คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่สิบสาม เพื่อนใหม่
บทที่สิบสาม เพื่อนใหม่
เสียงออดเข้าเรียนคาบแรกดังขึ้นแล้ว เด็กนักเรียนเริ่มแยกย้ายกันเข้าห้อง แต่ผมกับแจนก็ยังไม่สามารถกลับเข้าไปนั่งที่ได้แม้ว่าจะมาถึงหน้าห้องเรียนแล้วก็ตาม ในเมื่อพี่รีไวกับแจนยังเล่นเกมจ้องตากันอยู่เลยนี่สิ
“ถ้าพวกแกยังจะจ้องตากันอยู่แบบนี้แล้วเกิดมีใครคนใดคนหนึ่งท้องขึ้นมา เรื่องนี้มันคงไม่จบด้วยรีเอแน่ๆ พวกแกอยากจะเปลี่ยนแพร์ริ่งกันใหม่หรือยังไง” พี่นานาบะที่ยืนรออยู่นานจนเหมือนจะเริ่มหมดความอดทนได้เอ่ยขึ้น
“จำไว้ไอ้ม้า...ถึงฉันจะไม่อยู่ด้วยก็อย่าคิดว่าแกจะมีสิทธิ์....” พี่รีไวเอ่ยขณะที่คว้าคอแจนโน้มลงไปกระซิบกันสองคน
“เพราะคนของฉัน คอยจับตาดูแกอยู่ทุกที่” เอ่ยด้วยน้ำเสียงเชือดเฉือนก่อนจะปล่อยแจนให้เป็นอิสระ ทันทีที่ถูกปล่อยตัวแจนก็หลบไปอยู่หลังเอเลนทันที
“ผม....ผมบริสุทธิ์ใจหรอก....ไม่เหมือนคนบางคน”
ปึ้ด!!! รู้สึกขนคิ้วกระตุกเลยทีเดียว ในขณะที่รีไวกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าคอแจนก็ถูกมิเกะกับนานาบะลากตัวออกไปเสียก่อน
“แล้วเจอกันพักเที่ยงนะเด็กๆ.....” พี่นานาบะหันมาบอกกับพวกเราขณะที่รุนหลังพี่รีไวออกไปพร้อมกัน
“รู้สึกวันนี้แกดูจะสนิทสนมกับพี่รีไวดีนะแจน” ผมพูดกับแจนยิ้มๆขณะที่กอดคอมันเดินเข้าห้อง
“สนิทบ้าอะไรล่ะ....กัดกันจะตายห่านอยู่แล้วเนี่ย” แจนตอบหน้าหงิกยิ่งทำให้ผมขำมากกว่าเดิม
“ว่าแต่แก....กับพี่เตี้ย ถึงไหนกันแล้ว” แจนเอ่ยถามผมเสียงเบาหน้าหงอย .....ทำไมแกต้องสลดขนาดนั้นด้วยล่ะวะ
“ถึงไหนเหรอ.....อืม.....ก็ไม่ถึงไหนหรอก ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ.....” เป็นเหมือนอย่างที่เราเคยเป็นมาตั้งแต่แรก
“พี่เตี้ย....ยังไม่ได้ทำอะไรแกใช่มั้ย”
“ทำอะไร....แกหมายความว่าไงน่ะ พวกเราก็เหมือนเดิมทุกอย่างนี่”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี.....ฉันจะได้เบาใจ”
ไม่รู้สินะ แจนดูเหมือนมีเรื่องอะไรสักอย่างในใจยังไงชอบกล.....บางทีมันอาจจะเป็นกังวลเรื่องของผมกับพี่รีไวก็เป็นได้
“แจนถ้าแกกำลังเป็นกังวลเรื่องของฉันกับพี่รีไวอยู่ล่ะก็.....แกก็น่าจะรู้นะว่าไม่ต้องทำแบบนั้นเลย แกเองก็รู้จักพี่รีไวดี พี่เขาเป็นคนยังไงวางใจได้อยู่แล้ว”
“ก....ก็รู้หรอกน่า”
“แล้วถ้างั้นแกยังกังวลเรื่องอะไร......ถ้าหากแกกลัวว่าฉันจะเปลี่ยนไปล่ะก็ บอกได้เลยว่าไม่มีทางอยู่แล้ว แกยังเป็นเพื่อนคนสำคัญที่สุดของฉันเสมอ”
แจนโถมตัวเข้ามากอดผมเต็มแรงปล่อยโฮลั่น
“เอเลน!!! ฉันรักแก ฉันรักแกจริงๆนะเว่ย.......เอเลน!!!!”
“อืม ฉันก็รักแกเหมือนกัน” ผมได้แต่ช่วยลูบหลังปลอบมันให้ ช่วงนี้แจนมันอารมณ์อ่อนไหวมากกว่าปกติจริงๆ เพื่อนในห้องต่างมองมาที่เราอย่างเอือมระอาก่อนจะหันไปจับกลุ่มพูดคุยกันต่อ เสียงพูดคุยหยอกล้อเงียบลงเมื่ออาจารย์ประจำชั้นเดินเข้ามาท่ามกลางความแปลกใจของทุกคนคาบแรกนี่มันเป็นคณิตศาสตร์นี่นาไม่ใช่ชั่วโมงโฮมรูมสักหน่อยแล้วอาจารย์แกมาเพื่อ?
“ไม่ต้องทำหน้าเป็นคำถามว่าฉันมาทำอะไรในคาบนี้ ที่จริงก็ไม่อยากจะเข้ามานักหรอก เหม็นหน้าพวกแกจริงๆ” อาจารย์สาวสวยกล่าวยิ้มๆเสียงเข้ม คำพูดคำจาช่างขัดแย้งกับหน้าตาเสียเหลือเกินนะครับ
“พาเพื่อนใหม่มาส่งให้น่ะ.....เอ้าเข้ามาสิหนุ่มน้อย”
พอสิ้นเสียงของเธอ เด็กผมทองร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มก็เดินเข้ามาในห้อง
“จะนั่งตรงไหนก็นั่ง พวกแกก็ทำความรู้จักกันเองก็แล้วกัน ฉันรีบ.....ทาสีเล็บเท้ายังไม่เสร็จเลย ชิ!!!”
แหม่!!! ช่างเป็นครูที่มีความโอบอ้อมอารีสมกับเป็นครูประจำชั้นจริงๆเลยนะครับ แต่เอาเถอะอย่าไปยุ่งกับแกมากเลยดีกว่าเดี๋ยวเป็นเรื่องเอา ตอนนี้เพื่อนใหม่ของพวกผมกำลังยืนส่งยิ้มหวานอยู่หน้าห้องดวงตาสีฟ้าใสเป็นประกายระยับแลดูน่าเอ็นดูเหลือเกิน จู่ๆเขาก็เดินตรงมาที่แจนแล้วเอ่ยเสียงเบา
“เอิ่ม ขอโทษนะครับ ขอผมนั่งตรงนี้ได้มั้ย”
“อะไรวะ แกก็ไปหาที่มันว่างๆนั่งสิ มาแย่งที่ฉันทำไม” แจนขึ้นเสียงใส่ นักเรียนใหม่ชะเง้อคอไปยังที่ว่างหลังห้องแล้วคอตก
“ผ....ผม....ตัวเล็ก....แล้วก็สายตาสั้น นั่งข้างหลังก็คงไม่เห็นกระดาน”
“งั้นแกก็ไปนั่งข้างหน้าสิวะ มาแย่งที่ฉันเพื่อ”
“ถ้าใกล้เกินไป.....ผ.....ผม.....ก็.....ก็จะปวดตาครับ” เด็กคนนั้นเริ่มตัวสั่นเมื่อแจนขึ้นเสียงดังขึ้นกว่าเดิม
“ปัญหาของแกเองเว่ย ฉันไม่เกี่ยว” แจนตัดบทขณะที่สะบัดหน้าออกมองนอกหน้าต่าง
“เอ่อ....ถ้าไม่รังเกียจนั่งที่ฉันก็ได้นะ อย่าถือสาแจนมันเลย มันก็ใจแคบอยู่เป็นปกตินั่นแหละ ที่จริงก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอก” ผมบอกกับเขาขณะที่เก็บของแล้วสละโต๊ะให้ ผมไปนั่งหลังห้องก็ได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้วล่ะ
“ไม่ๆ.....ไม่ดีกว่า....ย....อย่าให้ผมต้องทำให้คุณลำบากเลย” เด็กคนนั้นตะครุบมือผมที่กำลังเก็บของเอาไว้แล้วส่ายหน้าด้วยความเกรงใจ
อืม......แล้วจะเอายังไงดีล่ะที่นี้
“นั่งตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวฉันไปนั่งข้างหลังให้เอง” เพื่อนร่วมห้องที่นั่งถัดต่อจากผมออกตัวลุกจากโต๊ะให้ นักเรียนใหม่ยิ้มรับขณะที่กล่าวขอบคุณเบาๆ
“เอ่อ.....นั่งข้างหลังฉันแบบนี้จะไม่ถูกฉันบังเอาเหรอ” ผมหันหลังกลับไปถามเด็กใหม่ที่นั่งต่อหลังกัน คือส่วนสูงของผมกับเขาก็ต่างกันเยอะอยู่นะ นั่งข้างหลังผมแบบนี้จะมองเห็นกระดานเหรอ
“ดีแล้วล่ะ ตรงนี้เหมาะแล้วคุณไม่บังผมหรอก” เขาตอบยิ้มๆถ้าเจ้าตัวเขาโอเคก็คงต้องตามนั้นล่ะนะ
“ฉันชื่อเอเลน ส่วนเจ้าโย่งใจแคบนั่นชื่อแจน” แจนหันมาย่นจมูกใส่ผมแล้วสะบัดหน้าหนีอย่างเคืองๆ
“ผมชื่ออาร์มิน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
เราคุยกันอีกสักพักอาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้าห้องมา ตอนแรกผมคิดว่าอาร์มินจะไม่มีหนังสือเรียนเสียอีก แต่ผิดคาดเขาเตรียมพร้อมมาดีทีเดียวเลยล่ะ.....ท่าทางจะเป็นเด็กเรียนแฮะ ในขณะที่ผมกำลังงงๆอยู่กับฟังก์ชันที่บานเป็นดอกเห็ดอยู่เต็มหน้ากระดานอยู่นั้นก็มีอันต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆที่หลังต้นคอ
“ข....ขอโทษ” อาร์มินกระซิบเสียงเบาหน้าตื่น
“ผ....ผมไม่ได้อยากจะทำให้เอเลนตกใจ แต่เห็น....เอิ่ม.....ร.....รอยกัดที่หลังต้นคอ คิดว่าเอเลน.....อาจจะเจ็บ” อาร์มินก้มหน้าตอบเสียงสั่น แต่เดี๋ยวนะ....รอยกัดที่หลังต้นคอเหรอ หรือว่าจะเป็นรอยที่พี่รีไวทำไว้เมื่อคืนนี้ o_O โอ้ไม่นะ!!!! มันยังไม่หายอีกเหรอเนี่ย ผมรีบยกปกเสื้อตั้งขึ้นปิดคอเอาไว้ ถึงใครจะหาว่าไม่เรียบร้อยก็เถอะ ตอนนี้ผมไม่แคร์
“รอยยุงกัดน่ะ ไม่เป็นไรหรอก” ถึงจะตอบแบบนั้นไปก็เถอะ แต่ร้อนหน้าชะมัด นี่ผมคงไม่ได้หน้าแดงจนอาร์มินจับพิรุธได้หรอกนะ ผมรีบหันหลังกลับแสร้งทำเป็นสนใจกระดานตรงหน้าทันที
“ยุงตัวที่กล้ากัดเอเลนแบบนี้.....มันน่าตบให้ตายจริงๆเลยนะ”
เหมือนจะได้ยินเสียงอาร์มินมาแว่วๆแต่ผมไม่กล้าหันกลับไปถามแล้วว่าอาร์มินพูดอะไร ช่างมันเถอะ...
นับว่าเป็นโชคดีแล้วที่เอเลนไม่ได้หันกลับไปมอง เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเอเลนก็คงช็อคที่ได้เห็นรอยยิ้มร้ายๆที่ประดับอยู่บนหน้าตาจิ้มลิ้มนั้นเป็นแน่
เสียงออดพักเที่ยงดังขึ้นขณะที่เด็กในห้องต่างเก็บของแล้วแตกฮือออกจากห้อง
“อาร์มิน ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันสิ”
“ไม่ล่ะ ไม่อยากรบกวนน่ะ ขอบใจที่ชวนผมนะ” อาร์มินเดินออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้น ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะไปโรงอาหารคนเดียวได้แน่เหรอ
“อย่าห่วงมันเลยน่า พักเที่ยงใครๆก็ไปกินข้าวที่โรงอาหารกัน มันหาทางไปเองได้หรอกน่า” แจนบ่นให้ผมขณะที่ลากผมออกจากห้อง
“ไอ้พี่เตี้ยมันทำไรอยู่เนี่ย!!! หิวว่ะ”
เสียงจอกแจจอแจของเด็กนักเรียนดังลั่นกันทั่วทั้งโรงอาหาร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของอาร์มินเลยสักนิด
“เอเลนมองหาใคร”
“อ๋อ เพื่อนครับ เพิ่งย้ายมาใหม่ ไม่แน่ใจว่าจะมาถูกรึเปล่า” ผมตอบพี่รีไวขณะที่รับขวดน้ำแร่มาดื่ม
“ถ้ามันจะโง่ถึงขนาดมาไม่ถูกก็ช่างมันเหอะ” แจนตอบขณะที่ม้วนเส้นสปาเกตตีเข้าปากอย่างหิวโหย แกไปตายอดตายอยากมาจากไหนกันวะแจน
“เย็นนี้ติดอะไรรึเปล่าล่ะ.....คุณนายแม่โทรมาให้แวะไปที่ร้านด้วย”
“คุณแม่เหรอครับ......วันนี้ไม่มีโปรแกรมหรอกครับ ไปช่วยงานคุณแม่ที่ร้านก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้ไปนานแล้วด้วย”
“ไปด้วยสิ ไปด้วย งานนี้กินฟรีแน่ๆ” พี่นานาบะยกมือตะโกนขึ้นดังลั่นโต๊ะท่าทางดีใจมาก ก็นะ ใครๆก็ติดใจเบเกอร์รีฝีมือคุณแม่กันทั้งนั้นนี่นา
“อ๋มไออ้วย” แจนที่คาบสปาเกตตีไว้เต็มปากก็ยกมือด้วยคน
“ฉันว่าจะแวะไปที่ชมรมดูพวกปีหนึ่งปีสองมันซ้อมสักหน่อย เดี๋ยวตามไป......พวกแก!!! เย็นนี้ห้ามโดดซ้อมเด็ดขาดนะเว่ย!!!” พี่มิเกะหันไปขึ้นเสียงใส่พวกพี่เอิร์ด ออลโอ กุนเธอร์ ให้ต้องรีบรับคำเสียงดังจนข้าวติดคอกันเป็นแถวๆ
“แล้ว พวกผมขอตามไปสมทบทีหลังได้มั้ยครับหัวหน้า” พี่ออลโอหันไปเหล่ถามเสียงเบาขณะที่พี่ชายรูปหล่อของผมก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรซึ่งมันก็เรียกเสียงเฮให้เด็กโต๊ะอื่นหันมามองโต๊ะเรากันให้พรึ่บ
แน่นอน จะไม่ให้ดีใจได้ยังไงในเมื่องานนี้ได้อิ่มจังตังค์อยู่ครบกันเป็นแถวๆน่ะสิ
“ฉันจะให้คุณนายแม่ทำสตรอเบอร์รี่กรุบกริบแก้วเบิ้มๆให้ดีกว่า ไม่ได้กินนานแล้วคิดถึ้ง....คิดถึง”
“เจ้นี่ชอบกินอะไรที่ไม่เข้ากับหน้าตาเลยจริงๆนะ”
“แกมีปัญหากับสาวหวานผู้เรียบร้อยเหมือนผ้ายับที่พับไว้อย่างฉันเหรอออลโอ ห๊ะ!!!!”
“โอ๊ย....โอ๊ย....เจ้ อย่าจิกผมกันเซ่ มันเจ็บอ่ะ”
“ไม่จิกผมแล้วจะให้ฉันจิกอะไรแกห๊ะ”
“ปล่อยผมเถอะเจ้....ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ!!!”
“อันที่จริงถึงพี่ไม่ต้องลงโทษ พี่ออลโอแกก็ลงโทษตัวเองด้วยการกัดลิ้นอยู่เป็นประจำอยู่แล้วล่ะครับ”
“แหม....ไอ้เด็กแจนมันพูดจามีเหตุผลแฮะ” พี่นานาบะพูดพลางหัวเราะร่วนเสียงดัง ท่ามกลางเสียงหัวเราะโหวกเหวกของทุกๆคน ผมและพี่รีไวเดินรั้งท้ายอยู่เงียบๆกันสองคน มืออุ่นๆคอยเกาะเกี่ยวเอาไว้ไม่ยอมให้ผมอยู่ห่างกาย
“อึดอัดรึเปล่า” พี่รีไวเอ่ยถามขณะที่เงยหน้าจ้องมองผมเขม็ง
“เปล่านี่ครับ แบบนี้ดีออก ทำให้ผมได้อยู่ใกล้กับพี่ไงครับ” ผมตอบขณะที่ยิ้มให้ จู่ๆเสียงเตือนไลน์ของผมก็ดังขึ้น
‘พี่ก็ดีใจที่เอเลนอยู่กับพี่’ ผมอ่านข้อความนั้นแล้วเอ่ยถามคนที่เดินข้างๆกันเสียงเบา
“อยู่กันแค่นี้ พี่จะไลน์หาผมทำไมกันครับ”
มือใหญ่โน้มคอผมลงไปใกล้ขณะที่กระซิบตอบเสียงเบา
“ยิ่งไลน์ยิ่งใกล้.....ไงล่ะ”
ผมไม่กล้าเงยหน้ามองคนพูดด้วยซ้ำ ได้แต่ก้มหน้าซุกกับบ่าของพี่ชายช่างแกล้งเอาไว้ ถ้าพี่รีไวเห็นว่าหน้าแดงล่ะก็ มีหวังได้หาเรื่องแกล้งหนักกว่าเดิมแน่ๆ แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ
พี่เตี้ยของผมน่ารักจังครับ >////<
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าหมาน้อยตัวนี้กำลังเขินอยู่แน่ๆ กับเรื่องเล็กๆน้อยๆก็หน้าแดงเสียแล้ว เด็กหนอเด็ก ช่างไร้เดียงสาเสียเหลือเกินนะ
“เอเลน.....จะว่าอะไรมั้ย ถ้าคืนนี้พี่จะขอ......”
เสียงทุ้มๆที่เอ่ยกระซิบอยู่ที่ข้างหูทำให้หัวใจดวงน้อยของเด็กหนุ่มยิ่งเต้นระรัวหนักขึ้น
ขออะไรครับ รีบขอมาสิครับ.....ผมรออยู่
“พี่อยากจะขอ...........แม่ง!!!ใครวะ”
พูดยังไม่ทันจบพี่รีไวก็ตะโกนขึ้นเสียงดังจนผมตกใจ พี่รีไวผลักผมไปหลบด้านหลังขณะที่ตะโกนขึ้นไปบนดาดฟ้า
“ออกมาสิวะ.....ไอ้คนเหลือขอ!!!” ตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความหงุดหงิดขณะที่ปาบุหรี่ที่ถูกสูบแล้วลงกับพื้นด้วยความโมโห บุหรี่ตัวนั้นยังมีไฟติดอยู่เลย
“มีอะไรเหรอรีไว” พวกพี่มิเกะที่เดินนำไปก่อนต้องย้อนกลับมาดูพวกเรา
“มีใครบางคนโยนบุหรี่ที่สูบแล้วลงมาจากดาดฟ้า ถ้าฉันไม่เห็นก่อนคงโดนเอเลนไปแล้ว” พูดพลางกระทืบเท้าขยี้บุหรี่ด้วยความหัวเสีย
“แกเห็นคนทำมั้ยล่ะ”
“แดดมันแยงตา ฉันไม่เห็น”
“ขอผมดูมือพี่หน่อยสิครับ” มือข้างที่รับบุหรี่เอาไว้ปรากฏรอยไหม้เป็นวงกว้าง อีกไม่นานมันต้องพองเป็นตุ่มน้ำใสๆแน่ๆ แผลที่ท้องก็ยังไม่หายดี เจ็บตัวเพิ่มขึ้นอีกแล้วสินะ.....เพราะผมอีกเช่นเคย
“ไปห้องพยาบาลกันเถอะครับ”
“เดี๋ยวพี่ไปเองได้ เอเลนกลับเข้าห้องเถอะ พี่จะให้ออลโอไปส่งที่ห้อง เย็นนี้กลับไปคงต้องให้เอเลนล้างแผลให้อีกแล้วล่ะ”
“เจ็บตัวเพราะผมอีกแล้วสินะครับ”
“แค่เล็กน้อย.....กลับห้องเถอะ” มือใหญ่ลูบหัวผมเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ พี่รีไวยืนส่งผมจนสุดทางเดินในที่สุด
“จะปล่อยมันไปเหรอ” มิเกะเหล่ถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆกันเรียบๆ ลองได้แหย่หนวดเสือกันขนาดนี้แล้วอย่าคิดว่าจะจบได้ง่ายๆ
“ไปลากคอมันออกมา.....ฉันจัดการเอง”
และแล้วบ่ายวันนั้นผมก็ไม่เห็นอาร์มินเลยทั้งบ่าย ไม่ใช่หลงทางไปถึงไหนแล้วหรอกนะ
“ไปเหอะ.....รีบไป เลิกเรียนคนแน่นร้านนะ” แจนเร่งผมขณะที่ช่วยยัดอุปกรณ์การเรียนลงเป้ของผม
“แต่อาร์มิน.....”กระเป๋านักเรียนของเขายังอยู่ที่นี่อยู่เลย
“ช่างมันเหอะน่า.....จะห่วงอะไรมันนักหนา เดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละ ไปกันเถอะๆ”
ผมตัดสินใจคว้ากระเป๋าเป้ของอาร์มินติดมือมาด้วยในที่สุดแล้ววิ่งตามแจนออกไป พี่นานาบะและพี่รีไวรอเราที่สนามฟุตบอลแล้ว หลังจากบอกลาพี่มิเกะกับพวกรุ่นพี่ปีสองกันนิดหน่อยแล้วเราก็ออกเดินไปยังร้านแอนทีคเบเกอร์รี่ จุดหมายปลายทางของเรา
“พวกแกจะยืนขาตายกันไปไหน วิ่งตามลูกให้มันดีกว่านี้หน่อยสิวะ เรื่องท้าต่อยท้าตีล่ะเก่งนัก พออยู่ในสนามล่ะไม่ได้เรื่อง!!!” เสียงมิเกะที่ว้ากๆอยู่ข้างสนามเล่นเอาออลโอถึงกับสะดุ้งเผลอสะดุดฝุ่นล้มกลิ้งทำลูกออกจากสนามท่ามกลางเสียงโห่ฮาของเพื่อนๆร่วมชมรม
ชายหนุ่มรีบผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งไปตามเก็บบอลด้วยความอับอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ขณะที่กำลังวิ่งตามบอลอยู่นั้นเสียง แกร๊ง!!! ก็ดังขึ้นใกล้ๆตัว พอมองไปด้านหลังก็เห็นกระป๋องน้ำอัดลมนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น จากการสันนิษฐานหรือเรียกอีกอย่างว่าเดา เศษกระป๋องชิ้นนี้เหมือนจะพุ่งมาจากหน้าโรงเรียนที่ซึ่งมีเด็กต่างโรงเรียนกลุ่มใหญ่เดินผ่านพอดิบพอดี เลิกสนใจลูกบอลที่กลิ้งขลุกๆหันไปคว้าเอาเศษกระป๋องนั้นขึ้นมาแทน เดินดุ่มๆไปหน้าโรงเรียนด้วยความหัวเสีย
“เฮ้ย!!! พวกแก” น้ำเสียงที่ติดไม่ค่อยจะพอใจนักเรียกความสนใจของเด็กนักเรียนกลุ่มนั้นได้เป็นอย่างดี
“ไอ้กระป๋องนี่น่ะ ของพวกแกรึเปล่า”
“ของฉันเองแหละ” หญิงสาวสวมแว่นมัดผมหางม้าหนึ่งเดียวของกลุ่มยกมือรับยิ้มๆ
“เธอเองเหรอ ทิ้งขยะเรี่ยราดใส่ที่ของคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง มันสกปรกนะโว้ย!!! แบบนี้มันหยามกันชัดๆ” ออลโอขึ้นเสียงจนเพื่อนๆร่วมชมรมต้องตามมาสมทบ
“อ้าว ฉันว่าฉันโยนลงถังไปแล้วนี่พลาดหรอกเหรอ” เธอตอบขณะที่กระชับแว่นสายตามองไปยังถังขยะที่อยู่ใกล้ๆจุดที่ออลโอเก็บกระป๋องได้
“ก็แล้วถ้ามันลง เธอคิดว่าฉันไปคุ้ยมันมาจากถังขยะรึไงกันเล่า”
“เอาน่าๆ ใจเย็น ขอโทษแล้วกัน มันมองไม่ชัดนี่นา” ผู้หญิงคนนั้นตอบด้วยท่าทางที่เหมือนจะบอกว่า ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ
“หนอย....อย่าคิดว่าเรียนโรงเรียนเอกชนผู้ดีแล้วจะมาหยามเด็กโรงเรียนรัฐกันได้นะเฟ่ย” ออลโอทำท่าจะพุ่งเข้าใส่คู่กรณีขณะที่เอิร์ดรีบดึงตัวเอาไว้
“มีอะไรกันเหรอฮันซี่” ชายหนุ่มร่างสูงผมบลอนด์ทองมีสง่าราศรีของความเป็นผู้นำอย่างเต็มเปี่ยมเดินแหวกกลุ่มเพื่อนนักเรียนออกมาหาหญิงสาวที่อยู่กลางวง
“เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย ฉันจะทิ้งขวดน้ำอัดลมนั่นแต่มันไม่ลงถัง คุณคนนี้เขาก็เลยไม่พอใจ” เธอตอบผู้ชายคนนั้นด้วยสีหน้าเอือมๆ
“อะไรกันเล่า ความสะอาดมันเป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนนะเว่ย ทิ้งขยะเรี่ยราดแบบนี้มันหยามกันชัดๆ”
“ผมต้องขอโทษด้วย เป็นความผิดของทางเราเองจริงๆ” ชายหนุ่มผมทองเอ่ยกับออลโอด้วยท่าทีสุภาพราวกับผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว
“คิดว่าทำผิดก็ขอโทษแล้วมันจะหายกันเหรอวะ ถ้าอย่างนั้นจะมีตำรวจไว้ทำไมกัน!!!” ออลโอตะโกนเสียงดังขณะที่ปากระป๋องน้ำอัดลมลงพื้นด้วยความโมโห
“ถ้าหากจะหาเรื่องกันล่ะก็ย่อมได้ แต่บอกไว้ก่อนว่าพวกผมไม่ยอมอยู่นิ่งๆให้พวกคุณเล่นงานฟรีๆหรอกนะ” ฝ่ายเด็กโรงเรียนเอกชนเริ่มกระจายตัวสร้างพื้นที่ให้ตนเองเตรียมพร้อมรับการตะลุมบอนในขณะที่ชายหนุ่มร่างสูงผมทองยังคงยืนนิ่งด้วยใบหน้าสงบราบเรียบ
“เล่นมันเลยดิวะ รออะไรกันเล่า!!!” ออลโอขึ้นเสียงขณะที่กำลังสาวเท้าเข้าไปประจันหน้ากับชายหนุ่มคนนั้น แต่รังสีอำมหิตที่แผ่พุ่งมาจากด้านหลังทำให้เขาชะงักนิ่ง
“พวกแก.....ใครบอกให้มาทำเรื่องไร้สาระอะไรกันอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ไปซ้อมกันวะ!!!” มิเกะแหวกกลุ่มเด็กชมรมฟุตบอลตะโกนใส่ออลโอจนหูชาด้วยความฉุนเฉียว แม้กระทั่งฝ่ายคู่กรณีเองก็ยังสะดุ้งกันเป็นแถบๆ
“ก....ก็เจ้าพวกนี้มันทิ้งขยะใส่โรงเรียนเรานี่เฮีย” ออลโอก้มหน้างุด ความกร่างเมื่อครู่นี้หล่นหายไปทันที
“พวกเราไม่ได้ตั้งใจ และก็ขอโทษแล้ว แต่คนของคุณก็ยังไม่ยอมจะหาเรื่องให้ได้”
มิเกะทอดสายตามองชายหนุ่มร่างสูงผมบลอนด์ที่ส่วนสูงไล่เลี่ยกันกับเขาแล้วยังท่าทางผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วนั่นอย่างพิจารณา
เด็กโรงเรียนอินเตอร์ไฮเหรอ.......
ต่างฝ่ายต่างประสานสายตาหยั่งเชิงกันอยู่เงียบๆท่ามกลางความอึดอัดของเหล่าผู้ติดตามที่เหลือ เป็นเวลานานพอดูกว่าที่มิเกะจะเอ่ยขึ้น
“ไร้สาระ” ว่าพลางยกเท้าขึ้นเตะกระป๋องน้ำอัดลมตัวต้นเรื่องลอยไปชนปลายคางออลโอเสียจนเผลอกัดลิ้นตัวเองก่อนจะชิ่งปลิวไปลงถังขยะอย่างสวยงาม
“แกนี่มันไร้สาระจริงๆว่ะออลโอ เรื่องแค่นี้แท้ๆ แล้วใครใช้ให้แกไปลอกเลียนแบบคำพูดของพระเอกการ์ตูนตาหวานกันวะ ถึงแกจะหัวหยิกเหมือนมันก็เถอะ น่าขายหน้าชะมัด......เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย!!! ทีนี้พวกแกก็ไสหัวกลับไปซ้อมกันได้แล้ว ไป๊!!!” เด็กชมรมฟุตบอลต่างแตกฮือกันไปคนละทิศคนละทางด้วยความตกใจ
“ไอ้เด็กบ้าพวกนี้ เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ” บ่นไล่หลังไปเบาๆด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันไปชี้หน้าชายหนุ่มผมทองคนนั้นแล้วเอ่ยเสียงดัง
“ส่วนนายถ้ายังคาใจ เราค่อยมาเคลียร์กันอีกทีหลังจากฉันไล่บี้เจ้าลิงพวกนั้นให้เตะบอลเป็นก็แล้วกัน”
ความคิดเห็น