คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #58 : แนะนำอนิเมะ:Shoujo Shuumatsu Ryokou สองสาวกับโลกที่ล่มสลาย
เรื่อง: Shoujo Shuumatsu Ryokou (Girls' Last Tour)
ต้นฉบับ: มังงะ
ผู้แต่ง: Tsukumizu
ผู้กำกับ: Ozaki Takaharu
สตูดิโอ:
จำนวนตอน:12ตอน
แนว: ไซ-ไฟ,ผจญภัย,ปรัญญา
ฉายซีซั่น:ฤดูใบไม้ร่วง2017
เรื่องย่อ
เนื้อเรื่องกล่าวถึงโลกที่ล้มสลายภายหลังสงครามครั้งใหญ่ที่ได้ทำลายอารยธรรมมนุษยชาติไปหมดสิ้นเหลือทิ้งแต่เพียงซากปรักหักพัง สิ่งมีชีวิตต่างๆแทบจะสูญพันธุ์หมดรวมถึงมนุษย์ที่เหลือรอดชีวิตเพียงไม่กี่คนหนึ่งในนั้นคือChito กับ Yuuri สองเด็กสาวผู้รอดชีวิตที่ผจญภัยไปพร้อมกับรถKettenkrad(รถมอเตอร์ไซค์ล้อสายพานของกองทัพเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่2)คู่ใจอย่างไร้จุดหมาย
ตัวละคร
Chito CV:Minase Inori
จิฮิโระหรือจี้จัง เด็กสาวผู้รอดชีวิตจากสงครามล้างโลกโดยเธอเดินทางไปที่ต่างๆเอาชีวิตรอดบนโลกที่ล้มสลายไปพร้อมกับยูริด้วยรถKettenkradซึ่งเธอนั้นเป็นคนขับมัน โดยจิฮิโระนั้นมีจุดเด่นในด้านความฉลาด รอบรู้ด้านต่างๆ ชั่งสังเกต เอาการเอางาน มีความเป็นผู้นำ โดยเธอชอบอ่านหนังสือและจดไดอารี่เธอเพื่อบันทึกการเดินทางของเธอ โดยจิฮิโระต้องค่อยรับมือความซุกซนของยูริที่มักจะหาเรื่องป่วนให้เธออยู่บ่อยๆ
Yuuri CV:Kubo Yurika
ยูริหรือยู อีกหนึ่งเด็กสาวผู้รอดชีวิตจากสงครามล้างโลกที่เดินทางไปพร้อมกับจิฮิโระ โดยยูรินั้นเป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสา อารมณ์ดี อ่อนต่อโลก ช่างสงสัยมักถามจิฮิโระในเรื่องต่างๆ เป็นคนที่ชื่นชอบในการกินมากๆโดยความเป็นคนไร้เดียงสาอ่อนต่อโลกนั้นทำให้เธอมักหาเรื่องป่วนให้จิฮิโระต้องว่าเธออยู่บ่อยๆ โดยยูรินั้นมีจุดเด่นเรื่องพละกำลังและเป็นเธอมีความสามารถในการยิงปืนซึ่งเธอมักจะพกปืนไรเฟิลKar98k(ปืนไรเฟิลลูกเลื่อนของเยอรมันช่วงสงครามโลก)ประจำตัว
ภาพเวอร์ชั่นมังงะ
Shoujo Shuumatsu Ryokou เป็นผลงงานมังงะเปิดตัวของนักเขียนหน้าใหม่อย่างTsukumizu โดยลงในนิตรายสาร Kurage Bunch ของสำนักพิมพ์Shinchosha ในกุมภาพันธ์ 2014 ซึ้งผลงานชิ้นแรกั้นก็สามารถได้เป็นอนิเมะของบริษัทKadokawa โดยได้สตูดิโอWhite Fox ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากเมื่อปีที่ผ่านมาจากRe:Zero กำกับโดยozaki takaharu ซึ่งตัวEDของเรื่องนั้นได้Tsukumizu เจ้าของเรื่องมาทำอนิเมะชั่นให้ด้วยตัวเอง(อ.แกทำอนิเมะชั่นเป็น)
Tsukumizu
ซีซั่นอนิเมะฤดูใบไม้ร่วงสำหรับคนเขียนมันคือซีซั่นที่ค่อนข้างจืดชืดที่สุดในบรรดา4ซีซั่นเพราะส่วนใหญ่อนิเมะดังๆจะเป็นภาคต่ออนิเมะใหม่เด็ดๆค่อนข้างน้อยส่วนใหญ่ต่างกันแย่งลงซีซั่นฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน Shoujo Shuumatsu Ryokouก็เป็นหนึ่งอนิเมะที่ค่อนข้างจะนอกกระแสอย่างมากไม่ใช้แนวตลาดเท่าไร แต่ทว่าตัวคนเขียนเองกับสนใจเรื่องนี้เพราะว่ามันเป็นแนวไซ-ไฟโลกหลังล่มสลายซึ่งส่วนตัวค่อนข้างก็ชอบแนวนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว(อย่างnier automata เป็นต้น)แนวพวกนี้มักมีความเป็นปรัชญามนุษย์และต่อต้านสงครามแถมสายเส้นและตัวละครทั้งสองมันก็น่าดึงดูดใจให้อยากดู จนได้ดูตอนแรกซึ่งมันก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยแถมรู้สึกชอบเรื่องนี้อีกตั้งหากเป็นอนิเมะซีซั่นฤดูใบร่วงที่ชื่นชอบมากที่สุดของเลยก็ว่าได้(อวยหนักมาก)โดยShoujo Shuumatsu Ryokouมีประเด็นที่น่าสนใจอยู่หลายอย่างที่คนเขียนจะขอแยกอธิบายเป็นข้อแล้วกัน
ต่อต้านสงคราม
แน่นอนการ์ตูนแนวหลังโลกล้มสลายหลายเรื่องจะออกแนวต่อต้านสงครามเพราะสงครามนั้นเป็นอีกหนึ่งเหตุที่ทำลายโลกใบนี้ให้ล้มสลายลงได้นอกเหนือจากภัยธรรมชาติ ซึ่งShoujo Shuumatsu Ryokouก็เห็นกลิ่นต่อต้านสงครามมาตั้งแต่เห็นจี้จังกับยูแล้วโดยดูจากหมวกที่ทั้งสองสวมอยู่ จี้จังนั้นส่วมหมวกคล้ายหมวกเหล็กทหารอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้ง1-2ส่วนยูนั้นสวมคล้ายหมวกเหล็กทหารเยอรมันช่วงสงครามโลกครั้ง1-2เช่นกัน ซึ่งทั้งสองประเทศก็เป็นศัตรูกันทั้งสองสงครามโลก แต่หมวกทหารของทั้งประเทศกับมาอยู่บนหัวสองเพื่อนซี้เอาชีวิตรอดเป็นการแอบจิกกัดสงครามโลกเล็กน้อย และอีกหนึ่งอย่างที่สะท้อนภาพความรู้สึกต่อต้านสงครามในเรื่องนี้คือฉากซากปรักหักพังสิ่งก่อสร้าง ซากของเมืองที่แทบไม่เหลืออะไร ซากอาวุธสงครามที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเข่นฆ่ากันที่สุดก็กลายเป็นซากที่ถูกทิ้งไว้ สภาพโลกที่ดูน่าหดหู่และสิ้นหวัง มนุษย์ที่แทบจะใกล้ศูญพันธ์ุที่เหลือก็ใช้ชีวิตอย่างไร้จิตหมาย มันสะท้อนภาพผลเสียของสงครามมันไม่เคยให้อะไรแก่มนุษย์ที่แต่ทำลายร้างเท่านั้น หากไม่มีสงครามเราคงเห็นอารยธรรมมนุษย์ที่รุ่งเรือง จี้จังกับยูก็คงเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาและได้ไปโรงเรียนเจอเพื่อนมากมาย มีครอบคัวที่สุขสันต์ คงไม่ต้องมาเอาชีวิตรอดเดินทางอย่างไร้จุดหมายในโลกที่สิ้นหวังแบบนี้
ความหมายของการมีชีวิตและความตาย
โดยประเด็นนี้ตัวเรื่องค่อนข้างจะเน้นเป็นพิเศษและเป็นส่วนสำคัญของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ซึ่งมันแฝงแทบทุกตอน โดยทั้งจี้จังและยูนั้นต้องเดินทางเอาชีวิตรอดอย่างไร้จุดหมายในโลกที่แทบไม่เหลืออะไรแล้วสิ่งที่ทั้งสองมักถ่ายทอดออกมานั้นก็คือความหมายของการมีชีวิตที่จะอยู่บนโลกที่สิ้งหวัง ความหมายที่ทั้งสองยังมีชีวิตเดินทางต่อไปอยู่บนโลกใบนี้ อะไรที่ทั้งสองถึงอยากมีชีวิตอยู่ โลกที่สิ้นหวังนี้ยังมีอะไรบางสิ่งที่มีค่าให้ทั้งสองยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป สึ่งตัวเรื่องนั้นมันจะค่อยถ่ายออกมาอย่างอ้อมๆผ่านจากคำพูด การกระทำ และ การตั้งคำถามของทั้งสองสาว และแน่นอนมีความมายของการมีชีวิตแล้วซึ่งเป็นด้านตรงข้ามคือความตายที่อาจเป็นจุดจบของทั้งสองสาวซึ่งจี้จังและยูก็มักจะถ่ายทอดออกมาประมาณว่า ไม่แน่ใจของการมีชีวิตตัวเอง ความตายเป็นอย่างไร และอะไรรอเราอยู่ในโลกหลังความตาย ซึ่งการตีความส่วนตัวของเขียนเองนั้นเห็นว่าเรื่องนี้พยายามสะท้อนภาพทั้งจี้จังและยูนั้นเป็นตัวแทนของมนุษย์โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคซึมเศร้าที่จะแสวงหาความหมายที่ตัวเองจะมีชีวิตต่อไปและมักมองความตายเป็นทางเลือกสุดท้ายของชีวิต ส่วนโลกที่ล่มสลายก็คือเรื่องราวแย่ๆเข้ามาในชีวิต
ความโมเอะที่แฝงความหดหู่
อีกจุดเด่นเลยของเรื่องนี้ที่ธีมหลักของเรื่องนั้นก็อารมณ์ในเนื้อเรื่องที่ถ่ายทอดออกมาที่ดูสนุกสนานและแสนโมเอะกับแฝงความเหงาแสนหดหู่อยู่ในอารมณ์เดียวกัน ด้วยตัวเนื้อเรื่องนั้นจะค่อนข้างดำเนินคล้ายๆพวกอนิเมะสายโมเอะสดใสสโลว์ไลฟ์อย่างเรื่อง non non biyori เป็นต้น โดยทั้งสองตัวละครอย่างจี้จังและยูต่างก็ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานและมีความโมเอะภายในตัว ทั้งสีหน้าอาการต่างๆของทั้งสอง กิจกรรมต่างๆที่ชวนสนุก มุกตลกที่ดูใสซื่อของยู การตบมุกของจี้จัง และ การทะเลาะกันที่ดูเหมือนเด็กของทั้งสอง ซึ่งทุกอย่างมันมีในอนเมะโมเอะสดใสทั่วๆไปแต่เรื่องกับออกมาไม่สดใสตามเนื้อเรื่องเพราะหลังฉากและธีมเรื่องที่เป็นโลกที่ล้มสลายไปแล้วที่ให้อารมณ์สิ้นหลังและหดหู่ชวนเหงา การที่ทั้งจี้จังและยูกำลังสนุกสนานในฉากโลกที่แสนจะสิ้นหวังนั้นมันทำให้อารมณ์ของเรื่องรู้สึกสนุกไปกับการผจญภัยของตัวละครพร้อมไปด้วยความหดหู่และความเหงาของตัวละครไปด้วยราวกับสามารถสัมผัสความรู้สึกของทั้งสองได้ โดยเรื่องนี้สามารถเอาสองอารมณ์มาผสมกันได้อย่างลงตัวและงดงาม
Tsukumizu
อ.Tsukumizu ถือได้ว่าเป็นนักเขียนการ์ตูนที่มีความน่าสนใจหลายประเด็นมาก อย่างแรกเลยสามารถเข็นผลงานชิ้นแรกที่เดบิวของตัวเองกลายเป็นอนิเมะได้ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะทำได้แถมยังเป็นนักวาดที่มีฝีมือและเอกลักษณ์พอสมควรมีความสมารถในการทำอนิเมะชั่นด้วย(แกร่วมทำEDด้วย) อย่างที่สองตัวตนของอ.แก ซึ่งอ.ไม่เปิดเผยหน้าตัวเองและมีตัวเองเป็นปริศนาแต่ถ้าดูจากผลงานรูปวาดในทวีตเตอร์ของอ.แกซึ่งก็วาดคาแร็คเตอร์ตัวเองขึ้นมาตีความตัวตนอ.แกได้ว่า เป็นสาวแว่นวัย20กว่าชอบดื่มเหล้าจนเมาตลอดและเป็นเลสเบี้ยน(ผลงานของแกมักเป็นแนวยูริ) อย่างสุดท้ายอารมณ์และจิตใจของอ.แก ผลงานของอ.Tsukumizu ทุกอย่างนั้นเป็นผู้หญิงทั้งหมดลายเส้นตัวละครดูโมเอะน่ารักแต่แฝงอารมณ์ที่ดูหดหู่แถมรูปบางรูปที่วาดออกมานั้นแสดงให้เห็นผู้หญิงกำลังเจ็บปวดหรือเรื่องเกี่ยวกับความตาย จะเห็นได้ว่าทั้งรูปวาดและเรื่อง Shoujo Shuumatsu Ryokouค่อนข้างเป็นกระจกสะท้อนภาพให้เห็นสภาพจิตใจของอ.Tsukumizu ราวกับอ.แกได้ถ่ายทอดอารมณ์และสภาพจิตใจของตัวเองลงในตัวผลงาน ซึ่งเห็นแล้วก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วงแกอยู่เหมือนกัน
ตัวละครตัวแทนอ.Tsukumizuกับตัวละครหญิงสาวที่คาดว่าน่าจะเป็นคู่รักของอ.แก
ภาพนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรมมาก
นอกจากที่กล่าวข้างต้นนี้ งานภาพของเรื่องอาจไม่โดนเด่นแต่ถือว่าทำออกมาได้ดีมากโดยเฉพาะฉากหลังที่ออกแบบโลกที่ล้มสลายได้ตามอารมณ์ของเนื้อเรื่องได้ดี จุดติเรื่องภาพคือทำภาพ3Dที่มักใช้ในจังหวะฉากที่รถสายพาดวิ่งทำภาพ3Dยังดูลอยๆไม่ค่อนเนียนกับฉากหลังเท่าไรแต่ยังดีที่ใช้ภาพ3Dค่อนข้างน้อย เนื้อเรื่องไม่มีที่ติถูกใจคนเขียนอย่างมากที่เป็นพวกชอบแนวอนิเมะปรัชญา แต่อาจไม่ถูกใจใครหลายคนเพราะมันเป็นอนิเมะที่ต้องค่อยตีความเรื่องหรือบทพูดตัวละครตลอดแถมยังดำเนินเรื่องค่อนข้างช้า จะไม่เหมาะคนที่ต้องการดูอนิเมะเบาสสมองหรืออนิเมะที่ง่ายๆ และสำหรับเพลงเรื่องนี้สามารถทำได้อย่างดีเยี่ยมทั้งOP ED และOST แถมในOPนั้นยังเซอร์ไพร์คนดูโดยการที่จี้จังและยูทำท่าDabที่ฮิตกันทั่วโลกในOPของเรื่องจนเป็นกระแสอยู่พักหนึ่ง Shoujo Shuumatsu Ryokouอาจเป็นอนิเมะที่นอกกระแสอย่างมากและไม่ได้ม้ามืดอะไรในซีซั่นนี้ แต่มันเป็นอนิเมะที่ตัวเขียนนั้นถูกใจอย่างมากและชื่นชอบมากที่สุดในซีซั่น หากใครที่ชอบอนิเมะแนวปรัชญาแนะนำให้ควรดูอย่างมาก
OP :Ugoku, Ugoku BY Chito (Inori Minase) & Yuuri (Yurika Kubo)
ED : More One Night BY Chito (Inori Minase) & Yuuri (Yurika Kubo)
ติดตามผลงานอ.Tsukumizu
https://twitter.com/tkmiz?lang=en
ความคิดเห็น