ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    <ยวนสยอง, 2> - มึง F กู

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่๒ ลองของ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 118
      2
      24 ก.พ. 61

    สามปีผ่านไป

    ชยาภรณ์ นักศึกษาสาว ผิวขาวผุดผ่อง หน้าตาสวยน่ารัก ขวัญใจหนุ่มๆ ทั้งมหาวิทยาลัย ด้วยรูปร่างกลมกลึงหน้าอกหน้าใจใหญ่พอดีตัว ริมฝีปากแต่งแต้มสีนู้ด ผมสีน้ำตาลตัดปะบ่าดัดลอนเล็ก ทำให้ใครต่อใครอดมองไม่ได้ ไหนจะบุคลิกที่สง่า ท่าเดินเฉิดฉาย ไหนจะเป็นตัวแทนชมรมอีก

    แต่นิสัยของเธอกลับไม่ได้น่ารักนัก

    เด็กสาวเป็นคนเอาแต่ใจ ไม่เคยเกรงใจใคร เพราะเป็นหลานของอธิการบดี

    “อีชา มึงอยู่นี่เอง”

    “ว่าไงวะแอฟ?” ชยาภรณ์หันไปทางแอฟ เพื่อนสาวร่างเล็ก หน้าตาจัดว่าสวยพอๆ กัน แต่สถานะแอฟเหมือนจะเป็นลูกไล่เธอนิดหน่อย ซึ่งแอฟก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรเพราะอยู่กับชยาภรณ์สบายจะตาย ใครๆ ก็รู้จัก ได้ไปเที่ยวไปกินอะไรด้วย แล้วยังมีหนุ่มหล่อเข้าหาไม่ซ้ำหน้า

    “มึงยังไม่ไปเรียนอีกเหรอวะ?”

    “มึงนี่รีบไปได้ เหลืออีกตั้งสิบนาที”

    “แต่นี่แลปเคมีคาบแรกนะเว้ย เข้าช้าเดี๋ยวฟังอาจารย์บรีฟไม่ทันจะทำงานไม่รู้เรื่อง” แอฟเตือนเพื่อนเพราะเห็นเป็นคาบแรก มักจะมีการบรีฟอะไรนานเป็นพิเศษถึงกฎระเบียบ ข้อบังคับและข้อห้ามของวิชา ที่ถ้าหากละเมิด ไม่ปฏิบัติตาม ก็จะโดนหักคะแนนหรือตำหนิ

    “ช่างแม่ง”

    “ช่างแม่งไม่ได้นะเว้ย มึงอยากเอฟเหรอ?”

    “ไม่รู้อะ กูรอเจอพี่เทสก่อน”

    เทสที่อีกฝ่ายพูดถึง เป็นรุ่นพี่ปีสี่คณะเดียวกัน หน้าฝรั่ง สูงใหญ่ และเป็นแฟนหนุ่มผู้ครอบครองทั้งร่างกายและหัวใจของชยาภรณ์ ทั้งคู่คบหากันตั้งแต่เทอมหนึ่งแต่ดูเหมือนความหวานจะยังไม่ลดละ แม้เทสจะมีชื่อเสียงในเรื่องความเจ้าชู้ แต่พอคบกันก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ชยาภรณ์ได้ยินข่าวแบบนั้นอีก

    “ชาครับ รอพี่นานไหม?”

    “ก็สักพักแล้วค่ะ ทำไมพี่มาช้าจัง?”

    “โทษที พี่เพิ่งไปพรีเซนต์งานมา อาจารย์ถามเยอะมาก ถามอยู่นั่น จี้ทุกรายละเอียด สงสัยกลัวพี่ได้เต็ม แต่พอพี่พูดเสร็จก็รีบมาหาเราเลยนะ” เทสกระเซ้าแล้วเอาหนังสือมาให้ “นี่หนังสือแลปเคมี ของพี่ยังสภาพดีอยู่ มีจดไว้เยอะด้วย ชาจะได้ไม่ต้องจดเพิ่มมาก”

    “ขอบคุณนะคะ”

    “ยังไงพี่ไปก่อนนะ พี่มีเรียนต่อ”

    “ค่ะ โชคดีนะ”

    “ตั้งใจเรียนล่ะชา เย็นนี้เจอกัน”

    “ถ้าเย็นนี้ช้า หนูไม่รอนะ”

    “ไม่ช้าแล้วครับ พี่จะมารอเราเลยเอ้า” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินจากไป โดยไม่ลืมสัมผัสเนื้อตัวเธอเล็กน้อยให้หายคิดถึงตามประสาผู้ชายมือไว ชยาภรณ์จูงมือแอฟไปยังห้องแลปเคมี วิชาที่ได้ชื่อว่ายากมากจนมีคน F กว่าหกในสิบ เพราะมันถูกตัดเกรดโดยอาจารย์โหดสามคน อาจารย์จิ๋ม อาจารย์ชิน อาจารย์เติ้ล

    หน้าห้องแลป นักศึกษายืนอ่านกระดานที่เขียนชื่อคู่แลป

    “มึงได้คู่กับใครวะ?”

    “ก็คนเดิมอะ มึงละชา?”

    “ไม่รู้ว่ะ ชื่อปิยังกูร คนละภาคมั้ง”

    กริ๊งงงงง...

    เสียงกริ่งดังขึ้น ทุกคนเดินเข้าไป ยกมือไหว้สวัสดีอาจารย์

    “สวัสดีค่ะ นักศึกษาทุกคน นี่เป็นวิชาแลปเคมีของเทอมสอง อาจารย์ชื่ออาจารย์จิ๋ม เป็นผู้ประสานงานรายวิชา เราจะเจอกันตลอดเทอม ขอให้นักศึกษาเข้าเรียนตรงเวลา ทำแลปด้วยความเรียบร้อย รักษาความสะอาด คำนึงถึงหลักความปลอดภัย และส่งงานให้ครบ ห้ามสายเด็ดขาด” จิ๋ม หญิงอ้วนหน้าตาขี้เหร่พูดเสียงจิก ท่าทางของเธอไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าไม่ถูกชะตากันตั้งแต่แรกเห็น

    “เกณฑ์การให้คะแนน จะเป็นคะแนนสอบครึ่งหนึ่ง คะแนนการบ้าน ความตั้งใจ ความสะอาด สอบเก็บคะแนน การตอบคำถาม อย่างละสิบ” ชิน ชายแก่ใส่แว่น ท่าทางเบื่อโลกเหมือนสอนไปวันๆ พูดขึ้น สีหน้าของเขาเหมือนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ขอแค่สอนให้หมดคาบไปก็พอ

    “แล้วถ้าเกิดอุบัติเหตุ เช่น ทำสารตกพื้น สารระเบิด สารลวกมือ หรืออะไรก็ตาม ให้แจ้งอาจารย์นะครับ” เติ้ล หนุ่มหล่อท่าทางใจดีพูดด้วยรอยยิ้ม ดูเป็นคนเดียวในบรรดาอาจารย์ประจำวิชาที่น่าจะคุยได้ แต่จากสภาพก็ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ยิ้มแย้มอารมณ์ดีจะออกข้อสอบยากและตัดเกรดโหดขนาดนี้

    “ส่วนนี่ก็พี่ทีเอนะคะ มีอะไรให้ถาม แต่ก่อนถามลองอ่านในหนังสือก่อน วันนี้เรามาเรียนกันเรื่อง...”

    อาจารย์เริ่มสอน ชยาภรณ์มองซ้ายมองขวาหาคนที่เป็นคู่แลปของเธอ

    “เอาล่ะค่ะ แยกย้ายเข้าโต๊ะได้แล้ว เริ่มค่ะ ส่งงานก่อนสี่โมงนะคะ”

    สิ้นเสียง นักศึกษาเดินเข้าไปยังโต๊ะ ชยาภรณ์ไปยังโต๊ะสิบแปด แล้วก็เจอกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

    เขาเป็นผู้ชายหน้าตาธรรมดา ผมรองทรงสั้น ค่อนข้างท้วม ผิวขาว แต่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูไม่ใช่คนร้ายกาจ แต่งตัวถูกระเบียบตามแบบฉบับของมหาวิทยาลัยราวกับเป็นนักศึกษาดีเด่น จนทำให้เด็กสาวอดขมวดคิ้วให้กับความตรงตามแบบแผนนั้นไม่ได้ แล้วจึงถามเพื่อความแน่ใจ

    “เธอชื่อปิยังกูร?”

    “อืม เรียกว่าปิ๊กก็ได้ เธอชื่ออะไรเหรอ?”

    “ชา ชยาภรณ์ ไม่รู้จักหรือไง?”

    “ไม่อะ ทำไมเหรอ?”

    “เธอไปอยู่โลกไหนมาเนี่ย?” เด็กสาวไม่พอใจ หน้าตาเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เพราะด้วยชื่อเสียงของเธอ คนน่าจะรู้จักกันทั้งคณะ แต่ผู้ชายหน้าตาซื่อบื้อตรงหน้ากลับบอกว่าไม่รู้จักเธอ มันเป็นไปได้อย่างไรกัน “นี่พูดจริงพูดเล่นที่บอกว่าไม่รู้จักฉัน? อย่างน้อยชื่อก็ไม่เคยได้ยินเลยหรือไง?”

    “ทำไมอะ? แล้วเธอรู้จักเราเหรอ?”

    “ไม่”

    “เธอยังไม่รู้จักเราเลย เราไม่รู้จักเธอก็ไม่เห็นแปลกอะไร”

    “โอ๊ย ช่างมันเหอะ เธอนี่คงอยู่หลังเขาแน่ๆ”

    “เราไม่ค่อยสนใจอะไรอะ นอกจากเรื่องที่เราชอบจริงๆ มาล้างแก้วก่อนเหอะ ฝุ่นเต็มเลย” ปิยังกูรพูดตัดบท มองหน้าของอีกฝ่ายผ่านๆ แล้วใช้กุญแจเปิดตู้ออกมา ในนั้นมีอุปกรณ์การทดลองเต็มไปหมด แต่พวกแก้วก็หมิ่น แตก หัก ไปบ้าง เพราะผ่านการใช้งานมาหลายรุ่น

    ชยาภรณ์หยุดดูปิเปตที่ถูกวางอยู่ด้านหลัง  

    ดวงตากลมโตมองไปที่รอยปากกาเมจิกที่เขียนเหมือนเป็นชื่อคนอะไรสักอย่างบริเวณที่วางปิเปต  

    “ก... ล...?”

    เธอลองอ่าน อยากรู้ขึ้นมาบอกไม่ถูก แม้จะถูกขูดออกไปมากก็ยังเห็นร่องรอย ชยาภรณ์ไขปิเปตด้วยความอยากรู้อยากเห็น พลันความรู้สึกถึงลมเย็นก็ผ่านเข้ามา ขนในกายลุกชัน ชยาภรณ์ไม่คิดอะไรมากไปกว่าความเย็นของพัดลมที่หันมาทางเธอพอดี จังหวะนั้นปิยังกูรก็พูดแทรกขึ้นมา

    “เดี๋ยวเราทำข้อเลขคู่นะ”

    “เออ”

    “แล้วนี่ดูอะไรอยู่เหรอ?”

    “น่าจะชื่อเจ้าของเก่ามั้ง คงเขียนไว้ให้รู้ว่าเป็นของตัวเอง” ชยาภรณ์ปัดความอยากรู้ออกจากหัว ก็แค่ลายมือรุ่นพี่สักคน คงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงสงสัยนักว่าเจ้าของชื่อเป็นใคร เหมือนกับว่าเธอรู้สึกอยากเจอหน้าใครคนนั้นขึ้นมา ปิยังกูรขมวดคิ้วเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีที่จะไปไขปิเปตของใครไม่รู้เล่น

    “ทำเป็นเด็ก”

    ......................................................................................................................................................

    ทั้งคู่ทำแลปจนเสร็จ เอางานไปส่งที่ตู้

    “เรากลับก่อนนะยา”

    “ชา!

    “เรากลับก่อนนะชา” ปิยังกูรเอ่ยลาแล้วหิ้วกระเป๋ากลับไป ไม่ได้มีท่าทีอยากจีบหรือสานต่ออะไรกับเธอเหมือนผู้ชายคนอื่น ชยาภรณ์ขมวดคิ้วหงุดหงิด ขนาดบอกชื่อไปเมื่อกี้ยังจำไม่ได้ ภายในคาบเดียวหาชื่ออะไรไม่รู้มาให้เธอตั้งหลายชื่อ แอฟที่กำลังล้างถ้วยหัวเราะ

    “ว่าไงวะอียา?”

    “กูชื่อชา ไอ้บ้านี่ไม่รู้จักกู ไม่รู้ว่ามันไปอยู่ไหนมา”

    “เออ เอาเหอะน่า ช่างแม่งเหอะ ดูเนิร์ดๆ คงไม่สนใจผู้หญิง”

    “กูก็ว่านั้น ดีไม่ดีอาจจะเป็นเกย์ หน้ากูมันยังไม่มองเลย” ชยาภรณ์พูด แม้จะหงุดหงิด แต่ก็ต้องยอมรับว่าปิยังกูรเป็นคู่แลปที่ดีมาก เขาทำงานเร็ว เข้าใจงาน ตอบได้ทุกอย่าง สอนงานเธอได้ แม้จะเรียกชื่อเธอผิดตลอดเวลาก็ตาม บรรดาแก๊งสาวสวยนั่งรอเพื่อนจัดของเสร็จ จะได้ไปพร้อมกัน

    แอฟเก็บของเข้าตู้ อยู่ๆ ก็หันมาทำหน้าเครียด

    “เป็นไรวะอีแอฟ?”

    ใครคนหนึ่งถามขึ้น เริ่มรู้สึกหวั่นๆ เมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย แอฟนิ่งไป บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบชวนขนลุก เด็กสาวหันหลังให้เพื่อน เธอแกะจุกผมที่มัดอยู่บนหัวแล้วปล่อยผมลงมายาวสยายเต็มแผ่นหลัง เสียงที่ถามแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

    "มึงว่าผีห้องแลปมีจริงไหม?"

    "ผีไหนวะ?"

    "ผีเกนหลง ที่เขาว่ากันว่ากิน Organic Waste ตายคาตู้ดูดควันไงมึง เวลาใครอยู่ห้องแลปคนเดียว เจอดีทุกราย"

    "หึ ผีมีจริงที่ไหนวะ ถ้ามีจริงมึงก็ออกมาดิ อีเกนหลง!"

    ชยาภรณ์พูดอย่างท้าทาย... ลมเย็นวูบหนึ่งลอยเข้ามา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×