ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic bts] ความลับ

    ลำดับตอนที่ #4 : chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 59


    Jungkook past

                ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่า ตอนนี้ ผมไม่ได้นอนอยู่ที่หอพัก และนี่ก็ไม่ใช่ห้องซ้อมด้วย ผมกวาดสายตามองไปรอบๆห้อง  หยดน้ำเกลือ ที่หยดลงที่ละหยด สายอะไรต่อมิอะไรห้อยอยู่เต็มไปหมด เสียงหัวเราะคิกคักของพี่โฮปกับจีมินดังอยู่ใกล้ๆ


    ผมพยายามที่จะขยับตัว แต่กลับขยับได้เพียงปลายนิ้วเท่านั้น มันรู้สึกตัวชาไปทั้งตัวเลยอ่ะ


              “พะ พี่โฮป”

    ผมเอ่ยเรียกพี่โฮป แต่กลับไม่มีเสียงใดเร็ดรอดออกเลย

              “พะ พี่โฮป”

    ผมพยายามเรียกพี่โฮปอีกครั้งแต่ก็ ไม่ได้ผลอยู่ดี พี่โฮปกับจีมินยังคงเล่นกันอยู่ข้างๆเตียง พี่ม่อนกับพี่ก้าก็นั่งอ่านหนังสือที่โซฟา ส่วนพี่จิน ก็นอนหลับอยู่ข้างเตียงเนี้ยแหละ


               “คลื่นๆๆ(สมมุติว่าเป็นเสียงโทรศัพท์นะ)”

    พี่จินสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากที่มีสายเข้ามา พี่จินหยิบโทรศัพท์ แล้วเดินออกไปรับสายที่ด้านนอก พี่ม่อนเงยหน้าขึ้นมามองตามพี่จินซักพักก่อนจะก้มลงอ่านหนังสือต่อ (คือ สนใจผมหน่อย ผมตื่นแล้วนะT_T)


                “ตื่นแล้วหรอ” 

    จู่ๆ เสียงปริศนาก็ดังขึ้น  ผมมองไปรอบๆห้อง แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาเพิ่ม เพราะผมแน่ใจว่า ไม่ใช่เสียงของพวกพี่ๆแน่นอน แต่เสียงมันคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินบ่อยๆ ลมเย็นๆรดที่หน้าผากผม ซักพักก่อนจะหายไป สัมผัสนี้อีกแล้วหรอออ ผมกลัวนะโว้ย  T-T


              “นาย อย่าแกล้งผมเลย ผมกลัว” 

    ผมพรึมพรำในใจ เผื่อว่านายนั่นจะเข้าใจผมอ่ะนะ คือ ผมก็กลัวไง นายต้องการอะไรนายบอกมาสิ อย่ามาทำแบบนี้กับผม เห็นผมแมนๆแบบนี้ ผมกลัวนะครับ


    ไม่นาน ความรู้สึกหวิวๆนั้นก็เริ่มหายไป ตอนนี้ เหมือนยกก้อนกินออกจากตัวเลยที่เดียว เหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยเริ่มฝุดขึ้นมาจนผมเปียกไปทั้งตัว 


    “เอ่าตื่นแล้วหรอ”


    จีมินเอ่ยขึ้นพลางชะโงกหน้าเข้ามาดู ก่อนจะเดินออกไปเรียกพี่จินข้างนอก  พี่จินวิ่งเข้ามาในห้อง พร้อมพยาบาล


                “เน่ เป็นไงบ้าง”

    พี่จินถามทันทีที่วิ่งมาถึงเตียง พี่จินหันไปดึงทิชชูมาเช็ดเหงื่อให้ผม

                “เน่เป็นไรหรือเปล่าเหงื่อท่วมเลย”

    พี่จินเอ่ยพลางเช็ดเหงื่อให้

                “...” 

    ผมยิ้มจางให้พี่ๆที่กำลังยิงคำถามนับสิบๆคำถามมาที่ผม 


                “ขออนุญาตตรวจอาการคนไข้หน่อยนะค่ะ”

     พยาบาลสาวเอ่ยขึ้น


                “ อ่ะ เอ่ะ ได้ครับ” 

    พี่จินตอบด้วยน้ำเสียงกุกกักก่อนจะหลบให้พยาบาลตรวจอาการผม พยาบาลเริ่มตรวจร่างกายไปเรื่อยๆก็ไม่พบความปกติอะไร

                “คนไข้ลองพูดหน่อยสิค่ะ”

                “....(ได้ครับ)”

     ผมเอ่ย

                “พูดสิค่ะ”

     เฮ้ย ผมพูดออกไปแล้วนะ ทำไมไม่ได้ยินอ่ะ


                “....(ผมพูดแล้วนะครับ)”

    ผมเอ่ยออกไปอีกครั้ง


                “เฮ้ยจองกุก พูดสิ แกจะเล่นอะไรอีกเนี้ย”

    จีมินเอ่ย

                เฮ้ยชั้นไม่ได้เล่นนะโว้ย ทำไมไม่มีใครได้ยินผมเลยอ่ะไม่นะ เสียงผมจะหายไปแบบนี้ไม่ได้นะ คือ อีกไม่กี่วันผมต้องเดบิ้วแล้วอ่ะ ผมไม่ยอมลิปซิงแน่ๆอ่ะ

               

     ตอนที่ผมพูด ผมก็ได้ยินเสียงตัวเองนะ ทำไมคนอื่นไม่ได้ยินอ่ะ นีมันเกิดบ้าอะไรกันวะเนี้ย ทำไมต้อมาเป็นตอนนี้ด้วย


    หลังจากที่พวกพี่ๆ กลับไป ผมก็ออกมาเดินเล่นข้างนอก เพราะผมรู้สึกอยากยืดเส้นยืดสายซักหน่อย หลังจากที่โดนผีอำไปเหมื่อกี้ ผมไม่อยากนึกสภาพเลย ภ้าผมขยับตัวไม่ได้ไปตลอด แต่หมอกก็สั่งห้ามไม่ให้ผมใช้กรามเนื้อเยอะเกินไป เพราะกร้ามเนี้ยของผมมันทำงานหนักเกินไป ทำให้มันงองเเงนิดหน่อย


                “พี่ตามเค้ามาหรอ?”

                “พี่ไม่รู้หรอว่าถ้าพี่ทำแบบนี้แล้วพี่จะเสียพลังงานเยอะมากๆ และมันก็เป็นการทำร้ายพี่เค้าด้วยนะบางทีพี่เค้าอาจจะตายได้นะ”

                “พี่ต้องการอะไรค่ะ”

    เสียงเด็กผู้หญิง อายุประมาณ หกขวบ กำลังพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมต้องหันไปดูเธอ  พอผมหันไปดูก็พบว่า เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังพูดคนเดียว หรืออาจจะคุยกับใครซักคนที่ผมมองไม่เห็น


                “พี่ค่ะ หนูมีไรจะบอก”

    เด็กผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาหาผม

                “พี่อยากหายจากอาการที่พี่เป็นอยู่มั้ย ผมพยักหน้าให้คนตรงหน้า เพราะถ้าผมตอบไป น้องเขาก็คงจะไม่ได้ยินเสียงผมหรอก

                “พี่ต้องช่วยเค้านะค่ะ  แล้วพี่จะหายทันที” 

    พอเด็กผู้หญิงคนนั้นเอ่ยพลางชี้ออกไปตรงที่นั่งถัดไปที่หนึ่งจากตรงที่เธอลุกออกมา ผมงงนิดหน่อยเพราะผมมองไม่เห็นใครเลย ผมทำหน้างงนิดหน่อย เพราะผมไม่เข้าใจที่น้องคนนั้นพูด


                “พี่เค้าบอกว่าเค้าชื่อ วี”

     ผมเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินชื่อนั่น แสดงว่าเรื่องที่จีมินเล่ามันเป็นเรื่องจริงหรอ


                 “พี่เค้าบอกว่า เค้าอยากให้พี่ช่วยตามหาร่างของเค้าอ่ะค่ะ”

    ร่างหรอ ร่างอะไร จะให้ไปหาที่ไหน แล้ว จะรู้มั้ยเนี้ยยย


                “...?”

                “ใช่ พี่ต้องหาให้เจอ ถ้าพี่อยากหาย หนูช่วยพี่ได้แค่นี้จริงๆ ขอตัวนะค่ะ” 

    พอพูดจบ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็เดินจากไป


    มันจะหายจริงๆหรอ แล้วจะให้ไปที่ตามหาที่ไหนว่ะ

    ผมต้องไปตามหาที่ไหนอ่ะ แล้ว มันจะหายจริงหรอ ยังไงต้องลองอ่ะ ยังไงดี จีมิน ชวนจีมินดีกว่า

    ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อติดต่อกับจีมิน


                (ว่าไงเน่)

                “...(จีมินมาที่โรงบาลหน่อยได้มั้ย)”


                (อะไรว่ะ โทรมาก็ไม่พูด)

                “...(ก็พูดอยู่นี่ไงว่ะ เฮ้ยยยยยย)”

                ตูด ตูด ตูด

     สิ้นเสียงปลายสายผมก็แทบจะเป็บบ้าตาย จีมินไม่ได้ยินเสียงผม คือผมต้องสื่อสารยังไง คาเคา ใช่ คาเคา ผมส่งข้อความหาจีมินและเล่าเรื่องทุกอย่างให้จีมินฟัง จีมินก็ตอบตกลง น่าจะมาถึงในอีกไม่นาน


     ผมกลับมาที่ห้อง จะเริ่มหาทางค้นข้อมมูลเด็กฝึกคนนั้น ซึ่งผมไม่รู้รายระเอียดอะไรเลย ผมเริ่มจากการค้นรายชื่อเด็กฝึกในเว็บของบริษัท  


    ผมหยิบโน๊ตบุ๊คออกมาจากลิ้นชัก เพราะผมเห็นพี่โฮปเอามาเล่นทวิตเมื่อเช้า

     

    ผมเข้าเว็บบริษัททันทีที่เปิดคอมได้


                “เด็กฝึกสายโมโวลคอล”

                “คิม แทฮยอง” 


    ผมคลิกเข้าไปดูข้อมูลของคิมแทฮยอง เพราะ ผมคิดว่าชื่อนี้คุ้นหูสุด  พอเปิดข้อมูลขึ้นมาผมก็เห็นรูปถ่ายของเค้าที่ทำให้ผมถึงกับสะดุ้งเพราะมันเหมือนกับที่เห็นในฝันมากๆ ผมเริ่มจดรายละเอียดข้อมูลของคิมแทฮยอง ทั้งที่อยู่บ้านเกิด และชื่อญาติที่เกี่ยวข้องทั้งหลายของเค้า พร้อมเบอร์โทรของญาติด้วย


                “มินยุนกิ ” 

    ทำไมมีชื่อพี่ชูก้าอ่ะ มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอ่ะ ทำไมไม่มีใครพูดถึงอ่ะ


                “ความสัมพันธ์ เป็น ลูกพี่ลูกน้องกัน”

     เฮ้ย เป็นไปได้ไงอ่ะ ทำไมพี่ก้าไม่เห็นพูดเรื่องนี้เลยอ่ะมา


                “เฮ้ย”

                “...(เฮ้ย ตกใจหมด! มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง)”


                “มีไร”

     จีมินเดินเข้ามาดูที่หน้าจอคอมกับผม  ผมชี้ข้อความที่หน้าจอให้จีมินดู

                “ มินยุนกิ มีความสัมพันธ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับคิมแทฮยอง”

    จีมินอ่านข้อความตามที่ผมชี้


                “นี่แกเรียกชั้นมาเพื่อจะมาดูแค่นี้หรอ” 

    ผมพยักหน้าให้อีกคน

                “แค่นี้อ่ะ โอ้ยยย เสียเวลาชะมัดเลย” 


    จีมินบ่นพลางใช้มือผลักไหล่จนผมแทบหงายหลัง ผมก็ไม่รู้ว่าจะสือสารกับจีมินยังไงให้เข้าใจตรงกัน ผมหยิบโทรศัพออกมาพิมข้อความหาจีมิน เพราะผมพูดไม่ได้ไง พูดไปมันก็ไม่ได้ยิน


                Jungkook:ก็ คนที่เป็นเด็กฝึกสายโมโวลที่ประสบอุบัติเหตุไง


    “เล่นอะไรของแกว่ะ ทำไมไม่พูดว่ะ”


                Jungkook:พูดไม่ได้อ่ะ ไม่มีเสียง

    จีมินยืนคิดซักพัก ก่อนจะก้มมาอ่านที่หน้าจอคอมอีกครั้ง


                “เป็นญาติกันงั้นหรอ? ทำไมพี่ก้า ไม่ เฮ้ยยย”

    จีมินเด้งตัวออกมาจากหน้าจอคอมเหมือนเห็นอะไรซักอย่าง

              "...(แกเป็นบ้าอะไรของแกว่ะ ตกใจหมด)"


                “ น่ะ นายเป็นใครอ่ะ!!” 

    จีมินตะโกนออกมาพลางชี้อะไรซักอย่าง

                “...” มันชี้ใครอ่ะ


                “แกไม่เห็นหรอ นี่ไง ยืนอยู่ตรงนี้อ่ะ”

    จีมินยังคงยืนชี้อยู่


                 ผมได้แต่ส่ายหน้าให้อีกคนเพราะผมไม่เห็นใครเลย นอกจากจีมิน





      Jimin past

              “นายไม่เห็นจริงๆหรอ คนทั้งคนนะโว้ย  แต่นายน่าคุ้นๆนะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนอ่ะ” 

    ผมเอ่ยถามจองกุก แต่นายยนี่น่าคุ้นจริงๆนะ เหมือนเคยเจอที่ไหนก็ไม่รูอ่ะ

     

               “เฮ้ยนายเห็นฉันจริงป่ะเนี้ย”

     คนตรงหน้าเอ่ยถามผม

              “จริงดิ  น่ะ  นายเป็นใครอยู่ มาอยู่ที่นี่ได้ไง”

    ผมเอ่ยถามคนตรงหน้า พลางขยับไปหลบที่หลังจองกุกที่กำลังงง

              “ชั้น คิมแทฮยองไง”

    คนตรงหน้าตอบ

    คิมแทฮยอง  คิม แท ฮะ ยอง  เฮ้ยใช่เด็กฝึกที่หายไปมั้ยอ่ะ ได้ข่าวว่าตายแล้วนี่น่า แล้ว นี่ชั้นเห็นผีหรอเนี้ย ไม่นะไม่

              “น่ะ นายเป็น ผี ใช่ป่ะ”

              “น่าจะใช่อ่ะ”

              “เฮ้ยยย งั้นนายออกไปเลยนะ” 

    ผมหลับตาปิ๋ พลางไล่ไอ้ผีนั่นออกไป  คนยิ่งกลัวๆอยู่ ทำไมผมต้องมองเห็นมันคนเดียวด้วยว่ะ

              Jungkook:จีมินนน แกไล่ใครว่ะ

    ไอ้นี่ก็พิมมาจัง เฮ้ยยยย นี่มันอะไรกันว่ะเนี้ยยย


               “ผี น่ะสิ เนี้ยมันยืนอยู่ตรงเนี้ย”

    ผมชี้ไปทางไอ้ผีตัวนั่นเพื่อบอกตำแหน่งกับจองกุก


    Jungkook: ผี นายเด็กฝึกนั่นใช่ป่ะ”


    “นายรู้ได้ไงอ่ะ” 

    ผมก้มลงอ่านข้อความของจองกุกและเงยมาพูดกับผี โอ้ยย ผมจะเป็นบ้าตายนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน


    Jungkook:เมื่อเช้ามีคนทักอ่ะ ว่ามีคนตามชั้นมาอ่ะ”


              “แกก็เลยตามให้ชั้นมาเจอมันเนี้ยนะ แกบ้าหรือป่าว แกก็รู้ว่าชั้นกลัวผีแค่ไหน”


    Jungkook:ก็เพราะแกเห็นผีเนี้ยแหละก็เลยเรียกนายมา  เมื่อเช้าเว้ย มีคนทักชั้นว่า มีคนตามมา เค้าต้องการความช่วยเหลือจากชั้นอ่ะ”


              “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชั้น  ดูปากชั้นนะ นี่ ปาร์ค จี มิน น็อต จอน จอง กุก  มัน ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากชั้น งั้นเสดงว่า ชั้น ไม่เกี่ยว”


    ผมก้มลงมาพูดกับจองกุกแบบเน้นถ้อยเน้นคำ  และหวังว่าจองกุกจะเข้าใจที่ผมพูด

    Jungkook: เค้าบอกอีกว่า ถ้าเราตามหาร่างเค้าเจอ แล้วชั้นจะกลับมาพูดได้เว้ย”


              “แล้วแกก็เชื่อเค้าหรอ"


    Jungkook:“แกไม่คิดจะช่วยชั้นหน่อยหรอ”


              “แกจะให้ชั้นทำยังไงว่ะ  สื่อสารกับมันหรอ”

    จองกุกพยักหน้าตอบ


    แกจะบ้าหรอจองกุก แกจะให้ชั้นมาเป็นล่ามให้แกหรอ จะบ้าตาย นายคิดอะไรอยู่ว่ะ


                “จีมิน! นายจะช่วยชั้นใช่ป่ะ”

     ไอ้ผีบ้านั้นกระโดดข้ามจองกุกมาเกาะแขนผมพร้อมกับสายตาอ้อนวอนสุดฤทธ์  เอาไงดีว่ะ โอ้ยยยย

                “เอ่ออ ช่วยก็ได้”

                “เย้ๆๆๆ”

    นายนั่นกระโดดไปมา วิ่งมากอดผมบ้าง วิ่งออกไปกระโดดดีใจบ้าง มันคงจะดีใจมากอ่ะ

              “ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดก็ได้ ถอยออกไปห่างๆเลย”

     ผมไล่นายนั่นออกไปห่างๆจากผม ก่อนที่จะเดินไปลากเก้าอี้มานั่งดูข้อมูลกับจองกุก


              Junggkook:“ตกลงแกช่วยชั้นจริงๆใช่ป่ะ” 

    จองกุกพิม


              “เอ่อออออออออ”


    Jungkook:“อื่ออ”  


    แม้แต่คำขอบคุณก็ไม่มีสติ๊กเกอ ก็ได้ป่ะ ไอ้เด็กคนนี้ 


     ผมหันไปสนใจข้อมูลต่อ  ทำไมพี่ก้าไม่เคยบอกเลยว่าเป็นญาติกับแทฮยอง

                “นี่นาย นายเป็นญาติกับมินยุนกิหรือป่าว”

    ผมเอ่ยถามนายนั่นที่นั่งค้ำคางดูผมอยู่


                “ใช่ พี่ยุนกิ เป็นลูกชาย ป้าผมอ่ะ”

                “ทำไมพี่แกไม่เคยเอ่ยถึงนายเลยล่ะ มีเรื่องผิดใจอะไรกันหรือป่าว”

                “ จำไม่ได้อ่ะ มันนานแล้วนะ ไม่รู้ว่าใช่สาเหตุนั่นหรือป่าว”

                “สาเหตุไหน”

                “ตอนก่อนจะเข้ามาเป็นเด็กฝึกอ่ะ ผมกับพี่ก้าไปออดิชั่นด้วยกัน แต่คณะกรรมการเลือกผมคนเดียว”

                “แล้วนายก็เข้ามาเป็นเด็กฝึกคนเดียวเนี้ยนะ”

                “อื่อ ตอนนั้นผมไม่ได้คิดะไรอ่ะ ตอนนี้ผมยังรู้สึกผิดอยู่เลย”

                “นายนี่ก็เลวใช่ย่อยเลยนะ เป็นชั้น ชั้นก็เกลียดอ่ะ นายทิ้งพี่เค้าได้ยังไง นายน่าจะถอนตัว”

                “ถ้าย้อนกลับไปได้ผมคงไม่ทำแบบนี้หรอก”

                “อื่ออ มันผ่านมาแล้วแหละ แล้วตอนนี้อ่ะ พี่ก้าได้เป็นศิลปินแล้ว เหลือแต่นายแหละที่ไม่ได้เป็น”

              “เอ่อ ใช่ มันคงเป็นเวรกรรมที่ผมทำไว้กะพี่แกล่ะมั้ง นายห้ามเล่าให้ใครฟังนะ”

                “นายไม่คิดจะขอโทษพี่แกเลยหรอ”

                “ ผมยังไม่มีโอกาสขอโทษเลยผมพยายามขอโทษพี่แกหลายครั้งแล้วนะ แต่มัน... ไม่สำเร็จ เค้าไม่พูดกับผมเลย” 

    นายนั่นเอ่ยหน้าเศร้า


                “เดี๋ยวช่วยเอง”

    Jungkook:เฮ้ย แกจะช่วยใครกันแน่ช่วยชั้นหรือช่วยมัน” 

    จองกุกพิม  (ผมนึกว่ามันหลับไปแล้วนะเนี้ย  )

                “ช่วยทั้งสองนั่นแหละ”

    จองกุกพยักหน้าให้ผมก่อนจะล้มตัวลงนอน ไม่คิดจะลุกขึ้นมาช่วยคิดหรือหาวิธีหน่อยหรอว่ะ โยนขี้ให้กูแท้ๆเล้ย

               

              V past

    ผมไม่ได้อยากทำร้ายนายนะจองกุก ถ้ารู้ว่าการที่ผมเข้าสิงนายแล้วมันจะทำให้จิตของเราสองคนผูกกันถ้าผมรู้ผมคงไม่ทำ ถ้าผมไม่เข้าสิงนาย นายคงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ 


    ขอโทษนะ ผมได้แต่โทษตัวเอง หลายๆอย่างที่ผมทำไรโดยไม่คิด หลายๆอย่างที่ผมทำ ผมไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะแก้ตัวหรือขอโทษด้วยซ้ำ ถ้าผมกลับไปได้คงจะดีสินะ ตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่า ร่างอยู่ไหน จะเป็นจะตายยังไงก็ไม่รู้


                ผมเฝ้ามองดูจองกุกที่กำลังนอนคิดอะไรซักอย่าง ดูกังวลมากๆ มาก็พยายามที่จะอยู่ให้ห่างจากจองกุกเพื่อที่จองกุกจะได้ไม่ต้องเสียพลังงานไปมากว่านี้ แต่ผมก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดีเหมือนมีเชือกอะไรมาผูกผมไว้กับจองกุกอ่ะ ผมก็เลย ขออยู่ให้ห่างที่สุดล่ะกัน 


     เชือกที่ผูกระหว่างผมกับจองกุกตึงจนคอผมเป็นรอยแดง เชือกที่ไม่มีใครมองเห็นนอกจากผม แม้แต่จีมินที่มองเห็นผมก็มองไม่เห็น

                            ผมเหมือนลูกโป่งที่ผูกอยู่ที่ข้อมือของอีกคน เวลาจองกุกไปไหนผมก็จะลอยตามไปทุกที่เลย แต่กระทั่งตอนนี้


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×