ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มึง F กู (E-Book)

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่๗ ผีแกล้งคน

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 61


    เต้ยกับเพื่อนเดินเข้ามานั่งในห้อง

    การตายของเพื่อนคนเดียวจะทำให้ทุกคนเสียอนาคตไม่ได้ ในเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะหมดปีการศึกษา เต้ยฟังที่อาจารย์พูดอย่างตั้งใจเพราะเป็นการบ้านสำคัญที่เป็นคะแนนเก็บถึงสิบเปอร์เซ็นต์ เธอเงยหน้าขึ้นจากกระดาษจบก็พบกับแผ่นหลังเปียกชื้นเหม็นฉุน เจ้าของร่างนั้นหมุนคอมาจ้องมอง

    ผีสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้า หมุนคอกลับมายิ้มให้ และใช้นิ้วเชือดคอตัวเอง

    “ยังหน้าด้านมาเรียนอีกเนอะ”

    ไม่ใช่แค่เต้ยที่เห็น แต่ทุกคนก็เห็นการกระทำนั้นด้วย

    ถ้าเป็นคนทั่วไปย่อมกลัว ผีเกนหลง ทว่าพวกเธอกลัว ผี เกนหลงความหมายของสองคำนี้มันช่างต่างกันนัก สภาพน่าผวาของเกนหลงแทบไม่ทำให้เต้ยรู้สึกอะไร ต่อให้จะแบกหนอนมาทั่วร่างก็ยังไม่สะท้าน แต่นี่เกนหลงมาพร้อมความแค้นอัดแน่น และเป็นความแค้นที่ฆ่าคนได้

    “เรียนสิ มีชีวิตอยู่ก็ตั้งใจเรียนหน่อย”

    เกนหลงไม่ต่างจากฆาตกรโรคจิต แต่เธอเป็นฆาตกรที่ไม่มีชีวิต ร่างอรชรนั้นนั่งอยู่โต๊ะหน้าและเคาะนิ้วไปเรื่อยแต่หันหน้ามาจ้องคู่แค้นด้วยท่าทีสบายใจ แตมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ก่อนจะลุกขึ้นหนีออกจากห้องเพราะรับความกดดันไม่ได้ เกนหลงฉีกยิ้มกว้างและจ้องเขม็งมายังพวกเต้ย

    สาวหัวโจกกัดฟันกรอด พยายามทำเป็นไม่เห็นวิญญาณร้าย

    เหมือนไม่ได้ดั่งใจ เกนหลงพุ่งเข้าไปชนจนเต้ยหงายหลังตกเก้าอี้ เต้ยปวดตุบบริเวณหลังจากการโดนกระแทก เธอคล้ายควบคุมการพูดของตัวเองไม่ได้และเอ่ยวาจาที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งออกไปในขณะที่อาจารย์จิ๋มกำลังสอนอยู่ แววตาถูกสวมทับด้วยความโกรธแค้นของเกนหลง

    “มองอะไรอีจิ๋ม? ไม่เคยเห็นแรดตกเก้าอี้หรือไงอีอ้วน?”

    “ก้าวร้าวเกินไปแล้วนะ!”

    “หนูไม่ได้พูดนะคะอาจารย์”

    “ไม่ได้พูดได้ยังไง? ฉันได้ยิน!”

    “หูมึงฟาดไปเองไหมอีแก่!?”

    “หุบปาก!

    “หนูไม่ได้... แก่แล้วแก่เลยนะมึง ถ้าว่างมากก็ไปตรวจการได้ยินหน่อยนะ จะได้ไม่หูฝาดได้ยินใครเขาเรียกว่าอีอ้วนอีแก่” เต้ยพยายามกัดริมฝีปากตัวเองแต่ก็ไม่เป็นผล เกนหลงบังคับการพูดของเธอได้ และเกนหลงก็กำลังยืนกรอกตาอยู่ด้านข้าง ต่างจากจิ๋มที่เกือบเป็นลมเพราะรับไม่ได้ที่โดนด่า

    เต้ยประสาทเสียกับการที่ไม่สามารถพูดได้ดั่งใจแล้วยังไปด่าอาจารย์ที่ให้เกรดตัวเอง ทุกคนขวัญเสียเพราะรู้ว่าทั้งหมดเกิดจากการกระทำของเกนหลง เต้ยยันตัวลุกขึ้นวิ่งหนีออกนอกห้องเรียนไปตามทาง ระหว่างที่ผ่านผู้คน อวัยวะของเธอก็เหมือนจะไม่สามารถควบคุมได้อีกครั้ง

    มือถูกบางสิ่งลากไปจับที่กระโปรงแล้วปลดมันลงมา

    ทุกคนหันมามองตามสัญชาตญาณ โดยเฉพาะผู้ชายก็เรียกเพื่อนมาดูด้วยความคบขัน เต้ยพยายามขืนมือแต่ก็สู้แรงผีไม่ได้ เกนหลงจับมือของเธอมาสัมผัสส่วนหวงแหนอย่างจงใจให้อับอาย เต้ยน้ำตาคลอกลัวว่ากางเกงในจะหลุดออกมา ระหว่างนั้นเองเทสกับมู่ก็วิ่งมาช่วยเอาตัวบัง

    “เต้ย แกเป็นไรไหม?

    บัดนี้ สาวหัวโจกร้องไห้ด้วยความอาย สายตาที่ผู้คนมองมาทำให้เธอรู้สึกด้อยค่า ใครต่อใครได้เห็นเธอทำพฤติกรรมอนาจารไปแล้ว บางคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปหญิงสาวเกือบเปลือยท่อนล่าง มู่โวยวายแทนแล้วจะกระชากโทรศัพท์ชายเหล่านั้นไม่ให้ถ่ายภาพลามกที่ไม่ได้ตั้งใจของเพื่อน 

    “มึงหยุดถ่ายได้แล้ว กูบอกให้หยุดไง! ไม่เคยเห็นขาอ่อนคนหรือไงวะ?”

    “ผู้ชาย” เกนหลงหันมามองเหยื่อ แล้วหันไปหากล้อง “ยิ้มหน่อยสิเต้ย ดูสิ มีคนถ่ายรูปแกเยอะแยะเลย ได้โชว์ขาใหญ่ออกสื่อฟรี ทั้งที่ปกติต้องจ้างคนมาดู ฉันทำให้แบบนี้แกน่าจะขอบคุณฉันนะ แล้วฉันก็คงต้องขอบคุณแกเหมือนกัน ตอนฉันยังอยู่ไม่ได้ยิ้ม แต่พอเป็นผียิ้มได้ถึงหูเลยนะ”

    “อีเลว!”

    เต้ยตะโกนด่าทั้งน้ำตา เกนหลงยักไหล่

    “เลวก็เลว งั้นอีผีเลวอย่างฉันทำอะไรต่อดี? คิวต่อไปเป็นใครดีล่ะ?”

    ......................................................................................................................................................

    ตุ๊ดร่างใหญ่อยู่ในห้องแลป  

    ชีสอยู่คณะวิทยาศาสตร์เอกเคมีโทเทคโนโลยีการถ่ายภาพ ชอบพูดจาจีบปากจีบคอและคอยเหน็บคนที่ตัวเองไม่ชอบอยู่เสมอ ทว่าตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะเหน็บใครเพราะกำลังระแวงว่าจะโดนจัดการ ครั้นจะไม่มาทำงานก็ไม่ได้เพราะอาจารย์เร่งให้ส่ง ปกติการทำงานนอกคาบจะมีนักศึกษาหรือทีเออยู่ในห้องไม่กี่คน

    ทีเอหรือผู้ช่วยอาจารย์ ที่มักจะเป็นรุ่นพี่ปริญญาโท จะคอยให้คำแนะนำระหว่างการทำงาน ซึ่งถ้าเจอทีเอดีก็ถือว่าโชคดีเพราะจะช่วยเหลือให้งานสำเร็จได้ แต่ถ้าเจอทีเอไม่ดีก็ไม่มีประโยชน์ โดยปกติแล้วทีเอคนนี้จะตั้งใจทำงานและให้คำปรึกษาอยู่เสมอ แต่วันนี้กลับมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป

    ชีสเห็นยาแก้แพ้ถูกแกะวางอยู่

    “พี่ง่วงมากเลย ขอไปพักก่อนนะ ชีสทำเองได้ใช่ไหม?”

    “ได้ค่ะพี่ แล้วจะมีพี่คนไหนมาช่วยหนูไหมคะ?” ชีสตอบแม้จะไม่ค่อยอยากให้อีกฝ่ายไปเพราะนั่นหมายถึงต้องทำงานเองโดยไม่มีใครให้คำแนะนำ เธอเริ่มเอะใจเพราะชายหนุ่มตรงหน้าปกติแข็งแรงบุกป่าฝ่าดงชนิดช้างเหยียบยังไม่สะท้าน แต่วันนี้กลับง่วงและคงซัดยาแก้แพ้ไปหลายเม็ด

    “คงไม่มีใครช่วยได้หรอกนะ”

    คำตอบนั้นทำเอาชีสใจเสีย จะรีบวิ่งแต่ชายหนุ่มก็หันมาด้วยแววตาเกรี้ยวกราดของสตรี  

    “อีเกน?”

    “ฉันพาพี่เขาไปนอนก่อน รอแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวฉันจะกลับมา”

    “ไม่ ฉัน...” ร่างใหญ่ตั้งท่าจะวิ่งแต่คีมอันหนึ่งก็ลอยขึ้นมาฟาดหน้าจนล้มลง ความเจ็บทำให้ชีสเสียจังหวะ กว่าจะลุกขึ้นมาเกนหลงก็นำร่างทีเอออกไปเรียบร้อย ชีสตามไปพยายามจะเปิดประตูแต่เปิดไม่ได้ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดหาเพื่อนแต่ก็พบว่าไม่มีสัญญาณ ตะโกนเรียกก็ไม่มีใครได้ยิน

    มือหนาคว้าขาตั้งกล้องขึ้นตั้งใจจะทุบประตู แต่ก็พบว่าขาตั้งเบาเกินไปและหักแทน

    ชีสทุบประตูด้วยมือเปล่าอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้นวิญญาณร้ายก็เดินทะลุประตูสวนไป

    “ด่าฉันสิ”

    “อีเกน อีผีบ้า แกจะอะไรหนักหนา ตายไปสามปีแล้ว ยังไม่ยอมไปผุดไปเกิดอีก” พูดได้เท่านั้นเกนหลงก็คว้าคีมอันเดิมขึ้นมาตบหน้า ชีสเจ็บร้าว ยังไม่ทันตั้งตัวก็โดนผีสาวบีบคอเต็มแรงด้วยดวงตาแดงก่ำอันเต็มไปด้วยเส้นเลือดแตกระแหงอยู่ในนั้น บ่งบอกได้ถึงความแค้นได้เป็นอย่างดี

    “ปากอย่างแก มันไม่สมควรพูดได้อีกต่อไป”

    “แกจะทำอะไร?”

    “คิดว่าฉันควรจะทำกับอีคนที่ด่าฉันเสียหายยังไงดีล่ะหืม?” เกนหลงยกร่างใหญ่ขึ้นด้วยกำลังของวิญญาณ เธอใช้คีมเล็งไปที่ฟันหน้าของชีส แน่นอนว่ามันย่อมดิ้นรนทั้งเท้าที่ลอยอยู่เหนือพื้น เกนหลงกระชากออกจนฟันกระเด็นหลุดออกให้เลือดพุ่งเป็นสาย ชีสแหกปากร้องด้วยเลือดที่ทะลักออกจากปาก

    “โอ๊ยยยยยย!!”

    “อีเกน มึงมันร่าน มึงมันเป็นกะหรี่ จำได้ไหมว่าใครพูด?”

    สาวผมดำจ้องลึกไปยังความหวาดกลัวของฝ่ายตรงข้ามและเลื่อนคีมไปยังฟันล่างบ้าง เหมือนเดิม เกนหลงดึงฟันออกและเขวี้ยงทิ้งทีละซี่เหมือนแค่ถอนขนทิ้งเท่านั้น ชีสร้องจนหมดแรงเมื่อฟันกระเด็นออกจากปากไปถึงหกซี่ด้วยกัน แค่คนทั่วไปถอนฟันซี่เดียว มีทั้งทันตแพทย์ผู้ชำนาญและวางยาชายังเจ็บ แต่ตุ๊ดร่างใหญ่ต้องโดนถอนฟันอย่างป่าเถื่อนติดต่อกัน โดยไม่มียาชาและยังมีเจตนาแก้แค้นอีกต่างหาก

    เลือดนองย้อยลงมาจากปากถึงเสื้อ สภาพน่าอดสูยิ่ง

    “จ้องหน้าเหรอ? จ้องทำไม? จ้องผู้หญิงขายตัวสำส่อนอย่างฉันทำไมห้ะ?

    “เกน... ฉันขอโทษ”

    “แกก็รู้ว่าฉันไม่ได้ทำ แต่แกกลับช่วยอีเต้ยด่าฉันให้เป็นตัวอะไรไม่รู้ ฉันเคยทำอะไรให้แกหา?” เกนหลงตะคอกลั่น นึกถึงเรื่องในอดีตแล้วรับไม่ได้ “ทั้งที่ฉันไม่เคยทำร้ายแก ไม่เคยมีปัญหาต่อกัน แต่แกแกล้งฉันเพราะเหตุผลว่าหมั่นไส้ รู้ไหมว่าฉันเจ็บแค่ไหนที่โดนพวกแกแกล้งจนต้องมาตาย?

    “ฉันผิดไปแล้ว”

    “แกไม่ได้รู้สึกผิดจริงหรอกชีส อย่ามาตอแหล”

    วิญญาณร้ายส่ายหัวแล้วลากร่างใหญ่ไปยังกึ่งกลางฉากขาวคล้ายเป็นเวทีฆาตกรรมของเธอ จากนั้นก็หยิบโต๊ะขึ้นฟาดร่างชีสหลายครั้งจนแน่นิ่ง เกนหลงปรายตามองคู่แค้นที่บัดนี้กำลังมาอยู่ในโลกหลังความตายเช่นเดียวกับเธอ แต่การล้างแค้นยังไม่จบ เพิ่งผ่านไปแค่สองเท่านั้น

    ......................................................................................................................................................

    ข่าวการตายของนักศึกษาคนที่สองแพร่กระจายไปทั่วประเทศ

    เป็นที่จับตาอย่างยิ่งเพราะเพิ่งมีการตายในเวลาไม่นาน และยังเป็นการฆ่าในมหาวิทยาลัยอีกต่างหาก ทั้งการฆ่าก็ไม่ธรรมดาแต่เป็นการทรมานด้วยวิธีโรคจิต อย่างครั้งนี้ก็เป็นการถอนฟันและลากไปฆ่ากลางฉาก สภาพศพของตุ๊ดร่างใหญ่ไม่ต้องพูดถึง เลือดโชกตาเหลือกน่าผวา

    ทีเอหนุ่มยืนยันว่าไม่รู้เรื่องและง่วงนอนตั้งแต่เช้า

    พวกเต้ยแม้รู้ว่าใครเป็นต้นเหตุแต่ก็ไม่สามารถพูดได้เพราะจะทำให้เธอกลายเป็นคนบ้า เรื่องแบบนี้มันเหลือเชื่อเกินไปที่จะบอกว่าผีตนหนึ่งฆ่าคนได้ ตำรวจมาสอบสวนแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีรอยนิ้วมือหรือกระทั่งคนได้ยินเสียงร้องทั้งที่เหยื่อโดนขนาดนี้น่าจะต้องร้องบ้าง

    เป็นเหมือนเดิม กล้องวงจรปิดเสียจากการถูกสัญญาณรบกวน

    “ฉันว่าเราควรคุยกับอาจารย์น็อต”

    “จะดีเหรอวะมู่?”

    “เขาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเรานะเว้ย และเขาเองก็รู้เรื่องอีเกนด้วย เราต้องช่วยกันว่ะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×