คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
“วันนี้มันวันโลกกาพินาศอะไรของฉันเนี้ย”
ทำไมรถต้องมาเสียวันนี้ด้วย ประเด็นคือ วันนี้มันสายมากแล้วไงฉันต้องเดินไปเรียนสินะวันนี้ ฮึๆมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะใช้เวลาที่เหลือเพียงน้อยนิด ไปไห้ถึง ก่อนที่จะโดนกักมาสาย ไหนๆก็สายแล้วล่ะ ไม่ต้องรีบก็ได้ มั้ง
ฉันเดินจนเกือบจะถึงโรงเรียนแล้วล่ะ ต้อนนี้สภาพฉันไม่ต่างอะไรจากคนเก็บขยะข้างทางเลย กว่าจะถึง เหนื่อยก็เหนื่อยร้อนก็ร้อน ผมเผ้านี่หลุดรุ่ยหมดอ่ะ สมเพชตัวเองจัง พอมาถึงหน้าโรงเรียน สิ่งที่ต้องเจอคือแถวมาสายที่นั่งเรียงยาวไปจนสุดฟุตบาท มีพวกคณะกรรมการหน้าโหดยืนว๊ากอยู่ ฉันเดินเข้าไปนั้งที่แถวช้า เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ ฉันถอดกระเป๋าออกมากอดไว้แล้วนั่งลงเงียบๆ
“ยืนขึ้นค่ะ วิ่งรอบสนามสิบรอบแล้วไปเข้าเรียนได้ค่ะ”พี่วินัยหน้าโหดตะโกนเสียงดัง
นี่ฉันต้องวิ่งจริงๆหรอโอ้ไม่นะ
หลังจากที่วิ่งจนครบสิบรอบขาฉันก็แทบพิการเลยล่ะ ดีนะที่เป็นสนามบาส ถ้าเป็นสนามฟุตบอลล่ะก็ มีตายกันไปข้างอ่ะ การลงโทษครั้งนี้กินคาบแรกไปเกือบครึ่งชั่วโมง ยิ่งคาบนี้เข้าสายไม่ได้ด้วยสิ เอาน่า มาสายดีกว่าไม่มา
“ขออนุญาตเข้าห้องค่ะ” ฉันเปิดประตูเข้าไป อาจารย์ที่สอนอยู่หน้าห้องหันมามองที่ฉัน แล้วพยักหน้าเชิงบอกให้เข้ามาได้ ฉันเดินเข้าไปนั้งที่แล้วหยิบอุปการณ์การเรียนออกมาวางที่โต๊ะพร้อมเรียน
ทันไดนั้น
“มัทนาวี หยิบไม้บรรทัดออกมาหน้าห้องด้วยนะ” อาจารย์เอ่ยขึ้นพลางขยับแว่น และทำเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ คือฉันก็ต้องออกไปยืนคาบไม้บรรทัดอยู่หน้าห้องใช่มั้ยอ่ะ
พอฉันเดินมาถึง อาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ยิงคำถามมาที่ทั้นทันที
“ทำไมถึงมาสาย”
“หนู ไม่มีความรับผิดชอบเองค่ะ” ฉันตอบไปทั้นที เพราะมันเป็นคำตอบที่ทำให้ฉันรอดได้เสมอ มั้ง
“ตอบได้ดีนี่ ไปได้” นั่นไงล่ะ เห็นมั้ยว่ามันได้ผลจริงๆ ฉันรีบหันหลังกลับมาที่นั่งตัวเองให้เร็วที่สุด ก่อนที่อาจารย์จะเปลียนใจ
“เธอจะไปไหน ที่บอกให้ไปหมายถึงไห้ไปยืนคาบไม้บรรทัดที่หน้าห้อง ไม่ได้ให้กลับไปนั่งที่” เสียงหัวเราะของเพื่อนๆดังขึ้นมาเหยียบซ้ำความอับอายของฉันทันที
“ออกไปยืนข้างนอกไป รบกวนสมาธิเพื่อน” อาจารย์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย นี่อาจารย์แกล้งเราหรือเปล่านะ ทำไมต้องลงโทษอะไรขนาดนี้ด้วย มาสายแค่ ครึ่ง ชั่วโมงเองอ่ะ (ครึ่งชั่วโมงเอง)
ฉันต้องลากสังขารโทรมๆของฉันออกไปที่ข้างนอกห้องตามที่อาจารย์สั่ง แขนเรียวกางออกร้อยแปดสิบองศา ที่ปากคาบไม้บรรทัดสีชมพู แล้วยังต้องยืนขาเดียวด้วยนะ คือฉันไม่เคยทำท่านี้เลยนะตั้งแต่เกิดมาสิบเจ็บปีเนี้ย ตอนนี้ขาฉันเริ่มสั่นแล้วล่ะเ หิวก็หิว ข้าวเช้ายังไม่กินเลย
“นี่ เธอ ไหวมั้ยเนี้ย หน้าซีดหมดแล้ว” เสียงนุ่มเอ่ยถามพรางใช้มือช้อนที่คางของฉันอย่างเบามือ ใบหน้ายาวเรียวกับดวงตาเฉียวคมนัยย์ตาสีน้ำเงินเข้ม ปากเรียวเจ่อ สีแดงสด รับกับเรือนผมสีเทาเข้มซอย ทำไมหล่อแบบนี้นะ นี่มันเกาหลีชัดๆเลย ฉันขอติ่งนายได้มั้ยอ่ะ =.,= ฉันมองหน้าอีกคนซักพักก่อนที่ร่างบางๆของฉันจะร่วงลงไปกองกับพื้น ทุกอย่างหายไปพร้อมกับสติของฉัน
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่หลับไปซักพัก ฉันพยายามมองออกไปที่หน้าต่างเพื่อมองหาสีเขียวเพื่อลดอาการหน้ามืด (ทฤษฎีนี่มีด้วยหรอ)นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี้ย ทำไมโรงเรียนเงียบแบบนี้ ฉันก้มลงเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง นี่ก็เพิ่งผ่านไปแค่สามสิบนาทีเอง ถ้าจะเรียนคาบที่สองก็น่าจะทัน วิชานี้อาจารย์นัดสอบด้วย ก่อนจะตัดสินใจลุกออกจากเตียงเพื่อเดินขึ้นไปเรียนต่อทันทีที่ฉันลุกออกจากเตียง อาการหน้ามืดก็กลับมาอีกครั้ง ฉันถอยหลังกลับไปตั้งหลักที่เตียงก่อน ฉันหยิบมือถือในถุงกระโปรงออกมา ทันทีที่ไฟหน้าจอขึ้น รูปพี่คิมซอกจินก็โผล่ขึ้นมา คึๆ เขินอ้าพี่จินนน หล่อเลอค่ามาก >///<
ก๊อกๆๆๆ
จู่ๆก็มีเสียงเหมือนมีคนมาเคาะประตู ฉันหันไปมองที่ต้นเสียงทันที สงสัยเป็นเจ้าหน้าที่ห้องพยาบาลมั้ง ฉันหันกับมาสนใจกับโทรศัพท์ของฉันต่อ
“ตื่นนานรึยัง” เสียงนุ่มเอ่ยถาม ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองที่ต้นเสียงอีกครั้งก็พบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันก็คือคนเดียวกับคนที่ฉันเจอก่อนที่จะเป็นลม และน่าจะเป็นคนเดียวกับคนที่พาฉันมาส่งที่ห้องพยาบาลด้วย ฉันสบตาคนตรงหน้านิ่ง คือแบบตอนนี้ในหัวฉันมีหน้าอีตานี่ลอยอยู่ในหัวเต็มไปหมดคือจะพูดยังไงอ่ะอธิบายไม่ถูกบอกได้คำเดียวว่าหล่อ นี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี้ย นี่ฉันกำลังแต๊ะอั๋ง ผู้ชายหรอเนี้ย ไม่น่ะ ทำไมฉันเป็นคนแบบนี้ ทำไมๆๆๆๆ
“นี่ เธอเป็นอะไรมากป่ะเนี้ยจ้องหน้าฉันอยู่ได้ หน้าฉันมันตลกมากหรือไง” *ไม่เลยนายหล่อมากเลยล่ะ -.,- * นายนั่นใช้มือโบกไปมาที่หน้าฉันเพื่อเรียกสติฉันกลับมา
“ป่าวๆ ขอโทษๆ ” ฉันทำเป็นก้มลงมองที่โทรศัพท์แก้เขิน -///-
“กินไรยัง นี่ข้าวกินซะจะได้กลับบ้าน”นายนั้นพูดพลางยื่นข้าวกล่องให้ฉัน ฉันรับข้าวมาอย่างงงๆ
“เอ่ะ ว่าแต่ทำไมโรงเรียนเงียบจัง มีอะไรหรือป่าวอ่ะ”
“ก็มีคนมาวางระเบิดโรงเรียนนะสิ ทั้งเด็กทั้งอาจารย์หนี้กระเจงกลับบ้านกันหมดล่ะ”
“ห๊ะ แล้วเขากู้ระเบิดยังอ่ะ แล้วทำไมนายไม่รีบบอกชั้น แล้วถ้ามันระเบิดขึ้นมาจะทำยังไง”
"ล้อเล่นน่า ก็นี่มันเวลาเรียน มันก็เงียบสิ มีแต่เธอนี่แหละที่มานอนอู้ไม่ไปเรียน"
“แล้วนายไม่ไปเรียนหรือไง มาที่นี่ทำไม”
"ก็เเวะมาดูเธอนี่ไง มาดูว่าตายหรือยัง กินข้าวยัง อ่ะนี่ข้าวกินซะอย่าถามมาก ร้อน!"
นายนั่นเอ่ยพลางลุกขึ้นไปปรับพัดลมที่ส่ายไปมาอยู่ให้หยุดที่ตัวเอง
“นายคิดว่านายร้อนเป็นคนเดียวหรือไงกัน เห็นแก่ตัวชะมัดคนอะไรหล่อซะเปล่า
”ฉันก้มลงบ่นกับตัวเองเบาๆ
“ก็ฉันร้อนอ่ะ กินๆไปเถอะน่า ขี้บ่นชะมัด”นายนั่นลุกขึ้นไปปรับพัดลมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาทำให้พัดลมหยุดมาที่ฉัน ก่อนจะเดินไปลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าฉันแทน ฉันได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากเขา =.,= ทำไมนายอ่อยจัง
นายนั่นถอดปลอกแขนสีแดงออก ผมที่ถูกเซตอย่างเนี้ยบถูกสางออกจนกลายเป็นผมซอยยุ่งๆ เค้าปลดกระดุมเม็ดแรกออกแล้วใช้มือคลายเน็กไทออก นึกสภาพฉันออกมั้ยว่าหน้าฉันจะเป็นยังไงเวลาเห็นผู้ชายมาปลดกระดุมคลายเน็คไทต่อหน้า คือ ฉัน ฉันอยากติ่งนายจริงๆนะ -///-
“นี่ เธอเป็นบ้าหรือไงยิ้มอยู่ได้ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่” นายนั่งใช้มือสะกิดแขนฉันเพื่อเรียกสติของฉัน - -ถ้านายนั่นไม่สะกิดคือตอนนี้ฉันคงคิดไปไกลถึงขั้นร่วมหอลงเรือนแล้วล่ะ ต้องขอบใจนายจริงๆ - -
“ป่ะ ป่าว ฉันก็แค่นึกเห็นหน้าแฟนฉันอ่ะ ผิดด้วยหรือไง” ฉันตักข้าวเข้าปากแก้เขิน ที่จริงฉันกำลังแต๊ะอั๊งนายนั่นแหละ คือ นายน่ากินจริงๆบอกตรง หลงอ่ะ>///<
“หน้าอย่างเธอมีแฟนด้วยหรอ วันๆเห็นเต้นอะไรก็ไม่รู้” ห๊ะ นายนั่นบอกเห็นฉันเต้นงั้นหรอ เฮ้ย ตอนไหนว่ะ ฉันหลุดเต้นออกมาตอนหนายยยยยยยยยยยย ไม่อยากจะบอกว่าฉันเต้นทุกครั้งที่ใส่หูฟังเลยล่ะ ไม่แปลกที่เค้าจะเห็น - -
“ วี ไง วี วงบีทีเอส อ่ะรู้จักป่ะ”ฉันเงยหน้าขึ้นตอบนายนั่นก่อนจะเปิดรูปวีในโทรศัพท์ให้เค้าดู
“ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย” นายนั่นยื่นหน้าเข้ามาดูก่อนจะลุกขึ้นไปปิดหน้าต่างรอ
คลื่นๆ
>>>มอคค่า<<<
เฮียโทรมา มีอะไรหรือป่าวนะร้อยวันพันปีไม่เคยจะโทรหาน้อง
(แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับที่รัก)ทันที่ที่กดรับ ฉันยังไม่พูดเลยด้วยซ้ำ เสียงพี่ชายของฉันก็พูดขึ้นซะก่อน เอ่อคือเท่าที่จำได้วันนี้ไม่ใช่วันเกิดฉันนะ ไอ้เฮียบ้านี่มันโทรผิดหรือป่าว
“เฮ้ยเฮีย โทรผิดป่ะวันนี้ไม่ใช่วันเกิดฉันซะหน่อย แล้วที่รงที่รักอะไร บ้าป่ะ”
“อ่าว นี่ไม่ใช่มาเฟียหรอ อ่าๆๆขอโทษล่ะกัน งั้นแค่นี้แหละ”
“ถ้าไม่โทรผิดนี่เบอร์เฮียคงไม่มีโอกาสโชว์บนเครื่อง
ฉันเลยใช่ป่ะ อย่าเพิ่งวางนะจะแคปไว้โพสต์ลงเฟสว่าครั้งหนึ่งเฮียโทรหาฉัน”
“เกินไปล่ะๆ แล้วนี่มาร่ำไม่เรียนหรือไงถึงมีเวลามาบ่นให้เฮียเนี้ย”
“ไม่มีอ่ะ จะกลับบ้านล่ะ มารับหน่อย”
“โอ้ย ไม่ว่างหรอก ไปบอกเฮียเต้ไป พี่จะไปเดทล่ะ บาย”
ตุดๆๆๆๆ
อะไรของมันว่ะ โทรมาแค่เนี้ย แล้วมาเฟียนี่ชื่อคนป่ะ คงจะเป็นแฟนใหม่มันล่ะมั้ง
แล้วนี่มันกี่โมงล่ะเนี้ย แบตโทรศัพท์ก็ใกล้จะหมดละ เฮียเต้จะซ่อมรถเสร็จยังนะ คือความจริงบ้านฉันก็ไม่ใช่ว่าจนนะ ระดับมหาเศษรฐีเลยล่ะ ทำไมไม่ส่งเข้าศูนย์หรือเรียกอู่มารับไปซ่อม ไม่เห็นต้องลงทุนซ่อมเองเลย - -“
แล้วนี่นายนั้นไปไหนแล้วล่ะ ฉันหยิบกล่องข้าวไปทิ้งอีกห้อง ก่อนจะเดินหานายนั่นไปด้วย
แก๊ก (เสียงล็อคประตู)
“เฮ้ยๆๆ นี่นายทำบ้าอะไรของนายเนี้ย”
ฉันรีบวิ่งไปที่ประตูทันที่ได้ยินเสียงล็อคประตูจากด้านนอก เฮ้ยๆๆ ไม่นะไม่ เล่นบ้าอะไรของนายว่ะเนี่ย ฉันทั้งตะโกน ทั้งเคาะประตู นี่ฉันตัองอยู่ในนี้อีกนานแค่ไหนเนี้ยยย ฉันกลัวนะโว้ย
"นี่นาย เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยฉันนนนนน เล่นบ้าอะไรของนายเนี้ย มันไม่สนุกนะโว้ย" ฉันทั้งตะโกนทั้งทุบประตู แต่ก็ไม่มีผลตอบรับจากคนที่อยู่ข้างนอก ดูเหมือนนายนั่นไม่อยู่แล้วยังไงไม่รู้ นายจะขังฉันอีกนานแค่ไหนเนี้ย อีตะบ้าเอ้ยย
“นี่นาย เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะอย่าเล่นแบบนี้ดิ ฉันไม่สนุกนะ”ฉันตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ คือตอนนี้ฉันกลัวมากๆอ่ะ ฉันเกลียดการถูกขังที่สุดเลยอ่ะ
โทรศัพท์ ใช่โทรหาเฮีย ฉันรีบหยิบโทรศัท์ขึ้นมาโทรหาเฮีย
“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกบลาๆๆๆๆ”
แล้วมาปิดเครื่องอะไรตอนนี้ว่ะ นี่ฉันกำลังกลัวนะโว้ย
“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกบลาๆๆๆๆ”
โทรกี่ครั้งๆก็ไม่ติด นี่ฉันจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วนะ
จนในที่สุด
“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเล.........”
อ่าว ไหงเงียบไปอย่างงั้นล่ะ ฉันดึงโทรศัพท์ออกมาดู เฮ่อ ให้มันได้อย่างงี้สิ แบตหมดจนได้ นี่มันวันอะไรของฉันเนี้ยยยยย
ความคิดเห็น