ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fate/Zero (นิยายแปล)

    ลำดับตอนที่ #9 : Book1 Act 2 Part 1

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 51


    เวฟเวอร์ชูถ้วยฉลองชัยผ่านวันนี้ไปได้เพราะการอัญเชิญสำเร็จด้วยดี

    เมื่อคืนวานเขาต้องต่อสู้อย่างดุเดือดกับเสียงไก่ขัน ส่วนวันนี้เขาจะได้นอนอ่านหนังสือบนเตียงพร้อมกับห้อมล้อมด้วยความสำเร็จ

    และ—

    "... เป็นแบบนี้ได้ไง?"

    สายลมแห้งๆกรรโชกผ่านสวนสาธารณะของเขตชินโต เวฟเวอร์ทรุดลงบนเก้าอี้ยาว ติดอยู่ในห้วงแห่งความหนาวเย็นเพียงลำพัง เขายังไม่เข้าใจ แผนของชั้นมันผิดพลาดตรงไหนกันเนี่ย?

    การอัญเชิญประสบความสำเร็จ ถือเป็นผลตอบรับที่น่าพอใจอยู่

    สิ่งที่มาพร้อมๆกับความสำเร็จในการอัญเชิญ สถานะของเซอร์แวนท์ที่ยังคงสลักอยู่ในจิตใต้สำนึกของเขา หมอนั่นอยู่คลาสไรเดอร์ ถึงจะไม่ใช่หนึ่งในสามอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ ความสามารถพื้นฐานของเขาก็ยังเหนือกว่าระดับทั่วๆไปอยู่ดี เขาเป็นเซอร์แวนท์ทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

    วินาทีที่เขาเห็นโครงร่างของลูกไฟขนาดใหญ่ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากวงเวทอัญเชิญ ที่ด้านหลังกลุ่มควันสีขาวนั้นเวฟเวอร์กำลังปลื้มจนแทบจะฉี่ราดกางเกง

    ... พอลองคิดดูแล้ว สถานการณ์คงเริ่มกลับตาลปัตรตั้งแต่ตอนนั้น

    ตามที่เวฟเวอร์รู้มา "ข้ารับใช้" เป็นหุ่นเชิดของผู้อัญเชิญ

    ตัวตนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ด้วยความยากลำบากโดยอาศัยพลังปราณที่จอมเวทส่งให้

    เป็นตุ๊กตาไม้ที่ผู้สร้างจะทำยังไงกับมันก็ได้ นั่นแหละที่เรียกว่าข้ารับใช้ เขาเลยคิดว่าเซอร์แวนท์คงจะเหมือนกันไม่มากก็น้อย

    แต่เจ้าสิ่งที่ออกมาจากวงเวทอัญเชิญนั่น—


    สายตาที่คมกริบและเป็นประกายดุจเปลวไฟเข้าข่มจิตวิญญาณของเวฟเวอร์ทันทีที่เห็น

    ทั้งสองสบตากันทันที สัญชาติญาณบอกเขาว่าเซอร์แวนท์คนนี้แข็งแกร่งจนครอบงำสัตว์เล็กๆได้เลยทีเดียว

    ตัวตนขนาดมหึมาของยักษ์บังสายตาของเขาจนมิด จากกลิ่นตัวเหม็นๆกับกลิ่นหอมของกล้ามบึ้กๆนั่นเวฟเวอร์ก็เข้าใจ ไม่นับเรื่องที่ว่าเขาเป็นผีหรือเซอร์แวนท์แต่หมอนี่เป็นคนที่ตัวใหญ่จริงๆ

    เวฟเวอร์รู้ว่าวิญญาณวีรชนที่จอกอัญเชิญมาไม่ใช่วิญญาณเร่ร่อน พวกเขาได้วัตถุดิบมาเป็น "ร่าง" เพื่อใช้คงอยู่ในโลกปัจจุบัน แต่กล้ามเป็นมัดๆตรงหน้านี้เป็นของจริงๆแน่ๆ ไม่ใช่ภาพเสมือนหรือเงา ความรู้สึกที่โดนคุกคามขนาดนี้เกินกว่าที่เวฟเวอร์เคยจินตนาการไว้

    ไม่ว่ายังไง เขาก็เกลียดคนที่ยิ่งใหญ่

    ไม่ใช่เพราะเวฟเวอร์นั้น เตี้ยกว่าคนทั่วไป จริงๆแล้วเขาล้มเหลวในการดูแลสุขภาพเพราะตอนเด็กๆเอาแต่เรียนท่าเดียวจนเหลือเวลาดูแลร่างกายเพียงน้อยนิด แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันเป็นจุดอ่อน ตรงกันข้ามเวฟเวอร์ภูมิใจกับการขัดเกลาสมองด้วยซ้ำ

    ทว่าสิ่งที่เด่นชัดในโลกแห่งความเป็นจริงก็คือ กล้ามโตๆเป็นสิ่งที่จะมองข้ามไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ยังมีส่วนต่างของเวลาเมื่อต่อสู้กันจริงๆ วิญญาณที่กำหมัดแล้วเหวี่ยงมาต่อยนั้นใช้เวลานิดเดียว ไม่มีเวลาพอจะโต้เถียงส่วนเรื่องใช้เวทมนตร์นั้นก็ยังมองไม่เห็นอนาคตเลย

    นั่นคือ— สิ่งแรกที่เขาคิดเมื่อเผชิญกับกำปั้นกล้ามโต

    "... นี่ ข้าถามเจ้าอยู่นะ เจ้าเป็นมาสเตอร์ของข้าใช่มั้ย?"

    "หา?"

    เป็นคำถามรอบสองของชายร่างยักษ์ เสียงนั้นดังก้องจนเขย่าโลกได้สบาย

    ถึงจะเป็นเสียงที่ได้ยินไปอีกแปดโยชน์ แต่เขาเบลอเกินกว่าจะรับคำถามแรกเข้าสมองได้

    "อ่า— ใช่! ชะ-ชะ-ชะ-ชั้นเอง คือว่า ชั้นนี่แหละ! ชั้นนี่แหละมาสเตอร์ของนาย ชั้นชื่อ วะ เวฟเวอร์ เวลเว็ท! คือว่า นั่นแหละชื่อชั้น! ชั้นนี่แหละมาสเตอร์ของนาย!!"

    ยังไงก็คงทำได้แค่นี้ เวฟเวอร์ข่มใจสุดชีวิตเพื่อที่จะยืนเผชิญหน้ากับกล้ามเป็นมัดๆ ... ไม่ว่ายังไงเขาก็รู้สึกเหมือนโดนข่มเพราะเจ้าคนร่างยักษ์เกินคาดนี้อยู่ดี

    "อืม งั้นพันธสัญญาก็สมบูรณ์แล้ว นี่เจ้าหนุ่ม เอาเอกสารมาให้ข้าตอนนี้เลยได้มั้ย?"

    "หา?"

    เวฟเวอร์เอ๋ออีกครั้ง

    "หนังสือ ข้าบอกว่า! ขอหนังสือ"

    เซอร์แวนท์ร่างใหญ่พูดกรอกหูเวฟเวอร์ซ้ำอีกครั้งด้วยความผิดหวัง แขนที่พาดบ่าเวฟเวอร์อยู่ดูยังกับรากไม้ของต้นสน

    ชั้นโดนฆ่าแหงๆ— เวฟเวอร์คิดแบบนี้ทันที เขารู้สึกเหมือนกำลังลอย ชายร่างยักษ์คว้าคอเขาแล้วยกขึ้นอย่างระมัดระวัง กว่าเวฟเวอร์จะรู้ตัวเขาก็ร่วงแหมะลงพื้นแล้ว เขารู้สึกว่าตอนที่หมอนี่พูดครึ่งๆกลางๆ เขายิ่งดูเหมือนยักษ์เข้าไปอีก

    "ถ้าเจ้าเป็นจอมเวท เจ้าต้องมีเอกสารอยู่บ้างใช่มั้ยล่ะ? ส่งมาให้ข้าสิ เราต้องเตรียมการก่อนทำสงคราม"

    "สะ สงคราม... ?"

    พอยักษ์นี่พูดขึ้นมา เขาถึงนึกออกว่าลืมเรื่องสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์— เฮเว่นฟีลไปซะสนิท


    เพราะเขาใช้ชีวิตแบบคนว่างงานในบ้านส่วนตัว เวฟเวอร์จึงไม่มีเอกสารอะไรเลยรวมทั้งจำใจต้องพาไรเดอร์ไปห้องสมุด

    หอสมุดกลางของเมืองฟุยูกิที่อยู่ในสวนสาธารณะในเขตชินโตยังสร้างไม่เสร็จ พูดจริงๆนะ การเดินเพ่นพ่านในเมืองตอนกลางคืน —ที่ยังมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น ถือเป็นอะไรที่น่าตะขิดตะขวงใจ ตำรวจแจ้งว่าเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่บ่อยๆ แต่เวฟเวอร์รู้สึกว่าคนกล้ามโตตรงหน้าสร้างหายนะได้เหนือกว่าที่พวกสายตรวจกะไว้หลายเท่านัก

    โชคดีที่เวลาพวกนั้นโผล่ออกมาจากมุมมืด เจ้ายักษ์จะหายตัวทันที

    นั่นคงเป็นพลังของเซอร์แวนท์ การเปลี่ยนร่างเป็นร่างวิญญาณ  เวฟเวอร์โล่งใจที่เขาไม่ต้องดูน่าสงสัยเพราะเดินมากับชายตัวใหญ่ใส่เกราะ แต่ก็ยังกดดันเพราะรู้สึกว่ามีคนหยิ่งยะโสเดินตามมาอยู่ดี

    โชคดีจริงๆ เขาไม่เจอใครเลยตอนข้ามสะพานใหญ่ของฟุยูกิในเขตชินโต พอไปถึงสวนสาธารณะเวฟเวอร์ก็ชี้ไปทางสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ทางด้านหลัง

    "ตรงนั้นมีหนังสือมากเท่าที่นายต้องการ"

    ตอนนั้น ความหนักใจที่เขามีอยู่ก็ค่อยๆจางลงไป ไรเดอร์เข้าไปในนั้นทั้งๆที่ยังเป็นร่างวิญญาณ

    --จากนั้น หลังจากโดนทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงเขาก็หลุดจากความกดดันที่ตัวเองก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ ในที่สุดเขาก็ใจเย็นลงได้

    "... เป็นแบบนี้ได้ไง?"

    เวฟเวอร์กุมขมับนึกถึงความน่าอับอายเมื่อกี้นี้ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งปานใดเซอร์แวนท์ก็เป็นผู้ร่วมพันธสัญญากับเขา ในฐานะมาสเตอร์ เวฟเวอร์ต่างหากที่ควรจะเป็นผู้นำ

    เซอร์แวนท์ที่เวฟเวอร์อัญเชิญมาแข็งแกร่งอย่างแน่นอน โดยเฉพาะถ้าดูจากประวัติของวัตถุโบราณซึ่งเขาขโมยมาจากเคย์เนส

    วิญญาณวีรชนอิสคานดาร์ รู้จักกันในนามอเล็กซานเดอร์ หรืออเล็กซานดรอส

    ที่มีหลายชื่อเพราะแต่ละดินแดนออกเสียงต่างกัน เพราะเขานั้นคือ "กษัตริย์ผู้พิชิต" ผู้ขึ้นครองราชบัลลังก์มาเซโดเนียขณะทรงพระชนม์เพียง20 เป็นผู้นำกรีกโบราณไปรุกรานเปอร์เซีย ทะลวงอียิปต์จนถึงอินเดียตะวันตกในชื่อของ "สงครามครั้งใหญ่ทางตะวันออก" และได้ชื่อเป็นวีรชนผู้ยิ่งใหญ่ในเวลาไม่ถึง10ปี เขานี่แหละ "มหาราช" ผู้สร้างอาณาจักรเรืองอารยธรรมแห่งเฮลเลนนิสติค

    แม้เขาจะเป็นชายเหนือชาย เมื่อถูกอัญเชิญมาเป็นเซอร์แวนท์เขาก็ต่อต้านมาสเตอร์ไม่ได้ เหตุผลข้อแรกเลยก็คือ เขาต้องพึ่งเวฟเวอร์ในโลกปัจจุบันนี้ ถ้าเวฟเวอร์เลิกส่งพลังปราณให้เขา เขาก็ต้องหายไปอย่างไม่มีทางเลือก

    และเหตุผลที่เหล่าเซอร์แวนท์ตอบรับคำอัญเชิญของมาสเตอร์-- นั่นก็คือ ทำไมพวกเขาถึงเข้าร่วมเฮเว่นฟีลกับมาสเตอร์ของพวกเขา เพราะพวกเขาก็ต้องการจอกเช่นเดียวกับมาสเตอร์ หวังจะได้เครื่องสมความปรารถนา พวกเขาจะสู้จนเหลือรอดเพียงคนเดียว จากนั้นก็จะได้ครอบครองความสง่างามของจอกไปกับเหล่ามาสเตอร์ที่พวกเขาร่วมทางกัน พูดอีกอย่างคือการที่มาสเตอร์กับเซอร์แวนท์ร่วมมือกันถือเป็นเรื่องธรรมดา

    ยิ่งกว่านั้น มาสเตอร์ยังถือครองไพ่ตายซึ่งก็คือเรย์จู

    ผนึกทั้งสามมีไว้ใช้คำสั่งเด็ดขาดทั้งสามแบบครั้งต่อครั้ง เรื่องนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างเซอร์แวนท์กับมาสเตอร์ด้วย เซอร์แวนท์ไม่สามารถขัดคำสั่งของเรย์จูได้ต่อให้เป็นคำสั่งไร้เหตุผลอย่างการฆ่าตัวตายก็ตาม นี่คือสาระสำคัญของระบบพันธสัญญาที่หนึ่งใน "สามตระกูลผู้ริเริ่ม" มาคิริ เป็นผู้สร้างขึ้นมา

    อีกด้านหนึ่ง มาสเตอร์ที่ใช้เรย์จูทั้ง3จนหมดก็มีสิทธิ์อยู่ในอันตรายจากการทรยศของเซอร์แวนท์ แต่มันก็เป็นสิ่งที่มาสเตอร์หลีกเลี่ยงได้หากทำอะไรอย่างระมัดระวัง

    ใช่แล้ว ตราบที่เรย์จูยังอยู่บนมือข้างนี้-- เวฟเวอร์พยายามทนกับท้องไส้ที่ปั่นป่วน เหม่อมองมือขวาของตัวเองแล้วหัวเราะหึๆ-- ถึงจะกล้ามโตแต่เขาไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องขัดแย้งกับจอมเวทเวฟเวอร์ เวลเว็ทเลยนี่นา

    พอเจ้าเซอร์แวนท์กลับมาเมื่อไหร่ ชั้นจะตั้งกฎเหล็กกับหมอนั่น...

    ทันใดนั้น ขณะที่เวฟเวอร์กำลังใช้ความคิด ก็เกิดเสียงเหมือนบางอย่างแตก เสียงดังจนหัวใจแทบวาย

    "ฮึ้ย!?"

    เขาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ หันกลับไปดูประตูของหอสมุดที่เคยปิดสนิทซึ่งตอนนี้ขาดกระจายเป็นชิ้นๆ คนที่เคยเดินเข้าไปเงียบๆตอนนี้ปรากฎร่างภายใต้แสงจันทร์ เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเซอร์แวนท์ของเวฟเวอร์ ไรเดอร์นั่นเอง

    เพราะป่ามันมืด นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้าของเขาในแสงสว่างชัดๆ

    เขาสูงไม่น้อยกว่าสองเมตร แขนขาที่โผล่พ้นออกมานอกเกราะทองแดงกับมัดกล้ามทั่วร่าง ดูแล้วน่าจะฆ่าหมีได้ด้วยมือเปล่า บนรูปกายที่ดุดันของเขานั้น มีดวงตาที่ทอประกาย เส้นผมกับเคราสีแดงเพลิง เสื้อคลุมย้อมแดงที่มีพู่ตรงขอบเหมือนเป็นแขนเสื้อของเขาประดับอย่างหรูหราราวกับม่านที่ใช้ในโรงละคร

    ท่วงท่าอันสง่างามของชายร่างยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าหอสมุดสมัยใหม่เป็นอะไรที่รวมกันได้ตลกดี แต่เวฟเวอร์ไม่สนใจเรื่องนั้นเท่าเสียงแหลมๆของกริ่งที่ทำให้เขาพร้อมจะชิ่งซะตั้งแต่ตอนนี้เลย

    "จะบ้าเรอะ! ไอ้โง่ ไอ้โง่ ไอ้โง่! คิดอะไรอยู่เนี่ย จะถล่มประตูทำไมเล่า! ทำไมไม่ใช้ร่างวิญญาณเหมือนตอนเข้าไป!?"

    ไรเดอร์ยิ้มแบบประหลาดๆด้วยอารมณ์ขัน แล้วยกหนังสือสองเล่มขึ้นมาต่อหน้าเวฟเวอร์

    "ข้าหยิบเจ้าพวกนี้มาไม่ได้ถ้าอยู่ในร่างวิญญาณใช่มั้ยล่ะ"

    หนังสือปกหนาเล่มหนึ่ง ปกอ่อนอีกเล่มหนึ่ง ไรเดอร์คว้ามาจากหอสมุดอย่างแน่นอน และเวฟเวอร์ก็ไม่อยากพัวพันกับกฎหมายเพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้

    "อย่ามัวชักช้า! วิ่งเลย! เราต้องวิ่งแล้ว!"

    "ใจร้อนแบบนี้ดูไม่ได้เลยนะ ท่าทางเจ้ายังกะโจรแน่ะ"

    "โจรอะไร นี่นายมีปัญหาอะไรเนี่ย!"

    ไรเดอร์ประหลาดใจกับคำต่อว่าของเวฟเวอร์

    "เจ้าเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว พวกที่หนีโดยใช้ความมืดพรางกายคือโจรยามค่ำคืน ส่วนการเดินจากไปอย่างผู้มีชัยคือสิ่งที่กษัตริย์ผู้พิชิตจะทำหลังจากช่วงชิงไปแล้ว"

    เวฟเวอร์คิดในใจว่าคงคุยกันไม่รู้เรื่องแหงๆ เขาขยี้หัวอย่างบ้าคลั่ง ถ้าเป็นแบบนี้ไรเดอร์คงเดินพาเหรดตอนกลางคืนด้วยสภาพที่เหมือนแต่งคอสเพลย์ประหลาดๆแล้วถือหนังสือสองเล่มนี้ไปด้วยโดยไม่คิดจะกลับเป็นร่างวิญญาณแน่ๆ

    เขาปิ๊งขึ้นมาได้ เวฟเวอร์พุ่งไปหาไรเดอร์แล้วคว้าหนังสือจากมือของเขา

    "คราวนี้ พอใจแล้วใช่มั้ย!? หายตัวได้แล้ว! หายตัวเดี๋ยวนี้เลย! หายตัวให้ไว!"

    "โอ้ งั้นข้าฝากด้วยละกัน เจ้าไม่ต้องพูดซ้ำๆแบบนั้นหรอก"

    เมื่อไรเดอร์พอใจแล้ว เขาก็พยักหน้าพร้อมกับหายตัวไปอีกครั้ง

    แต่เวฟเวอร์ยังไม่สบายใจ เสียงกริ่งของห้องสมุดต้องต่อไปถึงบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ไหนซักที่ ไม่มีใครรู้ว่าอีกนานแค่ไหนเจ้าหน้าที่ถึงจะโผล่พรวดมา

    โอ้ อะไรฟระ ใครจะสนเรื่องนั้นกันเล่า

    "โว้ย ปัดโถ่-- เป็น-- แบบนี้ไปได้ไงฟะเนี่ย!?"

    เวฟเวอร์ไม่รู้ว่าคืนนี้เขาบ่นแบบนั้นไปกี่รอบ ยังไงก็เหอะตอนนี้เขาต้องวิ่งสู้ฟัดแล้ว

                           X                                       X

    พอเขาวิ่งมาถึงทางเดินที่ขอบสะพานฟุยูกิ เขาก็คิดว่าน่าจะปลอดภัย

    "แฮ่ก-- แฮ่ก-- แฮ่ก-- ..."

    เวฟเวอร์วิ่งแบบลืมตัว หัวใจเขาเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมา เขาหมดแรงจนยืนไม่ขึ้นและทรุดลงข้างถนน-- มองดูหนังสือที่ไรเดอร์คว้ามาจากห้องสมุด

    "... ร้อยแก้วของจินตกวีโฮมเมอร์? กับ... แผนที่โลก? ทำไมล่ะ?"

    หนังสือปกแข็งเล่มหรูนั้นมาจากกวีคนดังของกรีกโบราณ ส่วนหนังสือพิมพ์สีเล่มบางเป็นหนังสือเรียน

    จากด้านหลังของเวฟเวอร์ที่กำลังงุนงง แขนใหญ่ๆโผล่พรวดออกมาหยิบหนังสือด้วยปลายนิ้ว

    ไรเดอร์กลับเป็นร่างเนื้ออีกครั้งแล้วนั่งขัดสมาธิบนถนน พลิกดูหน้าต่างๆของแผนที่ที่ฉกมาจากเวฟเวอร์อย่างรวดเร็ว

    "นี่ไรเดอร์ ที่เมื่อกี้บอกว่าเตรียมตัวทำสงคราม..."

    "ไม่มีแผนที่จะทำสงครามได้ยังไง แค่นี้น่าจะรู้นี่?"

    ไรเดอร์กำลังมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด เขายิ้มยิงฟันและจ้องดูรายละเอียดของแผนที่

    "ตอนนี้สำรวจไปจนสุดขอบโลกแล้ว สรุปว่าโลกกลม... เข้าใจล่ะ เขียนภาพโลกกลมๆลงกระดาษแล้วออกมาเป็นอย่างงี้เอง"

    เท่าที่เวฟเวอร์รู้มา วิญญาณวีรชนที่จอกอัญเชิญมาเป็นเซอร์แวนจะได้รับความรู้ อย่างน้อยที่สุดก็มากพอจะไม่ขัดแย้งกับยุคปัจจุบัน หมายความว่าคนโบราณอย่างหมอนี่ต้องเข้าใจแล้วว่าโลกกลม เวฟเวอร์เลยไม่เข้าใจว่าทำไมไรเดอร์ต้องทำตัวเป็นโจรเพื่อแค่แผนที่ด้วย

    "ถ้างั้น... นี่เจ้าหนุ่ม มาเซโดเนียกับเปอร์เซียล่ะอยู่ที่ไหน?"

    "..."

    เวฟเวอร์รู้สึกเสื่อมเสียที่ไรเดอร์เรียกมาสเตอร์ของตัวเองว่า "เจ้าหนุ่ม" แทนที่จะเรียกชื่อของเขา ถึงอย่างนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปยังส่วนหนึ่งของแผนที่ ตอนนั้นเอง--

    --

    "วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!"

    ไรเดอร์ระเบิดเสียงหัวเราะจนเวฟเวอร์เอ๋ออีกครั้ง

    "ฮ่าฮ่าฮ่า! เล็กจริงๆ! แค่นั้นเองเมื่อเทียบกับโลกอันกว้างใหญ่! อืม เยี่ยมไปเลย! ตอนแรกกำลังกังวลอยู่เพราะได้ยินว่ายุคนี้ไม่มีดินแดนที่ไม่รู้จัก... แต่ถ้ามันใหญ่ขนาดนี้ ก็เยี่ยมไปเลย!"

    ไรเดอร์หัวเราะดังลั่นสมกับตัวเขา เวฟเวอร์กำลังคิดว่าขอเจอแผ่นดินไหวหรือทอร์นาโดแทนที่จะเจอคนตัวเท่านี้ดีกว่า

    "ดี ดีเลย! ข้าชักจะตื่นเต้นแล้วสิ! ... แล้วพวกเราล่ะ เจ้าหนุ่ม พวกเราอยู่ตรงไหนในแผนที่?"

    เวฟเวอร์ชี้ไปที่ญี่ปุ่นทางโลกตะวันออกด้วยความหงุดหงิด ไรเดอร์คร่ำครวญด้วยความชื่นชมและ

    "โอ้โห-- อยู่คนละฟากโลกเลยนี่... อืม ดีใจเหลือเกิน งั้น เป้าหมายของเราก็ชัดเจนแล้ว"

    เขาลูบเคราอย่างดุดัน พยักหน้าด้วยความพอใจ

    "... เป้าหมายเหรอ?"

    "ก่อนอื่นเราก็ไปอีกครึ่งโลก ตะวันตก ตรงไปทางตะวันตก ระหว่างทางก็ยึดมันซะทุกประเทศ เป็นเครื่องฉลองการกลับไปมาเซโดเนียของข้า ข้าจะให้คนในประเทศเลี้ยงฉลองการคืนชีพของข้า หึหึหึ เจ้าชอบความคิดข้ามั้ยล่ะ?"

    เวฟเวอร์อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วแผดเสียงออกมาด้วยความโมโหทั้งๆที่ยังมึนๆ

    "นายมาที่นี่เพื่ออะไร! เพื่อเฮเว่นฟีล เพื่อจอกโว้ย!"

    ไรเดอร์ถอนหายใจ เซ็งกับอาการโมโหของเวฟเวอร์

    "แต่นั่นมันเรื่องรอง จะจู้จี้ไปทำไม--"

    ไรเดอร์พูดเหมือนพึ่งจะนึกเรื่องนี้ออก

    "ใช่สิ จอก ข้าน่าจะถามเรื่องนี้ก่อน เจ้าหนุ่ม เจ้าจะเอาจอกไปทำอะไร?"

    เวฟเวอร์ตามอารมณ์ใจเย็นของไรเดอร์ไม่ทัน และรู้สึกหนาวเยือกแบบที่ตัวเองอธิบายไม่ถูก

    "... ทำไมจู่ๆก็เปลี่ยนเรื่องล่ะ? จะถามชั้นไปทำไม?"

    "ข้าต้องแน่ใจก่อนน่ะสิ ถ้าเจ้าอยากครองโลกเหมือนข้า เราก็ต้องเป็นศัตรูกันจริงมั้ย? ไม่จำเป็นต้องมีผู้คุมกฎสูงสุดถึงสองคนหรอก"

    มันไร้เหตุผลสิ้นดีที่เซอร์แวนท์พูดเรื่องนั้นอย่างไม่ระมัดระวังโดยไม่เห็นหัวเขา ทั้งๆที่ยังหันหลังให้กับมาสเตอร์และเรย์จู กระนั้นเวฟเวอร์ก็สะดุ้งอย่างรุนแรงเพราะความโหดร้ายที่อยู่ในใจความของเสียงอันหาญกล้าของชายร่างใหญ่ ความกลัวครอบงำจนเขาลืมเรื่องสำคัญที่สุดที่ว่าเขาเป็นมาสเตอร์ไปจนหมดสิ้น

    "ยะ อย่าโง่น่า! โลกเหรอ ชั้นไม่..."

    เวฟเวอร์อึกอัก และนึกออกทันทีว่าต้องคงความภูมิฐานไว้

    "ครองโลกเรอะ-- หึ ชั้นไม่สนใจเป้าหมายธรรมดาๆแบบนั้นหรอก!"

    "หืม?"

    ไรเดอร์เปลี่ยนอารมณ์ทันที จ้องเวฟเวอร์ด้วยความสนใจสุดขีด

    "หมายความว่าเจ้ามีความทะเยอทะยานที่เหนือกว่าการครองโลกงั้นรึ? น่าสนใจ บอกข้ามาสิ"

    เวฟเวอร์ยิ้มเยาะ และพูดวางท่าด้วยความภูมิใจ

    "ชั้น... ที่ชั้นต้องการคือความเท่าเทียม เพื่อเปลี่ยนมุมมองของเพื่อนร่วมงานในหอนาฬิกาที่ไม่เคยมองความสามารถของชั้น--"

    ก่อนจะพูดจบ เวฟเวอร์ก็สะดุ้งโหยง

    พร้อมๆกันนั้น เขาได้ยินไรเดอร์คำรามดังลั่นว่า "แค่เนี้ย!" แต่เขาตกใจเสียงคำรามจนจับใจความไม่ได้

    จริงๆแล้วไรเดอร์ไม่ได้ใส่แรงมากไปกว่าการตบยุง แต่ก็แรงเกินไปสำหรับจอมเวทตัวเตี้ยและอ่อนแอ เวฟเวอร์หมุนเป็นลูกข่างและร่วงลงพื้น

    "เล็กนิดเดียว! กระจ้อยร่อยเหลือเกิน! น่าขำเป็นบ้า! นั่นน่ะรึความทะเยอทะยานที่ทำให้เจ้าเสี่ยงเข้าชีวิตต่อสู้? แล้วเจ้าก็เป็นมาสเตอร์ของข้า? น่าเศร้าเหลือเกิน!"

    เหมือนเขาจะรับไม่ได้ ไรเดอร์ไม่ได้โกรธแต่โศกเศร้าจนจอมเวทประหลาดใจ

    "อะ-- เอ่อ--"

    เวฟเวอร์ไม่เคยเผชิญความซื่อตรงกับความรุนแรงมาก่อน เขาโดนความจริงกระแทกหน้า ศักดิ์ศรีของเขาดูจะเจ็บปวดมากกว่าใบหน้าเสียอีก

    เวฟเวอร์เดือดจนปากสั่น หน้าซีดเผือด แต่ไรเดอร์ไม่สนใจแม้แต่น้อย

    "ถ้าอยากให้คนอื่นเห็นหัวเจ้า ใช่แล้ว... ข้าจะบอกเจ้าเอง เจ้าหนุ่ม ใช้พลังของจอกเพิ่มความสูงเจ้าสัก 30 เซนติเมตร แล้วเจ้าจะได้เห็นวิวจากที่สูง ใช่ เจ้าจะได้เห็นคนมากมายขึ้นจากบนนี้นะ"

    "นะ... นี่แก..."

    เขาโดนลบหลู่ถึงขีดสุด บนความความเดือดดาลนั้น เวฟเวอร์ตาลายเหมือนทรมานเพราะโลหิตจาง ตัวสั่นไปทั้งตัว

    ยกโทษให้ไม่ได้ แบบนี้ยกโทษให้ไม่ได้แล้ว

    ไอ้เจ้ายักษ์นี่ เจ้าเซอร์แวนท์ เป็นแค่บริวาร แต่กลับไม่สนใจศักดิ์ศรีของเวฟเวอร์แม้แต่นิดเดียว ดูถูกศักดิ์ศรีของเวฟเวอร์แบบนี้ต่อให้พระเจ้าก็ไม่ยกโทษให้—

    บนมือขวาของเวฟเวอร์ เขากำมือแน่นจนแทบจะจิกเนื้อ— พลังไหลพล่านสู่ผนึกทั้งสามที่สลักบนหลังมือ

    'ด้วยพลังของเรย์จูนี้ — ผู้พิทักษ์ภายใต้อาณัติแห่งจอก — จงให้ชายผู้นั้น เซอร์แวนท์ของชั้น —'

    ให้ไรเดอร์... ให้เขา อะไรล่ะ?

    แน่นอนเขายังไม่ลืมว่าทำไมถึงออกมาจากหอนาฬิกา ทำไมถึงต้องมายังประเทศห่างไกลทางตะวันออกแบบนี้

    ทั้งหมดเพื่อให้ได้ครอบครองจอก เขาถึงได้อัญเชิญเซอร์แวนท์ ถ้าเกิดเรื่องคอขาดบาดตายขึ้นสักสองครั้ง หลังจากครั้งที่สาม— เรย์จูจะหายไป แปลว่าเขาจะแพ้ในฐานะที่เป็นมาสเตอร์

    สถานการณ์สาหัสครั้งแรกต้องไม่ใช่ตอนนี้ จริงมั้ยล่ะ? นี่ยังไม่ถึงชั่วโมงหลังจากอัญเชิญมาเลยนะ?

    เวฟเวอร์ละอายใจ ก้มหน้าลงแล้วหายใจลึกๆหลายครั้ง จากนั้นก็ใช้เหตุผลและการคำนวณตามธรรมชาติของเขาสลัดความลังเลในใจทิ้งไป

    ใจร้อนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ท่าทางของไรเดอร์ไม่น่าให้อภัยก็จริง แต่เซอร์แวนท์ก็ยังไม่ต่อต้านมาสเตอร์ของเขา หรือขัดคำสั่งอะไร

    เวฟเวอร์ลงแส้เจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ได้แค่สามครั้งเท่านั้น แค่มันเห่าใส่หน่อยก็จะใช้นี่เกินไปหน่อยหรือเปล่า?

    เวฟเวอร์ใจเย็นเหมือนเดิม ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้น ส่วนไรเดอร์ยังนั่งอยู่ที่พื้น ดูหมิ่นมาสเตอร์ของตัวเอง ไม่ก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองมีมาสเตอร์ เขาอ่านหนังสือแผนที่อยู่ เวฟเวอร์พูดใส่แผ่นหลังกว้างๆของเขา

    "ถ้านายได้จอกมา ชั้นจะไม่บ่นอะไรเลย ชั้นไม่สนหรอกว่านายจะทำอะไรหลังจากนั้น นายจะบินไปไหนก็เชิญ จะมาเซโดเนียหรือขั้วโลกใต้ก็เรื่องของนาย"

    ฮู—ม ไรเดอร์หายใจด้วยความท้อแท้ —หรือไม่ใยดี ด้วยเสียงที่พ่นออกมาจากจมูกของเขานี้เป็นใครก็ไม่อาจรู้ได้

    "... ยังไงก็ตาม นายรู้ว่าอะไรต้องมาก่อนใช่มั้ย? นายจะตั้งใจเข้าร่วมสงครามจอกรึเปล่า?"

    "เออ ข้าเข้าใจแล้ว ใช่สิ"

    ไรเดอร์เงยหน้าจากหนังสือแผนที่แล้วหันมองเวฟเวอร์ผ่านไหล่ของเขาอย่างรำคาญใจ

    "ก่อนอื่นก็ต้องเอาชนะวิญญาณวีรชนทั้ง6ก่อนใช่มั้ย? ลำบากเอาการอยู่ แต่จริงๆแล้วถ้าไม่มีจอกข้าก็เริ่มทำอะไรไม่ได้ สบายใจเถอะ สมบัตินั่นเดี๋ยวจัดให้"

    "..."

    เขาพูดอย่างสงบและใจเย็น แต่เวฟเวอร์ยังไม่ปักใจเชื่อซะทีเดียว

    แน่นอนว่าวิญญาณวีรชนคนนี้ไม่ได้ตลบแตลง ตราบที่เวฟเวอร์ยังเป็นมาสเตอร์อยู่ เซอร์แวนท์ของเขาถือว่ามีพลังล้นหลาม

    แต่ตรงกันข้าม เซอร์แวนท์ไม่ได้ใช้แค่ความสามารถขณะที่ต่อสู้กันเท่านั้น เฮเว่นฟีลไม่ใช่ของง่ายๆที่จะใช้กล้ามโตๆลุยฝ่าไปได้

    "ดูนายมั่นใจจริงนะ แต่นายจะมีโอกาสชนะเท่าไหร่เชียว?"

    เวฟเวอร์พูดยั่ว ขู่ไรเดอร์ด้วยพลังทั้งหมดที่มี ชั้นคือมาสเตอร์ ชั้นต้องอวดเบ่งได้สิ เขาคิดแบบนั้น

    "งั้น เจ้าว่าเจ้าอยากเห็นพลังของข้าสินะ?"

    ไรเดอร์เหลือบมอง และเปลี่ยนไปใช้เสียงเรียบๆที่ทำให้เวฟเวอร์ไม่สบายใจ

    "ใช่ ถูกแล้ว ก็น่าจะรู้ไม่ใช่เรอะ? ชั้นอยากได้ข้อพิสูจน์จะได้ไว้ใจนายได้"

    เซอร์แวนท์ร่างยักษ์หัวเราะในจมูก หยิบดาบของเขาออกมาจากฝักที่เอว มันเป็นดาบล้ำค่าที่สร้างขึ้นอย่างงดงาม แต่ไม่เห็นรู้สึกว่าจะมีพลังปราณของโนเบิล แฟนทาสซึ่มในตัวมันเองเลย กระนั้นเมื่อไรเดอร์ดึงดาบออกมา บรรยากาศแห่งความอันตรายก็ทำให้เวฟเวอร์ไม่สบายใจ หมอนั่นคงไม่คิดจะเชือดชั้นเพราะชั้นปากมากหรอกนะ... ?

    ไรเดอร์ชูดาบที่เปลือยเปล่าขึ้นเหนือหัวโดยไม่รู้ว่ามาสเตอร์ของเขากำลังตัวสั่นงั่กๆ

    "ด้วยดาบนี้ ข้า อิซคานดาร์ กษัตริย์ผู้พิชิต ขอใช้สิทธิแห่งความยิ่งใหญ่!"

    เขาตะโกนก้องไปยังท้องฟ้าที่ว่างเปล่า และตวัดดาบของเขาผ่านพื้นที่ว่างอย่างรุนแรง

    ตอนนั้นเอง เกิดเสียงฟ้าผ่าคำราม แม่น้ำยามค่ำคืนสั่นไหวดุจสายฟ้าจากแรงสะเทือนมหาศาล

    ท้องไส้เขาปั่นป่วน เวฟเวอร์เสียสมดุลล้มลงพื้นอีกครั้ง ถ้าคมดาบของไรเดอร์ฟันไม่โดนอะไร แล้วมันพึ่งตัดอะไรไปล่ะ--

    เวฟเวอร์เห็นช่องว่างถูกตัดขาด เหมือนปากที่กำลังอ้า กับสิ่งที่มีพลังจนน่าขันที่อยู่ตรงนั้น

    และ เวฟเวอร์พึ่งจะจำได้ว่าเซอร์แวนท์คืออะไร

    ในตำนานแห่งวีรชน วีรชนไม่ได้เป็นเพียงมนุษย์ ยังมีเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับตัวเขา เครื่องมือกับอาวุธของเขาล้วนแล้วแต่เป็น "สัญลักษณ์" ของเขาทั้งสิ้น "สัญลักษณ์" ที่ว่านี้เป็นสุดยอดเรื่องลึกลับที่เซอร์แวนท์ ตัวตนของวิญญาณวีรชนมีไว้เป็นไพ่ตาย มันคืออาวุธไม้ตายที่รู้จักกันในนาม "โนเบิล แฟนทาสซึ่ม"

    เช่นนี้ก็-- ไม่ผิดแน่ สิ่งที่จะโผล่มาจากช่องว่างที่ไรเดอร์ฟัน ต้องเป็น ไม่ต้องสงสัยเลย ต้องเป็นโนเบิล แฟนทาสซึ่มของเขา  กำลังซ่อนตัวอยู่ พลังเวทอันตรายที่ควบแน่นเหนือธรรมดา เวฟเวอร์รู้สึกได้ว่า นี่คือปาฏิหาริย์ที่เหนือกว่ามนุษยชาติ เหนือกว่าเวทมนตร์

    "ข้าจับดาบและได้มันมาก็เพราะ  กษัตริย์กอร์เดียสถวายมันแด่เซอุส ... คงเพราะกิตติศัพท์ของมันนี่แหละข้าจึงเป็นคลาสไรเดอร์"

    ด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจที่ทอประกายอยู่เบื้องหน้าอาวุธนั้น ฟังแล้วไรเดอร์คงไม่ได้โม้แน่ๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าทำไมเขาถึงใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วและไว้ใจมันเหลือเกิน

    "เอาล่ะ นี่แค่ตัวอย่างนะ โนเบิล แฟนทาสซึ่มที่ข้าเชื่อมั่นน่ะยังมีอย่างอื่นอีก เจอศัตรูเมื่อไหร่ข้าจะแสดงให้ดู ถ้าข้าเจอศัตรูที่คู่ควรล่ะก็นะ"

    เวฟเวอร์ขนลุก เปลี่ยนมุมมองไรเดอร์ใหม่ เพราะเขาเป็นจอมเวทเขาเลยเข้าใจพลังทำลายของโนเบิล แฟนทาสซึ่มตรงหน้าเป็นอย่างดี เทียบกับอาวุธทุกวันนี้ก็ราวๆระเบิดถล่มเมือง เขาเปลี่ยนเขตชิโตทั้งเขตให้กลายเป็นซากได้ถ้าเขาเกิดคลั่งแค่ไม่ถึงชั่วโมง

    เขาไม่เหลือความแคลงใจแล้ว ไรเดอร์ผู้นี้เป็นเซอร์แวนท์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างที่เวฟเวอร์หวังไว้ ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าที่เวฟเวอร์จะจินตนาการได้ ถ้าจะมีศัตรูที่ชายคนนี้ล้มไม่ลง ต้องเป็นอะไรที่พระเจ้าก็เอาไม่อยู่แน่นอน

    "นี่เจ้าหนุ่ม ทำไมหน้าซีดงั้นล่ะ ข้ายังไม่ได้เริ่มเลย"

    ไรเดอร์รู้สึกถึงความมุ่งร้าย เขาพูดกับมาสเตอร์ที่ล้มลง

    "ถ้าเจ้าต้องการจอกขนาดนั้น เราควรจะรู้ที่อยู่ของวิญญาณวีรชนสักคนสองคนโดยเร็ว แล้วข้าจะได้กระทืบพวกนั้นทันที ... ระหว่างนั้นข้าขอดูแผนที่แก้เบื่อไปก่อน เจ้าไม่ว่าอะไรใช่มั้ย?"

    วิญญาณเวฟเวอร์หลุดจากร่างไปแล้ว เขาค่อยๆพยักหน้าช้าๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×