ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ft..island...วายร้าย...ไม่วายรัก...

    ลำดับตอนที่ #7 : อดีต.....ที่หวนคิดถึง

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 56


         ตอน   อดีต....ที่หวนคิดถึง

            เฮ้อ....ฮวาจองจะเป็นยังไงบ้างนะ.....เราทำแรงไปรึเปล่า....แต่ก็ช่างเถอะ...

           ทำไมก็ไม่รู้......ไม่ว่าใครจะรู้สึกยังไงกับเรา...

    .เราก็เพียงรู้สึกว่าเปล่าอยู่ดี.....ทำไมนะ....ไม่อิน...ไม่เจ็บปวด....ไม่รู้สึกเข้าใจในความเจ็บปวดของคนอื่น ด้วยซ้ำไป....รู้เพียงแต่    

           .....คำเดียวว่า เบื่อ ....

    .     เบื่อมาก...ถึงจะมีผู้คนมากมายมาทำทีว่าสนใจให้ความสำคัญ....

         แต่ทำไมนะสิ่งที่เราให้พวกเค้าได้ก็แค่....รอยยิ้มจอมปลอม.......

            สิ่งที่เราฉนัดก็คือการซ่อนความเจ็บปวดไว้ด้วยร้อยยิ้ม...เราเรียนรู้ว่าการร้องไห้ไม่ช่วยอะไร....

          .หากแต่รอยยิ้มนี้สามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้   หลายคนชื่นชมในรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยยาพิษของเรา.

         ทั้ง ๆ เรามีชีวิตอยู่แท้ ๆ แต่กับเหมือนลืมเอาลมหายใจติดมาด้วย....

          .แปลกนะ...แปลกมารู้สึกแต่เพียงว่าเราเกิดมาทำไมกัน......เพื่ออะไร.....

       เป็นเพราะอะไรนะเราถึงชืดชา....กับความรักคงเป็นเพราะเราไม่เคยจะเชื่อใจใครได้เลยซักคน.....

         ขนาดแม่ผมเองยังไม่เคย....รักผมเลยแล้วใครหล่ะ.....ใครกันบนโลกนี้ที่จะรักผม...

          คุณแม่....คุณแม่ฮับ...ผม..วาดภาพนี้ให้คุณแม่ด้วย...ฮงกิผวาโผเข้าหมายจะสวมกอดอียูนนาผู้เป็นมารดา....แต่

         พลั่ก...อียูนนาผลักฮงกิออกไปจากตัว

        ภาพการสะบัดมือของมารดายังคงติดก้องอยู่ในความรู้สึกความเย็นชาที่ถาโถมเข้ามาจากดวงตาของผู้เป็นแม่

        ทำให้หัวใจน้อย....เหมือนฟองสบู่ที่ปริแตก...แหลกละเอียด...ภาพสี้น้ำที่วาดตั้งใจจะให้มารดาหลุดลอยละลิ่วไปพร้อมกับใจดวงน้อย ๆ ที่ แหลกสลาย

          น้ำตาแตกเป็นทำนบเด็กน้อยเก็บภาพวาดด้วยความเจ็บปวดที่เกินจะทานทนปริ่มร้องไห้ปานจะขาดใจเ

          สียงร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ได้ทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกอะไรเลย.....มีเพียงดวงตาที่แสนเย็นชาจับจ้องมองที่ฮงกิ

         มันอะไรกันนัก...กันหนาเนี่ย  อียูนนาสบถขึ้น

         ทำไมหล่ะครับคุณแม่....ทำไมถึงกับต้องผลักกันเลยเหรอ   จงฮยอนถามด้วยสีหน้าหวั่นวิตกกับสายตาที่แม่มองน้องชายแบบนี้มาตลอด

         มันสกปรกน่ะ....แม่ไม่ชอบ....แม่นมมาเอาฮงไปอาบน้ำแต่งตัวหน่อยไป...สกปรก  อียูนนาพูดขึ้นพรางหยิบคว้ากระเปาขึ้น

        ฮงกิเพิ่งอาบน้ำมานะครับคุณแม่   จงฮยอนอดใจไว้ไม่ได้ที่ต้องแย้ง

       เสียงร้องไห้...ระงมจากฮงกิ  เด็กพยายามคว้าข้อมือมารดา

      ฮื่อคุณแม่...อยู่ก่อนซิฮับ...ผมจะเป็นเด็กดี...ฮื่อ  คุณแม่ พลันตัวเข้ากอด

       พลั่ก...ก็บอกแล้วไงว่าสกปรก....แม่นมเอาเด็นี่ไปไกล ๆ ชั้น....ชั้นจะเข้าไปห้องทำงาน

      กี่ครั้งที่นึกถึงภาพมารดาก็คงยังเป็นภาพเดิม ๆ...

        แม่ไม่เคยซักครั้งที่จะกอดผม....ไม่คยใส่ใจ....ไม่เคยรับรู้ว่าผมมีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้.....

       ผมไม่เข้าใจเลย...ว่าทำไม....แม่ถึงเกลียด...ผมได้ขนาดนี้

        ผมไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากคุณแม่เป็นเพียงคุณพ่อเท่านั้นที่ให้ความเป็นห่วงเป็นใยอาทรต่อผม....จนบางครั้งผมรู้สึกว่ามันมากเกินไปจน....รู้สึกว่าตัวเองมันน่าสงสาร...คงเป็นเพราะพ่อรู้ว่าแม่เกลียดชิงชังในตัวผม....พ่อจึ่งทุ่มเทให้ผมทุกอย่าง...จนผมรู้สึกสงสารพี่น้องคนอื่น.....ทำไมนะ...ทำไมกัน

          ภาพในอดีตที่ตามหลอกหลอน.......ไ.ม่ว่าเมื่อไหร่ก็คล้ายเดิมเป็นคุณแม่...เมินผมทุกที...สายตาท่านทำไมช่างแฝงไปด้วยความเกลียดแค้นชิงชังทั้งยังฉายแววความเจ็บปวดทุกครั้งที่มองดูผมทำไมนะทำไมกัน 

       คุณแม่ครับ....คุณแม่...คุณครูบอกว่าให้ฮงกิ...เป็นตัวแทนแสดงละครวันแม่ด้วยนะครับ....คุณแม่ต้องไปนะครับ...ฮงกิได้เล่นเป็นเจ้าชายด้วย

        เด็กน้อยแก้มยุ้ยส่งยิ้มหวานให้..อียูนนาผู้เป็นมารดา

       แม่ไม่ว่าง.....เดี๋ยวคุณพ่อเค้าไปดูเองแล้วกันนะ

        แต่ว่า....คุณแม่...ผมอยากให้คุณแม่ไปมากกว่านะ   ฮงกิแย้งส่งเสียงอ้อน

       ก็ได้...ก็ได้...แม่จะไปก็แล้วกัน....อย่ามาเซ้าซี้...ไปแม่จะทำงาน...คิมยูนนาไม่แม้เพียงจะสบตามองเด็กน้อย

        ในตลอดหลายปีที่ผ่านมานี่เป็นครั้งแรกที่ผู้เป็นมารดารับปากว่าจะไปงานโรงเรียนด้วย

       เด็กน้อยยิ้มแย้มอย่างสุดแสนจะดีใจพุ่งโผเข้าสวมกอดมารดา....แต่ว่าก็เป็นเช่นเคย...

         พลั่ก.

           เด็กน้อยร้องเสียง.....ฮื่อ....ฮื่อ....โฮ...

      ..ฮงกิ.. ไม่ชอบ....ไม่ต้องมากอด ชั้นรำคาญ...แม่บอกแล้วไงว่าจะทำงาน... ..พลางสะบัดตัวหนีอย่างเร็ว...แม่นมมานี่หน่อย....มาเอาฮงกิไปที่ชั้นรำคาญจะแย่อยู่แล้วก็บอกแล้วใช่ไหม....ว่าให้ดูดี ๆ เฉพาะฮงกิ...อย่าให้มาเข้าใกล้ชั้น

          คุณแม่ทำไมต้องพูดอย่างงั้นด้วยละครับ   จงฮยอนได้ยินมารดาตวาดและผลักฮงกิทำให้ไม่พอใจอย่างมาก

       จงฮยอนลูกก็เหมือนกันอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับฮงกิมาก....แม่ไม่ชอบ....คิมยูนนาชักสีหน้าใส่

       ทำไมหล่ะครับ....คุณแม่...ทำไมคุณแม่ถึงได้เย็นชา....แต่กับฮงกิน้องก็ไม่เคยทำอะไรให้นะครับ   จงฮยอนถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัยปนสงสารน้องชายอย่างมาก

       เด็กแสบเนี่ยเหรอ.....แม่ไม่ชอบให้เรากับแจจินไปวุ่นวายมาก....แม่ไม่จำเป็นต้องบอก....จงฮยอนถ้าลูกอยากรู้อะไร....ก็ไปถามพ่อเค้าได้นี่...เผื่อเค้าจะตอบ

       คุณผมฟังมานานแล้วนะ....ถ้าคุณไม่หยุดละก็...ผมไม่ยอมแน่ .   และคุณต้องไปงานโรงเรียนของฮงกิด้วยกันนะ..เข้าใจมั๊ย

    ...อีซอยอง ผู้เป็นพ่อเริ่มส่งเสียงดังอย่างรำคาญ

          เข้าใจย่ะ....เข้าใจ...อะไร...อะไร..ก็ฮงกิ...คุณไม่เคยเลยที่จะสนใจความรู้สึกของชั้น....อียูนนามองฮงกิด้วยความโกธรแค้น     

       ฮงกิ......ลูกพ่อมานี่มา....มาหาพ่อ....หยุดร้องลูก...โอ๋...ลูกรักของพ่อ...อยากได้อะไร....เดี๋ยวพ่อหาให้...อีซอยองมองลูกรักอย่างเอ็นดูและสงสารจับใจ

        วันงานแสดง

        ในขณะที่แสดงอยู่ฮงกิพยายามสอดส่ายสายตามองหามารดา...แต่ก็ไม่มีวี่แวว....มีเพียง อีซอยอง จงฮยอน และแจจิน กับแม่นมเท่านั้นที่มา

     

        ไหนละ....ไหน...นายว่าแม่นายจะมายังไงล่ะ.....เด็กอ้วนกลมถามขึ้น

      ชั้นว่าไอ้เจ้านี่มันเกิดจากกะรบอกไม้ไผ่มากกว่า ฮ่ะ ฮ่า...กลุ่มเด็กยียวนแกล้งล้อฮงกิ

         ไอ้ลูกไม่มีแม่....ไอ้ลูกไม่มีแม่...ฮ่า...

        น้ำตาหยุดแหมะเป็นทางเต็มสองแก้ม......เด็กน้อยใช้มือทั้งสองข้างปราดเช็ดน้ำตาที่ไหลรินไม่หยุดพลางคิดสมเพชในใจกับตัวเอง...

        หยุดร้อยนะฮงกิ...หยุดร้อง...ไม่ต้องขอความเห็นใจจากใครทั้งนั้น....ต่อไปนี้...นายไม่มี...แม่...ไม่มีอีกแล้ว...ต่อไปนายไม่ต้องอ้อนวอนให้เค้ามาอีก...เค้าไม่รักนาย....ไม่เคยรัก....ฮื่อ  อื่อ...ต่อไปชั้นจะไม่ขอร้องอะไรแม่อีกเลย.....ชั้นจะไม่ขอความรักจากใครทั้งนั้น.....มีเพียงคุณพ่อ...ก็พอ...

         ไม่มีหรอก....ที่จะเชื่อได้....คำพูดของคนอื่น...ในของคนอื่น...ไม่วันเชื่อได้

         ทำไมกันนะทำไมราต้องมาคิดถึงอดีตด้วยนายโตเรานะฮงกิ.....นายยังต้องการความรักจากคนอื่นอีกเหรอ...

            .ฮงกิคิดพลางก้มตัวมองที่หน้ากระจก...เปิดลิ้นซักขึ้นพลันสายตาเห็นสร้อยเส้นหนึ่งเส้นที่แสดงถึงมิตรภาพที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับจากเพื่อนวัยเดียวกัน

          สร้อยหินสีเขียวมรกต...รูปหัวใจสองดวงอยู่ใต้วงพระจันทร์มันสวยมากถึงจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงสวย

          พลันเกิดความคิดนึกถึงคน ๆ นั้น

          จะมีใครที่ซื่อเหมือนนายอีกนะ....สร้อยเส้นแพง ๆ เอามาให้กันได้.....แถมหมอนั่นยังบื้อรอเราตั้ง3-4 ตอนนั้นเออใช่เราสัญญาว่าจะกลับไปเกาะเซจูนี่นา....ผ่านไปตั้งนานแล้วถึงบื้อแค่ไหน....มันคงไม่บ้ารอแน่

        ไอ้หมอนั่นมันเรียกสร้อยเส้นนี้ว่าอะไรนะ.....จำไมได้....แล้วชื่อมันเราก็จำไม่ได้ด้วย....เฮ่อ  นายมันโชคร้ายวะ...ดันมาหลงเชื่อปีศาจสุดหล่ออย่างชั้น....  แต่เอ๊ะรองแวะไปหามันหน่อยดีกว่า....ไปแอบ ๆ ดู อย่างน้อยคนอย่างชั้นก็เป็นคนรักษาสัญญานะถึงแม้ว่ามันจะช้าไปหน่อย ฮะ  ฮ่า  ฮงกิคิดพรางอมยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องนี้

       เรื่องตอนเด็ก ๆ สำหรับเรามีแต่เรื่องที่เลวร้าย....เจ็บปวดยกเว้นก็แต่...เรื่องไอ้เจ้าของสร้อยเส้นนี้

          ก๊อก  ก๊อก ปัง ปัง  

         เฮ้ย  จะทำไงดีวะ...ไอ้พี่บ้าเนี่ยถ้าหลับล่ะก็...เป็นได้เรื่องใครจะไปปลุกมันตื่นก็ยิ่งยาก....คนน่ารักเสียงสีหน้าหงุดหงิด

        พี่เร็ว ๆ ตื่นเด้  เฮ้ย    

       เช้าแล้วนะพี่ฮงกิ.....วันนี้เราต้องไปลงทะเบียนนักเรียนใหม่ที่มหาลัย

      ปัง ปัง  เสียงเรียกเป็นคำรบ เสียงอึกกระทึกทำให้ชายหน้าหวานส่งเสียงครางอย่างหงุดหงิดสุดทน  ตายังคงหลับพริ้มอยู่แต่เอื้อมมือคว้านาฬิกาปลุกปาเข้าประตูอย่างแรง...หวังให้เสียงเคาะประตุของแจจิน

       โครม ปัง  เฮ้ยอะไรว่ะ...ไอ้พี่บ้า...มันปาอะไรเข้าประตูวะ  ถ้าเปิดประตูได้ล่ะก็น่าดู

        พี่ฮงกิพ่อบอกว่าถ้าพี่ไม่ไปล่ะก็เป็นเรื่องแน่....ฉอด ๆ บลา ๆ  แจจินร้องตะโกนบ่นไม่หยุด

       ฮงกิเอามือทั้งสองข้างปิดแนบเข้าที่ใบหู...แต่เสียงบ่นของแจจินก็ยังไมวายเข้ามาในโสตประสาทจนได้

     เฮ้อ มันอะไรนักหนาวะ....นี่มันน้องหรือพ่อวะเนี่ย....พลางคิดวิธีที่จะไม่ไปมหาลัย..

        รู้แล้ว...รู้แล้ว...เคาะอยู่ได้อยากแกตายมั๊ยแจจิน  ฮงกิตะโกน

        เออใช่ให้ไอ้แจจินมันไปคนเดียวเลยอยากปลุกเราดีนัก....เราอ้างว่าไปเยี่ยมตากับยายที่เกาะเซจูดีกว่า....ฮะฉลาด ตูเบื่อการเรียนช่วยไม่ได้ไอ้น้องเอาไว้อีกสองสามวันค่อยไปก็ได้เชอะว่าแล้วก็หยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ

          ให้มันได้อย่างงี้เด้............คนเค้าอุตสาหมาปลุก...อะไรวะ  แจจินอดบ่นไม่ได้

      ปัง ปัง  ฮงกิเคาะประตูห้องจงฮยอน

      พี่จงฮยอน....เปิดประตูหน่อย....พี่ เร็วเด้ตาเฒ่าลามก  ฮงกิแล้งตะโกนด่า

      เออ เบา ๆ ก็ได้ชั้นไม่ได้หูตึงเหมือนกับแก....มีอะไรว่ามา.....จงฮยอนเปิดประตูพร้อมยิงคำถามรัว

       เออชั้นว่าจะยืมรถพี่ขับวันนึงอ่ะ....เพราะรถของชั้นมันพังยังซ่อมอยุ่ที่อู่...นะ...นะ จงฮยอนนะ

       ฮงกิพลางเกาะแขนส่งเสียงอ้อนราวกับเด็กน้อย....ส่งรอยยิ้มหวานที่มันเคยใช้ได้ผลตลอดกับจงฮยอน

         ไอ้บ้านี่....ทำมันมันถึงได้....น่ารักอย่างงี้วะ...เฮ้อ...อยากจะบ้าตูรู้นะว่าเอ็งอยากจะยึดมากกว่ายืม....

        จงฮยอนส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่าขัดใจ...กำลังใช้ความคิด

         นะ..นะ พี่จงฮยอนสุดหล่อ...นะได้โปรดเถอะพี่ชาย....พี่ก็มีรถหลายคนนะ   ฮงกิยิ้มหวานหยดให้จงฮยอนอีกคำรบพร้อมทั้งเขย่าแขนจงฮยอนไปมา

       ฮงกิ...แกรู้ใช่มั๊ยว่าชั้นแพ้รอยยิ้มแบบนี้...ถึงยิ้มยั่วแต่เช้า...ไม่ไหว...เราต้องขัดใจมันบ้าง

        แจจินก็ไม่มีรถแถมยังเพิ่งมาจะไปหนที่ก็ลำบากหมอนั่นยังไม่เห็นบ่นเลย

      ฮงกิเริ่มทำหน้ามุ่ยใส่จงฮยอนพลางเริ่มขู่

           ชั้นรู้นะว่าพี่ชอบเอาผู้หญิงเข้าบ้าน...วันก่อนชั้นก็ได้ยิ่งได้เห็น...ถ้าชั้นเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อนายจะว่าไง

        เออเอาเลยใช่ชั้นคนเดียวที่ไหน....นายก็ชอบแอบเอาผู้หญิงมาที่บ้านอยู่ ๆ แถมไม่ค่อยยอมกลับบ้านจะกลับก็วันที่พ่อมาอาทิตย์ละแค่ 3 วัน ยังจะพูดดี  จงฮยอนรีบสวน

              ไม่เอาล่ะเราอย่ามาทะเลาะกันเลยพี่....ผมขอยืมแค่ 2-3 ไปเกาะเซจู   ฮงกิเริ่มส่งสีหน้าจริงจังเพื่อหวังให้จงฮยอนเปลี่ยนใจ

            เออก็ได้แต่นายจะไปทำไมเกาะเซจู....นายต้องไปลงทะเทียนนักเรียนใหม่ไม่ใช่เหรอ...........ยิ่งเราเข้าระหว่างปีด้วย... จงฮยอนอดแย้งไม่ได้แต่ก็รู้นิสัยน้องชายตัวแสบดีว่าถ้าตั้งใจแล้วก็เปลี่ยนใจเค้ายาก

       เถอะน่า....ผมโทรบอกพ่อแล้ว...กุญแจ   ฮงกิแบมือขอ

     จงฮยอนต้องเดินกลับไปที่โต๊ะหนังสือเพื่อหยิบกุญแจพร้อมทั้งกับกำชับว่าต้องคืนรถภายใน 4 วัน

        โอเค 4 วันก็ 4 วัน  ขอบคุณนะพี่ชาย...ว่าแล้วก็แกล้งหยอกด้วยการจู่โจมกระโดดหอมแก้มพี่ชายขี้วีนหนึ่งฟอด

      ไอ้...เด็ก...บ้า...จงฮยอนเอามือลูบที่แก้มตัวเองพร้อมยกยิ้มที่มุมปาก

       นายมัน...ตัวแสบ   จงฮยอนคิดพลางเอื้อมมือปิดประตูเข้าห้อง

          โต๊ะอาหาร  แจจินเหลือบเห็นกระดาษโน้ตแผ่นนึงวางอยู่

         แจจินนี่คือคำสั่ง จากชั้นนายไปลงทะเทียนแทนชั้นด้วย...อ้ออย่าลืมชื่อเข้าชมรมเทคควันโด   ให้ชั้นด้วยนะ   ปล..อีก  2 วันเจอกัน ชั้นไปเกาะเซจูก่อนบอกพ่อด้วยล่ะ

          เฮ้ยจะบ้าอะไรเนี่ย....เป็นอย่างงี้ทุกที.....ทำไมพี่ฮงกิ...ชอบกวนแต่เช้าว่ะ....อะไร อะไร ก็ตู

         โอ้โห....มหาลัยอันยองนี่ใหญ่มากแฮะ....คิดไม่ถึงเลยว่าเรากับพี่ฮงกิจะได้เข้าเรียนที่นี่....ที่เดียวกับผู้ชายคนนั้นที่ที่เราเจอเมื่อวานนี้....โชคสองชั้นเลยแฮะเรา......เสียอย่างเดียว...ทำไมชั้นต้องมาลงทะเบียนแทนพี่ฮงกิตัวแสบด้วย 

        อากาศช่างดีจริง ๆถ้าได้เจออีกครั้งก็คงดี    แจจินอดคิดถึงชายหนุ่มผิวเข้มที่ได้เจอเมื่อคืนไม่ได้

          ดงเฮ...นายกับคังอินทำไมมาสายจังวะ...นี่ชั้นมารอตั้งเกือบ 10 นาทีแล้วคอยดูนะชั้นจะฟ้องพี่ฮงกิ...ให้เล่นงานนาย

        ขอโทษ ครับ..ลูกพี่จินน้อย...ผมผิดไปแล้ว  ดงเฮส่งยิ้มให้แจจินพร้อมกับยักคิ้ว

       ไม่ต้องมากวนเลยนะ....แจจินก็แจจินเด้เรียกอะไรวะ ลูกพี่จินน้อย หมายความว่าไงวะ คังอินอัดมัน

        พลั่ก คังอินแกล้งเตะต่อยดงเฮ..หลบเป็นพัลวัน...วิ่งอ้อมตัวแจจิน

       เฮ้ยหยุดวิ่งวนซะทีเวียนหัว  แจจินบ่นเสียงแข็ง

        เสียงประกาศดังขึ้น....นักศึกษาที่เข้ามาใหม่โปรดไปแสดงตัวลงทะเบียนชื่อที่ศูนย์อาคารอองซัน บริเวณห้องโถงนะคะ

        ไปกันคังอินดงเฮ  แจจินร้องเรียกพรรคพวกที่ยังคงวิ่งเล่นกันอยู่

        นี่ถ้าพวกนายไม่รีบมาล่ะก็...พี่ฮงกิไม่ได้ลงทะเบียนล่ะก็คงรู้นะว่าอะไรจะเกิดขึ้น

        คร๊าบ เสียงของดงเฮและคังอินดังขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน

     

       เกาะเซจู...ทัศนีย์ภาพที่ห่างหายไปจากความทรงจำ....หลายอย่างเปลี่ยนไป...ฮงกิพยายามทอดสายตามองทบทวนอดีตบริเวณที่เคยพบกันกับเพื่อนคนแรกในชิวิต.....

     

         ฮงกิขับรถไปจอดไว้ที่โรงแรมแกรนด์  และสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นเรือเพื่อข้ามไปเกาะจู

          ต้นเมเปิ้ลผลิใบหลากลีลันระรานต่างด้วยสีส้มสีเหลืองอร่ามถนน....ดอกหญ้าสีขาวแซมชมพูที่ปลิ้วไสวข้างทาง...ดอกไม้หลากสีบานตามข้างทาง...มีลำธารน้อยไหลเอื่อย ๆ. ดงดอกไม้สีสดสวย บรรยายกาศที่สวยงามแต่ฮงกิไม่ได้สนใจใส่ใจในความสวยงามของดอกไม้เหล่านั้น....เพียงเพ่งมองที่สะพานผุพัง....ย้อนคิดถึงอดีตจับสร้อยคอที่สวมอยู่ขึ้นมาดู

                เราบ้าไปเหรอเปล่าชื่อมันก็จำไม่ได้....ที่นี่อะไรก็เปลี่ยนไปมาก....จะไปหาเจอได้ไงวะ...

              หันไปเจอกับคนชราคนหนึ่งอดไม้ได้ที่จะไถ่ถาม

            เออคือที่นี่....เอ่อคือมีคุณชาย....ชื่อ...เอ๋อ....เฮ้ยไม่ใช่  ชายหนุ่มหน้าหวานทำหน้าอึกอักไม่รู้ว่าจะเริ่มถามจากตรงไหนดี

       อ้อคุณชายนะเหรอ...ถ้าบ้านคนมีตระกูลละก็มีตระกูลชเวกับตระกูลอี...คุณหนูนี่มาหาคนตระกูลไหนละ...ถ้าตระกูลชเวให้เลาะไปทางริมทะเลสาปด้านที่มีดงไม้เยอะๆ นะ...เลยเข้าไปจะมีดงสวนดอกทิวลิป.....

        ไอ้หนูนี่ถ้าจะเป็นคุณชายที่ไหนซักแห่ง...หน้าตาที่ได้รูปสวยการแต่งตัวที่ดูสำอางค์เกินไป  อันตรายนะเนี่ยถ้าเกิดไปเจอพวกโจรขโมยเข้า...ยิ่งใส่เฟอร์นิเจอร์พราวอย่างงี้ด้วย  ชายแก่อดไม่ได้ที่จะห่วง

        ขอบคุณครับ   ฮงกิโค้งคำนับ

        เจ้าหนู ถ้ายังไงรีบไปก่อนจะมือค่ำ.....ที่นี่มันเปลี่ยว...ตกลงเราเป็นคนตระกูลไหนเหรอ...

         ตระกูลอี ครับ...ฮงกิยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร

        ไปอีกทางไม่ใช่ทางนั้น...ไอ้หนู

         อ๋อ  ผมจะไปหาเพื่อนตระกูลชเวเป็นคุณชายอ่ะครับ

        เออ งั้นก็รีบไปเถอะ  ...โชคดีระวังตัวด้วยล่ะ

       ครับ ขอบคุณครับลุง....ฮงกิยิ้มให้อีกครั้ง

       อะถึงซะที....ป้ายหน้าบ้านชเว.... อะทำไงดี....ถ้าเกิดหมอนั่นมันจำเราไม่ได้...นี่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะ..

        ติ๊งต่อง  ติ๊งต่อง...ฮงกิกดออดเรียก

       มาหาใครคะ......สาวใช้มองชายหนุ่มหน้าหวานตาไม่กระพริบ

      ผมมาหา...ตุณชายชเว...น่ะครับ

    คุณชายชเว....เอ...หมายถึงคนไหนน่ะ....ดูหน้าตาถ้าทางอย่างงี้อาจจะเป็นเพื่อนนักแสดงของคุณมินอวานก็ได้.........มีแต่คุณมินฮวานที่ชอบเอาเพื่อน ๆ มาเยื่ยมคุณท่าน  แต่จะใช่รึเปล่าดูจากท่าท่างน่าจะเป็นลูกคนมีตระกูล ....ให้เข้าไปพบคุณท่านก่อนแล้วกัน  หญิงรับใช้ครุ่นคิด

          เออมาหาคุณมินฮวานเหรอค่ะ....

         ฮงกิครุ่นคิด....รึหมอนั่นจะชื่อมินฮวาน...แกล้ง ๆ ตอบ ไปก่อนแล้วกันค่อยว่าอีกที

        ใช่ครับ.....คุณมินฮวานไม่อยู่...ไม่ได้กลับมานานแล้วค่ะ

        ซวยล่ะซิทำไงดีนี่ก็ดึกแล้วกลับบ้านคุณตาไม่ทันแน่ท่าจะมืดก่อน...ต้องมั่วซะแล้ว  เออ ใช่หมอนั่นบอกมีคุณปู่อะไรเนี่ยแหละ

    ขอยืมชื่อมาหากินก่อนแล้วกัน

          อ๋อมินฮวานให้ผมมาเยี่ยมคุณปู่น่ะครับ.....ขอผมพบกับคุณปู่ก่อนได้ไหม

       ค่ะเชิญทางนี้เลยค่ะ

           คุณท่านคะ.....เพื่อนคุณมินฮวานมาหาแน่ะค่ะ

       ในระหว่างรอฮงกิสำรวจสายตาไปเจอกับภาพที่ติดบนกำแพงเป็นภาพหญิงสูงศักดิ์ที่สง่างามสวมสร้อยแบบเดียวกับที่เค้าใส่อยู่ในวันนี้เป็นสร้อยหินสีเขียวใสราวผลึก...รูปบหัวใจสองดวงคล้องกันห้อยอยู่บนรูปพระจันทร์เสี้ยว...ยิ่งทำให้ใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ

         เฮ่  ไม่น่ามาเลยเราทำไงดี....ถ้าถูกไล่ทำไงดีวะ....เอาชื่อคุณตามาอ้างก่อนดีมั๊ยไม่แน่อาจจะรู้จักกัน....เกาะนี้ก็มีแค่สองตระกูลใหญ่แค่นั้น

         เอ๊ะนั่นรูป...ไอ้เจ้าดาราเด็ก...ที่ชื่อ...มินฮวาน...อ๊า...ที่นี่เป็นของไอ้ดาราคนนั้นนั่นเอง...อ๋อนายโตแล้วไปเป็นดาราเหรอไงวะเพื่อนใช้ได้....แต่เอ๊ะ...ไอ้ดารานี่มาดมันไม่เข้มนิ่ม ๆเหมือนเมื่อก่อนเลย...ทำไมมันโตแล้วกลายเป็นแบ้วไปได้วะ

          ได้ข่าวเพื่อนมินฮวานมาหาชั้นอย่างนั้นเหรอ....ทำไมมีอะไร

    เสียงเข้มดุดันส่งเสียงทำลายความเงียบขึ้น

        ฮงกิหันมาเห็นเป็นชายชราที่มีบุคลิคน่าเกรงขามดูมีอำนาจมากคนหนึ่ง  ให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบแต่ก็แถยิ้มให้

       เออใช่ครับ สวัสดีครับผมอี ฮงกิ...หลานชายคุณตา อีซงชุก น่ะครับ ผมกับมาเยี่ยมคุณตาเผชิญผ่านมาแถวนี้มินฮวานเคยบอกว่าถ้ามาที่นี่ให้แวะมาเยี่ยมคุณปู่เค้าด้วยน่ะครับ

         อ๋อลูกชายอีซอยองนี่เอง...เป็นลูกคนที่เท่าไหร่หล่ะเรา 

        ผมเป็นคนกลาง....น่ะครับ...ฮงกิตอบอย่างยิ้มแย้ม
         .ที่อีซงชุกเคยบอกว่าหลานที่แสบที่สุดเห็นจะเป็นคนกลางก็คือ.....เราน่ะซินะ.....แล้วมาทำไมดึก ๆ ดื่น ๆ น่ะ

         ผมเดินเที่ยวเพลินเลยหลงไปหน่อยน่ะครับ

         ตาปู่นี่ดูถ้าไม่เป็นมิตรเท่าไหร่...กลับดีกว่าแฮะเรา

        เอ่อ คุณปู่ผู้หญิงในรูปนี่ใครเหรอครับ  ฮงกิอดถามถึงภาพผู้หญิงที่ใส่สร้อยไม่ได้

        ไอ้เด็กนี่มันเซ้าซี้จริง ๆ เจ้ามินฮวานเดี๋ยวได้เจอดี

       ภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วของชั้นเอง....ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม

          ปู่นี่รีบไล่เราเลยดีหล่ะแกล้งถามต่อดีกว่า ฮงกิคิดในใจถ้าไม่ได้รู้สงสัยคงนอนไม่หลับแน่ สร้อยเส้นนี้ต้องสำคัญแน่...คงแพงหูฉี่

       คุณปู่สร้อยเส้นนั่นที่คุณผู้หญิงใส่ยิ่งขวับให้ท่านดูยิ่งมีสง่านะครับ

        อืมตาถึงดีนี่ไอ้หนู....เนี่ยเป็นสร้อยมูนทูฮาร์ท เป็นสร้อยที่ทำจากหินอะควอไนท์สีเขียวครามที่หายาก...เป็นสร้อยที่ชั้นให้ภรรยาเมื่อครั้งยังมั่นหมาย.....

         พูดไปชายชรายิ่งมีสีหน้าเดือดดาลแฝงด้วยความเศร้าสลดด้วยตอนนี้ฮงกิสะกิดเข้าที่แผลเก่าของชายชรา

        ใบหน้าที่เศร้าสลดบ่งบอกให้เห็นว่าเค้าคิดถึงภรรยามากจริง ๆ สายตาที่เศร้าทอดมองไปที่สร้อยคอที่ภรรยาสวมใส่ในภาพ

      สร้อยเนี่ยชั้นได้มาจากต้นตระกูลเพื่อมอบให้กับบุคคลที่สำกัญที่สุดในชีวิต....แต่ตอนนี้ไอ้หลานชายชั้นมันไม่รู้คุณค่า...เล่นเอาไปให้เพื่อนของมันตั้งแต่เด็ก..แถมยังบอกว่านั่นหละคนสำคัญที่สุดในชีวิตของมัน มันไม่ได้รู้ว่าชั้นหมายถึงของมั่นของแต่งงาน  ไม่ใช่ให้เพื่อน.ไม่รู้ป่านนี้สร้อยเส้นนั้นมันจะไปตกระกำลำบากอยุ่ที่ไหน...คงถูกขายไปแล้วนั่นแหละ อย่าพูดถึงมันอีกเลย

          ฮงกิลอบถอนหายใจหอบใหญ่....เฮ้ดูท่าคุณปู่นี่คงจะหวงมาก....เราควรจะคืนดีมั๊ย...เฮ้ยแต่มันเป็นของตั้งตัวของเรานะเว้ย....อย่าใจอ่อนฮงกิ....นายไม่ใช่คนดีขนาดนั้น

        เฮ้อ เป็นอะไร...พ่อหนุ่มอยู่ดี ๆ ก็หน้าซีดซะขนาดนี้...ชเวจงบินเหลือบเห็นอาการเหงื่อตกหน้าซีดของหนุ่มหน้าหวานอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

       แล้วนี่เอารถมารึเปล่านี่ก็ดึกมากแล้ว....ชายชราพูดพรางลอบมององกิอีกครั้ง

        ไม่ได้เอามาครับขอบคุณคุณปู่มากเลยที่เล่าเรื่องที่น่าประทับใจอย่างนี้ให้ผมฟัง....ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้ว่า....คุณปู่รักคุณย่ามากแค่ไหน.....ทำให้ผมอิจฉามากเลย.....เพิ่งรู้นะครับเนี่ยว่ารักแท้มีจริง  ฮงกิพูดอย่างเอาใจ

         ไม่แน่นะครับคุณย่าคนสวยอาจจะเป็นคนดลใจหลานปู่ให้กับเพื่อนก็ได้

         ฮงกิแกล้งพูดแก้ตัวให้กับตัวเองและแกล้งเบี่บงเบนไปเรื่องอื่น

         หันไปชี้มองที่รูปภาพวาดที่อยู่ข้างกำแพงภาพใหญ่เป็นรูปทิวทัศน์ต้นเมเปิ้ลสีส้ม...ลำธาร...ดอกไม้หลากสี..และผู้หญิงผมยาวนั่งอยู่บนขอนไม้......

         ภาพนี้สวยมากเลย.....เป็นจิตรกรชื่อดังคนไหนวาดเหรอครับคุณปู่  ฮงกิพูดเพื่อเกใจเจ้าของบ้าน

        ชเวจงบินยิ้มอย่างถูกใจ....ตั้งแต่พบเด็กคนนี้ก็ทำให้เค้าแอบยิ้มได้ตลอด....ยิ่งพอพูดยิ่งคุยยิ่งนึกเอ็นดูเด็กหน้าหวานมากขึ้นไปอีก

          ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก....ชั้นเองแหละ....ไงชอบศิลปะด้วยเหมือนกันเหรอ  ชายชรายิ้มอย่างมีความสุข....

         นานหลายปีแล้วที่เค้าไม่ได้ยิ้มแย้มอย่างงี้อาจเป็นเพราะไอ้เด็กหน้าเป็นนี่ก็ได้...มันไม่ยักกลัวเค้าอย่างที่คนอื่น ๆ กลัว  ยิ่งทำให้ถูกใจฮงกิมากขึ้น

        ทั้งสองพูดคุยกันเป็นเวลานานอย่างมีความสุข....ฮงกิ

    ปู่นี่จริง ๆ แล้วเป็นคนขี้เหงามากคนหนึ่ง....ชอบปั้นหน้าดุดันทั้ง ที่ จริง แล้วใจดี ชอบพูดในสิ่งที่ไม่ได้คิดทำท่างบึงตึงขึงขังตลอดเวลา...ทำไมนะ

        ผิดกับเราที่ชอบยิ้มแย้มตลอดพูดคุยหยอกล้อเหมือนมีความสุขตลอดเวลาแต่กับหาความจริงใจไม่ได้ คนเรานี่ดูจากภายนอกไม่ได้เลยนะ

       ฮงกิเล่าเรื่องวีรกรรมต่าง ๆ ในสมัยเด็กให้ชายแก่ได้ฟังจนชายชราหัวเราะเสียงแข็งในความแก่นเซี้ยวที่ตรงข้ามกับหลานในบ้านทั้งสองคนพูดคุยกันจนดึก....

        ปู่ผมว่านะครับปู่ยิ้มมั่งก็ได้นะ....เก๊กมาก ๆ ไม่เมื่อยเหรอ  ผมว่าถ้าปู่ไม่ทำตาขวาง ๆนะ ปู่จะหล่อขึ้นอีกจมเลย

       มากไปแล้วไอ้เจ้าฮงกินี่...ชั้นไม่ได้เก๊กนะเนี่ยเค้าเรียกว่าหล่อเข้มแต่กำเนิด...ชายชราแกล้งพูดแหย่

      เจ้าไม่อยากเป็นลูกศิษย์จิตรกรจน ๆ อย่างปู่บ้างเหรอ...

        ถ้าปู่จนแล้วคนทั่วไปหล่ะ...เรียกพวกเค้าว่าอะไร...ง่ะ  ฮะ ฮ่ะ

        แล้วเราไม่สนใจจริง ๆ เหรอ  ชเวจงบินถามน้อยครั้งที่เค้าจะสนใจตอแยกลับใครแต่เพราะถูกใจเจ้าเด็กแสบนี่จึงอยากที่จะหาเรื่องคุยกับฮงกิ

       ได้เลยครับอาจารย์ใหญ่...แต่อาจารย์ต้องสอนผมจนหมดแมกซ์นะ

       วันนี้ก็ดึกแล้วเราค้างมันซะที่นี่เลยเดี๋ยวชั้นโทรขออีซงชุกให้

     ว่าแล้วก็จัดการกดเบอร์โทรศัพท์ไม่ให้ฮงกิมีโอกาสปฏิเสธ..

         ซงชุก...หลานคนโปรดนายที่เคยเล่าให้ชั้นฟังที่ชื่อฮงกิน่ะตอนนี้มันอยู่ที่นี่นะ...เออใช่..ไอ้คนหน้าหวาน ๆ นี่แหละ...ให้มันค้างที่นี่วันนึง...ตกลง...ไว้ว่าง ๆ ชั้นจะแวะไปหาไม่ต้องเกรงใจเราเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกันอยู่แล้ว...ตกลง..ฮงกิ...ตาแกจะคุยด้วย

      ครับผมขอโทษ...ผมตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมคุณตาคุณยายจริง ๆ ไม่ได้โม้...เนี่ยผมคิดถึงคุณตามากเลย...ใจแทบขาดจนทนไม่ไหวต้องถ่อมาไกลถึงนี่....แถมขับรถมาจากดซลตั้งไกล....พรุ่งนี้เจอกัน....ครับ

         ฮงกิวางสายลง
      พลันคิดว่าเป็นเพราะอยากรู้เรื่องสร้อยดูสิต้องอยู่นานขนาดนี้แถมยังต้องมาเรียนวาดรูปด้วยแต่ก็เอาเหอะยังไงก็ดีกว่าไปมหาลัยตั้งเยอะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×