คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่๗ ผีแกล้งคน
เต้ยกับเพื่อนเดินเข้ามานั่งในห้อง
การตายของเพื่อนคนเดียวจะทำให้ทุกคนเสียอนาคตไม่ได้
ในเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะหมดปีการศึกษา
เต้ยฟังที่อาจารย์พูดอย่างตั้งใจเพราะเป็นการบ้านสำคัญที่เป็นคะแนนเก็บถึงสิบเปอร์เซ็นต์
เธอเงยหน้าขึ้นจากกระดาษจบก็พบกับแผ่นหลังเปียกชื้นเหม็นฉุน
เจ้าของร่างนั้นหมุนคอมาจ้องมอง
ผีสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้า หมุนคอกลับมายิ้มให้
และใช้นิ้วเชือดคอตัวเอง
“ยังหน้าด้านมาเรียนอีกเนอะ”
ไม่ใช่แค่เต้ยที่เห็น แต่ทุกคนก็เห็นการกระทำนั้นด้วย
ถ้าเป็นคนทั่วไปย่อมกลัว ‘ผี’ เกนหลง ทว่าพวกเธอกลัว ผี ‘เกนหลง’ ความหมายของสองคำนี้มันช่างต่างกันนัก
สภาพน่าผวาของเกนหลงแทบไม่ทำให้เต้ยรู้สึกอะไร ต่อให้จะแบกหนอนมาทั่วร่างก็ยังไม่สะท้าน
แต่นี่เกนหลงมาพร้อมความแค้นอัดแน่น และเป็นความแค้นที่ฆ่าคนได้
“เรียนสิ มีชีวิตอยู่ก็ตั้งใจเรียนหน่อย”
เกนหลงไม่ต่างจากฆาตกรโรคจิต แต่เธอเป็นฆาตกรที่ไม่มีชีวิต
ร่างอรชรนั้นนั่งอยู่โต๊ะหน้าและเคาะนิ้วไปเรื่อยแต่หันหน้ามาจ้องคู่แค้นด้วยท่าทีสบายใจ
แตมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก่อนจะลุกขึ้นหนีออกจากห้องเพราะรับความกดดันไม่ได้
เกนหลงฉีกยิ้มกว้างและจ้องเขม็งมายังพวกเต้ย
สาวหัวโจกกัดฟันกรอด พยายามทำเป็นไม่เห็นวิญญาณร้าย
เหมือนไม่ได้ดั่งใจ เกนหลงพุ่งเข้าไปชนจนเต้ยหงายหลังตกเก้าอี้
เต้ยปวดตุบบริเวณหลังจากการโดนกระแทก
เธอคล้ายควบคุมการพูดของตัวเองไม่ได้และเอ่ยวาจาที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งออกไปในขณะที่อาจารย์จิ๋มกำลังสอนอยู่
แววตาถูกสวมทับด้วยความโกรธแค้นของเกนหลง
“มองอะไรอีจิ๋ม?
ไม่เคยเห็นแรดตกเก้าอี้หรือไงอีอ้วน?”
“ก้าวร้าวเกินไปแล้วนะ!”
“หนูไม่ได้พูดนะคะอาจารย์”
“ไม่ได้พูดได้ยังไง?
ฉันได้ยิน!”
“หูมึงฟาดไปเองไหมอีแก่!?”
“หุบปาก!”
“หนูไม่ได้... แก่แล้วแก่เลยนะมึง
ถ้าว่างมากก็ไปตรวจการได้ยินหน่อยนะ จะได้ไม่หูฝาดได้ยินใครเขาเรียกว่าอีอ้วนอีแก่”
เต้ยพยายามกัดริมฝีปากตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผล เกนหลงบังคับการพูดของเธอได้
และเกนหลงก็กำลังยืนกรอกตาอยู่ด้านข้าง ต่างจากจิ๋มที่เกือบเป็นลมเพราะรับไม่ได้ที่โดนด่า
เต้ยประสาทเสียกับการที่ไม่สามารถพูดได้ดั่งใจแล้วยังไปด่าอาจารย์ที่ให้เกรดตัวเอง
ทุกคนขวัญเสียเพราะรู้ว่าทั้งหมดเกิดจากการกระทำของเกนหลง
เต้ยยันตัวลุกขึ้นวิ่งหนีออกนอกห้องเรียนไปตามทาง ระหว่างที่ผ่านผู้คน
อวัยวะของเธอก็เหมือนจะไม่สามารถควบคุมได้อีกครั้ง
มือถูกบางสิ่งลากไปจับที่กระโปรงแล้วปลดมันลงมา
ทุกคนหันมามองตามสัญชาตญาณ
โดยเฉพาะผู้ชายก็เรียกเพื่อนมาดูด้วยความคบขัน
เต้ยพยายามขืนมือแต่ก็สู้แรงผีไม่ได้
เกนหลงจับมือของเธอมาสัมผัสส่วนหวงแหนอย่างจงใจให้อับอาย เต้ยน้ำตาคลอกลัวว่ากางเกงในจะหลุดออกมา
ระหว่างนั้นเองเทสกับมู่ก็วิ่งมาช่วยเอาตัวบัง
“เต้ย แกเป็นไรไหม?”
บัดนี้ สาวหัวโจกร้องไห้ด้วยความอาย
สายตาที่ผู้คนมองมาทำให้เธอรู้สึกด้อยค่า
ใครต่อใครได้เห็นเธอทำพฤติกรรมอนาจารไปแล้ว
บางคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปหญิงสาวเกือบเปลือยท่อนล่าง
มู่โวยวายแทนแล้วจะกระชากโทรศัพท์ชายเหล่านั้นไม่ให้ถ่ายภาพลามกที่ไม่ได้ตั้งใจของเพื่อน
“มึงหยุดถ่ายได้แล้ว กูบอกให้หยุดไง! ไม่เคยเห็นขาอ่อนคนหรือไงวะ?”
“ผู้ชาย” เกนหลงหันมามองเหยื่อ แล้วหันไปหากล้อง
“ยิ้มหน่อยสิเต้ย ดูสิ มีคนถ่ายรูปแกเยอะแยะเลย ได้โชว์ขาใหญ่ออกสื่อฟรี
ทั้งที่ปกติต้องจ้างคนมาดู ฉันทำให้แบบนี้แกน่าจะขอบคุณฉันนะ แล้วฉันก็คงต้องขอบคุณแกเหมือนกัน
ตอนฉันยังอยู่ไม่ได้ยิ้ม แต่พอเป็นผียิ้มได้ถึงหูเลยนะ”
“อีเลว!”
เต้ยตะโกนด่าทั้งน้ำตา เกนหลงยักไหล่
“เลวก็เลว งั้นอีผีเลวอย่างฉันทำอะไรต่อดี? คิวต่อไปเป็นใครดีล่ะ?”
......................................................................................................................................................
ตุ๊ดร่างใหญ่อยู่ในห้องแลป
ชีสอยู่คณะวิทยาศาสตร์เอกเคมีโทเทคโนโลยีการถ่ายภาพ ชอบพูดจาจีบปากจีบคอและคอยเหน็บคนที่ตัวเองไม่ชอบอยู่เสมอ
ทว่าตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะเหน็บใครเพราะกำลังระแวงว่าจะโดนจัดการ
ครั้นจะไม่มาทำงานก็ไม่ได้เพราะอาจารย์เร่งให้ส่ง
ปกติการทำงานนอกคาบจะมีนักศึกษาหรือทีเออยู่ในห้องไม่กี่คน
ทีเอหรือผู้ช่วยอาจารย์ ที่มักจะเป็นรุ่นพี่ปริญญาโท
จะคอยให้คำแนะนำระหว่างการทำงาน
ซึ่งถ้าเจอทีเอดีก็ถือว่าโชคดีเพราะจะช่วยเหลือให้งานสำเร็จได้
แต่ถ้าเจอทีเอไม่ดีก็ไม่มีประโยชน์
โดยปกติแล้วทีเอคนนี้จะตั้งใจทำงานและให้คำปรึกษาอยู่เสมอ
แต่วันนี้กลับมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป
ชีสเห็นยาแก้แพ้ถูกแกะวางอยู่
“พี่ง่วงมากเลย ขอไปพักก่อนนะ ชีสทำเองได้ใช่ไหม?”
“ได้ค่ะพี่ แล้วจะมีพี่คนไหนมาช่วยหนูไหมคะ?”
ชีสตอบแม้จะไม่ค่อยอยากให้อีกฝ่ายไปเพราะนั่นหมายถึงต้องทำงานเองโดยไม่มีใครให้คำแนะนำ
เธอเริ่มเอะใจเพราะชายหนุ่มตรงหน้าปกติแข็งแรงบุกป่าฝ่าดงชนิดช้างเหยียบยังไม่สะท้าน
แต่วันนี้กลับง่วงและคงซัดยาแก้แพ้ไปหลายเม็ด
“คงไม่มีใครช่วยได้หรอกนะ”
คำตอบนั้นทำเอาชีสใจเสีย จะรีบวิ่งแต่ชายหนุ่มก็หันมาด้วยแววตาเกรี้ยวกราดของสตรี
“อีเกน?”
“ฉันพาพี่เขาไปนอนก่อน รอแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวฉันจะกลับมา”
“ไม่ ฉัน...”
ร่างใหญ่ตั้งท่าจะวิ่งแต่คีมอันหนึ่งก็ลอยขึ้นมาฟาดหน้าจนล้มลง
ความเจ็บทำให้ชีสเสียจังหวะ กว่าจะลุกขึ้นมาเกนหลงก็นำร่างทีเอออกไปเรียบร้อย
ชีสตามไปพยายามจะเปิดประตูแต่เปิดไม่ได้ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดหาเพื่อนแต่ก็พบว่าไม่มีสัญญาณ
ตะโกนเรียกก็ไม่มีใครได้ยิน
มือหนาคว้าขาตั้งกล้องขึ้นตั้งใจจะทุบประตู
แต่ก็พบว่าขาตั้งเบาเกินไปและหักแทน
ชีสทุบประตูด้วยมือเปล่าอย่างบ้าคลั่ง
ทันใดนั้นวิญญาณร้ายก็เดินทะลุประตูสวนไป
“ด่าฉันสิ”
“อีเกน อีผีบ้า แกจะอะไรหนักหนา ตายไปสามปีแล้ว
ยังไม่ยอมไปผุดไปเกิดอีก” พูดได้เท่านั้นเกนหลงก็คว้าคีมอันเดิมขึ้นมาตบหน้า ชีสเจ็บร้าว
ยังไม่ทันตั้งตัวก็โดนผีสาวบีบคอเต็มแรงด้วยดวงตาแดงก่ำอันเต็มไปด้วยเส้นเลือดแตกระแหงอยู่ในนั้น
บ่งบอกได้ถึงความแค้นได้เป็นอย่างดี
“ปากอย่างแก มันไม่สมควรพูดได้อีกต่อไป”
“แกจะทำอะไร?”
“คิดว่าฉันควรจะทำกับอีคนที่ด่าฉันเสียหายยังไงดีล่ะหืม?” เกนหลงยกร่างใหญ่ขึ้นด้วยกำลังของวิญญาณ เธอใช้คีมเล็งไปที่ฟันหน้าของชีส
แน่นอนว่ามันย่อมดิ้นรนทั้งเท้าที่ลอยอยู่เหนือพื้น
เกนหลงกระชากออกจนฟันกระเด็นหลุดออกให้เลือดพุ่งเป็นสาย ชีสแหกปากร้องด้วยเลือดที่ทะลักออกจากปาก
“โอ๊ยยยยยย!!”
“อีเกน มึงมันร่าน มึงมันเป็นกะหรี่ จำได้ไหมว่าใครพูด?”
สาวผมดำจ้องลึกไปยังความหวาดกลัวของฝ่ายตรงข้ามและเลื่อนคีมไปยังฟันล่างบ้าง
เหมือนเดิม เกนหลงดึงฟันออกและเขวี้ยงทิ้งทีละซี่เหมือนแค่ถอนขนทิ้งเท่านั้น
ชีสร้องจนหมดแรงเมื่อฟันกระเด็นออกจากปากไปถึงหกซี่ด้วยกัน แค่คนทั่วไปถอนฟันซี่เดียว
มีทั้งทันตแพทย์ผู้ชำนาญและวางยาชายังเจ็บ แต่ตุ๊ดร่างใหญ่ต้องโดนถอนฟันอย่างป่าเถื่อนติดต่อกัน
โดยไม่มียาชาและยังมีเจตนาแก้แค้นอีกต่างหาก
เลือดนองย้อยลงมาจากปากถึงเสื้อ สภาพน่าอดสูยิ่ง
“จ้องหน้าเหรอ?
จ้องทำไม?
จ้องผู้หญิงขายตัวสำส่อนอย่างฉันทำไมห้ะ?”
“เกน... ฉันขอโทษ”
“แกก็รู้ว่าฉันไม่ได้ทำ
แต่แกกลับช่วยอีเต้ยด่าฉันให้เป็นตัวอะไรไม่รู้ ฉันเคยทำอะไรให้แกหา?” เกนหลงตะคอกลั่น
นึกถึงเรื่องในอดีตแล้วรับไม่ได้ “ทั้งที่ฉันไม่เคยทำร้ายแก ไม่เคยมีปัญหาต่อกัน แต่แกแกล้งฉันเพราะเหตุผลว่าหมั่นไส้
รู้ไหมว่าฉันเจ็บแค่ไหนที่โดนพวกแกแกล้งจนต้องมาตาย?”
“ฉันผิดไปแล้ว”
“แกไม่ได้รู้สึกผิดจริงหรอกชีส อย่ามาตอแหล”
วิญญาณร้ายส่ายหัวแล้วลากร่างใหญ่ไปยังกึ่งกลางฉากขาวคล้ายเป็นเวทีฆาตกรรมของเธอ
จากนั้นก็หยิบโต๊ะขึ้นฟาดร่างชีสหลายครั้งจนแน่นิ่ง เกนหลงปรายตามองคู่แค้นที่บัดนี้กำลังมาอยู่ในโลกหลังความตายเช่นเดียวกับเธอ
แต่การล้างแค้นยังไม่จบ เพิ่งผ่านไปแค่สองเท่านั้น
......................................................................................................................................................
ข่าวการตายของนักศึกษาคนที่สองแพร่กระจายไปทั่วประเทศ
เป็นที่จับตาอย่างยิ่งเพราะเพิ่งมีการตายในเวลาไม่นาน
และยังเป็นการฆ่าในมหาวิทยาลัยอีกต่างหาก
ทั้งการฆ่าก็ไม่ธรรมดาแต่เป็นการทรมานด้วยวิธีโรคจิต
อย่างครั้งนี้ก็เป็นการถอนฟันและลากไปฆ่ากลางฉาก
สภาพศพของตุ๊ดร่างใหญ่ไม่ต้องพูดถึง เลือดโชกตาเหลือกน่าผวา
ทีเอหนุ่มยืนยันว่าไม่รู้เรื่องและง่วงนอนตั้งแต่เช้า
พวกเต้ยแม้รู้ว่าใครเป็นต้นเหตุแต่ก็ไม่สามารถพูดได้เพราะจะทำให้เธอกลายเป็นคนบ้า
เรื่องแบบนี้มันเหลือเชื่อเกินไปที่จะบอกว่าผีตนหนึ่งฆ่าคนได้ ตำรวจมาสอบสวนแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า
ไม่มีรอยนิ้วมือหรือกระทั่งคนได้ยินเสียงร้องทั้งที่เหยื่อโดนขนาดนี้น่าจะต้องร้องบ้าง
เป็นเหมือนเดิม กล้องวงจรปิดเสียจากการถูกสัญญาณรบกวน
“ฉันว่าเราควรคุยกับอาจารย์น็อต”
“จะดีเหรอวะมู่?”
“เขาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเรานะเว้ย
และเขาเองก็รู้เรื่องอีเกนด้วย เราต้องช่วยกันว่ะ”
ความคิดเห็น