คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่๔ คราขึ้น
เจ้าประพันธ์เห็นเจ้ารตีชอบแต่งกลอนจึงแต่งเกี้ยวไปว่า
"พี่นี้เพียงพะวงแต่องค์เหลา พี่นี้เฝ้าหลงรักเป็นหนักหนา
หน้าน้องนวลผ่องพรรณดั่งจันทรา ทั่วโลกานารีไม่มีทัน
พี่จะไม่เคียงข้างหญิงนางอื่น แม้เป็นหมื่นแสนปีไม่มีผัน
เพราะใจอยู่บูชารูปลาวัณย์ เฝ้าใฝ่ฝันมั่นคงซื่อตรงจริง"
และเจ้ารตีก็ตอบกลับอย่างฉับไว
"อันไมตรีพี่ให้ก็ใช่เกลียด แม้ยัดเยียดอุกอาจอย่างชาติสิง
ลองฉันชังเจ็บใจคงไล่ยิง ขอติติงพี่ยาอย่าว่ากัน
พี่มัวเพลินหลงฉันแต่วันเก่า ฉันจะเย้าพี่ยาผู้น่าขัน
มีดอกไม้ในมือไม่ถือมัน ถึงใฝ่ฝันแต่รตีไม่ทาง
ฉันรักพี่แท้นะเยี่ยงสหาย ใช่หญิงชายใช่วิวาทหรือบาดหมาง
จากใจจริงภักดีไม่มีจาง แต่เคียงข้างอย่างเมียจะเพลียใจ
มิตรภาพเป็นของเราสองนี้ จงอยู่ดีมั่นคงอสงไขย
เจ้าพี่เรียกฉันบ้างแต่ทางใด ฉันขอไปเคียงบาทประพาสตาม"
เป็นที่รู้กันว่าดอกไม้ที่เจ้ารตีหมายถึงคือดอกเฟื่องฟ้า ผู้หญิงที่เจ้าเห็นว่าเหมาะสมที่สุดและคู่ควรกับเจ้าประพันธ์ทุกประการ แม้เจ้าประพันธ์จะได้รับการตอบกลับเช่นนั้นแต่ก็ไม่ได้ย่อท้อและยังพยายามตื้อเจ้ารตีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน "ก็น้องรตีไม่เคยไล่ฉันแม้แต่ครั้งเดียว ฉัาจะทอดทิ้งความหวังได้อย่างไร ฉันรักน้องรตี"
แม้จนถึงทุกวันนี้ที่เจ้ารตีล่วงลับไปแล้วและเจ้าประพันธ์ก็เริ่มเข้าสู่วัยชรา เจ้าประพันธ์ก็ยังเรียกเจ้ารตีว่า "น้องรตี" เสมอ ราวกับภาพความทรงจำของเจ้าประพันธ์ "ยังคงหยุดอยู่ที่ภาพที่ฉันเจอน้องรตีวันแรก น้องรตีที่สวยจนฉันคิดว่าฉันฝันไป น้องรตีที่ทำอะไรก็เก่งทุกอย่าง โลกนี้ไม่มีใครเทียบเทียมน้องรตีได้อีก"
......................................................................................................................................................
ผมเห็นด้วยว่าโลกนี้ไม่มีใครเทียบเทียมเจ้าอาได้จริง ๆ
ในขณะที่เจ้าจินดายัง “หลงผิด” ว่าครรลองไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนัก พ่อเจ้าอดิศวรยังลังเล เจ้ารตีกลับดูออกว่าครรลองจะ “ทำชั่ว ยึดอำนาจ กดขี่ประชาชน สมคบชาวต่างชาติ ขายชาติขึ้นเป็นใหญ่” ทั้งยังพยายามคัดค้านโครงการต่าง ๆ ที่ครรลองเสนอจนเจ้าประชาด่าไปว่า “เป็นฝ่ายในไม่อยู่ฝ่ายใน ออกมาเพ่นพ่านประจานตัว”
รเณศที่ขุ่นข้องหมองใจที่ถูกเจ้ารตีปฏิเสธได้ทีจึงด่าซ้ำ “นอกจากยโสโอหังยังไม่รู้จักธรรมเนียมบ้านธรรมเนียมเมือง” พอเจ้ารตีจะถามถึงสิทธิ์โดยย้ำเรื่องชาติกำเนิด เจ้าเลอโฉมจึงเอ่ยปากโต้ตอบเองทั้งยิ้มนิด ๆ “ไม่เหมาะสม ทำเหมือนผู้ใหญ่เป็นหัวหลักหัวตอ จะทำให้พ่อเจ้าขายหน้า”
เจ้ารตีจึงไปฟ้องพ่อเจ้า ตัดพ้ออะไรต่อมิอะไรอยู่หลายวัน พ่อเจ้าทั้งรักทั้งเอ็นดูหลานคนโปรดและเพราะสงสารเรื่องการสิ้นไปของเจ้าสืบที่เป็นที่พึ่งหนึ่งของเจ้ารตี พ่อเจ้าแต่งตั้งเจ้ารตีขึ้นในฐานะ “ให้เป็นฝ่ายหน้าไป ใครจะได้ไม่มาลามปามรตีอีก หลานฉันดี ฉันรักฉันภูมิใจของฉัน”
วันนั้นคือวันที่เจ้ารตีได้ขึ้นถึงที่สุด
การที่พ่อเจ้าอดิศวรแต่งตั้งเจ้ารตีขึ้นเป็น “เจ้าราชบุตร” ซึ่งแม้แต่เจ้าประชายังไม่ได้เป็น นับเป็นเรื่องประหลาดที่ผู้คนยากจะยอมรับได้และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหู เจ้ารตีในวัยยี่สิบปีนุ่งผ้ากรองทองสง่างามราวนางฟ้านางสวรรค์ ได้รับเกียรติให้ติดตามพ่อเจ้าไปทุกที่ เจ้าประพันธ์ชมโฉมไว้ว่า
“รตีอย่างหยาดเยิ้ม ชวนชม
คิดใคร่ใจขื่นขม พร่ำเพ้อ
คิดใคร่คลั่งอารมณ์ เกินกว่า บรรเทา
กลัวจะให้รอเก้อ อดเอื้อมอย่างฝัน
ผิวพรรณผุดผ่องแพร้ว พรรณราย
สนเท่ห์สวาทสาย สุดแล้ว
ลืมสิ้นทุกหญิงชาย หน่ายหนัก รำคาญ
โหยห่วงแต่ดวงแก้ว ห่วงให้ปรารถนา
หาไหนหรือเปรียบปั้น เอวองค์
นึกเนตรนิลใหลหลง คลั่งไคล้
สันนาสิกคู่ขนง คมอย่าง กรีดใจ
กี่กุศลผลส่งให้ ดอกฟ้าเอ็นดู
เรียนรู้ตริแต่งแต้ม เขียนความ
กราบจบทั้งภพสาม จากเกล้า
ใครสั่งเสกได้ตาม มาเลศ เพียงเงา
ขอกราบลงแทบเท้า เพราะเจ้าไร้สอง
พ่อเจ้าอดิศวรโปรดเจ้ารตีมาก ออกกฎให้ลำดับโปเจียมจากเดิมที่เป็น “พ่อเจ้าอดิศวร เจ้าจินดา เจ้าประชา เจ้าเลอโฉม เจ้ารชต เจ้ารสิก เจ้ารตี” เปลี่ยนเป็น “พ่อเจ้าอดิศวร เจ้าจินดา เจ้าประชา เจ้ารตี เจ้าเลอโฉม เจ้ารชต เจ้ารสิก” แทน ทำเอาเจ้าเลอโฉมหัวเสียจนเก็บสีหน้าไว้ไม่อยู่
ตามธรรมเนียมสวรรยาราช คู่สมรสของเจ้าไม่ว่าชายหรือหญิงจะเดินข้างเจ้าที่เป็นสามีภรรยาโดยเยื้องไปทางซ้าย ตามหลังสักสองก้าว ส่วนลูกหลานที่ไม่ใช่เจ้าจะเดินตามหลังสุด รเณศที่เกลียดเจ้ารตีเมื่อต้องเดินตามหลังยิ่งกว่าหลังก็อาละวาดชุดใหญ่จนฉาวไปทุกคุ้ม
คุณสุนทรแม้จะรักเจ้ารตีเพียงใดแต่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งเจ้ารตีเพราะมองว่า “เจ้ารตีบารมีไม่มากพอจะขึ้นครองตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น สิ้นเจ้าสืบไปแล้ว ถ้าสิ้นพ่อเจ้าไปเมื่อไร ก็ไม่ต่างจากคนไร้แขนไร้ขา ยากจะรับมือศัตรูที่มีอยู่รอบทิศได้” จึงแต่งโคลงเตือนเจ้ารตี
“แม้นไม่ใช่ลูกเต้า เหลนหลาน
แต่อยู่กันมานาน ชิดใกล้
บังอาจตักเตือนปาน เป็นพ่อ เจ้าเอย
ดีเด่นก็ดับได้ ตรึกไว้เตือนใจ”
และโคลงของเจ้ารตีก็บ่งบอกว่าเจ้ารตีรู้อยู่แล้วว่าการที่ตัวเองได้ขึ้นเป็นเจ้าราชบุตร ได้ยศจะนำมาซึ่งความยากลำบากในภายภาคหน้าเพราะผู้ริษยาย่อมหาโอกาสกำจัด แต่เจ้ารตีก็ยังยืนยันที่จะเข้ามาสู่ตำแหน่งนี้เพื่อคัดค้านการทุจริตของครรลองเพราะห่วงใยประชาชนที่ต้องเป็นเหยื่อ
“แม้นไม่ใช่พ่อแท้ แม่จริง
ฉันรักใคร่อย่างยิ่ง พ่อแล้ว
หลากอริชายหญิง อยู่รอบ เรามา
วันหนึ่งคงไม่แคล้ว บดบี้ขยี้ฟัน
ฉันรู้ว่าโลกร้าย ปรวนแปร
มารหมู่คอยรังแก กลั่นแกล้ง
ชาติเป็นดั่งดวงแด ดวงจิต ฉันนา
ฉันจึ่งขอคิดแย้ง ต่อสู้ศึกอสูร”
และเพราะเจ้ารตีมีจิตใจเมตตาต่อชาวบ้านชาวเมือง คอยแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อนต่าง ๆ จึงเป็นที่ยอมรับของผู้คน เจ้ารตีอ่านคนขาด แต่พลาดที่ใดก็ไม่อาจทราบได้จึงต้องมีจุดจบเช่นนั้น สิ่งเดียวที่เจ้ารตีผู้สมบูรณ์พร้อมขาดไปคือเจ้ารตีไม่มีพันธมิตรใด ๆ เลย แต่มีศัตรูไปแล้วทั่วอาณาบริเวณ
คุณสุนทรถามเจ้ารตีว่าหากได้เป็นแม่เจ้าจริง ๆ แล้วจะแต่งงานหรือไม่ เจ้ารตีก็ปฏิเสธโดยแทบไม่ต้องคิด และเมื่อคำถามต่อมาคือแล้วใครจะเป็นรัชทายาท เจ้ารตีก็ตอบว่า “ก็ต้องจักรเทพสิ ฉันเลี้ยงของฉันมาให้เป็นใหญ่ คนอื่นนำสวรรยาราชไม่ได้หรอก จะให้ใครหรือ?”
“เออ มันก็นำกันไม่ได้จริง ๆ”
ถ้ายกราชสมบัติให้เจ้าประชา นั่นคือยกให้ครรลอง ถ้ายกราชสมบัติให้เจ้าเลอโฉม นั่นคือยกให้จำเริญ ถ้ายกราชสมบัติให้เจ้าจินดา รายนั้นก็ไม่เอาแน่ ๆ แต่ถ้ายกราชสมบัติให้เจ้ารตี ปัญหาคืออุดมการณ์ดีแต่ขาดผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งพอ เห็นได้ว่าไม่ว่าทางไหนก็ดูมีปัญหาหนักอกหนักใจไปหมด
เพราะเจ้ารตีมีย่าเป็นชาวใต้ แม่เป็นสามัญชน ซ้ำพ่ออย่างเจ้าเหย้าก็เป็นคน “พูดจาหยาบคาย อารมณ์ร้ายแทบไม่ต่างจากเจ้าประชา ยังดีที่ไม่ค่อยลงไม้ลงมือ แต่เป็นคนน้อยเนื้อต่ำใจและโทษทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก อยากเป็นใหญ่แต่ไร้ความสามารถจึงต้องอยู่อย่างเซา ๆ”
ความผูกพันระหว่างคุณสุนทรกับเจ้ารตีไม่ต่างจากพ่อลูก คุณสุนทรพยายามแล้วที่จะหาพันธมิตรแต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเพราะไม่ได้มีเงินทองกองเป็นภูเขาล่อตาล่อใจอย่างคนอื่น ทั้งก็พอเดาได้ว่าเจ้ารตีจะมีบารมีอยู่เพียงช่วงที่พ่อเจ้าอดิศวรยังอยู่เท่านั้น สิ้นพ่อเจ้าแล้วเจ้ารตีคงไม่พ้นโดนสำเร็จโทษ
เพราะเจ้ารตีงดงามมากจนเกินไป ใครเห็นก็หลงใหลไปหมด แต่เมื่อไม่สมใจก็กลายเป็นความเกลียดชังหวังแช่งชักหักกระดูก ซึ่งด้วยนิสัยของเจ้ารตีแล้ว “เอาเถอะ จะฆ่าฉันก็ฆ่าไป ฉันไม่ได้กลัวตาย ขอทำประโยชน์ให้มากก่อนตายพอ แต่จะให้ไปเป็นเมียใครฉันไม่เอาด้วยหรอก”
เจ้ารตีถอนหายใจนั่งอ่านหนังสือจนถึงดึก ๆ ดื่น ๆ เพื่อหาความรู้มาช่วยเหลือชาวบ้านชาวเมืองรวมถึงคิดวิธีขัดขวางคนเลวอย่างครรลอง เจ้าจินดาหัวเสียว่า “เด็กนี่เอาแต่หาเรื่อง อยากเด่นอยากดัง” ทั้งสั่งเจ้าประพันธ์ว่า “ผู้หญิงมีตั้งเยอะตั้งแยะ จะไปเอามาทำไม รตีมีแต่ปัญหา ถ้าไปมาหาสู่อีกจะตัดพ่อตัดลูก”
เจ้าประพันธ์ไม่สนใจคำสั่งของเจ้าจินดาเพราะ “ฉันรักน้องรตีสุดสวาทขาดดิ้น ไม่มีทางจะเลิกรักได้ ฉันไม่ได้สนใจเลยว่าใครดีใครเลว ตอนนั้นคิดว่าการเมืองไกลตัวนัก คิดแค่ว่าถ้าน้องรตีไม่อยากวุ่นวาย ฉันก็มีเงินมีทองพอจะดูแลน้องรตี แต่ถ้าน้องรตีอยากเป็นแม่เจ้า ฉันก็พร้อมอยู่เคียงข้างน้องรตี”
และเพราะอยากให้เจ้ารตีเห็นว่าตนเป็นสุภาพบุรุษที่พึ่งพาได้ เจ้าประพันธ์จึงหัดศึกษาเรื่องการบ้านการเมืองไว้บ้าง ทำเอาเจ้าจินดาปวดเศียรเวียนเกล้าเที่ยวบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้าประพันธ์เปลี่ยนใจ “จะไปรักหมูรักหมาก็รักไป ถ้ารักรตีแล้ว สักวันบ้านเราต้องฉิบหายเพราะรตีแน่”
ทั้งที่เจ้ารตีบริสุทธิ์แต่กลับถูกใครต่อใครตั้งแง่ อย่างร้ายก็หมายหัว เจ้าประชากับรเณศมองปานจะฉีกเนื้อเป็นชิ้น ๆ พ่อเจ้าอดิศวรเหนื่อยหน่ายนักเพราะขุนนางทหารที่จงรักภักดีจริง ๆ มีน้อย ที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงมีมาก และแม้ตนจะเป็นใหญ่สุดใช่ว่าจะจัดการทุกอย่างได้ตามใจปรารถนา
“แสนสงสารหลานรตีฤดีปู่ มานึกดูใจปวงก็ห่วงหา
หลานรตีเทียบแล้วกว่าแก้วตา ถนอมมารักห่วงดั่งดวงใจ
คนอื่นกลับเกลียดชังคอยคลั่งแค้น ทั้งดินแดนหากสิ้นปู่จะอยู่ไหน
กลัวคนชั่วอัปรีย์ย่ำยีไป ผิวยองใยเทียบทองจะหมองวรรณ
ขอฝากฝังดินฟ้านภาแสน คุ้มครองแทนยามโลกนี้ไม่มีฉัน
ให้เจ้าเป็นรานีโสภีพรรณ สร้างสุขสันต์แก่เมืองประเทืองพร
อย่าให้ใครทำร้ายแม้ปลายผม เจ้าเหมาะสมครองรัฐประภัสสร
ช่วยดูแลเอาบุญนะสุนทร ราษฎรจะสุขีเปรมปรีดิ์เอย”
เป็นอันว่าในสายตาของพ่อเจ้าอดิศวรแล้ว เจ้ารตีเหมาะสมกับการขึ้นครองสวรรยาราชทุกประการเพราะเจ้ารตีจะทำให้ประชาชนอยู่ดีมีความสุข เจ้ารตีเองก็พยายามสุดความสามารถที่จะไปให้ถึงจุดนั้นจึงคิดจะสร้างสิ่งต่าง ๆ มากมายเพื่อให้บ้านเมืองทันสมัย ผู้คนอยู่ดีกินดี คงมีเอกราชเอาไว้ได้
เจ้ารตีได้อยู่ในตำแหน่งเจ้าราชบุตรเพียงสามปี
ความคิดเห็น