คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1
------ v past--------
นายแค่ไหนแล้วที่ผมอยู่ไปวันๆโดยไม่รู้สึกเหนื่อย
นานแค่ไหนแล้วที่ทุกคนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผมกลับกลายเป็นแค่เรื่องเล่าหลอกเด็กงั้นหรอ
ตลกสิ้นดี
12:45 น. วันรายงานตัวเพื่อเข้ารับการเป็นเด็กฝึกในค่าย
เอ้ยๆๆๆสายแล้วๆๆ ผมเดินทางมาจากแดกูหลังจากที่ได้รับหนังสือตอบกลับจากทางค่ายว่า ผมได้ผ่านการคัดเลือกให้เป็นเด็กฝึกในค่าย และผมต้องไปรายงานตัวในวันนี้ หมดเขตบ่ายโมงครึ่ง
ซึ่งตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าผมถึงไหนแล้ว เพราะผมไม่ค่อยจะได้เข้ามาในโซลซักเท่าไหร่มีโอกาศเป็นไปได้สูงมากที่จะหลง แต่อย่าเพื่องหลงตอนนี้เลยยย อนาคต ความฝันของผมจะดับลงไม่ได้
เกือบครึ่งชั่งโมงที่ผมใช้เวลาตาหาบริษัท ทั้งวิ่ง ทั้งเดินถามคนแถวๆนั้นไปทั้ง กว่าจะมาถึงหน้าบริษัทก็เหลือเพียงสิบห้านาทีสุดท้าย ผมรีบวิ่งขึ้นไปอย่างสุดชีวิตเพื่อความฝันของผม ผมต้องได้เป็นศิลปินสิ
ทันทีที่มาถึงห้องประชุมขนาดใหญ่ ผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องเพื่อรวบรวมสติก่อนจะผลักประตูเข้าไป ทุกสายตาของทีมผู้บริหาร ผู้จักการ และเด็กฝึกนับสิบคนที่หันมามองผมเป็นตาเดียว
“อะ อันยองฮาชิมมิก๊ะ คิมแทฮยองอิมนีดะ”
ผมโค้งทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างนอบนอมก่อนจะเดินไปนั่งรวมกับเด็กฝึกคนอื่นๆ
เฮ่ออ ในที่สุด ก็มาทันจนได้ ผมได้เข้ามาเป็นเด็กของค่ายนี้แล้วสินะ
หลังจากที่เซ็นสัญญาและมอบตัวเสร็จผมก็ต้องจัดการตัดโซเชี่ยวทั้งหมดเพื่อเป็นการเก็บตัว ผมย้ายเข้ามาอยู่รวมกับเด็กฝึกคนอื่นที่หอพักเด็กฝึกใหม่ที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทมาก
ทันทีที่มาถึงห้องพัก ผมก็เริ่มจัดการเก็บข้าวของเข้าที่ผมขนมาห้องนี้ดูจากเตียงแล้วนี่จะอยู่กันประมาณสี่คนได้ ผมเดินสำรวจไปรอบๆห้องเพื่อทำความคุ้นเคยกับสถานที่
“เฮ้ย นาย ไป เปิดแอร์ดิ ร้อน!”
อยู่ๆก็มีเสียงเอ่ยขึ้นจากมุมห้องด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“ครับ”
ผมเดินไปเปิดแอร์ที่หน้าประตูให้ก่อนจะเดินมานั่งที่เตียงของผมที่อยู่ข้างๆกันร่างสูงล้มตัวลงนอนเพื่อพักผ่อนหลังจากที่ใช้เวลาในการเดินทางเป็นครึ่งค่อนวัน
กุก กัก กุก กัก
เสียงพลิกตัวของคนข้างๆทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาทุกครั้งและมันบ่อยจนผมหลับไม่ลง ผมตัดสินใจเดินออกไปเดินเล่นข้างนอกแทน นี่ก็ประมาณห้าโมงเย็นเห็นจะได้ ตอนนี้ในหอพักเงียบมากๆ เพราะนี่อาจจะเป็นช่วงซ้อม
ผมเดินออกมานั่งที่ชิงช้าข้างบริษัทและโยกมันไปมาเบาๆ
คิดถึงบ้านจัง ยังไม่ได้โทรบอกแม่เลยว่ามาถึงนี่แล้ว แล้วตอนนี้ผมก็ใช้เครื่องมือสื่อสารไม่ได้ด้วยสิ ผมใช้ไม้เขี่ยที่พื้นไปมา ชิงช้าเริ่มแกว่งแรงขึ้นเรื่อยๆทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ผมจับโซ่ชิงช้าแน่นเพราะกลัวตก เสียงหัวเราะจากด้านหลังทำให้รู้ว่ามีคนกำลังแกล้งผมอยู่
“นายมานั่งอะไรตรงนี้คนเดียว คิดถึงบ้านหรือไง”
เสียงนุ่นเอ่ยถามพลางใช้มือรั้งชิงช้าให้หยุดลง ผมหันไปมองต้นเสียงก่อนจะพยักหน้าตอบเบาๆ
“นายนี่มันอ่อนชะมัด”
มือเรียวเอื้อมมายีหัวผมจนยุ่งไปหมด ผมใช้มือปัดออกเพราะผมไม่ชอบให้ใครมาเล่นหัว ยิ่งเป็นคนที่เพิ่งเจอผมยิ่งไม่ชอบ
ผมลุกเดินออกจากชิงช้าไปโดยไม่พูดอะไร
“แค่นี้ก็ทำเป็นงอน ฉันชื่อ จินนะ คิม ซอกจิน อายุ 20 นายชื่อไร”
นายนั่นตะโกนตามหลัง ทำให้ผมต้องหยุดเดิน ผมหันกลับไปมองหน้าอีกคนแล้วยิ้มให้
“ชื่อ คิมแทฮยองครับ เรียกวีก็ได้ครับ ตามสะดวกเลย ผมอายุ 16 นะยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่จิน”
“งั้นขอเรียกวีนะ ”
ร่างสูงเอ่ยพลางเดินเข้ามากอดคอผม
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
“เฮ้ย นายกลัวรึไงวี เราต้องรู้จักกันไว้นะโว้ย เพราะเรายังต้องอยู่กันอีกนาน”
พี่จินหันมาพูดกับผมพลางตบไหล่เบาๆ พี่จินลากแขนผมเดินกลับไปที่หอ
ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง มือเรียวเอื้อมไปปิดแอร์ที่หน้าประตูพลางบ่นอุบอิบ
“หนาวจะตายยังจะเปิดแอร์อีก เปลืองชะมัด”
พอได้ยินที่จินพูดผมถึงกับสดุ้ง เพราะผมเป็นคนเปิด ร่างสูงเดินไปที่เตียงที่อยู่มุมห้อง มือเรียวดึงผ้าห่มของเจ้าของเตียงออก เผยให้เห็นร่างขาวๆที่นอนขดอยู่ในผ้าห่ม ใบหน้าหวานๆดวงตาที่กำลังหลับใหล จมุกโด่งกับปากสีแดงสด ผมซอยสั้นสีน้ำตาลเข้มยุ่งเยิงไม่เป็นทรง
“เฮ้ยก้า ตื่นได้แล้ว”
พี่จินเรียกพลางเอื้อมมือไปเขย่าตัวอีกคน
“คนจะหลับจะนอน อย่ามากวนได้มั้ย ไปเล่นกับจีมินนู่นไป ”
“นี่แกไล่ฉันหรอ แล้วนั้นอะไร เอาตุ๊กตาฉันไปกอดอีกแล้ว แกนี่มันจริงๆเล้ย ”
“ไม่ต้องไปปลุกพี่เค้าหรอก ให้พี่เค้านอนเถอะ”
“นายจะบ้าหรือไงนี่มันจะหกโมงแล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองหรือไง นี่ใกล้จะถึงเวลาซ้อมแล้วเนี้ย”
“พวกพี่ซ้อมตอนเย็นหรอ”
“อือ ใช่ นายซ้อมคลาสเช้าใช่มั้ย”
ผมพยักหน้าตอบพลางมองหน้าอีกคนนิ่ง
“ซ้อมคลาสนั้นก็ระวังหน่อยล่ะกัน ถึงบอกไงว่านายต้องมีพรรคพวก”
“ไม่เข้าใจ”
ผมตอบพลางทำหน้างง
“คลาสที่ซ้อมตอนเช้าจะมีแต่พวกหัวรุนแรง ชิงดีชิงเด่น นายก็อย่าไปแสดงอะไรให้มันแพรวพราวมากนักล่ะ มันจะอันตราย”
ผมได้แต่มองหน้าพี่จินแบบงงๆ
“ทำไมล่ะครับ”
“เอาเถอะน่าๆ เพื่อความปลอดภัยของนาย ฉันบอกนายได้แค่นี้แหละ”
จินหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วหันกลับไปปลุกพี่ก้าต่อ
“คะ ครับ ”
วันแรกของการทำหน้าที่เป็นเด็กฝึก
ผมเข้ามารอให้ห้องซ้อมตั้งแต่เจ็ดโมงทั้งๆที่เริ่มคลาสตอนแปดโมง ในคลาส เต็มไปด้วยกระจกติดอยู่ทุกทิศทาง คนที่อยู่ในกระจกนั่นคือผมจริงๆใช่มั้ย ผมเข้ามายืนอยู่ตรงนี้จริงๆใช่มั้ย ผมได้เป็นเด็กฝึกค่ายนี้จริงๆแล้วใช่มั้ย ผมยิ้มให้ตัวเองในกระจกก่อนจะเริ่มวอมร่างกายรอ พวกคนอื่นๆก็เริ่มทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ
กุก กัก
เสียงค้นของดังขึ้นมาจากด้านหลัง พอหันไปก็พบกับผู้ชายร่าง สูงเรือนผมสีขาวบรอน กำลังค้นของในกระเป๋าพลางมองมาที่ผม ผมยิ้มให้อีกคนจางๆ และหันกลับไปหน้ากระจกเหมือนเดิม
“นายมาใหม่สินะ”
เจ้าของเรือนผมสีขาวบรอนเอ่ยถาม
“ครับ”
ผมตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เพราะกลัว ก็จินบอกให้ระวังตัวนี่น่า ผมเลยคิดว่าพวกที่อยู่คลาสเดียวกับผมอ่ะน่ากลัว
“ฉัน คิม นัม จุน เรียกแรปมอนก็ได้ ส่วนมากจะเรียกม่อนซะส่วนใหญ่นายล่ะ”
นายนั่นเดินเข้ามาหาผมและเอ่ยทักทายด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“คะ คิม แท ฮยอง ครับ เรียก วี ก็ได้ครับ ”
“เฮ้ย จริง ดิ เรา นามสกุล คิม เหมือนกันเลย เจ่งว่ะ ฮ่าๆๆ”
นายนั่นหัวเราะลั่นแล้วยืนมือออกมาเพื่อ ทำความรู้จัก ผมเอื่อมมือไปแท็คก่อนจะยิ้มให้อีกคนอย่างเป็นมิตร
“นาย เอ่อ ผม ควร เรียก อะไรยังไง นายอายุท่าไหร่”
“ฉันสิบแปด”
“งั้นเป็นพี่ดิ พี่ม่อน”
พี่ม่อนยิ้มให้ผมจนขึ้นรอยลักยิ้มทั้งสองข้าง
ผมกับพี่ม่อนเหมือนจะเข้ากันได้ดีนะครับ พี่เค้าเป็นกันเองกับผมมากๆ
“มากันครบแล้วใช่มั้ย” ผู้จัดการเดินเข้ามาในห้องทุกคนก็เริ่มเดินมารวมกันที่กลางห้องโดยอัตโนมัติ
“วันนี้เรามีน้องใหม่มาแนะนำในคลาสนี้สองคนนะก็คือ แทฮยอง กับ โอเซฮุน ออกมาพูดอะไรหน่อยสิ”
ทันทีที่ ผู้จัดการเอ่ยชื่อ ผมก็รีบโค้ง ทำความเคารพพี่ๆทีมงาน และรุ่นพี่ด้วยด้วยความนอบน้อม
“อันยองฮาเฮโย คิมแทยอง อิมนีดะ เรียกวีก็ได้ครับ ผมอายุ16 ปีนะ ผมก็ดีใจนะครับที่ได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในค่ายนี้ บ้างทีผมอาจจะไม่ค่อยรู้จักกฎระเบียบของที่นี่เท่าไหร่ ไงก็แนะนำด้วยนะครับ ฝากตัวด้วยนะครับ จะพยายามทำงานให้หนักนะครับ ”
ทุกคนปรบมือ และต่อไปเป็นทีของ โอเซฮุน
“อันยองฮาเซโยโอเซฮุนอิมนีดา ผมอายุ 16 ปีครับ ผมก็ฝากตัวด้วยนะครับ”
“เอาหล่ะ เซฮุน แทฮยอง ฉันจะแนะนำให้นายรู้จักกับ มินโฮ คิม นัมจุน อีซึงฮุน นัม แทฮยอน ชอนกิ แล้วก็ คยองจิน มินโฮ นัมจุน ซึงฮุน อายุ 18 นะ ส่วนชอนกิ แทฮยอน คยองจิน 16”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ^^”
ผมยิ้มทักทายกับทุกคนก่อนจะเดินไปพี่ม่อนที่กำลังวอร์มร่างกายอยู่
“พี่ครับ วันนี้ผม ต้องทำไรบ้างอ่ะครับ”
ผมเดินเข้าไปถามพลางวอร์มร่างกายไปด้วย
“นายก็แค่งัดความสามารถของนายออกมา ให้ผู้จัดการดู เค้าจะได้ดูว่าควรเทรนด์นายยังไง นายถนัดอะไรล่ะ ร้องเต้น แรป”
“ผม หรอ คง จะเป็นร้อง มั้ง เต้นก็พอได้ แต่ แรปไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ ผมแรปไม่ไหวอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”
“นายก็ต้องฝึกนั้นแหละ พยายยามเข้าไอ้น้อง”
พี่ม่อนเอ่ยพลางเอื้อมมือมาตบไหล่เบาๆ
“แทฮยอง!”
ผมหันไปยังต้นเสียงทันทีที่ได้ยินชื่ออตัวเอง และคนที่เรียกผมก็คือมินโฮฮยอง กับซึงฮุนฮยอง มินโฮฮยองโบกมือเรียกผมให้เข้าไปหา ก่อนจะเดินมากอดคอผม
“ไง นายถนัดด้านไหนล่ะ แทฮยอง”พี่มินโฮถาม
“ระ ร้องครับ”
ผมตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ไหนร้องให้ฟังหน่อยสิ”
พี่ซึงฮุนเอ่ย
“อะ เอ่อ ร้อง พะ เพลงอะไรล่ะครับ”
“อะไรก็ได้ ร้องๆมาเถอะ”
ผมเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมา และ รู้สึกเกรงๆ เหมือนตอนนี้ผมกำลังถูกบังคับ
“เฮ้ย แกล้งน้องทำไมว่ะ น้องมันกลัวหมดเเล้ว ไว้ให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดการเถอะ”
พี่ม่อนเดินเข้ามาแกะแขนของพี่มินโฮออกจากคอผมก่อนจะลากแขนผมออกมาจากห้องซ้อม
“แทฮยอง นายอย่าไปยุ่งกับพวกนั้นให้มากนักนะ แล้วตอนที่ผู้จัดการมาทดสอบนายก็ไม่ต้องทำให้มันเลิศเลอนัก เพราะมันจะเป็นอันตรายต่อตัวนาย เข้าใจที่พูดใช่มั้ย”
“คะ ครับ เอ่ะ ทำไม พี่นัมจุนพูดเหมือพี่จินเลยอ่ะ”
“นายพักอยู่ห้องกับพี่จินใช่มั้ย”
“ครับ ใช่”
ผมตอบไปนิ่งๆ พลางมองหน้าอีกคน
“ดีแล้วมีไรก็ ปรึกษา พี่จินนั่นแหละ ห้ามไปยุ่งกะ ไอ้สองคนนั่นเด็ดขาด
นี่เตือนแล้วนะ”
“ครับพี่^^”
ผมถูกลากกลับมาที่ห้องซ้อมและทำทีเหมือนไม่มีอะไร ผู้จัดการเรียกผมกับเซฮุนเข้าไปหา เพื่อเริ่มการทดสอบ
“แทฮยอง นางลองร้องเพลงนี้ซิ”
ผู้จัดการยื่นเนื้อเพลงให้ ทันที่ที่เห็นเนื้อเพลงก็ถึงกับสะดุ้ง เพราะเพลงนี้ร้องยากมากๆ และมันต้องใช้เสียงที่สูงมากๆ ซึงเสียงผมเป็นเสียงคีย์ต่ำ
“อ่ะ เอ่อ ครับ เริ่มเลยนะครับ ”
“นายทำได้ดีกว่านี้นะแทฮยอง”
ผู้จัดการเอ่ยขึ้นมาทันทีที่ผมร้องท่อนแรกขึ้นมาและมองด้วยท่าทีที่จริงจังมากๆ
“(เนื้อเพลง)”
ผมพยามยามร้องให้เพี้ยนที่สุดตามที่พี่ม่อนแนะนำ
“แทฮยอง! นายจะมาทำเล่นๆไม่ได้นะนี่จริงจังนะ”
ผู้จัดการเริมกดดันผมเรื่อยๆและเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
“เนื้อเพลง”
ผมร้องออกมาอย่างเต็มเสียง และทำออกมาตามที่ผมติดว่าผมทำได้ จนทุกคนต่างอึ้งไปตามๆกัน ละมีเพียงพี่ม่อนเท่านั้นที่นั่งกุมหัวตัวเอง อยู่
พอผมร้องจบ ทุกคนต่างนั่งเงียบมีเพียงผู้จักการเท่านั้นที่ปรบมือขึ้นมา และทุกคนก็เริ่มทยอยปรบมือตาม
“ดีมากแทฮยองนายทำได้ดีมากๆ เสียงนายเทียบเท่ากับ มินโฮและซึงฮุนได้เลยทีเดียว ดีแล้วๆ ”
ผมโค้งขอบคุณผู้จัดการก่อนจะเดินกลับไปนั่งกับพี่ม่อนที่นั่งเงียบ
“นายทำแบบนี้ทำไม ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่หรอ”
พี่ม่อนเอ่ยลอดไรฟันออกมาเบาๆ
“ผะ ผม กลัว ผู้จัดการนิ่ครับ”
พี่ม่อนนั่งเงียบไม่พูดอะไรอีก
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนล่ะกันนะ ตั้งใจซ้อมล่ะ”
ทุกคนทยอยกันออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรเลย ผมเดินออกมาจากห้องซ้อมคนสุดท้ายเพราะผมต้องเก็บของด้วย ก็เลยช้าหน่อย
พอกลับจากห้องซ้อมผมก็กลับมาที่หอพักเลย ทันทีที่เปิดห้องเข้ามา แอร์เย็นๆพุ้งออกมาจากนอกห้อง ผมเดาได้เลยว่าตอนนี้พี่ก้าอยู่ห้องคนเดียวแน่ๆ เพราะถ้าพี่จินอยู่แอร์คงไม่เย็นขนาดนี้หรอก
ผมห้อยกระเป๋าสะพายหลังใบโปรดไว้ที่ห้อยที่อยู่ใกล้ๆกับเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนอย่างอ่อนล้า ผมหันไปมองอีกคนที่นอนอยู่เตียงถัดไป ผมหลุดขำออกมา เพราะตอนนี้พี่ก้านอนขดอยู่ในผ้าห่มนวม คือ เปิดแอร์แล้วมานอนขดแบบนี้เนี้ยนะ ถึงว่าล่ะ พี่จินถึงชอบบ่นให้พี่ก้าอยู่บ่อยๆ
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับพี่ก้า
“เฮ่ออออ”
“เฮ่ออออ”
“เฮ่ออออ”
ผมเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนก่อนจะเดินออกมาเล่นข้างนอกแทน
ตอนนี้ก็ประมาณสองทุ่มกว่าๆ หอพักค่อนข้างที่จะเงียบเลยล่ะ ผมเดินไปนั่งเล่นที่ชิงช้าที่เดิมที่ผมไปนั่งเล่นบ่อยๆ ผมแกว่งชิงช้าไปมาเบาๆ
“พี่ม่อนจะโกรธผมมั้ยเนี้ย โอ้ยยย ไม่น่าเลย ทำไมผมไม่เชื่อฟังที่พี่เค้าบอก”
ผมทึงหัวตัวเองเบาๆ ก่อนจะเริ่มแกว่งชิงช้าให้แรงขึ้น ก็ไม่รู้ว่าแกว่งทำไมเหมือนกัน บางทีมันอาจจะทำไห้ผมรู้สึกดีขึ้นอ่ะ มั้ง
“มานั่งทำอะไรอยู่นี่ห๊ะ”
เสียงนุ่มเอ่ยถามพลางใช้มือดึงโซ่ชิงช้าไว้ข้างนึง
ลองนึกสภาพดูนะว่าชิงช้าที่แกว่งแรงๆแล้วมีคนมารั้งไว้สายหนึ่ง ตามกฏแรงโน้มถ่วงข้อที่เท่าไหร่ไม่รู้อ่ะ แล้วคือชิงช้าที่ผมนั่งเนี้ยมันก็ปัดน่ะสิ นึกสภาพผมไว้นะ ตอนนี้ผมลงไปกองอยู่กับพื้น หน้าเน่อนี่ไถไปกับพื้นอ่ะ คือ โชคดีที่พื้นเป็นพื้นทราย ก็เลยไม่ถลอก แต่ก็เจ็บที่ข้อมือนิดหน่อย ผมลุกขึ้นมาปัดเศษทรายตามตัวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองต้นเสียง พอเห็นหน้าก็ถึงกับตกใจเพราะคนตรงหน้าคือ พี่ม่อน
“เฮ้ยๆๆ ขอโทษๆ”
ร่างสูงเดินเข้ามาช่วยปัดเศษทรายที่ตัวผม
“พี่ยังไม่นอนหรอ?”
“ถ้านอนแล้วจะเห็นมั้ยล่ะ”
พี่ม่อนเดินไปนั่งที่ชิงช้าอีกตัว แล้วแกว่งไปมาเบาๆ ไม่พูดอะไรต่อ
ผมเดินไปนั่งที่ชิงช้าตัวเดิม (ไม่เข็ดๆ)
“แทฮยอง”
“ครับ พี่”
“นายระวังตัวไว้หน่อยก็ดีนะ ตามที่บอก เพราะตอนนี้นายกำลังเป็นที่จับตามองของคนหลายๆคน บางที นายอาจถูกทำร้ายก็ได้ วงการนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนนะโว้ย”
"ไม่หรอกมั้งฮยอง ใครจะกล้าทำร้ายผมกันเล่า ผมมี พี่เป็นการ์ดอยู่นี่ กลัวอ่ะไรเล่า”
“จริงจังนะวี นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ นายอย่าไว้ใจใคร แม้แต่ฉัน นายก็ห้ามเชื่อใจเด็ดขาด”
พี่ม่อนหันมาพูดท่าทางจริงจัง
“ครับ พี่”
“ไปนอนได้แล้วไป พรุ่งนี้ มีซ้อมเช้า ถ้านายมาสายล่ะก็ ฉันเข้าไปลากถึงห้องแน่”
“โฮ้ว ฮ่าๆๆๆ ครับๆๆ ฝันดีครับ ^^”
“เอ่อๆ ไปได้แล้ว”
ร่างสูงลุกขึ้นจากชิงช้ามาผลักหลังผม เพื่อไล่ผมไปนอน
ในที่สุด นัมจุนฮยองก็ไม่โกรธเรา เฮ่อออ โล่งเลย ผมเดินยิ้มร่ากลับมาที่ห้องพักอย่าอารมดี
ผมเอื้อมมือไปเปิดประตู
“โอ้ย”
ผมดึงมือกลับมาทันทีที่แตะประตู คือ ไม่ใช่ไฟช็อตนะ ผมเจ็บข้อมืออ่ะ สงสัยข้อมืจะเขล็ด ผมใช้มืออีกข้างเปิดประตูห้องแทน พอเปิดเข้าไป สิ่งแรกที่เจอคือ พี่จินกังบ่นเรื่องแอร์ให้พี่ก้าผู้หลับใหลฟัง
“เอ้าแทฮยอง นายเพิ่งมาหรอ ไปทำอะไรมาเนี่ย เปื้อนทรายเต็มไปหมด เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้นายนี่ บลาๆๆๆๆ”
“เอ่อ ผมไปนั่งเล่นข้างนอกมาอ่ะ แล้วตกชิงช้าอ่ะ ฮ่าๆๆๆ”
“นายนี่จริงๆเลย ไปอาบน้ำเลยไป”
พี่จินบ่นพลางพัดมือไล่
“เอ่อ ว่าแต่ พี่ไปไหนมาอ่ะ”
“อ่อ ออกไปซื้อของนิดหน่อยอ่ะ”
“อ่อ ครับ”
ผมหยิบ ผ้าเช็ดตัวเพื่อจะไปอาบน้ำ อีกครั้ง ตอนเลิกคลาสกลับมาก็อาบแล้วนะ ต้องมาอาบอีก ขี้เกียจ บอกเลย (ถ้าพี่จินไม่ไล่ไปอาบนี่ผมนอนเลยนะ ไม่อาบอีก ทรายก็ทรายสิ ไม่มีผลต่อผิวผมหรอก ฮ่าๆๆ)
ผมเดินลงมาหยิบผ้าก็อตที่ตู้พยาบาลที่ชั้นล่าง เพื่อที่จะมาพันข้อมือ เพราะตอนนี้เหมือนมันจะเริ่มปวดขึ้นเรื่อยๆ เอ่าล่ะ นอนเถอะ วันนี้เหนื่อยมากจริงๆ
วันที่สองของการเข้าคลาส
“แทฮยอง นายไปทำอะไรมาน่ะ มือไปโดนอะไรมา”
ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องซ้อม พี่ผู้จัดการก็ถามทันที
“ตกชิงช้าครับ ”
ผมยิ้มให้ผู้จัดการพลางใช้มือลูบที่ท้ายทอย ก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่ม่อน
“ดูแลตัวเองหน่อย นี่จะซ้อมไหวมั้ยล่ะนั่น”
“ไหวครับ”
“วันนี้เราจะเลือกสายนะ”
การแยกสายก็คือ การที่จะดูว่าใครเหมาะกับอะไร ควรเป็นอะไร อย่างผมให้เอาทางแรปเปอร์คงไม่ไหวอ่ะ
วันนี้เด็กฝึกทุกคนจะเข้ามารวมกันที่นี่ เพื่อคัดเทรนด์ตามความสามารถ
“แทนายคิดว่านายจะอยู่สายไหนล่ะ”
อยู่ๆซึงฮุนก็เดินมากอดคอ ผมรู้สึกแปลกๆนิดหน่อยเพราะปกติผมกับเค้าไม่ค่อยจะสุงสิงกันเท่าไหร่
“ไม่รู้สิครับ แล้วพี่อ่ะ”
“ไม่รู้สิ ก็ต้องลองดู”
“เอาล่ะๆๆ พร้อมกันหรือยัง”
พี่ผู้จัดการเอ่ยขึ้นพลางปรบมือให้สัญญาณ
“จากที่ดูคะแนน คร่าวๆแล้ว ทุกคนมีความสามารถกันคนล่ะด้านกัน มาเริ่มกันเลยนะ ฉันจะเอ่ยชื่อเด็กฝึดที่จะเป็นแรปเปอร์ก่อนล่ะกัน คนแรก มินยุนกิ จองโฮซอง คิมนัมจุน ต่อไป เมนแดนซ์ ปาร์คจีมิน แทฮยอน สุดท้าย โมโวคอล ซึงฮุน มินโฮ วอนโฮ ซอกจิน แทฮยอง คราวนี่จะเลือกนะว่าใครจะได้เข้าไปอยู่วงไหนกัน ผมมีชื่อวงแล้ว มีวง บังทันโซยอนดัน และ bullet นัมจุน โฮซอก ยุนกิน จีมิน จิน แทฮยอง อยู่ด้วยกัน ส่วน ซึงฮุน มินโฮ วอนโฮ เซฮุน อยู่ด้วยกันนะตกลงกันเองว่าจะเอาชื่อไหน ตามนี้นะครับ วันนี้เราจะแยกซ้อมตามสายนะครับ”
เฮ้ยยย ผมได้อยู่สายเดียวกันพี่จินด้วยอ่ะ ดีชะมัดเลย และผมก็ได้อยู่วงเดียวกับพี่ม่อนด้วย พวกผมใช้เวลาตัดสินใจอยู่นานในการเลือกชื่อวง และชื่อที่พวกผมเลือกคือ บังทันโซยอนดัน
เลิกคลาส
“เฮ้ยแทฮยองวันนี้เราไปเลี้ยงฉลองกันมั้ย ไปกันทั้งสายเลยดีมั้ย”
ซึงฮุนเอ่ยชวนหลังจากเลิกคลาสและผมก็ถูกลากไปด้วย
BTS Club
“มาๆๆๆชนแก้ว ”
มินโฮเอ่ยพลางยกแก้วขึ้นฉลอง
“แทฮยอง ไหนๆนายก็มาแล้วเอาซักหน่อยน่ะ นายกลัวอะไรว่ะ”
“ไม่อะผมไม่กิน พวกพี่กินเถอะ ผมยังเด็กอยู่นะ”
“เด็กอะไรของนาย ไม่เด็กแล้วเนี้ยยย เดินเข้ามาเค้าไม่ขอดูบัตรเลย ฮ่าๆๆๆ”
ผมถูกบังคับให้ดื่ม คือผมปฏิเสธไม่ได้เลยอ่ะ จนตอนนี้ผมเริ่มมึนๆแล้วล่ะ เพราะนี้เป็นการดื่มครั้งแรก
ทุกคนแยกย้ายกันกลับหอพัก ผมกับพี่จินเดินกอดคอกันจนมาถึงหน้าบริษัท
“แท นายย รอ พี่ ตรง นี้ ก่อนนะ เดี๋ยวพี่ มา เข้าห้อง น้ำ แป๊ป ”
พี่จินสั่งให้ผมยืนเฝ้าที่หน้าห้องน้ำ ไม่เข้าใจว่า ทำไมไม่รอไปเข้าที่หอพัก ทั้งๆ ที่กำลังจะถึงอยู่แล้วเชียว ผมก็ต้องมายืนรออยู่ ข้างนอกคนเดียว บรรยากาศที่โรงจอดนี่มันยิ่งน่ากลัวอยู่ แสงไฟก็ไม่ค่อยจะสว่าง ตอนนี้ผมเวียนหัวมากๆอ่ะ
ผมมองไปรอบๆ ดูเหมือนจะมีรถคันนึงขับเข้ามา แสงไฟสาดเข้ามาทางผมเต็มๆ รถคันนั้นพุ่งเข้าหาผมอย่างจัง ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนผมเหมือนตัวเองลอยอยู่บนอากาศ นี่ใช่ความฝันหรือป่าวนะ ถ้ามันเป็นความฝันมันคงเป็นฝันที่น่ากลัวมากเลยล่ะ
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา และพบว่าผมไม่ได้นอนอยู่ที่ห้อง แต่กลับนอนอยู่ที่หน้าห้องน้ำที่โรงจอดรถ สงสัย เมื่อคืนเมามากมั้ง ผมก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ ก็พบว่า นาฬิกาข้อมือของผมมันแตก
อ่าว ไปโดนไรมาเนี้ยย ”ผมดินกลับไปที่หอพัก ตอนนี้ในบริษัทเหมือนจะเกิดเรื่องวุ่นๆขึ้นนะ คนเยอะมากเลย เฮ้ นั่นพี่จินนี่น่า ผมเดินไปหาพี่จินที่กำลังนั่งทึงหัวตัวเองอยุ่ และเหมือนพี่แกกำลังร้องไห้ เฮ้ยพี่จินเป็นไรอ่ะ
ผมเข้าไปนั่งข้างๆ พี่จินพลางยกมือขึ้นมาลูบหลังพี่ชายเพื่อปรอบใจ แต่มือของผมกลับทะลุผ่านตัวพี่จินไป เฮ้ย พี่จินเป็นไรอ่ะ (ไม่ใช่แกหรอที่เป็นอ่ะ)
เฮ้ย นั้นพี่ม่อนนี่
“พี่ม่อน”
ผมยกมือเรียกพี่ชาย และดูเหมือนว่าพี่แกกำลังจะเดินมาหาผม ร่างสูงเดินเข้ามาตบที่ไหล่พี่จินเบาๆก่อนจะเดินมานั่งข้างๆพี่จิน ใช่ข้างๆพี่จิน ตอนนี้นัมจุนฮยองนั่งทับตัวผมอยู่ ใช่ ผมเองสินะที่เป็น.....
ความคิดเห็น