ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : cHaPtEr 3 : งานแรกของมัจจุราชเลี้ยงแมว...เมี๊ยว~
วะฮ่ะฮ่ะฮ่ะ~ ตอนสายในที่สุดก็เอามาลงเเล้ว  หลังจาก  ลืม...(ก็มันสงกรานต์นี่ -3-)  พยายามเเก้ไขเรื่องบรรทัดเเล้วนะคะ...หุหุ ดีขึ้นบ้างหรือเปล่า เมนต์บอกไว้ด้วยจะดีมากเลยค่ะ
อยากเล่าง่ะ ^^\":วันนี้เปิดคอมปั๊บ  เราลุกเดินไปเดินมาอยู่สักพัก ได้กลิ่นไหม้!!! กลิ่นไหม้โชยยยยย ทั้งบ้านหากันใหญ่ มันมาจากไหน หากันหน้าตาตื่น  หาไปหามา ทุกคนเอาจมูกมารวมกันที่หน้าคอม  \"กลิ่นมันมาจากไอ้เนี่ย!!\"  รีบกดสวิตช์ปิดเลย  หลังจากตั้งหลักได้ เปิดใหม่  \"กลิ่นยังมีอยู่ไหม\"    \"ไม่เเล้วๆ\" ...กลายเป็นว่าคอมน่ะมันไม่ได้เป็นไรหรอก  ลำโพงต่างหากล่ะส่งเสียฉ่าเเล้วก็ดับ....ไปเลย - -๐
                                    เม้นต์ด้วยยยยยยยยยยยยยยยย  @__@.....
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
cHaPtEr 3 :  งานแรกของมัจจุราชเลี้ยงแมว...เมี๊ยว~
“โอ๊ยไซ!!!เบาๆหน่อย  แกกำลังจะฉีกมือฉันเป็นชิ้นแล้ว”
“อย่ากัดหูเซ่~เรน  ลงไป!!!อย่าเกาะไหล่  หนักนะ”งานเลี้ยงแมวของฉันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อ สองสัปดาห์ก่อน  แรกเริ่มเดิมทีมันเป็นงานง่ายๆ  แต่ต่อมามันไม่ใช่ หลังจาก ที่ฉันได้เห็นเจ้าแมวเหมียวสองตัว ตัวหนึ่งสีขาว อีกตัวสีดำ กลายร่างจากลูกแมวน้อยน่ารักน่ากอดเป็นลูกเสือแทน  แต่...มันเทียบไม่ได้กับความซนของเจ้าสองตัวที่ทั้งขบทั้งกัด ตะบบ ข่วน ทุกๆวันของฉันตอนนี้คือการลุกขึ้นมาปล้ำกับเจ้าแมวยักษ์สองตัวที่โตวันโตคืน
“วันนี้จะออกไปทำงานเธอก็มาด้วยกันสิ”ไซเรนแต่งตัวแบบเดิม เตรียมจะออกไปทำงานนอกบ้านเหมือนเคย  (ถึงแม้ในสัปดาห์นี้ฉันเห็นเธอกลับบ้านครั้งเดียวก็ตาม)บ้านที่ฉันอยู่ตอนนี้ก็เป็นบ้านของไซเรน  แมนชั่นหรูยอดตึกสูง  สงบและเป็นส่วนตัว มิน่า!ถึงเลี้ยงแมวตัวเบ้อเริ่มได้โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
            คาเฟ่แห่งเดิม อันเป็นที่ชุมนุมของเรา  ยังคนเนืองแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ที่ฉันเองไม่เข้าใจว่าติดใจอะไรในรสชาติอาหารและการบริการของที่นี่นักหนา  เราฝ่าฝูงชนเข้าไปหาที่นั่งอันอยู่ในมุมอับของร้าน
“ไงสาวน้อย เลี้ยงแมวไปถึงไหนแล้วจ๊ะ”ลีนาทักแล้วยิ้ม
“เป็นไงแมวของไซเรน น่ารักหรือเปล่า ฉันไม่เคยเห็นสักครั้งเลยนะ”
“ก็น่ารักดี  แต่ปากกว้างไปหน่อย”
“หือ?”
“อืมม์  ปากกว้าง และก็ซน”ฉันโชว์แผลที่มือที่ถูกเจ้าไซทึ้งให้ลีนาดู
“แมวตัวใหญ่เลยนะนี่”ลีนาทำหน้าเหย
“นี่งานของเธอ”ไซเรนยื่นเศษกระดาษให้ลีนาสองแผ่น  ก่อนจะยื่นอีกสามแผ่นให้มีนา
“ส่วนอันนี้ของเธออาคิราภ์”ไซเรนยื่นกระดาษชิ้นหนึ่งให้ฉัน
“โอ้ว!มัจจุราชเลี้ยงแมวได้ทำงานแรกแล้ว”
“งั้นก็หมายความว่าวันนี้คิราภ์จะไปกระทรวง รายงานตัวแล้วสิ”มีนาถามหยุดมือที่กำลังพยายามปัดผมที่ลงมาปรกหน้าจนมองไม่เห็นตาออกไป
“ใช่ วันนี้หลังฉันทำงานเสร็จจะเข้ากระทรวง”
“ตายแล้ว!!ไซเรนจะเข้ากระทรวง  เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้”
“ใช่ๆ หิมะตกเลยล่ะ”มีนาพยักหน้าอย่างมันใจ
“อาคิราภ์ เธอจะไปกับฉันหรือจะอยู่กับมีนาก็ได้นะ  แต่เช้านี้ฉันรีบ”ไซเรนดื่มนมแก้วใหญ่ก่อนจะเริ่มกดโทรศัพท์มือถือง่วน
“นี่คิราภ์ไปกับไซเรนดีกว่านะ  วันนี้งานฉันมันไม่สวยเท่าไหร่”มีนาบอกแล้วยักไหล่
“นั่นสิ สาวน้อยเธอไปกับไซเรนดีกว่า เพราะวันนี้ฉันไปทำงานไกล  จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาส่งตัวเธออีก” ฉันไม่มีทางเลือกเป็นอันว่าวันนี้ฉันต้องเดินตามไซเรนต้อยๆ
           
                ฉันไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าไซเรนจะมีรถส่วนตัวด้วย  เธอพาฉันไปขึ้นรถก่อนจะขับไปยังสตูดิโอถ่ายภาพแห่งหนึ่ง  ที่นั่นมีทีมงานเป็นต่างชาติเสียส่วนใหญ่เดนกันขวักไขว่เต็มไปหมด โอ๊ย!ลายตา
“สวัสดีครับคุณไซเรน มาช้าจังเลยนะครับ”ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ส่งเสียงทักไซเรน
“....”ไม่มีเสียงตอบจากเธอ..ไซเรน (เงียบสมชื่อ)
“แล้วเด็กคนนี้ใครครับ ผมเพิ่งจะเคยเห็น”
“......”เงียบเหมือนเคย    ในที่สุดชายหนุ่มคนนั้นก็ตัดสินใจถามฉันเองดีกว่า
“สวัสดีครับสาวน้อย”ชายหนุ่มก้มตัวลงให้อยู่ในระดับสายตาฉัน  ว้าว!!!....คนอะไรทำไมถึงหล่อขนาดนี้...นายแบบแน่ๆนายคนนี้
“สวัสดีค่ะ”
“ผมชื่อโอแทลลอส  คุณคงคุ้นชื่อผมแล้ว”  ไม่คุ้นได้ยังไง!....นายแบบดังระดับโลกหล่อกระชากใจขนาดนั้นสาวๆหลายร้อยหรืออาจถึงพัน คงยอมตายเพื่อจะได้อยู่กับเขาสักชั่วโมง  แต่วันนี้เขาอยู่นี่แล้วอยู่ตรงหน้าฉัน!!!
“สาวน้อย คุณชื่ออะไรครับ”
“อาคิราภ์ ...ค...ค่ะ”
“คิราภ์สินะครับ”
“โอแทลไปแต่งตัวได้แล้ว”เสียงทีมงานคนหนึ่งเรียก  โอ๊ย....อย่าเพิ่งไปนะขอร้อง  อย่างน้อยขอฉันจ้องตาสัก สองวินาทีก็ยังดี
“ครับๆ” เขาหันไปตอบแล้วค่อยหันกลับมามองฉันด้วยนัยน์ตาสีสวย ที่ไล่สีตั้งแต่สีฟ้าไล่ไปเหลืองและเป็นสีเขียว
“แล้วเจอกันนะสาวน้อย”
            ชิ...มีคนเรียกฉันว่าสาวน้อยอีกแล้ว  แต่ไม่เป็นไรหรอกคนเรียกหล่อ ให้อภัย...
           
                          ฉันฝันไปใช่ไหมนี่  ฉันรู้สึกเหมือนตัวค่อยๆลอยขึ้นไป  หน้าร้อนผ่าว คนอะไรหล่อสุดยอดเลย...แต่ความชื่นชมของฉันยิ่งทวีขึ้นเมื่อเขาเริ่มทำงาน  เสื้อผ้าไม่ได้สวยสะดุดตา  แต่เครื่องเพชรที่ใส่ต่างหากที่ดึงดูดสายตา  ไซเรนทำงานอย่างดีเยี่ยม  ภาพของเธอที่ถ่ายออกมาสวยๆทั้งนั้น  ตาสีดำสนิทที่มองกล้อง ให้ความรู้สึกน่าค้นหา ยิ่งทำให้เธอโดดเด่นพอๆกันเครื่องเพชรมูลค่าสูงพวกนั้น  ถ้าฉันเป็นผู้ชายคงหลงเสน่ห์เธอไปแล้ว  (ถึงแม้จะไม่เคยยิ้มเลยสักครั้งก็ตาม) โอแทลลอส ก็ทำงานได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนกัน  สองคนนี้เป็นคู่ที่เหมาะกันมากๆเลย
“ขอภาพคู่ภาพสุดท้ายหน่อยครับ”
“ผมดีใจจังได้ถ่ายภาพคู่กับคุณไซเรนด้วย” โอแทลลอสบอกแล้วยิ้ม  เขารู้ไหมนี่ว่าเขายิ้มแล้วอาจทำให้สาวๆทำใจละลายได้เลยนะ
“....”ไซเรนเธอยังคงเงียบไม่พูดสักคำเดียว
“เข้าไปใกล้ๆกันหน่อยครับ  คุณไซเรนทำเหมือนกระซิบข้างหูหน่อยครับ  นั่นล่ะครับ  ดีครับ”ไซเรนเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหูของโอแทล ดูเซ็กซี่ดีจัง
“ทำหน้าที่องครักษ์ของเจ้าไปซะ  อย่ามายุ่งกับข้า” โอ๊โฮ !!!ไซเรน ฉันละเชื่อเลยถึงฉันจะอยู่ไกลก็เถอะ  ฉันไม่คิดว่าจะมีคนกล้าบอกแบบนี้กับนายแบบชื่อดังขนาดนี้  ว่าแต่  ใครคือองครักษ์ล่ะ?.....
“โอเคครับ  เรียบร้อย  ขอบคุณนะครับพวกคุณทำให้งานของผมง่ายขึ้นเยอะเลย” น่าสงสารช่างภาพนะ ดูไม่ค่อยมีใครฟังเขาเลย
            งานของไซเรนเสร็จสิ้นภายใน 3 ชั่วโมงอย่างง่ายดาย  ตอนนี้ไซเรนกำลังจะพาฉันไปไหนสักแห่ง  เธอจับฉันยัดเข้าไปในรถ แล้วออกรถไปทางย่านการค้า
“นี่เราจะไปไหนกันน่ะ”
“...”
“ไม่บอกแล้วจะรู้ไหม?”
“...”ไซเรนไม่ตอบแต่เลี้ยวขวาเข้าไปในซอยเปลี่ยว อย่างแรงชนิดตัวแทบหลุดออกจากเบาะ
“เบาๆก็ได้”ไซเรนไม่ได้ฟังฉันเลย  เธอเดินดุ่มๆลงจากรถไปทันทีที่รถจอดสนิท
“นี่จะไปไหนน่ะ”ฉันไม่รอฟังคำตอบจากไซเรนอีกแล้วฉันรีบลงจากรถแล้วออกวิ่งตาม ไซเรนเดินเข้าไปในร้านเหล้าที่ดูสกปรก
“เชิญ”เสียงชายแก่หน้าตายับย่น ดวงตาปูดโปนเหมือนคนอดนอนมาเป็นสิบๆปีเชื้อเชิญแบบไม่เต็มใจ ด้วยเสียงสั้นและห้วนเป็นพิเศษ  คนในร้านมีเพียงสามคน เจ้าของหนึ่งคน และขี้เมาอีกสอง  ที่เมาไม่ได้สติอยู่ตรงมุมห้อง
“ขอฮาเดส”ไซเรนพูดด้วยเสียงเรียบ...สนิทเหมือนเคย ชายแก่มองหน้าเธออยู่ครู่หนึ่ง
“รหัส”เสียงสั่งสั้นห้วนของชายแก่นั่นทำให้ฉันรู้สึกสับสนว่าสองคนนี้ทำไรกัน
“แลนด์ออฟไซเรน”
“แล้วเด็กคนนั้นล่ะ”
“สังกัด” ฉันฟังไม่เห็นรู้เรื่องเลยพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย...
“ผ่าน!!...ตามมา”ชายแก่เดินออกจากเหล่าเคาท์เตอร์ แล้วพาเดินไปที่โทรศัพท์เก่าๆแบบหมุนเครื่องหนึ่งที่ซุกอยู่บนโต๊ะเกือบมุมสุดของร้าน  ชายคนนั้นยกหูขึ้นแต่ไม่ได้หมุนเบอร์
“เฮ้ย...เปิด”ชายแก่พูด
“ใคร?”เสียงหนึ่งตอบกลับมา
“แลนด์ออฟไซเรน!” หางเสียงชายแก่มีความเร่งร้อนแฝงอยู่  ในขณะที่ไซเรนไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมาเลย
“ได้! เบียร์สามขวด”นี่เขาคุยเรื่องเดียวกันหรือเปล่านี่....เอาเข้าไป  ทันทีที่ชายแก่วางหูโทรศัพท์ลง โทรศัพท์ปุโรทั่งนั่นก็กลิ้งลงมานอนกับพื้นแล้วสั่นอย่างแรงจนโคมไฟที่แขวนอยู่สั่นไหว  ชายขี้เมาสองคนงุนงงเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ฟุบกลับลงไปใหม่  ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็มีขนาดใหญ่ขึ้น(อันที่จริงตัวเราเล็กลงต่างหาก) ก่อนที่ทั้งฉันและไซเรนจะหายเข้าไปตามช่องที่เจาะเป็นรูของหูฟังโทรศัพท์...ฉันหลับตาปี๋และอยากร้องออกมาดังๆว่า
อ๊ากกกกกกก!............(แต่ก็ไม่ได้ร้องออกมา)
“ยินดีต้อนรับคุณไซเรน”เสียงเหมือนหุ่นยนต์ดังขึ้น  ฉันค่อยลืมตาขึ้นทีละข้างอย่างช้าๆ...อาฮ้า!! ไม่มีอะไรผิดปรกติ ....แต่ฉันคิดผิดเพราะตอนนี้ฉันเห็นแค่ด้านหลังของไซเรนเท่านั้น
“สวัสดี”ไซเรนตอบแล้วก้มหน้าให้ทางต้นเสียงเล็กน้อย
“ไม่พบกันนานเลยครับคุณไซเรน”
“เช่นกันค่ะขอตัวก่อนนะคะ”ไซเรนกล่าวอย่างสุภาพแล้วออกเดิน
“คุณไซเรน ไม่พบกันนานเลยนะคะ”หญิงในชุดสีดำยาวคล้ายๆพวกแม่ชีแต่ไม่มีผ้าคลุมศีรษะ เธอกลับสวมหมวกเล็กๆใบเก๋สีเขียวตะไคร่ไว้บนนั้นแทน
“เช่นกันค่ะ”หลังจากนั้นก็มีเสียงทักทายเธอเป็นระยะๆไปตลอดทาง  ดูท่าจะเป็นคนกว้างขวางมากทีเดียว
“คิดจะเดินตามหลังไปอีกนานแค่ไหนกัน”ไซเรนพูดกับฉัน
“ก็เธอเดินไม่รอฉันนี่”
“มาเดินข้างๆ”ฉันขึ้นมาเดินๆข้างไซเรน  ทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้น หัวของฉันก็หมุนคว้าง  คนที่นี่นอกจะแต่งตัวคล้ายแม่ชีแล้ว ยังมีบางพวก(ซึ่งเป็นส่วนใหญ่) ใส่เสื้อคลุมมีฮูตสีดำขนาดใหญ่แล้วถือเคียวเดินกันไปมาขวักไขว่บางคนมีวิญญาณลอยตามมาด้วย(นี่เองเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงไม่ให้ฉันเดินตามหลัง)  ห้องโถงเพดาลสูง สร้างเป็นโดมที่สูงขึ้นไปจนต้องมองแทบคอตั้งบ่า  ทุกชั้นมีคนกำลังเดินไปมาบ้าง หรือไม่ก็เป็นโต๊ะทำงาน  เพดานเป็นช่องแสงที่ทำจากกระจกสีทอดเงาลงพื้นข้างล่างซึ่งจัดเป็นสวนสวยรูปวงกลม มีน้ำตกๆลงมาตลอด
“ว้าว!”ฉันอุทาน แล้วเหลือบไปเห็นป้ายทองเหลืองขัดจนขึ้นเงาขนาดใหญ่ป้ายหนึ่ง
            กระทรวงแห่งความตายยินดีต้อนรับ  เราพร้อมบริการคุณ....เป็นฉัน ฉันคงไม่อยากได้รับบริการจากกระทรวงนี้เท่าไหร่...หรือว่าคุณอยาก?
“มัจจุราชใหม่รายงานตัว”เสียงไซเรนพูดกับใครคนหนึ่ง  ซึ่งฉันหันไปมองมันไม่มีอะไรนอกจากรูปปั้นโครงกระดูกถือเคียวอันใหญ่ยักษ์ที่ดูยังไง คนปั้นคงไม่โปร  ดูบิดเบี้ยวชอบกล
“รับทราบค่ะ”ทันใดนั้นโครงกระดูกตอบแล้วขยับตัวไปด้านข้างสองสามก้าว  เคาท์เตอร์วงกลมปรากฏขึ้น พนักงานสาวผมแดงเป็นลอนในชุดเหมือนแม่ชียิ้มต้อนรับ
“น้องคนนี้หรือคะมัจจุราชหน้าใหม่”พนักงานสาวชะโงกหน้าเข้ามาหาฉันใกล้มากไม่ใช่แค่คืบ  แต่หน้าเราหากกันแค่ ไม่กี่มิลลิเมตร จนฉันเห็นแต่ลูกนัยน์ตาของเธอว่ามันเป็นสีฟ้า
“น้องชื่ออาคิราภ์ใช่ไหมคะ”พนักงานสาวถามแต่เธอไม่ได้รอคำตอบเลย เธอกดปุ่มบางอย่างบนโต๊ะ ทำให้มีคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่หน้าจอเป็นเพียงแผ่นใสๆเลื่อนขึ้นมาจากพื้นโต๊ะ
“ค่ะ  น้องอาคิราภ์ เกิดเมื่อประมาณสองอาทิตย์กับอีกสองวัน อายุตอนเกิด 16....”แล้วพนักงานสาวก็พล่ามประวัติของฉันแทบจะทั้งหมด  (ฉันเพิ่งรู้ตอนหลังว่าอายุที่นี่เขานับจากวันตายเป็นต้นมา)
“ถูกต้องใช่ไหมคะ?”  พนักงานสาวถามฉันแล้วฉีกยิ้มกว้าง
“เอ่อ...เอ่อ ใช่ค่ะ”
“ขอรูปด้วยค่ะ”
“เอ๊ะรูป!!”ฉันพยายามจะหันไปมองหน้าไซเรนแต่ดูเธอจะไม่ได้สนใจกิจกรรมระหว่างฉันกับพนักงานเลย
“ในกระเป๋าขวา...”  อ๊อ~ในกระเป๋าขวา ฉันหยิบมันออกมายื่นให้พนักงานสาวทันที
“เรารับแจ้งการรายงานตัวของคุณแล้วนะคะ ทางเราอนุมัติการทำงานของคุณทันที  นี่คือบัตรประจำตัวมัจจุราช ไม่ว่าคุณจะอยู่แคว้นหรือเขตไหน ขอให้พกติดตัวไว้นะคะ”พนักงานสาวหยิบวัตถุทรงกลมเล็กๆขึ้นมา ฉันมองมันอย่างงงๆ...นี่เรียกว่าบัตรงั้นหรือ?
“น้องรับงานมาจากหัวหน้าแล้วใช่ไหมคะ ไม่ทราบว่าเปิดดูหรือยังคะ?”
“ยังค่ะ”ฉันตอบแล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงข้างขวาควานหามันออกมาแต่ไม่เจอ....อ้อ..มันอยู่กระเป๋าซ้าย
“ระวังใบคำสั่งหายนะคะ”พนักงานสาวบอกยิ้มๆ
“ค่ะ ตั้งใจฟังดีๆนะคะ  ต่อไปน้องต้องเข้าเรียนในโรงเรียนมัจจุราช  ที่นั่นมีการเรียนการสอนสัปดาห์ละ4วัน ไม่มีหลักสูตรตายตัว  และไม่กำหนดช่วงเวลาจบการศึกษาไว้แน่ชัด ไม่บังคับจำนวนชั่วโมงเรียน ขึ้นอยู่กับความสามารถของมัจจุราชท่านนั้นๆว่ามากน้อยแค่ไหน  และไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น  รายละเอียดสามารถดูได้จากบัตรประจำตัวค่ะ  ขอบคุณที่ใช้บริการ  กระทรวงแห่งความตายเราพร้อมบริการคุณ”พนักงานสาวพูดแบบไฟแลบก่อนจะหายแวบไปเหมือนคนกดปิดทีวี แล้วเจ้าโครงกระดูกบิดๆเบี้ยวๆนั่นก็กลับมายืนในตำแหน่งเดิมของมัน
“เอ่อ...เขาว่ายังไงนะ”ฉันถามไซเรนที่ยืนอยู่ข้างๆฉันตลอด  แต่เหมือนไม่ได้อยู่กับฉันตลอด เพราะฉันแทบจะไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเธอเลย
“เปิดดูเองสิ”ไซเรนตอบ แล้วล้วงของอย่างหนึ่งออกมาจากกระเป๋า บัตรขนาดเล็กอยู่ในมือไซเรน เธอดีดมันเบาๆ ด้วยนิ้วชี้ ทันใดนั้นก็เกิดภาพขึ้นในอากาศ
“สวัสดีค่ะเจ้านายไซเรน ต้องการทราบข้อมูลอะไรคะ”
“ตารางงานรับวิญญาณ”
“จัดแสดงข้อมูลเดี๋ยวนี้ค่ะ”ภาพตารางสีเหลืองอ่อนเหมือนกระดาษใบนั้นปรากฏขึ้นในอากาศ บางช่องมีแสงสีเขียวกระพริบ  เขียนว่า ‘กำลังปฏิบัติงาน’ บางอันเป็นสีแดง เขียนว่า ‘ปฏิบัติการเสร็จสิ้นง
“ปิด”ไซเรนบอกเจ้าบัตร มันปิดตัวเองลงอย่างง่ายดายก่อนที่ไซเรนจะเก็บมันเข้าไปในกระเป๋า  ก่อนจะพาฉันลงไปชั้นใต้ดิน  อันมีป้ายเขียนบอกว่า
           
                ศูนย์บริการไปรษณีย์ และขนย้าย
“แมนชั่นยอดตึก”ไซเรนบอกเบาๆ ภาพมังกรที่สร้างจากเลเซอร์ ปรากฏขึ้น มันตัวอ้วนกลมจนดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว...ฉันชักอยากเห็นคนสร้างมันขึ้นมาเสียแล้ว
“จับหางผมไว้นะครับ”เจ้ามังกรพูดขึ้น  ไซเรนเอื้อมมือไปสัมผัสมันที่โคนหาง ส่วนฉันจับลงไปที่กลางหางของมัน
“พร้อมนะครับ”แสงสว่างวาบสาดส่อง  รู้สึกเหมือนตัวเองไร้น้ำหนัก มารู้ตัวอีกทีมาอยู่อยู่ในห้องนั่งเล่นของแมนชั่นแล้ว โดยมีเจ้าไซและเจ้าเรนพยายามแทะส่วนประกอบในร่างกายฉัน  ส่วนไซเรนเจ้าของแมวสองตัวนี้นะหรือ หายเข้าไปในห้องเธอแล้ว ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อไม่ให้เจ้าสองตัวยุ่งแทะมือฉันเล่น เมื่อมื้อซ้ายของฉันล้วงเข้าไปในกระเป๋า  ฉันก็สัมผัสกับกระดาษ ฉันดึงมันออกมาดู
                    H. Dakul
                    Final[ S.W.S.]
                                                                                  20.18.54
“นี่อะไรเนี่ย เล่นใบ้คำกันหรือไง”ฉันเหลือบมองนาฬิกา ตอนนี้เวลา20.05น.
“โอ้ยตายแล้ว จะถึงเวลาแล้ว!”ฉันรีบกวาดทุกอย่างเข้าประเป๋ากางเกง แล้วรีบสวมรองเท้าแบบชุ่ยๆและกำลังจะวิ่งออกจากบ้าน  เอ...จะไม่บอกไซเรนหน่อยหรอ
“โอ๊ยตาย! ไซเรนฉันไปทำงานนะ”ฉันแหกปากตะโกนโดยหวังว่าไซเรนจะได้ยินก่อนจะวิ่งออกไปทิ้งเจ้าแมวยักษ์สองตัวยืนมองแบบงงๆ
                                            แล้วฉันก็เริ่มออกวิ่ง  แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันจะไปไหน?.....ไม่รู้ล่ะสิ แต่อย่ามาถามฉันนะ  เพราะฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  ฉันแค่ทำตามสัญชาตญาณ
        แฮก...  แฮก...  แฮก.... 
เสียงฝีเท้าหนักๆของฉันกับเสียงหอบหายใจดังก้องอยู่ในหูของฉัน ฉันวิ่งมาหยุดที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งที่ใกล้ที่สุด  ตอนนี้มีคนใช้บริการเยอะเหลือเกิน  ทางเดินหินขัดแทบไม่มีที่ให้แทรก แต่ยังไงซะก็ต้องรีบล่ะ
                20.10 น.    ถ้าแทรกคนขนาดนี้ไปไม่ได้งานแรกต้องพลาดแน่ๆ เอาล่ะลุย!!
“ขอโทษนะคะ!!!”ฉันเริ่มออกวิ่งอีกครั้งทั้งที่ในหัวของฉันยังคงได้ยินเสียงหัวใจเต้นเหมือนมีใครมารัวกลองก็ตาม
“หลีกหน่อยค่ะ!!!” ฉันแทรกกายผ่านผู้คนมากมาย  บางคนก็หลบให้แต่โดยดี  แต่บางคนก็สวดเจริญพรให้ฉันตายไปซะ  พวกเขาไม่รู้เลยว่าฉันน่ะตายไปแล้ว ดูเป็นเรื่องตลกดีใช่ไหมล่ะ...แต่ไม่ตลกหรอกนะฮึ!
               
                20.16.37น.  ฉันหลุดจากคลื่นมนุษย์ที่ติดขัดยาว  ฉันพยายามสุดลมหายใจเข้าลึกๆยาวๆเพื่อลดอาการเหนื่อยหอบลง พลางมองนาฬิกาทรงกลม สุดคลาสสิก  ไม่ว่าประเทศไหนในโลกก็ใช้นาฬิกาแบบนี้  มันฟ้องว่าฉันกำลังจะไม่ทัน 
                รถไฟฟ้าใต้ดิน[ S.W.S] สถานีXXX(ปลายทางขบวนสายเหนือ).....
                                            โอ๊ะโอ!! ฉันรีบล้วงเอาใบคำสั่งขึ้นมา  [S.W.S] เหมือนกันเลยแฮะ!!!  แสดงว่าน่าจะถูกทางล่ะ  ว่าแต่ไหนล่ะ  ฉันพยายามกวาดสายตามองไปทั่วชานชาลาที่คนแน่นจนแทบเป็นปลากระป๋อง  ฉันยังไม่เห็นอะไรผิดสังเกตมากพอจะเป็นคนที่ฉันมาปลิดวิญญาณ
                20.17.45 น. ยังไร้วี่แวว ฉันเริ่มเดินไปทั่วๆชานชาลา  ในขณะเดียวกันนั้นรถขบวนใหม่กำลังเทียบชานชาลา
                20.18.38น. มันมาแล้ว!!!!สัตว์หน้าตาประหลาดที่ครั้งก่อนมันกระโดดใส่ผู้ชายคนนั้น 
           
                                      เจ้าสัตว์(หน้าตา)ประหลาดไต่ไปตามกำแพงเหนือหัวคนที่เดินไปมาขวักไขว่  แล้วโผนตัวไปตามเสาอ้อมไปทางชานชาลาฝั่งตรงข้าม  ฉันจะวิ่งไปทันได้ยังไงกันเล่า!!! ฉันตัดสินใจวิ่งตาม  ทางข้ามไปฝั่งโน้นอ้อมเกินไป?  เอามันตรงนี้ล่ะ!!!! ฉันกระโดดลงไปในรางรถไฟ เสียงกรีดร้องจากหญิงที่อยู่แถวๆนั้นดังขึ้น  พนักงานที่ชานชาลาส่งเสียงนกหวีดแหลมปรี๊ดใส่หู แต่ฉันไม่ได้ฟังมันหรอก  ตอนนี้สติทั้งหมดของฉันอยู่กับการไล่ตามไอ้ตัวบ้านั่น....
                20.18.54 น.ฉันเห็นแล้ว!!!!เหยื่อปลิดวิญญาณของฉัน ต้องใช่คนๆนั้นแน่ๆ คนที่ใส่เสื้อสีฟ้า....  ไม่ทันแล้ว!!!!ไอ้ตัวบ้านั่นกระโดดใส่ด้านหลังของเธอเต็มแรงราวกับเป็นภาพสโลโมชั่น  เธอเซถลาไปข้างหน้าข้าวของตกกระจาย ในขณะเดียวกันรถไฟใต้ดินอีกขบวนก็แล่นเข้าเทียบชานชาลาด้วยความเร็วสูง หน้าของเธอกระแทกกับตัวรถแล้วถูกลากจากตรงจุดที่ยืนอยู่เดิมไปห้าเมตรและแน่นอน เธอดับสนิท  ใบหน้าไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น.......และฉันไม่อยากจะดู!!!
            แล้วเสียงกรีดร้องก็ดังระงมขึ้น  เหมือนเป็นสัญญาณบอกฉันว่า ฉันทำงานนี้ไม่สำเร็จ!!....สัญชาตญาณไม่ช่วยให้ทุกอย่างสำเร็จ
           
                                                ตัวข้าเป็นดั่งคนตาบอดในความอนธกาล อันหาทางออกมิได้
ปล.เเอบเว้นบรรทัดมั่ว อุหุอุหุ~ 
อยากเล่าง่ะ ^^\":วันนี้เปิดคอมปั๊บ  เราลุกเดินไปเดินมาอยู่สักพัก ได้กลิ่นไหม้!!! กลิ่นไหม้โชยยยยย ทั้งบ้านหากันใหญ่ มันมาจากไหน หากันหน้าตาตื่น  หาไปหามา ทุกคนเอาจมูกมารวมกันที่หน้าคอม  \"กลิ่นมันมาจากไอ้เนี่ย!!\"  รีบกดสวิตช์ปิดเลย  หลังจากตั้งหลักได้ เปิดใหม่  \"กลิ่นยังมีอยู่ไหม\"    \"ไม่เเล้วๆ\" ...กลายเป็นว่าคอมน่ะมันไม่ได้เป็นไรหรอก  ลำโพงต่างหากล่ะส่งเสียฉ่าเเล้วก็ดับ....ไปเลย - -๐
                                    เม้นต์ด้วยยยยยยยยยยยยยยยย  @__@.....
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
cHaPtEr 3 :  งานแรกของมัจจุราชเลี้ยงแมว...เมี๊ยว~
“โอ๊ยไซ!!!เบาๆหน่อย  แกกำลังจะฉีกมือฉันเป็นชิ้นแล้ว”
“อย่ากัดหูเซ่~เรน  ลงไป!!!อย่าเกาะไหล่  หนักนะ”งานเลี้ยงแมวของฉันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อ สองสัปดาห์ก่อน  แรกเริ่มเดิมทีมันเป็นงานง่ายๆ  แต่ต่อมามันไม่ใช่ หลังจาก ที่ฉันได้เห็นเจ้าแมวเหมียวสองตัว ตัวหนึ่งสีขาว อีกตัวสีดำ กลายร่างจากลูกแมวน้อยน่ารักน่ากอดเป็นลูกเสือแทน  แต่...มันเทียบไม่ได้กับความซนของเจ้าสองตัวที่ทั้งขบทั้งกัด ตะบบ ข่วน ทุกๆวันของฉันตอนนี้คือการลุกขึ้นมาปล้ำกับเจ้าแมวยักษ์สองตัวที่โตวันโตคืน
“วันนี้จะออกไปทำงานเธอก็มาด้วยกันสิ”ไซเรนแต่งตัวแบบเดิม เตรียมจะออกไปทำงานนอกบ้านเหมือนเคย  (ถึงแม้ในสัปดาห์นี้ฉันเห็นเธอกลับบ้านครั้งเดียวก็ตาม)บ้านที่ฉันอยู่ตอนนี้ก็เป็นบ้านของไซเรน  แมนชั่นหรูยอดตึกสูง  สงบและเป็นส่วนตัว มิน่า!ถึงเลี้ยงแมวตัวเบ้อเริ่มได้โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
            คาเฟ่แห่งเดิม อันเป็นที่ชุมนุมของเรา  ยังคนเนืองแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ที่ฉันเองไม่เข้าใจว่าติดใจอะไรในรสชาติอาหารและการบริการของที่นี่นักหนา  เราฝ่าฝูงชนเข้าไปหาที่นั่งอันอยู่ในมุมอับของร้าน
“ไงสาวน้อย เลี้ยงแมวไปถึงไหนแล้วจ๊ะ”ลีนาทักแล้วยิ้ม
“เป็นไงแมวของไซเรน น่ารักหรือเปล่า ฉันไม่เคยเห็นสักครั้งเลยนะ”
“ก็น่ารักดี  แต่ปากกว้างไปหน่อย”
“หือ?”
“อืมม์  ปากกว้าง และก็ซน”ฉันโชว์แผลที่มือที่ถูกเจ้าไซทึ้งให้ลีนาดู
“แมวตัวใหญ่เลยนะนี่”ลีนาทำหน้าเหย
“นี่งานของเธอ”ไซเรนยื่นเศษกระดาษให้ลีนาสองแผ่น  ก่อนจะยื่นอีกสามแผ่นให้มีนา
“ส่วนอันนี้ของเธออาคิราภ์”ไซเรนยื่นกระดาษชิ้นหนึ่งให้ฉัน
“โอ้ว!มัจจุราชเลี้ยงแมวได้ทำงานแรกแล้ว”
“งั้นก็หมายความว่าวันนี้คิราภ์จะไปกระทรวง รายงานตัวแล้วสิ”มีนาถามหยุดมือที่กำลังพยายามปัดผมที่ลงมาปรกหน้าจนมองไม่เห็นตาออกไป
“ใช่ วันนี้หลังฉันทำงานเสร็จจะเข้ากระทรวง”
“ตายแล้ว!!ไซเรนจะเข้ากระทรวง  เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้”
“ใช่ๆ หิมะตกเลยล่ะ”มีนาพยักหน้าอย่างมันใจ
“อาคิราภ์ เธอจะไปกับฉันหรือจะอยู่กับมีนาก็ได้นะ  แต่เช้านี้ฉันรีบ”ไซเรนดื่มนมแก้วใหญ่ก่อนจะเริ่มกดโทรศัพท์มือถือง่วน
“นี่คิราภ์ไปกับไซเรนดีกว่านะ  วันนี้งานฉันมันไม่สวยเท่าไหร่”มีนาบอกแล้วยักไหล่
“นั่นสิ สาวน้อยเธอไปกับไซเรนดีกว่า เพราะวันนี้ฉันไปทำงานไกล  จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาส่งตัวเธออีก” ฉันไม่มีทางเลือกเป็นอันว่าวันนี้ฉันต้องเดินตามไซเรนต้อยๆ
           
                ฉันไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าไซเรนจะมีรถส่วนตัวด้วย  เธอพาฉันไปขึ้นรถก่อนจะขับไปยังสตูดิโอถ่ายภาพแห่งหนึ่ง  ที่นั่นมีทีมงานเป็นต่างชาติเสียส่วนใหญ่เดนกันขวักไขว่เต็มไปหมด โอ๊ย!ลายตา
“สวัสดีครับคุณไซเรน มาช้าจังเลยนะครับ”ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ส่งเสียงทักไซเรน
“....”ไม่มีเสียงตอบจากเธอ..ไซเรน (เงียบสมชื่อ)
“แล้วเด็กคนนี้ใครครับ ผมเพิ่งจะเคยเห็น”
“......”เงียบเหมือนเคย    ในที่สุดชายหนุ่มคนนั้นก็ตัดสินใจถามฉันเองดีกว่า
“สวัสดีครับสาวน้อย”ชายหนุ่มก้มตัวลงให้อยู่ในระดับสายตาฉัน  ว้าว!!!....คนอะไรทำไมถึงหล่อขนาดนี้...นายแบบแน่ๆนายคนนี้
“สวัสดีค่ะ”
“ผมชื่อโอแทลลอส  คุณคงคุ้นชื่อผมแล้ว”  ไม่คุ้นได้ยังไง!....นายแบบดังระดับโลกหล่อกระชากใจขนาดนั้นสาวๆหลายร้อยหรืออาจถึงพัน คงยอมตายเพื่อจะได้อยู่กับเขาสักชั่วโมง  แต่วันนี้เขาอยู่นี่แล้วอยู่ตรงหน้าฉัน!!!
“สาวน้อย คุณชื่ออะไรครับ”
“อาคิราภ์ ...ค...ค่ะ”
“คิราภ์สินะครับ”
“โอแทลไปแต่งตัวได้แล้ว”เสียงทีมงานคนหนึ่งเรียก  โอ๊ย....อย่าเพิ่งไปนะขอร้อง  อย่างน้อยขอฉันจ้องตาสัก สองวินาทีก็ยังดี
“ครับๆ” เขาหันไปตอบแล้วค่อยหันกลับมามองฉันด้วยนัยน์ตาสีสวย ที่ไล่สีตั้งแต่สีฟ้าไล่ไปเหลืองและเป็นสีเขียว
“แล้วเจอกันนะสาวน้อย”
            ชิ...มีคนเรียกฉันว่าสาวน้อยอีกแล้ว  แต่ไม่เป็นไรหรอกคนเรียกหล่อ ให้อภัย...
           
                          ฉันฝันไปใช่ไหมนี่  ฉันรู้สึกเหมือนตัวค่อยๆลอยขึ้นไป  หน้าร้อนผ่าว คนอะไรหล่อสุดยอดเลย...แต่ความชื่นชมของฉันยิ่งทวีขึ้นเมื่อเขาเริ่มทำงาน  เสื้อผ้าไม่ได้สวยสะดุดตา  แต่เครื่องเพชรที่ใส่ต่างหากที่ดึงดูดสายตา  ไซเรนทำงานอย่างดีเยี่ยม  ภาพของเธอที่ถ่ายออกมาสวยๆทั้งนั้น  ตาสีดำสนิทที่มองกล้อง ให้ความรู้สึกน่าค้นหา ยิ่งทำให้เธอโดดเด่นพอๆกันเครื่องเพชรมูลค่าสูงพวกนั้น  ถ้าฉันเป็นผู้ชายคงหลงเสน่ห์เธอไปแล้ว  (ถึงแม้จะไม่เคยยิ้มเลยสักครั้งก็ตาม) โอแทลลอส ก็ทำงานได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนกัน  สองคนนี้เป็นคู่ที่เหมาะกันมากๆเลย
“ขอภาพคู่ภาพสุดท้ายหน่อยครับ”
“ผมดีใจจังได้ถ่ายภาพคู่กับคุณไซเรนด้วย” โอแทลลอสบอกแล้วยิ้ม  เขารู้ไหมนี่ว่าเขายิ้มแล้วอาจทำให้สาวๆทำใจละลายได้เลยนะ
“....”ไซเรนเธอยังคงเงียบไม่พูดสักคำเดียว
“เข้าไปใกล้ๆกันหน่อยครับ  คุณไซเรนทำเหมือนกระซิบข้างหูหน่อยครับ  นั่นล่ะครับ  ดีครับ”ไซเรนเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหูของโอแทล ดูเซ็กซี่ดีจัง
“ทำหน้าที่องครักษ์ของเจ้าไปซะ  อย่ามายุ่งกับข้า” โอ๊โฮ !!!ไซเรน ฉันละเชื่อเลยถึงฉันจะอยู่ไกลก็เถอะ  ฉันไม่คิดว่าจะมีคนกล้าบอกแบบนี้กับนายแบบชื่อดังขนาดนี้  ว่าแต่  ใครคือองครักษ์ล่ะ?.....
“โอเคครับ  เรียบร้อย  ขอบคุณนะครับพวกคุณทำให้งานของผมง่ายขึ้นเยอะเลย” น่าสงสารช่างภาพนะ ดูไม่ค่อยมีใครฟังเขาเลย
            งานของไซเรนเสร็จสิ้นภายใน 3 ชั่วโมงอย่างง่ายดาย  ตอนนี้ไซเรนกำลังจะพาฉันไปไหนสักแห่ง  เธอจับฉันยัดเข้าไปในรถ แล้วออกรถไปทางย่านการค้า
“นี่เราจะไปไหนกันน่ะ”
“...”
“ไม่บอกแล้วจะรู้ไหม?”
“...”ไซเรนไม่ตอบแต่เลี้ยวขวาเข้าไปในซอยเปลี่ยว อย่างแรงชนิดตัวแทบหลุดออกจากเบาะ
“เบาๆก็ได้”ไซเรนไม่ได้ฟังฉันเลย  เธอเดินดุ่มๆลงจากรถไปทันทีที่รถจอดสนิท
“นี่จะไปไหนน่ะ”ฉันไม่รอฟังคำตอบจากไซเรนอีกแล้วฉันรีบลงจากรถแล้วออกวิ่งตาม ไซเรนเดินเข้าไปในร้านเหล้าที่ดูสกปรก
“เชิญ”เสียงชายแก่หน้าตายับย่น ดวงตาปูดโปนเหมือนคนอดนอนมาเป็นสิบๆปีเชื้อเชิญแบบไม่เต็มใจ ด้วยเสียงสั้นและห้วนเป็นพิเศษ  คนในร้านมีเพียงสามคน เจ้าของหนึ่งคน และขี้เมาอีกสอง  ที่เมาไม่ได้สติอยู่ตรงมุมห้อง
“ขอฮาเดส”ไซเรนพูดด้วยเสียงเรียบ...สนิทเหมือนเคย ชายแก่มองหน้าเธออยู่ครู่หนึ่ง
“รหัส”เสียงสั่งสั้นห้วนของชายแก่นั่นทำให้ฉันรู้สึกสับสนว่าสองคนนี้ทำไรกัน
“แลนด์ออฟไซเรน”
“แล้วเด็กคนนั้นล่ะ”
“สังกัด” ฉันฟังไม่เห็นรู้เรื่องเลยพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย...
“ผ่าน!!...ตามมา”ชายแก่เดินออกจากเหล่าเคาท์เตอร์ แล้วพาเดินไปที่โทรศัพท์เก่าๆแบบหมุนเครื่องหนึ่งที่ซุกอยู่บนโต๊ะเกือบมุมสุดของร้าน  ชายคนนั้นยกหูขึ้นแต่ไม่ได้หมุนเบอร์
“เฮ้ย...เปิด”ชายแก่พูด
“ใคร?”เสียงหนึ่งตอบกลับมา
“แลนด์ออฟไซเรน!” หางเสียงชายแก่มีความเร่งร้อนแฝงอยู่  ในขณะที่ไซเรนไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมาเลย
“ได้! เบียร์สามขวด”นี่เขาคุยเรื่องเดียวกันหรือเปล่านี่....เอาเข้าไป  ทันทีที่ชายแก่วางหูโทรศัพท์ลง โทรศัพท์ปุโรทั่งนั่นก็กลิ้งลงมานอนกับพื้นแล้วสั่นอย่างแรงจนโคมไฟที่แขวนอยู่สั่นไหว  ชายขี้เมาสองคนงุนงงเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ฟุบกลับลงไปใหม่  ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็มีขนาดใหญ่ขึ้น(อันที่จริงตัวเราเล็กลงต่างหาก) ก่อนที่ทั้งฉันและไซเรนจะหายเข้าไปตามช่องที่เจาะเป็นรูของหูฟังโทรศัพท์...ฉันหลับตาปี๋และอยากร้องออกมาดังๆว่า
อ๊ากกกกกกก!............(แต่ก็ไม่ได้ร้องออกมา)
“ยินดีต้อนรับคุณไซเรน”เสียงเหมือนหุ่นยนต์ดังขึ้น  ฉันค่อยลืมตาขึ้นทีละข้างอย่างช้าๆ...อาฮ้า!! ไม่มีอะไรผิดปรกติ ....แต่ฉันคิดผิดเพราะตอนนี้ฉันเห็นแค่ด้านหลังของไซเรนเท่านั้น
“สวัสดี”ไซเรนตอบแล้วก้มหน้าให้ทางต้นเสียงเล็กน้อย
“ไม่พบกันนานเลยครับคุณไซเรน”
“เช่นกันค่ะขอตัวก่อนนะคะ”ไซเรนกล่าวอย่างสุภาพแล้วออกเดิน
“คุณไซเรน ไม่พบกันนานเลยนะคะ”หญิงในชุดสีดำยาวคล้ายๆพวกแม่ชีแต่ไม่มีผ้าคลุมศีรษะ เธอกลับสวมหมวกเล็กๆใบเก๋สีเขียวตะไคร่ไว้บนนั้นแทน
“เช่นกันค่ะ”หลังจากนั้นก็มีเสียงทักทายเธอเป็นระยะๆไปตลอดทาง  ดูท่าจะเป็นคนกว้างขวางมากทีเดียว
“คิดจะเดินตามหลังไปอีกนานแค่ไหนกัน”ไซเรนพูดกับฉัน
“ก็เธอเดินไม่รอฉันนี่”
“มาเดินข้างๆ”ฉันขึ้นมาเดินๆข้างไซเรน  ทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้น หัวของฉันก็หมุนคว้าง  คนที่นี่นอกจะแต่งตัวคล้ายแม่ชีแล้ว ยังมีบางพวก(ซึ่งเป็นส่วนใหญ่) ใส่เสื้อคลุมมีฮูตสีดำขนาดใหญ่แล้วถือเคียวเดินกันไปมาขวักไขว่บางคนมีวิญญาณลอยตามมาด้วย(นี่เองเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงไม่ให้ฉันเดินตามหลัง)  ห้องโถงเพดาลสูง สร้างเป็นโดมที่สูงขึ้นไปจนต้องมองแทบคอตั้งบ่า  ทุกชั้นมีคนกำลังเดินไปมาบ้าง หรือไม่ก็เป็นโต๊ะทำงาน  เพดานเป็นช่องแสงที่ทำจากกระจกสีทอดเงาลงพื้นข้างล่างซึ่งจัดเป็นสวนสวยรูปวงกลม มีน้ำตกๆลงมาตลอด
“ว้าว!”ฉันอุทาน แล้วเหลือบไปเห็นป้ายทองเหลืองขัดจนขึ้นเงาขนาดใหญ่ป้ายหนึ่ง
            กระทรวงแห่งความตายยินดีต้อนรับ  เราพร้อมบริการคุณ....เป็นฉัน ฉันคงไม่อยากได้รับบริการจากกระทรวงนี้เท่าไหร่...หรือว่าคุณอยาก?
“มัจจุราชใหม่รายงานตัว”เสียงไซเรนพูดกับใครคนหนึ่ง  ซึ่งฉันหันไปมองมันไม่มีอะไรนอกจากรูปปั้นโครงกระดูกถือเคียวอันใหญ่ยักษ์ที่ดูยังไง คนปั้นคงไม่โปร  ดูบิดเบี้ยวชอบกล
“รับทราบค่ะ”ทันใดนั้นโครงกระดูกตอบแล้วขยับตัวไปด้านข้างสองสามก้าว  เคาท์เตอร์วงกลมปรากฏขึ้น พนักงานสาวผมแดงเป็นลอนในชุดเหมือนแม่ชียิ้มต้อนรับ
“น้องคนนี้หรือคะมัจจุราชหน้าใหม่”พนักงานสาวชะโงกหน้าเข้ามาหาฉันใกล้มากไม่ใช่แค่คืบ  แต่หน้าเราหากกันแค่ ไม่กี่มิลลิเมตร จนฉันเห็นแต่ลูกนัยน์ตาของเธอว่ามันเป็นสีฟ้า
“น้องชื่ออาคิราภ์ใช่ไหมคะ”พนักงานสาวถามแต่เธอไม่ได้รอคำตอบเลย เธอกดปุ่มบางอย่างบนโต๊ะ ทำให้มีคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่หน้าจอเป็นเพียงแผ่นใสๆเลื่อนขึ้นมาจากพื้นโต๊ะ
“ค่ะ  น้องอาคิราภ์ เกิดเมื่อประมาณสองอาทิตย์กับอีกสองวัน อายุตอนเกิด 16....”แล้วพนักงานสาวก็พล่ามประวัติของฉันแทบจะทั้งหมด  (ฉันเพิ่งรู้ตอนหลังว่าอายุที่นี่เขานับจากวันตายเป็นต้นมา)
“ถูกต้องใช่ไหมคะ?”  พนักงานสาวถามฉันแล้วฉีกยิ้มกว้าง
“เอ่อ...เอ่อ ใช่ค่ะ”
“ขอรูปด้วยค่ะ”
“เอ๊ะรูป!!”ฉันพยายามจะหันไปมองหน้าไซเรนแต่ดูเธอจะไม่ได้สนใจกิจกรรมระหว่างฉันกับพนักงานเลย
“ในกระเป๋าขวา...”  อ๊อ~ในกระเป๋าขวา ฉันหยิบมันออกมายื่นให้พนักงานสาวทันที
“เรารับแจ้งการรายงานตัวของคุณแล้วนะคะ ทางเราอนุมัติการทำงานของคุณทันที  นี่คือบัตรประจำตัวมัจจุราช ไม่ว่าคุณจะอยู่แคว้นหรือเขตไหน ขอให้พกติดตัวไว้นะคะ”พนักงานสาวหยิบวัตถุทรงกลมเล็กๆขึ้นมา ฉันมองมันอย่างงงๆ...นี่เรียกว่าบัตรงั้นหรือ?
“น้องรับงานมาจากหัวหน้าแล้วใช่ไหมคะ ไม่ทราบว่าเปิดดูหรือยังคะ?”
“ยังค่ะ”ฉันตอบแล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงข้างขวาควานหามันออกมาแต่ไม่เจอ....อ้อ..มันอยู่กระเป๋าซ้าย
“ระวังใบคำสั่งหายนะคะ”พนักงานสาวบอกยิ้มๆ
“ค่ะ ตั้งใจฟังดีๆนะคะ  ต่อไปน้องต้องเข้าเรียนในโรงเรียนมัจจุราช  ที่นั่นมีการเรียนการสอนสัปดาห์ละ4วัน ไม่มีหลักสูตรตายตัว  และไม่กำหนดช่วงเวลาจบการศึกษาไว้แน่ชัด ไม่บังคับจำนวนชั่วโมงเรียน ขึ้นอยู่กับความสามารถของมัจจุราชท่านนั้นๆว่ามากน้อยแค่ไหน  และไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น  รายละเอียดสามารถดูได้จากบัตรประจำตัวค่ะ  ขอบคุณที่ใช้บริการ  กระทรวงแห่งความตายเราพร้อมบริการคุณ”พนักงานสาวพูดแบบไฟแลบก่อนจะหายแวบไปเหมือนคนกดปิดทีวี แล้วเจ้าโครงกระดูกบิดๆเบี้ยวๆนั่นก็กลับมายืนในตำแหน่งเดิมของมัน
“เอ่อ...เขาว่ายังไงนะ”ฉันถามไซเรนที่ยืนอยู่ข้างๆฉันตลอด  แต่เหมือนไม่ได้อยู่กับฉันตลอด เพราะฉันแทบจะไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเธอเลย
“เปิดดูเองสิ”ไซเรนตอบ แล้วล้วงของอย่างหนึ่งออกมาจากกระเป๋า บัตรขนาดเล็กอยู่ในมือไซเรน เธอดีดมันเบาๆ ด้วยนิ้วชี้ ทันใดนั้นก็เกิดภาพขึ้นในอากาศ
“สวัสดีค่ะเจ้านายไซเรน ต้องการทราบข้อมูลอะไรคะ”
“ตารางงานรับวิญญาณ”
“จัดแสดงข้อมูลเดี๋ยวนี้ค่ะ”ภาพตารางสีเหลืองอ่อนเหมือนกระดาษใบนั้นปรากฏขึ้นในอากาศ บางช่องมีแสงสีเขียวกระพริบ  เขียนว่า ‘กำลังปฏิบัติงาน’ บางอันเป็นสีแดง เขียนว่า ‘ปฏิบัติการเสร็จสิ้นง
“ปิด”ไซเรนบอกเจ้าบัตร มันปิดตัวเองลงอย่างง่ายดายก่อนที่ไซเรนจะเก็บมันเข้าไปในกระเป๋า  ก่อนจะพาฉันลงไปชั้นใต้ดิน  อันมีป้ายเขียนบอกว่า
           
                ศูนย์บริการไปรษณีย์ และขนย้าย
“แมนชั่นยอดตึก”ไซเรนบอกเบาๆ ภาพมังกรที่สร้างจากเลเซอร์ ปรากฏขึ้น มันตัวอ้วนกลมจนดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว...ฉันชักอยากเห็นคนสร้างมันขึ้นมาเสียแล้ว
“จับหางผมไว้นะครับ”เจ้ามังกรพูดขึ้น  ไซเรนเอื้อมมือไปสัมผัสมันที่โคนหาง ส่วนฉันจับลงไปที่กลางหางของมัน
“พร้อมนะครับ”แสงสว่างวาบสาดส่อง  รู้สึกเหมือนตัวเองไร้น้ำหนัก มารู้ตัวอีกทีมาอยู่อยู่ในห้องนั่งเล่นของแมนชั่นแล้ว โดยมีเจ้าไซและเจ้าเรนพยายามแทะส่วนประกอบในร่างกายฉัน  ส่วนไซเรนเจ้าของแมวสองตัวนี้นะหรือ หายเข้าไปในห้องเธอแล้ว ฉันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อไม่ให้เจ้าสองตัวยุ่งแทะมือฉันเล่น เมื่อมื้อซ้ายของฉันล้วงเข้าไปในกระเป๋า  ฉันก็สัมผัสกับกระดาษ ฉันดึงมันออกมาดู
                    H. Dakul
                    Final[ S.W.S.]
                                                                                  20.18.54
“นี่อะไรเนี่ย เล่นใบ้คำกันหรือไง”ฉันเหลือบมองนาฬิกา ตอนนี้เวลา20.05น.
“โอ้ยตายแล้ว จะถึงเวลาแล้ว!”ฉันรีบกวาดทุกอย่างเข้าประเป๋ากางเกง แล้วรีบสวมรองเท้าแบบชุ่ยๆและกำลังจะวิ่งออกจากบ้าน  เอ...จะไม่บอกไซเรนหน่อยหรอ
“โอ๊ยตาย! ไซเรนฉันไปทำงานนะ”ฉันแหกปากตะโกนโดยหวังว่าไซเรนจะได้ยินก่อนจะวิ่งออกไปทิ้งเจ้าแมวยักษ์สองตัวยืนมองแบบงงๆ
                                            แล้วฉันก็เริ่มออกวิ่ง  แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันจะไปไหน?.....ไม่รู้ล่ะสิ แต่อย่ามาถามฉันนะ  เพราะฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  ฉันแค่ทำตามสัญชาตญาณ
        แฮก...  แฮก...  แฮก.... 
เสียงฝีเท้าหนักๆของฉันกับเสียงหอบหายใจดังก้องอยู่ในหูของฉัน ฉันวิ่งมาหยุดที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งที่ใกล้ที่สุด  ตอนนี้มีคนใช้บริการเยอะเหลือเกิน  ทางเดินหินขัดแทบไม่มีที่ให้แทรก แต่ยังไงซะก็ต้องรีบล่ะ
                20.10 น.    ถ้าแทรกคนขนาดนี้ไปไม่ได้งานแรกต้องพลาดแน่ๆ เอาล่ะลุย!!
“ขอโทษนะคะ!!!”ฉันเริ่มออกวิ่งอีกครั้งทั้งที่ในหัวของฉันยังคงได้ยินเสียงหัวใจเต้นเหมือนมีใครมารัวกลองก็ตาม
“หลีกหน่อยค่ะ!!!” ฉันแทรกกายผ่านผู้คนมากมาย  บางคนก็หลบให้แต่โดยดี  แต่บางคนก็สวดเจริญพรให้ฉันตายไปซะ  พวกเขาไม่รู้เลยว่าฉันน่ะตายไปแล้ว ดูเป็นเรื่องตลกดีใช่ไหมล่ะ...แต่ไม่ตลกหรอกนะฮึ!
               
                20.16.37น.  ฉันหลุดจากคลื่นมนุษย์ที่ติดขัดยาว  ฉันพยายามสุดลมหายใจเข้าลึกๆยาวๆเพื่อลดอาการเหนื่อยหอบลง พลางมองนาฬิกาทรงกลม สุดคลาสสิก  ไม่ว่าประเทศไหนในโลกก็ใช้นาฬิกาแบบนี้  มันฟ้องว่าฉันกำลังจะไม่ทัน 
                รถไฟฟ้าใต้ดิน[ S.W.S] สถานีXXX(ปลายทางขบวนสายเหนือ).....
                                            โอ๊ะโอ!! ฉันรีบล้วงเอาใบคำสั่งขึ้นมา  [S.W.S] เหมือนกันเลยแฮะ!!!  แสดงว่าน่าจะถูกทางล่ะ  ว่าแต่ไหนล่ะ  ฉันพยายามกวาดสายตามองไปทั่วชานชาลาที่คนแน่นจนแทบเป็นปลากระป๋อง  ฉันยังไม่เห็นอะไรผิดสังเกตมากพอจะเป็นคนที่ฉันมาปลิดวิญญาณ
                20.17.45 น. ยังไร้วี่แวว ฉันเริ่มเดินไปทั่วๆชานชาลา  ในขณะเดียวกันนั้นรถขบวนใหม่กำลังเทียบชานชาลา
                20.18.38น. มันมาแล้ว!!!!สัตว์หน้าตาประหลาดที่ครั้งก่อนมันกระโดดใส่ผู้ชายคนนั้น 
           
                                      เจ้าสัตว์(หน้าตา)ประหลาดไต่ไปตามกำแพงเหนือหัวคนที่เดินไปมาขวักไขว่  แล้วโผนตัวไปตามเสาอ้อมไปทางชานชาลาฝั่งตรงข้าม  ฉันจะวิ่งไปทันได้ยังไงกันเล่า!!! ฉันตัดสินใจวิ่งตาม  ทางข้ามไปฝั่งโน้นอ้อมเกินไป?  เอามันตรงนี้ล่ะ!!!! ฉันกระโดดลงไปในรางรถไฟ เสียงกรีดร้องจากหญิงที่อยู่แถวๆนั้นดังขึ้น  พนักงานที่ชานชาลาส่งเสียงนกหวีดแหลมปรี๊ดใส่หู แต่ฉันไม่ได้ฟังมันหรอก  ตอนนี้สติทั้งหมดของฉันอยู่กับการไล่ตามไอ้ตัวบ้านั่น....
                20.18.54 น.ฉันเห็นแล้ว!!!!เหยื่อปลิดวิญญาณของฉัน ต้องใช่คนๆนั้นแน่ๆ คนที่ใส่เสื้อสีฟ้า....  ไม่ทันแล้ว!!!!ไอ้ตัวบ้านั่นกระโดดใส่ด้านหลังของเธอเต็มแรงราวกับเป็นภาพสโลโมชั่น  เธอเซถลาไปข้างหน้าข้าวของตกกระจาย ในขณะเดียวกันรถไฟใต้ดินอีกขบวนก็แล่นเข้าเทียบชานชาลาด้วยความเร็วสูง หน้าของเธอกระแทกกับตัวรถแล้วถูกลากจากตรงจุดที่ยืนอยู่เดิมไปห้าเมตรและแน่นอน เธอดับสนิท  ใบหน้าไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น.......และฉันไม่อยากจะดู!!!
            แล้วเสียงกรีดร้องก็ดังระงมขึ้น  เหมือนเป็นสัญญาณบอกฉันว่า ฉันทำงานนี้ไม่สำเร็จ!!....สัญชาตญาณไม่ช่วยให้ทุกอย่างสำเร็จ
           
                                                ตัวข้าเป็นดั่งคนตาบอดในความอนธกาล อันหาทางออกมิได้
ปล.เเอบเว้นบรรทัดมั่ว อุหุอุหุ~ 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น