียหันมาเผชิญหน้ากับมาเทโร นายบอกว่าการขโมยมันไม่ดีใช่ไหม ถ้าไม่ขโมยแล้วไม่มีกิน นายก็ว่าผิดหรือเปล่า หรือว่าการขโมยก็ต้องแยกแยะเอาเป็นกรณีๆ อีก เรื่องพวกนั้นนายไม่ต้องมาอธิบายเลยนะ ชั้นไม่ต้องการฟังข้ออ้างพวกนั้นหรอก ชั้นตัดสินใจเองได้ เรื่องที่ต้องทำชั้นก็จะทำ เรื่องที่ไม่อยากทำชั้นก็ไม่ทำ แค่นั้นแหละ ชัดหรือยัง

    นาเดียพูดจบแล้วก็เดินเข้าร้านไปโดยไม่รอคำตอบ ลอกินัสก้มหัวให้เล็กน้อยก็เดินตามนาเดียเข้าไป ทิ้งให้มาเทโรอยู่ข้างนอกคนเดียวโดยที่ไม่ทันได้พูดอะไรเลย นาเดียล้มตัวลงบนที่นอนซุกหน้ากับหมอนที่ห่างกันไปหลายวัน เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องอารมณ์เสียกับมาเทโรด้วย แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือเรื่องที่ยังคาใจอยู่ตอนนี้เพราะคำพูดของมาเทโรซึ่งทำให้เธอสับสนมากกว่าจะอารมณ์เสียซะอีก

    หลายวันผ่านไป นาเดียยังคงพักอยู่ที่เดิม หลังเสร็จงานแล้ววันของนาเดียก็สงบสุขลงราวกับเรื่องเสี่ยงตายที่ผ่านมาเป็นเพียงความฝัน อย่างไรก็ตามวันของลอกินัสก็ยังเหมือนเดิมทั้งยังดูเหมือนหนักกว่าเดิมเสียอีก การได้ออกผจญภัยจริงๆ ทำให้เขารู้ว่าตัวเองยังอ่อนหัดอยู่มาก ก่อนที่นาเดียจะได้งานต่อไป เขาต้องเก่งขึ้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะไม่ต้องเป็นตัวถ่วงอีก

     

    ท่าทางสบายจังนะ นาเดีย แพตตี้ถามขึ้นในเช้าวันหนึ่งขณะที่นาเดียกับลอกินัสทานอาหารเช้าตามปกติ

    งานครั้งที่แล้วได้คาตอบแทนเป็นถังเลยน่ะ คงสบายไปอีกหลายเดือน นาเดียตอบพลางหัวเราะเบาๆ

    อืม เห็นเธอดูมีความสุขดีก็ดีแล้วล่ะ ตอนที่นายนั่นมาติดต่องานดูน่ากลัวออกจะตายไป

    ไม่มีอะไรหรอกน่า ว่าแต่ทางนี้ล่ะ มีอะไรหรือเปล่า?

    ก็ปกติดี มีแค่ท่านเทศมนตรีที่แวะมาทุกวันเลย

    งั้นรึ นาเดียเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อโดยพยายามไม่ให้เสียงขุ่น หมอนั่นมาหาเธอล่ะมั้ง ว่างงานนักรึไงนะ แพตตี้ได้ฟังก็ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน แพตตี้ไม่อยากบอกเลยว่าที่มาเทโรมาทุกวันนี่มาหาใครกันแน่ซึ่งนาเดียคงยังไม่รู้ตัว

    ว่าแต่ช่วงนี้เกิดคดีปล้นเยอะจังนะ แพตตี้เปลี่ยนเรื่องพลางหันไปดูข่าวในโทรทัศน์ที่เปิดไว้

    ปล้นที่ว่านี่ปล้นธนาคารงั้นหรอ นาเดียเหลือบดูเล็กน้อยก็เลิกสนใจ เมื่อก่อนก็มีประปรายนี่นะ ไม่เห็นจะแปลกเลยนี่

    ระยะนี้ปล้นกันมากขึ้นเยอะเลยนะ ยิ่งช่วงสองสามวันหลังเธอกลับมานี่แทบจะปล้นกันรายวันเชียวล่ะ

    ตำรวจมัวทำอะไรอยู่นะ นาเดียเปรยเบาๆ แล้วก็ทานอาหารต่ออย่างไม่ใส่ใจเท่าไร ทันใดนั้นเอง ประตูร้านก็เปิดออกพร้อมกับมาเทโรเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่อิดโรยลงกว่าเดิม

    สวัสดีครับ มาเทโรทักทายสั้นๆ ซึ่งแพตตี้ก็ทักตอบเล็กน้อย ส่วนนาเดียเพียงยกมือทักทายเท่านั้น เมื่อแพตตี้ถามเกี่ยวกับอาหารมาเทโรก็ยกมือห้ามไว้ ไม่ต้องหรอก พอดีมีเรื่องต้องคุยกันสักเล็กน้อยเท่านั้นเอง คุณฮาโรล

    มีอะไร นาเดียกล่าวห้วนๆ หลังจากมีเรื่องกับมาเทโรตอนนั้นเธอก็แทบไม่ได้คุยกับเขาอีกเลย การปรากฏตัวของมาเทโรครั้งนี้ทำให้นาเดียวางตัวยังไม่ค่อยถูกเท่าไร เช่นเดียวกับมาเทโร แต่เขาหาทางออกโดยการใช้ท่าทีเป็นทางการหรือจะเรียกว่าตีตัวถอยห่างออกมามากกว่า

    ผมมีคำถามอยากจะถาม… ” มาเทโรวางแฟ้มงานที่หิ้วมาวางบนโต๊ะแล้วหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งออกมาให้นาเดียดู “ …เกี่ยวกับผู้ชายคนนี้

    นาเดียรับรูปถ่ายมาดูแล้วก็ตกใจเล็กน้อยที่เห็นใบหน้าที่เธอรู้จักอยู่ในรูปนั้น

    บารินเท็น? นาเดียอุทานออกมาเบาๆ พลางมองหน้ามาเทโรเหมือนจะถามเพิ่มเติม

    รู้จัชายคนนี้สินะครับ เขาเป็นผู้ว่าจ้างคนล่าสุดของคุณ

    มีอะไรกันแน่

    ตามรายงานของเรา มีชื่อของเขาพัวพันกับคดีปล้นต่อเนื่องในขณะนี้

    ว่าไงนะ นาเดียเค้นถามเสียงเข้ม ถึงหมอนี่จะเป็นนักค้าวัตถุโบราณแต่ก็ไม่ได้เป็นนักโจรกรรมสักหน่อยนะ สายข่าวนายมั่วหรือเปล่า มาเทโรได้ฟังก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ

    สองวันก่อนที่คุณจะออกเดินทาง เกิดคดีฆาตกรรมขึ้น มาเทโรพูดต่อ ผู้เคราะห์ร้ายเป็นชายแก่นักสะสมวัตถุโบราณคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง บ้านของเขาถูกปล้นและเขาก็ถูกสังหาร พยานในที่เกิดเหตุระบุว่าของที่หายไปมีเพียงแผนที่เท่านั้น

    แผนที่อะไร

    ทางเราไม่ทราบ แต่ตอนนี้ตัวฆาตกรยังลอยนวลอยู่… ”

    ถ้าจะมาหาหลักฐานล่ะก็ไปที่อื่นเถอะ ชั้นไม่ใช่พยานแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าแผนที่นั่นคือแผนที่อะ-ไร บางสิ่งวิ่งเข้ามาในหัวนาเดียซึ่งทำเธอชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็สลัดมันทิ้งไปทันที

    คุณรู้อะไรงั้นรึ?

    เปล่า นาเดียส่ายหน้า ไม่รู้อะไรทั้งนั้น นายมาเสียเวลาเปล่าแล้วล่ะ

    มาเทโรถอนหายใจหน่อยหนึ่งก็พูดต่อ

    ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้คุณให้ความร่วมมือด้วยนะครับ เพราะอาคูรอส บารินเท็นเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง และคุณเป็นคนสุดท้ายที่พบเขาก่อนเกิดเหตุ ยิ่งกว่านั้น… ” มาเทโรเว้นช่วงหน่อยหนึ่งก่อนจะพูดต่อ ตอนนี้ทางเราไม่สามารถหยุดยั้งการปล้นต่อเนื่องนี้ได้แม้แต่ครั้งเดียว

    มันเกิดอะไรกันแน่ นาเดียถาม

    ทางเราไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่เหมือนมีพลังเหนือธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

    หรือว่าจะเป็นฝีมือของพวกเมจ

    ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมคงต้องขอกำลังหน่วย MHS มาจัดการคดีนี้ต่อไป มาเทโรกล่าวพลางลุกขึ้นเก็บเอกสารเข้าแฟ้ม ขอบคุณที่สละเวลาให้นะครับ

    เมื่อมาเทโรจากไปแล้ว นาเดียยังนั่งเงียบอยู่ที่เดิมจนกระทั่งลอกินัสทักขึ้น

    คิดว่ายังไงลูกพี่ ถ้าที่ท่านเทศมนตรีพูดเป็นอย่างนั้นล่ะก็… ”

    ไม่รู้สิ นาเดียตัดบทแต่เหมือนว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่อย่างหนัก

     

    ในคืนนั้นเอง ธนาคารกลางของโรเบลถูกวางกำลังอย่างแน่นหนาเพราะคดีปล้นต่อเนื่องที่เกิดขึ้นอย่างหยุดยั้งไม่ได้ ตำรวจและหน่อยรักษาความปลอดภัยหลายคนถืออาวุธครบมือยืนประจำแต่ละจุดของธนาคารไว้เพราะไม่รู้ว่าจะถูกบุกปล้นเมื่อไร

    นายว่าจะมีใครกล้าปล้นธนาคารที่รอรับมือเต็มที่แบบนี้มั้ย? ตำรวจนายหนึ่งถามเพื่อน

    โอ๊ย มาก็แหลกสิ ใครจะกล้า… ” เพื่อตอบยังไม่ทันจบก็ร่วงลงไปกับพื้นเสียก่อน กระสุนเจาะเข้าที่ตัวอย่างจังจนล้มลงก่อนจะทันรู้ตัวเสียอีก เมื่อเห็นเพื่อล้มลงนายตำรวจคนอื่นๆ ก็พุ่งเข้าหาที่กำบัง แต่ก็ไม่ใช่ทุกนายที่รอด กระสุนพุ่งมาจากความมืดเจาะเข้าที่ร่างของตำรวจคนแล้วคนเล่าอย่างเงียบเชียบ

    รายงาน! รายงาน! พวกเราถูกโจมตี! ” ตำรวจนายหนึ่งที่ยังรอดพยายามส่งข่าว แต่พูดได้เพียงเท่านี้ สายก็ถูกตัด เพราะชายคนหนึ่งเดินเข้ามาบรรจงฝังกระสุนลงบนร่างของเขาในระยะประชิด ปลายกระบอกปืนติดที่เก็บเสียงมีควันลอยออกมาหลังลั่นไก เจ้าของปืนเก็บปืนเข้าซองก่อนจะเดินนำเข้าไปในตัวธนาคารพร้อมกับคนอีกหลายสิบคนตามมา ชายคนนั้นสวมชุดคลุมยาวมีหมวกปิดใบหน้าไว้ เดินเข้าไปอย่างไม่สะทกสะท้านเสียงหวอของตำรวจที่ดังตามมาข้างหลัง

    ทางนี้ล่ะมั้ง ชายคนนำเปรยเบาๆ พลางหยิบแผนผังขึ้นมาดู เมื่อเดินไปอีกสองสามก้าวก็หยุด ตรงนี้ก็พอแล้วล่ะมั้ง พูดจบ ชายคนนั้นก็หยิบบางสิ่งออกมา สายคล้องสีเงินเงาวาวสะท้อนกับแสงไฟในธนาคาร เข็มสีเงินกำลังเดินอยู่บนหน้าปัดที่ตกแต่งด้วยลายแกะสลักงดงาม นาฬิกาสวยงามเรือนหนึ่งกำลังอยู่ในมือของเขา

    ภายในรัศมีสองร้อยเมตร ข้าขอละเว้นกระแสอันยิ่งใหญ่จากมือของท่าน ผู้ควบคุมเวลาผู้ยิ่งใหญ่ ชายคนนั้นเปรยกับตัวเองแล้วก็บิดเกลียวเข็มนาฬิกาเพียงเล็กน้อย เข็มนาฬิกานั้นก็หยุดลงพร้อมกับทุกสิ่งรอบตัว ทั้งของที่กำลังตก ทั้งพรรคพวกคนอื่นๆ ที่เดินตามชายคนนั้นมา เมื่อทุกอย่างหยุดลง ชายคนนั้นแตะนาฬิกาที่พรรคพวกของตน เมื่อขยับตัวได้ก็วิ่งเข้าไปในธนาคารอย่างรู้งาน

    มีเท่าไร กวาดออกมาให้หมด ชายคนนั้นร้องสั่งพลางเปิดหมวกคลุมหัวออก ชายคนนั้นคือบารินเท็นนั่นเอง

    เพียงเวลาไม่นาน พรรคพวกของบารินเท็นก็กลับมาพร้อมกับถุงใบใหญ่หลายถุง ไม่ต้องอธิบายมากก็รู้ว่าพวกเขาไปเอาอะไรมา เมื่อบารินเท็นเห็นทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินนำเตรียมออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้แสงบนนาฬิกาค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ  เวลาที่เขาสามารถควบคุมได้ก็มีจำกัด

    เมื่อออกมานอกธนาคารนั้นเอง ตำรวจก็ล้อมไว้ทุกด้านพร้อมอาวุธครบมือ แต่กระนั้นบารินเท็นกลับยิ้มอย่างมั่นใจ แม้ฝ่ายตรงข้ามจะสั่งระดมยิงเข้ามาแล้ว

    เปล่าประโยชน์น่า

    ทันทีที่กระสุนปืนพุ่งเข้ามาใกล้ ทุกนัดที่ยิงออกมากลับหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศนั้นเอง ท่ามกลางความตกตะลึงของตำรวจ ลูกน้องของบารินเท็นก็กราดยิงใส่ตำรวจล้มไปเป็นใบไม้ร่วง

    ภายในอาณาเขตที่หยุดเวลาไว้ ไม่มีเวลาใดจะผ่านเข้ามาได้เด็ดขาด นอกจากผู้ที่ถูกละเว้นภายในนี้เท่านั้น พวกตำรวจกระจอกอย่างแกทำอะไรไม่ได้หรอกน่า

    เพียงอึดใจเดียว กองตำรวจที่ล้อมอยู่ก็โดนถล่มราบไม่เหลือแม้แต่คนเดียว บารินเท็นเห็นทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ปลดนาฬิกาออก

    เวลาเริ่มเดิน เพียงบารินเท็นกดปุ่มที่นาฬิกาเท่านั้น เวลาทั้งหมดก็เริ่มเดินต่อ ลูกกระสุนที่ค้างอยู่ก็พุ่งตรงไปชนกับกำแพงที่ขวางอยู่เพราะคนที่เคยเป็นเป้าหายไปแล้ว เวลาทั้งหมดเดินต่อเหลือเพียงผลลัพธ์ที่เป็นความย่อยยับของฝ่ายตำรวจเท่านั้น

    อึก!... พลังเวทย์ในตัวของบารินเท็นก็หดหายไปเช่นกัน แต่กระนั้นเขาก็ยังเดินไหว ใช้พลังานไม่น้อยเลยจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ไม่มีใครขวางเราได้อีกแล้ว

    คิดอย่างนั้นรึ

    เสียงหนึ่งแทรกเข้ามาอย่างกะทันหัน เมื่อบารินเท็นหันไปก็เห็นนาเดียกับลอกินัสยืนอยู่ที่อาคารข้างๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรนัก

    นาเดีย ฮาโรล… ” บารินเท็นจ้องกลับด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียวก็ยิ้มออก ไม่เจอกันนานเลยนะครับ

    ตอนแรกก็ไม่เชื่อหรอก จนเห็นกับตาถึงได้รู้ว่าเป็นนายจริงๆ

    ท่าทางอารมณ์ไม่ดีนะครับ

    แหงสิเจ้าบ้า นาเดียพูดเสียงดัง นายไม่ใช่คนลักลอบค้าของเถื่อนแล้ว นายก็แค่อาชญากรปล้นฆ่าเท่านั้นเอง แค่นึกว่าเคยร่วมมือกับนายก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว

    อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ บารินเท็นตอบเรียบๆ พวกเราก็อาชีพเดียวกันไม่ใช่หรือ?

    ว่าไงนะ! ”

    คุณรับจ้างนำคณะเดินทางบุกเข้าไปขโมยของในโบราณสถาน แล้วก็หยิบของที่ต้องการออกมา แบบนั้นก็เรียกว่าเป็นการโจรกรรมเหมือนกันไม่ใช่หรือไง

    มันต่างกัน! ของพวกนั้นไม่มีเจ้าของ! ”

    สมบัติพวกนั้นเป็นสมบัติของแผ่นดิน บารินเท็นโต้ ขโมยของพวกนั้นก็ไม่ต่างจากปล้นชาติตัวเองหรอก ยอมรับเถอะ คุณฮาโรล พวกเราไม่ต่างกัน มาร่วมมือกับเราดีกว่า แล้วคุณจะมีชีวิตสุขสบายไปตลอดชีวิต

    นาเดียได้ฟังแล้วก็นิ่งไปครู่หนึ่ง นึกย้อนไปถึงตอนที่มาเทโรพูดเมื่อหลายวันก่อน คำพูดของบารินเท็นทำให้เธอสั่นคลอนได้ไม่น้อย นึกถึงเรื่องที่ผ่านมา มือของเธอกำแน่นจนลอกินัสสังเกตได้ ในที่สุดนาเดียก็สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดต่อ

    ได้ยินว่ายังไม่มีใครหยุดการปล้นของนายได้เลยสักครั้งเดียวนี่นา นาเดียกล่าวเรียบๆ แต่ได้ยินชัดทุกคน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงนายจะชวนชั้นเข้ากลุ่มไปหารส่วนแบ่งทำไมกันนะ บารินเท็นได้ฟังก็เงียบไป ซึ่งนาเดียเห็นแล้วก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะมีแต่ชั้นที่รู้ความลับของนาฬิกาเรือนนั้นสินะ มีแค่ชั้นกับเจ้าหนูนี่เท่านั้นที่รู้ว่านายทำแบบนี้ได้เพราะอะไร และจะหยุดนายได้ยังไง นายก็เลยต้องดึงชั้นไปเป็นพวกเดียวกันล่ะสิ เพื่อไม่ให้มีใครสามารถต่อต้านนายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ชั้นพูดผิดหรือเปล่า?

    ที่ผมชวนก็เพราะไว้ใจคุณที่เคยร่วมงานกันมา ที่ตอนนั้นผมบอกความลับของนาฬิกานั่นให้ก็เพราะเชื่อใจคุณ นั่นไม่ใช่แผนการ แต่เป็นการแสดงความเชื่อใจต่างหาก

    ถ้าอย่างนั้นก็ขอปฏิเสธย่ะ! ให้ชั้นเป็นโจรอย่างพวกนายไปไม่เอาหรอกมันคลื่นไส้ นายเป็นตัวร้ายไปเถอะ ส่วนชั้นก็จะอัดนายให้เละแล้วยัดใส่ถุงขยะส่งตำรวจเอง

    บารินเท็นได้ฟังก็กำมือแน่นก่อนจะพูดต่อ

    กล้าพูดแบบนั้นได้เชียวรึ นาเดีย ฮาโรล! เธอเองก็เป็นแค่แมวขโมยสมบัติ วันๆ หมกตัวอยู่ในซากโบราณสถานฝุ่นเขรอะ อยากได้อะไรก็ช่วงชิงมาเท่านั้น ถ้าเธอบอกว่าเธอทำเพื่อคุณธรรมล่ะก็นั่นจะเป็นมุกฮาที่สุดของศตวรรษ! ”

    คุณธรรมเรอะ! ความดีเรอะ! เรื่องพวกนั้นช่างมันเถอะน่า ชั้นทำอะไรตามใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ใครก็ตามที่ขวางทางชั้นมันจะโดนอัดจนเละ ไม่ว่าจะเป็นคุณธรรมก็ตาม และนี่คือคำตอบ! อาคูรอส บารินเท็น! ”

    ทันทีที่พูดจบ นาเดียก็ชักปืนออกมาพร้อมกับลั่นไกสามนัดรวด พริบตานั้นเองร่างของลุกน้องบารินเท็นที่ถือถุงเงินอยู่ก็ล้มลงกับพื้นทันที เป็นสัญญาณให้บารินเท็นลงมือเช่นกัน คนของเขากระจายตัวเข้าที่กำบังก่อนจะสาดกระสุนใส่นาเดียกับลอกินัสชุดหนึ่ง แต่ทั้งสองคนก็กระโดดหายไปแล้ว และก่อนที่บารินเท็นจะรู้ตัว ลูกน้องของเขาก็โดนยิงล้มไปอีกคน นาเดียบุกเข้ามาเร็วราวกับเงาท่ามกลางแสงไฟสลัวบนถนนเส้นนั้นร่างของเธอแทบจะหายไป

    หายไปไหนแล้ว! ” ลูกน้องของบารินเท็นคนหนึ่งร้อง ซึ่งเพียงเขาโผล่หน้าขึ้นมาจากรถตำรวจที่จอดทิ้งไว้เพื่อมองหาเท่านั้น เชื่อกเส้นหนึ่งก็พุ่งเข้ามารัดคอไว้ก่อนจะถูกกระตุกลากไปกับพื้นถนนจนหมดฤทธิ์ เมื่อมีการเคลื่อนไหว นาเดียจะจับไว้ได้ทันทีและความสามารถของลูกน้องบารินเท็นก็ห่างชั้นกับนาเดียมากนัก นาเดียยิงสลับกับวิ่งหลบหาที่กำบังกระสุนปืนที่ยิงมาที่เธอราวกับฝน ต้องขอบคุณรถตำรวจที่จอดทิ้งไว้จึงมีที่ให้เธอหลบกระสุนอย่างเหลือเฟือ

    ตรงนั้น! ” ลูกน้องคนหนึ่งร้องพลางยิงปืนกลสกัดไม่ให้นาเดียหลบออกมาจากที่กำบังได้ แล้วอีกคนหนึ่งก็โยนบางสิ่งตามเข้าไป มันคือระเบิดมือนั่นเอง และนาเดียก็ไม่มีให้หนีแล้ว

    ทันใดนั้นเอง ลูกระเบิดก็โดนปัดกระเด็นไปพร้อมกับร่างของลอกินัสและดาบในมือ ลูกระเบิดกระเด็นไปอีกฝั่งถนนหนึ่งก่อนจะระเบิดดังสนั่น

    นี่มาปล้นรึมาก่อจลาจลเนี่ย ลอกินัสสบถก่อนจะวิ่งเข้าหาที่กำบังพร้อมกับลูกปืนที่ไล่ตามหลังมา แต่จังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามมัวสนใจลอกินัส นาเดียก็ได้ช่องยิงสวนกลับจนลูกน้องของบารินเท็นร่วงไปอีกสองคน และคนอื่นๆ ก็พยายามยิงให้ถูกนาเดียบ้างแต่ก็ไม่สามารถตามความเร็วของเธอทัน

    นี่แหละ กาเซลล์สเต็ป  ลอกินัสเปรยเบาๆ หลังจัดการลูกน้องของบารินเท็นได้อีกคนหนึ่ง การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วบิกพลิ้วได้เหมือนก้าวย่างของกวาง แค่มองตามน่ะ ตามความเร็วของลูกพี่ไม่ทันหรอกเฟ้ย! ”

    นาเดียจับลูกน้องของบารินเท็นบิดข้อมือก่อนจะเหวี่ยงร่างของเขาลอยขึ้นฟาดพื้นดังโครมใหญ่ แต่ก็เปิดช่องว่างให้คนอื่นเล็งมาที่เธอได้ แต่เพียงพริบตาก่อนลั่นไก นาเดียก็ถีบพื้นหลบไปข้างๆ ยันตัวกับรถตำรวจอีกครั้งก่อนจะถีบตัวกระโดดลอยหมุนตัวลั่นไกกลางอากาศ ส่งลูกน้องของบารินเท็นล้มลงไปอีกคนหนึ่ง

    บ้าจริง! ” บารินเท็นสบถเบาๆ เมื่อเห็นลูกน้องตัวเองโดนเล่นงานทีละคน

    แล้วจะรู้ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับชั้นมันน่ากลัวแค่ไหน บารินเท็น เสียงของนาเดียดังขึ้นข้างๆ ซึ่งบารินเท็นหันตามทันที แต่ก็ช้าไป มือของบารินเท็นโดนจับบิดไปทางหนึ่งแล้วเหวี่ยงออกไปกลางถนน

    ทางนั้นเรียบร้อยแล้วลูกพี่ ลอกินัสเดินเข้ามาล้อมบารินเท็นไว้ และนาเดียก็ไม่ยอมละสายตาจากศัตรู บารินเท็นที่เหลือเพียงตัวคนเดียวแล้วตอนนี้ก็หมดทางหนี

    โทษทีเถอะ นายมันอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นหัวหน้าจริงๆ เลย นาเดียกล่าว ว่าไปก็ไม่เคยเห็นนายสู้ใครเลยนี่ เป็นมันสมองของกลุ่มที่ร่างกายปวกเปียกหรือไง เอ้า ชูมือขึ้นทั้งสองข้างนั่นแหละ ลอกินัส ไปเอานาฬิกานั่นมา! ”

    ได้ทีเลยนะ นาเดีย ฮาโรล เธอเองก็ต้องการนาฬิกานี่เหมือนกันสินะ

    ของแบบนั้นที่ใช้ครั้งเดียวก็หมดแรงน่ะชั้นไม่อยากได้หรอกย่ะ เอ้า อย่าชักช้า… ” นาเดียเงียบเสียงลงเล็กน้อยเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก เธอใช้เพียงครั้งเดียวก็ถูกดูดพลังไปจนหมดแล้ว แล้วที่การปล้นเมื่อครู่นี้บารินเท็นใช้ไปครั้งหนึ่งแล้วยังเดินลอยหน้าได้สบายๆ แบบนี้อีกล่ะ? นาเดียพยายามไม่คิดในส่วนนั้น แต่สังหรณ์ร้ายของเธอก็กวนใจเธอจนสลัดไม่หลุด

    นึกอะไรออกหรือไง นาเดีย ฮาโรล บารินเท็นยิ้มขณะชูมือขึ้นสองข้าง ลอกินัสก็กำลังเข้าไปค้นตัวเพื่อหานาฬิกานั้น อย่าได้ดูถูกกันเชียวนะ

    ลอกินัส ถอยออกมา! ” นาเดียร้องลั่น แต่ก็ช้าไป มือของบารินเท็นเปล่งแสงออกมาสว่างจ้าพร้อมกับแท่งน้ำแข็งพุ่งออกมาแทงเข้าใส่ตัวลอกินัสเต็มที่ ร่างของเด็กชายลอยคว้างกระเด็นข้ามหัวนาเดียไปกระแทกพื้นถนนเสียงดัง

    ลอกินัส! ” นาเดียร้องขณะก้มดูอาการของเด็กชาย

    สบายมากลูกพี่ แค่เฉี่ยวไปเท่านั้นเอง ลอกินัสฝืนยิ้มให้ และจังหวะที่เธอผละจากบารินเท็นนั้นเอง เธอก็พลาด

    บอกแล้วว่าอยาดูถูกผมให้มากนัก บารินเท็นลุกขึ้น มือทั้งสองข้างของเขาสวมถุงมืออยู่และในช่องหลังถุงมือนั้นเอง แผ่นหินสองแผ่นกำลังเปล่งแสงออกมาสว่างจ้า

    มิซติกงั้นรึ นาเดียกัดฟันแน่น ที่แท้นายก็เป็นเมจนี่เอง

    ถูกต้อง บารินเท็นหัวเราะเบาๆ คนทั่วไปได้นาฬิกานี่ไปก็ใช้ได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ แต่ถ้าเป็นเมจที่มีพลังเวทย์เหลือเฟือล่ะก็ จะสามารถดึงพลังของนาฬิกานี่ได้สูงสุด วางใจได้ นาเดีย ฮาโรล ไม่ต้องใช้นาฬิกานี่ ชั้นก็สามารถชนะเธอได้สบาย

    พูดจบ แท่งน้ำแข็งก็พุ่งเข้าใส่นาเดียอย่างรวดเร็ว นาเดียกับลอกินัสหลบไปคนละทางก่อนที่แท่งน้ำแข็งจะเสียบถนนเป็นรูใหญ่ นาเดียเล็งปืนไปที่บารินเท็นแล้วก็ลั่นไกอย่างรวดเร็ว

    เปล่าประโยชน์ Shield! - 

    ม่านพลังกางขึ้นรอบตัวบารินเท็นสะท้อนกระสุนของนาเดียออกไปจนหมด จังหวะที่นาเดียกำลังอึ้งอยู่นั้นเอง บารินเท็นก็ยิงเวทย์ตามมา

    “ Frost Magnum! ”

    ลำแสงสีฟ้าพุ่งเฉี่ยวขานาเดียไปเล็กน้อย แต่ขากางเกงของเธอก็จับเป็นน้ำแข็งเสียแล้ว แท่งน้ำแข็งแหลมคมพุ่งตามมาอีกครั้ง แต่ลอกินัสเข้ามาขวางไว้ได้ แต่ก็กระเด็นไปทั้งคนทั้งดาบ ลอกินัสกระเด็นไปกระแทกกับรถที่จอดอยู่จนยุบไป นาเดียใช้ช่วงว่างนั้นพุ่งเข้าใส่บารินเท็นอีกครั้งแต่ก่อนจะถึงแท่งน้ำแข็งก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้นาเดียหลบได้อย่างไม่ยากเย็น ความเร็วของแท่งน้ำแข็งตามเธอไม่ทันและถ้าบุกถึงตัวได้เธอก็ชนะ

    “ Slow! ”

    บารินเท็นร่ายเวทย์ใส่เธออีกครั้ง ร่างกายของเธอหนืดลงราวกับถูกถ่วงไว้ด้วยลูกตุ้มเหล็กและเธอก็ไม่รู้วิธีแก้

    “ Forcepeller! ”

    บารินเท็นยิงเวทย์อัดเข้าใส่อีกครั้งจนนาเดียกระเด็นไปชนกับรถตำรวจอย่างแรง

    ว่ายังไงล่ะ นาเดีย ฮาโรล บารินเท็นหัวเราะลั่น ถึงเธอจะมีฝีมือแค่ไหนก็เก่งได้แต่กับพวกฟิสิกส์ด้วยกันเท่านั้น เธอรับมือเมจอย่างชั้นไม่ได้หรอก ได้ยินว่าเธอเกลียดเมจเข้าไส้เลยนี่นา รู้สึกยังไงบ้างที่ต้องโดนเมจเล่นงาน ถ้ายอมร่วมมือกันก็ไม่ต้องจบแบบนี้แล้วแท้ๆ น่าสมเพชจริงๆ นาเดียไม่ตอบอะไร บารินเท็นจึงเตรียมลงมือต่อ แท่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นเหนือหัวนาเดียเตรียมที่จะเสียบลงไป ลาก่อน นาเดีย ฮาโรล

    ทันใดนั้นเอง บางสิ่งก็พุ่งเข้ามาชนแท่งน้ำแข็งจนแหลกละเอียด จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่บารินเท็นอย่างรวดเร็ว ถึงบารินเท็นจะตกใจแต่ก็ยังกุมสติร่ายเวทย์ป้องกันตัวได้

    “ Shield! ”

    โล่แสงป้องกันร่างของบารินเท็นไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่บางสิ่งจะรัดเข้ามาได้ เมื่อมันหยุดนิ่งบารินเท็นจึงเห็นว่ามันคืออะไร ร่างนั้นคือร่างที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีแดงของงูตัวใหญ่รัดม่านพลังของเขาไว้แน่น เจ้างูใหญ่แลบลิ้นสองแฉกของมันเข้าออก ตาจ้องบารินเท็นเขม็ง ส่วนหัวมีบางสิ่งคล้ายโลงศพติดอยู่ มันขู่ฟ่อเสียงดังน่ากลัว หากไม่มีโล่แสงแล้วบารินเท็นคงโดนรัดกระดูกป่นแน่นอน

    นี่มัน… ” บารินเท็นเปรย ทันใดนั้นเอง ร่างของคนอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในระยะแสงไฟ

    นายเองก็อย่าเก่งแต่กับพวกฟิสิกส์สิ ร่างนั้นกล่าวพลางเดินเข้ามาใกล้ช้าๆ ถ้าอยากจะหาคู่มือที่สูสีล่ะก็… ” ในที่สุดเจ้าของร่างก็ปรากฏตัว เป็นชายในชุดคลุมสีน้ำตาลโพกหัวด้วยผ้าสีเดียวกัน ไว้หนวด มือถือไม้เท้าสีทองเงาวาวปลายเป็นรูปหัวสัตว์ หาคู่ต่อสู้ที่เป็นเมจเหมือนกันดีกว่ามั้ง อาคูรอส บารินเท็น

    มาเทโร แกรนด์ฟิลด์… ” บารินเท็นสบถเบาๆ เมื่อเห็นเจ้าของเสียงชัดๆ สีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยแต่เพียงครู่เดียวก็กลับเป็นปกติ นายตามรอยชั้นมาตั้งนานแล้วนี่นา

    ถูกต้อง เพราะชั้นไม่เชื่อว่านายจะเป็นแค่นักค้าวัตถุโบราณไปตลอดชาติน่ะสิ ทีนี้ยอมจำนนได้รึยัง? สภาพแบบนั้นอย่าดิ้นรนเลยจะดีกว่า ชาลโลวเกรฟแมมบ้าของชั้นอารมณ์ไม่ดีวันนี้ ถ้าดิ้นรนนักศพจะไม่สวยเอา

    อะไรกัน ยังไม่ทันสู้ก็ให้ยอมแพ้แล้วรึ บารินเท็นยิ้มอย่างไม่ยอมจนมุม พร้อมกับร่ายเวทย์อีกครั้ง พริบตานั้นเอง แสงไฟก็ระเบิดออกมาจากรอบตัวบารินเท็นพร้อมกับไอร้อนระอุ แต่ก่อนหน้านั้น ร่างของงุยักษ์ก็ถอยออกมาก่อนจะโดนเข้าไป เข้ามาเลย มาเทโร! ”

    มาเทโรเหลือบมองนาเดียหน่อยหนึ่งก็พูดเบาๆ

    ถึงจะต้องโดนคุณเกลียดก็ไม่เป็นไร มาเทโรกล่าว อย่างน้อยผมก็ไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรแน่นอน

    มาเทโรนี่นาย

    มาเทโรไม่ตอบแต่ควงไม้เท้าร่ายเวทย์อัดเข้าใส่ตัวงูของเขา

    “ Dignity Haste! ”

    ร่างของแมมบ้าพุ่งเข้าใส่บารินเท็นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเขี้ยวแสยะกว้าง บารินเท็นสร้างแท่งน้ำแข็งขึ้นมาป้องกันไว้ได้ แต่แรงของมันก็ดันร่างของเขาไถลไปอย่างง่ายดาย บารินเท็นพยายามใช้แท่งน้ำแข็งแทงสวนกลับแต่ก็โดนปัดกระเด็นขึ้นไปเสียก่อน ระหว่างที่บารินเท็นพยายามจะตั้งตัวอยู่นั้นเจ้างูยักษ์ก็พุ่งตามขึ้นมา

    “ Frost magnum! ”

    ลำแสงสีฟ้าพุ่งลงมาใส่งูของมาเทโรตรงๆ แต่เพียงเสี้ยววินาทีมันก็เอี้ยวตัวหลบได้พร้อมกับแยกเขี้ยวเตรียมงับบารินเท็น แต่บารินเท็นก็รับมือทันเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด เขี้ยวของเจ้างูยักษ์หยุดตรงหน้าเขาพอดี บารินเท็นร่ายเวทย์เตรียมอัดใส่เจ้างูยักษ์ แต่ก็แทบจะเป็นจังหวะเดียวกับมาเทโร

    “ Flare! ”

    “ Dignity ward! ”

    บารินเท็นระเบิดไฟใส่เจ้างูยักษ์ในระยะประชิดจนแทบจะสัมผัสกันได้ แรงระเบิดทำให้ร่างของบารินเท็นกระเด็นออกมาเล็กน้อยแต่ก่อนที่ฝุ่นควันจะจางลง หัวของเจ้างูยักษ์ก็พุ่งฝ่าควันออกมา

    อะไรกัน! ”

    บารินเท็นใช้การตอบสนองเต็มที่ในการป้องกันตัวแต่ก็ไม่ทันจึงโดนกระแทกกระเด็นไปอัดกับผนังตึกข้างๆ อย่างแรง งูของมาเทโรเลื้อยกลับมาหาเจ้านายหลังเสร็จงาน ทั้งคู่รอดูท่าทีศัตรูอย่างไม่ยอมไว้ใจ และก็อย่างที่คาด บารินเท็นค่อยๆ ก้าวออกมาจากเศษหินที่ร่วงกราวลงมาพร้อมกับบางสิ่งในมือ ซึ่งนาเดียเห็นแล้วก็ตกใจอย่างที่สุด

    นาฬิกานั่น! ”

    นาฬิกา? มาเทโรยังไม่เข้าใจ

    ไม่นึกว่าจะต้องเปลืองแรงขนาดนี้ บารินเท็นกล่าวพลางหอบหายใจ แต่อย่างว่า ถ้าจะลุยกับเซียนเวทย์อัญเชิญอย่างนายล่ะก็ ต้องเตรียมเหนื่อยลากไว้ได้เลย พูดจบบารินเท็นก็เอื้อมมือไปจับที่เกลียวนาฬิกา

    มาเทโร! อย่าให้มันบิดเกลียวนั่นได้เด็ดขาดนะ นาเดียร้องพลางยกปืนขึ้นเล็งไปที่บารินเท็น มาเทโรเองไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ก็สั่งงูของเขาพุ่งไปหาบารินเท็นทันที

    ขอให้ทันทีเถอะ! ” นาเดียร้องแล้วก็ลั่นไก

    เวลาเอ๋ย จงหยุด! ” บารินเท็นร้องลั่นพร้อมกับกดปุ่ม หลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็หยุดนิ่งไปอีกครั้ง กระสุนของนาเดียหยุดอยู่ตรงหน้าเขาไปเพียงไม่กี่คืบ แมมบ้าเองก็เช่นกัน ทั้งงูทั้งเจ้าของ ทั้งนาเดีย หยุดนิ่งไปราวกับรูปปั้น

     ชั้นชนะแล้ว… ” บารินเท็นกล่าวพลางยิ้มอย่างมีชัย

     

    อีกด้านหนึ่ง ลอกินัสที่โดนเล่นงานไปก่อนหน้านี้ก็ลุกขึ้นมา หัวของเขายังมึนๆ อยู่ ลอกินัสเอามือกุมขมับจนหัวเริ่มเข้าที่ก็เริ่มสังเกตสิ่งรอบตัว และภาพที่เห็นก็คือร่างของนาเดีย มาเทโร และงูของเขาหยุดนิ่งเป็นรูปปั้น และบารินเท็นที่มีนาฬิกาอยู่ในมือก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นโชคดีของเขาที่อยู่นอกระยะของนาฬิกาพอดี

    บ้าจริง ลอกินัสพยายามลุกขึ้นยืน เด็กชายโล่งใจที่ยังสามารถยืนไหว แต่ดาบของเขาหักเป็นสองท่อนเสียแล้ว เด็กชายมือเปล่าตอนนี้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ลอกินัสขว้างเศษหินเข้าไปก็หยุดกึกอยู่อย่างนั้น

    เปล่าประโยชน์น่าเจ้าหนู บารินเท็นสังเกตเห็นลอกินัสในที่สุด การที่แกอยู่นอกระยะน่ะโชคดีสุดๆ แล้ว แต่ก็ไม่ต่างอะไร เพราะจัดการสองคนนี้เสร็จ ถึงไม่ต้องหยุดเวลาก็จัดการแกได้ง่ายกว่าเหยียบเปลือกกล้วยหกล้มเสียอีก

    ลอกินัสกัดฟันแน่นมองดูบารินเท็นเรียกแท่งน้ำแข็งเตรียมจะลงมือปลิดลมหายใจนาเดียกับมาเทโรโดยที่ไม่สารมารถทำอะไรได้ ยิ่งเห็นนาเดียที่เป็นญาติคนเดียวของเขาในตอนนี้กำลังจะจากไปโดยที่ไม่มีทางต่อต้าน และตัวเขาทำอะไรไม่ได้ ความรู้สึกเจ็บใจเอ่อล้นเข้ามาจนกลั้นไม่อยู่ แต่ไม่ว่าจะร้องไห้ฟูมฟายเพียงไรก็ไม่อาจเปลี่ยนอะไรได้ ลอกินัสขว้างดาบที่หักของเขาใส่แต่ก็หยุดกึกอยู่กลางอากาศนั้นเอง

    หยุดนะ!!!!!!! ”

    ลอกินัสตะโกนลั่น แต่บารินเท็นไม่ได้ใส่ใจ ตราบใดที่เขายังอยู่ในขอบเขตนั้นอะไรก็เข้ามาไม่ถึงตัวเขาเด็ดขาด

    ทันใดนั้นเองลอกินัสก็เหลือบเห็นห่อผ้าสีดำที่นาเดียติดตัวไว้ตลอดตกอยู่ ลอกินัสจำได้ว่าเป็นดาบที่นาเดียได้มาก่อนหน้านี้ เด็กชายจับมันไว้แน่น แม้จะรู้ว่าไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมอยู่เฉยได้เหมือนกัน ลอกินัสยกมันขึ้นมาสะบัดผ้าออกเผยคมดาบเงาวาวและตัวดาบที่ทำอย่างประณีตสวยงามออกมา ลอกินัสร้องลั่น มือกำดาบแน่นวิ่งเข้าใส่บารินเท็นอย่างไม่คิดชีวิต

    บ้าไปแล้วหรือไง เจ้าหนู บารินเท็นยังไม่ใส่ใจ ไม่ว่าอะไรก็ฝ่าเข้ามาไม่ได้ เด็ดขาด

    เสียงของบารินเท็นขาดหายไปเมื่อเห็นลอกินัสวิ่งลากดาบเข้ามาบุกเข้ามาถึงอาณาเขตของเขาและก้าวถัดมายังวิ่งต่อได้ ประกายสีน้ำเงินแตกออกมาเมื่อลอกินัสวิ่งเข้ามาในอาณาเขตของเขาพร้อมกับตัวดาบที่เปล่งแสงออกมา

    บ้าน่า! ”

    อาคูรอส บารินเท็น!!!!! ”  ลอกินัสร้องลั่นพลางยกดาบเตรียมพร้อม

    ก็ได้! ถ้าอยากตายขนาดนั้นจะสงเคราะห์แกก่อนเลยแล้วกัน เจ้าหนู! ” บารินเท็นหันมารับมือลอกินัสแทน แท่งน้ำแข็งขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่ลอกินัสตรงเผ็ง

    อย่าบังอาจทำร้ายลูกพี่เชียวนะเจ้าบ้า!!! ” ลอกินัสร้องพลางตวัดดาบเข้ารับ เพียงตัวดาบสัมผัสเท่านั้น แท่งน้ำแข็งก็สลายไป คนที่ตะลึงที่สุดคงไม่พ้นบารินเท็นแต่ก็ไม่มีเวลามากนัก เพราะลอกินัสบุกมาถึงตัวแล้ว

    “ Shield!!! ”

    บารินเท็นใช้สติสุดท้ายร่ายเวทย์ป้องกันตัว เพียงเสี้ยววินาทีก่อนดาบของลอกินัสจะถึงตัว แต่พริบตาถัดมาเขาก็รู้ตัวว่าคิดผิด ดาบของลอกินัสเปล่งแสงออกมาก่อนจะผ่านม่านพลังของบารินเท็นเข้าไปเฉือนร่างของเขาเต็มๆ

    บะบ้าที่สุด บารินเท็นกล่าวขณะเอนตัวล้มลง แผลของเขายังตื้นเกินไปที่จะพรากวิญญาณของเขาได้ แต่ลอกินัสก็หอบหายใจเต็มที่แล้วเช่นกัน

    ทำไมทำไมหยุดเวลาแล้วไม่มีผลกับเจ้าเด็กนี่! ทำไม่เวทย์มนต์ไม่ได้ผล! ” บารินเท็นกุมแผลไว้แน่น มือข้างหนึ่งจับนาฬิกาไว้ ข้าไม่ยอมรับเด็ดขาด! ” บารินเท็นร้องลั่นพลางบิดเกลียวนาฬิกาย้อนไปอีก ทุกสิ่งในอาณาเขตของนาฬิกาก็เริ่มบิดเบี้ยวไป ข้าไม่ยอมรับ! ข้านี่แหละผู้ที่จะควบคุมเวลาทั้งมวล! ” ยิ่งบารินเท็นบิดเกลียวย้อนเท่าไรสภาพรอบตัวก็ยิ่งเปลี่ยนไป ทุกอย่างบิดเบี้ยวไปจนเหมือนภาพสะท้อนยืดๆ ในกระจกโค้ง ข้าไม่เชื่อว่าพลังของข้าจะแพ้เจ้าเด็กนี่! จงหายไปจากเวลาซะ! จงหาย…! ”

    เสียงของบารินเท็นขาดห้วงไปเพราะบางสิ่งกำลังลงมาเหนือร่างของเขา บรรยากาศกดดันค่อยๆ แผ่ออกมากว้างขึ้นจนลอกินัสก็สัมผัสได้ ทันใดนั้นเอง ร่างของใครคนหนึ่งก็ปรากฏออกมา เป็นชายในชุดเกราะสีเงิน มีหมวกปิดใบหน้าไว้ ผ้าคลุมขาดรุ่งริ่ง มือข้างหยึ่งถือไม้เท้าหัวเป็นรูปนาฬิกา มือีกข้างหนึ่งถือหนังสือเล่มใหญ่ไว้ เพียงจ้องมองดูร่างนั้นก็ทำให้ลอกินัสขาสั่นแล้ว

    ลูกหลานแห่งเอลรอยเอย ร่างนั้นเปล่งเสียงออกมาโดยที่ลอกินัสไม่เห็นว่าพูดอยู่หรือไม่ แต่เป็นเสียงที่กังวานจนน่ากลัว เจ้ากำลังทำผิดเช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษของเจ้าเคยทำ

    บัดซบที่สุด บารินเท็นกัดฟันแน่นขณะมองดูร่างนั้น ท่านเข้ามายุ่งเรื่องของพวกเราอีกทำไมกัน ไอออน! ”

    เป็นหน้าที่ของข้า หากมีผู้ที่ทำให้เวลาบิดเบือนล่ะก็ ต้องลงโทษมันผู้นั้นอย่างสาสม

    เหมือนที่ท่านเคยทำกับบรรพบุรุษของข้าสินะ บารินเท็นตอบ แต่ข้าไม่ยอมเป็นเช่นนั้นแน่ นาฬิกาเรือนนี้เป็นของสายโลหิตข้า ข้าย่อมมีสิทธิ์ใช้มันอย่างชอบธรรม ท่านอย่าได้สอดมือยุ่งเชียว! ”

    เจ้ามนุษย์โง่งม เสียงนั้นคำราม อย่าลืมเสียล่ะ บรรพบุรุษของเจ้าสร้างมันขึ้นมาจริง แต่สร้างขึ้นภายใต้นามของข้า หากใช้มันบิดเบือนเวลาของโลกเช่นบรรพบุรุษของเจ้าแล้วก็ต้องรับโทษอย่างเดียวกัน

    พูดจบ ร่างนั้นก็เปิดหนังสือออก วงเวทย์ก็ปรากฏขึ้นรอบตัวของบารินเท็นพร้อมกันนั้นร่างของบารินเท็นก็ค่อยๆ ถูกกลืนเข้าไป

    บ้าจริง! ทุกอย่างเป็นของข้าโดยชอบธรรม แล้วทำไมไม่ยอมให้ข้าได้ใช้มัน บารินเท็นกัดฟันเปรยกับตัวเอง

    สิ่งนั้นไม่ใช่ของของเจ้า ไม่ใช่ของของใครทั้งนั้น เวลาเป็นของทุกคน เป็นสิ่งที่ทุกคนมีสิทธิ์จะได้อย่างเท่าเทียมกัน คนที่ดึงเวลาเป็นของตัวเองนับเป็นความชั่วช้าอย่างที่เปรียบไม่ได้

    ร่างของบารินเท็นถูกดูดหายไปพร้อมกันนั้นร่างชายลึกลับก็หายไปด้วย ภาพที่บิดเบี้ยวรอบตัวก็กลับสู่สภาพเดิม ลอกินัสรู้สึกเหมือนเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นหอบหายใจแรงโดยไม่รู้สาเหตุ ตรงหน้าเขานั้นเอง นาฬิกาของบารินเท็นตกอยู่โดยไม่มีวี่แววเจ้าของ ลอกินัสเดินเข้าหยิบมันขึ้นมาพิจารณาดูใกล้ๆ ก็เปรยกับตัวเองเบาๆ

    คนที่แย่งชิงเวลาคนอื่นไปเป็นคนที่เลวสุดๆ งั้นรึ ลอกินัสเปรย แล้วทำไมยังทิ้งไอ้ของพรรค์นี้ไว้อีกฟะ ลอกินัสพูดแล้วก็ทิ้งนาฬิกาเรือนนั้นลงบนพื้นก่อนจะเหยียบซ้ำจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ จะบอกว่าบาปของคนก็ต้องให้คนจัดการงั้นสิ รึจะบอกว่าอยากเล่นสนุกกับคนมากกว่านี้? ช่างมันเถอะ

    ลอกินัสนึกได้ก็หันไปหานาเดียที่ล้มลงกับพื้น มาเทโรก็เช่นกัน เวลากลับเป็นปกติแล้ว ลอกินัสได้แต่ยืนเอาดาบค้ำไว้ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกแล้วถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกรับกับเสียงรถพยาบาลที่ดังใกล้เข้ามา คืนอันวุ่นวายก็จบลง

    วันรุ่งขึ้น ที่ร้านของแพตตี้ที่เดิมของนาเดีย นาเดียกับลอกินัสไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายจึงสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว

    ดาบเล่มนี้น่ะหรอ? นาเดียถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดเมื่อคืน

    ใช่ลูกพี่ ดาบที่ลูกพี่ตบมาเมื่อคราวก่อนนั่นแหละ ผ่าแท่งน้ำแข็งนั่นเป็นสองท่อนเลย ผมไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำ

    หรือจะเป็นดาบที่ตัดพลังเวทย์ได้อย่างที่มีในการ์ตูน แพตตี้ให้ความเห็นอย่างตื่นเต้น

    เว่อน่า นาเดียตัดบท ที่น่าตกใจกว่านั้นคือเจ้าบารินเท็นมากว่า ไม่รู้เลยว่าหมอนั่นเป็นเมจ

    อืม อีกคนด้วยนะ ลอกินัสบอกพร้อมกับร่างของมาเทโรเดินเข้ามาในร้าน นาเดียแกล้งทำเป็นไม่เห็นเบือนหน้าหนีไปทางหนึ่ง

    สวัสดีครับ มาเทโรทักทาย โดยที่ลอกินัสกับแพตตี้ก็ทักตอบอย่างร่าเริง แต่นาเดียเพียงยกมือตอบเท่านั้นบาดแผลไม่เป็นไรแล้วสินะครับ

    อืม ไม่ต้องห่วงหรอก นาเดียตอบ มาเทโรถอนหายใจหน่อยหนึ่งก็นั่งลง

    ต้องขอบคุณทั้งสองคนที่ให้ความร่วมมือในการหยุดการโจรกรรมต่อเนื่องครั้งนี้นะครับ มาเทโรกล่าวอย่างเป็นทางการ

    หยุดอะไรล่ะ จับตัวหัวโจกไม่ได้สักหน่อย นาเดียตอบห้วนๆ

    มาเทโรมองหน้าลอกินัสหน่อยหนึ่งก็รู้ว่าเด็กชายไม่ได้เล่าให้ฟังว่าเจออะไรมา การปรากฏตัวของชายลึกลับคนนั้นเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติเช่นเดียวกับเวทย์มนต์ที่นาเดียเกลียดเข้าไส้ บอกไปก็คงไม่เชื่อ แต่มาเทโรนั้นน่าจะเข้าใจมากกว่า

    อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณมากที่คุณมาตอนนั้น เหมือนผู้ผดุงคุณธรรมอย่างไงอย่างนั้นเลยทีเดียว

    พูดอะไร ชั้นแค่อยากทำเท่านั้นแหละ

    แล้วก็ขอโทษที่ปิดบังนะครับ

    เรื่องอะไร?

    ที่ผมเป็นเมจ มาเทโรพูดจบนาเดียก็เงียบไป มาเทโรถอนหายใจหน่อยหนึ่งก็ลุกขึ้น ที่มาก็เท่านี้ล่ะครับ ขอโทษที่รบกวน

    เดี๋ยวก่อนสิ นาเดียพูดขึ้นในที่สุด จะเป็นเมจหรืออะไรก็ช่าง ตอนนั้นนายช่วยชั้นไว้ไม่ใช่หรอ จะไม่เปิดโอกาสให้ชั้นตอบแทนเลยหรือไง นาเดียเงยหน้ามองมาเทโรก่อนจะพูดต่อ นั่งลง ชั้นจะเลี้ยงมื้อเช้านายเอง

    มาเทโรยิ้มหน่อยหนึ่ง ทั้งแพตตี้ทั้งลอกินัสก็เช่นกัน เวลาของนาเดียกับมาเทโรก็เดินต่อไปอย่างที่ไม่มีอะไรจะหยุดได้ เวลาที่ทั้งสองคนเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

    จนกระทั่งหลายเดือนผ่านไป เมืองโรเบลเต็มไปด้วยผู้คนหลายร้อยหลายพันมารวมตัวกันที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของเทศมนตรี

    ลูกพี่แต่งตัวเสร็จหรือยัง ลอกินัสในชุดเป็นทางการวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องโถงขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ ภายในนั้นมีคนอยู่หลายคนแต่คนที่สะดุดตาที่สุดคือหญิงสาวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ เธอคือนาเดียนั่นเอง

    วิ่งวุ่นอะไรลอกินัส นาเดียบอกพลางเดินเข้ามาหาเด็กชาย

    งานจะเริ่มแล้วนะ ลูกพี่พร้อมรึยัง

    พร้อมตั้งนานแล้วย่ะ นายนั่นแหละตื่นไปเอง อ้าวพกเจ้านี่มาด้วยรึ? นาเดียชี้ไปที่ดาบที่ลอกินัสพกอยู่กลางหลัง

    ผมขอยืมไปฝึกตอนเช้าน่ะ ว่าจะเอามาคืน

    งั้นรึ? นาเดียยิ้มหน่อยหนึ่ง ขณะนั้นคนอื่นๆ ทยอยเดินออกจากห้องแล้วเหลือเพียงลอกินัสกับนาเดียเท่านั้น วันนี้เป็นวันมงคล นายจะพกดาบมาทำไมกัน?

    ว่างั้นเหอะ เจ้าสาวโลกไหนพกปืนมางานแต่งตัวเองล่ะ ลอกินัสเถียงพลางชี้ไปที่ปืนพกที่นาเดียยังพกติดตัวไว้แม้จะในชุดแต่งงานก็ตาม ซึ่งนาเดียได้ฟังก็หัวเราะ

    ท่าทางชั้นจะทิ้งนิสัยเดิมไม่ได้เลยแฮะ นาเดียถอนหายใจ เจ้านี่ชั้นได้มาจากเพื่อนน่ะ เพื่อนเก่าที่เคยร่วมงานมาด้วยกัน ถึงพวกนั้นจะไม่อยู่แล้วก็เถอะ

    พวกนั้น?

    ไซรีน-ลาน่า นาเดียพูดต่อ ชื่อของสองคนนั้น ถึงเจ้าตัวจะไม่อยู่แต่ปืนกระบอกนี้ก็ยังอยู่แทนพวกเขานะ นาเดียยิ้มหน่อยหนึ่งก็พูดต่อ การส่งบางสิ่งบางอย่างต่อน่ะมันวิเศษนะ เหมือนกับเรายังได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ตลอดนั่นล่ะ เหมือนสองคนนี้ นาเดียพูดแล้วก็ตบปืนของเธอเบาๆ ดาบเล่มนั้นน่ะ ชั้นให้นาย

    เอ๋ จะดีหรอลูกพี่

    นายเป็นคู่หูที่ดีที่สุดที่ชั้นเคยมี เป็นของตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ น่ะ นาเดียยิ้มพลางลูบหัวลอกินัสเบาๆ นายเป็นเจ้าของมันแล้วก็ตั้งชื่อให้มันด้วยสิ

    อืม ชื่อหรอ ลอกินัสทำท่าครุ่นคิดพักหนึ่งก็พูดต่อ ขอใช้ชื่อลูกพี่ได้มั้ย? มันเหมือนว่าผมจะได้อยู่กับลูกพี่ตลอดไปงั้นล่ะ

    เอาสิ นาเดียยิ้มให้พลางหัวเราะเบาๆ ลอกินัสยิ้มกว้างพลางชักดาบออกมา

    จากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ ‘ NADIA ’ ”

    เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มงานในที่สุด ลอกินัสเก็บดาบแล้วก็เตรียมจะเดินออกไปแต่นาเดียเรียกเขาไว้อีกครั้ง

    นี่ มีอีกอย่างนึงจะให้

    อะไรหรอลูกพี่?

    จำวันที่ชั้นเก็บนายมาได้มั้ย?

    ได้สิลูกพี่ ตอนนั้นฝนตกกี่เม็ดยังจำได้เลย ลอกินัสตอบเสียงใส

    นายยังไม่มีนามสกุลใช่มั้ย นาเดียพูดต่อ นามสกุลเดิมของชั้นคงไม่ได้ใช้แล้ว ยกให้นายละกัน

    เอ๋? ”

    จากนี้ใครถามชื่อ ให้นายตอบว่า ลอกินัส ฮาโรล นะ

    จริงๆ นะครับลูกพี่! ” ลอกินัสยิ้ม ดีใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เด็กชายโผเข้ากอดนาเดียไว้แน่น นาเดียลูบหัวลอกินัสเบาๆ อย่างอ่อนโยน

    ชั้นคิดว่านายเหมือนลูกแท้ๆ จริงๆ นะ ถึงชั้นจะยังไม่เคยเป็นแม่คนก็เถอะ

    ผมก็เหมือนกัน ลูกพี่! ลูกพี่เป็นแม่คนแรกของผมเหมือนกัน ลอกินัสตอบพลางเช็ดน้ำตา

    จงเติบโตและเข้มแข็งล่ะ

    เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้งเป็นสัญญาณเริ่มพิธี หลังจากนั้นเวลาของนาเดียกับลอกินัสก็เปลี่ยนไป แต่เวลาของทั้งสองคนจะไม่มีวันหยุดลงแม้จะสิ้นลมหายใจก็ตาม การส่งต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นการทำให้เวลาของเขาคนนั้นเดินต่อไม่สิ้นสุด นาเดียก็เช่นกัน เธอยังอยู่เคียงข้างลอกินัสได้ตลอดไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×