ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tsukihime Kagetsu Tohya

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 คิริ

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 51


    เพียงเสียงทื่อๆ ดังเบาเท่านั้นชายคนหนึ่งก็ถูกหักคอด้านหน้า เป็นความตายอย่างช้าๆ และแสดเจ็บปวดยังมีเวลาอีกหลายวินาทีที่จะทรมานจากการถูกจู่โจมจุดตายจนกว่าจะสิ้นชีวิตไปชายคนนั้นไม่ได้เห็นแม้แต่รูปร่างของนักฆ่าเสียด้วยซ้ำสิ่งที่เขาคิดในอีกไม่กี่วินาที่ก่อนที่จะสิ้นใจ ก็คือการเตือนยามคนอื่นๆ ถึงภัยที่เข้ามาถึงแล้ว แต่ก็ช้าไปเสียงเดิมเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ชายอีกคนที่อยู่หางจากเขาเพียงแค่เอื้อมมือถึง ก็ตายตายในลักษณะเดียวกันทั้งหมดนั้นราวกับมันไม่ใช่คน ราวกับมันเป็นปีศาจที่เขาไม่รู้จักมันเป็นราวกับฝันร้าย

    แต่มันก็เป็นความจริง ในเวลาที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ม่านตาของเขาก็เบิกโพลง สายตาจับจ้องไปยังนักฆ่าก่อนที่มันจะหยุดทำงานไปชั่วนิรันดร เขาเห็นรอยยิ้มในความมืด และรูปร่างของมนุษย์กับกลิ่นกายของมนุษย์แท้ๆ ในมือเขาคู่นั้นถือแท่งเรียวสั้นรูปร่างคล้ายกับไม้ตีกลอง เขาแปลกใจว่าที่สิ่งนั้นหักคอเขาได้ และแปลกใจยิ่งกว่าที่มนุษย์ธรรมดาสามารถฆ่าเขาได้อย่างงายดาย

    นักฆ่าเดินผ่านเขาไปเงียบๆ เสียงดังทื่อๆ เกิดขึ้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยามคนอื่นก็ตายเช่นเดียวกับเขาที่กำลังจะตาย มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่มนุษย์ธรรมดาจะบุกทะลวงแนวป้องกันแนวหน้า ของเหล่า "เลือดผสม"ไปได้เพียงลำพัง แล้วชายคนนั้นรับรู้ได้ในโสตประสาทอันริบหรี่ว่าว่าผู้ที่สังหารเขาในพริบตา เป็นชายผู้เป็นที่หวาดกลัวของเลือดผสม หัวหน้าตระกูลนักฆ่า นานายะ ผู้ถูกขนานนามว่า "เทพอสูร" นานายะ คิริ เพียงแค่ครึ่งชั่วยามหลังจากลงมือ คิริก็สามารถสังหารยามทั้งหมดนอกคฤหาสน์ไปได้อย่างเงียบเชียบ เป้าหมายของเขาอยู่ข้างในนั้น จำนวนเลือดผสมที่เขาสังหารไปแล้วมีจำนวนประมาน 20 คน มากว่าที่เขาได้รับรายงานในตอนแรก

    หลังจากเพียงไม่กี่นาทีที่คิริเขาไปในคฤหาสน์เขาได้กำจัดศัตรูไปแล้ว 6 คน เขาเชี่ยวชานการสังหารในอาคารมากกว่า เพราะกำแพงและเพดานทำให้เนื้อที่ในการเคลื่อนไหวจำกัด คิริจึงเปรียบเสมือนแมงมุมที่ไล่ล่าเหยื่อที่เข้ามาในอานาเขตพื้นที่อันจำกัดของตน แต่ความเร็วของเขานั้นราวกับอสูรก็มิปาน การเคลื่อนไหวของเขานั้นงดงามและรวดเร็วเกินกว่ามนุษย์จะทำได้ แต่ถ้าหากให้พูดถึงความเป็นจริง เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่สุดในคฤหาสน์ ที่เต็มไปด้วยพวกเลือดผสมเป้าหมายคราวนี้คือชายที่มีชื่อว่า "ไซกิ" ซึ่งผู้ที่อยู่ในคฤหาสน์นี้ล้วนแล้วแต่โดนคิริสังหารแล้วกว่า 30 คนนั้นเป็นญาติของไซกิทั้งสิ้น แน่นนอนว่าทุกคนล้วนเป็นเลือดผสมที่เชื่อมต่อพลังจากธรรมชาติและเปลี่ยนแปลงสภาวะรอบตัวคิรินั้นมีความสามารถของพลังจิตเพียงการ "มองเห็นความคิดของผู้คน" ซึ่งเป็นความบ้าระห่ำมาก ที่มีเพียงความสามารถนี้ แต่คิดตะลุยเดี่ยวบุกดงพวกเลือดผสมที่สามารถแช่แข็งศัตรูได้เพียงพริบตา เพียงแค่จ้องมองเป้าหมายแค่ความสามารถอันเล็กน้อยนั้นก็เพียงพอสำหรับคิริที่จะเปลี่ยนรังของศัตรูให้เป็นสถานที่ล่าเหยื่อของตนเองได้ และกำลังสังหารเหยื่อไปทีละคน คิริไม่เคยครุนคิดถึงความเครียดในการเอาชีวิตหรือแรงจูงใจในการฆ่า เพราการสังหารดูเหมือนจะเป็นเพียงกิจวัตรประจำวันของเขาไปแล้ว

    แล้วเขาก็กำจัดไปอีกสามคน ในมือของเขามีเพียงไม้ตีกลองที่ทำจากเหล็กคู่หนึ่งเท่านั้น เขาชอบอาวุธที่เรียบง่านและใช้มันในการทิ่มแทงจุดตายของเหยื่อ ซึ่งวิธีนี้นับว่าเป็นการสังหารอย่างโหดเหี้ยมของเหล่านักล่าระดับสูง โดยดุดที่ทิ่มแทงไปจะถูกเรียกว่า "จุดแรงกด" ซึ่งจะทำให้เกิดการแตกหักของกระดูกมากกว่าจะทำลายอวัยวะหรือกล้ามเนื้อ หรือถ้าหากทิ่มแทงลงไปจากเหนือหัวศัตรูจะทำให้หัวของศัตรูถูกกดเข้าไปในลำตัวเลยทีเดียว อาวุธของเขาจึงเหมือนเป็นลิ่มขนาดใหญ่มากกว่าไม้กลอง มันไม่สามารถตัดอะไรได้แต่มันสามารถทิ่มแทงสิ่งต่างๆได้ทำให้แทบจะไม่มีเลือดของเหยื่อมาเปรอะอยู่บนเสื้อเลย แต่วันนี้กลับไม่ใช่

    เหลือคนเพียง 2 คนในคฤหาสน์เท่านั้น ในตอนแรก เขาตั้งใจฆ่าเพียงเล็กน้อยเพื่อให้กลิ่นเลือดโชยไปหาเหยื่อ เพื่อสร้างความอลหม่านและรอโอกาส แต่ผลของมันกลับตรงข้ามทำให้เขาต้องฆ่าเสียจนหมด"ขยะแขยงและเหม็นเสียจริงๆ"นักฆ่าที่โซกไปด้วยเลือดของเหยื่อพูดกับตนเอง เขาไม่ชอบสีแดงเหนียวข้นของเลือด เพราะมันทำให้ประสาทของเขาช้าลงคิริไม่ได้เพลิดเพลินกับการฆ่า แต่รับหน้าที่นี้มาในฐานะคนในตระกูลนานายะ และมีสภาพร่างกายที่เหมาะสมกว่าพี่น้องของเขา เขาไม่เหมือนพี่ชายของเขาที่สนุกกับการฆ่า หรือน้องสาวที่ได้แต่หวาดกลัวพวกปีศาจ สิ่งเดี่ยวที่เขาสนใจและให้ความสำคัญคือ "เขาสามารถฆ่าเหยื่อได้ดีแค่ไหน"ซึ่งนั้นก็เป็นวัตุถุประสงค์ของการฝึกฝนจากตระกูลนานายะและคิริก็จดจ้องอยู่เพียงแค่สิ่งนี้เท่านั้น เมื่อเขารู้ตัวก็ไม่มีใครที่สามารถ "ฆ่า" ได้อีกแล้ว เมื่อเขาได้เป็นหัวหน้าตระกูลสิ่งที่เขาทำก็มีเพียงแค่การฆ่าสังหารพวกเลือดผสมไปเรื่อยเท่านั้น หากมองย้อนไป คือทั้งหมดของชีวิตของเขา ซึ่งเขาไม่คิดว่ามันเป็นภาระ เขาคิดเพียงว่า "ฆ่าได้ดีแค่ไหน" โดยไม่นีอารมณ์ความรู้สึก ไม่มีความสนุกสนานหรือความเจ็บปวดจากการแย่งชิงชีวิตอื่นๆ คิริคิดแต่เพียงการฆ่าเท่านั้น ซึ่งมันคงเป็นพรสวรรค์โดยธรรมชาติของเขา

    "….."แล้วนักฆ่าก็รุ้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างปรากฏขึ้นมาในทัศนวิสัยของเขา ซึ่งเคยรับรู้ถึงสิ่งมีชีวิต 2 คนที่เหลืออยู่สิ่งที่เขาเห็นคือคลื่นสีแดงบางอย่าง คิริมีพลังในการมองเห็นความคิดของคน ความคิดเปียบดังคลื่น ส่วนใหญ่จะเป็นสีโปรงแสงไม่ก็ทึบ อารมณ์ของเป้าหมายจะถูกอ่านได้จากความเร็วของคลื่น และบางครั้งก็จากสีของคลื่น สำหรับพวกที่ร้ายกาจมากๆ จนแทบไม่นับว่าเป็นมนุษย์เท่าที่คิริเห็นจากพวกกลุ่มนักล่าปีศาจจะมีสีของคลื่นความคิดเป็นสีเงินไม่ก็สีน้ำเงิน…แต่นี่กลับเป็นสีแดง เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อน มันทั้งรุนแรงและประหลาด คิริจึงเดินไปยังต้นตอของคลื่นความคิดที่ปรากฏในสายตาเขา

    แล้วเขาก็เห็นเด็กชายอายุไม่เกิน 10 ขวบที่มีบาดแผลเต็มร่างกายไปหมด แขนและขาถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่ คิริสามารถสรุปได้ทันทีว่าเด็กคนนั้นเป็นสิ่งแปลกปลอมออกไปแม้กับพวกเลือดผสมด้วยกัน แต่มันไม่เกี่ยวกับเขาเลย ถ้าเด็กคนนี้ปกป้องเป้าหมายของเขา เขาคงไม่ลังเลที่จะสังหาร แต่เด็กคนนั้นกลับไม่ได้ทำอะไรสำหรับเขา เด็กน้อยคนนี้ไม่ต่างอะไรไปจากกรวดบนถนนที่เขาจะเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ

    เสียงกระทบกับโซ่เด็กสนนั้นเงยหน้ามองคิริ ทันไดนั้นเอง ตาซายของเด็กน้อยก็ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง โดยไม้มีเสียงร้อง หัวของเด็กน้อยคนนั้นก็ฟาดลงกับพื้นเสื่อทาทามิในห้องแล้วเลือดก็ค่อยๆ ซึมออกมานันเป็นการฆ่าอย่างไร้ซึ่งเหตุผล นอกเหนือจากงานเพียงครั้งเดียวของจ้าวแห่งการสังหารอย่างคิริ เขาตนตื่นเกินไป

    เขาทะลวงเข้าไปในห้องที่มีไซกิ ผู้ที่เป็นเป้าหมายของเขา คิริพบกับชายคนหนึ่ง ซึ่งนั้นเป็นเรื่องแปลกเหมือนไม่ใช่ตัวเขาเอง การต่อสู้กับพวกเลือดผสมจะประสบความสำเร็จสูงเมื่อเป็นการลอบสังหารไม่ใช่การต่อสู้ซึ่งๆหน้า ซึ่งไซกิก็คงไม่ลังเลที่จะใช้พลังทั้งหมดในการต่อสู้กับคิริที่บุกเข้ามาตรงๆ เพราะไซกินั้นเป็นเลืดผสมที่ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์ แม้จะส่งนักล่าปีศาจมาเป็นโหลก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้

    การกระทำในคืนนี้ของคิรินั้นอยู่ในสายตาของอีกนึ่งคนในห้องนั้น ซึ่งเป็นลูกชายคนโตและหัวหน้าของไซกิ เขาร่วมมือกับนักล่าปีศาจ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัวมากกว่าความภูมใจในบรรพบุรุษของตระกูล เขาติดต่อกับองค์กรนักล่าปีศาจอย่างลับๆ ในขณะที่เขาทำงานรับใช้ไซกิ และรายงานว่าไซกินั้นกินเนื้อมนุษย์เป็นอาหารไปแล้วมากกว่าพันคนทั้งยังเป็นพวกเลือดผสมหัวเก่าที่เป็นไปด้วยความทะเยอทะยาน ผิดกับเขาที่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขมากกว่า สำหรับเขาแล้วไซกิแล้ว ไซกิเป็นเพียงตาเฒ่าที่น่ารำคาญ คนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนั้นหากไซกิผู้เป็นประมุขของตระกูลตาย กลุ่มธุรกิจของไซกิก็จะเกิดช่องว่างขึ้นและเขาก็จะแทรกแซงซ่องว่างนี้เสียด้วยเหตุผลนี้เองเขาจึงตัดสินใจขายตระกูลของตนเองในตระกูลนักล่าปีศาจ และทางองค์กรก็ได้ส่งคิริมาที่นี่

    ราวกับพายุพัดโหมเข้าไปในห้อง เพียงชั่วพลิบตาที่ประตูคู่เปิดออก นักฆ่าปรากฎตัวให้เห็นแล้วหายตัวเข้าไปยังใต้โต๊ะไม้เล็กๆที่อยู่กลางห้องในพริบตา ก่อนที่เลือดผสมจะสามารถคิดอะไรออก ไซกิก็ถูกดึงขาเข้าไปยังใต้โต๊ะไม่มีแม้แต่เวลาจะให้กรีดร้อง ในพริบตาที่ตาเฒ่าถูกลากเขาใต้โต๊ะ หัวของเขาก็ลงมากลิ้งอยู่บนเสื่อทาทามิเสียแล้วจากนั้น ชิ้นส่วนทั่วร่างกายก็เริ่มปลิวกระเด็นไปทั่วห้อง ร่างกายของไซกิถูกแยกเป็นชิ้นๆจากใต้โต๊ะเล็กๆ ที่มีความกว่างขนาด 1 คนเข้าไปมุดอยู่เท่านั้น หลังจากฉีกร่างของไซกิเสร็จ นักฆ่าจึงคลานออกมาจากโต๊ะที่น่าสยดสยองนั้น ชายคนที่เหลืออยู่หัวเราะอย่างเสียสติกับกับภาพอันน่าสยดสยองที่อยู่ข้างหน้ามันคือ สายตาที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกของมัจจุราชที่กำลังเดินเข้ามาแล้วคิริก็ก็ทะลวงหัวของไซกิที่กลิ่งอยู่ปลายเท้าของเลือดผสมคนสุกท้ายที่รอดอยู่ ก่อนที่จะทะลวงหน้าอกของเสียหัวเราะที่น่ารำคาญ ทว่าเขากลับพลาดจุดสำคัญโดยไม่รู้ตัว บางที่อาจเป็นเพราะคิริตื่นเต้นมากเกินไป ชายที่หัวเราะทรุดตัวลง และคิริก็ถอนตัวออกจากคฤหาสน์โดยไม่ได้ตรวจว่าชายคนนั้นตายแล้วหรือยัง ในวันนั้นพวกเลือดผสมในคฤหาสย์ถูกสังหารจนหมดสิ้น ยกเว้นชายคนสุดท้ายที่ถูกทะลวงหน้าอกที่รอดมาได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×