ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนเรื่อยเปื่อย

    ลำดับตอนที่ #54 : Hatsune Miku:เสียงแรกแห่งอนาคต ตอนที่2 ยุครุ่งเรื่อง(2010-2014)

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 60


    พอเข้าปี2010ช่วงฤดูหนาวเมืองซัมโปโระบ้านเกิดของมิกุนั้นจะงานเทศกาลหิมะประจำปีนั้นคืองานSapporo Snow Festival และตัวมิกุนั้นก็ได้มีส่วนร่วมในงานเทศกาลประจำปี2010 จนกำเนิดsnow miku Nendoroidของบริษัทgood smile company โดยเป็นมิกุในธีมหิมะซึ่งเป็นที่โด่งดังอย่างมากกลายเป็นอีกธีมหนึ่งประจำตัวมิกุจนเป็นประเพณีเทุกปีที่มิกุจะเข้าร่วมงานSapporo Snow Festivalและจะมีsnow mikuออกมาใหม่ประจำทุกปีโดยปี2013เป็นต้นมาทางบริษัทgood smile company ได้จัดการประกวดออกแบบsnow mikuประจำปีมาเรื่อยๆ พร้อมกับเชิญนักแต่งมามาแต่งเพลงธีมประจำปีsnow miku จนเป็นอีกหนึ่งประเพณีอีกอย่างหนึ่งของมิกุ

    snow mikuปี2010-2016

                                                                                       snow mikuปี2017
    และในวันที่9 มีนาคม 2010 มิกุก็ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่จะทำให้ทั้งโลกหันมามองที่เธอดับคอสเสิร์ตเดียวครั้งแรกที่ชื่อว่าHatsune Miku 39’s Thanks Giving Days!โดยเสิร์ตนี้ได้ทำเทคโนโลยีโฮโลแกรมฉายภาพเคลื่อนไหวของมิกุบนจอใส่ทำให้เหมือนว่าเธอกำลังเล่นคอนเสิร์ตอยู่จริงๆนอกจากนั้นยังมีเหล่าก๊วนVocaloidอย่าง ริน เลน ลูกะ ที่มาเล่นคอนเสิร์ตด้วย สิ่งมันสร้างเสียงฮือฮาและชื่นชอบของแฟนๆเป็นอย่างมากนอกจากนี้มันยังทำให้ทั้งโลกหันมาสนใจกับไอดอลดิจิตอลอย่างมิกุถือว่าเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ทำให้เธอกลายเป็นไอดอลดิจิตอลที่ทรงอิธิพลและการเป็นสัญลักณ์เทคโนโลยีและเพลงไป


    Hatsune Miku 39’s Thanks Giving Days!

    https://www.youtube.com/watch?v=jhl5afLEKdo
    หลังจากพึ่งประสบความสำเร็จจากคอสเสิร์ตทางCrypton Future Mediaก็ได้ถึงเวลาอัพเกรดโปรแกรมVocaloidมิกุใหม่เนื่องจากมีหลายเจ้าทีพัฒนาVocaloidที่เทคโนโลยีใหม่กว่าอย่างMegpoid ที่มีชื่อว่าGumiของบริษัทInternet Co., Ltd.(2009)หรือบริษัทAH-Softที่มีvocaloidอย่างSF-A2 mikiหรือตัวชูโรงอย่างYuzuki Yukari(2011) จนก่อกำเนิดHatsune Miku Append โดยเวอร์ชั่นนี้มิกุสามารถใช้เสียงได้5แบบ Soft, Dark, Solid, Vivid และ Sweet ตามอารมณ์และแนวเพลง แต่ทว่าเหล่าคุณนักแต่งเพลงก็ยังนิยมใช้มิกุรุ่นVocaloid2แถมบางคนใช้รุ่นเก่าแต่ทำน้ำเสียงมิกุได้อย่างหลายจนเซียน แต่กรระนั้นชุดMiku Append นั้นกับดังเป็นอย่างมากโดยชุดที่ดูลั่นรูปเซ็กซี่จนถูกทำไปวาดแฟนอาร์ตและMMDกันมามาย


    Hatsune Miku Append
    ในวันที่21 พฤษภาคม ปี2010 ก็ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญกับมิกุนั้นก็คือโครงการ “Send Miku to Venus"ที่ได้ล่ารายชื่อที่ผู้ที่ต้องการให้มิกุไปอวกาศกับยานสำรวจดาวศุกร์ของญี่ปุ่นชื่อ Akatsuki โดยได้นำรูปของมิกุของเหล่าแฟนๆที่วาดลงในแผ่นเหล็กอลูมิเนียมประกอบเข้ากับตัวย่าน โดยย่านถูกส่งในวันที่21 พฤษภาคม  และในเดือนเดียวกันนั้นมิกุก็สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งโดยการขึ้นที่1ของOricon Weekly Charts ครั้งแรกกับอัลบั้ม Exit Tunes Presents Vocalogenesis feat. Hatsune Miku โดยยอดขาย 23,000 แผ่น (เอาจริงๆถือว่าไม่เยอะมากนะ)

    แผ่นเหล็กรูปมิกุที่ถูกส่งไปอวกาศ
    กระแสมิกุยังคงแรงไม่หยุดโดยเธอนั้นแทบไม่โผล่ในสื่อหลายรูปแบบสำนักข่าวทั่วโลกต่างก็พูดถึงเธอ(ผลจากคอนเสิร์ตเริ่มเห็นแล้ว)แม้ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐบ้านเราก็เลยทำข่าวเกี่ยวกับเธอจนที่เรียกกันเล่นๆว่าเป็นช่วงมิกุขยายอำนาจเพื่อยึดครองของโลก นอกจากนี้มิกุได้มีมังงะอีกครั้งในชื่อว่าShuukan Hajimete no Hatsune MikuวาดโดยHayashi Kentarou รู้จักกันในเวอร์ชั่นมิกุหน้าโฉด ออกจากนั้นเธอยังได้รางวัลNetwork Award ของการประกาศผลรางวัล Animation Kobe Awards ครั้งที่ 15จากคอนเสิร์ตHatsune Miku 39’s Thanks Giving Days! และปี2010นั้นก็นักแต่งคนสำคัญที่เปิดตัวอย่างMikito-P เจ้าของเพลงสุดฉาวอย่างSarishinohara  PINOCCHIO-P DJสติเฟื่องที่มาพร้อมกับเพลงเสียดสีที่ดีงกับเพลงArifureta Sekai Seifuku(2012) Last Note.เจ้าของซีรีย์mikagura gakuen kumikyokuที่ได้ทำอนิเมะ กลุ่มhoneyworks เจ้าของเพลงสุุดโรติกที่ดังจนกลายเป็นอนิเมะChouchou-Pหรือ papiyon ที่เปิดตัวด้วยเพลงสุด เป็นต้น

    Shuukan Hajimete no Hatsune Miku
    เข้าปี2011วันที่9 มีนาคม มิกุก็ได้มีคอนเสิร์ตอีกครั้งหนึ่งในชื่อว่า Hatsune Miku Live Party -39’s Live in Tokyo- 2011 แต่ทว่ามันกลายเป็นคอนเสิร์ตที่ถูกบ่นมากที่สุดเพราะว่าใช่จอดำฉายไม่ใช้จอใส่เหมือนเมื่อก่อนทำให้เหมือนดูเธอผ่านทางจอเท่านั้นไม่ใส่แบบจอใส่ที่เหมือนว่าเธอเล่นคอนเสิร์ตและคอนเสิร์ตจัดอีกครั้งที่sapporoบ้านเกิดของเธอ ในวันที่11 มีนาคมนั้นได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่ญี่ปุ่นจนเกิดคลื่นซึนามิที่เมืองเซนไดและฟูกุชิมะ ทำให้บริษัทgood smile companyได้ทำNendoroid Hatsune Miku Ouen Ver.หรือที่คนเขียนเรียกเล่นๆว่ามิกุช่วยชาติเพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว

    Nendoroid Hatsune Miku Ouen Ver.
    และในปี2011นั้นถือว่าเป็นปีสำคัญของมิกุนั้นคือได้โกอินเตอร์ไปดังที่ต่างประเทศโดยเริ่มจากงานแข่งดริฟท์ที่รัสเซียได้มีรถใส่ลายอิตะฉะมิกุไปแข่งแถมได้แชมป์มาด้วยจนเป็นที่สนใจอย่างมากถึงขั้นลงในปกนิตยสารรถของรัสเซีย และเธอได้ไปโกอินเตอร์ที่อเมริกาโดยการเป็นพรีเซนเตอร์ของรถToyota Corolla ซึ่งช่วงแรกมีดราม่าเล็กน้อยกับรูปโปรโมทลายเส้นแบบพวกการ์ตูนซุปเบอร์ฮิโร่จนต้องเปลี่ยนรูปโปรโมทให้ดูเป็นญี่ปุ่นขึ้น
    รูปโปรโมททั้งสอง

    https://www.youtube.com/watch?time_continue=39&v=E15PE7iGT0U
    คลิปโฆษณา
    ยังไม่พอเพราะมิกุนั้นยังได้ไปเล่นคอนเสิร์ตในงาน ANIME EXPO 2011ที่เมือง Los Angelesถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ในการดังในระดับโลก ด้วยช่วงนี้เรียกว่าขาขึ้นของมิกุสุดทั้งทีมรถแข่งgood smile racingที่นำโดยรถ Hatsune Miku Good Smile BMW และมาคอสนำโชว์อย่าง Miku racing คว้าแชมป์รายการแข่งรถหลายสนาม(เคยมาที่บุรีรัมย์ด้วยนะเออ) ได้เป็นคนแรกที่ไม่ใช้คนจริงลงในหน้าปกนิตยสาร Flash ในรอบ25ปี และอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญอีกครั้งโดยการในเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาของGoogle Chrome โดยมีเพลงอย่างTell Your World แต่งโดย kz livetune ที่ต่อมาการเป็นสัญลักษณ์สำคัญของมิกุที่ได้เชิ่อมผู้คนบนโลกเข้าด้วยกันและเป็นผู้สร้างฝันแรงบรรดาใจให้กับผู้คน และโฆษณาตัวนี้ได้รับรางวัลอย่างรางวัลBronze Lion และรางวัล Silver Lion  จากงาน Cannes Lions International Festival of Creativity ที่เมืองคานส์ ปี2012 รางวัล Grand Prix จากงานมอบรางวัล Ad Stars ปี2012 ประเทศเกาหลีใต้

    https://www.youtube.com/watch?v=PqJNc9KVIZE
    Tell Your World
    และไม่ใช้แค่เพลงell Your World เท่านั้นยังอีกเพลงดังที่ทำให้กลายเป็นอีกเพลงชาติของมิกุกับเพลงsenbonzakuraของKurousa-Pที่สามารถอยู่ในแหล่งvocaloid rankingได้3ปี และได้มีนิยายและละครเวทีของตัวเองแถมถูกวงดนตรีหลายลงนำไปcoverอย่าง Kineie Nami ShachuและWagakkiBand  นอกจากนี้ยังมีนักแต่งเพลงที่เปิดตัวคนสำคัญอย่างMitchie M ที่แจ้งเกิดกับFREELY TOMORROW Shizen no Teki-Pหรือที่รู้จักในชื่อJIN เจ้าเพลงสุดดังอย่างkagerou daysที่กลายเป็นซีรีย์เพลงvocaloidที่โด่งดังมากที่สุดโดยช่งแรกเป็นมิกุเป็นคนร้องก่อนที่จะส่งไม้ผลัดให้vocaloidคนล่ะค่ายอย่างIAมาร้องต่อ  

    https://www.youtube.com/watch?v=shs0rAiwsGQ
    แต่ในปี2012ก็เกิดเรื่องร้ายกับมิกุขึ้นซึ่งมิกุนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากดาราทั่วไปมีทั้งคนชอบและไม่ชอบเลยมีกลุ่มคนบ้างกลุ่มที่ไม่ต้องการให้มิกุโด่งดังทำการแจ้งลบคลิปละเมิดลิขสิทธิ์เท็จในยูทูปทำให้คลิปมิกุหลายคลิปทุกลบทำให้เราแฟนๆมิกุตั้งแคมแปญ“Save Miku”เพื่อต่อต้านการลบคลิปและทำให้เพลง the disappearance of hatsune mikuกลับมามีความหมายอีกครั้งเนื่องจากเพลงนี้ได้กล่าวถึงหากมิกุหายไปบทโลกนี้และเพลงนี้การอีกหนึ่งเพลงสัญลักษณ์สำคัญของตัวตนมิกุ ในวันที่8และ9 มีนาคม มิกุได้มีคอนเสิร์ตครั้งใหญ่กับงานHATSUNE MIKU Live Party 2012 (MIKUPA♪)และHATSUNE MIKU Concert Final 39’s Giving Day ต่อมามิกุก็ได้มีอีกเกมของตัวเองลงในเครื่อง3DSอย่างHatsune Miku Project Miraiที่เป็นและพองเพื่อนเป็นตัวจิบลิสุดน่ารัก โดยมีภาคต่อมาอย่างhatsune miku project mirai 2(2013)และHatsune Miku: Project Mirai DX(2015) และนอกจากนี้ยังเกมใหม่ของมิกุบนมือถืออย่างmiku flick และภาคต่อในปีเดียวกันอย่างMiku Flick/02 นอกจากนี้แล้วเธอยังมีเพื่อนVocaloidคนล่ะค่ายที่เปรียบเสมือนคู่หูและคู่แข่งคนสำคัญอย่างIA จากบริษัท1st Place Co., Ltd. มีเหล่านักแต่งเพลงมักจับคู่ร้องเพลงกับมิกุ ซึ่งตอนนี้AIก็กำลังไปได้สวยกับONE Vocaloidรุ่นน้องค่ายเดียวกัน นอกจากนี้แล้วยีงมีคอนเสิร์ตเล็กๆที่น่าสนใจอย่างNico Nico Party ของเว็บnico nico dougaที่จัดครั้งแรกปี2012โดยได้นำVocaloidและเพลงแทบทุกค่ายมาแสดงร่วมกันและจัดกันเป็นประจำทุกปี

    Hatsune Miku Project Mirai
    ในปี2012ก็ได้เริ่มมีเพลงVocaloidดังกลายเป็นนิยายที่แต่งโดยนักเขียนเพลงนั้นๆโดยนิยายเรื่องแรกๆที่เป็นนั้นคือThe disappearance of Hatsune Miku ที่แต่งโดยcosMo@ และหลังจากนั้นก็มีเพลงดังหลายเพลงหลายเป็นนิยาย(โดนสำนักพิมพ์ เช่น Sakura No Ameของhalyosyที่ได้กลายเป็นหนังโรงในปี2015  Aku no Musume Series ของmothy  เป็นต้น (โดยสำรักพิมพ์DEXPRESSได้ซื้อLCจัดจำหน่ายหลายเรื่องแล้ว) และ31สิงหาคมปี2012คือวันครบรอบ5ปีของมิกุจึงได้แคมแปญและงานต่างๆที่ฉลองวันเกิดของเธอซึ่งรวมไปถึงบทเพลงที่เหล่านักแต่งเพลงที่แต่งเพลงให้เพื่อวาระโอกาสครบรอบ5ปี อย่างเช่น birthday song for miku ของ Mitchie M  ที่ไดเนำสมาชิกก๊วนVocaloidเดียวกันกับเธอมาร้องเพลงอวยพร เพลง39 ที่แต่งโดยsasakure.UK x DECO*27 ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่ผ่านมา5ปีของมิกุและเป็นการขอบคุณเราแฟนๆที่ติดตามทำให้เพลงนี้กลายอีกสำคัญของมิกุ และเพลงOdds & Endsเพลงประจำเกมhatsune miku  Project Diva F แต่งโดยryo supercellนักแต่งเพลงผู้บุกเบิกวงการเพลงVocaloidที่มาพร้อมกับเทคนิคทำเสียงหายใจของมิกุทำให้เหมือนเสียงร้องของคนจริงๆมีน้อยคนมากที่ทำแบบนี้ได้และกลายเป็นอีกเพลงสำคัญของมิกุ

    https://www.youtube.com/watch?v=6OmwKZ9r07o

    Odds & Ends
    ความดังของเธอนั้นทำได้ไปร่วมกับแคมแปญต่างๆหรือเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาให้กับบริาัทญี่ปุ่นมากมายที่เด่นๆเลยก็คือได้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ร่านสะดวกซื้อfamily mart และในช่วงเดียวเวลานั้นได้คนทำคลิปล้อเอามิกุไปเป็นพรัเซนเตอร์ร้านคู่แข่งอย่าง7-11แต่มิกุที่เามานั้นไม่ใช้มิกุปกติแต่มันคือมิกุสุดหล่อนอย่างMikudayo ที่จากความผิดพลาดของค่ายSegaที่ทำชุดใส่มาสอตมิกุที่จะโปรโมตในเกมHatsune Miku Project Miraiบวมกว่าปกติทำให้มันดูหลอนๆโดยชื่อMikudayoนั้นแปลว่า มิกุไงล่ะ จากนั้นMikudayoก็เป็นที่โด่งดังและกลายเป็นMEMEดังอีกอย่างของมิกุโดยหัวใส่ของค่ายSegaและgood smile company ได้นำMikudayo ไปทำเป็นNendoriod และสินค้าต่างๆขายแถมได้เป็นพรีเซนเตอร์ในเกมHatsune Miku project mirai 2 ด้วย

    mikudayo
    ต่อมามิกุได้โอกาสสำคัญได้ขึ้นคอนเสิร์ตOrchestra ร่วมกับ Tomita Isaoนักแต่งเพลงระดับตำนานที่แต่งเพลงให้กับอนิเมะของปรมาจารย์ Tezuka Osamu และวงJapan Philharmonic Orchestraในที่23 พฤศจิกายน 2012 ยังไม่พอยังได้ขึ้นคอนเสิร์ตOperaในชื่อว่าVocaloid Opera “THE END” 1 – 2 ธันวาคม  2012 และพิเศษสุดก็คือได้Marc Jacobs ดีไซเนอร์ชื่อดังจากแบรนด์ Louis Vuitton มาเป็นคนออกแบบชุดให้
    Vocaloid Opera “THE END”
    เข้าปี2013มิกุได้มีโอกาสร้องเพลงประกอบภาพยนต์ครั้งแรกกับเรื่องMememe No Kurageโดยในหนังนำเพลงของเธออย่างLast Night, Good Nightแต่งโดยkzlivetuneมาประกอบหนังและหลังจากนั้นก็ได้การสานโปรเจคนี้ต่อโดยการแต่งเพลงLast Night, Good Nightใหม่ที่ได้Pharrell Williamsนักร้องชาวอเมริกาชื่อดังอย่างเพลงHappy มาร่วมด้วยในปี2014  นอกจากนี้เธอได้มีโอกาสร้องปิดอนิเมะสุดหลอนอย่างyami shibaiทั้ง2ภาค ต่อมามิกุก็ได้มีโอกาสแสดงกลางแจ้ง ณ บริเวณRoppongi Hills ใจกลางนครโตเกียวโดยใช้เทคโนโลยีARของบริษัทNTT Docomo และSony Computer entertainment ที่ทำให้อาคาร Roppongi Hills Metro Hat กลายเป็นเวทีของเธอโดยเป็นAppผ่านมือถือและPS Vita ในวันที่16 – 21 กรกฏาคมและปี2013ก็ถึงเวลาที่จะได้อัพเกรดโปรมแกรมVocaloidของมิกุซักที่โดยบริษัท Crypton Future Mediaได้ออกHatsune Miku V3 English โปรมแกรมVocaloididรุ่นที่3ขแงเธอโดยที่V3นี้มิกุจะสามารถร้องเพลงภาษาอังกฤษได้ซึ้งเป็นจุดอ่อนเธอมาโดยตลอด โดยได้ว่างจำหน่าย31 สิงหาคมหรือวันเกิดเธอนั้นเอง(แต่เหล่าคุณนักแต่งเพลงก็ยังนิยมใช้V2อยู่ดี) นอกจากนั้นแล้วIto Hiroyukiประธานบริษัท Crypton Future Media ที่เปรียบเมือนคุณพ่อของมิกุได้รับเหรียญเกียรติยศจากรัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมกับได้สมเด็จองค์พระจักรพรรดิที่แสดงให้เห็นความสำเร็จของมิกุ และในปี2013มิกุได้มีมหกรรมคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดอย่างHatsune Miku Magical Mirai ในวันที่30 สิงหาคม โดยเป็นงานคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดของมิกุและกลายเป็นงานคอนเสิร์ตประจำปีที่จัดในญี่ปุ่นทุกปี

    Hatsune Miku V3 English

    Hatsune Miku Magical Mirai 2013
    ในปี2014 ก็ได้มีโอกาสร้องเพลงร่วมกับวงBump of Chicken กับเพลงที่ชื่อว่าRay  และช่วงเวลาเดียวกันนั้นมิกุก็ได้มีโอกาสสำคัญโดยได้แสดงเปิดในทัวร์คอนเสิร์ตของ Lady Gaga นักร้องอเมริกาชื่อดังระดับโลกในทัวร์คอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า artRAVE The ARTPOP BallในประเทศสหรัฐอเมริกาแถมตัวLady Gaga ก็ชอบในตัวมิกุอยู่แล้ว นอกจากนี้เธอยังไดไปออกรายการ The Late Show with David Lettermanเพื่อมาโปรโมตในการมหกรรมงานHatsune Miku Expo มหกรรมงานของมิกุที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจัดครั้งแรกที่LOS ANGELES กับ NEW YORK และได้ไปที่ต่างๆทั่วโลก แถมเธอนั้นยังเป็นหนึ่งใน15คนของนิตยสารTimeผู้ที่มีอิทธิพลต่อสังคมมากที่สุดอันดับที่8 

    Hatsune Miku Expo 2014

    ติดตามตอนต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×