ลำดับตอนที่ #61 : รีวิวอนิเมะ Uchiage Hanabi, Shita kara Miru ka? Yoko kara Miru ka? สรุปแล้วดอกไม้ไฟมันกลมหรือแบน? //ควรดูอนิเมะมาก่อนแล้วมาอ่าน

อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 62

หลังจากความสำเส็จครั้งยิ่งใหญ่ของ Kimi No Nawa ผลงานผู้กำกับ Makoto shinkai เมื่อปี 2016 ทำให้กระแสการ์ตูนรักแนวๆ Kimi No Nawa บูมเป็นอย่างมากมีผลงานอนิเมะ นิยาย มังงะ ที่ได้แรงบัลดาลใจมาจาก Kimi No Nawa มากมายรวมไปถึงอีกหนึ่งโปรเจคของโปรดิวเซอร์ Kawamura Genki ที่อยากจะต่อยอดความสำเร็จนั้นแบบ Kimi No Nawa ที่เขาเคยทำร่วมกับ shinkai โดยนำผลงานซีรีย์คนแสดงชื่อดังในอดีตนำกลับมารีเมคเป็นอนิเมะซึ่งผู้ที่มารับหน้าที่ทำงานนนี้นั้นคือ พ่อมดของวงการอนิเมะต้นตอของความชั่วร้ายทั้งปวง Akiyuki Shinbou และสตูดิโอ Shaft กับโปรเจคที่ชื่อว่า Uchiage Hanabi, Shita kara Miru ka? Yoko kara Miru ka?

เวอร์ชั่นคนแสดง

Uchiage Hanabi, Shita kara Miru ka? Yoko kara Miru ka? หรือ Fireworks นั้นเป็นผลงานซีรีย์ครแสดงที่เคยฉายช่อง Fuji TV ปี 1993 ของผู้กำกับ Shunji Iwai ผู้กำกับหนังและอนิเมะที่มีผลงานอย่าง Hana to Alice ทั้งเวอร์ชั่นหนังและคนแสดง ส่วนอนิเมะนั้นได้สตูดิโอ Shaft มาดูแล กำกับโดยผู้กำกับเพียงหนึ่งเดียวของสตูดิโอ Akiyuki Shinbou และได้ Takeuchi Nobuyuki ผู้อยู่เบื้องหลังงานอนิเมะของ Shaft หลายเรื่องมาช่วยกำกับแถม Shinbou ยังได้เพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่าง Watanabe Akio ที่เคยร่วมงานใน Monogari Series มาออกแบบคาแร็คเตอร์

Shunji Iwai และ Akiyuki Shinbou

เนื้อเรื่อง

เรื่องราวในช่วงฤดูร้อนโดยกลุ่มเด็กหนุ่มที่ประกอบด้วย Norimichi, Hahaoya, Yuusuke, Minoru, Kazuhiro ที่ส่งสัยกันว่า หากดูดอกไม้ไฟจากด้านข้างนั้นดอกไม้เป็นรูปร่างกลมหรือแบนทำให้เหล่ากลุ่มเด็กหนุ่มได้นัดกันไปดูงานดอกไม้ไฟประจำเมืองเพื่อพิสูจน์กัน ต่อมา Norimichi และ Hahaoya ที่เป็นเวรทำความสะอาดสระน้ำนั้นได้เจอกับ Nazuna เด็กสาวสุดสวยที่อยู่ห้องเดียวกันกับทั้งสองซึ่งเธอได้ท้าสองหนุ่มแข่งว่ายน้ำซึ่งใครชนะเธอจะชวนไปเดทงานดอกไม้ไฟที่จะนำพาไปสู่เรื่องทั้งหมด

ตัวละคร

Shimada Norimichi CV: Masaki Suda

เด็กหนุ่มม.ต้นร่างเล็กที่ได้ร่วมกับกลุ่มเพื่อนนัดกันไปดูงานดอกไม้ไฟเพื่อพิสูจน์ว่าดอกไม้ไฟกลมหรือแบน แต่ทว่าเขาได้มีชะตาต้องเขาไปเกี่ยวข้องเรื่องราวต่างๆกับ Nazuna เด็สาวในห้องเดียวกันที่เขาแอบชอบและอยากจะอยู่ด้วกันแต่ว่าเรื่องราวต่างๆทำให้เขากับเธออาจจะต้องแยกจากกันทำให้เขาพยายามที่จะหาทางทำให้ได้อยู่กับเธอ

Oikawa Nazuna CV: Hirose Suzu

เด็กสาวที่อยู่ห้องเดียวกับ Norimichi ที่ต้องเผชิญปัญหาครอบครัวโดยที่แม่ของเธอกำลังจะแต่งงานใหม่และกำลังจะย้ายบ้านไปที่อื่นซึ่ง Nazuna ไม่ต้องการทำให้วางแผ่นหนีออกจากบ้านในวัดงานดอกไม้ไฟโดยเธอจะเลือกคนที่จะหนีไปด้วยกันกับเธอ

หลังจากที่ดูไปแล้วโดยส่วนตัวค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อยเพราะในตัวอย่างโปรโมตไว้ดีมากแถมเอาชื่อ Kimi No Nawa มาขายด้วยทำให้คิดว่ามันจะออกมาแนวแบบนั้นแถม Shaft ช่วงนี้ก็ทำอนิเมะที่ดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้นอย่าง 3-Gatsu No Lion แต่ทว่ามันกับไม่ใช้แบบนั้นเพราะ Shaft ดันทำเรื่องนี้โดยใช้รูปแบบเดียวกับ Bakemonogari ทำให้อนิเมะที่ควรเป็นเลิฟโรแมนติกกลายเป็นอนิเมะหลายคนบอกว่า "กาวสุดๆ" โดยตัวคนเขียนแบ่งเป็นประเด็นต่างๆที่พูดถึงเรื่องนี้กันดังนี้

Uchiage Hanabi ไม่ใช่อนิเมะแบบเดียวกับ Kimi No Nawa

เห็นได้ชัดเลยว่าเรื่องนี้พยายามที่จะเอาชื่อเสียงของ Kimi No Nawa มาโฆษณาโดยใช้ชื่อของโปรดิวเซอร์ Kawamura Genki มาใช้โฆษณาแทนที่จะเป็นผู้กำกับอย่าง Akiyuki Shinbou โดยเฉพาะบ้านเราที่พยายามชื่อใช้โปรดิวเซอร์ Kawamura Genki และ Kimi No Nawa ทำให้หลายๆคนหลงเชื่อและเข้าใจผิดว่า Uchiage Hanabi คงอนิเมะแบบเดียวกับ Kimi No Nawa หรือใช้ทีมงานเดียวกัน ซึ่งความจริงแล้วนั้นไม่ใช้เลยซักนิดหากใครไปดูเรื่องนี้แล้วคิดว่าจะได้ความประทับใจเหมือนกับ Kimi No Nawa ล่ะก็คิดผิดแล้วเพราะทั้งสองเรื่องมีจุดที่เหมือนกันแค่โปรดิวเซอร์เดียวกันนอกนั้นแทบไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย ระหว่างสตูดิโอ CoMix Wave Films ของ makoto shinkai ที่ทำ Kimi No Nawa และ Shaft ของ Akiyuki Shinbou ที่ทำ Uchiage Hanabi ต่างก็มีสไตล์ทำอนิเมะที่แตกต่างกันมากทำให้ผลงานทั้งสองเรื่องมีความต่างกันทั้ง ภาพ คาแร็คเตอร์ตัวละคร การดำเนินเรื่อง เป็นต้น ซึ่งการที่เอา Kimi No Nawa มาใช้โฆษณานั้นมันก็เกิดผลเสียอย่างมากนั้นคือการถูกเปรียบเทียบซึ่งแน่นอน Uchiage Hanabi ค่อนข้างจะสู้ไม่ได้ในด้านคุณภาพตัวงาน และ เนื้อเรื่อง มันเลยเกิดความรู้สึกผิดหวังเล็กๆของคนที่ดูหลายคนรวมทั้งคนเขียนด้วยเห็นได้จากคะแนนรีวิวต่างๆที่ออกไปด้านปานกลางถึงขั้นค่อนข้างไม่ดี

Shaft ไม่เหมาะกับอนิเมะแนวเลิฟโรแมนติก

สตูดิโอ Shaft ภายใต้การนำของผู้กำกับ Akiyuki Shinbou ได้ผ่านงานผลิตอนิเมะมาแล้วหลากหลายแนวโดยเฉพาะแนวตลกคอมเมดี้กับดราม่านั้นจะเป็นแนวที่ Shaft ถนัดแต่ทว่าสำหรับแนวเลิฟโรแมนติกนั้นแทบจะเป็นครั้งแรกของ Shaft เลยก็ว่าได้ถึงแม้ว่า Shaft จะเคยทำอนิเมะแนวความรักมาบางอย่างเช่น Nisekoi แต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นแนวเลิฟคอมเมดี้ หลังจากนี้ที่ได้ดูแล้ว Uchiage Hanabi เห็นได้เลยว่า Shaft ไม่ถนัดแนวเลิฟโรแมนติกจริงๆ เปรียบเหมือนกับเชฟซูชิมาทำราเม้ง ส่งผลให้ Uchiage Hanabi ออกมาไม่ค่อยสนุกเท่าไรและหลายจุดที่ค่อยข้างมีปัญหา อย่างเช่น พัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างโนริมิจิ กับ นาซึนะที่ค่อยข้างดำเนินไปค่อยข้างเร็วแบบรวมรัดตัดต่อไม่ค่อยอธิบายสัมพันธ์ของทั้งสองละเอียดมากนักจดดูลอยๆ แถม Shaft ดันพี่เข้าใช้รูปการอนิเมะแบบอาร์ตๆแหกแนวของตัวเองใส่กับเรื่องนี้แทบทุกอย่าง เช่น หันคอแบบ Shaft แช่ภาพนิ่ง ฉากตัดแปะ เผาเนียน เทคนิคตัดภาพไปมา และ ตัวละครพูดร่ายยาว ซึ่งรูปแบบการนำเสนอของ Shaft นั้นไม่ค่อยจะเข้อง Uchiage Hanabi เท่าไร มันเหมาะแนวคอมเมดี้ ดราม่า หรืออนิเมะที่มีความอาร์ตสูงมากกว่าอนิเมะเลิฟโรแมนติกซึ่งกินใจ

เพลงประกอบสุดยอดเยี่ยม

จุดเด่นของเรื่องนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดขายสำคัญเลยก็ว่าได้นั้นก็คือ เพลงประกอบของเรื่องที่บอกได้เลยว่าและทำออกมาเพราะทุกเพลงโดยเฉพาะเพลงปิดของเรื่องอย่างเพลง Uchiage Hanabi ที่ขับร้องโดย Daoko นักร้องสาวที่กำลังมาแรงในช่วงนี้และมีผลงานเป็นที่รู้จักอย่างเพลงประกอบอนิเมะสั้นเรื่อง ME!ME!ME! ร้องคู่กับ Kenshi Yonezu หรือที่รู้จักในนาม Hachi หนุ่มนักแต่งเพลงโวคาลอยด์ผู้โด่งดังที่ผันตัวมาเป็นนักร้องที่กำลังมาแรงอีกคนโดยมีผลงานเด่นอย่างร้องเพลง OP1 เรื่อง Boku no Hero Academia ซีซั่นแรกโดยทั้งสองคนนั้นสามารถถ่ายทอดตัวเพลงที่สื่อความรักระหว่าง โนริมิจิ กับ นาซึนะ ได้อย่างยอดเยี่ยมทำให้คนดูหรือคนฟังนั้นรู้สึกอินไปกับเรื่องและเป็นเพลงที่ถูกใจคนเขียนอย่างมากจนยกให้เป็นเพลงปิดยอดเยี่ยมของปี 2017 นอกจากนี้ยังมีเพลงประกอบสำคัญอีกสองเพลงนั้นคือ Forever Friends เพลงประกอบฉากไคลแม็กซ์ซึ่งเป็นเพลงที่สำคัญมากและขาดไปไม่ได้เลยเพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่ใช้ประกอบของเวอร์ชั่นคนแสดงปี 1993 ขับร้อง REMEDIOS ทางเวอร์ชั่นอนิเมะก็ได้หยิบเพลงนี้มาร้องและแต่งใหม่โดยยังคงได้ Daoko มาเป็นคนร้องโดยเพลงนี้เป็นบทเพลงที่ถ่ายถอดความรู้สึกของโนริมิจิ กับ นาซึนะที่ต้องการจะอยู่ด้วยกัน(ต่างกันตรงที่เวอร์ชั่นคนแสดงเป็นมิตรภาพระหว่างเพื่อนแต่อนิเมะจะเป็นความรัก) เพลงนี้ช่วยฉากไคลแม็กซ์ดูดดึงอารมณ์คนดูได้มาก(และฉากไคลแม็กซ์เป็นฉากที่คนเขียนรู้สึกว่าดีที่สุดในเรื่อง) และอีกเพลงคือ Ruri-iro no Chikyuu ร้องโดย Hirose Suzu คนพากย์นาซึนะซึ่งอยู่ในฉากที่โนริมิจิ กับ นาซึนะหนีไปด้วยกันแล้ว เพลงที่เป็นเพลงที่ถ่ายถอดจิตนาการและความฝันของนาซึนะขึ้นชื่อว่าเป็นเพลงฉากที่กาวที่สุดของเรื่องแต่เพลงนี้ค่อนข้างช่วยให้ดูฉากนี้ได้อย่างเพลิดเพลินไม่ต้องไปคิดกับฉากให้งงหัว อาจจะเรียกได้ว่าเพลงประกอบของเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นตัวแบกเรื่องไว้ทั้งหมดและขาดไปไม่ได้เลย

ดอกไม้ไฟมันกลมหรือแบนมันไม่สำคัญหรอกขอแค่พวกเราอยู่ด้วยกันก็พอแล้ว

การที่จะเข้าใจเรื่องนี้นั้นต้องตีความประเด็นสำคัญของเรื่องนั้นก็คือ ดอกไม้ไฟตอนขึ้นจากด้านข้างนั้นมันกลมหรือแบน ตัวเรื่องเองมันก็ไม่เฉลยหรอกว่าจะกลมหรือแบนแถมเอาเข้าจริงแล้วมันมีดอกไม้ไฟที่ไหนแบนกัน ซึ่งประเด็นดอกไม้ไฟกลมหรือแบนมันเป็นการเปรียบเทียบกับตัวละครในเรื่องโดยเฉพาะตัวโนริมิจิเองที่ต้องการจะอยู่กับนาซึนะแม้จะอยู่ในโลกแห่งความฝันก็ตามซึ่งดอกไม้ไฟกลมหรือแบนนั้นก็คือโลกความฝันกับโลกแห่งความจริงด้วยตัวโนริมิจิไม่สนว่าตัวเองจะอยู่ในโลกแบบไหนขอแค่อยู่กับนาซึนะก็พอ ซึ่งพอจุดไคลแม็กซ์ที่โนริมิจิกับนาซึนะต้องเลือกระหว่างโลกความฝันกับโลกความจริงจนมาถึงตอนจบเรื่องก็ไม่ได้เฉลยว่า โนริมิจิกับนาซึนะ ได้อยู่ด้วยกันหรือไม่ ความรักของทั้งสองจะเป็นอย่างไร ตอนจบของเรื่องนี้ไม่ยอมบอกทิ้งปมให้คนดูนั้นสงสัยแล้วกลับไปคิดกันเอาเอง โดยทั้งหมดนี้คนเขียนพอจะหาคำนิยามบทสรุปของเรื่อง Uchiage Hanabi ว่า "ดอกไม้ไฟจะกลมหรือแบนนั้นก็ขึ้นอยู่คุณจะคิดขึ้นมาเอง"

ภาพนี้น่าจะอธิบายเรื่องทั้งหมดได้ดี

Uchiage Hanabi เป็นอนิเมะที่มีเนื้อเรื่องและประเด็นข้อคิดที่น่าสนใจแต่น่าเสียดายที่การดำเนินเรื่องนั้นค่อนข้างออกมาไม่ดีนักและด้วยทีมงานอนิเมะที่ไม่ถนัดแนวรักโรแมติกทำตัวอนิเมะดูดรอปลงและออกมาไม่ดีเท่าที่หวังเอาไว้ซึ่งภายในตัวอนิเมะมีประเด็นสำคัญที่น่าจะเจาะลึกและเขียนให้ละเอียดกว่านี้แต่ด้วยตัวเขียนั้นกับไม่ค่อยมีเวลามากนักทำให้ต้องรูปสรุปให้จบ(ที่จริงตอนนี้ควรเสร็จกลางเดือนมกราคม)แถมตัวคนเขียนเองก็วางแผนที่จะเขียนใหม่ด้วย นี้อาจจะเป็นตอนรีวิวที่ชวนงงที่สุดยังไงก็ขออภัยสำหรับคนที่อ่านด้วย