ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SINUT: Until we meet again (ซินนัท singular)

    ลำดับตอนที่ #9 : ข้อตกลง

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 56


    ข้อตกลง

    ร่างสูงบางก้าวเดินเข้ามาในตัวบ้านด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงจากแดงจัดเมื่อครู่เป็นใบหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองไปรอบๆบ้านอย่างคิดถึง นานแล้วสินะที่เขาไม่ได้กลับมาที่นี่ จะสามเดือนได้แล้วละมั้ง บ้านที่เขาใช้ชีวิตอยู่ตั้งแต่เด็กๆ บ้านที่เขารักและผูกพัน ที่ๆเขาเคยคิดว่ามันอบอุ่นที่สุด ร่างบางหายใจเข้าลึกๆอีกทีก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องรับแขก

                “ซินมาแล้วหรอลูก...ม๊ากำลังรออยู่เลย กินอะไรมารึยังลูก??? หิวรึเปล่า?? ผอมลงไปรึเปล่าลูก??? ไม่ได้พักผ่อนเลยน่ะสิ...เดี๋ยวม๊าไปหาอะไรมาให้กินนะลูก รอม๊าอยู่ตรงงนี้นะลูกนะ” 

    แทบจะทันทีที่คนเป็นแม่ได้เห็นหน้าลูกชาย ก็เอ่ยคำทักทายออกมาด้วยความรักและเป็นห่วง น้ำเสียงและท่าทางที่แสดงออกมานั้น ทำให้จิตใจของร่างบางอดไม่ได้ที่เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา ทำไมเขาถึงได้ทำให้ม๊าเป็นห่วงขนาดนี้นะ ทำไมเขาจะต้องมาให้ม๊าดูแลถามไถ่อย่างนี้ เขาควรที่จะดูแลม๊าสิ...เขาทำตัวไม่สมกับเป็นลูกชายเลยจริงๆ

    “ม๊าครับ..ซิน...ขอโทษ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้สึกผิดก่อนที่จะโผเข้าไปกอดหญิงสูงวัยผู้ที่คอยให้ความรักและเอาใจใส่เขามาตลอด น้ำตาที่ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เสียงสะอื้นที่ดังมาจากคนในอ้อมแขนของเขาทำให้เขาไม่สามารถจะหยุดน้ำตานี้ได้ง่ายๆ ยิ่งเมื่อเสียงอันสั่นเครือของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่เอ่ยขึ้น

    “กลับมาอยู่..ฮึก..บ้านเรานะลูกนะ..ฮึก..”

    “....” ร่างสูงบางไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเขาทำเพียงแต่กอดและปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาช้าๆ อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น

    “โผล่หัวกลับมาบ้านได้แล้วรึไง...ไอ้ลูกชาย!” เสียงทุ้มนุ่มที่แฝงไปด้วยความหนักแน่นดังขึ้น เรียกความสนใจจากคนทั้งคู่ให้หันมามองทำให้ร่างบางเอ่ยขึ้นหลังจากที่ปาดน้ำตาออกไปเรียบร้อยแล้วว่า

    “สวัสดีครับป๊า..เห็นม๊าบอกว่าป๊าไม่สบาย หายดีแล้วหรอครับ?”

    “ก็ดี..แต่ก็คงจะดีกว่านี้ถ้าได้ลูกชายมาคอยช่วยบริหารงานเหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ใช่ทำตัวเสเพลเป็นนักร้อง เต้นกินรำกินไปวันๆแบบนี้ ไร้อนาคต!!!” น้ำเสียงประชดประชันที่เอ่ยขึ้นทำให้ความอึดอัดภายในใจที่ได้ปล่อยออกไปเมื่อครู่กลับคืนมา ดวงตาคู่สวยมองไปที่พ่อผู้ให้กำเนิดเขาด้วยแววตาตัดพ้อ เขาไม่เคยที่จะได้รับความเข้าใจจากพ่อเลย พ่อไม่เคยที่จะเปิดใจยอมรับในอาชีพที่เขาทำเลยสักนิด ในความคิดของพ่อมันมีแต่เรื่องธุรกิจ ถึงแม้เขาจะอธิบายไปสักกี่ครั้งพ่อก็ไม่เคยที่จะรับฟังนั่นก็คือสาเหตุที่เขาเลือกจะออกไปใช้ชีวิตตามลำพัง

    “อย่าไปว่าลูกอย่างนั้นสิคะคุณ ลูกเพิ่งมาให้ลูกได้ทานอะไรก่อนค่อยคุยดีกว่านะคะ”

    “เหอะ...แล้วนี่ลมอะไรพัดให้กลับมาบ้านได้ล่ะ ไม่ใช่ว่าอาชีพที่ทำอยู่กำลังจะหมดอนาคตอย่างที่ชั้นเคยเตือนหรอกนะ เลยกลับมาขอเงินน่ะ!!!”  เสียงที่เอ่ยนั้นทำให้ ภายในจิตใจของร่างบางรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาบีบคั้น จะมีสักครั้งมั้ยนะ?? ที่ป๊าจะเป็นห่วง และถามถึงความเป็นอยู่ของเขา ไม่ใช่..พอเจอหน้าก็เอาแต่ประชด พูดจาดูถูกอาชีพศิลปินเของเขา

    “ต้องขอโทษที่ป๊าจะต้องผิดหวังนะครับ ที่ผมมาก็เพราะม๊าโทรไปบอกผมว่าป๊าป่วย ผมก็เลยกลับมา ไม่ใช่ว่าผมกำลังจะหมดอนาคตอย่างที่ป๊าว่าหรอกครับ!!” น้ำเสียงที่ใช้ตอบกลับไปเต็มไปด้วยความแข็งกระด้าง ประชดประชันไม่ต่างกัน

    “หึ...จะยังไงก็ช่างเถอะ แต่สุดท้ายแล้ว ข้อตกลง ที่ชั้นเคยบอกกับแกก็ไม่ได้ยกเลิกหรอกนะ ถ้าแกทำไม่ได้ละก็ แกจะต้องกลับมารับผิดชอบธุรกิจของครอบครัวเรา!!!” น้ำเสียงเด็ดขาดที่ใช้ ทำให้ร่างบางหยุดความคิดที่จะโต้ตอบเปลี่ยนมาเป็นเงียบแทน ข้อตกลง เหอะ...ตลกเถอะ มันไม่ได้เรียกว่าข้อตกลงหรอก มันคือ สิ่งที่พ่อยื่นมาให้เขา บังคับให้เขาทำต่างหาก เขาไม่ได้เต็มใจจะรับมันเลยสักนิด

    “....”

    “ชั้นจะยืดเวลาให้แกอีกสามเดือนเท่านั้น ถ้าแกยังไม่แสดงให้ชั้นเห็นความก้าวหน้าในหน้าที่การงานที่แกเลือก แกก็จะต้องกลับมาสืบทอดธุรกิจของครอบครัวเราต่อไป”

    “ทุกวันนี้..หน้าที่การงานของผมก็แสดงให้เห็นความก้าวหน้ามากขึ้นแล้ว ทำไมป๊ายังไม่ยอมรับมันอีกล่ะครับ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปเจือไปดวยความไม่เข้าใจและน้อยใจ สายตาของคนเป็นพ่อมองมาที่ลูกชายด้วยความไม่เห็นด้วย ก่อนจะเอ่ยขัดขึ้นมาอีก

    “มันยังไม่พอ! แกคิดว่าอาชีพนี้มันจะยั่งยืนสักเท่าไหร่เชียว เมื่อไหร่แกจะคิดได้เหมือนเพื่อนของแกสักที รายนั้นน่ะ เขาคิดได้แล้ว เหลือแต่แกนี่แหละ ที่ยังยึดมั่นในความคิดบ้าๆของตัวเองอยู่..”

    “ป๊าหมายถึงใคร?!?” คิ้วของร่างบางขมวดเข้าหากันเป็นปมก่อนจะเอ่ยถาม

    “ก็ไอ้นัทอดีตคู่หูของแกไง...เขาคงจะรู้แล้วว่าอาชีพเต้นกินรำกินอย่างนี้ มันไม่มั่นคงพอเลยเลือกที่จะออกไปหาอะไรที่มั่นคงกว่าทำ หึ..ทำไมแกไม่ฉลาดอย่างเขาบ้างล่ะ??”

    “นัทไม่ใช่คนอย่างนั้น เขาแค่มีอีกความฝันนึงที่ยังไม่ได้ทำ เขาไม่ได้เป็นอย่างที่ป๊าบอกหรอก!!!” ร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยกับคำพูดของผู้เป็นพ่อ เขาเชื่อว่านัทไม่ใช่คนที่จะดูถูกอาชีพศิลปินหรอก ไม่มีทาง!!!

    “แกจะเชื่อยังไงก็เรื่องของแกเถอะ แต่ยังไงชั้นก็ยังยืนยันให้แกพิสูจน์ให้เห็นว่าอาชีพแกมันมั่นคงภายในสามเดือนต่อจากนี้ ถ้าทำไม่ได้แกก็จะต้องมาสืบทอดธุรกิจต่อจากชั้นทันที!!!!

     เมื่อเอ่ยจบ ร่างสูงใหญ่ก็เดินออกไปจากห้องรับแขกปล่อยให้ร่างบางอยู่กับความคิดของตนเอง สามเดือน...สามเดือน มันนานนะแล้วมันก็พอที่จะทำให้เขาก้าวหน้าในหน้าที่การงานแต่..เขารู้ว่าถึงเขาจะก้าวหน้าขนาดไหน ป๊าก็คงจะไม่ยอมรับมันอยู่ดี เพราะป๊าต้องการให้เขามาดูแลธุรกิจของครอบครัว ไม่มีทางที่ป๊าจะยอมรับมันได้หรอก ร่างบางดึงตัวเองออกจากความคิดและหันมาสนใจผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในห้อง รอยยิ้มที่อบอุ่นถูกส่งมาให้เขาก่อนจะเดินเข้ามาจับมือเขาบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเอ่ยกับเขา

    “สู้ๆนะลูก..ม๊าเป็นกำลังใจให้นะ ถ้าเหนื่อยหรือท้ออะไร ให้ลูกรู้ไว้นะลูกว่าม๊ายังอยู่กับลูกนะ ”

    “ครับ..ซินรักม๊านะครับ ซินกลับก่อนนะครับ..แล้วจะแวะมาใหม่” ร่างสูงบางก้มลงหอมแก้มผู้เป็นแม่เบาๆ ก่อนที่จะดึงท่านเข้ามากอดอีกหนึ่งรอบ

    “จ๊ะ ดูแลตัวเอง กินเยอะๆนะ ม๊าเป็นห่วง” ม๊าพูดขึ้นก่อนจะกอดตอบลูกชายด้วยความรัก

    “ครับ ไปแล้วนะครับ ฝากลาป๊าด้วย สวัสดีครับ ” ร่างสูงบางเอ่ยลา และยกมือไหว้ ก่อนจะเดินออกจากห้องรับแขกเพื่อเดินไปที่หน้าบ้าน

    ร่างบางเดินออกมาจากประตูบ้านด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดและปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความคิดอีกครั้ง

    “มันยังไม่พอ! แกคิดว่าอาชีพนี้มันจะยั่งยืนสักเท่าไหร่เชียว เมื่อไหร่แกจะคิดได้เหมือนเพื่อนของแกสักที รายนั้นน่ะ เขาคิดได้แล้ว เหลือแต่แกนี่แหละ ที่ยังยึดมั่นในความคิดบ้าๆของตัวเองอยู่..”

    “ก็ไอ้นัทอดีตคู่หูของแกไง...เขาคงจะรู้แล้วว่าอาชีพเต้นกินรำกินอย่างนี้ มันไม่มั่นคงพอเลยเลือกที่จะออกไปหาอะไรที่มั่นคงกว่าทำ หึ..ทำไมแกไม่ฉลาดอย่างเขาบ้างล่ะ??”

    “แกจะเชื่อยังไงก็เรื่องของแกเถอะ แต่ยังไงชั้นก็ยังยืนยันให้แกพิสูจน์ให้เห็นว่าอาชีพแกมันมั่นคงภายในสามเดือนต่อจากนี้ ถ้าทำไม่ได้แกก็จะต้องมาสืบทอดธุรกิจต่อจากชั้นทันที!!!!

    เสียงของป๊ายังคงดังอยู่ในหัวตลอดเวลา มันทำให้เขาเริ่มที่จะไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เขาเชื่อนั้นมันถูกรึเปล่า หรือว่าเขาไม่เหมาะที่จะทำอาชีพนี้ ไม่สิ...เขาต้องเชื่อมั่นในอาชีพของตนเอง นี่คือสิ่งที่เขารัก ใช่...เขารักที่จะทำในสิ่งนี้และเขาก็จะทำมันให้ดีด้วย

    “สู้ๆนะลูก..ม๊าเป็นกำลังใจให้นะ ถ้าเหนื่อยหรือท้ออะไร ให้ลูกรู้ไว้นะลูกว่าม๊ายังอยู่กับลูกนะ”

    “ไม่ว่าซินจะมีปัญหาอะไรอยู่ อยากให้รู้ว่า..นัทยังอยู่ข้างๆซินนะ”

    เป็นเพราะประโยคพวกนี้รึเปล่านะ ที่ทำให้เขามีกำลังใจ รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า เมื่อหวนนึกถึงวิธีการพูดของประโยคหลัง ใบหน้าก็เกิดแดงขึ้นมาทันที บ้าจริงๆเลย..วันนี้เขาหน้าแดงมากี่รอบแล้วเนี่ยย บ้าไปแล้วแน่ๆซินเอ้ยยย

    #ปรี้นนนนนนนนน#

                เสียงแตรรถยนต์ที่ดังขึ้น ฉุดให้ร่างบางหลุดออกจากความคิดและหันไปมองรถด้วยความตกใจ ก่อนที่รถคันนั้นจะแล่นเข้ามาถึงตัว ร่างบางก็ถูกแรงดึงให้พ้นขึ้นมาจากถนนและเซถลาไปตามแรงดึงชนเข้ากับร่างสูงจนล้มลงไปที่พื้นทั้งคู่ ดวงตากลมโตก้มหน้ามองคนที่เพิ่งจะช่วยเขาจากการถูกรถชนเพราะตอนนี้ร่างบางกำลังนอนอยู่บนลำตัวของร่างสูงและพบว่าใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ร่างสูงที่อยู่ด้านล่างเงยหน้ามองสบตากับร่างบางพอดี ทั้งคู่มองตากันอย่างเหมือนตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่งก่อนที่ร่างบางจะตั้งสติได้และลุกขึ้นมา

                “ยังเดินไม่ดูทางเหมือนเดิมเลยนะซิน แล้วเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย??” ร่างสูงมองร่างบางด้วยสายตาเอ็นดูและพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง

                “เราไม่เป็นไร นัทนั้นแหละเป็นอะไรรึเปล่า?? แล้วทำไมนัทถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ??” ร่างบางตอบไปพร้อมกับถามกลับด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้กัน ก่อนที่จะเงยหน้ามองร่างสูงด้วยความแปลกใจ

                “นัทไม่เป็นไรหรอก แล้วที่ถามว่าทำไมนัทยังอยู่ ก็ซินไม่ได้เอารถมาถ้านัทไม่รอแล้วซินจะกลับยังไงล่ะครับ??”

                “เดี๋ยวเราเรียกแท็กซี่กลับก็ได้ อ้อ..แล้วก็ขอบคุณมากนะที่ช่วยเราเมื่อกี้”

                “อื้ม..แหม ซินใครจะปล่อยให้ศิลปินดังนั่งแท็กซี่กลับล่ะครับ ไปขึ้นรถดีกว่านะครับ เดี๋ยวนัทไปส่งที่คอนโดนะ”

                “อ่า..ขอบคุณนะนัท..แต่เรายังไม่อยากกลับคอนโดอ่ะ อยากไปที่อื่นก่อน..นะ” ร่างบางพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองร่างสูงด้วยสายตาธรรมดา แต่มันกลับทำให้ร่างสูงรู้สึกเหมือนกำลังถูกอ้อน

                “ก็ได้ๆ ไปที่ไหนดีอ่า??”

                “อืม..ไปหาเด็กๆ อยากไปหาตัวเล็กอ่ะ ^^” ร่างบางเอ่ยขึ้นเมื่อนึกได้ พร้อมกับยิ้มออกมา ตอนนี้เขาอยากที่จะได้ทำอะไรที่สบายใจสักนิด เขายังไม่อยากที่จะต้องคิดมากคนเดียวเรื่องข้อตกลง ดังนั้นถ้าเขาได้ไปหาเด็กๆมันคงจะทำให้เขาสบายใจขึ้นมาก็ได้

                “โอเคครับ งั้นก็ไปกันเลย!!

    ..........................................................................................................

    โย่ว!! สวัสดีครับทุกท่าน ตอนนี้แอบดราม่าเล็กๆเนาะ

    คิดถึงพี่ซินกับพี่นัทจังเนอะ อ้ากกก คิดถึงฝุดๆทำไงดีเนี่ย???

    ยังไงก็ฝากติดตามด้วยน้า ขอบคุณคอมเม้นมากนะคะ ^^

    รักทุกคนเลย เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×