ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Book1 Act 1 Part 5
ณ ที่ว่างซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นผงในมุมเล็กๆของเมืองแถบภูเขาฟุยูกิ เวฟเวอร์ เวลเว็ตเตรียมพิธีอัญเชิญหลังจากมั่นใจว่าเขาอยู่คนเดียว
เส้นประสาทของเวฟเวอร์ตึงสุดๆมาทั้งวันเพราะฝูงไก่ที่มัวแต่ขันไม่หยุด มากขนาดที่เขาต้องทำพิธีชำระจิตใจก่อนจะดำเนินการต่อ
วงไสยเวทต้องร่างเสร็จขณะที่เลือดไก่ยังอุ่นๆ เขาฝึกมาหลายต่อหลายครั้งเพื่อเขียนลวดลายวงกลมทั้งสี่วงในช่วงว่างกลางวงเวทอัญเชิญ
จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด
“จงปิด จงปิด จงปิด จงปิด จงปิด การเอ่ยซ้ำอันสมบูรณ์แบบทั้งห้า บัดนี้ จงทำลายอักษรเวทแทนตัวข้า!”
เวฟเวอร์สาดเลือดไก่ลงพื้นอย่างระมัดระวังเพื่อร่ายคาถา
ในห้องทำงานใต้ดินที่บ้านโทซากะในเมืองเล็กๆแถบภูเขาเมืองเดียวกันนั้น การเตรียมการเหมือนๆกันเพื่อพิธีกรรมเดียวกันก็ได้ถูกเตรียมขึ้น
“ท่านผู้แรก โอ โลหะ โอ เหล็ก โอ ศิลาฤกษ์ โอ ดยุคผู้ยิ่งใหญ่แห่งพันธสัญญา โปรดรับฟังข้าในนามของท่านอาจารย์จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ ชไวนอร์ก
ให้สายลมคล้อยต่ำมากั้นแผง ให้กำแพงทุกแห่งเลื่อนปิด พุ่งขึ้นมิดเหนือองค์มงกุฎ ให้จุดสามแพร่งแห่งอาณาจักรหมุนวน”
โทซากะ โทคิโอมิเอ่ยคำร่ายมนต์เสียงดังขณะสลักวงไสยเวท เขาไม่ได้ใช้เลือดจากเหยื่อบูชายัญแต่ใช้หัวเชื้อเหลวจากอัญมณีเวท เพื่อวันนี้วันเดียวโทซากะถึงกับลงทุนใช้อัญมณีอัดพลังปราณซึ่งเขาสะสมไว้จนหมดในคราวเดียว
ข้างตัวเขาคือหลวงพ่อโคโตมิเนะกับลูกชาย – ริเซย์กับคิเรย์
คิเรย์จ้องเขม็งไปยังวัตถุโบราณบนแท่นบูชา มองเผินๆมันเหมือนซากชิ้นส่วนจากมัมมี่ แต่จริงๆแล้วว่ากันว่ามันคือฟอสซิลคราบงูที่งูตัวแรกของโลกในยุคก่อนประวัติศาสตร์จนไม่อาจนับได้เป็นผู้ลอกออกมา เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่คิเรย์จะรู้สึกถึงรังสีแห่งความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากวิญญาณวีรชนที่กำลังจะอัญเชิญ
ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมโทคิโอมิถึงได้มั่นใจขนาดนั้น ไม่มีเซอร์แวนท์คนไหนเอาชนะวิญญาณวีรชนที่โทคิโอมิเลือกมาได้แน่ๆ
ขณะเดียวกัน ณ ปราสาทอันห่างไกลแห่งไอนส์เบิร์น เอมิยะ คิริทสึงุกำลังตรวจสอบความเรียบร้อยของวงเวทอัญเชิญที่ร่างไว้บนพื้นห้องบวงสรวง
“เป็นพิธีกรรมธรรมดาๆแบบนี้เลยเหรอคะ?”
สำหรับไอรีสฟีลที่ยืนดูขั้นตอนต่างๆอยู่นั้น เธอแปลกใจที่เห็นว่าการเตรียมการช่างธรรมดาเหลือเกิน
“อาจจะทำให้ผิดหวังสักหน่อยล่ะนะ แต่การอัญเชิญเซอร์แวนท์ไม่จำเป็นต้องใช้พิธีบวงสรวงที่เลิศหรูอลังการเลย”
คิริทสึงุอธิบายขณะตรวจดูเส้นขดและเส้นตรงที่เขียนด้วยปรอทอย่างรอบคอบ
“เพราะจริงๆแล้วสิ่งที่อัญเชิญเซอร์แวนท์ไม่ใช่พลังของจอมเวทแต่เป็นพลังของจอกศักดิ์สิทธิ์ ในฐานะของมาสเตอร์ชั้นเป็นเพียงเชือกที่ผูกไว้ระหว่างวิญญาณวีรชนกับโลกที่เราอยู่ จากนั้นก็แค่สนับสนุนพลังปราณที่จำเป็นในการคงตัวตนอยู่ในโลกนี้ให้กับเขาเท่านั้นเอง”
เมื่อพอใจกับสภาพของวงเวทอัญเชิญ คิริทสึงุก็พยักหน้าและยืนขึ้น โบราณวัตถุอยู่บนแท่นพิธีเรียบร้อยแล้ว – ฝักดาบศักดิ์สิทธิ์ในตำนานนั่นเอง
“ถ้าเป็นแบบนี้ ชัยชนะต้องตกอยู่ในมือของเราแน่”
“เจ้าจำคาถาอัญเชิญได้ขึ้นใจรึยัง?”
มาโต้ โซเค็นย้ำแล้วย้ำอีกกับคาริยะเพื่อความปลอดภัย ผู้อยู่ด้านหลังพยักหน้าในความมืด
ความชั่วร้ายเหม็นสาบทั้งมวลแห่งความเน่าเปื่อยแลเปียกชื้น สีเขียวอันมืดหม่นดั่งใต้ท้องทะเลลึก ที่นี่คือคลังหนอนที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นดินแห่งบ้านมาโต้ในเมืองเล็กๆบนเขานี้ “เยี่ยมมาก พอท่องได้ครึ่งหนึ่งเจ้าจงเพิ่มคาถาอีกสองบทเข้าไปตรงกลาง”
“หมายความว่าไงครับ?”
โซเค็นยิ้มอย่างชั่วร้ายให้กับคาริยะที่กำลังงงงวย
“น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่รึ? คาริยะ เจ้าน่าจะรู้ว่าในฐานะจอมเวท ความสามารถของเจ้านั้นต่างชั้นกับมาสเตอร์คนอื่นอยู่หลายขั้นนัก มันจะส่งผลไปถึงความสามารถพื้นฐานของเซอร์แวนท์ด้วย
ถ้างั้นก็ต้องปรับปรุงมันตั้งแต่เรื่องคลาสของเซอร์แวนท์ เราจะดันความเป็นไปได้ขึ้นมาจากรากฐานเลย”
เลือกคลาสของเซอร์แวนท์โดยปรับปรุงคาถาอัญเชิญ
ปกติคลาสของเซอร์แวนท์ที่อัญเชิญมาจะถูกกำหนดโดยลักษณะของวิญญาณวีรชนโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ยังไงก็ตามมันมีข้อยกเว้นอยู่ มีสองคลาสที่ผู้อัญเชิญสามารถกำหนดด้วยตัวเองได้
หนึ่งในนั้นคือแอซซาซิน วิญญาณวีรชนคลาสนี้เป็นกลุ่มนักฆ่าในนามของฮัซซาน ไอ ซับบาห์
ส่วนอีกคลาสจะเป็นวิญญาณวีรชนของผู้ใดก็ได้และจะยิ่งได้ผลชัดเจนเมื่อผู้อัญเชิญเป็นคนต่างสัญชาติกัน ฉะนั้นแล้ว –
“บัดนี้ จงอัญเชิญเซอร์แวนท์ผู้มี ‘เสน่ห์แห่งความบ้าคลั่ง’ ออกมา!”
โซเค็นประกาศเสียงดังด้วยใบหน้าเป็นสุขสุดขีดราวกับเป็นการต้อนรับหายนะที่กำลังจะตามมา
“คาริยะ ผู้เป็นมาสเตอร์แห่งเบอร์เซิร์กเกอร์ จงสู้เพื่อข้าด้วยกำลังทั้งหมดที่เจ้ามี”
ในวันนั้น มีการร่ายคาถาในสถานที่ต่างๆโดยมีเป้าหมายที่แตกต่างกันซึ่งเกิดขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน การตรงกันอย่างบังเอิญนี้ยากที่จะพูดได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ
จอมเวททุกคนหวังในสิ่งเดียวกัน
หวังในปาฏิหาริย์ ถ้อยคำอัญเชิญที่ส่งไปถึงวีรชนผู้อยู่อีกฟากของจักรวาลดังก้องออกมาพร้อมๆกันจากคนเหล่านี้ คนที่ต้องสังหารกันเองอย่างโหดร้ายเพื่อให้ได้มาซึ่งปาฏิหาริย์
“พร้อม –”
ช่วงเวลานี้คือบททดสอบที่โหดที่สุดสำหรับจอมเวท ถ้าแพ้ก็มีสิทธิ์ตาย เวฟเวอร์รู้ดีทว่าไม่ได้กลัวแม้แต่นิดเดียว
ความรู้สึกอยากที่จะโหยหาความแข็งแกร่ง ความมุ่งมั่นที่จะไล่ตามเป้าหมายอย่างไม่ย่อท้อ ถ้ามองจากเรื่องพวกนี้เวฟเวอร์ เวลเว็ตเป็นจอมเวทที่ร้ายกาจอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ – พร้อม
ให้ร่างท่านอยู่ในอำนาจข้า ให้ชะตาข้าอยู่ในคมดาบท่าน
หากท่านน้อมรับคำเชิญแห่งจอกศักดิ์ศิทธิ์ และหากท่านยอมน้อมรับจิตใจนี้ เหตุผลอันนี้ เช่นนั้นขอให้ท่านจงตอบรับข้า”
ความรู้สึกที่พลังปราณไหลเวียนไปทั่วร่าง ความพยาบาทเย็นยะเยือกและความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากวงจรเวทที่ไหลเลื่อนและหมุนเวียนในร่างเป็นสิ่งที่จอมเวททุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เวฟเวอร์กัดฟันร่ายเวทต่อ
“ – ข้าให้คำสัตย์ ข้าคือผู้ที่จะเป็นความบริสุทธิ์แห่งสรวงสวรรค์ ข้าคือผู้ที่จะอาบความชั่วร้ายแห่งขุมนรก”
สายตาของคิริทสึงุมืดมัวลง
สมบัติประจำตระกูลเอมิยะที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นสลักอยู่บนหลังของเขา ต่างก็กำลังร่ายคาถาในฐานะที่เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่ช่วยส่งเสริมเวทมนตร์ของคิริทสึงุ หัวใจของคิริทสึงุนั้นหลุดจากการควบคุมแล้ว มันเต้นรัวเหมือนนาฬิกาที่กำลังรีบ
เนื้อตัวของเขาทรมานจากพลังเวทที่รวบรวมมาจากในอากาศจนตอนนี้ลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นมนุษย์ แต่กลายเป็นส่วนประกอบของพิธีกรรมลึกลับไปแทน
คิริทสึงุพยายามจะไม่สนใจความเจ็บปวดจากความขัดแย้งที่รุนแรงพอจะทำให้คนกรีดร้องออกมาได้ และพยายามเพ่งสมาธิในการบริกรรมคาถา แม้แต่ไอรีสฟีลที่กลั้นหายใจอยู่ข้างๆก็ไม่อยู่ในการรับรู้ของเขาแล้ว
คาริยะใส่ส่วนผสมต้องห้ามอันแปลกประหลาดลงไปในคาถาอัญเชิญ เขาเพิ่มคาถาสองบทที่จะช่วงชิงสติสัมปชัญญะของวิญญาณวีรชนที่ถูกอัญเชิญมาและลดระดับของวีรชนสู่ระดับของเบอร์เซิร์กเกอร์
“ – กระนั้น ท่านผู้หรี่ตามองในหมอกแห่งความยุ่งเหยิง ท่านผู้ถูกขังในกรงแห่งความบ้าคลั่ง ข้าคือผู้ควบคุมเหล่าพันธนาการนั้น – ”
คาริยะต่างจากจอมเวทคนอื่นตรงที่วงจรเวทของเขาถูกสร้างจากสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในตัวเขาเหมือนพยาธิ จำเป็นจะต้องใช้ความเจ็บปวดในการกระตุ้นพวกมันและการใช้วงจรเวทของเขานั้นทรมานกว่าจอมเวทคนอื่นจนไม่อาจเทียบได้เลย ตอนที่เขากำลังร่ายเวทแขนขาจะกระตุกจนชักและมีเลือดซึมออกมาทางรูขุมขน
น้ำตาเม็ดโตซึมออกจากตาขวาที่ยังเหลืออยู่และไหลเป็นทางลงมาที่แก้มของเขา
แม้กระนั้น คาริยะก็ยังไม่เสียสมาธิ
พอคิดถึงภาระที่แบกรับไว้บนแผ่นหลัง – เขาจะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
“ท่านผู้อยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ด ห้อมล้อมไปด้วยคำตรัสแห่งพระผู้เป็นเจ้า จงหลุดจากบังเหียนที่ฉุดรั้ง และกลายเป็นผู้ปกป้องสมดุลย์เถิด – !”
เมื่อคำภาวนาจบลง โทคิโอมิรู้สึกเลยว่าพลังปราณที่พุ่งพล่านในร่างของเขานั้นเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด
สายฟ้าและฟ้าผ่าคำราม พร้อมๆกับมีกับเมฆหมุนวนซึ่งสายลมกรรโชกเกื้อหนุน ด้วยพลังแห่งพายุทำให้ผู้เฝ้าดูอย่างคิเรย์ไม่สามารถลืมตาได้ สัญลักษณ์ของวงเวทอัญเชิญเปล่งแสงสว่างจ้า
ในที่สุดวงจรเวทก็เชื่อมต่อกับสิ่งที่เหนือมนุษย์… จากแสงสว่างที่เปล่งออกมาไม่หยุด เค้าโครงสีทองของมนุษย์ปรากฎขึ้น สง่างามและมั่นคงจนน่าเกรงขาม หลวงพ่อริเซย์ละเมอทั้งๆที่ยังมีสติอยู่
“…เราชนะแล้ว คิเรย์ เราได้ชัยในสงครามนี้แล้ว…”
ความปรารถนาถูกส่งผ่านมายังพวกเขาเช่นนี้เอง
มาจากอีกฟากและหยุดลง ณ ที่แห่งนี้ ภาพมายาในตำนานซึ่งห่อหุ้มด้วยสายลมและสายฟ้า
เคยเป็นมนุษย์แต่มิได้สิ้นชีวีอย่างคนธรรมดา ยกระดับตนเองสู่พลังอันเหนือมนุษย์ สถานที่ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติมารวมตัวกัน… จากบัลลังก์แห่งวีรชนที่มีพลังจะก้าวข้ามพระเจ้า คลื่นแห่งวิญญาณวีรชนจากความฝันของชายชาตรีนับไม่ถ้วนตกลงมาสู่โลกนี้พร้อมๆกัน
จากนั้น –
ในป่ายามค่ำคืน บนม้านั่งหินที่ล้อมรอบด้วยความมืด ณ ที่ซึ่งต่างกันนั้นใครบางคนกำลังพูดด้วยเสียงอันทรงพลัง:
“ข้าขอเอ่ยถาม ท่านคือมาสเตอร์ของข้าใช่ฤไม่?”
เส้นประสาทของเวฟเวอร์ตึงสุดๆมาทั้งวันเพราะฝูงไก่ที่มัวแต่ขันไม่หยุด มากขนาดที่เขาต้องทำพิธีชำระจิตใจก่อนจะดำเนินการต่อ
วงไสยเวทต้องร่างเสร็จขณะที่เลือดไก่ยังอุ่นๆ เขาฝึกมาหลายต่อหลายครั้งเพื่อเขียนลวดลายวงกลมทั้งสี่วงในช่วงว่างกลางวงเวทอัญเชิญ
จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด
“จงปิด จงปิด จงปิด จงปิด จงปิด การเอ่ยซ้ำอันสมบูรณ์แบบทั้งห้า บัดนี้ จงทำลายอักษรเวทแทนตัวข้า!”
เวฟเวอร์สาดเลือดไก่ลงพื้นอย่างระมัดระวังเพื่อร่ายคาถา
ในห้องทำงานใต้ดินที่บ้านโทซากะในเมืองเล็กๆแถบภูเขาเมืองเดียวกันนั้น การเตรียมการเหมือนๆกันเพื่อพิธีกรรมเดียวกันก็ได้ถูกเตรียมขึ้น
“ท่านผู้แรก โอ โลหะ โอ เหล็ก โอ ศิลาฤกษ์ โอ ดยุคผู้ยิ่งใหญ่แห่งพันธสัญญา โปรดรับฟังข้าในนามของท่านอาจารย์จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ ชไวนอร์ก
ให้สายลมคล้อยต่ำมากั้นแผง ให้กำแพงทุกแห่งเลื่อนปิด พุ่งขึ้นมิดเหนือองค์มงกุฎ ให้จุดสามแพร่งแห่งอาณาจักรหมุนวน”
โทซากะ โทคิโอมิเอ่ยคำร่ายมนต์เสียงดังขณะสลักวงไสยเวท เขาไม่ได้ใช้เลือดจากเหยื่อบูชายัญแต่ใช้หัวเชื้อเหลวจากอัญมณีเวท เพื่อวันนี้วันเดียวโทซากะถึงกับลงทุนใช้อัญมณีอัดพลังปราณซึ่งเขาสะสมไว้จนหมดในคราวเดียว
ข้างตัวเขาคือหลวงพ่อโคโตมิเนะกับลูกชาย – ริเซย์กับคิเรย์
คิเรย์จ้องเขม็งไปยังวัตถุโบราณบนแท่นบูชา มองเผินๆมันเหมือนซากชิ้นส่วนจากมัมมี่ แต่จริงๆแล้วว่ากันว่ามันคือฟอสซิลคราบงูที่งูตัวแรกของโลกในยุคก่อนประวัติศาสตร์จนไม่อาจนับได้เป็นผู้ลอกออกมา เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่คิเรย์จะรู้สึกถึงรังสีแห่งความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากวิญญาณวีรชนที่กำลังจะอัญเชิญ
ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมโทคิโอมิถึงได้มั่นใจขนาดนั้น ไม่มีเซอร์แวนท์คนไหนเอาชนะวิญญาณวีรชนที่โทคิโอมิเลือกมาได้แน่ๆ
ขณะเดียวกัน ณ ปราสาทอันห่างไกลแห่งไอนส์เบิร์น เอมิยะ คิริทสึงุกำลังตรวจสอบความเรียบร้อยของวงเวทอัญเชิญที่ร่างไว้บนพื้นห้องบวงสรวง
“เป็นพิธีกรรมธรรมดาๆแบบนี้เลยเหรอคะ?”
สำหรับไอรีสฟีลที่ยืนดูขั้นตอนต่างๆอยู่นั้น เธอแปลกใจที่เห็นว่าการเตรียมการช่างธรรมดาเหลือเกิน
“อาจจะทำให้ผิดหวังสักหน่อยล่ะนะ แต่การอัญเชิญเซอร์แวนท์ไม่จำเป็นต้องใช้พิธีบวงสรวงที่เลิศหรูอลังการเลย”
คิริทสึงุอธิบายขณะตรวจดูเส้นขดและเส้นตรงที่เขียนด้วยปรอทอย่างรอบคอบ
“เพราะจริงๆแล้วสิ่งที่อัญเชิญเซอร์แวนท์ไม่ใช่พลังของจอมเวทแต่เป็นพลังของจอกศักดิ์สิทธิ์ ในฐานะของมาสเตอร์ชั้นเป็นเพียงเชือกที่ผูกไว้ระหว่างวิญญาณวีรชนกับโลกที่เราอยู่ จากนั้นก็แค่สนับสนุนพลังปราณที่จำเป็นในการคงตัวตนอยู่ในโลกนี้ให้กับเขาเท่านั้นเอง”
เมื่อพอใจกับสภาพของวงเวทอัญเชิญ คิริทสึงุก็พยักหน้าและยืนขึ้น โบราณวัตถุอยู่บนแท่นพิธีเรียบร้อยแล้ว – ฝักดาบศักดิ์สิทธิ์ในตำนานนั่นเอง
“ถ้าเป็นแบบนี้ ชัยชนะต้องตกอยู่ในมือของเราแน่”
“เจ้าจำคาถาอัญเชิญได้ขึ้นใจรึยัง?”
มาโต้ โซเค็นย้ำแล้วย้ำอีกกับคาริยะเพื่อความปลอดภัย ผู้อยู่ด้านหลังพยักหน้าในความมืด
ความชั่วร้ายเหม็นสาบทั้งมวลแห่งความเน่าเปื่อยแลเปียกชื้น สีเขียวอันมืดหม่นดั่งใต้ท้องทะเลลึก ที่นี่คือคลังหนอนที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นดินแห่งบ้านมาโต้ในเมืองเล็กๆบนเขานี้ “เยี่ยมมาก พอท่องได้ครึ่งหนึ่งเจ้าจงเพิ่มคาถาอีกสองบทเข้าไปตรงกลาง”
“หมายความว่าไงครับ?”
โซเค็นยิ้มอย่างชั่วร้ายให้กับคาริยะที่กำลังงงงวย
“น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่รึ? คาริยะ เจ้าน่าจะรู้ว่าในฐานะจอมเวท ความสามารถของเจ้านั้นต่างชั้นกับมาสเตอร์คนอื่นอยู่หลายขั้นนัก มันจะส่งผลไปถึงความสามารถพื้นฐานของเซอร์แวนท์ด้วย
ถ้างั้นก็ต้องปรับปรุงมันตั้งแต่เรื่องคลาสของเซอร์แวนท์ เราจะดันความเป็นไปได้ขึ้นมาจากรากฐานเลย”
เลือกคลาสของเซอร์แวนท์โดยปรับปรุงคาถาอัญเชิญ
ปกติคลาสของเซอร์แวนท์ที่อัญเชิญมาจะถูกกำหนดโดยลักษณะของวิญญาณวีรชนโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ยังไงก็ตามมันมีข้อยกเว้นอยู่ มีสองคลาสที่ผู้อัญเชิญสามารถกำหนดด้วยตัวเองได้
หนึ่งในนั้นคือแอซซาซิน วิญญาณวีรชนคลาสนี้เป็นกลุ่มนักฆ่าในนามของฮัซซาน ไอ ซับบาห์
ส่วนอีกคลาสจะเป็นวิญญาณวีรชนของผู้ใดก็ได้และจะยิ่งได้ผลชัดเจนเมื่อผู้อัญเชิญเป็นคนต่างสัญชาติกัน ฉะนั้นแล้ว –
“บัดนี้ จงอัญเชิญเซอร์แวนท์ผู้มี ‘เสน่ห์แห่งความบ้าคลั่ง’ ออกมา!”
โซเค็นประกาศเสียงดังด้วยใบหน้าเป็นสุขสุดขีดราวกับเป็นการต้อนรับหายนะที่กำลังจะตามมา
“คาริยะ ผู้เป็นมาสเตอร์แห่งเบอร์เซิร์กเกอร์ จงสู้เพื่อข้าด้วยกำลังทั้งหมดที่เจ้ามี”
ในวันนั้น มีการร่ายคาถาในสถานที่ต่างๆโดยมีเป้าหมายที่แตกต่างกันซึ่งเกิดขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน การตรงกันอย่างบังเอิญนี้ยากที่จะพูดได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ
จอมเวททุกคนหวังในสิ่งเดียวกัน
หวังในปาฏิหาริย์ ถ้อยคำอัญเชิญที่ส่งไปถึงวีรชนผู้อยู่อีกฟากของจักรวาลดังก้องออกมาพร้อมๆกันจากคนเหล่านี้ คนที่ต้องสังหารกันเองอย่างโหดร้ายเพื่อให้ได้มาซึ่งปาฏิหาริย์
“พร้อม –”
ช่วงเวลานี้คือบททดสอบที่โหดที่สุดสำหรับจอมเวท ถ้าแพ้ก็มีสิทธิ์ตาย เวฟเวอร์รู้ดีทว่าไม่ได้กลัวแม้แต่นิดเดียว
ความรู้สึกอยากที่จะโหยหาความแข็งแกร่ง ความมุ่งมั่นที่จะไล่ตามเป้าหมายอย่างไม่ย่อท้อ ถ้ามองจากเรื่องพวกนี้เวฟเวอร์ เวลเว็ตเป็นจอมเวทที่ร้ายกาจอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ – พร้อม
ให้ร่างท่านอยู่ในอำนาจข้า ให้ชะตาข้าอยู่ในคมดาบท่าน
หากท่านน้อมรับคำเชิญแห่งจอกศักดิ์ศิทธิ์ และหากท่านยอมน้อมรับจิตใจนี้ เหตุผลอันนี้ เช่นนั้นขอให้ท่านจงตอบรับข้า”
ความรู้สึกที่พลังปราณไหลเวียนไปทั่วร่าง ความพยาบาทเย็นยะเยือกและความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากวงจรเวทที่ไหลเลื่อนและหมุนเวียนในร่างเป็นสิ่งที่จอมเวททุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เวฟเวอร์กัดฟันร่ายเวทต่อ
“ – ข้าให้คำสัตย์ ข้าคือผู้ที่จะเป็นความบริสุทธิ์แห่งสรวงสวรรค์ ข้าคือผู้ที่จะอาบความชั่วร้ายแห่งขุมนรก”
สายตาของคิริทสึงุมืดมัวลง
สมบัติประจำตระกูลเอมิยะที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นสลักอยู่บนหลังของเขา ต่างก็กำลังร่ายคาถาในฐานะที่เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่ช่วยส่งเสริมเวทมนตร์ของคิริทสึงุ หัวใจของคิริทสึงุนั้นหลุดจากการควบคุมแล้ว มันเต้นรัวเหมือนนาฬิกาที่กำลังรีบ
เนื้อตัวของเขาทรมานจากพลังเวทที่รวบรวมมาจากในอากาศจนตอนนี้ลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นมนุษย์ แต่กลายเป็นส่วนประกอบของพิธีกรรมลึกลับไปแทน
คิริทสึงุพยายามจะไม่สนใจความเจ็บปวดจากความขัดแย้งที่รุนแรงพอจะทำให้คนกรีดร้องออกมาได้ และพยายามเพ่งสมาธิในการบริกรรมคาถา แม้แต่ไอรีสฟีลที่กลั้นหายใจอยู่ข้างๆก็ไม่อยู่ในการรับรู้ของเขาแล้ว
คาริยะใส่ส่วนผสมต้องห้ามอันแปลกประหลาดลงไปในคาถาอัญเชิญ เขาเพิ่มคาถาสองบทที่จะช่วงชิงสติสัมปชัญญะของวิญญาณวีรชนที่ถูกอัญเชิญมาและลดระดับของวีรชนสู่ระดับของเบอร์เซิร์กเกอร์
“ – กระนั้น ท่านผู้หรี่ตามองในหมอกแห่งความยุ่งเหยิง ท่านผู้ถูกขังในกรงแห่งความบ้าคลั่ง ข้าคือผู้ควบคุมเหล่าพันธนาการนั้น – ”
คาริยะต่างจากจอมเวทคนอื่นตรงที่วงจรเวทของเขาถูกสร้างจากสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในตัวเขาเหมือนพยาธิ จำเป็นจะต้องใช้ความเจ็บปวดในการกระตุ้นพวกมันและการใช้วงจรเวทของเขานั้นทรมานกว่าจอมเวทคนอื่นจนไม่อาจเทียบได้เลย ตอนที่เขากำลังร่ายเวทแขนขาจะกระตุกจนชักและมีเลือดซึมออกมาทางรูขุมขน
น้ำตาเม็ดโตซึมออกจากตาขวาที่ยังเหลืออยู่และไหลเป็นทางลงมาที่แก้มของเขา
แม้กระนั้น คาริยะก็ยังไม่เสียสมาธิ
พอคิดถึงภาระที่แบกรับไว้บนแผ่นหลัง – เขาจะไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
“ท่านผู้อยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ด ห้อมล้อมไปด้วยคำตรัสแห่งพระผู้เป็นเจ้า จงหลุดจากบังเหียนที่ฉุดรั้ง และกลายเป็นผู้ปกป้องสมดุลย์เถิด – !”
เมื่อคำภาวนาจบลง โทคิโอมิรู้สึกเลยว่าพลังปราณที่พุ่งพล่านในร่างของเขานั้นเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด
สายฟ้าและฟ้าผ่าคำราม พร้อมๆกับมีกับเมฆหมุนวนซึ่งสายลมกรรโชกเกื้อหนุน ด้วยพลังแห่งพายุทำให้ผู้เฝ้าดูอย่างคิเรย์ไม่สามารถลืมตาได้ สัญลักษณ์ของวงเวทอัญเชิญเปล่งแสงสว่างจ้า
ในที่สุดวงจรเวทก็เชื่อมต่อกับสิ่งที่เหนือมนุษย์… จากแสงสว่างที่เปล่งออกมาไม่หยุด เค้าโครงสีทองของมนุษย์ปรากฎขึ้น สง่างามและมั่นคงจนน่าเกรงขาม หลวงพ่อริเซย์ละเมอทั้งๆที่ยังมีสติอยู่
“…เราชนะแล้ว คิเรย์ เราได้ชัยในสงครามนี้แล้ว…”
ความปรารถนาถูกส่งผ่านมายังพวกเขาเช่นนี้เอง
มาจากอีกฟากและหยุดลง ณ ที่แห่งนี้ ภาพมายาในตำนานซึ่งห่อหุ้มด้วยสายลมและสายฟ้า
เคยเป็นมนุษย์แต่มิได้สิ้นชีวีอย่างคนธรรมดา ยกระดับตนเองสู่พลังอันเหนือมนุษย์ สถานที่ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติมารวมตัวกัน… จากบัลลังก์แห่งวีรชนที่มีพลังจะก้าวข้ามพระเจ้า คลื่นแห่งวิญญาณวีรชนจากความฝันของชายชาตรีนับไม่ถ้วนตกลงมาสู่โลกนี้พร้อมๆกัน
จากนั้น –
ในป่ายามค่ำคืน บนม้านั่งหินที่ล้อมรอบด้วยความมืด ณ ที่ซึ่งต่างกันนั้นใครบางคนกำลังพูดด้วยเสียงอันทรงพลัง:
“ข้าขอเอ่ยถาม ท่านคือมาสเตอร์ของข้าใช่ฤไม่?”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น