ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rune Seeker PERIOD

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 0.5: Tales of the Ogres.

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 53


             

              เสร็จรึยัง?

                    อีกนิดนึง

                    เสียงชายสองคนโต้ตอบกันดังขึ้นท่ามกลางป่าสูงที่แสงแดดน้อยนักจะส่องลงมาถึงพื้นดิน รอบบริเวณที่รกชัฎกลับเต็มไปด้วยซากปรักของอารยธรรมโบราณที่ถูกทิ้งร้างไว้นานเท่าใดไม่มีใครทราบได้

    อาจารย์คะ เจ้าตัวโน้นมาอีกแล้วค่ะ เด็กหญิงเอ่ยขึ้นจากข้างหลังชายร่างใหญ่ สายตามองไปที่พุ่มไม้ฝั่งตรงข้ามที่กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมกับร่างของกิ้งก่าขนาดยักษ์แหวกเข้ามา

    แลนด์ไวเวิร์น CP 26… เจ้าจัดการมันทีสิ มาการ์เร็ต มือข้าไม่ว่าง ชายร่างใหญ่ตอบโดยไม่ได้หันกลับไปมอง มือทั้งสองของเขากำลังกำเชือกไว้แน่น ซึ่งอีกปลายถูกหย่อนลงไปในเหวลึก

    โธ่ จารย์ ไอ้ตัวขนาดนั้นหนูจะเอาอะไรไปสู้

    ไนดัสโว้ย! ข้างล่างเสร็จรึยัง? ชายร่างใหญ่ตะโกนลงไปที่ปลายเชือกอีกด้าน ซึ่งชายอีกคนถูกมัดห้อยลงไป ค้างอยู่กลางเหว

    ของแบบนี้ใจร้อนได้ที่ไหนเล่า ไนดัสตอบขณะกำลังง่วนอยู่กับการสำรวจซากปรักที่ซ่อนอยู่ในหน้าผาอย่างใจจดใจจ่อ

    อาจารย์ขา มันมาทางนี้แล้วอ้ะ

    ไนดัสโว้ย! ”

    เออๆ จะเร่งมือแล้วกัน

     

    เจ้ากิ้งก่ายักษ์คลานงุ่นง่านมาที่ชายกับเด็กหญิงอ้าปากแยกเขี้ยวอย่างเริงร่าเมื่อเห็นเหยื่อโอชะ แต่ยังไม่ทันจะเข้ามาถึง ลูกไฟลูกหนึ่งก็ระเบิดใส่หน้ามันอย่างแรง มันสะบัดหน้าสองสามทีก็มองเหยื่อของมันอย่างงงๆ

    อาจารย์บารอล ท่าทางจะเบาไปค่ะ เด็กหญิงกล่าวพลางลดแผ่นมิซติกในมือลง

    ไม่ได้เรื่องเลย ถ้ายิงไม่แรงก็ยิงให้มันรัวๆ หน่อยเซ่ บารอลตอบโดยไม่หันมา ซึ่งมาการ์เร็ตก็ร่ายเวทย์ใหม่อีกครั้งแล้วก็ลั่นไก

    ลูกไฟตามไปที่หน้าของเจ้ากิ้งก่าอีกหลายนัด ซึ่งไม่ได้สร้างความบาดเจ็บอะไรเลย กลับยั่วให้มันโกรธเสียอีก คราวนี้มันคำรามดังลั่นคลานตรงมาที่ทั้งสองคนจนป่าราบเป็นทาง

    อาจารย์ขา มันโกรธแล้ว

    ก็เพราะเจ้าทำอะไรไม่เข้าท่าน่ะสิ ทำอะไรก็ได้ ขืนข้าปล่อยมือล่ะก็ ไนดัสได้เป็นเศษเนื้อที่ก้นเหวแน่

    อย่าปล่อยเชียวนะโว้ย!! ” ไนดัสตะโกนขึ้นมาแทบจะทันทีที่พูดจบ

     

    มาการ์เร็ตวิ่งล่อเจ้ากิ้งก่ายักษ์ออกห่างจากบารอลพร้อมกับซัดลูกไฟเข้าไปอีกหลายนัด ถึงจะทำอะไรไม่ได้แต่ก็ล่อให้มันสนใจเธอได้ดี มันเบนเป้ามาที่เธอแทน

    เอาไปกินอีกซักชุดนึงนะ มาการ์เร็ตพูดเบาๆ ก่อนจะยิงลูกไฟไปที่หว่างตาของเจ้ากิ้งก่าและก็เข้าเป้าอย่างจัง คราวนี้ได้ผล หัวมันผงะไปตามแรงปะทะจนตัวมันเซไม่เป็นท่า แต่เมื่อมันตั้งตัวได้มันก็โกรธยิ่งกว่าเก่า

    เจ้ากิ้งก่าควบตรงมาที่มาการ์เร็ตอย่างบ้าเลือด แต่มาการ์เร็ตก็ยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน เด็กหญิงเปลี่ยนแผ่นมิซติกในมือแล้วก็วิ่งสวนกลับเข้าไป เจ้ากิ้งก่าก็อ้าปากกว้างรอรับ

    “ Temper grace!! ”

    มือของมาการ์เร็ตเปล่งแสงออกมาพร้อมกับไฟร้อนระอุขณะที่เธอซัดเข้าไปที่ปากของศัตรู เปลวไฟร้อนแรงระเบิดเข้าไปในปากของมันจนมันร้องลั่นป่า

    เฮ้ย! ข้ายังไม่ได้อนุญาติให้ใช้มิซติกแผ่นนั้นเลยนะ แอบขโมยออกมาใช้อีกแล้วสิ! ”

    โธ่ จารย์ จะให้หนูเข้าฝันไปขอรึไงเล่า  เด็กหญิงหันมาบ่นอุบอิบ

    แล้วก็ จะหันหลังให้คู่ต่อสู้เร็วไปหน่อยล่ะมั้ง ยัยเด็กโง่

    ขาดคำของบารอล เจ้ากิ้งก่าก็ผุดลุกขึ้นคำรามลั่น มาการ์เร็ตหันกลับไปก็ทันเพียงเห็นท่อนหางของมันสะบัดมาเท่านั้น เด็ดหญิงหลับตาปี๋ไม่กล้ามอง

    ให้ตายสิ สอนแทบตายนี่เจ้าไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยรึไงกัน

    ก่อนที่ท่อนหางของเจ้ากิ้งก่าจะบดร่างของมาการ์เร็ต เสาดินหลายแท่งก็ผุดขึ้นมาขวางไว้ได้พร้อมกับร่างของบารอลที่มาอยู่ตรงนี้เมื่อไรมาการ์เร็ตก็ไม่รู้ตัว บารอลเขกหัวเด็กหญิงทีหนึ่งแล้วก็ยกมือเล็งไปที่ศัตรู

    “ Earth pillar!! ”

    เสาดินอีกหลายแท่งผุดขึ้นมากระทุ้งเจ้ากิ้งก่าจนตัวลอย มันร้องลั่นตอนที่ตกถึงพื้นแล้วก็ตะเกียกตะกายวิ่งหายเข้าป่าไป

    จะโจมตีน่ะ ทำให้ได้อย่างนี้

    แต่ว่า อาจารย์... มาการ์เร็ตกำลังจะพูดอะไรแต่บารอลก็เขกหัวอีกทีหนึ่ง

    ไม่ต้องแก้ตัว ถ้ายังไม่ได้เรื่องแบบนี้คราวหลังจะไม่พามาด้วยแล้วนะ

    แต่ อาจารย์ เชือกล่ะ?

    บารอลนิ่งไปอึดใจหนึ่ง เมื่อหันไปก็ทันเห็นแค่ปลายเชือกไหลลงหน้าผาไป

    ซวยแล้วไง...

     

    เจ้างี่เง่าเอ๊ย.... ไนดัสสบถอย่างหงุดหงิด มือข้างหนึ่งถือมิซติกแผ่นไว้ อีกมือหนึ่งเกาะกิ่งไม้ไว้แน่น

     

     

    สถาบันผู้ค้นหา เป็นหน่วยงานเล็กๆของรัฐบาลที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการค้นคว้า การศึกษาเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณของชาวเชด้า ถึงปัจจุบันคนจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเมจและอารยธรรมเมจโบราณเท่าไรนัก แต่รัฐบาลก็ยังตั้งหน่วยงานศึกษาขึ้นอย่างเงียบๆ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะต้องการศึกษาประวัติศาสตร์ หรือไม่ก็เล็งเห็นประโยชน์ในเวทย์มนต์โบราณก็ได้

    อย่างไรก็ดี การทำงานของหน่วยงานนี้ไม่ได้ปรากฎผลงานให้สาธารณชนเห็นเท่าไรนัก ด้วยเหตุผลที่ว่าเมจเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้รับการยอมรับในสังคม ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องก็ดูเหมือนจะได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน และที่สวนกระแสกับสังคมที่สุดก็คือ มีการจ้างวานเมจให้ทำงานในสถาบันผู้ค้นหาด้วย ในหลักการที่ว่า เจ้าของย่อมรู้ดีกว่านั่นเอง ซึ่งแม้ว่าจะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา แต่รัฐบาลก็ยังว่าจ้างเมจไว้ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ และเมจเหล่านั้นก็เต็มใจทำงานให้เพื่อที่จะได้มีปากมีเสียงในสังคมบ้าง สมาคมผู้ค้นหาจึงเป็นที่ที่มีการทำงานร่วมกันระหว่างเมจกับฟิสิกส์เพียงแห่งเดียวในประเทศ

    อย่างไรก็ดี การทำงานก็ไม่ได้ราบรื่นไปทั้งหมด เมจที่พยายามยกฐานะตัวขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ยังอยู่ใต้การปกครองของพวกฟิสิกส์อยู่ดี งานทุกอย่างต้องรายงานผลต่อหัวหน้า ผลงานทุกอย่างจะตกเป็นสมบัติของรัฐบาล ชื่อเสียงทั้งหมดเป็นของสถาบันผู้ค้นหา ถึงจะสามารถยกฐานะมาได้ ก็ยังห่างไกลจากการยอมรับในฐานะพลเมืองมากมายนัก ในเบื้องหน้าสถาบันผู้ค้นหาเป็นเหมือนสถานที่ที่เปิดโอกาสให้เมจได้มีบทบาทในสังคม แต่เบื้องลึกนั้น เป็นโลกย่อส่วนที่หลอกให้หลงกับอิสระเล็กๆ ที่ได้มา

     

    - สถาบันผู้ค้นหา สาขาย่อย: ซีเนสต้า

    ประตูสถาบันเปิดออกเสียงดังโครมใหญ่ ชายสองคนเดินเข้ามาพร้อมกับเสียงนั้น ทุกคนที่อยู่ข้างในเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเห็นว่าเป็นใครแล้วก็กลับไปก้มหน้าก้มตาทำงานตามเดิม ชายทั้งสองคนเดินผ่ากลางห้องโถงไปที่ห้องหนึ่งที่อยู่ด้านหลังโดยไม่ผ่านโต๊ะประชาสัมพันธ์แล้วก็เปิดประตูห้องนั้นด้วยเสียงดังพอๆ กับที่เปิดประตูหน้า

     

    สวัสดี ไรลีย์

    ไนดัสทักชายเจ้าของห้องเสียงดัง โดยไม่ได้สนใจสายตาของแขกที่นั่งอยู่ก่อนแล้วซึ่งมองดูเขางงๆ กึ่งตกใจ แต่ชายที่อยู่ข้างในกลับรับมือสถานการณ์อย่างใจเย็น

    สวัสดี ไนดัส ชายคนนั้น ไรลีย์ กล่าวพลางถอดแว่นตาลงวางกับโต๊ะพลางชำเลืองดูชายที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมกำลังมีแขกนะ

    ไม่เป็นไร รอได้

    ไนดัสพูดจบก็ยืนพิงประตูอยู่รออยู่ตรงนั้นเอง ไรลีย์กับแขกของเขามองหน้ากันครู่หนึ่งแขกของเขาก็ยอมแพ้ ชายคนนั้นกล่าวลาไรลีย์อย่างสุภาพก่อนจะเดินออกจาห้องไป ซึ่งก่อนออกก็ทิ้งสายตาเหยียดๆ มาที่ไนดัสทีหนึ่ง

    หมอนี่มองหน้าหาเรื่องซะด้วย มารยาทแย่จริง ไนดัสกล่าวหลังจากปิดประตูแล้ว

    นายนั่นแหละ ไรลีย์ตอบเสียงขุ่นๆ ท่าทางกิริยาเปลี่ยนไปคนละคนกับตอนที่แขกคนนั้นอยู่ แต่ก็ดีแล้วที่นายมา ไม่งั้นต้องคุยเรื่องยืดยาดน่าเบื่ออีกยาว

    เห็นไหมล่ะ ชั้นช่วยแกไว้นะ

    อย่านอกเรื่องเลยน่ะ เข้าป่าซะนานสองนานคงจะได้อะไรกลับมาล่ะสิ

    ไรลีย์เข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา ไนดัสไม่ตอบอะไรแต่ยิ้มแล้วหยิบถุงผ้าเล็กๆ ขึ้นมาใบหนึ่ง ไนดัสเทของที่อยู่ข้างในออกลงบนโต๊ะ เป็นแผ่นหินบางๆ หลายแผ่น บางแผ่นมีรอยแตกร้าว บางแผ่นก็เปื้อนดินเปื้อนโคลนผุพังไปตามกาลเวลา แต่เมื่อไรลีย์เห็นของพวกนี้กลับยิ้มกว้างทันที

    ฝีมือนายนี่เชื่อถือได้จริงๆ ไรลีย์กล่าวพลางหยิบแผ่นหินนั้นขึ้นมาส่องดูกับแว่นขยาย

    ยังไม่ใช่ของดีเลิศอะไรหรอก ดูคร่าวๆ แล้วอย่างมากก็ร้อยปีก่อน ไนดัสเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วก็หยิบขึ้นมาดูบ้าง นี่ถ้าเป็นแถวเลซาเลียล่ะก็ คงได้ของดีกว่านี้เยอะ

    แล้วทำไม...

    ชั้นยังไม่อยากตายหรอก ไนดัสลุกขึ้นมานั่งตัวตรงแล้วพูดเสียงเข้ม ใครจะกล้าลุยกับมังกรร้ายขนาดที่ตระกูลเคนยังเอาไม่อยู่บ้าง

    ไม่ลองร่วมมือกับพวกนั้นดูบ้างล่ะ

    กับตระกูลเคนน่ะเหรอ? ไม่เอาหรอก พวกนั้นเหลี่ยมมันเยอะ ล่าเอาเงินอย่างเดียว ขอเป็นงานที่ได้เงินจะโดนมันเชือดด้านหลังเอาด้วยเถอะ

    ฮะฮะ นั่นสินะ แต่นายก็มีมิซติกอยู่ไม่ใช่รึ?

    ไนดัสไม่ตอบแต่มองของที่กองอยู่บนโต๊ะแล้วก็ถอนหายใจ

     อุตส่าห์คิดของแบบนี้ขึ้นมาได้นะ

    หมายถึงอัจฉริยะเชด้าคนนั้นน่ะรึ?

    ไนดัสพยักหน้า

    อัจฉริยะผู้ที่คิดค้นมิซติกขึ้นเป็นคนแรก...สมองของหมอนั่นทำด้วยอะไรกันนะ สามารถถอดรหัสการเปลี่ยนพลังเวทย์ในตัวคนออกมาเป็นตัวอักษรได้แล้วยังผนึกลงบนวัตถุได้ด้วย

    ทำแต่เรื่องยุ่งยากทั้งนั้น

    พูดอะไรอย่างนั้น เพราะเขาคิดค้นขึ้นพวกนายถึงได้มีใช้จนวันนี้ ทำประโยชน์ได้ตั้งหลายอย่างไม่ใช่หรือ

    นั่นสินะ ไนดัสพูดพลางหยิบบางสิ่งในกระเป๋าออกมาวาง มันเป็นมิซติกแผ่นหนึ่งซึ่งดูใหม่กว่าเหมือนถูกทำขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เจ้านี่มีประโยชน์ขนาดนั้น นายไม่ลองหัดใช้มันบ้างรึ?

    ไรลีย์มองไนดัสครู่หนึ่ง ไนดัสเองก็มองตาไม่กะพริบ อึดใจหนึ่งผ่านไปไรลีย์ก็หัวเราะเบาๆ

    พูดอะไรแบบนั้น ไนดัส ชั้นใช้มันไม่เป็นหรอก

    ไรลีย์ไม่ได้แม้แต่สัมผัสมิซติกของไนดัส ไนดัสจึงเก็บมันเข้ากระเป๋าตามเดิมแล้วลุกขึ้นยืน

     

     ไนดัสรู้ดีว่าการทดลอง ฝึก ลองใช้มิซติกเป็นกิจกรรมของเมจ หากใครก็ตามที่ทำดังนั้น ก็ย่อมจะได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกับเมจคนอื่นๆ ทั่วประเทศ ไนดัสรู้ดีว่า การทำงานที่นี่คืองานแลกเงินเท่านั้น ไม่มีมิตร ไม่มีความเห็นอกเห็นใจระหว่างเมจกับฟิสิกส์แม้แต่น้อย ในท่าทีที่สนิทสนมของไรลีย์นั้น ลึกๆ แล้วก็ไม่ต่างจากที่อื่น ที่ที่มีความเหยียดหยามซ่อนไว้อยู่ทุกถ้อยคำ

    งั้นชั้นลาล่ะไรลีย์ ครั้งนี้ของค่าตอบแทนงามๆ หน่อยเถอะ งานเสี่ยงเหลือเกิน

    โทษทีนะ แต่ชั้นคงยัดเพิ่มให้ไม่ได้หรอก เอ้านี่ เอาใบรับรองนี้ไปที่...

    รู้แล้วๆ เหมือนอย่างเคยใช่ไหมล่ะ ไนดัสรับกระดาษแผ่นนั้นมาแล้วเดินออกจากห้องไป

     

    ภายในห้องนั่งเล่นของสถาบันผู้ค้นหา คนทำงานเริ่มเดินกันพลุกพล่าน เสียงเอะอะจากข้างนอกดังแทรกเข้ามาจนบรรยากาศวุ่นวายจนไม่น่าอยู่ ไนดัสเดินไปยังโต๊ะสำหรับรับเงินค่าตอบแทน ที่นั่นก็เช่นกัน เจ้าหน้าที่รับใบรับรองไปแล้วก็ยื่นซองค่าตอบแทนให้โดยแทบจะไม่พูดอะไรเลย แต่ไนดัสชินต่อการปฏิบัติแบบนี้เสียแล้ว

    ที่ม้านั่งตัวหนึ่งในห้องโถง บารอลกับมาการ์เร็ตรอเขาอยู่แล้ว แต่ที่ผิดไปคือทั้งคู่ถือไอศครีมโคนอยู่คนละอัน เมื่อเด็กหญิงเห็นไนดัสก็โบกมือร้องเรียก

    ไปเอามาจากไหนล่ะนั่น?

    คุณลุงคนนั้นเขาซื้อให้ค่ะ มาการ์เร็ตตอบเสียงใสพลางชี้ไปที่ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เมื่อไนดัสมองไปชายคนนั้นก็ยิ้มรับพลางลุกขึ้นเดินมาหา

    เชอชิล? นายมาทำอะไรที่นี่ ไนดัสถามเรียบๆ

    ถามได้ ก็งานน่ะสิ ชั้นเป็นคนออกตรวจพื้นที่นะ ไม่มาดูงานแล้วจะทำอะไรกิน

    ไม่ยักรู้ว่า หัวหน้ากรมต้องลงพื้นที่ด้วย

    ขอโทษที ตอนนี้ชั้นเป็นรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์แล้ว

    จริงรึ? นายนี่หน้าที่การงานโตไวพอๆ กับพุงเลยว่ะ

    ทั้งคู่หัวเราะเสียงดัง ดังจนคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มมองอย่างแปลกใจ

    พอมาถึงที่นี่ ก็เห็นบารอลกับหนูมาการ์เร็ต ก็เลยหาขนมมาฝาก เชอชิลพูดต่อ

    มาการ์เร็ตน่ะเข้าใจ แต่แก...

    เขาอยากเลี้ยงจะขัดไปทำไมล่ะ บารอลตอบพลางโบกมือ

    เอ้อ ยังไม่ได้แนะนำตัวหมอนี่อีกคน รัฐมนตรีหนุ่มบอกพลางเรียกชายอีกคนหนึ่งเข้ามาในวงสนทนา นี่คือ อาร์ทาเนีย วัลคีรีย์ เป็นเพื่อนชั้นเอง อาร์ทาเนีย นี่ไนดัส บารอล แล้วก็มาการ์เร็ต...

    ชายคนนั้นสวมเสื้อขาวลายขอบสีฟ้าคราม ผมยาวปรกหน้าซ่อนแววตาไว้ ไนดัสเห็นชายคนนี้เดินแล้วก็อดคิดถึงการก้าวย่างของสัตว์ร้ายไม่ได้ เมื่อดวงตาที่ซ่อนอยู่เผยออกมาไนดัสก็ถึงกับรู้สึกเกร็ง ดวงตาสีดำสนิทนั้นจ้องมาที่ทั้งสามทีละคนก่อนจะโน้มตัวให้เชิงทักทายเล็กน้อย

    ไม่พูดอะไรหน่อยเรอะ เชอชิลถามเบาๆ แต่ก็ได้การไม่ตอบเป็นคำตอบ หมอนี่ไม่ช่างพูดเท่าไร แต่ก็เป็นคนดีที่ฝีมือใช้ได้ กำลังรุ่งในกองทัพเลยล่ะ

    ทหาร?

    ใช่  หน่วยปราบปรามพิเศษ MHS เลยด้วย

    พูดถึงตรงนี้สะกิดใจไนดัสกับบารอลแทบจะทันที จะมีเพียงมาการ์เร็ตที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเชอชิลผู้ไม่คิดมากเท่านั้นเองที่ไม่รู้ว่าบรรยากาศกำลังอึมครึม

    โฮ่~ จะเป็น MHS น่ะต้องฝีมือไม่เบาอยู่แล้ว ก็อย่างว่าน่ะนะ ศัตรูของ MHS น่ะเก่งไม่ธรรมดาทั้งนั้น

     

    MHS – Mage Hunter Specialist หรือก็คือหน่วยตามล่าเมจนั่นเอง

     

    ชมกันเกินไป อาร์ทาเนียพูดขึ้นในที่สุด หน่วยนี้เพิ่งจะตั้งขึ้นยังไม่เข้ารูปเข้ารอยเท่าไร จะถูกยุบอยู่รอมร่อ ถ้าไม่ได้แสดงผลงานให้เห็นบ้างล่ะก็นะ

    หึหึ ไม่ค่อยมีโอกาสหรอกมั้ง?

    ใช่ เมื่อเหยื่อมันหาตัวยากยังกับแมลงสาบนี่นะ

     

    ในที่สุดเชอชิลก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึมเพียงอึดใจเดียวก่อนที่จะกลายเป็นพายุเท่านั้น เชอชิลรีบแทรกการสนทนาของทั้งสองคนทันที

    อะไรกันล่ะนั่น ไอ้บทพูดไม่สร้างสรรค์พรรค์นี้ไม่ได้เข้ากับการพบปะครั้งแรกเลยนะ เอ้า จับมือทักทายกันหน่อยสิพวกนาย

    ไนดัสกับอาร์ทาเนียจ้องตากันครู่หนึ่งก็ยื่นมือมาจับกันแล้วก็ผละออกจากกันทันทีที่สัมผัส เชอชิลเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนใจ พลางมองดูอาร์ทาเนียเดินออกจากวงไปนั่งที่เดิม

    ทนหน่อยละกัน หมอนี่กำลังอยู่ในสภาพตรมใจอย่าถือสาเลยนะ เชอชิลถอนใจอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ ครอบครัวหมอนี่ถูกผู้ก่อการร้ายเมจบุกบ้านตอนที่มันไม่อยู่ ทุกคนตายเรียบ เหลือแค่ลูกชายคนเล็กคนเดียว แต่แน่นอน หลังจากนั้น หมอนี่ก็ตามไปละเลงเลือดพวกนั้นตายเรียบเหมือนกัน

    มืดมนจริงนะ หมอนี่ ไนดัสเปรย

    เพราะก่อเรื่องคราวนี้เลยโดนพักงาน ชั้นก็เลยให้มันติดตามมาเป็นคนคุ้มกัน

    ไม่ใช่ว่า เป็นตัวดูดเรื่องหรอกเรอะ

    เถอะน่า เชอชิลตัดบท ว่าแต่ นายเพิ่งกลับมาจากออกพื้นที่ใช่รึเปล่า? มีอะไรใหม่ๆ ให้ดูบ้าง

    ส่งให้ ไรลีย์ไปหมดแล้ว

    เดี๋ยวตามดูจากหมอนั่นก็ได้ แล้วของนายเองล่ะ เอามาดูหน่อยสิ

    ไนดัสหยิบมิซติกจากกระเป๋าส่งให้เชอชิลดู ซึ่งรัฐมนตรีหนุ่มรับไปเพ่งดูโดยไม่รีรอ จัดแจงเอาแว่นขยายมาส่องดูอย่างจริงจัง ไนดัสเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ทุกคนที่เขารู้จักมีเพียงเชอชิลคนเดียวที่เปิดใจให้กับเมจอย่างจริงใจขนาดนี้

    ขอลองร่ายดูหน่อยได้ไหม?

    ไอ้บ้า อย่าเชียวนะ

     

    เอาล่ะ หมดงานแล้วก็พักกันสักหน่อยเถอะ

    บารอลกล่าวพลางเหยียดแขนบิดขีเกียจหลังจากพวกเชอชิลไปแล้ว

    ไม่ล่ะ เราจะหางานกันต่อเลย

    เอ๋ หนูยังเหนื่อยอยู่เลยอ้ะ มาการ์เร็ตร้อง

    นั่นสิ เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ จะรีบทำงานอีกทำไมกัน

    ชั้นอยากจะรีบหาทุน ไนดัสตอบพลางออกเดิน ซึ่งบารอลกับมาการ์เร็ตก็จนใจต้องตามไป ที่จริงชั้นอยากจะไปให้พ้นๆ สถาบันนี้สักที แต่ออกไปข้างนอกไม่มีงานให้คนอย่างพวกเราหรอก ถ้ามีเงินสักก้อนนึงชั้นก็อยากจะไปหาบ้านอยู่ที่ไกลๆ ไม่ต้องวุ่นวายกับพวกฟิสิกส์อีก

    ให้ตายสิ แกนี่งานการก็ยังไม่ได้แต่งจะรีบทำตัวเป็นพ่อบ้านทำไมวะ

    แต่มีลูกสาวแล้วนะ มาการ์เร็ตยิ้มแฉ่งยิงฟันขาว

    จ้าๆ เป็นลูกสาวที่น่าปวดหัวจริงๆ ไนดัสยิ้มแล้วก็ลูบหัวเด็กหญิงเบาๆ บารอลเห็นแล้วก็ยิ้มและถอนหายใจ

    เฮ้อ เอาไงเอากันครับ ท่านหัวหน้าทีม

     

    กระดานฝากงานเป็นที่ที่คนมาชุมนุมกันมากที่สุด ในกลุ่มที่มานี้จะมีทั้งเมจและฟิสิกส์ปนๆ กันอยู่เพื่อรอดูว่ามีงานไหนให้รับไปทำ สถาบันผู้ค้นหาใช้ระบบฝากงานให้ผู้ค้นหาได้เลือกทำ เมื่อภารกิจเสร็จเรียบร้อยก็กลับมารายงานผล ลงบันทึกเป็นผลงานของทีม ซึ่งแต่ละภารกิจจะมีเสี่ยงอันตรายมากน้อยต่างกันไป งานที่เสี่ยงมากก็ได้เงินมาก แต่ก็น้อยคนที่จะกล้ารับ สำหรับคนที่ทำงภารกิจยากๆ สำเร็จก็จะได้รับชื่อเสียงและเงินก้อนใหญ่าเป็นของตอบแทน ซึ่งในหมู่คนที่มีชื่อเสียงมากๆ ก็จะมีการตั้งฉายาต่างๆ กันไป

     

    เฮ้ยนั่น! ”

    หมอนั่นไง! ”
                    ไม่ผิดตัวแน่ ผู้ค้นหาแห่งลม ไนดัส กับผู้ค้นหาแห่งดิน บารอล!  

    เสียงอื้ออึงดังไปทั่วเมื่อไนดัสกับบารอลเดินผ่าน สายตาของทุกคนจ้องมาด้วยความรู้สึกต่างๆ กันไป บ้างตื่นเต้น บ้างชื่นชม บ้างก็ด้วยความริษยา ทีมของไนดัสกับบารอลนั้นเป็นทีมหนึ่งที่ทำภารกิจอันตรายสำเร็จมากครั้งที่สุด ชื่อเสียงก็มากตามและความเด่นดังนั้นก็พ่วงความอิจฉามาด้วย

     

    อะไรกันเนี่ย~ ไม่นึกเลยว่าจะได้มาเจอคนดังที่นี่ตอนนี้

     

    เสียงหนึ่งดังขึ้นขณะที่ไนดัสกับบารอลกำลังเลือกภารกิจ ต้นเสียงเป็นชายในชุดคลุมยาวสีม่วง ยืดกอดอกมองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก

    อ้อ นี่นาย...ผู้ค้นหาแห่งพิษ กันแซ็ค...ใช่ไหม? ไนดัสหันไปตอบเรียบๆ

    ถูกต้อง เป็นธรรมดาที่นายจะรู้จักคนดังอย่างชั้น บอกไว้ก่อนเลยว่าสถิติภารกิจของนายเหนือกว่าชั้นแค่จ้อยเดียวเท่านั้น หมายเลขหนึ่งของผู้ค้นหาคือชั้นคนนี้

    อื้อ ก็ดีนะ ไนดัสตอบแล้วก็หันกลับไปหาภารกิจต่อ

    เฮ้ย! เมินหน้ากันแบบนี้ อยากลองดีกันรึไง!? ” ชายคนนั้นตวาดเสียงดัง

    อย่าดีกว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ใครจะอาละวาด ไนดัสกล่าวเรียบๆ แกก็รู้ว่าพวกเราอยู่ในสถานะไหน คิดจะทำลายที่พักที่เดียวของเราตอนนี้งั้นรึ?

    แก! อย่ามาวางท่าสั่งสอนกันนะเฟ้ย! ” มือของกันแซ็คเปล่งพิษออกมาพร้อมกับเตรียมบุกเข้าใส่ไนดัส แต่ทุกอย่างก็หยุดลง

    เสาดินของบารอลพุ่งออกมาจากทุกทิศทางล้อนรอบกันแซ็คไว้ แต่ละเสาหยุดที่ตัวเขาพอดี ไม่มีทางให้ขยับแม้แต่น้อย ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นได้แต่อุทานกันอื้ออึงกับเหตุการณ์

    อย่าทำอะไรเอะอะน่า เดี๋ยวเรื่องจะยาว มีเรื่องบ่อยๆ เดี๋ยวก็อดทำงานไม่มีกินพอดี

    ก็ไม่ได้ดังมากมายนี่นะ บารอลตอบพลางเรียกเสาดินกลับมา ทิ้งร่างของกันแซ็คที่ตกใจจนขาอ่อนทรุดลงกับพื้นไว้กลางลานนั้นเอง

    ไนดัสดึงใบภารกิจมาใบหนึ่ง ซึ่งคนที่เห็นก็ต้องอุทานอีกครั้ง เพราะภารกิจนั้นเสี่ยงจนไม่มีใครอยากเลือก เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วไนดัสกับคนอื่นก็เดินจากไป

     

    - ตอนนี้ไม่มีที่ไหนให้ไปทั้งนั้น มีเพียงภารกิจเท่านั้นที่ทำให้ไนดัสรู้สึกว่ามีชีวิตอยู่ งานคือเงิน หากสถาบันนี้ล่มสลายไป ทั้งเขาและเมจอีกหลายร้อยก็คงไร้ที่พึ่ง ดังนั้น ถูกจะถูกเหยียดหยามดูถูกเท่าไรก็ต้องทน ทนเพื่อที่จะได้เงินและความมีชีวิตเท่านั้น-

     

    งามหน้ามั้ยล่ะ...

    เสียงบ่นของบารอลดังขึ้นขณะที่เจ้าของเสียงเหม่อมองก้อนเมฆที่ลอยผ่านไปและฟองคลื่นที่สาดกระเซ็นขณะเรือแล่นผ่าน บารอลนั่งอยู่ตรงหัวเรือ กลางเรือมีมาการ์เร็ต และไนดัสอยู่ท้ายเรือกับลุงแก่ๆ คนหนึ่ง

    บอกกี่ครั้งแล้วว่าขอโทษ ไนดัสตอบเสียงหน่ายๆ

    นี่เราต้องนั่งเรืออีกนานมั้ยคะ? เด็กสาวถามพลางขยับหมวกปีกกว้างให้กระชับขึ้นไม่ให้ปลิวตามลม ใต้แสงแดดร้อนจ้าที่ทำเอาเด็กหญิงร้อนจนลิ้นแห้ง

    ถามเจ้านั่นดูสิ

    บอกแล้วว่าขอโทษ ไนดัสย้ำอีก

    มีไอ้บ้าที่ไหนมันดึงแผ่นภารกิจมาทั้งที่ไม่อ่านมั่งมั้ยวะเนี่ย ไหนจะต้องเสียค่ารถถ่อมาถึงนี่ยังต้องเสียค่าเรือ แถมยังต้องนั่งเรืออาบแดดนานเป็นกัลปชาติ กลับไปคงไม่มีใครจำได้

    ตอนนั้นมีเวลาดูซะที่ไหนเล่า บรรยากาศกำลังขึ้นขนาดนั้นใครหน้าไหนจะกล้าดึงภารกิจกระจอกๆ วะ

    พออ่านแล้วไม่แอบเอาไปเปลี่ยนเล่า

    ใครจะกล้า ถ้ามีคนเห็นเข้าล่ะก็ได้อายจนลูกมีหนวดโน่นแหละ

    ปวดหัวกับแกจริงๆ อีกไกลไหมลุง

    ไม่รู้! ” ชายชราตอบอย่างไม่มีเยื่อใย บารอลได้คำตอบก็บ่นอุบอยู่คนเดียว

    ไนดัสหยิบรายละเอียดภารกิจขึ้นมาดูอีกทีหนึ่ง สำรวจโบราณสถานกลางทะเลโคโรน่า พิกัด 350 458

    รู้ขนาดนี้ทำไมไม่มาเองซะเลยล่ะ

    มาไม่ได้... ลุงคนขับเรือบอกห้วนๆ ซึ่งก็ดึงความสนใจทุกคนบนเรือ คิดว่าพวกเราเห็นหอคอยนั่นมากี่ชั่วโมงแล้ว? หอคอยนั่นแหละที่พวกเจ้าอยากไป

    จริงดังที่ชายแก่บอก หอคอยอันน่าจะเป็นเป้าหมายสามารถมองเห็นได้แต่ไกล แต่เกือบครึ่งวันแล้วระยะห่างกลับดูไม่ใกล้ลงแม้แต่น้อย

    มีอะไรอธิบายเรื่องนี้ได้บ้าง?

    เคยมีเรือหลายลำพยายามไปที่หอคอยนั้น แต่ก็เหมือนกับพวกเราตอนนี้ ติดแหง่ก สุดท้ายก็ถอดใจกลับกันหมด

    รู้อย่างนี้แล้วลุงยังรับงานนี้อีกรึ?

    ถอดใจกลับก่อนแค่วันเดียว แต่ได้ค่าจ้างล่วงหน้าสองวัน ใครบ้างจะไม่เอา

    บารอลมองไนดัสอีก ซึ่งตอนนี้ไนดัสมีสีหน้าสำนึกผิดยิ่งกว่าเก่า

     

    เป็นไปได้ว่าคลื่นน้ำแถวนี้อาจจะไม่ปกติ เรือเลยวนไปวนมา ไนดัสให้ความเห็น

    ราวกับมีอะไรจงใจไม่อยากให้ใครเข้าใกล้หอคอยนั้น

    แบบนี้ยิ่งน่าสนใจ ว่าไหม?

    ไนดัสครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็พูดขึ้น

    ถ้าเราหวังพึ่งน้ำไม่ได้ล่ะก็ พึ่งอย่างอื่นก็ได้นี่?

    อะไร? จะให้บินข้ามไปงั้นรึ?

    ไม่ รอบตัวเป็นน้ำ แต่เบื้องลึกที่สุดของน้ำก็ยังเป็นดิน เข้าใจความหมายไหม ผู้ค้นหาแห่งดิน?

    พอได้ฟังไนดัสบารอลก็ยิ้มออก เพียงครู่หนึ่งบารอลก็เตรียมมิซติกขึ้นมาพร้อม

    เอาล่ะ ทดลองยิงนะ

    พื้นทะเลสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พื้นน้ำโป่งขึ้นขณะที่เสาดินขนาดยักษ์แทรกตัวผ่านน้ำขึ้นมาต่อเป็นทอดๆ ไหลลงสูงไปต่ำเหมือนรางรถ

    เปลืองพลังเป็นบ้า เอาอย่างนี้แน่นะ? บารอลถามย้ำ

    เออ ฝากด้วย ชั้นไม่อยากเสียค่าเรือเสียเที่ยว

    เฮอะ อย่าให้ชั้นเหนื่อยเสียทีแล้วกัน

    เสาดินอีกต้นผุดขึ้นมาใต้ท้องเรือยกเรือลอยขึ้นจ่อที่ปากทางของรางรถไฟเหาะ บารอลหันไปตรวจผู้โดยสารอีกครั้งให้แน่ใจ เมื่อทุกคนพร้อมบารอลก็พยักหน้า

    ไปล่ะนะ! ”

    ขาดคำ เสาดินก็เอนเข้าไปชิดรางดินส่งเรือทั้งลำไหลลงไปตามราง ทางชั้นแรกไม่ชันมากนักเรือจึงไหลไปช้าๆ แต่เมื่อถึงช่วงทางชัน มาการ์เร็ตก็ร้องออกมาอย่างที่สุดจะกลั้น

    เรือพุ่งไปตามรางดินเร็วจนน่าหวาดเสียว เหมือนรถไฟเหาะตามสวนสนุกแต่เรือนี้ไม่มีเบรกและไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิต เรือถูกปล่อยแล่นไปโดยไม่มีสิ่งใดหยุดไว้เมฆแต่ละก้อนผ่านไปเร็วเหมือนกรอเทป ลมตีหน้าจนชา มือยึดตัวเรือไว้แน่นจนเกร็ง จนถึงจุดที่บารอลทำไว้สูงเพื่อชะลอความเร็วจึงได้พักหายใจ แต่ก็ไหลวูบลงไปอีก

    ยอดเลยค่ะอาจารย์! ” มาการ์เร็ตร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อเริ่มชิน

    อย่าเพิ่งกวนน่า เดี๋ยวได้ร่วงกันหมด บารอลตอบ ตอนนี้เขากำลังเพ่งสมาธิไปที่การสร้างรางต่อๆ เป็นทาง หากสร้างเสาดินไม่ทันก็มีสิทธิ์ตกลงไปกระแทกน้ำแหลกไม่มีชิ้นดี

    ดีล่ะ แบบนี้อีกไม่นานก็คงถึง...ละ
                    เสียงของไนดัสถูกกลืนกลับไปเมื่อเงาขนาดยักษ์ทาบลงมา ท้องฟ้าที่สดใสแดดจ้าหายวับไปในพริบตาเดียว ไม่เพียงแต่ไนดัส ทุกคนบนเรือก็กลืนทุกคำพูดลงคอไปหมดเมื่อมองขึ้นไปเหนือหัว

    จากมุมมองของไนดัส สิ่งนั้นเหมือนกำแพงขนาดใหญ่ที่บังท้องฟ้าไว้ทั้งหมด แต่หยดน้ำที่กระเซ็นตามมาก็บอกให้รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่กำแพงธรรมดา เสียงร้องทุ้มดังกังวานก้องจนหูอื้อมาจากสิ่งนั้นก่อนมันจะกระโจนลงน้ำห่างจากรางดินไปไม่ไกล แต่ใกล้หรือไกลไนดัสก็แทบจะแยกไม่ออกเพราะขนาดอันใหญ่ยักษ์นั้น

    เห็นเหมือนที่ชั้นเห็นหรือเปล่า?

    อย่าพูดเหมือนเด็กๆ น่า นั่นน่ะ... บารอลยังตอบไม่ทันจบ ทะเลก็ระเบิดออกเสียงดังสนั่น

    ไนดัสกับบารอลเคยเห็นสัตว์ประหลาดมาหลายชนิดแต่ก็ไม่เคยเห็นที่ตัวใหญ่ขนาดนี้มาก่อน เคยเห็นปลาวาฬมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นวาฬที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ ปลาวาฬ-หรืออะไรก็ตาม-ตัวนั้นลอยตัวเหนือผิวน้ำได้ราวกับบินอยู่และกำลังตรงเข้ามาที่เรือลำเล็กที่พวกไนดัสนั่งอยู่ ลุงเจ้าของเรือลมใส่ล้มตึงไปเรียบร้อยแล้ว บารอลก็ได้แต่มองอ้าปากตาค้าง ร่างนั้นใกล้เข้ามาจนไนดัสสังเกตเห็นลวดลายบนตัวมันอย่างชัดเจน ลายสีขาวบนร่างสีฟ้ากำลังเคลื่อนไหวเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า ยิ่งใกล้เข้ามาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนร่างกำลังลอยเข้าไปใกล้ท้องฟ้ายิ่งขึ้น ใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นจนเกือบจะคว้าเมฆไว้ได้


    บารอลหลบเร็ว!! ”

    ไนดัสร้องสุดเสียงพร้อมกับตบหัวบารอลเรียกสติ ซึ่งก็ได้ผล บารอลขยับเสาดินเบี่ยงเส้นทางอย่างกะทันหันจนเรือแทบจะร่วงลงไป แต่ก็ช่วยให้รอดหวุดหวิด ร่างใหญ่ยักษ์ของปลาวาฬตัวนั้นพังเสาดินของบารอลพังเป็นแทบก่อนที่ร่างของมันจะลงกระแทกน้ำสร้างคลื่นขนาดใหญ่ซัดเรือกระเด็นไปไกล

    เรือกระแทกกับพื้นน้ำเสียงดังสนั่น แรงกระแทกแทบจะส่งร่างผู้โดยสารลอยออกไป บารอลคว้าตัวมาการ์เร็ตไว้ได้ทัน ส่วนไนดัสเมื่อเรือนิ่งแล้วก็ผุดลุกขึ้นทันที

    ไม่เป็นอะไรนะ ไอ้ตัวนั้นไปไหนแล้ว!? ”

    ไนดัสยังพูดไม่ทันจบดีเสียงฟ้าร้องก็แทรกเข้ามาแทนที่ ทั้งที่ท้องฟ้ายังมีแดดจ้าแต่เสียงฟ้าคำรามกลับดังใกล้จนน้ำทะเลสั่น ฟังดูชั้นแรกเหมือนเสียงครืน แต่ฟังไปก็คล้ายกับเสียงคนพูด ยิ่งไนดัสฟังอีกก็ยิ่งฟังออกเป็นเสียงคนชัดเจนยิ่งขึ้น
                   
    กลับไป

    ไนดัสเงี่ยหูฟังให้แน่ใจอีกครั้ง

    กลับไปซะ

    เสียงพูด? ไนดัสเปรยกับตัวเอง สันนิษฐานทั้งหมดคงเป็นอย่างอื่นไม่ได้
                   
    จงกลับไปซะ อย่าได้มาเหยียบที่นี่

    ข้าจำเป็นต้องเข้าไป! ” ไนดัสตะโกนตอบกลับไปในที่สุด เสียงนั้นเงียบลงไปไนดัสจึงพูดต่อ พวกเราจำเป็นต้องไปที่หอคอยนั่น...คือ มันเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าไม่เข้าไปที่นั่นพวกเราจะทำภารกิจไม่สำเร็จ แล้วก็จะไม่มีกิน...แล้วก็...ไม่รู้ว่าปลาวาฬอย่างท่านจะเข้าใจหรือเปล่า

    ไอ้บ้า พูดอะไรของแก! ”  บารอลผุดลุกขึ้นมาพร้อมสีหน้าตื่นๆ นั่นน่ะปลาวาฬธรรมดาที่ไหนกัน

    ใช่เลย ปลาวาฬธรรมดาที่ไหนจะตัวเป้งขนาดนั้น

    ไม่ใช่ นั่นน่ะ เมก้าฟาวน่า-วัลเนีย! สัตว์ในตำนานระดับเทพเลยนะน่ะ ชาตินี้ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็น

    สีหน้าของบารอลค่อยๆ เปลี่ยนจากตื่นกลัวเป็นตื่นเต้น

    เออๆ แกน่าจะเห็นพอแล้วล่ะมั้ง ไนดัสตัดบทแล้วก็ตะโกนอีก ขอพวกเราผ่านไปเถอะนะ! ”

    ทะเลสงบลงอย่างประหลาด แม้แต่เสียงคลื่นก็หายไปด้วย

    สงบ...?

    ทันใดนั้นเองเสียงครืนก็ดังขึ้นพร้อมกับเงาร่างของวัลเนียทาบลงมา ร่างของวาฬยักษ์ไปอยู่เหนือเรือตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่มีใครรู้ แต่ไม่เพียงด้านบนเท่านั้น ทะเลรอบด้านถูกดึงขึ้นไปพร้อมกับร่างของมันเป็นกำแพงน้ำบีบเข้ามาจากรอบด้าน เสียงครืนดังจนหูอื้อ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกอีกแล้ว

     

    กล้ามากที่ข้าถามไม่ตอบ ถ้าไม่กลับไปก็ตายอยู่ที่นี่! ”

     

    เฮ้ย! ก็ตอบไปแล้วไง ไม่ได้ยิน-! ”

    ไนดัสอุทรณ์ได้เพียงเท่านี้ เรือทั้งลำก็ถูกคลื่นน้ำกลืนลงไป

     

     

    เสียงคลื่นดังมาแต่ไกลประกอบกับเสียงนกนางนวลปลุกไนดัสขึ้นมา เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นมาการ์เร็ต บารอล นั่งอยู่รอบๆ แต่ลุงเจ้าของเรือไม่ได้อยู่ในที่นั้น

    อาจารย์...โล่งอกไปที มาการ์เร็ตเรียกเบาๆ เมื่อเห็นไนดัสลืมตา

    ที่นี่มัน... ไนดัสตอบพลางลุกขึ้นนั่ง ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่บนเรือ แต่รอบข้างยังเป็นทะเลและซากปรักของหินเก่าก่อเป็นสิ่งก่อสร้างสูงขึ้นไป ไนดัสเพ่งมองย้อนแสงอาทิตย์ที่สาดลงมาก็เห็นเป็นหอคอยสูงที่เคยเห็นอยู่แต่ไกลนั้นเอง

    ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย พวกเราโดนคลื่นซัดมาเกยตื้นที่นี่ บารอลพูดพลางเดินมาที่ไนดัส สัมภาระยังอยู่ครบ แต่โชคร้ายหน่อยที่เรือเหลืออยู่แค่นี้ พูดจบบารอลก็โบ้ยหน้าไปที่เศษไม้กองหนึ่ง ซึ่งถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าเป็นเรือมาก่อน

    ยังไม่ตายก็คือโชคดีล่ะน่า ไนดัสบอกแล้วก็ลุกขึ้นยืน โชคดีที่ไม่มีส่วนไหนบาดเจ็บมาก ที่นี่มัน...

    ถ้าจะให้เดา ก็ต้องเป็นหอคอยที่เห็นอยู่ลิบๆ ตอนนั้นล่ะมั้ง

    ถ้างั้นก็โชคดีสุดๆ

    งั้นสินะ... บารอลยิ้มหน่อยหนึ่งก็มองไปที่ยอดหอคอย ยังไม่ได้บอกเลยว่า ที่โชคร้ายสุดๆ ก็คือ ใบภารกิจไหลไปกับน้ำแล้ว

    เล่นไม่ยาก อะไรที่เราเจอที่นี่ ส่งไปให้สถาบันให้หมด ไนดัสตัดบทแล้วก็ทำท่าจะเดินเข้าไป

    จะไม่พักหน่อยหรอคะ?

    ไม่เป็นไร แรงยังเหลือ บารอล ไปกันเถอะ

    โทษทีว่ะ ชั้นขอพักอยู่นี่ละกัน บารอลบอกพลางส่ายหน้า เรื่องสุดท้ายที่ยังไม่ได้บอกคือ ชั้นใช้พลังเฮือกสุดท้ายหมดตอนป้องกันเรือกระแทกกับที่นี่แล้ว

    ไนดัสยิ้มเชิงขอบคุณหน่อยหนึ่งก็เดินต่อ มาการ์เร็ตขยับตัวเหมือนจะตามไปแต่ไนดัสหันมาห้ามไว้

    อยู่ดูแลบารอลที่นี่

    มาการ์เร็ตไม่อิดออดอะไรก็เดินกลับไปนั่งข้างบารอลอย่างว่าง่าย ไนดัสมองยอดหอคอยทีหนึ่งก็เดินเข้าไปข้างใน

    ภายในหอคอยนั้นไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตแม้แต่อย่างเดียว แม้จะไม่มีหญ้ารกเหมือนซากโบราณสถานที่อื่น แต่สภาพของตัวหอคอยนั้นก็โทรมจนบอกได้ว่ามันตั้งอยู่มานานหลายร้อยปีแล้ว แต่ถึงจะเก่าเพียงไร สภาพของหอคอยนั้นดูสมบูรณ์กว่าทุกที่ที่ไนดัสเคยเห็น ทางเดิน ระเบียง บันได ทุกอย่างยังอยู่ในที่ที่ควรอยู่ โครงสร้างของหอคอยน่าจะเหมือนที่มันเป็นเมื่อหลายร้อยปีก่อน จะเป็นเพราะฝีมือของผู้สร้างหรืออำนาจใดก็ตาม ไนดัสก็รู้สึกว่าการเดินในหอคอยนี้ปลอดภัยกว่าทุกที่ที่เคยไป

    ไนดัสเดินไปตามบันไดวนขึ้นไปสูงขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทางไม่ได้คลายความระวังตัวแม้แต่น้อย แต่กระนั้นก็ไม่มีอะไรที่แสดงความอันตราย ไม่ว่าจากสัตว์ร้าย กับดัก หรือความผุพังของโบราณสถาน แต่ไนดัสก็ยังกังวลไม่หาย เพราะหอคอยที่ว่างเปล่านี้อาจหมายถึงเขาจะไม่มีอะไรติดมือกลับไปด้วย และนั่นก็จะจบลงที่ไม่ได้ค่าตอบแทนสักแดงเดียว

    ยอดหอคอยเป็นห้องโถงใหญ่ รอบด้านโปร่งสามารถมองเห็นทะเลและท้องฟ้าได้เกือบรอบ ไนดัสยืนรับลมตรงกลาง ซึ่งช่วยให้ไนดัสใจชุ่มชื่นขึ้นบ้าง

    - ไนดัสเกลียดสถาบันผู้ค้นหา แต่ยิ่งพยายามไปจากสถาบันเท่าไร ไนดัสก็ยิ่งต้องเกี่ยวพันธ์ลึกซึ้งกับสถาบันยิ่งขึ้น ทุกอย่างที่ค้นพบต้องเป็นของสถาบันและรัฐบาล หลักการที่ให้ประโยชน์กับเขากำลังทำให้เขากลายเป็นผู้ที่ภักดีที่สุดต่อสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดไป-

     

    ทันใดนั้นเอง สายตาของไนดัสก็สะดุดกับสิ่งหนึ่งเข้า  ที่ผนังด้านหนึ่งที่เหมือนจะเป็นเพียงกำแพงธรรมดามีรอยร้าวปรากฏอยู่ ไนดัสเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วก็เห็นว่าผนังชั้นแรกนั้นเพียงหุ้มบางๆ ไว้เพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่น่าสนใจมากทีเดียว

    ไนดัสแงะผนักออกตามรอยร้าว ซึ่งด้วยความเก่าของผนังนั้นทำให้การเลาะออกไม่ยากเย็นนัก เพียงอึดใจเดียวไนดัสก็ลอกผนังออกมาทั้งแถบ สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าไนดัสตอนนั้นทำให้ใจของเขาเต้นรัว

    บนผนังเก่าแก่นั้น มีรอยแกะสลักเป็นลวดลายที่ความเก่าแก่ไม่ทำให้ความงดงามน้อยลงไปเลย แต่ที่ทำให้ไนดัสใจเต้นแรงยิ่งขึ้นคืออักขระที่จารึกอยู่ตรงใจกลางงานแกะสลักนั้น เป็นอักขระที่เขาเคยเห็นแต่ก็ไม่คุ้นเคย มันเหมือนกับอักขระรูนที่เขาใช้ในมิซติก แต่รูปแบบการเขียนนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ไนดัสเคยเห็นมาก่อน

    ไม่เสียเที่ยวแล้วสิ... ไนดัสพึมพำพลางหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

     ไนดัสเพ่งมองอักขระนั้นอย่างใจจดใจจ่อก่อนจะลงมือลอกลายที่เห็นลงบนกระดาษด้วยความบรรจง ราวกับจะไม่ให้ผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่เห็นเลยแม้แต่น้อย ต้องขอบคุณเจ้าปลาวาฬยักษ์ที่ทำให้กล้องถ่ายรูปของเขาสูญหายไป แต่กระนั้นไนดัสก็คุ้นเคยกับการทำงานแบบอนาล็อกอยู่แล้ว จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ไนดัสก็วางดินสอ หลังจากมองเทียบสลับกันสองสามครั้งไนดัสก็ยิ้ม

    เป็นอักขระที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ถ้าเป็นการค้นพบครั้งแรกล่ะก็...   ไนดัสเปรยกับตัวเองก่อนจะมองดูรอบๆ เผื่อจะมีอะไรเล็ดลอดสายตาไปอีก แต่ก็ไม่มีอย่างอื่น ตอนนี้งานในฐานะผู้ค้นหาของสถาบันเสร็จสิ้นแล้ว แต่ในฐานะผู้ใช้เวทย์มนต์นั้นยังมีอีกอย่างที่ยังคาใจ

    ถ้าทางสถาบันรู้เข้าคงดูไม่จืดแหงๆ แต่เอาเถอะ เจ้าบารอลคงไม่ปากโป้ง ไนดัสหัวเราะแห้งๆ แล้วก็ยกมือขึ้นไปประกบกับอักขระนั้น แสงสว่างแผ่ออกมาจากฝ่ามือวิ่งเข้าไปที่ผนังเป็นลำแสงวิ่งไปตามอักขระที่ซับซ้อน ลำแสงนั้นวิ่งวนไปทั่วกำแพงจนดูราวกับกำแพงจะเปล่งแสงออกมา ถึงตอนนี้ไนดัสก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ

    ยิ่งเป็นอักขระที่ซับซ้อนก็ยิ่งใช้พลังเวทย์มาก สำหรับมิซติกที่ไนดัสใช้อยู่ประจำนั้นมีอักขระไม่มากนักจึงใช้พลังไม่มากเช่นกัน แต่ตอนนี้อักขระทั้งหมดบนกำแพงกำลังดูดพลังของไนดัสไปจนขาทรงตัวแทบไม่อยู่

    เวทย์มนต์อะไรกันนี่...อักขระที่ซับซ้อนแบบนี้ไม่ใช่เวทย์ธรรมดาแน่ ไนดัสกัดฟันแน่น ถ้าใช้พลังจนเกินตัวก็คงทำให้เขาหมดสติแน่ แต่ต่อหน้าสิ่งประหลาดมหัศจรรย์นี้ไนดัสก็อดใจไม่ได้ที่จะเห็นมันสักครั้ง

    ไนดัสยกมือขึ้นอีกข้างประกบลงไปที่ผนัง อัดพลังเวทย์ทั้งหมดที่มีเข้าไป สติของเขาเริ่มเลือนลาง แต่กระนั้นพลังเวทย์ของเขาก็ยังถอดไปไม่ถึงอักขระตัวสุดท้าย ซึ่งยังเหลืออีกเกือบครึ่ง ไนดัสทรุดลงกับพื้นในที่สุด ลมหายใจเริ่มขาดห้วง ตัวสั่นจนหยุดไม่ได้ ถ้าล้ำเส้นไปมากกว่านี้เขาก็คงเป็นอันตราย

    แต่ขณะที่ไนดัสตัดสินใจจะถอนมือออกนั้นเอง แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นที่อักขระตัวสุดท้ายวิ่งย้อนกลับอย่างรวดเร็ว ไนดัสยังไม่ทันตั้งตัว แสงนั้นก็มาบรรจบกับพลังเวทย์ที่เขาถ่ายทอดเข้าไป ทันทีที่แสงนั้นชนกัน ผนังทั้งหมดก็เปล่งแสงออกมากลบสายตาของไนดัสไปสิ้น

    ไนดัสกระเด็นออกมาจากผนังเล็กน้อย ด้วยพลังเวทย์ที่ระเบิดออกมาและด้วยความอ่อนแรงไนดัสได้แต่มองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นโดยที่ขยับตัวแทบไม่ได้ และสิ่งที่ปรากกออกมาก็ทำให้ไนดัสตะลึงไป

    เหนือร่างของไนดัสขึ้นไปไม่กี่เมตร ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏออกมาจากแสงของกำแพง ผมสีฟ้าครามสยายลงมาเกือบถึงเอว ชุดลายดอกไม้สีชมพูยาวคลุมตั้งแต่คอจนถึงปลายนิ้วและดวงตาที่หลับสนิท แสงจากกำแพงค่อยๆ หายไปร่างนั้นก็ร่วงลงมา ไนดัสขยับตัวโดยสัญชาติญาณรับร่างนั้นไว้ได้ทัน

    นี่มันอะไรกัน... ไนดัสมองร่างนั้นอย่างอัศจรรย์ใจ ใบหน้าที่หลับอยู่นั้นงดงามราวกับรูปสลักของช่างฝีมือเอก และชุดที่ไม่เหมือนกับยุคปัจจุบันนี้ก็ทำไนดัสยิ่งอัศจรรย์ใจขึ้นไปอีก ผู้หญิงคนนี้ออกมาจากกำแพงงั้นรึ อย่างกับคาถาอัญเชิญงั้นแหละ มีอักขระที่ใช้ผนึกมนุษย์ด้วยงั้นรึ?

    ขณะที่ไนดัสกำลังจะวางลงก็พอดีกับที่เธอลืมตาขึ้นมา ไนดัสตกใจทันเพียงอึดใจหนึ่งร่างนั้นก็สลายกลายเป็นน้ำหล่นลงพื้นดังซ่า

    อะไรกัน!? ”

    ไนดัสยังไม่ทันคิดอะไรต่อ พลังเวทย์มหาศาลก็ก่อตัวขึ้นข้างหลัง ด้วยสัญชาติญาณ ไนดัสก้มตัวลงก่อนจะหันไปดู ก็พอดีกับที่คมดาบขนาดใหญ่เฉี่ยวไปอย่างเฉียดฉิว กำแพงอักขระถูกผ่าเป็นสองท่อนในพริบตา ไนดัสไม่ทันตะลึงก็ต้องพุ่งหลบเศษหินที่ร่วงลงมาดังโครมใหญ่ เมื่อพ้นอันตรายแล้วก็หันไปดูด้านหลัง

    หญิงสาวคนนั้นเอง เธอยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แต่ที่น่ากลัวคือดาบขนาดใหญ่ที่เหมือนจะลอยอยู่ข้างๆ แขน เมื่อเพ่งดูดีๆ ก็รู้ว่าตัวดาบนั้นคือกลุ่มน้ำที่รวมตัวกันเป็นก่อนและคมกริบขนาดผ่าหินได้สบายๆ เธอคนนั้นมองมาที่ไนดัสแต่ชุดที่บังหน้าไปเกือบครึ่งนั้นทำให้เดาไม่ออกว่าเธอมีสีหน้าอย่างไร ไนดัสกำลังจะถามก็ต้องหลบอีกครั้ง เมื่อเธอคนนั้นสะบัดแขนตวัดคมดาบเข้าใส่อีกครั้ง คราวนี้เฉียดไปเพียงเล็กน้อย

    อะไรของเธอ! จะ-   ไนดัสกลิ้งหลบอีกครั้ง “ -ทำอะไร!? ”

    ไนดัสหลบไปพลางก็เริ่มหอบหายใจ เมื่อกี้นี้เขาใช้พลังไปจนเกือบหมดร่างกายก็เริ่มจะไม่ฟังสมองแล้ว ระหว่างที่คิดนั้นเองก็ลงมาอีกครั้ง ไนดัสรวบรวมแรงสุดท้ายยกมือขึ้นรับ ทันทีที่มือของไนดัสสัมผัสกับตัวดาบมิซติกในมือก็เปล่งแสงออกมา

    “ Paralyze!! ”

    กระแสไฟฟ้าแล่นตามตัวดาบวิ่งไปถึงร่างผู้หญิงคนนั้น ร่างนั้นสะท้านก่อนจะล้มลง ตัวดาบก็สลายเป็นหยดน้ำไป ทั้งหอคอยเงียบลงเหลือเพียงเสียงหอบหายใจของไนดัส

    มือเกือบขาดแล้วสิ ไนดัสเปรยพลางยกมือขึ้นมาดู เพียงสัมผัสเท่านั้นคมดาบก็เฉือนมือเข้าไปลึกจนเกือบถึงกระดูก แต่ปริศนาที่ผู้หญิงคนนี้ทิ้งไว้กวนใจไนดัสมีมากกว่านั้น

    ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่

     

    คืนนั้น ไนดัส บารอลและมาการ์เร็ตก่อไฟพักแรมที่หอคอย ทั้งสองคนไม่ตกใจเท่าไรนักกับการมีอยู่ของผู้หญิงคนนั้น บาดแผลของไนดัสดูจะหนักหนากว่าในสายตาของมาการ์เร็ต

    อาจารย์นี่ล่ะก็ เอาตัวไปเสี่ยงอีกแล้ว มาการ์เร็ตบ่นขณะเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ไนดัส

    เอาเถอะ ใครจะรู้ว่ามีอะไรแบบนี้บนนั้น ไนดัสบอกปัดอย่างเหนื่อยอ่อน

    นายบอกว่า...ใช้พลังทั้งหมดในการถอดรหัสเชียวหรือ บารอลถามบ้าง

    ที่จริงทั้งหมดยังไม่พอเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นมีพลังบางอย่างเข้ามาช่วยแต่ไม่ใช่พลังของชั้นหรอก แล้วก็...นี่เป็นครั้งแรกที่มีเห็นการผนึกมนุษย์แบบนี้

    ไม่เคยมีการบันทึกว่ามีการเขียนอักขระผนึกมนุษย์ได้มาก่อน แล้วก็เป็นเรื่องต้องห้ามด้วย... บารอลเปรยเบาๆ แล้วก็เกาคาง เป็นไปได้ว่า นี่เป็นการค้นพบหลักฐานการทำเรื่องต้องห้ามชิ้นใหญ่ หรือไม่...ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ใช่มนุษย์

    พูดอะไรบ้าๆ น่ะ ไนดัสเถียงเพียงแค่นั้นก็ไม่กล้าเถียงอีก เขาก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปาก คนคงไม่สามารถกลายเป็นน้ำได้ และพลังเวทย์นั้นก็สูงกว่าจะเป็นของคนธรรมดา

    แล้วจะเอายังไง...ผู้หญิงคนนี้ บารอลโบ้ยหน้าไปที่เธอคนนั้นที่กำลังหลับสนิทในผ้าห่มข้างกองไฟ โดยมีมาการ์เร็ตนั่งจ้องอยู่ข้างๆ

    ...ยังไงซะ เธอก็คือสิ่งที่เราค้นพบที่นี่

    ถ้าอย่างนั้น ตัวตนของเธอก็เป็นของสถาบัน

    ...ใช่

     

    เสียงคลื่นและแสงแดดปลุกไนดัสในตอนเช้า เขาชันตัวขึ้นมองไปรอบๆ บารอลกับมาการ์เร็ตยังนอนอยู่ที่เดิม แต่ผู้หญิงคนนั้นหายไป

    ไนดัสผุดลุกขึ้นทันที ความคิดวิ่งไปถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว ในใจก็นึกขำตัวเองที่ประมาทเกินไปที่ไม่คอยอยู่ยามเฝ้าไว้ แต่ขณะนั้นเองเขาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่ขอบกำแพงติดทะเล ผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง เธอไม่มีท่าทีว่าจะหลบหนีหรือหวาดกลัว แต่กลับมองดูผืนน้ำอย่างสงบปล่อยให้ลมทะเลพัดเส้นผมสีฟ้าพริ้วไหวไป

    นี่...

    ไนดัสพยายามทักด้วยเสียงที่ปกติที่สุด ซึ่งเรื่องที่เธอคนนี้เกือบจะสังหารเขาเมื่อวานก็เป็นความจริงอย่างที่สุด ไนดัสเตรียมมิซติกในมือไว้พร้อม เพราะเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องหรือไม่

    เจ้า...เป็นใคร

    ไนดัสสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเธอพูดเป็นภาษาเดียวกันถึงจะแปร่งๆ ก็ตาม

    นี่เธอ...พูดภาษาของเราได้งั้นรึ?

    ข้าศึกษาตอนที่พวกเจ้าคุยกันข้างกองไฟ ถึงจะไม่ถึงกับพูดได้คล่องก็เถอะ เธอคนนั้นตอบ สำหรับไนดัสแล้วนับว่าคล่องมากเกินพอแล้วสำหรับการแอบฟังและฝึกเองเพียงชั่วข้ามคืน

    พวกเรา...มาที่นี่แล้วก็เจอเธอแบบ...บังเอิญน่ะ ไนดัสตอบคำถามที่ค้างอยู่ แต่เธอก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบ

    ยังไงซะ...พวกเราก็ไม่ได้คิดทำร้ายเธอหรอกนะ เพียงแต่...

    นี่เวลาผ่านมาเท่าไรแล้วนะ เธอคนนั้นเปรยกับตัวเองอย่างไม่ใส่ใจ ตายังมองอยู่ที่ทะเล

    นี่...

    ข้าชื่อ อัลเลอเรีย...ต้องขอบใจที่ปลดผนึกให้ ขอโทษที่ทำร้ายเจ้าเมื่อวาน แล้วก็ขอลาเพียงเท่านี้

    ไนดัสยังไม่ทันตอบอะไรอัลเลอเรียก็ผละไปที่ขอบระเบียง เธอยังไม่ละสายตาจากทะเลและชายฝั่งที่เห็นอยู่ไกลลิบๆ ขณะที่เธอกำลังขยับตัวเหมือนจะเดินต่อนั้นเองเสียงดังกังวานก็ดังขึ้น

    เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น! ”

    พร้อมกับเสียงนั้น ทะเลเบื้องหน้าก็ระเบิดออกพร้อมกับร่างวาฬขนาดยักษ์ที่ไนดัสเจอก่อนหน้านี้ วัลเนียนั่นเอง มันทะยานขึ้นมาจากทะเลสู่อากาศก่อนจะลอยลงมาตรงหน้าซึ่งขนาดอันมหึมาของมันแทบแยกไม่ออกเลยว่าอยู่ไกลแค่ไหน

    อย่ามาขวางข้า วัลเนีย อัลเลอเรียตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

    โลกในตอนนี้ไม่ใช่ยุคของเจ้าอีกต่อไป ถึงเจ้าจะโชคดีที่ผนึกคลายออก แต่แผ่นดินนี้ไม่เหลืออะไรที่เป็นของเจ้าอีกแล้ว  

    ถึงอย่างไรข้าก็ต้องไปที่นั่น ถ้าท่านยังขวาง ข้าก็จะไม่เกรงใจ

    อย่าโอหัง! ” วัลเนียคำรามก้องพร้อมกับสะบัดครีบมหึมาของมัน ทะเลเบื้องหลังออกไปก็ยกขึ้นมาเป็นกำแพงสูงเกือบเมฆ กำแพงนั้นตั้งค้างอยู่ให้ไนดัสตะลึงจนอ้าปากตาค้าง

    ไนดัส เกิดอะไรขึ้น! ” บารอลกับมาการ์เร็ตวิ่งตามมาสมทบและก็ต้องตะลึงตาค้างไปตามกัน ไนดัสเองก็ไม่สามารถคุมสติให้อธิบายอะไรได้เช่นกัน

    ถ้าไม่กลับเข้าผนึกไป! ข้าก็จะจับเจ้ายัดเข้าไปเอง!  

    วัลเนียคำราม กำแพงน้ำขนาดยักษ์ก็เทลงมากลายเป็นคลื่นยักษ์โถมเข้ามาพร้อมกับเสียงดังสนั่น ถึงตอนนี้มาการเร็ตเกาะบารอลไว้แน่น บารอลเองก็สุดจะกลั้นร้องออกมาเสียงหลง ไนดัสแม้จะยังยืนอยู่ได้แต่ขาก็สั่นจนเกือบจะล้ม

    ขออภัยด้วย

    อัลเลอเรียสะบัดมือออกคลื่นยักษ์ก็แหวกออกเป็นทางเว้นช่องหอคอยไว้ ไนดัสได้แต่มองคลื่นยักษ์แล่นผ่านไปพร้อมกับเสียงดังก้องหู หยดน้ำกระเซ็นมาโดนหน้าปลุกสติให้รู้ว่าไม่ได้ฝันไป ทันใดนั้นเองอัลเลอเรียก็สะบัดแขนตวัดไปทางวัลเนีย คลื่นที่วิ่งผ่านไปก็วกกลับมาเป็นเกลียวขนาดใหญ่ฟาดไปที่กลางตัวของเจ้าวาฬยักษ์เสียงดังสนั่น

    วัลเนียร้องออกมาหน่อยหนึ่งก่อนจะกระเด็นไปตามแรงฟาดร่วงลงไปในทะเลดังกึกก้อง เพียงไม่นานนักร่างนั้นก็จมหายลงไป เกลียวคลื่นก็กลับลงทะเลตามเดิมพร้อมกับเสียงครืนดังสนั่น  แต่ขณะนั้นทั้งไนดัส บารอลและมาการ์เร็ตได้ยินแต่เสียงใจตัวเองเต้นแรงจนแทบจะทะลักออกมานอกอกทั้งที่เมื่อครู่นี้ตกใจจนใจแทบหยุดเต้น

    ทันใดนั้นเอง ทะเลก็แหวกออกจนเห็นพื้นล่าง อัลเลอเรียก็ออกเดินไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไนดัสกับบารอลยังตะลึงทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งอัลเลอเรียเดินไปไกลแล้วสติจึงกลับมา

    มาเร็ว ทั้งสองคน! ” ไนดัสพูดแล้วก็ออกวิ่งตามอัลเลอเรียไป

    เฮ้ย เดี๋ยวๆ อะไรกันจะไปไหน

    นายคิดจะไปจากเกาะนี้ยังไงถ้าไม่ไปตอนนี้

    บารอลมองหน้ามาการ์เร็ตหน่อยหนึ่งก็อุ้มเด็กหญิงขึ้นมานั่งบนไหล่แล้วก็วิ่งตามไป ตามทางที่ทะเลเปิดไว้

    เจ้าจะเสียใจทีหลังแน่ อัลเลอเรีย เสียงของวัลเนียดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าจะสิ้นหวังกับยุคสมัยนี้ แล้วสุดท้ายเจ้าก็จะคิดได้ว่าถ้าเจ้ายังอยู่ในผนึกนั่นชั่วนิรันดร์เสียดีกว่า

    ข้าจะไม่เสียใจ อัลเลอเรียตอบ หากข้าไม่ได้ออกมา ข้าคงต้องอยู่กับความเสียใจไปชั่วนิรันดร์เสียอีก

    นี่ก็เป็นความรับผิดชอบของเจ้าเช่นกัน

    ไนดัสสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกเอ่ยถึง

    จงจำไว้ ผู้หญิงคนนี้จะทำให้ชีวิตเจ้าเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

    ไนดัสไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่มองหน้ากับบารอลอย่างเข้าใจตรงกัน เพียงเท่านี้ก็ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปมากโขแล้ว

    ตลอดทาง ไนดัสเดินตามอัลเลอเรียไปพร้อมความระแวงเล็กน้อยว่ากำแพงน้ำที่ทะเลแหวกออกอาจจะถล่มลงมาตอนไหนก็ได้ แต่กระนั้น อัลเลอเรียก็เป็นหลักประกันที่เชื่อได้ว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น

    นี่ เธอจะไปไหนน่ะ ไนดัสพยายามเปิดเรื่องคุย

    ข้าต้องเดินทางขึ้นเหนือ เป็นคำตอบ

    จะว่าไปยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่ ชั้น ไนดัส นั่นบารอล แล้วก็มาการ์เร็ต

    ข้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น แต่ถ้าพวกเจ้าจะร่วมทางด้วยอย่างน้อยก็อย่าสร้างความรำคาญให้ข้า

    ไนดัสอึกอักไปครู่หนึ่งก็พูดต่อ

    นี่เธอ คิดจะไปทางเหนือทำไมกัน

    ไม่ใช่เรื่องของเจ้า อัลเลอเรียตอบโดยไม่หันมามอง

    จะบอกไว้ก่อน ถ้าเธอจะไปทางเหนือล่ะก็ อย่างน้อยก็ต้องการให้พวกเราช่วยแน่

    ทำไมมั่นใจอย่างนั้น

    เพราะอย่างน้อย พวกเราก็รู้จักยุคนี้ดีกว่าเธอ

    อัลเลอเรียหันมามองหน่อยหนึ่งก็หันกลับ

    ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร

    ยอมรับเถอะน่า ชั้นพอจะอ่านออกหรอกว่าเธอมาจากไหน แต่ยุคนี้เป็นยุคของพวกชั้น เพราะฉะนั้นอย่าคิดมั่นใจในตัวเองมากนักแล้วฟังพวกเรา...

    ไนดัสพูดได้แค่นี้ น้ำส่วนหนึ่งจากกำแพงก็สาดเข้ามาใส่ไนดัสจนกระเด็นไป อัลเลอเรียหันมามองด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะสะบัดมือเรียกน้ำกลับไป

    ข้าบอกแล้วว่าอย่าสร้างความรำคาญ ถ้ายังอยากร่วมทางล่ะก็อย่างน้อยก็เงียบเสียงลงหน่อย

    อัลเลอเรียไม่รอคำตอบก็หันกลับเดินต่อไป

    คิดจะทำอะไร บารอลถามเบาๆ

    อย่างน้อยก็ต้องทำให้เธอฟังเราซะก่อน ไนดัสตอบพลางสะบัดน้ำออกจากตัว ไม่อย่างนั้นงานคราวนี้ได้สูญเปล่าแน่

    หมายความว่า จะพาเธอกลับไปสถาบันงั้นรึ?

    แน่นอนสิ นายก็เห็นแล้วว่าใช้กำลังพาตัวไปไม่ได้แน่ ถ้าจะพาไปอย่างน้อยก็ต้องให้เรานำทางไป

    จะดีรึ...

    บอกแล้วไง ตัวตนของเธอเป็นของสถาบัน งานของเราคือพาเธอกลับไปสถาบันให้ได้ ใช่ไหม?

    ...นั่นสินะ

     

    กว่าทั้งสี่คนจะมาถึงชายฝั่งก็เป็นเวลามืดพอดี ทันทีที่อัลเลอเรียก้าวขึ้นฝั่ง ทะเลก็ปิดลงมาตามเดิม พวกไนดัสที่ตามมาแทบจะวิ่งขึ้นมาไม่ทัน แต่อัลเลอเรียยังอยู่ตรงนั้นตาของเธอมองไปที่ท้องฟ้าที่เจือด้วยแสงประหลาดที่ไม่เคยเห็น ทั้งที่ยามค่ำคืนไม่น่าจะสว่างไสวได้ขนาดนี้ อัลเลอเรียแทบสงสัยว่าเธออยู่ในโลกเดิมหรือไม่

    นี่เวลา...ผ่านไปเท่าไรกันแน่ อัลเลอเรียเปรยกับตัวเอง

    บอกแล้วใช่ไหมว่าเธอต้องพึ่งพวกเรา ไนดัสพูดขึ้นหลังเห็นอัลเลอเรียเหม่ออยู่นาน เธออาจจะไม่ชอบใจก็ได้ แต่นี่คือยุคที่เธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจะดีกว่าถ้า...! ”

    ไนดัสอยุดพูดกะทันหันเมื่อเห็นสีหน้าของอัลเลอเรีย เธอไม่ได้หันมามองหรือแม้แต่สนใจไนดัส แต่นัยตาที่เหม่อมองดูเมืองอารยะที่อยู่ตรงหน้านั้นเอ่อล้นด้วยน้ำตา แสงไฟสะท้อนน้ำตาบนใบหน้าของหญิงสาวที่งดงามที่สุดคนหนึ่งที่ไนดัสเคยเห็นสะกดคำพูดของเขาไปหมดสิ้น แม้จะไม่เข้าใจความหมายของน้ำตานั้น แต่บางสิ่งในใจในดัสก็เริ่มสั่นคลอน

    อาจจะจริงอย่างที่เจ้าว่า นี่ไม่ใช่ยุคสมัยที่ข้าเคยอยู่ ทุ่งหญ้ากว้างสุดสายตาที่ข้าเคยเห็นไม่อยู่แล้ว... อัลเลอเรียเช็ดน้ำตาแล้วก็หันมาในที่สุด เจ้า...ไนดัสสินะ

    ใช่ ไหนๆ ก็ไหนๆ แนะนำตัวอีกรอบแล้วกัน นั่นบารอล กับมาการ์เร็ต...

    ขอให้ช่วยข้าด้วย

    อะไรกัน เมื่อกี้เจ้ายัง...

    ข้าไม่มีอะไรจะให้ตอบแทน แต่เจ้าปล่อยข้าออกมา อย่างน้อยก็รับผิดชอบข้าสักหน่อยสิ

    ไนดัสอึกอักไปครู่หนึ่ง เมื่อหันไปขอความเห็น บารอลก็ได้แต่ส่ายหน้าเป็นอันรู้กันว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะตัดสินใจ

    เธอนี่เอาแต่ใจเป็นบ้า ให้ตายเถอะ ชั้นจะสงเคราะห์เธอหน่อยละกัน ไนดัสตอบแล้วก็หันไปหาบารอล พยักหน้าให้สัญญาณรู้กันว่าเป็นไปตามแผน

     

    เมืองท่ายามค่ำคืนนั้นเต็มไปด้วยชีวิต แสงไฟหลากสีที่ส่องสว่างเชิญชวนให้เหล่านักท่องราตรีทั้งหลายเยื้องกรายเข้าไปราวกับแมลงเล่นไฟ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไนดัสมาที่เมืองนี้เขาคุ้นกับสภาพยามราตรีของที่นี่ดีพอๆ กับหลังมือของตัวเอง  แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เขามีภาระหนักหน่วงพกมาด้วย มาการ์เร็ตไม่เหมาะกับเมืองนี้ตอนกลางคืนแน่ๆ ส่วนอัลเลอเรียยิ่งไม่ต้องพูดถึง อย่างน้อยภาพพจน์ของโลกยุคสมัยของเขาที่ไนดัสอยากให้อัลเลอเรียเห็นก็ไม่ใช่ที่นี่แน่ อัลเลอเรียอาจจะไม่เข้าใจอะไร แต่อาจเป็นความรู้สึกของเจ้าบ้านต่อแขกที่ไม่อยากให้ติดภาพลบแต่แรก

     

    เธอพักที่ห้องนี้กับมาการ์เร็ต แล้วห้ามไปไหนเด็ดขาด ไนดัสกล่าวหนักแน่นขณะยืนส่งอัลเลอเรียกับมาการ์เร็ตเข้าไปในห้องพักที่หาเช่าได้ คืนนี้นอนพักผ่อนให้มากไว้พรุ่งนี้ถึงจะออกเดินทาง เข้าใจนะ

    อัลเลอเรียไม่ตอบอะไรแต่เดินสำรวจไปทั่วห้องแล้วมาจบที่ที่นอนนุ่มๆ ซึ่งเธอดูให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ ไนดัสเห็นแล้วก็เรียกมาการ์เร็ตมาใกล้

    จับตาดูเธอไว้อย่าให้คลาดสายตาเลยนะ ถ้าปล่อยให้เธอไปเพ่นพ่านจะวุ่นแบบกู่ไม่กลับเลยเชียว ไนดัสกระซิบบอกลูกศิษย์

    ไว้ใจได้เลยค่ะอาจารย์ เด็กหญิงตอบเสียงใสพลางยกมือขึ้นตะเบ๊ะเลียนแบบทหาร แล้วก็เดินดุ่ยๆ ไปนั่งที่เตียงตรงข้ามกับอัลเลอเรียแล้วจ้องไว้ไม่คลาดสายตา อัลเลอเรียก็ได้มองเด็กหญิงอย่างงงๆ ไนดัสเห็นแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะปิดประตู

    หมดไปอีกเรื่อง ไนดัสเหยียดแขนคลายเมื่อยขณะออกมาจากห้องเดินมาที่บารอล ว่าไง คืนนี้ก๊งกันสักขวดมั้ย ไหนๆ งานก็ไปได้สวย

    ขอผ่านว่ะ เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดยังจะไปดื่มอีกรึไง บารอลบอกพลางเปิดประตูห้องพักอีกห้องหนึ่งเดินโซเซเข้าไป อีกอย่าง งานนี้เพิ่งจะเริ่มจะรีบดีใจไปหน่อยล่ะมั้ง

    ให้ตายเหอะ เวลาพักมีไม่ใช้นะแกนี่ ไนดัสบ่น แต่ก็ได้เพียงเสียงกรนดังมาเป็นคำตอบ

     

    ไนดัสออกจากห้องพักเดินไปตามถนนที่พลุกพล่านด้วยผู้คนแม้เวลาจะล่วงไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว แสงไฟที่ส่องสว่างทำผู้คนลืมเวลาไปสิ้น ที่สัมผัสได้มีเพียงแสงสีเสียงที่ความเจริญมอบให้ ร้านรวงมากมายเปิดรออยู่พร้อมไฟที่ล่อลวง ไนดัสก็อดขำตัวเองไม่ได้ที่หลงตามแสงไฟเหล่านั้นไป

    ภายในร้านนั้นเสียงเพลงไม่ได้ดังจนหนวกหู แต่บรรยากาศอึมครึมที่มีเพียงแสงสลัวจากหลอดไฟไม่กี่ตัวก็ทำให้อึดอัดได้ไม่น้อย โดยเฉพาะตอนที่มาคนเดียวไม่มีเพื่อนซี้มาด้วย แต่กระนั้นการนั่งมองคนแปลกหน้าที่ผ่านไปมาในแสงสลัวนั้นก็เป็นการพักผ่อนที่สงบใช้ได้ เสียงดนตรีขับกล่อมไปพร้อมกับลิ้มรสสุราที่ร้อนผ่าวลงไปถึงท้องนั้นเพลิดเพลินยิ่งจนชวนให้ลืมเวลาไป

    ทันใดนั้นเอง สายตาของไนดัสก็จับที่ร่างของคนคนหนึ่งที่ยืนขวางอยู่ที่หน้าร้าน เขามองผ่านแสงสลัวเพ่งดูจนแน่ใจแล้วก็ผุดลุกขึ้นทันที หญิงสาวร่างสูงระหง ผมสีฟ้ายาวสยายในชุดสีชมพูคลุมยาวจนถึงเท้ายืนลังเลมองซ้ายขวาเหมือนกำลังหาใครอยู่ ซึ่งจังหวะที่ไนดัสผุดลุกขึ้นนั้นเธอก็เห็นเขาเข้า

    ให้ตาย... ไนดัสสบถในลำคอ

    อัลเลอเรียเดินตรงมาหาไนดัสผ่านสายตาหลายสิบคู่ที่มองตามด้วยความแปลกใจ ทั้งกับใบหน้าที่ไม่ค้นเคยเสื้อผ้าที่ไม่คุ้นตา ไนดัสทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งอัลเลอเรียเดินมาถึงโต๊ะ

    บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าออกมาเพ่นพ่าน ไนดัสพูดเสียงเข้มในลำคอ

    จำไม่ได้ว่าเจ้าสั่งข้าได้ตั้งแต่เมื่อไร ข้าเองก็อยากดูโลกภายนอกบ้าง อัลเลอเรียตอบ

    นี่คุณเธอ บอกแล้วไงว่าให้ฟังกันบ้าง ถ้าเธอทำตามใจแบบนี้ได้ลำบากทีหลังแน่ ไนดัสหันไปมองรอบๆ คนอื่นๆ เริ่มไม่สนใจอัลเลอเรียแล้ว แล้วมาการ์เร็ตล่ะ

    หลับไปแล้ว เธอฟังนิทานยังไม่จบเรื่องเลยด้วยซ้ำ

    ไนดัสมองอัลเลอเรียอย่างประหลาดใจหน่อยหนึ่ง

    ที่นี่เป็นที่ที่ครึกครื้นดีนะ อัลเลอเรียมองรอบๆ แล้วก็เอื้อมมือมาหยิบแก้วของไนดัส

    เฮ้ยๆ อย่าเชียวนะนั่นน่ะ ไนดัสรีบห้าม อัลเลอเรียทำหน้างงๆ ยกแก้วขึ้นมาดมหน่อยหนึ่งก็ตอบ

    ไม่ได้เป็นของแปลกอะไร สมัยก่อนหลังเทศกาลเก็บเกี่ยวข้าก็ดื่มน้ำเมาพวกนี้ออกบ่อยไป พูดจบอัลเลอเรียก็ยกแก้วดื่มรวดเดียวหมด ไนดัสก็ได้แต่มองตาค้าง

    รสชาติไม่เลวนัก

    ...ตกลง นี่เธอมาจากอดีตใช่มั้ย ไนดัสถามเสียงค่อย

    ก่อนที่ข้าจะถูกผนึกในที่นั้น แผ่นดินนี้มีเพียงชาวเผ่าเราและทุ่งกว้างเขียวขจีเท่านั้น นั่นน่ะอดีตใช่ไหมล่ะ  

    หรือว่า...ชาวเผ่าเชด้า?

    พวกเราถูกเรียกขานอย่างนั้น ไม่นึกว่าเจ้าก็รู้จักด้วย

    แน่ล่ะ ไนดัสรู้จัก แต่ก็จากในหน้าหนังสือเท่านั้น ชนเผ่าที่น่าจะล่มสลายไปแล้วเป็นร้อยปีพร้อมกับการมาของพวกฟิสิกส์ทำอย่างไรไนดัสก็ไม่อาจสะกดใจที่เต้นแรงนี้ได้ ความผิดปกติที่พบจากอัลเลอเรียนั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอีกต่อไป ยิ่งได้ฟังจากปากอัลเลอเรียเองแล้วความตื่นเต้นก็ยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ

    แล้ว...สมัยนั้นเป็นยังไงบ้าง หมายถึงการใช้ชีวิต การค้าขาย บ้านเรือนน่ะ

    ทุกคนใช้ชีวิตกับการปลูกผักเลี้ยงสัตว์ล่าสัตว์... ทุกคนใช้เวทย์มนต์กันได้ทั้งนั้น ใช้กันเป็นประจำ

    ทุกคนทำแบบเธอได้หมดเลยงั้นรึ? หรือว่าเป็นบางคน?

    หมายถึงพลังนี้น่ะรึ? อัลเลอเรียชูมือขึ้นมือนั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นน้ำ ไนดัสรีบคว้ามือนั้นกดลงกับโต๊ะทันที หวังเพียงว่าจะไม่มีใครทันเห็น

    อย่าใช้พลังนั้นซี้ซั้วที่นี่นะ ชั้นยังไม่อยากมีปัญหา ไนดัสกวาดสายตาไปรอบๆ ให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็น

    คนสมัยนี้ใช้พลังเวทย์กันไม่ได้เสียแล้วรึ? ไม่รู้สึกถึงพลังในตัวคนเสียเลย แล้วก็ ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่ทำแบบข้าได้ ว่าแต่...เจ้าจะจับมือข้าไปถึงไหนกัน

    ไนดัสรู้สึกตัวก็รีบปล่อยมือทันที

    ช่างเป็นยุคสมัยที่น่าอิจฉาเสียจริงนะ ไนดัสเปรยกับตัวเอง แต่อัลเลอเรียก็ได้ยิน

    เจ้า...ไม่พอใจอะไรกับยุคสมัยของเจ้า?

    มันไม่มีอิสระ อยากจะอยู่ในยุคที่เผยพลังเวทย์ได้อย่างปกติธรรมดาอย่างนั้นเสียจริง

    นี่เจ้า… ”

    จะยุคไหนก็มีปัญหากันทั้งนั้นล่ะ ไนดัสบอก สายตามองข้ามไปข้างหลังอัลเลอเรีย ...นี่ก็ด้วย ไม่ต้องพูดอะไรเลยนะ นั่งเงียบๆ ไปก็พอ  

    อัลเลอเรียไม่ทันหันไปเสียงของผู้มาเยือนก็ดังเข้ามา

    ไม่นึกว่าจะมาเจอแกที่นี่เลยนะ คุณผู้ค้นหาแห่งลม

    กันแซ็ค... ไนดัสตอบด้วยเสียงเรียบที่สุด คนที่ไม่อยากเจอที่สุดกลับปรากฏตัวตรงหน้าในเวลาที่ไม่ต้องการที่สุด
                   
    ได้ยินว่ารับงานใหญ่มาแถวนี้ นึกว่ากำลังตั้งใจทำงาน กลับมานั่งดื่มอยู่กับสาวเองรึ? กันแซ็คถามเยาะๆ เหลือบตามองอัลเลอเรียหน่อยหนึ่ง ซึ่งเธอก็ไม่ได้สบตา แต่นั่งจดจ่อกับแก้วสุราในมือต่อไป

    งานของมืออาชีพไม่ต้องให้มือสมัครเล่นยุ่งหรอก ว่าแต่เจ้าไม่มีงานการทำหรือยังไง

    ไม่มีเยื่อใยจริงนะ หึหึหึ ที่ชั้นสงสัยก็คือ คนที่ว่าจ้างเรือออกทำภารกิจอันตรายมานั่งจิบเหล้าที่นี่ ขณะที่เจ้าของเรือหายตัวไปน่ะหมายความว่ายังไงกันนะ

    ไนดัสนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
                   
    น่าเสียดาย ที่ลุงคนนั้นต้องเจออุบัติเหตุไม่คาดฝันระหว่างภารกิจของเรา

    งั้นรึ แสดงว่าภารกิจล้มเหลวงั้นสิ หึหึหึ จะให้รายงานคุณไรลีย์ให้ไหมล่ะ

    พวกปลายแถวน่ะ ไม่ต้องสอดมือยุ่ง ไนดัสตัดบทเสียงเข้ม ตาจ้องกันแซ็คเขม็งจนอีกฝ่ายผงะไปเล็กน้อย

    หึหึหึ น่ากลัวจริงนะ แต่ถึงจะเจอเรื่องไม่คาดฝันแต่ไม่แม้แต่ไปแจ้งครอบครัวผู้สูญหาย เจ้าก็ไร้ใจไม่เบา

    เงียบไป กันแซ็ค ถ้ายังไม่อยากเจ็บตัวก็ไสหัวไปซะ นี่คือคำแนะนำ แต่ถ้ายังดันทุรังล่ะก็ อีกไม่ถึงนาทีรับรองว่าแกต้องขอใบรับรองแพทย์ก่อนรับงานต่อไปแน่

    ไนดัสบอกพลางขยับตัว สายตาพร้อมมีเรื่อง กันแซ็คเองก็เช่นกัน มือพร้อมจะหยิบมิซติก ทั้งคู่ลืมไปแล้วว่าอยู่กลางร้านที่มีคนพลุกพล่าน

    ช่า~ย เลย รีบไปให้พ้นหน้าข้าซ้า~~ เดี๋ยวนี้

    เสียงของอัลเลอเรียขัดขึ้นมากะทันหันจนทั้งคู่หันมามองเป็นตาเดียว

    แค่เจ้ายืนอยู่~ สุราก็เสียรสชาติแล้ว ยิ่งฟังคำ...คำ...คา~ม ที่เจ้าพูดแล้วบรรยากาศยิ่งเน่าเสีย~  

    ให้ตาย...นี่คุณเธอกระดกไปกี่แก้ววะนั่น ไนดัสสบถกับตัวเอง สุราในขวดหายไปเกือบครึ่งแต่มิกซ์ไม่พร่องเลยสักนิด

    อย่าทำหน้าตกใจปาย~ หน่อยเลยน่า~~ ” อัลเลอเรียพูดต่อเสียงเริ่มไปหนักกว่าเก่า เมื่อก่อนข้าก็ดื่มหนัก หนาก~ แบบนี้แหละน่า~ ฮะฮะฮ่า ~ ”

    ถึงตรงนี้ กันแซ็คเองก็อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ไนดัสเองก็ยังไม่รู้จะรับมือชาวเชด้าที่เมาอยู่อย่างไรเหมือนกัน
                   
    เฮ้ย~เจ้าน่ะ ข้าบอกให้ไสหัวไปไง จะไปไหนก็ได้ ห้าย~ พ้นหน้าข้า ถ้ายังไม่ไปล่ะก็ ข้าจะส่งเจ้ากระเด็นไปเล้ย~  

    ถึงตรงนี้ มือของอัลเลอเรียก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นน้ำ ไนดัสเห็นท่าจะไม่ดีจึงรีบคว้าอัลเลอเรียดึงออกวิ่งทันที

    โทษทีว่ะกันแซ็ค มืออาชีพน่ะเวลาว่างน้อยกว่าแกเยอะ วันนี้ชั้นจะละเว้นแกไปก่อน แต่คราวหน้าแกโดนหนักแน่

    ไนดัสพูดจบก็ไปถึงประตูพอดี ก่อนที่กันแซ็คจะทันตอบอะไร ไนดัสก็หายลับไปแล้ว ทิ้งคนทั้งร้านมองตามอึ้งๆ ไปครู่หนึ่งคนอื่นๆ ก็เลิกสนใจยกเว้นกันแซ็คที่ยังยืนมองตามไปอย่างครุ่นคิด

     

    ผู้หญิงคนนั้น...ไม่ใช่สมาชิกกลุ่มของไนดัสแน่ๆ

     

    ห่างออกมาจากร้านที่วุ่นวายเป็นช่วงถนนที่เงียบลง ไนดัสเดินแบกอัลเลอเรียซึ่งเมาหลับไปเรียบร้อยแล้วมาอย่างเหนื่อยอ่อน เรื่องคาใจที่มากกว่าที่เจอกันแซ็คก็อัลเลอเรียนี่เอง ไม่รู้ว่าจะกังวลหรือเป็นห่วงดีกับผู้หญิงคนนี้ ครึ่งหนึ่งมองดูยิ่งใหญ่ทรงอำนาจ แต่อีกครึ่งหนึ่งแม้จะทำเป็นเข้มแข็งเท่าไรก็เหมือนปุถุชนที่ทำอะไรเกินตัว ทั้งสองอย่างนี้ขัดแย้งกันอย่างชัดเจน

    โครเซ็ท... อัลเลอเรียพึมพำ ข้าจะไปหาท่านให้ได้...ไปหาท่าน...

    รู้สึกตัวแล้วรึ?

    เสียงของอัลเลอเรียเงียบไปครู่หนึ่งก็ตอบ

    ...อืม เมื่อครู่นี้ข้าพูดอะไรหรือเปล่า?

    ...เปล่านี่

    ช่างเป็นสภาพที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย ไม่นึกว่าคนอย่างข้าจะเมาพับแบบนี้ได้ด้วย

    สุราสมัยก่อนคงไม่แรงเท่านี้ล่ะมั้ง

    ...ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้าลำบาก  

    ...

    เจ้า...จะพาข้าไปแดนเหนือใช่ไหม

    ...เธอจะไปที่นั่นทำไมกัน

    ...ข้าต้องไปพบคนคนหนึ่งที่นั่น คนคนนั้นอยู่ที่นั่นมาตลอด จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรข้าไม่รู้ แต่อย่างน้อยข้าต้องไปพบเขา

    คนคนนั้นที่ว่าก็อยู่ในยุคเดียวกับเธองั้นสิ คิดว่าเขาจะยังรออยู่หรือไง นั่นมันตั้งกี่ร้อยปีแล้ว?

    อัลเลอเรียเงียบไปทันที ในที่สุดไนดัสก็พูดต่อ

    โทษที...

    ข้ารู้ดีว่ามันแทบไม่มีหวัง แต่เขาคนนั้นบอกว่าจะรอข้า ก็ต้องเป็นเช่นนั้น เขาไม่เคยผิดคำพูดมาก่อน ถ้าเจ้าพาข้าไปพบเขาได้ จะเป็นพระคุณที่ข้าจะตอบแทนได้ทุกอย่าง

    เขาเป็น...เขาคนนั้น โครเซ็ทใช่ไหม? ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังหรอกนะ แต่เธอละเมอพูดชื่อนี้อยู่...

    อัลเลอเรียไม่ตอบอะไร

    อัลเลอเรีย?

    ไนดัสเขย่าสองสามครั้งก็รู้ว่าอัลเลอเรียหลับไปอีกแล้วโดยที่ไม่รู้ว่าฟังเขาถึงไหน ไนดัสได้แต่ถอนใจเดินต่อไปเงียบๆ ภาระในใจมากขึ้นกว่าอีกหลายเท่าตัว

    ไนดัสเดินต่อไปกระทั่งถึงที่พัก ในห้องพักนั้นเอง มาการ์เร็ตนั่งรออยู่ เมื่อเห็นอัลเลอเรียกับไนดัสแล้วก็ยิ้มกว้าง

    ยังไม่นอนอีกรึ? ไนดัสถามเด็กหญิง

    อื้อ นอนไม่หลับค่ะ ก็พี่สาวอัลเลอเรียไม่อยู่นี่นา   มาการ์เร็ตตอบ

    เดี๋ยวนี้เรานอนยากขนาดนั้นเชียว? ไนดัสลูบหัวเด็กหญิงก่อนจะวางอัลเลอเรียไว้ข้างๆ มาการ์เร็ตคว้าอัลเลอเรียได้ก็เกาะไว้แน่น

    ก็อัลเลอเรียร้องเพลงก่อนนอน เล่านิทานให้ฟังด้วยนี่นา อาจารย์เล่านิทานไม่เป็นสักหน่อย

    นั่นสินะ แต่ตอนนี้เข้านอนได้แล้ว ไนดัสบอกแล้วก็ลูบหัวอีกทีหนึ่ง แล้วเดินไปที่ประตู

    อาจารย์คะ

    ว่าไง?

    พี่สาวอัลเลอเรียจะไปกับเราใช่ไหมคะ?

    ไนดัสหยุดอยู่ที่ประตูหน่อยหนึ่งก็หันไปตอบ

    แน่นอน...

    มาการ์เร็ตได้ฟังก็ยิ้มกว้างก่อนจะซุกลงใต้ผ้าห่มหลับไป มือยังเกาะอัลเลอเรียไว้แน่น ในตอนนั้น เด็กหญิงไม่อาจเห็นสีหน้าของไนดัสในเงามืดได้เลย

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น ไนดัสกับคนอื่นๆ ก็เตรียมพร้อมออกเดินทาง ในขณะที่มาการ์เร็ตจูงมืออัลเลอเรียเดินดูบรรยากาศยามเช้าของตัวเมือง ไนดัสกับบารอลก็หยิบแผนที่ขึ้นมาดู

    จากที่นี่ไปซีเนสต้าคงต้องใช้เวลาสักสองวัน ถ้ารีบหน่อยก็คงไปขึ้นรถรอบเช้าทัน ...ไนดัส?

    อะ...อื้อ ว่าไง

    อะไรของนาย เหม่อแต่เช้าแบบนี้ เมื่อคืนดื่มหนักรึไง?

    โทษที เมื่อกี้ว่าไงนะ

    ชั้นบอกว่าถ้ารีบไปขึ้นรถรอบเช้าวันนี้จะถึงซีเนสต้าได้ในสองวัน

    ซีเนสต้า...รึ?

    เออสิ นายบอกเองไม่ใช่หรอว่าต้องพาผู้หญิงคนนั้นไปที่สถาบันในฐานะของที่เราค้นพบที่หอคอยนั่น

    ใช่ ชั้นว่าอย่างนั้น

    ...หรือว่า มีเรื่องอะไร ที่ผู้หญิงคนนั้นขอร้องให้นายพาไปที่ไหนสักแห่งทางเหนือนั่นหรือไง

    ให้ตายสิ แกมีหูทิพย์รึไงวะ

    สำหรับชั้นน่ะ ความสัมพันธ์กับสถาบันน่ะยังไงก็ได้ แต่นายบอกเองนี่ว่าต้องหาทุนสักก้อนจะได้ไปหาที่อยู่เป็นที่เป็นทางสักที สำหรับมาการ์เร็ตด้วย

    ไนดัสหันไปมองมาการ์เร็ตหน่อยหนึ่งก็ถอนหายใจ ถ้าภารกิจนี้สำเร็จคงได้เงินมากโข ยิ่งมีอัลเลอเรียมาด้วย ชาวเชด้าสายเลือดแท้นี้สำหรับสถาบันคงไม่มีอะไรมีค่ามากกว่านี้แล้ว แน่นอนว่าเงินก้อนโตกำลังรอเขาอยู่พอ มากพอที่จะไปสร้างตัวได้ที่ไกลๆ ห่างจากสถาบันผู้ค้นหาได้เลย

    ไปกันเถอะ...เราจะกลับซีเนสต้ากัน

    ไนดัสตอบเบาๆ แล้วก็ออกเดินนำบารอลมองตามไปหน่อยหนึ่งก็เดินตามไป แต่ไนดัสเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุด เพราะชายคนหนึ่งเดินเข้ามาขวางไว้

    กันแซ็ค...แกอีกแล้ว

    ภารกิจของแกเสร็จสิ้นแล้วรึไง

    เรื่องนี้ต้องบอกแกด้วยรึ?

    ไม่สิ ภารกิจเสร็จแล้วสินะถึงได้เตรียมเดินทางกลับ

    แกอยากพูดอะไรกันแน่

    ผู้หญิงคนนั้น...ไม่ได้มากับแกด้วยแต่แรก ไม่ใช่สมาชิกทีมของแกอยู่แล้ว แกคิดจะพาผู้หญิงคนนั้นกลับสถาบันงั้นสิ

    ...นี่แก

    เรื่องแบบนี้มีออกบ่อยในสถาบัน คนที่ปกป้องตัวเองไม่ได้ไม่มีทางได้ทรัพย์สินกลับไป

    อย่าโง่น่า ภารกิจนี้ลงทะเบียนชื่อชั้นไว้นะ แกเอาไปก็ขึ้นเงินไม่ได้

    พวกเราก็เหมือนสุนัขล่าเหยื่อที่รุมทึ้งอารยธรรมโบราณไปมอบให้รัฐบาล ขอให้ได้ของกลับมามันไม่สนหรอกว่าใครเป็นคนเอามาให้ ทุกคนในสถาบันรู้กันดี แกก็ด้วยนี่ ไนดัส

    เสียใจด้วยว่ะ ชั้นกับแกมันคนละระดับกัน เรื่องพรรค์นั้นไม่เคยทำ

    เป็นแค่หมาเลี้ยงจะยึดศักดิ์ศรีไปทำไมกันนักหนา นี่แกภักดีต่อสถาบันมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน!!  

    กันแซ็คพุ่งเข้ามาพร้อมกับมือขวากางออกปล่อยไอสีม่วงเข้มออกมา ไนดัสไหวตัวทันพลิกหลบมือของกันแซ็คพลาดไปโดนผนังด้านหลัง ไอสีม่วงซึมเข้าสู่เสาลามไปเป็นวงกว้าง เพียงไม่นานเสาก็กร่อนไปเหมือนโดนสนิม

    ผู้ค้นหาแห่งพิษ...กันแซ็ค ไนดัสสบถในลำคอ

    กันแซ็คไม่ตอบอะไรแต่หมุนกลับเข้าโจมตีต่อ ไนดัสเป็นพวกถนัดเวทย์ระยะไกลจึงได้แต่วิ่งหลบถอยออกมา แต่กันแซ็คก็รู้จุดอ่อนนี้ดีจึงไม่เปิดช่องว่าง ขณะที่ไนดัสกำลังโดนไล่ต้อนอยู่นั้นบารอลก็เข้ามาเตรียมพร้อม ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางช่วย แต่ถ้าใช้มิซติกตรงนี้จะมีคนอีกหลายสิบคนที่อยู่ที่นั่นเป็นพยานยืนยันความเป็นเมจของเขาและจากนั้นเรื่องจะยุ่งยากขึ้นอีกหลายสิบเท่า แต่ดูเหมือนกันแซ็คจะไม่สนใจเรื่องนั้นแล้ว

    แกจะบ้ารึไง กันแซ็ค ขืนสู้กันที่นี่ล่ะก็...! ”

    จะมัวสนเรื่องหยุมหยิมทำไม ถ้าแกไม่สู้ล่ะก็แกตายแน่ ไนดัส! ”

    ไนดัสกัดฟันแน่น ถ้าแสดงตัวว่าเป็นเมจที่นี่คงไม่มีใครยอมให้ขึ้นรถ แต่ถ้าจะรักษาความลับไว้ ก็อันตรายถึงตายได้

    ในขณะที่ไนดัสยังทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้นเองคลื่นน้ำก็พุ่งเข้ามากระแทกกันแซ็คกระเด็นไป ไนดัสหันไปทันที อัลเลอเรียสะบัดข้อมือเก็บน้ำกลับท่ามกลางคนมุงที่กำลังล้อมดูเหตุการณ์อยู่ กันแซ็คพยายามลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับอัลเลอเรียก็โดนน้ำของอัลเลอเรียซัดกระเด็นไปอีกครั้ง

    เจ้าเป็นอะไรไป กับคู่ต่อสู้แค่นี้ยังทำอะไรไม่ได้ เจ้านี่อ่อนแอกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก

    ไนดัสมองอัลเลอเรียด้วยอารมณ์ที่ปั้นยาก บารอลก็เช่นกันแต่มาการ์เร็ตนั้นดูจะไม่เข้าใจสถานการณ์นัก

    อัลเลอเรีย นี่เธอ...

    ไนดัสยกมือขึ้นแล้วก็ทิ้งลงอย่างหมดอาลัยตายอยาก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาอธิบายเรื่องนี้ให้อัลเลอเรียฟัง ทันใดนั้นเอง เสียงหวอก็ดังใกล้เข้ามา ใครสักคนคงโทรเรียกตำรวจหรืออาจจะร้ายกว่านั้น

    บารอล! ” ไนดัสพยักหน้า บารอลรีบคว้าตัวมาการ์เร็ตออกวิ่งไปก่อน ไนดัสคว้ามืออัลเลอเรียวิ่งตามไปทันที เรื่องรถเป็นอันหมดหวัง การที่พวกเขาอยู่กับอัลเลอเรียก็ไม่พ้นเข้าข่ายเป็นเมจไปด้วย ร้ายยิ่งกว่านั้นเขาอาจจะมาเหยียบเมืองนี้อีกไม่ได้เมื่อเห็นกันโจ่งแจ้งขนาดนี้ การเป็นผู้ค้นหาของสถาบันไม่มีประโยชน์อะไรกับตำรวจ กลับจะยิ่งทำให้เรื่องเลวร้ายกว่าเดิมเสียอีกหากถูกจับตัว

    พวกไนดัสวิ่งหนีไปพ้นแล้ว กันแซ็คก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมองตามไป

    ไม่ผิดแน่ ผู้หญิงคนนั้น… ”

     

    ไกลออกมานอกเมือง ไนดัสกับบารอลหยุดพักหลังจากหนีมาสุดกำลัง มาการ์เร็ตกับอัลเลอเรียอาจจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ไนดัสกับบารอลนั้นอยู่ในภาวะตึงเครียดหนัก

    อะไรของเจ้าน่ะ ทำไมต้องหนีศัตรูแบบนี้ด้วย หรือว่าเจ้าอ่อนแอขนาดปกป้องชีวิตตัวเองยังไม่ได้...

    อัลเลอเรียยังพูดไม่จบไนดัสก็ผุดลุกขึ้นคว้าคอเสื้อของอัลเลอเรียดึงเข้ามา สีหน้าบ่งบอกความอึดอัดและโกรธปนกันจนแยกไม่ออก อัลเลอเรียก็ดูตกใจไม่น้อย

    นี่เธอไม่เข้าใจอะไรเลยหรือไง ไนดัสกัดฟันแน่นจนเสียงสั่น

    เป็นอะไรของเจ้า ข้าก็แค่เล่นงานศัตรูที่ทำร้ายเจ้าเท่านั้นเอง

    บอกแล้วใช่ไหมว่านี่ไม่ใช่ยุคของเธอ ถ้าเธอยังทำอะไรพละการอีกล่ะก็ จะทำให้ทั้งพวกชั้นทั้งเธอทั้งมาการ์เร็ตวินาศกันหมด ที่ชั้นไม่ตอบโต้อะไรไม่ใช่เพราะไม่สู้ แต่สู้กันตรงนั้นไม่ได้ต่างหาก! เธอไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างถ้าเมื่อกี้พวกเรายังอยู่ที่นั่น! อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเธอยังไม่ฟังที่ชั้นพูดอีก! ”

    นี่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้นะ! ”

    เธอกำลังส่งพวกเราลงนรกที่ยิ่งกว่าความตายเสียอีก! ”

    อัลเลอเรียอึ้งไปทันที ไนดัสจึงพูดต่อ

    ยุคนี้ไม่ใช่ยุคของเธอหรือของชั้น ไม่ใช่ยุคของคนที่ใช้เวทย์มนต์อย่างเรา ถ้าเธอใช้เวทย์มนต์ให้คนอื่นเห็นล่ะก็เธอจะโดนทางการกำจัดทันที ร้ายกว่านั้น ไม่มีใครให้ที่พักอาหารกับผู้ใช้เวทย์มนต์อย่างเรา ไม่มีใครข้องแวะ ไม่มีที่ยืนของตัวเอง! ไม่มีแผ่นดินอยู่! พวกชั้นกับบารอลยังไม่เป็นอะไร แต่มาการ์เร็ต...เธอยังเด็ก ถ้าช่วงชิงที่อยู่ในสังคมของเธอไปตั้งแต่ตอนนี้จะเป็นยังไง ชั้นอดทนอย่างน้อยก็ให้มาการ์เร็ตได้มีชีวิตอย่างเด็กธรรมดาบ้าง ซึ่งถ้าเธอถูกตีตราว่าเป็นเมจแล้วจะมีอนาคตอะไรให้! ”

    ความแข็งกร้าวหายไปจากสายตาของอัลเลอเรียเมื่อเห็นสีหน้าของไนดัส ที่อยู่ในแววตานั้นคือความโกรธ ความเจ็บใจร้าวลึกไปถึงความสิ้นหวัง อัลเลอเรียจึงไม่สามารถต่อปากต่อคำได้อีก

    ข้า...ข้าขอโทษ ข้าไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้ ข้าไม่คิดว่ายุคนี้จะมีเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ด้วย

    ไนดัสคลายมือจากคอเสื้อของอัลเลอเรียซึ่งก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ไนดัสสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะผละจากอัลเลอเรียนั่งลงที่รากไม้อีกด้านหนึ่งกุมขมับแน่น ไม่มีใครพูดอะไรสักคำเดียว

    ชั้นล่ะอิจฉาเธอจริงๆ ไนดัสกล่าวในที่สุด อย่างน้อยเธอก็ได้อยู่ในยุคที่ใช้เวทย์มนต์ได้อย่างอิสระ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนพวกชั้น ชั้นต้องขอโทษเธอมากกว่าที่คลายผนึกพาเธอมายังยุคที่น่ารังเกียจแบบนี้

    มะ...ไม่ใช่ความผิดเจ้าหรอก จริงๆนะ อัลเลอเรียโพล่งออกมาทันที ถึงยุคสมัยจะไม่ดีสักเท่าไร ข้าก็ยังดีใจกว่าที่ต้องทรมานอยู่ในผนึกนั่น ดีกว่าเป็นร้อยเท่า ดีใจที่เจอเจ้าด้วย อย่าไปคิดว่าเป็นความผิดพลาดเลยนะ

    ไนดัสมองอัลเลอเรียแล้วก็ยิ้มหน่อยหนึ่ง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋า

    ไปกันเถอะ อาจจะใช้เวลาหลายวันหน่อย แต่ใช่ว่าจะไปไม่ถึงถ้าไม่รีบล่ะก็วันนี้คงค่ำเอากลางป่า

    ทุกคนลุกตามทันที บารอลกำลังจะอุ้มมาการ์เร็ตขึ้นเดิน แต่เด็กหญิงวิ่งมาเกาะอัลเลอเรียเสียก่อน บารอลยิ้มแล้วก็ถอนหายใจปล่อยให้มาการ์เร็ตเดินไปพร้อมกับอัลเลอเรียเอง บารอลก็เดินไปสมทบกับไนดัสด้านหน้า

     

    เราอาจจะไปถึงซีเนสต้าได้ในสามวัน เรื่องวันนี้คงถูกรายงานไปที่สถาบันแล้ว ถ้าโชคดีเราอาจจะได้รับเงินก้อนนี้เป็นก้อนสุดท้าย ไนดัสบอกเบาๆ บารอลก็พยักหน้ารับรู้เงียบๆ

     

    การเดินทางหลังจากนั้นยากลำบากพอๆ กับออกทำภารกิจเลยก็ว่าได้ แม้ป่าจะไม่รกทึบแต่ก็เดินลำบากด้วยรากไม้ โขดหินและสัตว์ร้ายที่ไนดัสคุ้นเคยอยู่แล้ว การเข้าปะทะกับสัตว์ร้ายระหว่างทางนั้นเป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนักเมื่อมีอัลเลอเรียอยู่ด้วย ซึ่งยิ่งเดินทางไปด้วยกันอัลเลอเรียก็เหมือนจะเข้าใจหลายเรื่องมากขึ้น ทั้งการใช้ชีวิตในยุคนี้ ทั้งการร่วมทางกับไนดัสกับบารอล ซึ่งไม่ต้องพูดถึงมาการ์เร็ตที่ติดอัลเลอเรียแจ

     

    เด็กคนนี้...ลูกสาวของเจ้างั้นรึ? อัลเลอเรียถามข้างกองไฟในคืนหนึ่งของการเดินทาง พลางเอามือลูบผมเด็กหญิงที่กำลังหลับบนตักของเธอ ห่างออกไป บารอลก็กำลังหลับสนิทอยู่เช่นกัน

    เปล่า มาการ์เร็ตถูกทิ้งอยู่ข้างทาง เห็นร้องไห้ร้องห่มเป็นวรรคเป็นเวรก็เลยเก็บมาเลี้ยง

    ไม่ใช่เพราะเจ้าเห็นแววในเด็กคนนี้หรอกรึ?

    ...เธอเองก็สัมผัสได้สินะ พลังเวทย์ที่เด็กคนนี้มีไม่ได้มากมายจนเลิศเลอแต่ก็มากพอที่คนทั่วไปจะสัมผัสได้ เพราะอย่างนี้ล่ะมั้งถึงได้ถูกทิ้ง ถ้ามาการ์เร็ตต้องโตในสังคมที่ถูกกดไว้ล่างสุดล่ะก็ โตขึ้นชีวิตเธอคงหาค่าอะไรไม่ได้แน่ อย่างน้อยก็กับพวกฟิสิกส์น่ะนะ

    ข้าเห็นเจ้าเอ็นดูเธอมาก จนนึกว่ามีสายเลือดเดียวกันเสียอีก

    คนสายเลือดเดียวกันจะผูกพันธ์กันขนาดไหนชั้นก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ทั้งชั้นทั้งบารอลเห็นยัยหนูนี่เหมือนลูกแท้ๆ คนหนึ่งที่อย่างน้อยก็ขอให้อนาคตที่ดีกว่านี้ให้สักเล็กน้อยก็ยังดี

    อัลเลอเรียลูบหัวมาการ์เร็ตเบาๆ แล้วก็ยิ้ม นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ไนดัสเห็นอัลเลอเรียยิ้มละไมอย่างนี้ ซึ่งใบหน้านั้นติดตรึงเข้าไปในใจอย่างแยกไม่ออก

    เด็กคนนี้ช่างโชคดีจริงนะที่ได้พบเจ้า ข้าเองก็ด้วย ที่เจ้าเป็นคนปลดผนึกของข้า

    ไนดัสยังละสายตาจากอัลเลอเรียไม่ได้ เมื่อถึงตอนนี้เขายังจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าครามคู่นั้นอย่างถอนไม่ออก ยิ่งมองดวงตานั้นก็ยิ่งเหมือนถูกดึงลึกเข้าไปสู่ห้วงน้ำที่สงบนิ่งทั้งที่ใจเขาสงบลงไม่ได้เลย

     ข้าคิดว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้เจอเจ้า นี่อาจจะเป็นเรื่องดีเรื่องแรกของข้าในยุคนี้เลยก็ได้

    ไนดัสเบือนหน้าเข้าหากองไฟซ่อนใบหน้าแดงเรื่อและเสียงใจที่เต้นแรงไว้ก่อนจะพยักหน้าตอบ

     

     

    เช้าของวันที่สาม ไนดัสกับบารอลข้ามแม่น้ำลองฮอร์นมายังชานเมืองซีเนสต้า เมื่อเห็นเมืองที่อยู่ลิบๆ นั้นความโล่งใจก็บังเกิด การเดินทางที่น่าหนักใจจะได้สิ้นสุดเสียที แต่เมื่อเจอหน้าไรลีย์แล้ว ความโล่งใจก็กลับสลายไปหมดสิ้น

    ไรลีย์เหมือนจะรอไนดัสอยู่แล้ว ยิ่งเห็นสหน้าที่เดาไม่ออกแล้วก็ยิ่งชวนให้อึดอัดใจเข้าไปอีก แต่กระนั้น ไรลีย์ก็เปิดบทสนทนาได้เรียบกว่าที่คิด

    ขาดการติดต่อไปหลายวันเลยนะ ไนดัส

    อื้อ ขอโทษด้วย ไนดัสตอบพลางทิ้งตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน

    ได้ยินว่านายทำเรื่องไว้เยอะเหมือนกันนี่

    อื้อ ขอโทษด้วย

    ...ไม่เป็นไร การกลบเกลื่อนเรื่องวุ่นๆ ของพวกนายก็เป็นหน้าที่ของชั้นเหมือนกัน ไรลีย์ตอบยิ้มๆ พลางเอนหลังพิงพนักสร้างบรรยากาศสบายๆ แต่นัยตานั้นจ้องไนดัสเขม็ง แล้ว งานที่รับไปเป็นยังไงบ้าง?

    คำถามที่ไนดัสไม่อยากตอบที่สุดมาเป็นคำถามแรก แม้จะเก็บอาการไว้แล้วแต่ไรลีย์ก็เหมือนจะไม่พลาด

    ว่าไง? ภารกิจสำเร็จใช่ไหม?

    ไนดัสจ้องตากลับอยู่ครู่หนึ่ง ในไม่กี่วินาทีนั้นในหัวของไนดัสมีเรื่องหมุนวนไปนับรอบไม่ถ้วน แต่สุดท้ายก็เอ่ยออกมา

     

    ภารกิจล้มเหลว ไนดัสตอบแล้วก็ถอนหายใจ แย่หน่อยนะ ดูท่าชั้นจะประเมินตัวเองสูงไปหน่อย โทษทีที่ต้องให้เสียงงบไปเปล่าๆ

     

    ไนดัสรอดูปฏิกิริยาของไรลีย์ไม่คลาดสายตา พร้อมจะรับทุกสิ่ง แต่ไรลีย์กลับยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ชั้นหนังสือข้างๆ ห้อง

    อย่างนั้นรึ? ไม่นึกว่าระดับนายก็ทำพลาดได้เหมือนกันนะ  ผู้ค้นหาแห่งลม ไนดัส แต่อย่าไปคิดมาก ภารกิจนั้นที่จริงชั้นก็ว่าจะเอาออกจากบอร์ดซะเหมือนกัน ยิ่งระดับนายทำพลาดกลับมาก็ยิ่งสนับสนุนชั้น ไรลีย์หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาพลิกดูผ่านๆ ก่อนจะปิดแล้วใส่เข้าอย่างเดิม แต่ก็อย่างว่านะ การที่นายทำพลาดอาจจะทำให้คนอื่นๆ พลอยเสียกำลังใจไปด้วย นายก็รู้ว่าชื่อเสียงของนายกับบารอลมีอิทธิพลกับการทำงานของสถาบันอย่างไรบ้าง

    นั่นสินะ จะพยายามไม่ทำให้พวกนั้นเห็นภาพที่น่าหดหู่ก็แล้วกัน

    หดหู่? นั่นสินะ เลือกคำได้ดีจริงๆ ไรลีย์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม รู้ไหมว่าความหดหู่ที่แท้จริงของผู้ค้นหาน่ะ ไม่ใช่อยู่ที่การทำภารกิจล้มเหลว แต่คือการกลับมามือเปล่าต่างหาก

    งั้นรึ?

    ในฐานะผู้ค้นหาตัวอย่างอย่างนาย ต่อให้ทำภารกิจล้มเหลวก็น่าจะมีอะไรติดไม้ติดมือมาให้สถาบันบ้าง อย่างเช่น ตัวอย่างวัตถุวิจัย ข้อมูล หรือไม่ก็...ผู้หญิงคนนั้น?

    ว่าไงนะ ไนดัสแทบจะผุดลุกขึ้นเมื่อได้ยิน

    อย่าแกล้งไก๋ดีกว่าน่าไนดัส หรือจะให้ชั้นถามว่าผู้หญิงที่นั่งรอนายอยู่ข้างนอกนั่นเป็นใคร มาจากไหน?

    เธอเป็นแค่คนที่เจอกันระหว่างทางแล้วขอให้ช่วยพาไปส่ง...

    ไนดัส ไรลีย์แทรกจนไนดัสหยุดทันที รู้ไหมว่า ทั้งสายตา สีหน้า น้ำเสียงของนายกำลังบอกว่านายโกหก

    ก่อนที่ไนดัสจะพูดต่อ ชายอรกคนหนึ่งก็เข้ามาทางด้านหลังห้อง ใบหน้าที่คุ้นเคย กันแซ็คนั่นเอง

    คนที่บังเอิญเจอคงไม่มีพลังเวทย์สูงขนาดนั้นหรอกมั้ง?

    กันแซ็ค...

    กันแซ็ครายงานชั้นหมดทุกอย่างแล้ว ทั้งเหตุการณ์ที่นายเกือบจะปะทะกับเขาและผู้หญิงคนนั้น

    ไนดัสพูดไม่ออก ได้แต่กัดฟันมองกันแซ็คที่มีรอยยิ้มแห่งชัยชนะติดอยู่บนใบหน้า

    ประมวลผลจากรายงานและพยานในเหตุการณ์แล้ว เป็นไปได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือสิ่งที่ล้ำค่าต่อสถาบันอย่างหาใดเปรียบไม่ได้ สายเลือดแท้? น่าสนใจจริงๆ

    ไม่นึกว่านายจะเชื่อรายงานที่มาจากแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือแบบนั้น ไนดัสโต้กลับ

    ไม่ยากเย็น ไนดัส ส่งตัวผู้หญิงคนนั้นมาซะ เพื่อให้ทุกสมมุติฐานกระจ่าง และแน่นอนว่านายจะได้ค่าตอบแทนจากงานนี้ด้วย และอีกก้อนใหญ่จะตามมาถ้ารายงานของกันแซ็คเป็นจริง ไม่ใช่เรื่องที่น่าปฏิเสธเลยนะ เงินที่นายจะได้รับมากพอที่จะสร้างตัวเป็นมหาเศรษฐีได้เลย

    ไนดัสขบฟันแน่น มองไรลีย์กับกันแซ็คทีละคนแล้วก็เบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง

    ได้ยินว่านายกำลังเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งนี่นะ มาการ์เร็ตใช่ไหม? ไม่คิดว่าเงินก้อนนี้จะเป็นทุนให้มาการ์เร็ตมีอนาคตอย่างีท่นายหวังไว้บ้างหรือ?

    ไนดัสมองตาไรลีย์เขม็ง ไรลีย์เองก็จ้องกลับพร้อมรอยยิ้ม

    ดูท่า จะได้คำตอบแล้วสินะ

     

     

    ห้องโถงด้านนอกนั้นเต็มไปด้วยผู้คน บารอล มาการ์เร็ตและอัลเลอเรียนั่งรอไนดัสอย่างใจจดใจจ่อ โดยเฉพาะอัลเลอเรียที่ดูกระวนกระวานผิดปกติเมื่อมาอยู่ท่ามกลางที่ที่ไม่คุ้นเคยและผู้คนมากมายจนาดนี้

    ไนดัส...ช้าจังเลยนะ อัลเลอเรียเปรย

    ช้าอย่างนี้ประจำแหละค่ะ มาที่นี่ทีไรปล่อยให้หนูรอเงกซะทุกที มาการ์เร็ตตอบเสียงขุ่น มีเพียงบารอลที่นั่งเงียบเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่คนเดียว

    อ๊ะ มาแล้วค่ะ

    ทุกคนมองตามไปก็เห็นไนดัสเดินมาที่ทั้งสามคน แม้สีหน้าจะดูผิดปกติไปบ้างแต่ก็คงมีเพียงบารอลเท่านั้นที่สะกิดใจ

    สร็จธุระที่นี่แล้วรึยัง? ข้ารอออกเดินทางมานานพอแล้วนะ อัลเลอเรียค้อนใส่เป็นคนแรก

    ขอโทษที นี่เป็นเรื่องงานของชั้นต้องใช้เวลาหน่อยแต่เลี่ยงไม่ได้ ไนดัสฝืนยิ้มตอบ

    เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นก็ออกเดินทางกันต่อเสียที ข้าอึดอัดแทบคลั่งอยู่แล้วในที่นี้

    เดี่ยวก่อน...พอดี...หัวหน้าอยากฟังรายละเอียดของเรื่องที่ไปเจอมา....ก็เลย...อยากให้เธอไปเล่าให้ฟัง ช่วยหน่อยได้ไหม

    ทั้งบารอลและอัลเลอเรียอึ้งไปครู่หนึ่ง

    ไนดัส นี่แก...

    หัวหน้าคนนั้น...เชื่อใจได้งั้นรึ? ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องปิดบังเรื่องผนึกของข้าหรอกหรอ อัลเลอเรียถาม

    ...ได้สิ ไนดัสตอบไม่เต็มเสียง

    ...ถ้าเจ้าพาไปล่ะก็ ข้าคงเชื่อใจเจ้าได้ อัลเลอเรียยิ้มหน่อยหนึ่งก็ออกเดินตามไป

    ไนดัส!! ” บารอลเรียกเสียงเข้ม แต่ไนดัสไม่ตอบอะไรแล้วเดินนำอัลเลอเรียไป

     

    ไรลีย์รออยู่แล้ว เมื่อไนดัสพาอัลเลอเรียเข้ามาก็ยิ้มกว้างเป็นการต้อนรับ อัลเลอเรียแม้จะไม่ชอบใจบรรยากาศข้างในเท่าไรนักแต่ก็อดทน

    เป็นผลงานชั้นเลิศเลยนะ ไนดัส ไรลีย์กล่าวขณะมองอัลเลอเรีย ยอดมาก นายออกไปได้แล้ว

    ไนดัสพยักหน้ารับแล้วก็เปิดประตู

    ไนดัส? อัลเลอเรียเรียก แต่ไนดัสก็หยุดเพียงครู่หนึ่งก่อนจะปิดประตู

    อัลเลอเรีย...สินะ? เสียงของไรลีย์เรียกความสนใจของอัลเลอเรียกลับไป เชิญนั่งก่อนสิ

    เจ้าเป็นใคร?

    ไรลีย์ เรียกแค่นี้ก็พอ ได้ยินแล้วยังไม่เท่าเห็นกับตาเสียอีก

    เจ้าอยากถามอะไรก็รีบถามมาเถอะ ข้ายังต้องเดินทางอีกไกล

    ไม่สิ ไม่...ไนดัสไม่ได้บอกอะไรหรอกรึ? การเดินทางของเธอจบลงที่นี่แล้ว จะยิ่งดีมากถ้าเธอจะช่วยแสดงอะไรให้ดูเป็นหลักฐานสักอย่างสองอย่างนะ

    สังหรณ์ร้ายเข้าโจมตีใจของอัลเลอเรียอย่างกะทันหัน ข้างหลังไม่มีไนดัสอยู่แล้วและสังหรณ์ของเธอก็รู้ว่าข้างหน้านี้คืออันตราย

    บลู...! ” อัลเลอเรียสะบัดแขนเสื้อสร้างดาบน้ำขึ้นมาเตรียมโจมตี

    กันแซ็ค!! ”

    บางสิ่งพุ่งออกมาจากหลังห้องสัมผัสกับตัวดาบน้ำที่อัลเลอเรียยกขึ้นมาป้องกัน สารสีม่วงเข้มแพร่ลามไปตามตัวดาบจนถึงตัวของอัลเลอเรีย เพียงอึดใจเดียวร่างของเธอก็ล้มลงกับพื้นชาจนขยับไม่ได้

    พิษที่ทำให้ตัวชาน่ะ ไม่อันตรายถึงชีวิตหรอก กันแซ็คเดินออกมาตรวจผลงาน ต่อให้เป็นสายเลือดแท้ แต่คนก็ยังเป็นคนอยู่ดี โดนพิษเข้าไปก็เสร็จทุกราย

    ในที่สุดสถาบันก็ได้ครอบครองสิ่งล้ำค่าที่สุด ไรลีย์ยิ้มพลางเดินมาเชิดหน้าอัลเลอเรียขึ้น งดงามมาก ความจริงที่ว่าเธอเป็นสายเลือดแท้นั้นงดงามไม่ได้ครึ่งของใบหน้านี้เลย

    ไรลีย์ให้สัญญาณ ลูกน้องอีกสองคนก็เข้ามาพยุงตัวอัลเลอเรียไป

    เธอคนนี้แหละที่จะพาพวกเราไปสู่ยุคใหม่ ได้เวลาเริ่มโปรเจคนั้นแล้ว

     

    ว่าไง? บารอลทักเรียบๆ เมื่อเห็นไนดัสเดินกลับมา

    เก็บข้าวของซะ เราจะไปกันแล้ว

    เอ๋? แล้วอัลเลอเรียล่ะ? มาการ์เร็ตทัก

    ...เราจะไปกันแล้ว คราวนี้คงไม่ต้องเลือกงานเสี่ยงๆ แล้วมั้ง?

    อาจารย์!? ”

    คราวนี้พวกเราได้ทุนมามากพอ ก็คงพอจะส่งมาการ์เร็ตเข้าโรงเรียนได้แล้ว

    อาจารย์คะ!? ”

    ไม่ต้องห่วงนะ มาการ์เร็ต อีกไม่นานพวกเราคง...

    นี่คือข้อสรุปของนายสินะ บารอลกล่าวเรียบๆ ไนดัสไม่เถียง บรรยากาศอึดอัดก่อตัวขึ้นครู่หนึ่ง บารอลก็ถอนหายใจยาว

    ผลั่ก!!

     

    เสียงดังลั่นห้องโถงนั้น ตามด้วยเสียงไนดัสล้มลงกับพื้นตรงหน้าบารอลที่ยังกำหมัดแน่น ไนดัสไม่ได้ลุกขึ้นเพื่อตอบโต้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
                    นายเป็นหัวหน้าทีม ชั้นไม่ขัดขวางการตัดสินใจ บารอลกล่าว แต่หมัดนี้ขอสำหรับระบายความผิดหวังสักหน่อยเถอะ

    ไนดัสไม่ตอบอะไร แล้วลุกขึ้นช้าๆ มาการ์เร็ตทำท่าเหมือนจะเข้ามาดูอาการแต่บารอลก็เรียกไปเสียก่อน

    ไปกันเถอะมาการ์เร็ต บารอลกล่าว ชั้นจะรออยู่ที่ห้องพัก ภารกิจต่อไปนายเลือกเองเลยก็แล้วกัน

     

    บารอลกับมาการ์เร็ตหันหลังเดินจากไปเงียบๆ ทิ้งไนดัสไว้กลางห้องโถงที่คนที่มาดูเหตุการณ์ค่อยๆ แยกย้ายไป เสียงผู้คนก็กลับคืนมาในบรรยากาศ ไนดัสเดินไปที่จุดรับค่าตอบแทน เงินถุงใหญ่ถูกยื่นมาให้มือที่ยื่นไปรับไม่มีเรี่ยวแรงและเดินจากไปราวกับไร้วิญญาณ เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งก็ยืนอยู่นอกอาคารสถาบันแล้ว ไนดัสเหลียวกับไปมองอาคารที่เขาทำงานให้มาหลายปีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหลับตาลง

     

    ไม่นึกว่ามีที่แบบนี้อยู่ด้วย กันแซ็คกล่าวขณะเดินตามไรลีย์ไปในอุโมงค์เล็กๆ มีแสงไฟสลัว

    ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของโครงการสถาบันผู้ค้นหา และโครงการอื่นๆ อีกมากมายต่อจากนั้น ไรลีย์ตอบเรียบๆ

    จะบอกว่า สถาบันผู้ค้นหาเป็นแค่จุดเริ่มต้นงั้นรึ?

    ถูกต้อง และตอนนี้ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็อยู่ในมือแล้ว ไรลีย์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม กันแซ็คสังเกตได้เลยว่าไรลีย์คงยิ้มกว้างกว่านี้ถ้าไม่ต้องเก็บอาการต่อหน้าเขา
                   
    ปัจจัยที่ว่านี่หมายถึงผู้หญิงคนนี้งั้นสิ?

    ถูกต้อง และคุณก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มาพร้อมกัน ไม่มีพิษของคุณเราก็คงคุมตัวเธอไว้ไม่ได้

    เธอร้ายขนาดนั้นเชียว

    อย่าดูถูกพวกสายเลือดแท้เชียวนะ ไรลีย์กล่าว ซึ่งกันแซ็คก็ไม่เถียง จนกระทั่งทั้งคู่ออกมาที่ห้องโถงใหญ่ที่มีเต็มไปด้วยผู้คนในชุดสีขาวเหมือนนักวิจัย นอกจากนั้นยังมีวัตถุหลายอย่างวางอยู่ในตู้กระจกอย่างดีมากจนนับไม่ถ้วน
                   
    ที่นี่มัน?

    หัวใจของสถาบันผู้ค้นหา ทุกอย่างที่ถูกถูกค้นพบจะถูกส่งมาที่นี่ ...เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาเวทย์มนต์...มิซติกสินะที่เรียกกัน  

    หมายความว่าไง ค้นคว้าและพัฒนา? ที่นี่ค้นหาวัตถุโบราณเพื่อเก็บสมบัติของชาติไม่ใช่หรือไง? ไม่สิ! นี่ไม่น่าเป็นการดำเนินงานของรัฐบาลด้วยซ้ำ

    ...มาถึงตรงนี้แล้วจะถามคุณหน่อยแล้วกัน ในเมื่อเราต้องพึ่งพลังของคุณด้วย ไรลีย์ขยับเนคไทหน่อยหนึ่งก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง สถาบันผู้ค้นหานี่เป็นฐานบัญชาการเพื่อล้มล้างรัฐบาล

    อะไรนะ!? ”

    ก่อนต้องขอบอกก่อนว่าผมเองก็เป็นเมจเหมือนคุณ โชคดีหน่อยที่ผมปกปิดไว้ได้แนบเนียนเลยได้ตำแหน่งสำคัญในกรมศิลป์ ตั้งสถาบันผู้ค้นหาเพื่อรวบรวมเมจจากทั่วประเทศ คัดคนที่มีความสามารถและออกตามหาวัตถุโบราณเพื่อการค้นคว้าเวทย์มนต์รูปแบบใหม่ๆ ถึงจะต้องส่งของบางส่วนให้กับรัฐบาลเพื่อตบตาบ้างก็ตาม แต่โดยตัวหลักแล้วขุมความรู้โบราณทั้งหมดยังอยู่ที่นี่

    อย่างนี้นี่เอง รวบรวมคนและความรู้เพื่อเตรียมกำลังต่อต้านรัฐบาลนี่เอง กันแซ็คเปรยแล้วก็ยิ้มกว้าง ผมนี่ดูคุณไม่ผิดจริงๆ ในฐานะเมจแล้วคงไม่มีใครปฏิเสธโครงการของคุณแน่ๆ ผมก็คนหนึ่งละ

    ดีใจที่คุณเห็นด้วย ไรลีย์ยิ้มกว้างอีก คราวนี้แทบจะไม่เก็บอาการเลย

    ผู้หญิงเชด้าคนนั้นจะเป็นขุมกำลังหลักของเรางั้นสิ?

    น่าเสียดาย เธอมีพลังที่ยิ่งใหญ่แต่ควบคุมยากเกินไป ถึงจะมีพิษของนายก็ตาม แต่ก็ไม่มีเมจคนใดมีพลังมากพอจะสะกดจิตเพื่อควบคุมเชด้าสายเลือดแท้ได้แน่

    ถ้าอย่างนั้น...?
                    ไรลีย์ยิ้มกว้างอีก

    นี่ไม่ได้เป็นการศึกที่เตรียมตัวได้ในปีหรือสองปี เธอจะต้องอยู่ที่นี่ในฐานะแม่พันธุ์ที่จะให้กำเนิดสายเลือดและพลังที่ใกล้เคียงเชด้าสายเลือดแท้มากที่สุดกับเราเพื่อเปิดศึกกับรัฐบาล

    กันแซ็คมองไรลีย์อย่างเหลือเชื่อ แต่ก็รับรู้ได้ถึงความทะเยอทะยานของเขาได้อย่างชัดเจน

     

    ทันใดนั้นเอง พื้นห้องก็สั่นอย่างรุนแรงจนทั้งสองคนทรุดลงกับพื้น เสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่น ผุ้คนที่ล้มลงค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างงวยงงต่อเหตุการณ์ ทันใดนั้นเองเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา

    เกิดอะไรขึ้น!? ” ไรลีย์ชิงถามก่อน

    ผู้บุกรุกครับ! ผู้ค้นหาแห่งลม ไนดัส ลาซิลวากำลังบุกเข้ามาที่นี่ครับ! ”

    เจ้านั่นเกิดบ้าอะไรขึ้นมา... ไรลีย์สบถในลำคอ จับตำแหน่งของเจ้านั่นได้มั้-

    ผนังด้านหนึ่งพังลงมาเสียงดังสนั่น นักวิจัยวิ่งหลบกันไปคนละทิศคนละทาง ฝุ่นคลุ้งไปทั่วจนมองอะไรไม่เห็น นอกจากนักวิจัยที่ตะเกียกตะกายออกมาจาก จนฝุ่นจางลงร่างของผู้บุกรุกก็ปรากฏ

    สวัสดีไรลีย์ ไนดัสทักเรียบๆ

    ไนดัส แกเข้ามาที่นี่ได้ยังไง! ”  ไรลีย์ถามกลับพยายามข่มความโกรธเต็มที่

    ไม่ยักรู้ว่ามีที่แบบนี้อยู่ด้วย แต่ที่แน่ๆ แกต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในนี้แหละ ก็เลยตามหาซะราบไปหมด

    ว่าไงนะ!? ”

    และถ้าแกไม่คืนตัวอัลเลอเรียมาล่ะก็ ถึงเป็นชั้นใต้ดินชั้นก็ว่าจะทำให้ราบเหมือนกัน

    แกเกิดบ้าอะไรขึ้นมา แกส่งเธอให้ทางนี้เองนะ

    เออ แต่เปลี่ยนใจแล้วว่ะ ส่งเธอคืนมาไม่อย่างนั้นชั้นจะช็อตแกให้ถึงกระดูกเลยเชียว

    กล้ามากไปแล้ว ไนดัส ลาซิลวา  

    กันแซ็ควิ่งผ่านไรลีย์ตรงไปหาไนดัสพร้อมกับเรียกพิษมารวมที่มือ ไนดัสเตะเศษผนังใส่กันไว้ กันแซ็คปัดมันพ้นทางได้ไนดัสก็หายไป แต่ยังไม่ทันมองหา พิษก็พุ่งออกมาล้อมตัวไว้ ไนดัสต้องหยุดมือห่างไปเพียงคืบหนึ่งก่อนที่จะโดนพิษเข้า

    ให้ผมจัดการเจ้าหมาบ้านี่เอง คุณไรลีย์รีบคุ้มกันวัตถุทดลองไปก่อน

    คุณนี่เข้าใจงานได้เร็วดีนะครับ ไรลีย์พยักหน้าแล้วก็วิ่งจากไป ไนดัสขยับตัวจะวิ่งตามแต่ก็โดนพิษของกันแซ็คขวางไว้

    อย่าข้ามหน้าข้ามตากันนัก ผู้ค้นหาแห่งลม แกตอนนี้ก็เป็นแค่หมากที่โดนทิ้งเท่านั้น ส่วนชั้นจะเป็นขุนที่นำยุคใหม่มาสู่แผ่นดินนี้

    โฮ่ ตกลงก็คือสุนัขรับใช้งั้นสิ?

    พวกเราทุกคนเกิดมาเพื่อที่จะรับใช้ใครสักคนที่มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ ไนดัส ไม่อย่างนั้นพวกเราก็เป็นได้แค่หมาเถื่อนไร้จุดหมาย

    ฟังดูไม่เลวนี่นะ

    ไนดัสตวัดมือสร้างคลื่นสายฟ้าซัดเข้าใส่ แต่กันแซ็คก็ตอบสนองทัน เพียงโยกหลบเล็กน้อยกันแซ็คก็ยิงพิษสวนกลับมาได้ ไนดัสวิ่งหลบ แต่กันแซ็คก็ไม่ปล่อยช่องว่าง คลื่นพิษไล่ตามไปราวกับงูเลื้อย

    วิ่งเข้า ไนดัส! แกพลั้งเมื่อไรพิษของชั้นจะกินแกเข้าไปทั้งตัว! ”

    แต่ท่าทางพิษของแกจะกินสายฟ้าไม่ลงว่ะ

    กันแซ็คมองรอบตัว ขณะที่ไนดัสวิ่งวนไปก็ลงจุดสายฟ้าไปด้วย พอไนดัสดีดนิ้วทีหนึ่งสายฟ้าก็พุ่งออกมาพร้อมกัน แรงระเบิดสว่างจ้าจนมองอะไรไม่เห็นไปครู่หนึ่ง พอแสงจางลงกันแซ็คก็ยังอยู่ที่เดิมพร้อมรอยยิ้มอย่างเหนือชั้น

    ดูท่าสายฟ้าของแกก็ยังไหลไปตามของเหลวพิษของชั้นนะ แกกับชั้นกินกันไม่ลงหรอกมั้ง ไนดัสไม่แสดงอาการถอดใจหรือหวั่นไหว แต่สิ่งที่กวนใจอยู่ไม่ใช่การต่อสู้นี้ เป็นอะไรไป เป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นงั้นสิ แต่อย่าหวังจะผ่านชั้นไปได้...

    เพดานพังลงมาอีกครั้ง ทั้งไนดัสและกันแซ็คหลบไปคนละทางรอดูว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ร่างที่ปรากฏออกมานั้นทำให้ทั้งคู่ตกใจพอๆ กัน

    มีเรื่องสนุกๆ ไม่เคยเรียกนะแก

    บารอล!? ”

    กับไอ้คนที่หนีกลับก่อนงานเลี้ยงเริ่มนี่ต้องรู้สึกผิดมั้ยวะ? ไนดัสหัวเราะแค่นๆ มาการ์เร็ต?

    เด็กๆ น่ะอยู่บ้านนอนไปเถอะ งานนี้ 18+ว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

    เปล่า มาการ์เร็ตเกาะหลังแกอยู่น่ะ

    เฮ่ย! มาตั้งแต่เมื่อไรน่ะ!? ”

    โธ่ อาจารย์ มาด้วยกันตั้งแต่ออกตัวแล้ว ไม่รู้ตัวเลยหรอเนี่ย

    ไอ้ตายด้านเอ๊ย

    พิษของกันแซ็คพุ่งเข้ามาอีก แต่กำแพงดินของบารอลก็ผุดขึ้นมากันไว้ได้ทัน

    เฮ่ย อะไรกัน คนคุยกันอยู่แทรกเข้ามาได้ไง? ”

    ใครใช้ให้พวกแกมาคุยกันเองตรงนี้วะ หยามกันนี่หว่า กันแซ็คเรียกพิษออกมาอีกตามความหงุดหงิด

    นายกับมาการ์เร็ตตามอัลเลอเรียไป บารอลกระซิบไม่ละสายตาจากพิษของกันแซ็ค

    กำลังจะขอเลย ไนดัสยิ้มตอบแล้วก็คว้ามาการ์เร็ตออกวิ่งไป

    ใครให้แกไปได้ ไนดัส! ” กันแซ็คตวัดคลื่นพิษตาม แต่เสาดินก็เข้ามาขวางไว้ พร้อมกับพุ่งไปกระแทกกันแซ็คจนตัวลอย

    มองไปไหน แกต้องมาเจอกับชั้นนี่ บารอลร้องพร้อมกับเรียกเสาดินเพิ่ม

    บารอล...ที่จริงชั้นเกลียดหน้าแกยิ่งกว่าไนดัสอีก ไอ้พวกตีหน้าซื่อลอยชายไปวันๆ แต่...

    แต่ดันเก่งงั้นสิ? หึหึหึ รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆว่ะ

    ทั้งคู่ไม่พูดกันอีก กันแซ็คยิงพิษเข้าใส่พร้อมๆ กับบารอลเรียกเสาดินเข้าปะทะกัน

    ห่างออกมา ไนดัสกับมาการ์เร็ตก็ไล่ตามไรลีย์ไป นักวิจัยส่วนใหญ่ไม่มีใครขัดขืนนอกจากวิ่งเตลิดหนีไปคนละทาง ตลอดทางเต็มไปด้วยวัตถุโบราณที่ถูกเก็บไว้อย่างดี ห้องหลายห้องที่มีเครื่องมือแปลกตา  แต่ก็ไม่เจอตัวไรลีย์หรืออัลเลอเรีย

    อาจารย์คะ นั่นๆ! ”

    ไนดัสหันไปตามที่มาการ์เร็ตชี้ ก็เห็นไรลีย์พยายามดันรถเข็นขึ้นลิฟต์ไป ซึ่งเห็นอัลเลอเรียนั่งอยู่ชัดเจน ไนดัสรีบวิ่งไปแต่ก็ไม่ทัน ตัวเลขบอกว่าลิฟต์กำลังขึ้นไป ไนดัสรอจังหวะที่ลิฟต์อยู่ที่ชั้นถัดไปก็อัดสายฟ้าเข้าไปทันที กระแสไฟไหลออกมาที่มือไนดัสก่อนจะโดนเหวี่ยงไปอีกด้านหนึ่ง เมื่อกระแสไฟถูกดึงออกมาหมดลิฟต์ก็หยุดทำงาน

    บ้าจริง! ไรลีย์สบถพลางพยายามดึงรถเข็นกับอัลเลอเรียที่ยังไม่ได้สติออกมา แต่เมื่ออกมาแล้วก็ต้องหยุดกึก เพราะที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาคือไนดัสนั่นเอง

    รู้สึกเสียดายพลังของแม่คนนี้ขึ้นมาหรือไง ไรลีย์ชิงพูดก่อน แต่ไนดัสไม่ตอบอะไร ผู้หญิงคนนี้จะเป็นขุมกำลังที่จะขับเคลื่อนแผนการของชั้น ไม่สิ...ของพวกเราก็ได้ ไนดัส ลาซิลวา แกเไม่คิดจะร่วมมือกับชั้นบ้างหรือไง? ยังไงซะพลังของแกก็น่าจะช่วยชั้นได้มาก-

    บอกแล้วใช้ไหม ว่าถ้าแกไม่ส่งตัวอัลเลอเรียมา ชั้นจะช็อตแกให้ถึงกระดูกเชียว ไนดัสกล่าวพลางเรียกสายฟ้ามาที่มือ แต่ก็ช้ากว่าไรลีย์ที่ยกปืนขึ้นเล็งมาก่อน

    ช้าไปแล้ว ไนดัส ระยะแค่นี้ปืนของชั้นเร็วกว่าแกจะร่ายเวทย์ทันแน่นอน ไรลีย์หัวเราะ ไม่นึกว่าผู้ค้นหามือหนึ่งอย่างแกจะสิ้นคิดได้ขนาดนี้ เพียงผู้หญิงคนเดียวก็ทำให้แกอาละวาดได้ขนาดนี้ จะบอกอะไรให้ ที่จริงชั้นเองก็เป็นเมจเหมือนแกนั่นแหละ และมีแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่าใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างแกเยอะ เมจยุคหลังจากนี้จะยิ่งใหญ่ขึ้นมา ส่วนแกก็ต้องตายไปในยุคเสื่อโทรมนี่แหละ ไรลีย์เว้นช่วงหน่อยหนึ่งก็ถอนหายใจ เสียใจด้วยไนดัส แกพลาดตั๋วขึ้นเรือไปกับชั้นแล้ว

    ไรลีย์เตรียมง้างไกปืน แต่ทันใดนั้นเอง ลูกไฟก็พุ่งมาจากอีกด้านหนึ่งอัดเข้าที่ตัวของไรลีย์เต็มๆ ไรลีย์มองตามทิศทางไปก็เห็นมาการ์เร็ตที่ซุ่มอยู่ขณะที่เขามัวแต่สนใจไนดัสอยู่ และเพียงครู่เดียวที่เขาเหลียวกลับมาไนดัสก็ถึงตัว

    เป็นเมจแล้วใช้ปืนงั้นรึ? แกนี่เป็นเมจที่น่าเศร้าจริงว่ะ

    ไนดัสคว้าหัวของไรลีย์ไว้แล้วอัดไฟฟ้าเข้าไปเต็มที่ ไรลีย์ดิ้นเร่าๆ อยู่เพียงครู่เดียวก็นิ่งไป ไนดัสทิ้งร่างของไรลีย์ลงกับพื้นแล้วเดินผ่านไปยกนิ้วโป้งให้มาการ์เร็ตทีหนึ่ง เด็กหญิงยิ้มร่ายกนิ้วตอบ

    ไนดัสพยุงร่างของอัลเลอเรียขึ้นมา พอดีกับที่เธอรู้สึกตัวพอดี

    นะ...ไนดัส?

    อือ ชั้นเอง โทษทีที่ปล่อยเธอมาไว้ที่แบบนี้

    ...ข้าคิดว่าเจ้าหนีไปเสียแล้ว

    บอกแล้วไงว่าจะพาไปให้ถึงวิหารทางเหนือ ถึงจะขลุกขลักไปบ้างแต่ก็ไม่ผิดสัญญาหรอก

    ข้า...ไม่ได้ตัดสินใจผิดใช่ไหมที่เชื่อใจเจ้า

    เชื่อชั้นเถอะน่า ไนดัสบอกแล้วก็หันไปพยักหน้าบอกมาการ์เร็ต ไปกันเถอะ เดี๋ยวพวกตัวใหญ่มาจะยุ่ง

    แล้วอาจารย์บารอลล่ะ!? ”

    หมอนั่นน่าห่วงรึไง? ไนดัสตอบ มาการ์เร็ตก็ส่ายหน้าขวับ

     

    ที่ชั้นใต้ดินนั้นเอง ร่างของกันแซ็คกองอยู่กับพื้นแขนขาถูกรากไม้ตรึงไว้หมด ส่วนตัวถูกเสาดินกดไว้แน่น

    บัดซบ... กันแซ็คสบถ

    แย่หน่อยนะ ดูท่าว่าฝีมือของชั้นจะห่างจนแกเอื้อมยังไม่ถึงเลยว่ะ บารอลบอกแล้วก็เหยียดแขนคลายเมื่อย ไนดัสเองก็คงตามไปจัดการเรียบร้อยแล้วมั้ง ไปมั่งดีกว่า

    บ้าเอ๊ย ถ้าไม่มีรากไม้พวกนี้ล่ะก็...แกเป็นใครกันแน่ บารอล! ”

    บอกแล้ว ว่าข้าคือบารอล...แค่นั้น นามสกุลน่ะลืมไปนานแล้ว บารอลหัวเราะในลำคอแล้วก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงซากความวินาศจากการต่อสู้เท่านั้น

    ที่ชั้นบนนั้นอาคารสถาบันผู้ค้นหานั้นไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว ตามที่ไนดัสบอก ห้องโถงใหญ่กลายเป็นกองเศษอิฐเศษปูนที่ถูกไนดัสถล่ม บารอลมองแล้วก็อดขำไม่ได้ เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เพียงผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้ที่นี่ราบเป็นหน้ากลอง ไนดัสยังไม่ขึ้นมา บารอลเองก็ต้องคอยรับหน้าใครก็ตามที่อาจจะมาที่นี่ เช่น ตำรวจหรือทหาร ร้ายที่สุดก็...

    มาเร็วเป็นบ้าเลยนะ... บารอลกล่าวเบาๆ พลางสะบัดเสื้อคลุมไปด้านหลังเตรียมพร้อมรับศึก

    ชั้นมองพวกแกไม่ผิดจริงๆ เมจอย่างแกก็ทำได้แค่อาละวาดทำลายข้าวของเท่านั้น

    มองอะไรร้ายๆ อีกแล้ว แต่เอาเถอะ สายตาอย่างนายมองอะไรก็คงร้ายไปหมดแหละมั้ง หืม? อาร์ทาเนีย วัลคีรีย์?

    เบื้องหน้าของบารอลนั้น อาร์ทาเนียยืนขวางทางออกไว้พร้อมกับรัศมีสีดำมืดยิ่งกว่าที่เจอกันคราวที่แล้ว ดาบสีดำในมือยิ่งเปล่งความมืดออกมาเข้มข้นยิ่งกว่า ซึ่งไม่ต้องถามเลยว่าเขามาเพื่ออะไร

    การประดาบครั้งนี้จะเป็นประสบการณ์สุดท้ายของแก

    แย่หน่อยว่ะ คนอย่างข้าตอนตายต้องโรแมนติกกว่านี้เยอะ

     

    ไนดัสประคองร่างของอัลเลอเรียขึ้นมาถึงชั้นบนในที่สุด ตอนนี้อัลเลอเรียก็ยังขยับตัวไม่ได้ มาการ์เร็ตก็ต้องช่วยพยุงอีกแรง แม้จะไม่ค่อยมีแรงแต่ก็เกาะอัลเลอเรียแน่นราวกับจะไม่ปล่อยไปไหนอีก

    ป่านนี้พวก MHS คงมาออกันเพียบแล้วละ  ไนดัสเปรย

    ต้องเผ่นกันอีกแล้วสิเนี่ย มาการ์เร็ตถอนหายใจยาว

    ไม่ต้องห่วง บารอลคงจัดการได้ไม่ยาก ป่านนี้หมอนั่นคงนั่งรอสบายใจเฉิบอยู่ชั้นบนแล้วละ-

    ไนดัสหยุดพูดต่อแทบจะทันทีที่มาถึง บรรยากาศดำทะมึนแผ่ออกมาจนแทบจะสัมผัสได้ เสียงของการต่อสู้ดังขึ้นอยู่ข้างหน้านี้เอง ไนดัสใจเต้นแรงเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียบารอลก็คงมาถึงก่อน แล้วสู้อยู่กับใคร? ใครที่เป็นเจ้าของบรรยากาศดำทะมึนที่น่าสะอิดสะเอียนนี้

    ไนดัสรีบวิ่งไปทันที เมื่อไปถึง สภาพของบารอลตอนนั้นก็คงไม่ต่างกับผ้าขี้ริ้วที่ถูกอีกฝ่ายไล่เฉือนโดยที่ทำอะไรไม่ได้ เสาดินนับสิบที่เรียกออกมาถูกตัดอย่างง่ายดายด้วยดาบสีดำสนิทและเจ้าของที่มีดวงตาสีเดียวกัน เมื่อเสาดินไม่สามารถป้องกันอะไรได้ คมดาบก็ฝากรอยแผลไว้อีก

    ไนดัส อย่าเข้ามา! บารอลเหมือนจะรู้ตัวว่าไนดัสตามมาถึงแล้ว แต่ก็ไม่สามารถละสายตาจากคู่ต่อสู้ได้

    ไนดัส ลาซิลวา...ตัวการหลักมาแล้วรึ? อาร์ทาเนียเหลือบตามองหน่อยหนึ่งเสาดินของบารอลก็พุ่งเข้ามา อาร์ทาเนียพลิกตัวหลบอย่างไม่ยากเย็นนัก แล้วพุ่งสวนไล่ไปตามเสาดินที่บังตาบารอลอยู่เพียงอึดใจเดียวก็ถึงตัว

    บารอล!! ”

    ดาบของอาร์ทาเนียวิ่งผ่านหน้าของบารอลไปทิ้งแผลใหญ่ไว้ที่แก้มซ้าย และอาจจะเด็ดหัวเขาได้วยถ้าบารอลเบี่ยงตัวช้ากว่านี้

    บ้าจริง!! ” ไนดัสวางอัลเลอเรียลงก่อนจะบุกเข้าใส่อาร์ทาเนียอย่างไม่คิดชีวิต

    เข้ามา ไนดัส ลาซิลวา อาร์ทาเนียสะบัดเลือดของบารอลออกจากตัวดาบแล้วหันมารับมือไนดัสแทน

    “ Lightning! ”

    สายฟ้าฟาดลงมาใส่อาร์ทาเนียก่อนที่ไนดัสจะบุกถึงตัว แต่ความเร็วของอาร์ทาเนียนั้นไว้กว่า  เพียงเบี่ยงหลบสายฟ้าก็เฉียดไหล่ไปแล้วหมุนตัวตวัดดาบใส่ไนดัส คมดาบนั้นมาเร็วเกินกว่าที่คาด ไนดัสพุ่งหลบลงไปกับพื้นคมดาบก็ยังเฉี่ยวไป ตาของอาร์ทาเนียยังตามติดเมื่อจับตำแหน่งได้ก็ยิงลูกเตะตามมาติดๆ ไนดัสใช้แขนกันไว้ได้แต่ก็กระเด็นไป

    เป็นอะไรไป? สายฟ้าของแกมันน่าจะใหญ่โตบาดตากว่านี้นี่?

    อย่าใจร้อนไป นี่เพิ่งจะอุ่นเครื่องนะ ไนดัสฝืนยิ้มพลางลุกขึ้นเผชิญหน้า ทันใดนั้นเองเข่าของอาร์ทาเนียก็อ่อนแรงลง เป็นขาข้างที่เตะเข้ามานั่นเอง

    อย่างนี้นี่เอง ขืนแตะตัวแกสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะก็ คงโดนกระแสไฟช็อตจนขยับไม่ได้แน่ แต่ว่านะ... อาร์ทาเนียสะบัดขาอย่างแรงทีหนึ่งก็กลับมายืนได้เหมือนเดิม ของพรรค์นี้ไม่ได้ผลหรอก แต่อย่างไรซะ ชั้นก็ตั้งใจจะสัมผัสแกด้วยดาบเท่านั้นนี่นะ

    ขอบใจเลย

    อาร์ทาเนียบุกเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ไนดัสถีบตัวถอยห่างออกมา การสู้กับอาร์ทาเนียในระยะประชิดนั้นเท่ากับฆ่าตัวตาย ที่ต้องทำคือถอยห่างออกมาตั้งหลักก่อน แต่ก็ไม่ง่ายนัก เพียงอึดใจเดียวอาร์ทาเนียก็สามารถตามมาทัน ความเร็วของไนดัสกับอาร์ทาเนียนั้นต่างกันมากเกินไป แล้วคมดาบก็ตามมาถึงตัว

    ฮึ่ม! ”

    ไนดัสเอามือประกบลงที่พื้น แต่อาร์ทาเนียใช้ดาบปักลงไปที่พื้นแล้วดีดก้อนหินตรงหน้าก้อนหนึ่งลอยขึ้นไป เพียงอึดใจต่อมา สายฟ้าก็ระเบิดออกมาจากก้อนหินนั้น

    วางกับดักงั้นรึ? ไม่ได้ผลหรอกน่า

    ตาไวเหลือเกินนะ ไนดัสกัดฟันเล็งจังหวะที่อาร์ทาเนียยกดาบขึ้นสูงแล้วพุ่งสวนเข้าไปคว้าที่มือขวาที่กำดาบอยู่ ถ้าทำให้มือขวาเป็นอัมพาตได้อาร์ทาเนียก็หมดทางถือดาบ แต่ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น จังหวะที่ไนดัสสวนเข้าไปเข่าก็ลอยสวนกลับมาเสยเข้าอย่างจัง

    ไนดัสกระเด็นไปหน่อยหนึ่ง แต่ยังไม่ทันตกพื้นอาร์ทาเนียก็ตามมาพร้อมกับเงื้อดาบเตรียมฟันลงมา แต่ที่ตาเห็นกลับเป็นรอยยิ้มของไนดัส

    เสร็จล่ะ! ”

    ทันใดนั้นสายฟ้าขนาดมหึมาก็ฟาดลงมากลืนทั้งไนดัสและอาร์ทาเนียไปด้วยกัน ตามมาด้วยเสียงดังสนั่นและแรงระเบิดรุนแรงจนเศษหินที่พื้นกระเด็นไปเมื่อแสงจ้าหายไป ไนดัสกับอาร์ทาเนียก็ปรากฏออกมา ทั้งคู่รับพลังมหาศาลนั้นเข้าไปเต็มๆ

    ได้ยินว่าแต่ละคนนำไฟฟ้าไม่เท่ากัน แต่ดูเหมือนว่าเทพสายฟ้าจะชอบแกว่ะ ไนดัสพูดปนหัวเราะ ห่างออกไปนั้นอาร์ทาเนียนั่งทรุดอยู่โดยไม่พูดอะไร แต่ดูแล้วก็รู้ว่ารับไปเต็มๆ เหมือนกัน

    สิ้นคิดมาก ไนดัส ท่าทางแกจะไม่มีวิธีอื่นแล้วนอกจากนอกจากใช้การโจมตีแบบระเบิดพลีชีพแบบนี้

    พูดไป ใครจะอยากตายพร้อมคนหดหู่แบบแกวะ

    ทั้งสองคนยืนขึ้นมาอีกครั้ง สายฟ้าของไนดัสได้ผลกับอาร์ทาเนียพอๆ กับที่ได้ผลกับตัวเอง ซึ่งวิธีนี้คงจะไม่ควรใช้อีกแล้ว ไนดัสรวมสายฟ้ามาที่มือขวามากขึ้น รุนแรงขึ้นจนเห็นสายฟ้าคล้มคลั่งอยู่ที่มือขวาชัดเจน อาร์ทาเนียก็เช่นกัน ความมืดที่แผ่ออกมาจากตัวดาบค่อยๆ รวมตัวกันหนาแน่น ทั้งคู่ไม่อยากจะยืดเยื้อแล้ว

    แกต้องตาย เมจที่น่าชิงชัง

    เสียใจว่ะ คนอย่างข้าตอนตายต้องฮาร์ดคอร์กว่านี้เยอะ

     

    สายฟ้าอันเกรี้ยวกราดกับมวลความมืดพุ่งเข้าใส่กันเป็นครั้งสุดท้าย บารอลและมาการ์เร็ตมองด้วยลมหายใจไม่ทั่วท้อง และหลับตาแน่นก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าปะทะกัน

     

    พอแค่นั้น!! ”

    เสียงดังแทรกเข้ามาพร้อมกับร่างของเชอชิลแทรกระหว่างไนดัสกับอาร์ทาเนีย ทั้งคู่หยุดมือไว้เพียงเฉียดฉิวก่อนจะทำลายร่างของเชอชิลเป็นชิ้นๆ สีหน้าของทั้งคู่ตกใจและแปลกใจไม่ต่างกัน แต่เชอชิลก็ชิงพูดก่อนด้วยน้ำเสียงไม่สั่นแม้แต่น้อยทั้งที่กำลังกั้นกลางระหว่างสัตว์ร้ายทั้งสอง

    ลดดาบลงอาร์ทาเนีย นายด้วยไนดัส ทั้งสองคนจะมาสู้กันเองทำไม เมื่อทำผลงานด้วยกันทั้งคู่

    ผลงาน?

    การตราวจสอบของชั้นมีหลักฐานแน่ชัดแล้วว่ามีการเคลื่อนไหวที่ไม่เข้าท่าในสถาบันผู้ค้นหา มีการกักเก็บวัตถุโบราณที่น่าจะเป็นของรัฐบาลไว้เป็นของตน และการทดลองอันสามารถเชื่อมโยงไปถึงความไม่มั่นคงของรัฐ สถาบันผู้ค้นหาจะถูกปิดลงชั่วคราวจนกว่าการตัดสินของรัฐบาลจะมาถึง และตรงนี้...   เชอชิลหันไปหาไนดัส ต้องขอบคุณไนดัส ลาซิลวาที่ช่วยให้ความร่วมมือในการเปิดโปงสถาบันแห่งนี้ ทางรัฐจะตอบแทนอย่างงาม เชอชิลหันมาหาอาร์ทาเนียบ้าง เข้าใจหรือยัง เขาเป็นผู้มีความดีความชอบ ผมไม่เห็นว่ามีเหตุอันควรจะหันคมดาบเข้าหาเขาตรงไหน

    ...เข้าใจพูดนี่ เชอชิล ไม่คิดว่ามีความเอนเอียงในการตัดสินของนายรึ  อาร์ทาเนียจ้องตาเชอชิล ซึ่งก็จ้องกลับเช่นกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่แววตาดุดันดุจสัตว์ร้ายของอาร์ทาเนียต้องยอมถอย อาร์ทาเนียเก็บดาบแล้วเดินจากไป

    ครั้งนี้แกรอดตัวไป อาร์ทาเนียกล่าวเมื่อเดินผ่านไนดัส

    ใครรอดกันแน่ ถึงจะทำอะไรไม่เข้าท่าบ้าง แต่ก็ชักชอบแกขึ้นมาบ้างแล้วว่ะ ไม่คิดบ้างรึไงว่าเราอาจจะเป็นสหายกันได้ดี

    เพ้อเจ้อว่ะ จะจำแกไว้สักหน่อยแล้วกัน บุรุษผู้ดุดันดุจยักษ์ที่ห่มอาภรณ์สายฟ้าสีทอง

    ไนดัสยิ้มตามหน่อยหนึ่งเมื่อเห็นอาร์ทาเนียเดินจากไป เมื่อเชอชิลเห็นอาร์ทาเนียไปแล้วก็ทรุดลงทันที

    ถึงที่สุดแล้วรึไง ไม่ไหวเลยแกนี่ ไนดัสหัวเราะทับถม

    อย่าเอาชั้นไปเทียบกับพวกบ้าพลังอย่างพวกแกสิวะ เมื่อกี๊ก็เกือบตายแล้วนะ เชอชิลบ่น ยังลุกไม่ขึ้น

    ยังไงก็เถอะ ขอบใจที่ช่วยห้าม ไม่งั้นคงได้ตายไปข้างนึง

    เพื่อนจะฆ่ากันเองใครจะอยู่เฉยล่ะวะ แต่เอาเถอะ เรื่องวุ่นๆ ของนายก็ช่วยชั้นเหมือนกัน ได้หลักฐานมัดตัวไรลีย์ซะแน่นหนึบ จัดการมันได้คงช่วยให้รัฐบาลสูงขึ้นอีกหน่อย นายก็น่าจะได้รางวัลเหมือนกัน จะเอาอะไรว่ามาเลย

    ขอบใจว่ะ แต่ขอแค่ออกจากเมืองนี้แบบสบายตัวหน่อยก็พอแล้ว ไนดัสยิ้มพลางเดินไปสมทบกับพวกบารอล

    เข้าใจล่ะ ว่าแต่นายจะไปไหน?

    ไนดัสหันมายิ้มพลางชูมือชี้นิ้วขึ้นแล้วตอบ

    ทางเหนือ

     

    วิหารทางเหนือนั้นอยู่ในสภาพดีมากเพราะมีข่าวลือหนาหูว่ามีมังกรร้ายเฝ้าอยู่ แม้แต่ในกลุ่มผู้ค้นหาก็ยังไม่อยากเข้าใกล้ หรือกระทั่งนักล่ามังกรเองก็ไม่อยากท้าทาย แต่อย่างไรเสียก็เป็นคำขอของอัลเลอเรียที่ไนดัสก็ไม่อยากปฏิเสธ

    อาจารย์คะ มังกรหน้าตาเป็นยังไง? มาการ์เร็ตเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบของซากโบราณสถาน

    ชู่ว อย่าพูดดัง เขาว่าพูดแล้วจะเจอนะ บารอลตอบเสียงค่อย

    อาจารย์ไม่อยากเจอมังกรหรอคะ?

    อยากเจอสิ แต่ไม่อยากเจอใกล้ๆ ยังไงดี มังกรก็หน้าตาเหมือนกิ้งก่าที่เคยเห็นนั่นแหละ แต่ตัวใหญ่กว่า พ่นไฟได้ แล้วก็กินเด็กที่อยากรู้อยากเห็น

    พูดแค่นี้มาการ์เร็ตก็เงียบลงทันทีแล้ววิ่งไปเกาะอัลเลอเรียแน่น

    พูดไปเถอะ อยากเจออยู่เหมือนกัน ถ้าจัดการมันได้จะเป็นตำนานเลยนะ ฮะฮะฮะ

    ตำนานไอ้บ้าผู้ปราบมังกร บารอลตอบพลางถอนหายใจ ขยับคบไฟให้เห็นทางสว่างขึ้น อีกไกลไหมอัลเลอเรีย?

    บอกไม่ได้หรอกค่ะ แต่สัมผัสได้ว่าต้องมาทางนี้แน่ๆ อัลเลอเรียตอบอย่างไม่แน่ใจนัก แต่ตอนนี้ก็มีสัมผัสของอัลเลอเรียเท่านั้นที่นำทางได้

    ยิ่งเดินทางลงไปลึกเท่าไรก็ยิ่งมืด และยิ่งมือก็ยิ่งวังเวง ในบรรยากาศที่ชวนขนลุกเช่นนี้ยังมีโอกาสที่จะเจอกับมังกรเข้าอีกด้วย ไนดัสจึงต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา

    ในที่สุด ทั้งสี่คนก็ออกจากทางแคบมาถึงห้องโถงใหญ่ บารอลส่ายไฟไปมาก็เห็นคบไฟหลายจุดเมื่อไฟสว่าง ขนาดของมันก็ชัดเจนขึ้น

    ใหญ่แบบนี้จุมังกรได้ทั้งตัวเลยนะเนี่ย ไนดัสเปรย ซึ่งบารอลก็หันขวับมาทันที ล้อเล่นน่า ฮะฮะฮะ จะมังกรรึมังกือก็ไม่มาอุดอู้อยู่ในนี้หรอก

    ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามก็ดังกลบเสียงของไนดัสไป เสียงนั้นดุดันต่างจากสัตว์ร้ายที่ไนดัสเคยเผชิญมาก่อน แต่ที่ทำให้ไนดัสกับบารอลต้องร้องสุดเสียงคือร่างที่ค่อยๆ เคลื่อนไหวอยู่กลางห้องโถงนั้น ขนดหางใหญ่โตคลายออกเผยลำตัวขนาดมหึมาและหัวที่เต็มไปด้วยเขา พ่นลมหายใจร้อนระอุเป็นเปลวเพลิง และฟันซี่ยาวค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาในระยะแสงไฟ มันสะบัดหัวเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้บุกรุกแล้วก็คำรามลั่นอีกครั้ง

     

    จ๊าก!!! มังกร!!!! ”

     

    ทั้งไนดัสและบารอลร้องอย่างลืมตัว พลังอำนาจที่มีความกล้าที่สะสมไว้เหมือนจะถูกเสียงคำรามพัดปลิวหายไปหมดแล้ว ท่ามกลางความตกตะลึงนั้นเอง อัลเลอเรียก้ก้าวออกไปเผชิญหน้าอย่างแช่มช้า

    โครเซ็ท? ท่านใช่ไหม? อัลเลอเรียกล่าวเบาๆ น่าแปลกที่เมื่อเจ้ามังกรเห็นอัลเลอเรียแล้วก็สงบลงทันที มันก้มหัวลงมาใกล้แล้วก็ฉีกปากเหมือนจะยิ้ม

    ไม่เจอกันนานเลยนะ อัลเลอเรีย

    ไนดัสกับบารอลอ้าปากค้างตกตะลึงอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงจากปากนั้น

    มะ...มังกรพูดได้!? ”

    ทั้งเจ้ามังกรและอัลเลอเรียไม่ได้สนใจทั้งสองคนมากนัก ไนดัสเห็นอัลเลอเรียน้ำตาคลอซบลงกับปากของเจ้ามังกรอย่างอาลัยอาวรณ์ เจ้ามังกรก็เช่นกัน แม้จะแสดงออกไม่มากแต่ก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและความเศร้า

    ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่รอข้า นับจากวันนั้นผ่านมาเกือบสามร้อยปี เจ้ามังกรพูดต่อ

    ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ผิดสัญญา อัลเลอเรียตอบพลางลูบปากของเจ้ามังกรตอบ ต้องขอโทษจริงๆ ที่ต้องให้ท่านอยู่ในสภาพนี้เป็นร้อยปี

    อย่าคิดมากเลย เพียงได้พบหน้าเจ้าอีกครั้ง จะให้ข้าเป็นมารร้ายก็ย่อมได้

     

    ไนดัสเห็นภาพการพบกันครั้งนี้แล้วก็กำหมัดแน่น ความรู้สึกผิดต่ออัลเลอเรียยังไม่จางหาย เขาเกือบทำให้ทั้งสองคนไม่ได้พบกันอีกตลอดไป ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจตัวเองจนอยากจะเอ่ยปากขอโทษสักร้อยครั้ง

    ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยให้ข้าได้พบกับอัลเลอเรียอีกครั้ง คราวนี้เจ้ามังกรหันมาพูดกับไนดัสบ้าง

    ไม่เป็นไรหรอก ข้าเองก็เกือบทำผิดต่อพวกท่านเหมือนกัน ไนดัสตอบเบาๆ แล้วก็หลบออกจากการสนทนาของทั้งคู่

    โครเซ็ท พวกเรากลับไปด้วยกันเถอะนะ ถึงยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแล้วแต่ก็-

    นี่ไม่ใช่ยุคสมัยของข้าหรอกอัลเลอเรีย ข้าอยู่มาตลอด ได้เห็นทุกอย่าง ตอนนี้หมดยุคของสัตว์ร้ายและการต่อสู้แล้ว แต่ควรจะเป็นยุคที่สงบสุข ชาวเชด้าอย่างพวกเราเจ็บมามาก ให้ความทุกข์ทรมานจบลงที่ยุคนี้เถอะ ข้ากลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วเจ้าก็รู้ ส่วนเจ้าก็ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อ อาจจะยากสักหน่อย แต่เจ้าทำได้แน่

    อัลเลอเรียไม่ตอบ ที่จริงเธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าการพบกันครั้งนี้จะเป็นการลาจากครั้งสุดท้าย เธอได้แต่กอดเจ้ามังกรไว้แน่นพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งรินออกมา

    ฝากดูแลอัลเลอเรียด้วย ผู้อาศัยในยุคนี้ เจ้ามังกรหันมาหาไนดัสอีกครั้ง

    อาจจะไม่น่าอยู่เท่าไร แต่ชั้นก็จะดูแลเธออย่างดี ไนดัสรับคำ

    เจ้ามังกรได้คำตอบแล้วก็ส่งสิ่งหนึ่งให้กับไนดัส มันเป็นแผ่นหินอ่อนที่สลักอย่างปรานีต ไนดัสรับมาแล้วก็รู้ว่ามันคือแผ่นมิซติกนั่นเอง เป็นแผ่นมิซติกที่จารึกอักษรรูนที่ซับซ้อนมากกว่าที่เคยเห็น

     

    อัลบาเรส…? ” ไนดัสอ่านชื่อที่สลักอยู่ด้านหลังแผ่นหินอ่อนนั้น

     

    ข้าเฝ้ารักษามันมาหลายร้อยปี จงใช้พลังนั่นเพื่ออัลเลอเรีย ไนดัสรับคำ แล้วเจ้ามังกรนั้นก็ชูหัวขึ้นสูง ต้องจากกันแล้วนะอัลเลอเรีย

    ไม่นะ...โครเซ็ท

    อยู่ดูยุคใหม่แทนข้าด้วย ข้าไม่เสียใจเลยที่รอเจ้ามาหลายร้อยปี เพียงได้พบเจ้าอีกครั้ง ข้าก็หมดห่วงแล้ว

    โครเซ็ท!! ”

    ถ้ามีโอกาสเจออุงเชกิล่า โมเลโอล ยาฮารุน หรือมอเรย์ล่ะก็ บอกพวกนั้นด้วยว่าข้าจะล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

    อัลเลอเรียไม่ตอบ มีเพียงเสียงร้องไห้เท่านั้น

    ลาก่อน สตรีที่ข้ารักที่สุด...

     

    เพียงพูดจบ ร่างของเจ้ามังกรก็ซีดลงราวกับพืชขาดน้ำ เปลวไฟจากลมหายใจแผ่วลงจนมอดไป ไม่นานร่างใหญ่โตก็สลายกลายเป็นฝุ่นผงไป ไนดัสมองตามไปก็เห็นเหมือนผงนั้นรวมเป็นร่างของชายคนหนึ่งยืนอยู่ อาจเป็นอุปาทานเองที่เห็นว่าชายคนนั้นยิ้มให้หน่อยหนึ่งก่อนจะถูกลมพัดสลายไป

    ทั้งห้องโถงเงียบลงเหลือเพียงเสียงร่ำไห้ของอัลเลอเรียที่ยังกำเศษซากของเจ้ามังกรไว้แน่นก่อนที่ลมจะพัดชิ้นส่วนสุดท้ายหายไป ไนดัสเข้าไปนั่งลงข้างๆ อัลเลอเรียมองไนดัสแล้วก็ร้องไห้ลงกับไหล่ของไนดัส บารอลเองก็ลูบหัวมาการ์เร็ตปลอบเด็กหญิงไม่ให้ร้องไห้มากกว่านี้ ในแสงคบไฟนั้น ทุกอย่างกำลังจะจบลงและเริ่มขึ้นใหม่

     

    ทั้งสี่คนออกมาข้างนอกชั้นใต้ดินแล้ว สูดอากาศสดชื่นกับลมเย็นอยู่ครู่หนึ่ง อัลเลอเรียก็พูดขึ้น

    ข้าไม่มีที่ไปอีกแล้ว ยุคสมัยนี้คงไม่ต้อนรับข้าเป็นแน่

    พูดไป เจ้าน่ะเก่งออกจะตาย อยู่ได้ทุกที่นั่นแหละ ไนดัสตอบเรียบๆ ซึ่งอัลเลอเรียก็หันมา ชั้นตั้งใจว่าจะหาทุนให้มาการ์เร็ตได้เรียนเหมือนเด็กๆ คนอื่นๆ เขา มีบ้านมีชีวิตเรียบง่ายๆ ในที่ที่ไกลจากเมืองจากความวุ่นวายสักหน่อย ใช้ชีวิตปกติไปจนแก่ แล้วก็ใช้ชีวิตปกติแบบคนแก่จนลงหลุมโน่น ก็ตั้งใจไว้แบบนั้นน่ะนะ ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงบ้าง ไนดัสเว้นช่วงหน่อยหนึ่งก็หันมาหาอัลเลอเรีย

    ถ้าเธอไม่มีที่ไป และไม่รังเกียจชีวิตแบบนี้ล่ะก็จะมาด้วยกันก็ได้

    คำพูดของไนดัสทำอัลเลอเรียอึ้งไปหน่อยหนึ่ง ไนดัสขยับแว่นเล็กน้อยก็พูดต่อ

    เวลาหลายร้อยปีนี่เปลี่ยนคนไม่ได้เลยนะ ทั้งเธอ ทั้งเขาชั้นก็เหมือนกัน ต่อให้ผ่านไปอีกร้อยปี ชั้นก็จะไม่เปลี่ยนใจแน่

    อัลเลอเรียเงียบไปครู่หนึ่งก็ยิ้มตอบด้วยแก้มแดงเรื่อ

    ค่ะ จากนี้อีกกี่ร้อยปี ชั้นก็เหมือนกัน

     

    ไนดัสยิ้มพลางยื่นมือไปหา อัลเลอเรียก็ยื่นมาจับไว้แน่นราวกับจะเป็นสัญญาที่ไม่มีวันพังทลาย  แม้ยุคสมัยจะไม่น่าอภิรมย์นัก แต่ก็เป็นหน้าที่ของผู้อาศัยที่จะเปลี่ยนแปลงยุคสมัยนั้นทีละน้อยๆ ไนดัสกับอัลเลอเรียเองก็ยังไม่รู้ว่า นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของยุคสมัยอันมีพวกเขาเป็นตัวเฟืองสำคัญขับเคลื่อนในอนาคต

     

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×