คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่แปด go so big เข้าใจผิดไปกันใหญ่!!!
บทที่แปด go…so…big…เข้าใจผิดไปกันใหญ่!!!
เจ้าหมาน้อยที่นอนซุกตัวสั่นไม่ได้สติอยู่ใต้ผืนผ้าห่มดูจะทรมานเสียเหลือเกิน พอลองสัมผัสแก้มใสที่แดงปลั่งผิดปกติดูก็รู้สึกว่าตัวยังรุมๆอยู่......
ก้มลงจุมพิตหน้าผากเนียนเบาๆ
“เอเลน.....พี่ขอโทษ”
“พี่ครับ......พี่รีไว” เจ้าหมาน้อยเพ้อหาเสียงแหบแห้ง ชายหนุ่มซุกตัวเข้าใต้ผ้าห่มผืนหนากอดคนป่วยเอาไว้ในอ้อมกอด
“พี่กลับมาแล้ว.....เอเลน.....พี่ขอโทษ” มือเรียวยกโอบรอบคอซุกหน้าลงกับซอกคอกรุ่นกลิ่นหอมของชายหนุ่ม
“อย่าไปไหนนะครับ.....อย่าทิ้งผมนะครับ” แตะปากจุมพิตกลีบปากบางแผ่วเบา กอดเจ้าหมาน้อยขี้อ้อนไว้แน่น
“ไม่ไปอีกแล้ว.....พี่ไม่ไปไหนอีกแล้ว....พี่ขอโทษ”
ผมรู้สึกตัวขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าร้อนเหลือเกิน ผ้าห่มผืนนี้มันทั้งหนาทั้งหนักขนาดนี้เชียวเหรอ พลิกตัวด้วยความอึดอัดแต่แรงกอดรัดกลับแน่นขึ้น
“นอนต่ออีกหน่อยเถอะ ไข้เพิ่งจะลดเองนะ เดี๋ยวก็ไข้กลับขึ้นมาอีกหรอก” เสียงทุ้มที่ฟังดูงัวเงียพึมพำอยู่ข้างหู ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอ้อมกอดที่กอดผมไว้เสียแน่น
“พี่รีไว?”
“หิวรึเปล่า ถ้าหิวพี่จะทำข้าวต้มให้ กินยาแล้วค่อยนอนต่อ”
“ไม่ครับ....ไม่หิวเลย” ผมก้มหน้าซุกลงกับอกของพี่ชายสุดรัก....หนึ่งอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอ กลิ่นนี้ อ้อมกอดนี้ คิดถึงเหลือเกิน......
“ผมขอกอดพี่แบบนี้ได้มั้ยครับ.....พี่อย่าเพิ่งไปไหนนะครับ ขอผมกอดให้หายคิดถึงหน่อย”
“ก็เอาสิ.....พี่ก็จะกอดเอเลนให้หายคิดถึงเหมือนกัน”
“อา......ไอ้บรรยากาศชมพูหวานแหววนี่มันอะไรกันเนี่ย” พี่นานาบะเอ่ยแซวทันทีที่เห็นผมกับพี่รีไวโผล่มาโรงเรียน
“อย่างกับข้าวใหม่ปลามัน ผัวเมียเพิ่งได้กันใหม่ๆ” พี่มิเกะครับอย่าว่าถึงขนาดนั้นเลยครับ นี่ผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ผมรีบดึงมือที่ถูกพี่รีไวจับไว้ยกขึ้นเกาหัวแก้เก้อ
“เอเลนเพิ่งฟื้นไข้....ฉันก็ต้องดูแล” พี่รีไวเอ่ยตอบนิ่งๆ
“ห๊ะ....ตายแล้ว...ลูกชายฉันไม่สบายอีกแล้วเหรอ ซูบลงไปตั้งเยอะ นี่คงเป็นเพราะถูกไอ้ผู้ชายตัวสั้นคนนี้มันรังแกแน่ๆ ถูกมันชำเราอย่างหนักเลยสินะลูก เดี๋ยวเย็นนี้เจ้จะพาไปร้องเกะให้หายคิดถึงไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์นี่นา ชวนเจ้าแจนมันไปด้วยนะ เห็นว้อนท์มาตั้งนานแล้วนี่” พี่นานาบะบอกพลางดึงแก้มผมจนยืด...เจ็บนะครับพี่
“ไปได้ใช่มะ รีไว ไปกันหมดนี่คงไม่ห้ามสินะ” พี่นานาบะหันไปถามพี่รีไวยิ้มๆ เขาพยักหน้ารับ
“อืม....” พี่รีไวหันมาลูบหัวผม
“เลิกเรียนพี่จะไปรับที่ห้องนะ”
“ครับ.....” ผมยิ้มตอบในขณะที่รู้สึกถึงแรงดึงกระชากจากทางด้านหลัง
“ไปกันเถอะเอเลน ไปหาไรกินกันก่อน” แจนที่จู่ๆก็โผล่มาลากคอผมออกเดินไปด้วย มันล็อคคอผมไว้แน่นกระซิบเสียงเครียด
“อย่าลืมนะเอเลนที่เราคุยกันไว้ ความรู้สึกของแกให้ไอ้พี่เตี้ยรู้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าไม่อยากถูกมันเกลียด แกต้องทำเฉยๆไว้” ถึงแม้แกกับไอ้พี่เตี้ยจะใจตรงกันแต่ถ้าหากว่าแกไม่พูดออกไป ไอ้พี่เตี้ยก็ไม่มีทางสมหวังได้ง่ายๆหรอก
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มพร้อมกับเสียงแหกปากของพี่มิเกะและพี่นานาบะจนฟังไม่ได้ศัพท์ไม่ได้ช่วยทำให้บรรยากาศอึมครึมรอบตัวผมดีขึ้นเลย ผมมองไปยังฝั่งพี่มิเกะ พี่นานาบะ พี่กุนเธอร์ พี่ออลโอ พี่เอิร์ด ที่ดูจะสนุกสนานกันเหลือเกิน แล้วมองกลับมาอีกฟากโต๊ะที่มีผมถูกขนาบข้างด้วยพี่รีไวและแจนซึ่งต่างก็พากันเงียบสนิทแล้วอดรู้สึกขึ้นมาไม่ได้ว่า โลกของพวกเรานี่ช่างแตกต่างกันเหลือเกินนะครับ.....ราวกับโลกแห่งแสงสว่างและความมืด พี่รีไวนั่งดูดนมชมพูอยู่เงียบๆ ในขณะที่แจนก็นั่งแทะข้าวเกรียบทอดอยู่คนเดียว
“เอ่อ.....ไม่สนใจจะร้องเพลงกันเหรอครับ ร้องเพลงอะไรดี เดี๋ยวผมจะเปิดให้” ผมเปิดแฟ้มรายการเพลงผ่านๆยื่นส่งไปให้ทั้งสองคนแต่กลับได้คำตอบกลับมาสั้นๆ
“ไม่!!!” ตอบพร้อมกันแล้วเชิดหน้าหนีไปคนละทาง ผมเริ่มเหงื่อตก หยิบเมนูอาหารขึ้นมาแทน
“เอ่อ.....งั้นสั่งอะไรเพิ่มกันดีมั้ย พี่นานาบะอุตส่าห์เลี้ยงทั้งที” สองคนนั้นหันมามองเมนูในมือผมแล้วตอบพร้อมกัน
“ไม่เอา!!!” เอาล่ะ พอแล้วผมก็ไม่เอาแล้วเหมือนกัน ผมวางเมนูลง แล้วก็นั่งนิ่งๆไปซะเลย.....การสมานฉันท์นี่มันยากจริงๆแฮะ แต่อยู่ดีๆสองคนนั้นก็ลุกขึ้น
“เอ่อ....จะ.....จะไปไหน” ผมรีบดึงชายเสื้อของทั้งสองคนไว้ก่อน พวกเขาหันมาตอบผมพร้อมกัน
“ห้องน้ำ!!!”
เอ่อ.....จะไปห้องน้ำด้วยกันสินะ นี่คงไม่คิดจะไปตีกันในห้องน้ำหรอกใช่มั้ยเนี่ย.......
ในขณะที่ผมคิดจะตามไปนั้นเองก็ถูกล็อคคอไว้แน่น
“เอ่อ...พี่มิเกะ?”
“มาร้องเพลงกันเถอะนะเอเลน”
ชายหนุ่มสองคนยืนสบตากันอยู่ในห้องน้ำชาย ต่างคนต่างหยั่งเชิงกันไม่มีใครมีทีท่าว่าจะมาทำธุระส่วนตัวกันสักคน
“พูดธุระของรุ่นพี่มาเถอะครับ ผมรู้ว่าพี่มีเรื่องจะคุย”
“แกทำอะไรเอเลน”
“ทำอะไรเหรอครับ....ผมก็เปล่านี่” แจนยักไหล่ตอบหน้าตาเฉย
“ช่วงที่ฉันไม่อยู่ แกปั่นหัวอะไรเอเลนบ้าง ทำไมเด็กนั่นมันถึงมีท่าทีหลบเลี่ยงฉันชอบกล”
“ผมก็แค่ดูแลเอเลนในแบบที่เพื่อนคนหนึ่งพึงกระทำก็เท่านั้น การที่เอเลนมีพฤติกรรมแปลกๆไป ไม่คิดบ้างหรือไงครับว่ามันเป็นเพราะรุ่นพี่.....เล่นหายหน้าหายตาไปเป็นอาทิตย์ ไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นห่วงมากแค่ไหน”
“ฉันรู้.....เอเลนมันโกหกใครไม่เป็น ทุกครั้งที่เด็กนั่นมองฉัน ฉันรู้สึกได้ว่ามันมีเรื่องอะไรในใจ แต่มันไม่ยอมพูด......บอกฉันมา.....แกทำอะไรเอเลน”
“เอเลนมันเป็นมนุษย์นะครับ ไม่ใช่หมา ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่ใครจะมาจูงจมูกมันไปได้ง่ายๆ มันมีสมอง มีความคิด มีความรู้สึก มันก็ต้องมีความคิดของมันอยู่แล้ว มันคงไม่รอให้รุ่นพี่มานั่งคิดนั่งสั่งมันทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลาแบบนั้นได้หรอกนะครับ”
“แกไม่มีสิทธิ์มาออกความเห็นเรื่องของฉันกับเอเลนนะ.....แจน...... เอเลนเป็นของฉัน”
แจนถึงกับสะดุ้ง น้อยครั้งเหลือเกินที่ผู้ชายคนนี้จะเรียกชื่อเขาตรงๆ ออกปากทีไรมีแต่ม้ากับม้า......นี่คงโกรธจริงๆแล้วสินะ ซวยแน่
“ผมยังไม่เห็นว่ามันจะมีปลอกคอตรงไหน จะเป็นของรุ่นพี่ไปได้ยังไง” แจนพยายามยิ้มสู้
“บังเอิญว่าตอนนี้ฉันยังไม่เจอปลอกคอที่เหมาะๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แกควรจะรู้ว่าเอเลนมันเป็นของฉันตั้งแต่ต้น”
“เอเลนมันมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง” แจนพยายามทำเสียงดังเข้าข่ม รีไวยิ้มรับ
“ไม่จำเป็น เพราะฉันตัดสินใจยกตัวเองเป็นเจ้าของเอเลนตั้งแต่แรกแล้ว.....เจ้าหมาน้อยตัวนั้นจะไม่มีวันชายตามองใครได้อีกนอกจากฉัน”
เอ่อ......ทำไมไปห้องน้ำกันนานจังแฮะ ชักเริ่มเป็นห่วงแล้วสิ ผมตัดสินใจออกไปตามทั้งสองคนถึงห้องน้ำ ไม่ใช่ไปตีกันอยู่จริงๆหรอกนะ
ค่อยๆเลียบๆเคียงๆเข้าไปใกล้ เสียงคนคุยกัน......ไม่สิ เหมือนทะเลาะกันมากกว่า พี่รีไวกับแจนเหรอ....
“แล้วฉันจะบอกอะไรให้แกรู้อีกอย่างนะแจน” มือใหญ่กระชากคอเสื้อเด็กหนุ่มให้โน้มหน้าลงมาใกล้ รีไวยื่นหน้าเข้าไปหาพร้อมกระซิบเสียงเครียด
“สำหรับคนที่มันคิดจะแตะต้องสัตว์เลี้ยงของฉัน.....ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้มันได้ลอยนวล” รีไวยื่นมือไปขยำสะโพกแจนเต็มแรงกระซิบเสียงเข้ม
“แล้วถ้าแกยังคิดจะแตะต้องเอเลนของฉันอีก.....ฉันจะทะลวงก้นแกชนิดที่เอาให้ชาตินี้แกไม่มีหน้าไปเจอผู้หญิงคนไหนได้อีกเลย”
เมื่อได้ยินเสียงโวยวายในห้องน้ำเงียบลง เอเลนจึงแอบมองลอดช่องว่างระหว่างประตูเข้าไปข้างในและสิ่งที่เอเลนได้เห็นเต็มๆตานั่นก็คือแผ่นหลังของรีไวที่ดึงโน้มใบหน้าแจนลงมาหาตนเอง
พี่รีไวจูบแจน!!!!!!.............
รู้สึกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก วิ่งเตลิดออกมาก่อนที่ทั้งสองคนจะทันได้เห็น วิ่งกลับไปเอากระเป๋าเป้ที่ห้องคาราโอเกะผลุนผลันออกไปด้วยความเร่งรีบจนลืมแม้กระทั่งเอาจักรยานกลับไปด้วย
ไม่จริง......สองคนนั้นไม่ถูกกันนี่นา เห็นเขม่นกันตลอด แล้วทำไม......พี่รีไวจูบกับแจนได้ยังไง.....ไปรักกันตอนไหน นี่มันเรื่องอะไรกัน
ผมวิ่งจนรู้สึกเหนื่อยหายใจไม่คล่องคอ พอมองดูรอบๆตัวก็ไม่รู้เสียแล้วว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนเพราะวิ่งสะเปะสะปะไปทั่ว ค่อยๆเดินย้อนกลับทางเดิมช้าๆ ในใจยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งจะได้รับรู้มาหมาดๆ
พี่รีไวกับแจนรักกัน แต่ก็แกล้งทำเป็นทะเลาะกันมาตลอด เพราะเราสินะ.......
เพราะพี่รีไวเห็นเราเป็นน้อง ส่วนแจนก็เห็นเราเป็นเพื่อนถึงต้องทำเป็นเกลียดกันเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริง และเพราะแบบนั้นแจนถึงบอกเราว่าห้ามให้พี่รีไวรู้ว่าเรารักเขา เพราะเราจะกลายเป็นมือที่สามสินะ
รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในอกราวกับถูกมีดกรีด ความรักที่ไม่มีทางสมหวังตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นของผม
“ทั้งสองคนจะหลอกผมทำไมกัน......จะรอจนถึงเมื่อไหร่ถึงจะบอกความจริงกับผม พี่จะต้องให้ผมโง่รักพี่อยู่คนเดียวไปจนถึงเมื่อไหร่ถึงจะพอใจกันครับ.....พี่รีไว”
แจนต้องเดินกุมก้นคอยหวาดระแวงชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เดินตามหลังมาตลอดระยะทางจากห้องน้ำจนถึงห้องคาราโอเกะ แต่พอกลับมาถึงก็ค้นพบว่าสมาชิกหายไปแล้วหนึ่ง
“เอเลนล่ะครับ......”
“เอ่อ....เห็นวิ่งปึงปังออกไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน” เอิร์ดหันมาตอบขณะที่เปิดสมุดเพลงในมือ
“ไม่ได้บอกเลยเหรอว่าไปไหน”
“เปล่านะครับ เห็นบอกว่าจะไปตามหัวหน้าที่ห้องน้ำแล้วหายไป อยู่ดีๆพอกลับมาก็ปึงปังออกจากห้องไปเลย”
ตามที่ห้องน้ำ?.......
แจนและรีไวมองหน้ากัน ทั้งคู่คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกจากห้องคาราโอเกะมาพร้อมกัน
“จักรยานก็ยังอยู่นี่.....แล้วมันหายไปไหนของมัน” แจนบ่นขณะที่กวาดตามองหาเพื่อนสนิทโดยรอบแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
“แกไสหัวกลับไปได้แล้ว เรื่องเอเลนฉันจัดการเอง” รีไวบอกกับเด็กหนุ่มในขณะที่ปั่นจักรยานออกมา แน่ใจว่าตอนนี้เอเลนคงกลับห้องไปแล้วแน่ๆ แต่เพราะอะไรกันทำไมอยู่ดีๆถึงต้องหนีกลับมาไม่บอกกล่าว รีบร้อนจนกระทั่งทิ้งจักรยานไว้อีก.....หรือจะไปได้ยินเรื่องที่เขาคุยกับแจนอย่างนั้นเหรอ......แต่ทำไมไม่ถามอะไรสักคำกันล่ะ
พอกลับมาถึงหอก็เห็นแล้วว่าห้องพักของเด็กหนุ่มมีไฟเปิดอยู่แล้วจริงๆ จัดแจงล็อคล้อจักรยานแล้วตรงขึ้นไปเคาะห้องของเด็กหนุ่มด้วยความรีบร้อน
“เอเลน.....เอเลน อยู่รึเปล่า”
พี่รีไว?........
ผมไม่คิดจริงๆว่าพี่รีไวจะตามกลับมาเร็วขนาดนี้
“เอเลน ทำไมหนีกลับมาก่อนล่ะ......ไม่ชวนพี่บ้าง”
ก็พี่ยุ่งอยู่กับแจนอยู่นี่ครับ.........
“เอเลน โกรธอะไรพี่รึเปล่า”
ไม่ได้โกรธครับ ผมแค่น้อยใจเท่านั้น......
เมื่อเห็นว่าคนในห้องยังคงเงียบ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะไม่เซ้าซี้อีก
“กุญแจล็อคจักรยาน พี่จะวางไว้หน้าประตู ถ้ายังไง อย่าลืมมาเก็บเข้าไปด้วยนะ”
ผมได้ยินเสียงกรุ๋งกริ๋งของกุญแจกระทบพื้น รอจนได้ยินเสียงประตูห้องข้างๆปิดลงจนแน่ใจว่าคงไม่มีใครอยู่หน้าห้องแล้วจึงยื่นมือลอดผ่านช่องประตูแมวออกไปควานหากุญแจแต่กลับรู้สึกว่าถูกมือใหญ่ของใครบางคนยึดมือผมเอาไว้แน่น
ใครวะ.......
“ถ้าเอเลนยังไม่อยากคุย ยังไม่อยากเจอหน้าพี่ก็ไม่เป็นไร” เสียงพี่รีไวดังมาจากอีกฟากของประตู มือใหญ่กุมมือผมไว้แน่นขณะที่วางกุญแจล็อคจักรยานใส่อุ้งมือผม
“พี่แค่อยากจะบอกว่า.....ราตรีสวัสดิ์”
ผมรีบดึงมือจนหลุดออกมาจากการเกาะกุม รอจนกระทั่งมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกแล้วจริงๆจึงลองเปิดประตูออกไปดู ที่หน้าห้อง ไม่มีเงาของพี่รีไวแล้ว
“ขอโทษครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเจอพี่.....แต่ผม.....ยังทำใจเรื่องของพี่กับแจนไม่ได้จริงๆ....ราตรีสวัสดิ์เช่นกันครับพี่รีไว”
“หากต้องการจะลดความเจ็บปวดของอีกฝ่าย อีกทั้งเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะเริ่มศึกใหญ่ให้เริ่มสร้างความคุ้นเคยให้กับอีกฝ่ายด้วยการใช้นิ้วมือถ่างขยายเริ่มจากการค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปทีละนิ้วและค่อยๆนวดวนไปรอบๆ แต่ถ้าจะให้ดี ตัวช่วยที่สำคัญที่สุดคือสารหล่อลื่น แต่ต้องชโลมจนแน่ใจว่าทั่วถึงดีแล้ว เพราะมันจะช่วยให้ปฏิบัติการรักราบลื่นมากยิ่งขึ้น แต่หากคู่ของคุณยังรู้สึกเจ็บอยู่ ตัวช่วยอีกอย่างคือ น้ำแข็ง อาจเป็นน้ำแข็งหลอด หรือน้ำแข็งบล็อกเล็กๆทั่วไปก็ได้ (ไม่แนะนำให้ใช้น้ำแข็งเป็นกั๊กใหญ่แบบที่พบเห็นได้ทั่วไปตามโรงน้ำแข็ง) ใช้น้ำแข็งสอดเข้าไปช้าๆ เพราะความเย็นจะช่วยให้เกิดอาการชาและเจ็บปวดลดลง แต่อาจเปียกได้เมื่อน้ำแข็งเกิดการละลาย ระหว่างนั้นก็ทำการปลุกอารมณ์เล้าโลมคู่ของคุณเป็นการกระตุ้นไปด้วย”
ผมกวาดตาอ่านทบทวนข้อแนะนำในหนังสือที่ซื้อมาอย่างละเอียดอีกรอบ
“ใช้นิ้วถ่างขยายเตรียมความพร้อมก่อนเหรอวะ......”
เอ่อ.....ยังไงดีล่ะ นิ้วกับไอ้นั่นขนาดมันก็ไกลกันอยู่นะ แล้วต้องใช้กี่นิ้วกันล่ะผมถึงจะเตรียมเอเลน.....เอ้ย.....ไม่ใช่ ถึงจะทำให้ฝ่ายรับพร้อมได้น่ะ การจะทดสอบภาคทฤษฎีจะมีวิธีไหนได้ผลดียิ่งไปกว่าการลองปฏิบัติจริงล่ะ.... ก้มลงอ่านหนังสือในมืออีกรอบเพื่อความชัวร์
“สอดนิ้วเข้าไปทีละนิ้วและค่อยๆนวดวนไปรอบๆ.......สอดนิ้วแล้วนวดรอบๆ”
พอลองสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลังของตัวเองดูก็พบว่า
“อ้ากกกกกกก!!! .....เจ็บสลัด แค่นิ้วเดียวก็ยังจะไปไม่รอด นี่เขาทำกันแบบนี้จริงๆเหรอวะเนี่ย” จะไหวแน่เหรอ เจ็บโคตรขนาดนี้ ทรมานไปมั้ย
“ทำผิดตรงไหนวะ.....” ก้มลงอ่านหนังสือใหม่อีกที
“นิ้ว....กับสารหล่อลื่น” กวาดตามองดูของรอบห้อง......ก็แล้วมันจะไปมีได้ยังไงกันล่ะไอ้สารหล่อลื่นเนี่ย!!!
“หรือจะใช้ยาสีฟันดีวะ........” หันไปเห็นหลอดยาสีฟันสูตรเย็นสดชื่นกลิ่นเมนทอลแล้วก็สะอึก
“ไม่ไหวล่ะมั้ง.........” ถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด เปิดหนังสือภาคทฤษฎีขึ้นดูอีกรอบ
“หากยังรู้สึกเจ็บ ตัวช่วยที่สำคัญ คือน้ำแข็ง.......น้ำแข็งเหรอ?” ในตู้เย็นก็มีนี่หว่า......
วิ่งปึงปังออกจากห้องลงไปยังห้องครัวเปิดช่องฟรีซหาตัวช่วยที่ว่า
“แม่ครับ!!! น้ำแข็งในตู้ไปไหนหมดอ่ะ”
“พ่อเขาเอาไปใส่เบียร์ดื่มล่ะมั้ง เมื่อกี้เห็นมาค้นตู้เย็นไปนะ”
ได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังมาจากห้องนั่งเล่น พ่อคงกำลังดูทีวีอยู่แน่ๆ แล้วน้ำแข็งล่ะ......น้ำแข็งของผมล่ะ!!!
วิ่งไปคว้าเอาแก้วเปล่าที่ใส่น้ำแข็งอยู่เต็มมาถือไว้เสียก่อน
“อะไรกันลูก จะเอาแก้วเบียร์พ่อไปไหนกันแจน”
“ผมต้องใช้ พ่อกินเบียร์เปล่าๆไปนั่นล่ะ ผมขอน้ำแข็งไปนะ”
วิ่งกลับขึ้นห้องนอนแล้วล็อคประตูอย่างแน่นหนา มองน้ำแข็งก้อนเล็กในแก้วที่เริ่มละลายแล้วกลืนน้ำลายดัง เอื้อก!!!
“เอาวะ.....ไม่ลองก็ไม่รู้”
ควักเอาน้ำแข็งก้อนเล็กมาลองถูไถดูแล้วก็ถึงกับสะท้าน
“ว้ากกกกก เย็นเจี๊ยบเลย......แบบนี้อารมณ์เป็นอันเตลิดหมด......ไม่เอาแล้วเว่ย” ปาน้ำแข็งออกไปนอกหน้าต่างด้วยความหัวเสีย งานนี้จะไปหล่นใส่กบาลผู้เคราะห์ร้ายที่ไหนก็ไม่สนล่ะ ทิ้งตัวลงนอนแผ่อยู่บนเตียงด้วยความอ่อนใจ
“ถ้าเอเลนมันเจ็บขึ้นมา......แกจะกล้าทำจริงๆเหรอวะแจน” เอ่ยถามตัวเองเบาๆ พอนึกภาพเพื่อนสนิท นอนเปลือยตัวสั่นน้ำตานองหน้าอยู่บนเตียงแล้วมันก็........
แจน....พอเถอะ....ขอร้องล่ะ อย่าทำเลยนะ....ฉันเจ็บแจน....หยุดเถอะ.....
อ่า แค่นึกภาพขึ้นมาก็หดล่ะ รังแกมันไม่ลงจริงๆ...........
ทิ้งตัวลงนอนกับเตียงคว่ำหน้านิ่ง
“ไม่ไหว.....ทำไม่ลงอ่ะ แค่เห็นน้ำตามันก็เข่าอ่อนแล้ว” ซุกหน้าลงกับหมอนนุ่ม กระหน่ำรัวทุบที่นอนด้วยความขัดใจ
“ฉันรักแก เอเลน ฉันรักแก.....ชั้นรักแก๊!!!!” ได้แต่บ่นงุบงิบงึมงำอยู่กับหมอน
“ฉันรักแกจริงๆ เอเลน”
สัมผัสหนักๆที่ต้นคอทำให้ผมลืมตาขึ้น
ใครบีบคอวะ......แล้วมาทับกันแบบนี้ได้ยังไง๊!!! หนักนะเฟ่ย
“ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าแตะต้องสัตว์เลี้ยงของฉันอีก” น้ำเสียงสยองนี้ผมรู้ดีว่าใคร
“พี่เตี้ย!!! เอ้ย รุ่นพี่!!!”
“ฉันเตือนแกแล้วนะว่าถ้ายุ่งกับเอเลนอีก แกจะโดนอะไร” ไอ้พี่เตี้ยมันข่มขู่ผมพร้อมกับถลกกางเกงผมออกเสียงดังแคว่ก!!!!
“ว้าก!!!!! ผมยังไม่ได้ทำอะไรเอเลนมันเลยนะ” ผมตะโกนปากแทบฉีกพยายามกุมก้นตัวเองเอาไว้ ไอ้พี่เตี้ยมันกดผมคว่ำหน้าแล้วล็อคแขนผมไว้แน่น.....ทำไมมันแรงเยอะงี้วะ
“แล้วหนังสือที่อยู่บนหัวเตียงแกนั่นมันอะไร แล้วยังไอ้แก้วน้ำแข็งนั่นอีก แกคิดจะทำอะไรเอเลน!!!”
“ผมเปล่าจริงๆน๊า!!!!” รู้สึกเหมือนกับมีสิ่งของขนาดใหญ่ดุนดันเข้ามาในตัว.....แหก.....แหก....แหกแน่งานนี้ ตายห่านล่ะ.....
“พี่เตี้ย!!!! อย่า....อย่าทำผมนะ.....แบ็คเวอร์จิ้นของผม.......พี่อย่าทำนะ!!!!”
“ว้ากกกกกกกกกกก!!!!” สะดุ้งตื่นขึ้นมาเหงื่อโทรมกาย กวาดตามองไปรอบๆห้องก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้พี่เตี้ยอยู่ใกล้ๆ
“ฝัน....ฝัน....ฝันสินะ....ไอ้พี่เตี้ยนั่นมันเป็นฝันร้ายสุดสยองชัดๆ ว้ากกกกกกก จะบ้าตายดันพูดอะไรชวนลำไส้อักเสบจนเก็บเอามาฝันจนได้” นี่แค่คิด ตรูก็ผิดแล้วใช่มั้ยเนี่ย.......
ความคิดเห็น