คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : อีกครั้ง...ของการพบกัน....ของ
บทที่ 1 อีกครั้งของการพบกัน....
สนามบินอินซอน.........ชายหนุ่มผิวเข้ม....ขัดกับใบหน้าที่สวยแลดูอ่อนหวาน...ของเค้าอย่างมาก.......ผมสีดำขรับ....ใบหน้าเรียวเล็กกว่าคนปกติ.....ที่จะเรียกว่าผู้ชาย...จัดได้ว่าเป็นหนุ่มหน้าสวยมากที่เดียว......
เค้าเข็นสัมภาระพร้อมสอดส่ายสายตา....มองหาใครบางคน....ซึ่งเค้าคิดถึง.....คิดถึงมานาน..แสน..นาน....
."พี่ฮงกิ.....พี่อยู่ไหนเนี่ยอย่าบอกว่าไม่มารับชั้นนะ....พี่ลืมน้องชายคนนี้....ของที่ชื่อ...อี..แจจิน...ของพี่...รึไง....ไอ้พี่บ้า....."
คน ๆ ผิวขาวจัดสีชมพูระเรื่อ....ริมฝีปากเล็กเรียวบางเฉียบรูปกระจับสีเชอร์รี่......รูปร่างสูงโปร่ง..ผอมบาง...ใบหน้าสวยงดงามได้รูปปานสลักไว้ด้วยฝีมือจิตรกรเอกก็ไม่ปาน....ผมสีคาราเมล..อ่อน ๆ ดูช่างอ่อนนุ่มน่าสัมผัส...ผมปลิวพริ้วไสวสะบัดไปตามแรงลม..มือข้างหนึ่งลูบเหน็มผมไปทัดใบหู...เผยให้เห็นใบหน้าสวยอย่างเด่นชัด......เป็นใบหน้าที่สวยอย่างกับประติมากรรมชั้นเลิศ.... ทุกอย่างบนใบหน้ามันช่างลงตัวไปทุกสัดส่วน...เหมือนสวรรค์บรรจงสร้างมา......ผมค่อนข้างยาวประบ่าเลยต้นคอ...ลมพัดแรงจนในที่สุดเจ้าตัวทนไม่ไหวต้องรวบผมผูกเป็นหางม้า...ติดกิ๊บด้านหลังเป็นรูปแว่น..ดวงตาคู่สวยซึ้ง..จับจ้องมองที่นาฬิกาข้อมือของเค้า....สีหน้าแสดงความหวั่นวิตก..แสดงความหงุดหงิด
ตายแน่.....สายป่านนี้แล้ว....จะไปอินซอนทันได้ไง..แต่ช่างมันเถอะยังไงมันก็ต้องเราอยู่แล้ว.....แจจิน...ตอนนี้นายกำลังด่าชั้นแน่เลย...ถ้าชั้นรู้ว่าจริงหล่ะก็...นาย...ตาย..แน่.....แจจิน
เค้าไม่รู้เลยว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องมองเค้าจนตาค้างอยู่ภายในร้านกาแฟที่ที่เค้าผ่านมา.......ขณะที่เค้าจดจ่อโบกมือเรียก..รถแท็กซี่......ฮงกิรีบขึ้นรถโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้......."พี่ไปสนามบินอินซอน...อย่างเหาะเลยนะ"
วู้.....ไปซะแระ...คนสวยของชั้น.....เธอเป็นใครนะ.....เรานาจะลุกไปขอเบอร์ซะหน่อย....ว้าเสียดายจัง....วอนบินแอบคิดในใจ
ไม่สิ.....ตั้งแต่เกิดมาช้านยังไม่เคย..เข้าหาใครก่อนเลย....นี่เราคิดถึงขั้น....จะขอเบอร์เลยเหรอ...
เป็นไปไม่ได้วอนบิน...นี่ไม่ใช่นิสัยนายลืมมันซะ...วอนบินพยายามลืมภาพสาวสวยที่เพิ่งจากไป.....โอ๊ย....ลืมยากจัง...ให้ตายเหอะเกิดมา....เพิ่งเคยเจอ...คนที่ทำให้หัวใจกระตุกสั่นเป็นเจ้าเข้า....ขนาดนี้เธอเป็นใครกัน......ถ้าเธอเป็นหนึ่งในแฟนคลับของพวกชั้นหล่ะก้อ....รักตายเลย.......เค้าลืมความเซ็งก่อนหน้านี้ไปจนหมด.....เพราะ....คนเพียง.....คนเดียว
ท่ามกลางสนามบิน...อินซอน...
..แจจินลากกระเป๋าเข็น....ไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง.....แจจินสบถบ่นกระปอดประแปด...พร้อมครุ่นคิด...ชั้นกลับบ้านเองก็ได้....ในเมื่อพี่....ไม่มา...เฮ้อ...อย่าน้อยใจแจจิน...พี่ฮงกิอาจมีธุระสำคัญมากก้อได้......สำคัญขนาดนั้นเลยเหรือ.....สำคัญกว่าน้องคนนี้ของพี่อีกเหรอ. 3...ปีแล้วนะที่ไม่เจอกันไอ้พี่ฮงกิบ้าพี่จะได้รู้ว่าแจจินคนนี้เปลี่ยนไปแล้วโว้ย..ผ่านฝึกหนักมาพอสมควรแหละ....สามารถด่าคนได้ร้อยแปดแล้วโว้ย...พูดวะ...พูดโว้ยโดยติดขัดแล้วมาเลยคราวนี้พ่อ...จะด่าให้อ้าปากเถียงไม่ทัน...ไอ้เจ้าหมูฉงน......ฮ่า..เราเจ๋งขึ้นว่ะ....นายแน่มากแจจินความพยายามไม่สูญเปล่าแล้วนาย.....ไอ้ปีศาจหน้าหมู....ไอ้สิงห์ปัญญาอ่อน...วู้..วู้ใช้ได้..
ขณะที่แจจินกำลังคิดเรื่องปัญญาอ่อนและเตรียมสรรหาคำด่าพี่ชายตัวแสบ.อยู่...พลันได้ยินทำให้หลุดจากความคิด.
รับอะไรดีคะ.....พนักงานเสริฟ์หญิงถาม..สายตาก็จับจ้องมองชายหนุ่มหน้าหวานที่ถือเมนุดูอยู่ไม่วางตา...ผู้ชายคนนี้หน้าตาสวยจังแต่เมื่อกี้ทำไมเค้ายิ้มแปลก ๆ ชอบกล...อยู่คนเดียว....
.เอา...แฮมเบอร์เกอร์ กับ กาแฟ ล็อตเต้ ครับ.... ชายหนุ่มยิ้มให้...พลางเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์...แต่ว่าเสียงโทรศัพท์กับดังขึ้นก่อน...แจจินกดรับเตรียมคำพูด......และเสียงดังตามสายก็กรอกเข้าหูมา
แกอยู่ไหน.......รอหน่อยไม่ได้รึไงวะไอ้หัวไร้รอยหยัก...ไอ้งูไม่มีพิษ.....ไอ้คนคร่ำครึ..ไอ้อัฉริยะปัญญานิ่ม.....คนไม่สำนึกบุญคุณพี่น้อง ไอ้!$@&!%^@$!~$@!#%!!! บลา บลา...บลา....ฟังอยู่รึเปล่าวะยังไม่ตอบอีกอยากหูหนวกรึไง..อยู่ไหนวะ...
แจจินถอนหายใจกับความปัญญาอ่อนของพี่ชาย......เค้าได้ฝึกภาษาบลา บลา มาอย่างดีแล้วแต่กับใช้ไม่ได้ผลกับพี่ชายของเค้าที่ อัพเลเวลขึ้น.....ชักปลงตกกับชีวิตไอ้การพูดคำด่าคำเน่ยไม่มีฉนัดเสียจริง...ไม่ใช่ตัวเค้าเลยใแต่พรสวรรค์อย่างงี้เป็นของติดตัวมาตั้งแต่เกิด.....เกิดมาก็ร้อง...ชาดง่าว..ชาดง่าว...แทนคำว่า.....อุแว้....อุแว้.....แล้วแบบนี้เค้าซึ่งเป็นคนปกติจะเอาอะไรที่ไหนไปสู้...กับอัจฉริยะ...แถมยังไปฝากตัวเป็นศิษย์คิมฮีซอลจนก่อตั้งเป็นแกงค์ Chocoball ขึ้นมาเลยที่เดียวพูดถึงแกงค์ใคร ๆ ต่าง ก็ขยาด...ทั้ง ปากมา...กวนตีน...แสบ..ซ่าส์ เหลือที่จะทน...สมาชิกในนี้ต่างเป็นที่นิยมของแต่ละมหาลัยทั่วกรุงโซลเลย...เห็นพี่ฮงกิบอกว่า..ในนี้มีคนหนึ่งที่พี่ยอมรับ...ในความปากเสีย..เรื่องมาก..ปากจัด..ต้องจนหมาร้องไห้มาแล้วยกนิ้วให้เป็นปรมาจารย์ด้านศิลปะการด่าเลยที่เดียว...นี่เองเป็นเหตุให้พี่ซึ่งไม่ค่อยจะยอมเรียกใครว่าพี่ซะเท่าไหร่..และตัดสินใจยอมเข้าไปในกลุ่มนี้และกลายมาเป็นน้องเล็กสุดแสบของแกงค์นี้ ถึงแจจินจะรู้จักสมาชิกในแกงค์นี้เป็นอย่างดีแต่ไม่ได้รับการยอมรับให้เข้าก่อนเหตุแกงค์นี้ต้องร้าย ต้องแสบตัวจริงเท่านั้น
แจจิน...เพ่งมองดูที่นาฬิกาข้อมือพลางคิด..เฮ้อนี่ก็นานมาแล้วนะไอ้พี่บ้าจะชั่วโมงครึ่งอยู่แล้วไหนบอกว่ามาถึงแล้วไง....ลองโทรถามดีกกว่า...พลางเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือถูกที่กองที่อยู่บนโต๊ะแต่ยังไม่ทันกดเบอร์โทรเลยพลันสายเข้าเสียก่อน....เหลือบสายตามองดูที่หน้าจอพลางส่ายหน้านิด ๆ คิดถึงปีศาจ ๆ ก็โทรมา..
เฮ้ แจจินนายอยู่ไหนเนี่ยชั้นมาถึงแล้วนะ....เออ...ๆ ประตูทางออกที่ 6...ร้านกาแฟ...Bitter..love..โอเค..แป๊บนะชั้นกำลังเดินไป..
ผ่านไปประมาณ 5 นาทีแจจินก็เหลือบสายตาไปเห็นบุคคลที่เค้าเฝ้ารอมาประมาณชั่วโมงกว่าแล้ว...อดตกใจกับการแต่งตัวที่มากมายของพี่ชายตัวเองไม่ได้...ท่ามกลางฝูงชนที่มากมายฮงกิเดินเด่นหรา...เสียจน..แจจินแทบทนไม่ไหว....เพียงแค่คิดว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าตัวเองต้องไปเดินเคียงคู่กับ...ฮงกิ...คิดแล้วก็ถอนหายใจยาวๆ...
...ไม่ต้องเวอร์มากอะไรมากก็เด่นจะตายอยู่แล้วนี่ผ่าใส่เสื้อฮู๊ดคุมหัวลายเสือดาว..ใส่แว่นคำ...กางเกงสี่ม่วงเข้ม...รองเท้าสีขเขียวอ่อนสะท้อนแสงแสบตานั่นอีก..ยังไม่พอเสื้อด้านในเป็นเสื้อยืดสีดำลายกะโหลก...นี่มันอะไรกันพี่...ให้ตายเหอะมันไปดูที่แมกกาซีนไหนวะเนี่ยชั้นจะไปเผามันให้หมดเลย...โอ๊ะจะบ้าตายอย่างกับหลุดมาจากสวนสัตว์ก็ไม่ปาน...แจจินคิดในที่สุดก็เรียกพนักงานเสริฟ์หญิงคิดเงินค่าอาหาร..ตั้งท่าจะเตรียมแอบหนีไปอีกทางหนึ่งหวังให้พ้นจากสายตาฮงกิ
เจอกันที่บ้าน...พี่...โอ๊ะแบบนี้..ไม่ไหวผมขอบาย...แจจินลอบคิดแอบย่องเดินลากกระเป๋าไปอีกทาง...พลางได้ยินเสียงตะโกนเรียกมาแต่ไกล
“ เฮ้ย แจจินนั่นแกจะไปไหนวะ...เฮ้ยหยุด....” ว่าแล้วเจ้าของเสียงก็วิ่งฝ่าฝูงชนเข้าหาน้องชายสุดรัก..
“ เฮ้พี่นี่มันสนามบินนะพี่ตะโกนเสียดังลั่นเชียวอายเค้าบ้างมั้ย”....แจจินอดแขวะพี่ชายไม่ได้...และไม่ต้องคิดมากแค่มองสายตาของฮงกิก็รู้ว่าไม่..อะ..อาย..เอย..อะไรกันเค้าสะกดไม่เป็นหรอก
ชั้นไม่หน้าถามพี่ฮงกิเลยอ่ะพี่สะกดไม่เป็นไอ้ความอายอะ...
ฮงกิไม่ได้สินใจที่น้องพูดเลยสักนิด..พลางเอื้อมมือไปกอดคอแจจินและพูดว่า
“ไม่เจอกันนานตั้ง 3 เน๊อะ แจจินนายหล่อขึ้นมากเลยนะแถมยังน่ารักกว่าผู้หญิงบางคนแถวนี้เลยนะเนี่ย...เชื้อบ้านเรามันแรงว่ะ....เป็นไงตอนอยู่ที่อเมริกาเป็นไงบ้าง...เหงาป่ะ...คิดถึงพี่ชายคิดนี้อ่ะเด่” ฮงกิถามน้องชายพลางส่งยิ้ม
ไม่อ่ะคิดถึงให้โง่ทำไม...ยังมีหน้ามาถามอีก..ไม่ใช่เพราะพี่เหรอไงผมถึงต้องถ่อไปไกลถึงอเมริกาน่ะห๊ะ?แจจินย้อน
“ นายต้องไปว่าคุณพ่อเซ่เกี่ยวอะไรกับชั้น....นายดูจงฮยอนพี่ชายสุดเลิฟของนาย...มันไม่คิดจะมารับนายแม้แต่จะถามถึงมันยังไม่สนใจเลย...ก็มีแต่ชั้นนี่แหละพี่ชายที่แสนดีคนนี้...จำไว้สำนึก..เอาไว้..เด็กโง่” ฮงกิพูดไม่พูดเปล่าพลางเอานิ้วชี้กดไปที่หน้าผากแจจินอย่างแรง...จนแจจินหน้าแหย...
. “ก็เพราะพี่นั่นแหละชอบก่อเรื่อง…พ่อกับแม่เค้าต้องการให้ผมแยกกับพี่..นั่นแหละ..พ่อกับแม่ไม่ก็ไม่กล้าขัดพีก็ส่งผมไปอเมริกาแทน...ทั้งที่จริง ๆ เนี่ยตัวปัญหาก็คือพี่...ถึงผมจะไม่อยู่ยังไงพี่ก็มีเรื่องอยู่ดี...คราวโดนไล่จากมหาลัยอีกล่ะสิ”แจจินแหน็บ
.”ช่างชั้นเหอะเออใช่เลยคราวนี้เราก็ย้ายเข้าไปพร้อมกันอีกดีกว่าแกกับชั้นและลูกสมุน” ฮงกิว่าส่งสีหน้าแสดงความพอใจ
“ยังจะเอาพวกมันไปอีกเหรออยากให้เป็นหมือนอดีตที่จงกวนทีนเหรอไง” แจจินแย้ง
“ไม่หรอกน่า....นายอย่ากลัวไปเลย...ชั้นผ่านการเรียนรู้มาแยะแระไม่ทำเรื่องไร้สาระอีกแล้ว...เชื่อเหอะ”
เออใช่รถพี่จอดไว้ไหนล่ะ แจจินถามขึ้น
“ชั้นนั่งแท็กซี่มามา.. ไม่ได้เอารถมา...ก็รถชั้นนี่ซิพี่ซอลยืมไปขับแข่งพังยับมาเลยทั้งคันตอนนี้มันอยู่ที่อู่ยังซ่อมไม่เสร็จเลย.”
อ๋อพี่คิมฮีซอลคนที่พี่ตั้งตัวขอเป็นลูกศิษย์น่ะเหรอ
เออใช่พี่ซอลนั่นแหละตัวดี...ฮงกิอดแสดงสีหน้าโกธรไม่ได้
“รถพังแล้ว...พี่ไม่เอาเรื่องเหรอ...จริงง่ะ แสดงว่าพี่เนี่ยเคารพพี่ซอลเป็นอาจารย์จริง ๆ” แจจินชักทึ่งหรือว่าพี่ชายเค้าได้เป็นไปแล้วจริง ๆ
ณ คฤหาสน์ ตระกูล อี
“กลับมาเองก็ได้นี่ปัญญาอ่อนต้องให้คนไปรับเลยหรอ..แค่ไปอเมริกาไม่ถึง 3 ปี เลยลืมทางกลับบ้านไปแล้วรึไง”
เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครที่ไหน...คือ..ชายหนุ่มที่มีใบหน้าที่จัดว่าสวยจัด...ผิวขาวเหมือนไข่ปอก...ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายแววดื้อรั้นเจ้าอารมณ์...แต่มันช่างเข้ากันกับผมสีชาของเจ้าตัวอย่างมาก...ร่างสูงโปร่ง..แต่ไม่ดูบอบบาง....เค้าก็คือ ...อี จงฮยอน ลูกชายตระกูลอี...ไม้เบื่อไม้เมากับ..ฮงกินั่นเอง จงอยอนพูดกับแจจินพลางส่งสายตาเหลือบไปมองฮงกิน้องชายตัวแสบที่นั่งอยู่ด้านข้างแจจิน
“นี่กลับมาเข้าคู่กันอีกแระ...นี่ถ้าแจจินไม่กลับมานายจะไม่กลับเข้าบ้านบ้างเลยรึไง...สร้างแต่ปัญหาขนาดมหาลัยฮันยางที่เป็นของเพื่อนสนิทพ่อก็ยังไม่รับเข้า...แล้วนายจะไปเข้าที่ไหนได้อีกหะ..ฮงกิ” จงฮยอนตวาดเสียงดังใส่น้องชายที่เค้าไม่ได้เจอหน้ามาหลายวัน
เรื่องของชั้นน่า..ไม่เกี่ยวกับคนจิตตกอย่างพี่ซะหน่อย...ว่าแล้วก็แลบลิ้นใส่จงฮยอน...อย่างไม่เกรงกลัว
จงฮยอนหยิบหมอนที่โต๊ะนั่งเล่นใกล้มือเขวี้ยงใส่ฮงกิพลางวิ่งเข้าหาฮงกิอย่างเร็ว...
ฮงกิกระโดดหลบด้วยความเร็วสูงวิ่งหนีขึ้นบันไดเพื่อหนีไปห้องพร้อมทั้งเสียงหัวเราะใส ๆ ที่ได้แกล้งพี่ชายหน้าสวยแต่ตอนนี้มีใบหน้าบูดบึ้งเสียแล้ว
เหตุการณ์ในบ้านตระกูลอีเป็นอย่างนี้มานานแล้ว..คือเด็กสามคนที่ใช้ชีวิตในบ้านนี้เป็นส่วนใหญ่อยู่ด้วยกันทะเลาะช่วยเหลือกัน..หากแต่สิ่งทีไม่ค่อยจะเห็นก็คือเจ้าของบ้าน...ซึ่งก็คือพ่อแม่ของ เด็กหนุ่มสามคนนั่นเอง......ผู้เป็นพ่อเป็นถึงเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่...และตอนนี้ผันตัวมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ส่วนผู้เป็นแม่เป็นถึงเลขาธิการกระทรวงการคลัง....เพราะธุรกิจและงานที่มากมายจึงทำให้ทั้งสองไม่ค่อยได้มีเวลาให้ให้บุตรของตัวเองมากหนักจึงมักใช้เงินทุ่มให้กับลูก ๆ มากกว่า
“ฮัลโหล ครับบ้านตระกูลอี ...จงฮยอนพูดครับ….อะ...พ่อเหรอมีอะไรรึเปล่าครับเนี่ย...โทรเข้าบ้านได้...ฮื่อ..แจจินอยู่นี่เพิ่งกลับมาผมไม่ได้ไปรับ.......เจ้าฮงกิมันไปรับอ่ะครับ......จะคุยกับแจจิน....มั้ยครับคุณพ่อ” จงฮยอนถามพลางตั้งถ้าจะยื่นโทรศัพท์ให้แจจิน... แต่กลับได้ยินเสียงจากปลายสายว่า
“ไม่...พ่อขอคุยกับฮงกิหน่อย..ไปเรียกฮงกิมารับสายซิ”…ต้นเสียงพูดตัดบท
สองพี่น้องทั้งจงฮยอนกับแจจินมองหน้ากัน....มันเป็นอย่างนี้มาตลอดเวลาพ่อมักให้ความสนใจแค่ฮงกิเพียงคนเดียว...ไม่ว่าฮงกิจะทำความผิดซักแค่ไหนก็ไม่ค่อยจะปริปากบ่น...มันจะเอ็นดูแต่ฮงกิเสมอ...ซึ่งพวกเค้าก็รู้ว่าฮงกินั้นน่ารักเอาใจเก่ง...แต่นี่มักออกจะมากเกิน..ซึ่งก็ต่างกับผู้เป็นแม่...ที่มักจะเย็นชาใส่ฮงกิเสมอไม่เคยสนใจในตัวฮงกิเลยชอบทำเหมือนฮงกิไม่มีตัวตนตลอดเวลา....แต่ฮงกิมักจะเรียกหาแต่ผู้เป็นแม่เสมอ
แจจินไปตามฮงมารับโทรศัพท์หน่อยเร็ว....จงฮยอนพูดทั้ง ๆ ที่จิตใจกระอักกระอ่วนอยู่ตอนนี้ด้วยอารมณ์น้อยใจให้บิดา
ฮงกิพูดฮะพ่อมีอะไรรึเปล่าครับเนี่ย...เออใช่ผมว่าเรามาจัดปาร์ตี้เลี้ยงต้อนรับแจจินดีมั้ยคุณพ่อต้องมาให้ได้นะครับ...เนี่ยผมมีเรื่องกลุ้มใจมากเลยง่ะ
"ได้ ได้ พ่อจะหาเวลาว่างไป...กลุ้มใจเรื่องอะไรกันลูกพ่อ.."
.”เอาไว้ค่อยคุยกันตอนงานเลี้ยงก็ได้พ่อมีอะไรเหรอครับ “ ฮงกิถาม
.”ใช่พ่อจะโทรมาบอกว่าหามหาลัยให้เราเข้าเรียนได้แล้วนะ...พรุ่งนี้เค้าให้ไปกรอกประวัติลูกกับเพื่อนอีกสองคนที่ว่า....เนี่ยเป็นมหาลัยของคุณโอเพื่อนพ่อลูกอย่างสร้างปัญหาโดยเด็ดขาดนะ”อีซอยัง กำชับกับลูกชายคนโปรด
“เดี๋ยวพ่อเพิ่มแจจินอีกคนได้รึเปล่า...ผมอยากให้น้องเรียนที่เดียวกัน”ฮงกิพยายามส่งเสียงอ้อน..ผู้เป็นพ่อ
“เดี๋ยวพ่อโทรไปถามคุณโออีกทีแต่ยังไงพรุ่งนี้เราต้องไปมอบตัวที่โรงเรียน ตกลงนะ”
.” ไม่ตกลง...พ่อจัดการให้เลยได้ป่ะพอดีพรุ่งนี้ผมมีธุระ...อย่าลืมนะถ้าไม่มีแจจินเรียนด้วยล่ะก็ผมไม่ลงไม่เรียนจริง ๆ แน่”
ฮงกิเริ่มเสียงแข็ง
ทั้งจงฮยอนกับแจจินต่างมองหน้าฮงกิพลางคิดว่า...นี่ขนาดหาโรงเรียนให้มันนะมันยังไม่สนใจที่จะเข้าไปกรอกใบสมัครเลยนี่ถ้าคนที่พูดเป็นพวกเค้าอีซอยังผู้เป็นพ่อจะยังพูดดีด้วยอีกมั้ยแสดงให้เห็นเลยว่าพ่อลำเอียง
ฮื่อ..เอางั้นก็ได้แต่ยังไงห้ามสร้างปัญหาเหมือนตอนเรียนที่พูชานล่ะ...พ่อไม่ยอมแน่
" ครับ ๆ รับทราบผมปรับปรุงตัวทุกวันไม่เชื่อพ่อมาเช็คได้เลย" ฮงกิเอ่ยขึ้น
จงฮยอนแสยะยิ้มพลางคิด “เช็คได้เลย...หนอยมันกลับบ้านอาทิตย์ละแค่สองวันยังมีหน้ามาบอกเช็คได้เลย....อยากให้คุณพ่อเช็คมันจริง ๆ จะได้หูตาสว่างซะที”
.”ฮะ...ฮะ..รักษาตัวด้วยนะฮะ...แล้วเจอกัน บาย “ ฮงกิวางสายโทรศัพท์พร้อมทั้งสังเกตมองหน้าพี่ชายกับน้องชายตัวเอง
‘ไร..อ่ะ...จ้องอยู่ได้..โรคจิตเหรอะ....นั่น...ยังทำตาอำมหิตอีกเหมือนหมาก่อนออกสนามรบเลย...ฮะ..ฮะ..ฮ่า..”
ดูมันทำกี่ปี...กี่ปี่ก็ไม่เปลี่ยน...กวนตีนเหมือนเดิม จงฮยอนพูดไม่พูดเอื้อมมือไปหยิกแก้มใสเนียนตรงหน้า...
.” โอ๊ย....เจ็บนะถึงเป็นพี่ก็เหอะ...ถ้าหน้าหล่อของชั้นเป็นรอยนะ...พ่อจะต่อยให้กรามค้างเลย “ ฮงกิตะหวาดจงฮยอนเสียงดัง
กริ๊ง..”.เก็บปากไว้แดกตีนกูเหอะ..” เสียงร้องเพลงรอสายของใครบางคนดังขึ้น....”.กริ้ง เก็บปากไว้กินหญ้าหน้าบ้านมึงเถอะ.”
.”เฮ้ย..แกจะรับโทรศัพท์ของแกเสียที่ไม่ได้เหรอ...จะปล่อยให้มันดังอีกนานมั้ย “ จงฮยอนสุดทน
เพลงอะไรง่ะ...เดี๋ยวนี้เค้าฮิตกันแบบนี้เหรอ พี่ฮงกิ
เนี่ยเพลงโปรดของชั้นเลยนะ..ที่.chocoball เราร้องกันเป็นเพลงประจำแกงค์กันเลยทีเดียว...ไงเพราะป่ะ..เอามั้ยชั้นจะโหลดให้ ฮงกิถามพลางกดรับโทรศัพท์
ไม่อ่ะ...พี่เก็บไว้เหอะ...มันเหมาะกับพี่
“ พี่ไซม่อน....มีไรว่ามา...ฮะ...อ้อตอนนี้ผมอยู่บ้าน...”
“นายจะมาประชุมกับแกงค์มั้ย....ตอนนี้เราอยู่ที่รังลับของพวกเราอ่ะ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย...ไอ้พวกแกงค์บ้านนอกจากพูชานที่ชื่อ แกงค์ pink lady มันมาหาเรื่องในถิ่นตรงเขตสาขาบูดงอ่ะ..หัวโจกมันชื่อท็อปอะไรนี่แหละ....ไอ้ซ็อกกับไอ้ซอลก็ไม่อยู่....อยู่แค่ชั้นกับจองโม่....เนี่ยชั้นจะไปลุยกับมันแต่ก็ดันติดเดทกับเจนเค้าเลยว่าจะวานแก..ไปลุยให้หน่อย......ได้ป่ะไอ้เด็กผี..“ ไซม่อนพูดแถมท้ายด้วยเสียงหัวเราะ “
.” จะใช้งานก็พูดให้มันดี ๆ หน่อย...น้องเล็กอะไรแบบนี้พูดไม่เป็นหรอ...ไอ้คนติดเมีย...พูดมากความเดี๋ยวพ่อไล่ออกจากแกงค์ซะเลย” ฮงกิแขวะ
“ เออนี่ได้ข่าวว่าแจจินกลับมาแล้วเหรอขอคุยด้วยหน่อยเด้” แซมดีแกล้งเปลี่ยนเรื่อง
"ว่าไงครับพี่ไซม่อน ไม่เจอกันนานนะครับ"
ใช่...นายสบายดีใช่มั้ย เออนี่...ซื้อน้ำหอมชาแนลหรืออะไรพวกของฝากอะไรแบบนี้ซื้อมาบ้างรึเปล่า พอดีเจนเค้าชอบาแนล นัมเบอร์ 5 อ่ะ ตรู๊ด...ตรู๊ด..
แจจินกดตัดสายในทันดลพร้อมส่งโทรศัพท์ให้พี่ชาย...ฮงกิยิ้มหัวเราะร่าขำไซม่อน
ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งเป็นไซม่อนคนเดิม...โทรมาอีก
ฮงกิมองโทรศัพท์อย่างเซ็ง พลางคิด...ถ้าเป็นสาว ๆ ยังพอไหวนี่มันคิงคองโทรหาอยู่นั่นแหละชักอารมณ์เสีย
“ว่าไง...ก็บอกว่ารับปากแล้วไงจะไปให้...ยังจะเซ้าซี้อยู่ได้อยากอายุสั้นเหรือพี่ชาย...เดี๋ยวสุดหล่อจัดให้...ยังไม่วางอีก..วางเลยนะถ้าโทรมาอีกละก็เจอดีแน่อยากให้ยัยเจนอยู่อย่างไม่สงบสุขรึเปล่าหล่ะ” ฮงกิส่งเสียงกวนคนตามสาย
“ โอเค...ชั้นวางแล้ว...นายเอาแจจินทิ้งไว้ที่รังลับก่อนก็ได้....ให้จองโมมันดูแลก็อย่างที่รู้ไอ้จองโมมันไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากกีตาร์ไม่งั้นชั้นไม่วานแกหรอกจริง ๆ
“ นี่พี่จะไปลุยกับท็อปอีกแล้วเหรอ...พี่ไซม่อนเค้าไม่รู้มั้งว่าพี่กับไอ้ท็อปเป็นศัตรูร่วมโลกกันมานานแล้วไม่งั้นเค้าไม่วานพี่หรอก…......ก็ไม่ใช่เพราะท็อปเหรอไงผมต้องถูกส่งตัวไปที่อื่นอ่ะ...อย่าไปเลยนะ” แจจินแย้งแต่เค้าก็รู้ว่ายังไงก็ตามเค้าไม่สามารถห้ามพี่ชายคนนี้ได้เลย
ฮงกิกดโทรศัพท์หาดงเฮ
"รวบรวมคนตามหาไอ้ท็อป pink lady ถ้ารู้ว่ามันอยู่ไหนให้โทรมาบอกชั้นด่วน...พร้อมแสยะยิ้ม....พลางคิด...ถึงเวลาแก้แค้นที่อื่นมีไม่มาคนอุตสาหไม่เอาเรื่อง...ยังจะตามมาแหย่หนวดเสือคงเห็นเสือเป็นแมวล่ะซิ...ดีต้องสั่งสอนมันซะบ้าง."
ร้านสนุกเกอร์ Biber
ท็อปชายหนุ่มผิวเข้ม...ใบหน้าคมสัน...ดวงตาดุดันหางตาเชิดชี้ขึ้น...สายตาแฝงไปด้วยอารมณ์เศร้านิด ๆ ...เป็นคนที่ให้ความรู้สึกของผู้นำ....มีเสน่ห์ร้าย ๆ ที่รอยยิ้มกวน ๆ ของเค้านั่นเอง
ท็อปกับเพื่อนประมาณ 10 คนรวมหัวกันวางแผนจะเล่นงานแก็งค์ Chocoball เพราะเห็นเป็นโอกาสดีที่ จางกึนซอก..และคิมฮีซอล สองตัวแสบไม่อยู่
ลูกคนเราน้อยกว่ามันต้องเล่นงานมันตอนมันไม่รู้...ยังไงซะก็ถิ่นมัน เสียงลูกน้องคนสนิทของท็อปพูดขึ้น
.”ยังไงซะมันก็สู้ลูกพี่ใหญ่ท็อปไม่ได้หรอก”
“พี่ท็อปเจ๋งที่สุดเลย...พวกเราเล่นมันก่อนดีกว่ามีแค่ไอ้อืดอาดจองโมกับไอ้คิงคองไซม่อนแค่นั้นเอง
“ พี่ได้ข่าวไอ้แซมดีมันจะส่งน้องเล็กของมันที่ชื่อว่าฮงกิอะไรเนี่ยมาเล่นงานพวกเราง่ะ..มันจะดูถูกกันเกินไปแล้วพี่...พี่สั่งมาคำเดียวพวกเราพร้อมลุยเลยพี่...ไม่เอามันไว้แน่”
“ อะไรนะ...ชื่อฮงกิเหรอ....ถ้างั้นคนแค่นี้ไม่พอ....ต้องหาโอกาสหน้า” ท็อปพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะยือก
“ มันเป็นใครอ่ะพี่...ทำไม” เสียงลูกน้องในแก็งค์โวยวาย
“ ก็ไม่ทำไมหรอก...แค่คนที่ทำให้ไอ้บอมขาเป๋...ไงล่ะ...กูจะไม่ให้มันได้สงบสุขมันต้องได้รับโทษที่สาสมเราต้องเตรียมตัวกันมากว่านี้ไอ้นี่ลูกน้องในแก็งค์ Devils Run ของมันแกจำพวกมันไม่ได้เหรอที่พูซานเมื่อ 2 – 3 ปีก่อน น่ะ …ไม่ต้องห่วง..ชั้นต้องเล่นงานมันให้ยับ...โลกนี้มันนี่ช่างกลมจริง ๆ ไม่คิดว่าคนอย่างมันจะเข้าแก็งค์คนอื่นได้....ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว..ทั้ง ไอ้ซอก...ทั้ง ไอ้ฮง. ไปพวกเรากลับไปวางแผนใหม่”
ไซม่อนกดรับโทรศัพท์สายเข้าจางลูกน้อง
.” ห๊ะ...พวกมันหนีกลับไปที่พูซานแล้วแระ...เออแจ้งข่าวให้ฮงกิด้วย..เออ.ๆ..แค่นี้นะ” กดปิดโทรศัพท์พลางคิดถึงหน้าน้องเล็กของกลุ่มนายเป็นใครกันแน่...ทำไมแค่ได้ยินชื่อนายไอ้ท็อปอะไรนั่นถึงกับขวัญหนีดีฝ่อขนาดนี้..สงสัยตั้งเจ้าซอลเอาเจ้าหน้าหวานนี่เข้าแก็งค์...แก็งค์เราก็เป็นที่โจษจัน...ไม่มีใครกล้าแหยมโดยเฉพาะเขตเมียงดง....ไอ้ท็อปน่ะเหรอใช่ไม่เคยกลัวมันหรอกเพียงแต่อยากรู้จักฝีมือเจ้าฮงกิมันซะหน่อย....ว้เสียดายจัง
ความคิดเห็น