ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รติมารตี

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่๓ ชายที่ใครก็ปรารถนา

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 64


    น่าเสียดายเจ้ารตีอยู่ไม่ทันผมโต 

    การดื่มสุราทำให้เจ้าประชากับเจ้าเลอโฉมตำหนิติเตียนแต่เมื่อพ่อเจ้าไม่ว่าอะไรใครจะว่าอะไรได้มาก สุดท้ายก็ซาไป เจ้ารตีแม้ดื่มหนักแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เจ้าดองเหล้ากับผลไม้ที่ปลูกในสวนจนระเบิด ไม่รู้ระเบิดได้อย่างไร แต่ผมกับคุณสุนทรต้องช่วยกันเก็บกวาดยกใหญ่เพราะกลัวโดนดุ

    ส่วนที่ว่าเจ้ารตีไปหัดดื่มมาจากไหน เจ้าสืบบอกว่า "ตอนนั้นมันมีคนเอามาให้ เหล้าดี ก็เลยเอาไปดื่มกับพ่อเจ้าตอนหนาว ๆ ผิงไฟดื่มเหล้า ปั้นข้าวจี่ย่างกินเพลิน ๆ พ่อเจ้าคงอยากแกล้งหลานเลยยุเล่น ๆ แต่รตีดื่มจริง ๆ คอแข็งด้วย ถ้าเป็นตอนหนุ่ม ๆ ฉันคงสู้ได้หรอก แต่นี่ฉันแก่แล้ว ให้รตีชนะไป" 

    พูดถึงสวน ต้นไม้ในสวนของเจ้ารตีมีต้นใหญ่ ๆ มากมายไม่เว้นแม้แต่ต้นโพธิ์ต้นไทร เจ้ารตีปลูกดอกไม้หลายชนิด เช่น ต้นกุหลาบ ต้นกาสะลอง ต้นสารภี ต้นกล้วยไม้ ทำให้คุ้มของเจ้ารตีหอมกว่าคุ้มของใคร ๆ เจ้ารตีมีความชำนาญเรื่องต้นไม้หรือแม้แต่สมุนไพรที่ใช้ทำยา ซึ่งเรื่องเหล่านี้เรียนมาจากคุณสุนทร 

    "เมื่อก่อนตอนเป็นทหารต้องบุกป่าฝ่าดงไปหมด แทบจะเป็นเพื่อนกับต้นไม้" คุณสุนทรยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ คุณสุนทรยังเป็นธุระหาเมล็ดพันธุ์มาให้เจ้ารตีปลูก เจ้ารตีมีแปลงผักสวนครัวรวมถึงผลไม้อย่างพวกส้ม ซึ่งเจ้ารตีมักให้ผมไปเก็บมากินด้วยกัน ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่พวกเรามีความสุขกันมากจนคิดว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนไป 

    คำว่าพวกเราที่ผมหมายถึง ก็มี ผม คุณสุนทร เจ้ารตี เจ้าสืบ พ่อเจ้า พวกเราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน และการมีเจ้ารตีทำให้ผมไม่รู้สึกอ้างว้างแม้จะสูญเสียพ่อแม่ไปในสายน้ำ ผมยังคิดเลยว่าถ้าสวรรค์มีจริง การได้นั่งอยู่ข้าง ๆ นางฟ้าอย่างเจ้ารตีในคุ้มแห่งนี้ก็คงไม่ต่างจากสวรรค์ในคัมภีร์ศาสนาต่าง ๆ 

    พูดถึงส้มที่เจ้ารตีปลูก ส้มมีรสอร่อยจริง ๆ หวานฉ่ำ เปรี้ยวไม่มาก เจ้ารตีปลูกได้มากจึงให้คุณสุนทรเอาไปแจกบ่าวไพร่ซึ่งทุกคนก็รออย่างใจจดใจจ่อ ผมแอบกินไปหลายผล ตอนนั้นก็คิดว่าเจ้ารตีไม่รู้ ตอนโตมาถึงได้รู้ว่าเจ้ารู้นั่นแหละแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ให้ผมได้สนุกกับการแอบกินผลไม้ "จะได้ตื่นเต้น ไม่น่าเบื่อ" 

    เจ้ารตีไม่ประทินผิวนัก แต่เจ้ารตีใช้น้ำหอมจึงหอมแรงเหมือนดอกไม้และผสานกลิ่นไม้อ่อน ๆ ดูสดชื่น ผมรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้กลิ่นหอมของเจ้ารตี และโชคดีเหลือเกินที่ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไรเจ้ารตีก็ยังหาน้ำหอมนี้มาใช้ได้ น้ำหอมที่ผมใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นของเจ้ารตี 

    บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเจ้ารตีงามน้อยกว่านี้หน่อยหนึ่ง เจ้ารตีอาจไม่ถูกริษยาจนต้องเผชิญกับเรื่องแย่ ๆ ที่ตอนนั้นผมเด็กและอ่อนแอเกินกว่าจะคุ้มครองใครได้ เจ้ารตีอาจจะยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ ไม่ใช่เหลือแค่รูปปั้นให้ผู้คนกราบไหว้บูชาอย่างที่เป็นกัน 

    ......................................................................................................................................................

    ความวุ่นวายส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะเจ้าประพันธ์กลับสวรรยาราช 

    เจ้าประพันธ์ไปเรียนไกลถึงเมืองนอกเมืองนาและจัดว่าเป็นเจ้ารุ่นเยาว์ที่ศักดิ์สูงที่สุดและหล่อเหลาที่สุด ไม่แปลกที่สาว ๆ จะพากันเคลิบเคลิ้มหลงใหลใฝ่ฝันอยากเป็นชายาหรือแม้แต่หม่อมก็ยังดี เจ้าประพันธ์มีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว ค่อนข้างสำอาง แววตากรุ้มกริ่มมีเสน่ห์ดูเจ้าชู้ไม่เบา 

    สิ่งที่เจ้าจินดาหวาดกลัวที่สุดคือกลัวเจ้าประพันธ์จะไปหลงรักเจ้ารตีและต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง เพราะด้วยนิสัยของเจ้ารตีตอนนั้นแล้ว จะให้ยอมมาเป็นเมียใครนั่งกินนอนกินคงไม่มีทางแน่ เจ้ารตีหมายมั่นถึงการได้ขึ้นครองเมืองในฐานะแม่เจ้าองค์แรกแห่งสวรรยาราชโดยไม่ต้องพึ่งบารมีชายผู้เป็นสามี 

    ถ้าเจ้ารตีได้ขึ้นเป็นแม่เจ้าจริง ๆ สวรรยาราชคงไม่ต้องจมวิกฤตไปช่วงใหญ่ 

    เจ้าประชาไปคบค้ากับขุนนางที่ชื่อครรลอง เจ้ารตีดูออกแต่แรกว่าครรลองไม่ใช่คนดีและจะเป็นภัยต่อบ้านเมืองในภายภาคหน้าจึงบอกพ่อเจ้าอดิศวรไปตามตรง แต่พ่อเจ้าก็ยังพะว้าพะวงเพราะครรลองเองก็มีพรรคพวกเส้นสายเหนือจรดใต้ เป็นพ่อค้าที่ใกล้ชิดกับเจ้าจินดามากเสียจนเจ้าจินดาไม่เห็นความอันตรายนั้น 

    เจ้าจินดามีสะใภ้ในอุดมคติอยู่คนหนึ่งนั่นก็คือเฟื่องฟ้า หญิงงามคนนี้เป็นลูกสาวเพื่อนสนิทของหม่อมมะเฟือง หลังจากที่พ่อแม่แท้ ๆ ของเฟื่องฟ้าตาย หม่อมมะเฟืองจึงขอมาเลี้ยงไว้ด้วยความเอ็นดู เฟื่องฟ้ากับเจ้าประพันธ์เติบโตมาด้วยกันและใคร ๆ ก็ดูออกว่าเฟื่องฟ้ามีใจให้เจ้ามาตั้งแต่เด็ก มั่นคง ไม่ผันแปร 

    เมื่อเฟื่องฟ้ารู้ว่าเจ้าจะกลับมา เฟื่องฟ้าลงมือตั้งสำรับอาหารของหวานมากมาย ร้อยมาลัยจัดห้องหับต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เฟื่องฟ้าอาจจะไม่ได้จัดว่างามหยาดฟ้ามาดินแต่ก็งามละมุนละไม กิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวานเป็นกุลสตรี มีผู้ชายมาด้อม ๆ มอง ๆ หลายคนแต่เฟื่องฟ้าไม่เคยมองชายอื่นแม้แต่หางตา 

    เจ้าประพันธ์กลับมาถึงคุ้มพร้อมกับของขวัญมากมายที่ตั้งใจซื้อมาฝากพ่อแม่พี่น้อง เห็นเฟื่องฟ้านั่งยิ้มอยู่ปลายแถวจึงนึกขึ้นได้ว่า "ตอนนั้นลืมเฟื่องฟ้าไปเสียสนิท แต่เห็นนั่งมองอยู่อย่างนั้น จะไม่ให้ก็ดูจะใจจืดใจดำ ฉันสวมแหวนทองเนื้อเกลี้ยงอยู่วงนึก จึงโกหกว่าซื้อมาฝากแล้วให้ไป เฟื่องฟ้าจึงยิ้มจนตาปิด" 

    กระนั้นเจ้าประพันธ์ก็ไม่ได้สนใจลำดวมากนักเพราะขึ้นชื่อว่าหญิงงามก็มีทั่วไป ใช่ว่าตอนเรียนเมืองนอกเมืองนาแล้วจะไม่เคยเห็น แต่ถ้าเป็นหญิงที่ขึ้นชื่อลือชาว่างามสุด ๆ ก็อีกเรื่องหนึ่ง "ตอนนั้นก็คึกคะนองตามประสา ถามบ่าวหนุ่ม ๆ ว่าคุ้มไหนมีสาวสวยชื่อเสียงเรียงนามอย่างไร บ่าวบอกว่ามี รดา แล้วก็เจ้ารตี" 

    เพราะคุ้นเคยกับเจ้าเลอโฉมอยู่บ้าง เจ้าประพันธ์จึงไปเยือนคุ้มนั้นและได้พบกับรดาสมใจอยาก ตอนนั้นเจ้าประพันธ์เอ่ยว่า "รดางามขนาดนี้ สวรรยาราชไม่จำเป็นต้องมีหญิงอื่นแล้ว" เจ้าประพันธ์เกี่ยวรดาแม้จะดูออกว่ารมัยเองก็มีใจให้ไม่น้อย จึงเกี้ยวทั้งสองคนซึ่งเจ้าเลอโฉมเองก็ไม่ว่าอะไร 

    ธรรมเนียมสวรรยาราชตอนนั้นแม้ชายจะมีเมียได้หลายคนแต่ก็ไม่นิยมมีมาก ๆ ถ้าร่ำรวยหน่อยสักสองสามคนหรือไม่ก็สี่ เจ้าจินดากับเจ้าประชานับว่ามีมากกว่าปกติและถูกติฉินนินทาอยู่ลับ ๆ แต่เมื่อชายาและหม่อมของเจ้าจินดาปรองดองกันดีคนนอกจึงหมดช่องโจมตี ส่วนเจ้าประชาก็โหดเหี้ยมจนเสียงนิทาเงียบงัน 

    เจ้าเลอโฉมคงเห็นว่าเจ้าประพันธ์ดีที่สุดแล้วจึงยินดีให้ไปมาหาสู่ เป็นรดากับรมัยที่ขุ่นข้องหมองใจและไม่อยากมีสามีคนเดียวกัน เจ้าประพันธ์ในตอนนี้ยังเสียใจกับการกระทำในอดีต "ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดว่ามีหลาย ๆ เมียแล้วจะโก้ ฉันรักพี่เสียดายน้อง รดาก็สวย รมัยก็สดใส ก็กะจะแต่งด้วยทั้งสองคนนั่นแหละ" 

    ส่วนเฟื่องฟ้านั้น เจ้าประพันธ์ได้แต่หัวเราะ "รู้ว่าชอบ แต่ตอนนั้นไม่ได้สนใจเลย ฉันชอบสองพี่น้องคุ้มนั้นมากกว่า ยังคิดประสาชายเห็นแก่ตัวอีกว่าถ้าได้แต่งกับสองคนนั้นแล้ว จะรับเฟื่องฟ้าเป็นหม่อมอีกคนก็คงไม่มีใครกล้าว่าอะไร เห้ย ไอ้พวกหนุ่ม ๆ อย่าทำตามฉันเชียว ฟังไว้เป็นบทเรียนเถอะลูกหลาน" 

    เจ้าประพันธ์ไม่ได้นึกถึงเจ้ารตี เจ้าจินดาจึงเบาใจขึ้นมากเพราะถ้าได้รดากับรมัยก็ไม่เลวร้ายอะไร จะสงสารก็แต่ "นึกแล้วเวทนาเฟื่องฟ้า มันรักของมันมาตั้งแต่เด็ก เห็นมันร้องห่มร้องไห้ทุกวันทุกคืน ไอ้ประพันธ์มันก็ไม่ได้เหลียวแล มัวแต่ไปมาหาสู่คุ้มนั้น มีแต่ฉันกับมะเฟืองต้องช่วยกันปลอบ" 

    แต่แล้วก่อนที่เจ้าประพันธ์จะหมั้นหมายรดารมัยไม่กี่วันก็เป็นงานฉลองวันเกิดแม่เจ้าเยาวภา 

    พ่อเจ้าเห็นว่าแม่เจ้าเยาวภาไม่ค่อยชอบเจ้ารตีนักจึงให้เจ้ารตีพักอยู่แต่ในคุ้มจะได้ไม่ต้องมีเรื่องมีราวให้เสียฤกษ์ เจ้ารตีเองก็ไม่อยากเจอหน้าแม่เจ้าเป็นทุนจึงนั่งอ่านหนังสือในคุ้ม มีคุณสุนทรทำงานข้างนอก ด้านเจ้าประพันธ์เองพอเฉลิมฉลองแล้วก็ดื่มสุราไปหลายแก้วตามแต่คนคะยั้นคะยอจึงเมาและออกมาเดินเตร่ด้านนอก 

    อาจจะเพราะเวรยามหละหลวม เจ้าประพันธ์จึงเผลอเข้าไปในคุ้มที่เจ้ารตีอยู่ เจ้าประพันธ์เห็นเจ้ารตีนั่งอยู่ก็ "ฉันคิดว่าตัวเองฝันไป เพราะไม่เคยคิดเลยว่าบนโลกมนุษย์จะมีใครที่สวยบาดจิตบาดใจอย่างนี้อยู่อีก เมื่อคิดว่าฝันก็คิดไปอีกว่า เมื่ออยู่ในความฝันนั้นคนเราไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำใด ๆ จึงได้ทำลงไปอย่างนั้น" 

    เจ้าประพันธ์ทำสีหน้าไม่ถูกเมื่อผมซักเรื่องในอดีต "อย่าถือโทษฉันเลยจักรเทพ ฉันคิดว่าฝันไปจริง ๆ คิดว่าตัวเองมีบุญได้ฝันเห็นนางฟ้านางสวรรค์ ฉันถึงได้จูบน้องรตี" จากนั้นก็หัวเราะออกมา "แล้วน้องรตีก็คว่ามีดปอกผลไม้แทงใส่หลังฉัน โกรธจนจะฆ่าฉันให้ได้ ฉันได้แต่ยกมือไหว้และอธิบายว่าคิดว่าฝันไป" 

    เพราะเสียงโวยวายทำให้ทุกคนแตกตื่นกลับมาที่คุ้มของพ่อเจ้า เห็นเจ้าประพันธ์เลือดสาดอ้อนวอนขอชีวิต เจ้ารตีตาแดงก่ำจะประหารเสียให้ได้ คุณสุนทรพยายามห้ามเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นหลานชายของเจ้าจินดา ถ้าฆ่ากันตายจะเป็นเรื่องใหญ่ พอพ่อเจ้ามาถึงเจ้ารตีก็โผไปหาพ่อเจ้า "ไอ้จัญไรนี่จะข่มเหงหลาน" 

    พ่อเจ้าพอได้ยินว่าหลานคนโปรดถูกรังแกก็แทบจะฆ่าเจ้าประพันธ์เสียให้ได้ ใครห้ามก็ไม่ฟังทั้งนั้นร้อนถึงเจ้าจินดาที่ต้องเอาตัวมาบังเจ้าประพันธ์ หม่อมมะเฟืองยังเป็นผู้หญิงรุ่นสาว ๆ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักเจรจาน่าฟังจึงช่วยไกล่เกลี่ย "มันต้องมีเรื่องเข้าใจผิด ประพันธ์ไม่ใช่คนใจชั่วที่จะข่มเหงใครได้" 

    "น้องรตีสวยขนาดนี้ ฉันนึกว่าฝันไปจริง ๆ ถ้ารู้ว่าตื่นอยู่จะไม่แตะต้องน้องรตีเลย" 

    เป็นอันว่าวันนั้น "รอดชีวิตมาได้เพราะย่ามะเฟือง" 

    หม่อมมะเฟืองเป็นคนคุยเก่ง ช่างพูดช่างจา ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุขกันทั้งนั้น หม่อมมะเฟืองอายุห่างกับเจ้าประยงค์ไม่กี่ปี เป็นที่รักของหม่อมอื่น ๆ รวมถึงชายาของเจ้าจินดาและลูกหลาน และอีกคนที่แอบพึงใจหม่อมมาตั้งแต่สาว ๆ ก็คือเจ้าประชา เรื่องนี้ทำให้เจ้าประชากับเจ้าจินดาไม่ลงรอยกันนัก  

    ส่วนเจ้ารตีก็โมโหอยู่หลายวัน สำหรับเจ้ารตีที่ไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้แล้ว การถูกชายแปลกหน้าล่วงเกินจึงเป็นเรื่องใหญ่ ด้านเจ้าประพันธ์หลงใหลอยู่กับความงามของเจ้ารตีจนกินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับกระส่าย ตามไปขอโทษที่คุ้มจนเจ้ารตีรำคาญยอมออกมาพบ เจ้ารตีหายขุ่นมัวและยอมคบหาเป็นสหายด้วย 

    เจ้าประพันธ์เมื่อทราบว่า "หลงรักน้องรตีแล้ว ฉันก็ไม่ปรารถนาหญิงใดอีก จึงเลิกรากับรดาและรมัยโดยไม่เสียดาย จะว่าฉันหลงรูปก็ได้ แต่ฉันก็มั่นใจอย่างนั้นจริง ๆ ว่าฉันรักน้องรตีคนเดียว ฉันไม่ปรารถนาใครอื่น ต่อให้วันใดเจอใครงามกว่าน้องรตีก็จะไม่คิดเปลี่ยนใจ ฉันจะรักน้องรตีไปทุกภพทุกชาติ" 

    "เจ้ารตีค่อนข้างแข็งกระด้าง หากชอบก็บอกว่าชอบ หากไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ ไม่มีใครบังคับได้ คงเพราะพ่อเจ้าคอยเอาอกเอาใจ จึงไม่ยอมลงให้ใคร แต่กับเจ้าประพันธ์นี่ประหลาดนัก เจ้าบอกว่าไม่ชอบแต่เห็นเป็นสหาย และสนิทสนมกันมากด้วย" คุณสุนทรแสดงความคิดเห็น "ฉันคิดว่าเจ้ารตีรักเจ้าประพันธ์มาก ไม่ใช่แบบชายหญิง แต่แบบเพื่อนแท้" 

    เจ้ารตีเก็บผลไม้ไปฝากเจ้าประพันธ์อยู่บ่อย ๆ บางคราวก็ทำขนมไปให้ แต่ก็กำชับว่า "เป็นเพื่อนกันเถอะ ฉันไม่มีวันชอบพี่หรอก" แต่เจ้าประพันธ์ก็ไม่ย่อท้อและต้องการใช้ความจริงใจทำให้เจ้ารตีรับรักให้จงได้ เจ้าประพันธ์ไม่เหลียวแลใครเลยทำให้รดากับรมัยเสียหน้ามาก ภายหลังรมัยก็ไปคบกับคนอื่นคล้ายต้องการตัดใจและประชดประชัน 

    เฟื่องฟ้าเจียมตัวและคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว "ฉันไม่มีอะไรเทียบเจ้ารตีได้เลย นอกจากเจ้ารตีจะงามกว่าไม่รู้กี่เท่า เจ้ารตียังเฉลียวฉลาด เก่งกาจเรื่องพืชพรรณ วรรณกรรม พูดได้หลายภาษา บวกลบคูณหารคล่องแคล่ว ทำขนมยังอร่อย ฉันจะหาอะไรไปเทียบได้เล่า ฉันคิดว่าคงสิ้นหวังแล้ว"

    เจ้าจินดากีดกันเจ้าประพันธ์ออกจากเจ้ารตีเพราะมองว่าเจ้ารตีเป็น "ตัวหายนะ" แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไปเจ้าจินดาถอนหายใจทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ "ฉันผิดเอง ฉันมัวแต่กลัวการเมืองไม่เข้าเรื่องจึงตั้งแง่เกลียดชังรตี นึกขึ้นมาแล้วรู้สึกผิดกับรตีจริง ๆ ถ้าไม่มีรตีพวกฉันคงตายไปนานแล้ว ฉันมันไม่ดีเอง" 

    และหญิงอีกคนที่ไม่ยินดีแล้วจ้องริษยาเพราะความรักที่มีต่อเจ้าประพันธ์ก็คือเจ้ารสิกผู้มีใบหน้าขี้ริ้วขี้เหร่ การที่เจ้าประพันธ์หลงใหลเจ้ารตีออกหน้าออกตาเป็นเหมือนการเหยียดหยามเจ้ารสิกอย่างร้ายแรง เจ้ารสิกให้คนเอาของต่ำไปปาใส่คุ้ม ทำให้พ่อเจ้าโมโหมากเพราะคุ้มเจ้ารตีก็อยู่ในเขตคุ้มพ่อเจ้า

    "เด็กคนนี้มันเหิมเกริม แทนที่จะทำตัวให้มันน่าเอ็นดูบ้าง" พ่อเจ้าเรียกเจ้าประชามาตำหนิ เจ้าประชาคับแค้นและหาทางกำจัดเจ้ารตีแต่เป็นไปยากนักเมื่อพ่อเจ้าให้คนคุ้มกันเจ้ารตีอย่างแน่นหนา ทั้งยังเปรย ๆ เรื่องการแต่งตั้งเจ้ารตีในตำแหน่งเทียบเท่าโอรสธิดาทั้งยังมอบสมบัติมากมายไม่ว่าจะเป็นทองคำหรือเพชรนิลจินดา 

    เจ้ารตีแม้จะใฝ่ฝันถึงการเป็นแม่เจ้าแห่งสวรรยาราชแต่ก็ระวังไม่น้อยเพราะ "มีศัตรูรอบด้าน เจ้าป้าก็ชัง เจ้ายาก็ชัง เจ้าย่าก็ชัง เจ้าพี่ก็ชัง มีแต่คนชังฉันเต็มไปหมด ถ้าฉันล้มวันไหน พวกมันคงเหยียบซ้ำวันนั้นนั่นแหละ" จึงฝากให้คุณสุนทรนำสมบัติบางส่วนไปเก็บไว้ข้างนอกเผื่อจะได้มีใช้จ่ายคราวคับขัน 

    ในตอนนั้นเจ้ารตีกำลังขึ้น เจ้าสืบซึ่งเป็นคนสูบบุหรี่จัดมาแต่ไหนแต่ไรก็เริ่มล้มป่วยจวนจะตาย จึงเรียกเจ้ารตีมาฝากผมไว้ในความดูแล และก็น่าตลกที่เจ้าสืบฝากเจ้ารตีไว้ในความดูแลของผมที่อายุสิบกว่าขวบเช่นกัน "เหลือกันอยู่แค่นี้ อาอย่าทิ้งหลาน หลานอย่าทิ้งอา ดูแลกันไปแค่นี้ ฉันก็ตายตาหลับล่ะ"

    เจ้ารตีกอดผมไว้แน่น จากนั้นก็นั่งน้ำตาไหลซบอยู่ข้างเท้าของเจ้าสืบอยู่นาน พ่อเจ้าเองก็เสียใจมาก จัดงานศพยิ่งใหญ่มีนางร้องไห้มากันร้องกัน ต่างจากเจ้าประชาที่ประชดด้วยการจัดงานเฉลิมฉลองร้องเพลง "อย่าร้องนักเลย คนเคยเห็นหน้า ทำเป็นปริ่มสิ้นชีวา กลัวว่าไม่กล้าตามไป" ทำเอาพ่อเจ้าพื้นเสียอยู่พักใหญ่ 

    ส่วนเจ้ารตีเองก็ให้คนไปร้องตอบว่า "เห็นใครได้ดีจงดีแข่ง เห็นใครได้ตายจงตายแข่ง จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป" แน่นอนว่าเจ้าประชาผู้อาฆาตมาดร้ายย่อมผูกใจเจ็บกับการโดนเด็กคราวลูกคราวหลานแช่งชักเช่นนี้ พ่อเจ้าเองก็ไม่ว่าอะไร เป็นคุณสุนทรที่กังวลว่าถ้าเจ้ารตีร่วงลงมาเมื่อใดจะลำบาก

    และเมื่อเจ้ารตีร่วงลงมาก็ลำบากจริง ๆ

    แต่ผมคิดว่าจะโทษเจ้ารตีก็ไม่ถูกนัก เจ้าประชาเป็นคนโหดเหี้ยมและเกลียดชังเจ้ารตีเป็นทุนเดิม ต่อให้เจ้ารตีไม่ทำเช่นนั้นอย่างไรเจ้าประชาก็คงหาโอกาสทำร้ายเจ้ารตีของผมอยู่ดี เพราะแม้แต่ชายาตนเอง เจ้าประชายังทำร้ายร่างกายและจิตใจได้เมื่อตัวเองสิ้นเสน่หา ชังน้ำหน้า ไม่รักเหมือนเก่า 

    เจ้าประพันธ์คอยปลอบใจเจ้ารตี ชวนไปทำบุญทำทานซึ่งเจ้ารตีก็ไม่เคยปฏิเสธ เจ้าจินดาแม้ไม่อยากได้เจ้ารตีมาเป็นหลานสะใภ้แต่ก็ไม่กล้าอะไรต่อหน้าเจ้ารตี "กำลังขึ้นขนาดนั้น อดิศวรหลงขนาดนั้น ฉันกลัวจะเป็นเรื่อง" แต่เจ้ารตีก็ดูออกว่าภายใต้ท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ จินดาต่อต้านตนมากเพียงใด 

    เช่นเดียวกับที่รู้ว่าเฟื่องฟ้ามีใจให้เจ้าประพันธ์ เจ้ารตีบอกเฟื่องฟ้าว่า "อย่ากังวลเลย ฉันไม่ชอบเจ้าประพันธ์ของเธอหรอก อย่างไรก็ไม่ชอบ" และบอกเจ้าประพันธ์ว่า "ตัดใจจากฉันแล้วไปรับเฟื่องฟ้าเป็นหม่อมดีกว่า ฉันไม่มีวันชอบพี่ เฟื่องฟ้าทั้งสวยทั้งดี น่าจะเป็นเมียที่ดีได้ พี่อย่ามาเสียเวลากับฉันเลย" 


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×