ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic bts] ความลับ

    ลำดับตอนที่ #1 : intro

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 59


     




     

     



     

     

       

      

    ห้องสี่เหลี่ยมที่มีกระจกบานใหญ่ติดอยู่ทุกทิศทุกทาง

                   เพลงเดิมๆ ที่เปิดซ้ำๆ

                             ท่าเต้นท่าเดิม ที่เต้นซ้ำไปซ้ำมาทั้งวัน

                                       อีกไม่กี่วัน วง บังทันจะเป็นที่รู้จัก

                                                     อีกไม่กี่วัน ผมก็จะได้เป็นศิลปินอย่างเต็มตัวแล้ว


     จองกุก พาร์ท

              “สวัสดีครับ ผม จอนจองกุก มักเน่ที่น่ารักที่สุดแห่ง บังทันโซยอนดัน อีกไม่กี่วันผมก็จะเดบิวย์แล้วนะ ฝากตัวด้วยนะครับ จุ๊บ <3

     

    วิดีโอแนะนำตัวสั้นๆของผม ถูกอัพโหลดลงในทวิตเตอร์ส่วนตัวของผม ซึ่งมี ผู้ติดตามไม่กี่ร้อยคน  - -“ อาจจะมีคนดู หรือไม่ก็ ไม่มีเลย ผมยืนจ้องโทรศัพท์อยู่นาน หวังว่าจะมีคนใจดี รีทวิตออกไป หรือไม่ก็แชร์ๆ ออกไปไกลๆ เลย 

                 

              “จองกุก นายทำอะไรของนาย” 


    มือปริศนายื่นมาแตะที่ไหลผมก่อนจะมีใบหน้าของเจ้าของมือ ยื่นเข้ามาใกล้ แล้วมองหน้าผมสลับกับโทรศัพท์

                   “ป่ะ ป่าว ครับฮยอง”

     ผมรีบปิดหน้าจอ แล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าทันที

                    “ไหนเอามาดูสิ”

    นัมจุนฮยองเอ่ย  ผมอึกอักนิดหน่อยก่อนจะ ยอมยื่นโทรศัพท์ให้ผู้เป็นพี่ ทันทีที่พี่ม่อนเปิดหน้าจอโทรศัพท์ คลิปที่ผมเพิ่งอัพโหลดไป ก็เด้งขึ้นมา

                “นายอัพคลิปลงทวิตเตอร์หรอ? ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนี้ ถ้าพีดีนิมรู้เข้าจะว่ายังไง”

                “ไม่เป็นไรหรอกพี่ ไม่มีใครรู้หรอก  เนี้ยผมมี คน ฟอลโล่นิดเดียวเองอ่ะ”

    พี่ม่อนยกโทรศัพท์ขึ้นให้ผมดู

               “ลบออกเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ พีดีนิมจะเห็น ”

    พี่ม่อน ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมก่อนจะเดินออกจากห้องไป

    ผมรับโทรศัพมา เพื่อทำตามที่ฮยองบอก

     

      ทันไดนั้น!!


    !!! BigHit Entertainment รีทวิตข้อความของคุณ !!!


    แจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาตอกย้ำความซวย ผมถึงกับยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก


    ทำไงดีอ่ะ ตอนนี้ยอดรีทวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้วอ่ะ ผมรีบจัดการลบคลิปวีดิโอนั้นออกไปทันที ตอนนี้ผมแทบจะล้มทั้งยืน ทำไง ทำไงดี ผมเดินไปเดินมาเหมือนคนไร้สติ (ปกติก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว) ผมเดินเข้าไปนั่งกับจีมิน เผื่อว่ามันจะทำให้ผมมีสติขึ้น

               

              “เฮ้ย เป็นไรว่ะ หน้าซีดเชียว มานั่งๆๆๆ มีไรจะเล่าให้ฟัง”


    จีมินดึงชายกางเกงผมเบาๆ พลางตบที่พื้นเพื่อบอกให้ผมนั่งลงข้างๆ

     

                “พวกพี่จำตอนที่เราเข้ามาเป็นเด็กฝึกใหม่ๆได้ป่ะ ที่มีข่าวเด็กฝึกสายโมโวคอลโดนรถชนอ่ะ  ตอนนี้ข่าวเงียบไปเลยเน๊าะ”

     

    จีมินเปิดประเด็นขึ้นมาทันทีที่ผมนั่งลง


                “จำได้ๆ แต่จำหน้าไม่ได้แล้วว่าเป็นใคร ตอนนั้นข่าวเงียบมาก เรื่องนี้ต้องถามพี่จินถึงจะรู้ เพราะได้ข่าวว่าพี่จิน กับคนเด็กฝึกคนนั่นสนิทกัน” 


    พี่โฮปเอ่ย


                “ใช่ๆ พี่คิดว่าไงพี่โฮป” 

    จีมินยื่นหน้าเข้าไปใกล้พี่โฮปเล็กน้อย ก่อนจะเด้งกลับออกมาเพื่อคิดอะไรซักอย่าง

                “หรือว่าเด็กฝึกคนนั้นตายแล้ว” 

    จีมินเอ่ยพลางใช้มือตบที่พื้น พี่โฮปกับพี่ก้าถึงกับสะดุ้งเพราะตกใจ


                “ตกใจหมด ไอ้บ้าเอ้ยยย”  

    พี่ก้าเอ่ย ก่อนจะลุกเดินออกไป


                “จองกุก แกเคยได้ยินเรื่องพวกนี้หรือป่าว” 

    จีมินหันหน้ามาถามผม สีหน้าจีมินแลดูจิงจังมากๆ


                “ไม่เคยอ่ะ ”

    ผมตอบไปนิ่งๆ


                “ไอ้เน่มันจะไปรู้เรื่องได้ไงเรื่องมันเกิดตั้งแต่ ไอ้เน่ยังไม่เข้ามาเป็นเทรนนี่ด้วยซ้ำ แกนี่พูดแปลกๆ” พี่โฮปเอ่ย พลางยื่นมือมาผลักหัวจีมิน


                “เอ่อ ลืม  ผมว่าเรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ” 

    จีมินเอ่ย


                “แกจะไปสืบว่างั้น” 

    พี่โฮปเอ่ย


                “ก็ใช่น่ะสิ”

                “เอ้อ เมื่อกี้อ่ะ ผมได้ยินเมทพูดกันว่า ในตึกนี้อ่ะ มีผี ผมว่ามันต้องเป็นวิณณาณของไอ้เด็กเทรนคนนั้นแน่ๆเลย”


                “ไร้สาระชะมัด ดูหนังมากไปหรือป่าวนายอ่ะ” 

    ผมเอ่ยขึ้นก่อนจะลุกเดินออกไปข้างนอก


                ผมยังไม่ทันได้ก้าวออกจากห้อง ผมก็ต้องถอยหลังกลับเข้ามา เพราะ พี่ม่อนกำลังเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับพี่จิน


                “พี่จินมาแล้ว มาซ้อมกันเถอะ มันดึกแล้ว”

     นัมจุนฮยอง ตะโกนเรียกให้ทุกคนมาซ้อม  


    ผมควรจะบอกพี่ม่อนมั้ยเรื่องที่พีดีนิมเห็นคลิปแล้วอ่ะ หรือผมควรจะปล่อยมันไป เอาไงดีๆๆๆ


                “จองกุก เข้ามาได้แล้ว ไปยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น เข้ามาๆ ไอ้เด็กนี่ มีสติหน่อยดิ”

    พี่ม่อนเอ่ย ก่อนเดินไปเปิดเพลง


                “ พ่ะ พี่ ผมขอคุยด้วยหน่อยดิ” 

    ผมเอ่ยขึ้น พี่ม่อนกดปิดเพลงอีก แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสีหน้าค่อนข้างหงุดหงิด


                “เรื่องคลิปอ่ะ”

                “ทำไม แกยังไม่ลบหรอ”

     พี่ม่อนทำหน้าไม่พอใจนิดหน่อย


                “ป่าว ครับ ผมลบแล้ว แต่ก่อนที่ผมจะลบอะ พีดีนิม มารีทวิต....”

                “...” 


    พี่ม่อนไม่พูดอะไร ได้แต่ยืนมองผมนิ่ง แล้วหันกลับไปสนใจกับเครื่องเสียงต่อ


                “วันนี้ ซ้อมถึง ตีสองนะ ใครเต้นผิด เต้นใหม่”


     พี่ม่อนเอ่ย ก่อนจะกดเริ่มเล่นเพลงที่จะซ้อม พี่ม่อนจ้องมาที่ผมผ่านกระจก สายตาที่ผมก็ไม่รู้ว่าพี่แกกำลังคิดอะไรอยู่ จับจ้องมาที่ผมตลดเวลา


                “เอาใหม่ จองกุกเต้นผิด” 


    พี่ม่อนเอ่ย ก่อนจะเดินไปปิดละเปิดเพลงท่อนนั้นอีกครั้ง

                การซ้อมกำเนินต่อไปเรื่อยๆ

                พึบ!!


              “เฮ้ย  พี่ม่อน ผมไม่ได้เต้นผิดนะ”

              “เฮ้ย พี่ไม่ได้ปิดเพลงนะโว้ย”

    และจุ่ๆ เพลงก็ดังขึ้นมาใหม่ แต่กลับเป็นเพลงอื่น

                “เฮ้ยพี่ วันนี้เราไม่ได้ซ้อมเพลงนี้ป่ะ”

    จีมินเอ่ย

                “พี่ไม่ได้เปลี่ยนเพลงนะโว้ย”

              “แล้วเพลงมันจะเปลี่ยนเองได้ไงอ่ะ เครื่องเล่นเสียงมันเสียหรือป่าว”

                “เมื่อกี้มันก็ดีๆอยู่นี่”  

    พี่จินเอ่ย ก่อนจะเดินเข้ามาดูเครื่องเสียงที่กำลังเล่น และเปลี่ยนเพลงไปเรื่อยๆ

              “พี่ก้า มาดูหน่อย พี่พอจะซ่อมได้ป่ะ”

     พี่ม่อนเรียกพี่ก้าให้เข้ามาดู

                “นี่มันเครื่องของบริษัทนะโว้ย ฉันไม่กล้าเสี่ยงหรอก เรียกให้ช่างมาซ่อมเถอะ”

                “มาดูก่อนเถอะน่า” พี่ม่อนเดินไปลากพี่ก้าที่กำลังยืนกดโทรศัพเล่นอยู่ที่มุมห้อง

     

              พรึบ!!

    และอยู่ๆไฟก็ดับลงอย่างไม่ทราบสาเหตุทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

              “มันเกิดบ้าอะไรขึ้นอีกว่ะเนี้ยยยย”


    ผมเดินเข้ามารวมกับพวกพี่ๆอยู่ตรงกลาง ผมหยุดเดินทันทีเมื่อมีบางอย่างรั้งเอาไว้ ลมหายใจเย็นเฉียบพ่นมาที่ซอกคอของผม ร่างเย็นๆ ที่โอบรัดร่างผมแน่นจนผมแทบจะหายใจไม่ออก


    จีมิน นายแกล้งอะไรฉันอีก นายนี่เล่นอะไรไม่ดูสถานการณ์เลย บรรยากาศมันยิ่งน่ากลัวๆอยู่


              “จะ...จี”

    ทันทีที่แสงไฟสว่างวาบขึ้นทำเอาผมขนหัวลุกทั้งตัว เมื่อภาพที่เห็นมันไม่ใช่อย่างที่ผมคิด จีมินไม่ได้กอดผมเพราะจีมินกอดพี่ก้าอยู่ และไม่ใช่พี่โฮปแน่ๆ เพราะพี่โฮปกอดพี่ม่อนกับพี่จินอยู่ และใครกอดผมล่ะ จองกุกก้มลงดูที่ตัวก็พบว่าไม่มีอะไร ขาผมแทบทรุดลงกับพื้นเพราะความกลัว


              “ม่อน พอก่อนเถอะ ไหนๆเครื่องก็เสียแล้ว เราก็กลับเถอะ  พรุ่งนี้ค่อยทดเวลาก็ได้มั้ง”

              “เฮ้ย แต่วันนี้เรายังไม่ได้ซ้อมอะไรเลยนะโว้ย”

               “พี่ม่อน งั้นพักหาไรกินก่อนได้มั้ย ผมหิวจนใส้จะขาดอยู่ล่ะ”

    จีมินเอ่ย

              “เออ ใช่ นี่ฉันยังไม่ได้กินไรเลยตั้งแต่ตอนเที่ยงล่ะ”

    พี่โฮปเสริม พี่ม่อนหันหน้าไปมองชูก้า และดูเหมือนทุกคนจะเห็นด้วยว่าตั้งพัก 

              “อ่ะๆๆ พักก็พัก ให้เวลาครึ่งชั่วโมงนะโว้ย”

              “โอเค”

            

    #เวลาพักเบรค


      "เฮ้ออ เหนื่อยเป็นบ้าเลย ฟู่ว”


    ผมล้มตัวลงนอนแผ่ลงกับพื้นอย่างอ่อนหล้า

     

    สัมผัสนั้น มันคืออะไรนะ ....    

              มันเหมือนมีใครมองอยู่ตลอดเวลา หรือผมคิดไปเอง.......

     

              “จองกุก จองกุก”….

              “ไอ้จองกุก”

    พี่ก้าตะโกนเรียกพร้อมกับหยิบหมอนที่วางอยู่ใกล้ๆมาโยนใส่ผม

              “เอ้ย พี่ปาหมอนมาทำไมเนี้ย ตกใจหมด”

    ผมเด้งตัวขึ้นมาก่อนจะหยิบหมอนมากอดไว้   

              “เรียกตั้งนานทำไมไม่ตอบ”

              “เอ้า พี่เรียกผมหรอ”

              “ก็เออ ดิ  แกจะเม่อลอย ไปถึงดาวพลูโตนู้นหรือไงเรียกดังขนาดนี้ยังไม่ได้ยินอีก”

              “ไม่ได้ยินจริงๆนะ เออว่าแต่เรียกผมทำไมอ่ะ  แล้วพี่ไม่ไปซื้อของกินหรอ”

              “ไม่อ่ะ ขี้เกียจ ฝากจีมินซื้อมาล่ะ”

    พี่ก้าล้มตัวนอนลงข้างๆผม ก่อนจะถอนหยาบใจเฮียกใหญ่ออกมา

     

              “เห้ยย พี่ก้า ไอ้จีมิน มันมายังอ่ะ”

    พี่โฮปเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยหอบ ยั่งกะไปวิ่งมาราธอนมายังไงยังงั้น

              “ยังอ่ะ ก็ไปด้วยกันไม่ใช่หรอพี่โฮป”

              “กะ ก็มันอ่ะดิบอกพี่ว่ามันจะไปเข้าห้องน้ำรอ แต่พี่รอมันนานมาก เข้าไปหาดูในห้องน้ำก็ไม่เจอ เลยวิ่งมาดูที่นี่เผื่อมันจะมาแล้ว แล้วมันหายหัวไปไหนของมันว่ะ”

              “โทรหามันดิโฮป”

    พี่ชูก้าบอก

              “เอ่อใช่”

    พี่โฮปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อติดต่อกับจีมิน


     ตูด...ตูด...

     

    คลื่นๆๆๆๆ

              “อ่ะ อ่าว จีมินไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป”

    ผมหยิบโทรศัพท์ของจีมินที่ชาร์ตแบตอยู่ข้างๆขึ้นให้พี่โฮปดู 

              “ปัดโธ่ โว้ย”

    พี่โฮปสบถขึ้นด้วยความโมโห น้องหายทั้งคน จะไม่ไห้โมโหได้ไง แล้วถ้าเกิดเรื่องที่จีมินเล่าเป็นเรื่องจริงขึ้นมา แล้วถ้าน้องหายไปอีกคนจะทำยังไง ถึงจะไม่ค่อยถูกกันมากนักแต่พี่เจโฮปก็รักน้องๆทุกคนเท่ากัน


              “โวยวายอะไรกัน แล้วไอ้จีมินยังไม่มาหรอ”

    พี่ม่อนเอ่ยถามทันทีที่มาถึงห้อง


              “ยังเลย โทรศัพท์มันก็ไม่เอาไป แล้วนี่มันก็ดึกมากแล้ว ชั้นว่าเราไปตามดีมั้ย”

              “เอ่อๆๆ”

              งั้น ไปตามหาเถอะ นี่มันก็ดึกมากล่ะ”

    พี่ก้าเอ่ย

              “งั้นผมไปด้วย”

              “งั้นแยกย้ายกันไปหานะ พี่จะไปดูที่ร้านขายของ โฮปแกไปดูที่ห้องน้ำ ที่จองกุกไปดูที่โรงจอดรถกับม่อน”

                   “ไปเถอะ”

    ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปตามหาจีมินตามที่ตกลงกันไว้

              “พี่ม่อน ช้าๆหน่อย ผมมองไม่เห็นทางมันมืด”

              “แกก็เดินให้มันเร็วๆหน่อยดี้ ยืนเม่ออยู่นั่นแหละ”

    พี่ม่อนบ่นให้ผมก่อนจะจับผมลากตามไป สงสัยหายโกรธแล้วมั้ง


              “เฮ้ จีมิน อยู่ในนี้หรือเปล่า”    

    มื่อมาถึงโรงจอดรถพี่ม่อนก็ตะโกนเรียกทันที


    ผมก็เดินดูทั่วๆแล้วตะโกนเรียกด้วยเหมือนกัน พวกผมเดินดูที่โรงรถจนรอบ เมื่อไม่เจอก็เลยเดินขึ้นไปดักรอพี่ก้ากับพี่โฮปที่ที่ห้องซ้อม ซักพักทั้งสองก็วิ่งมา ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าไม่เจอแน่ๆ ทำไงดีล่ะเนี่ย แล้วพี่จินหายไปไหนไม่เห็นตั้งนานล่ะ


              “งั้นไปดูที่สวนมั้ยล่ะ เผื่อเจอ จีมินชอบไปที่นั่นบ่อยๆ”

              “ไปสิ”

    พี่โฮปเอ่ยก่อนจะวิ่งออกไปที่สวนข้างบริษัท

              “ฮ่าๆๆๆ อย่างงั้นหรอ ฮ่าๆๆๆ”

    ห๊ะ เสียงหัวเราะที่เป็นเอกลักษณ์ดังแว่วมาจากสวน ผมกับพี่โฮปมองหน้ากันอัตโนมัติ ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ต้นเสียงทันที

    พอมาถึงก็เจอจีมินนั่งหัวเราะอยูที่ชิงช้าคนเดียวแล้วทำท่าเหมือนพูดกับใครซักคน

              “เอ้ย จี แกมาทำอะไรอยู่นี่ แล้วหายไปไหนมาทุกคนเค้าเป็นห่วงแก แกทำไมทำตัวเหลวไหลอย่างงี้ !”

    พอ พี่โฮปเจอจีมินนางก็ร่ายยาวเลยด้วยความเป็นห่วง

              “ก็พี่ไม่รอผมอ่ะ”

              “แล้วเป็นบ้าอะไรขึ้นมานั่งพูดอยู่คนเดียว”

    พี่ม่อนเอ่ย

              “ตลกล่ะๆ คนทั้งคนไม่เห็นได้ไง”

              “ใครว่ะ”

    พี่ม่อนทำหน้าสงสัย

              “นี่ไง วี”

    จีมินฝายมือเพื่อแนะนำอีกคนให้พี่ๆรู้จัก ทั้งๆที่จริงแล้ว ไม่มีใครอยู่กับจีมินเลย  ทันทีที่พี่ม่อนได้ยินชื่อก็ถึงกลับยื่นอื้ง ไม่พูดอะไรต่อ


              “ไม่ขำโว้ยจีมิน” 


    พี่โฮปทั้งพูดทั้งสั่น ก่อนจะดึงแขนจีมินออกมาจากชิงช้าแล้วลากกลับมาที่ห้องซ้อม


              “พี่จะลากผมมาทำไมเนี้ย ผมยังคุยกับเพื่อนไม่เสร็จเลย”

              “แกจะบ้าหรือไง เพื่อนเพิ่นที่ไหน  แก  นั่ง  อยู่  คน  เดี่ยว โว้ย!!


    พี่โฮปเน้นคำชัดๆเพื่อเรียกสติจีมินให้กลับมาก แต่จีมินยังคงทำหน้างงอยู่


              “บ้าน่ะ ผมคุยกับวีจริงๆ”

    จีมินหันไปมองที่ชิงช้าอีกที ก็พบว่าอีกคนไม่อยู่แล้ว

              “อ่าวไปไหนล่ะ”

              “ไปกันเถอะ”

     พี่ม่อนพูดเสียงสั่น พลางลากผมเดินเข้าไปในตึกด้วย

               พะ พี่ม่อน มีใครตามเรามามั้ยอ่ะ ทำไมเหมือนมีคนมองมาที่ผมตลอดเลยอ่ะ ”

    ผมเล่าเสียงสั่นมือเรียวเกาะแขนพี่ชายแน่น

              “ไม่มีไรหรอกเน่ ไม่มีใครตามเรามาหรอก”

    พี่ม่อนแกะมือผมออกจากแขนตัวเองแล้วเดินตามคนอื่นๆไป

     

    แรปมอน พาร์ท

              “ จองกุก จะไปได้ยัง ยืนอยู่นั่นแหละ เสียเวลาจริงๆไอ้เด็กพวกนี้ ” 

    ทันทีที่มือของผมสัมผัสกับตัวมักเน่ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ใบหน้าขาวเนียนซีดลงอย่างเห็นได้ชัดดวงตาสดใสของจองกุกกลับดูเม่อลอยไร้สติ เหมือนไม่ใช่มักเน่คนเดิม


              “จองกุก แกเป็นไรหรือป่าว”

              “ไปซ้อมกันเถอะครับ” 

    จองกุกตอบเสียงแข็งแล้วเดินขึ้นห้องซ้อมไป เหลือไว้เพียงผมที่ยืนงงอยู่  จองกุก เดินไปเปิดเพลงทันที่ที่มาถึงห้องซ้อม


    ทันที่ที่เสียงเพลงดังขึ้นร่างสูงก็เริ่มขยับตามเพลง

    ใบหน้าขาวซีดของจองกุกเริ่มทำให้คนอื่นเริ่มกลัว เพราะปกติจองกุกไม่เป็นแบบนี้  คนอื่นๆเดินมาสมทบแล้วเต้นไปพร้อมๆกันพี่จินเดินออกมาจากมุมห้อง (ที่หายไปนี่คือพี่แกแอบหลับไป ไม่รู้เรื่องอะไรเลย)


              “เฮ้ย  พักก่อนได้มั้ย นี่เราตั้งกันมาเกือบชั่วโมงแล้วนะโว้ย ข้าวที่ซื้อมานี่ยังไม่ได้กินเลย หิวชะมัด”

    เจโฮปเอ่ยขึ้นก่อนจะนั่งลงกับพื้น และคนอื่นๆ ก็เริ่มนั่งตาม  จองกุกเดินไปปิดเพลงก่อนจะเดินเข้ามานั่งกับพวกพี่ๆที่กลางห้อง


    จองกุกหันไปมองพี่จิน

              “อะไรของแกเน่ เป็นอะไรหรือป่าวหน้าซีดๆ”

    พี่จินเอ่ยถามน้องเล็ก จองกุกไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่ร้องให้แล้วโผลเข้าไปกอดพี่จินไว้ แล้วกระซิบที่หูพี่ใหญ่เบาๆ


              “ช่วยผมด้วย”

    พอพี่ใหญ่ได้ยินเสียงจองกุกก็ถึงกับนิ่งไปเลย เพราะเสียงที่พี่จินไม่ยินมันไม่ใช่เสียงของจองกุกแต่กลับเป็นเสียงของแทฮยองแทน

     

     



       

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×