ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Attack On Titan Fic:Levi x Eren } My sweet puppy

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่สิบสาม เพื่อนใหม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.06K
      17
      15 ม.ค. 57

    บทที่สิบสาม เพื่อนใหม่

     

    เสียงออดเข้าเรียนคาบแรกดังขึ้นแล้ว เด็กนักเรียนเริ่มแยกย้ายกันเข้าห้อง แต่ผมกับแจนก็ยังไม่สามารถกลับเข้าไปนั่งที่ได้แม้ว่าจะมาถึงหน้าห้องเรียนแล้วก็ตาม ในเมื่อพี่รีไวกับแจนยังเล่นเกมจ้องตากันอยู่เลยนี่สิ

    “ถ้าพวกแกยังจะจ้องตากันอยู่แบบนี้แล้วเกิดมีใครคนใดคนหนึ่งท้องขึ้นมา เรื่องนี้มันคงไม่จบด้วยรีเอแน่ๆ พวกแกอยากจะเปลี่ยนแพร์ริ่งกันใหม่หรือยังไง” พี่นานาบะที่ยืนรออยู่นานจนเหมือนจะเริ่มหมดความอดทนได้เอ่ยขึ้น

    “จำไว้ไอ้ม้า...ถึงฉันจะไม่อยู่ด้วยก็อย่าคิดว่าแกจะมีสิทธิ์....” พี่รีไวเอ่ยขณะที่คว้าคอแจนโน้มลงไปกระซิบกันสองคน

    “เพราะคนของฉัน คอยจับตาดูแกอยู่ทุกที่” เอ่ยด้วยน้ำเสียงเชือดเฉือนก่อนจะปล่อยแจนให้เป็นอิสระ ทันทีที่ถูกปล่อยตัวแจนก็หลบไปอยู่หลังเอเลนทันที

    “ผม....ผมบริสุทธิ์ใจหรอก....ไม่เหมือนคนบางคน”

    ปึ้ด!!! รู้สึกขนคิ้วกระตุกเลยทีเดียว ในขณะที่รีไวกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าคอแจนก็ถูกมิเกะกับนานาบะลากตัวออกไปเสียก่อน

    “แล้วเจอกันพักเที่ยงนะเด็กๆ.....” พี่นานาบะหันมาบอกกับพวกเราขณะที่รุนหลังพี่รีไวออกไปพร้อมกัน

    “รู้สึกวันนี้แกดูจะสนิทสนมกับพี่รีไวดีนะแจน” ผมพูดกับแจนยิ้มๆขณะที่กอดคอมันเดินเข้าห้อง

    “สนิทบ้าอะไรล่ะ....กัดกันจะตายห่านอยู่แล้วเนี่ย” แจนตอบหน้าหงิกยิ่งทำให้ผมขำมากกว่าเดิม

    “ว่าแต่แก....กับพี่เตี้ย ถึงไหนกันแล้ว” แจนเอ่ยถามผมเสียงเบาหน้าหงอย .....ทำไมแกต้องสลดขนาดนั้นด้วยล่ะวะ

    “ถึงไหนเหรอ.....อืม.....ก็ไม่ถึงไหนหรอก ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ.....” เป็นเหมือนอย่างที่เราเคยเป็นมาตั้งแต่แรก

    “พี่เตี้ย....ยังไม่ได้ทำอะไรแกใช่มั้ย”

    “ทำอะไร....แกหมายความว่าไงน่ะ พวกเราก็เหมือนเดิมทุกอย่างนี่”

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี.....ฉันจะได้เบาใจ”

    ไม่รู้สินะ แจนดูเหมือนมีเรื่องอะไรสักอย่างในใจยังไงชอบกล.....บางทีมันอาจจะเป็นกังวลเรื่องของผมกับพี่รีไวก็เป็นได้

    “แจนถ้าแกกำลังเป็นกังวลเรื่องของฉันกับพี่รีไวอยู่ล่ะก็.....แกก็น่าจะรู้นะว่าไม่ต้องทำแบบนั้นเลย แกเองก็รู้จักพี่รีไวดี พี่เขาเป็นคนยังไงวางใจได้อยู่แล้ว”

    “ก....ก็รู้หรอกน่า”

    “แล้วถ้างั้นแกยังกังวลเรื่องอะไร......ถ้าหากแกกลัวว่าฉันจะเปลี่ยนไปล่ะก็ บอกได้เลยว่าไม่มีทางอยู่แล้ว แกยังเป็นเพื่อนคนสำคัญที่สุดของฉันเสมอ”

    แจนโถมตัวเข้ามากอดผมเต็มแรงปล่อยโฮลั่น

    “เอเลน!!! ฉันรักแก ฉันรักแกจริงๆนะเว่ย.......เอเลน!!!!

    “อืม ฉันก็รักแกเหมือนกัน” ผมได้แต่ช่วยลูบหลังปลอบมันให้ ช่วงนี้แจนมันอารมณ์อ่อนไหวมากกว่าปกติจริงๆ เพื่อนในห้องต่างมองมาที่เราอย่างเอือมระอาก่อนจะหันไปจับกลุ่มพูดคุยกันต่อ เสียงพูดคุยหยอกล้อเงียบลงเมื่ออาจารย์ประจำชั้นเดินเข้ามาท่ามกลางความแปลกใจของทุกคนคาบแรกนี่มันเป็นคณิตศาสตร์นี่นาไม่ใช่ชั่วโมงโฮมรูมสักหน่อยแล้วอาจารย์แกมาเพื่อ?

    “ไม่ต้องทำหน้าเป็นคำถามว่าฉันมาทำอะไรในคาบนี้ ที่จริงก็ไม่อยากจะเข้ามานักหรอก เหม็นหน้าพวกแกจริงๆ” อาจารย์สาวสวยกล่าวยิ้มๆเสียงเข้ม คำพูดคำจาช่างขัดแย้งกับหน้าตาเสียเหลือเกินนะครับ

    “พาเพื่อนใหม่มาส่งให้น่ะ.....เอ้าเข้ามาสิหนุ่มน้อย”

    พอสิ้นเสียงของเธอ เด็กผมทองร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มก็เดินเข้ามาในห้อง

    “จะนั่งตรงไหนก็นั่ง พวกแกก็ทำความรู้จักกันเองก็แล้วกัน ฉันรีบ.....ทาสีเล็บเท้ายังไม่เสร็จเลย ชิ!!!

    แหม่!!! ช่างเป็นครูที่มีความโอบอ้อมอารีสมกับเป็นครูประจำชั้นจริงๆเลยนะครับ แต่เอาเถอะอย่าไปยุ่งกับแกมากเลยดีกว่าเดี๋ยวเป็นเรื่องเอา ตอนนี้เพื่อนใหม่ของพวกผมกำลังยืนส่งยิ้มหวานอยู่หน้าห้องดวงตาสีฟ้าใสเป็นประกายระยับแลดูน่าเอ็นดูเหลือเกิน จู่ๆเขาก็เดินตรงมาที่แจนแล้วเอ่ยเสียงเบา

    “เอิ่ม ขอโทษนะครับ ขอผมนั่งตรงนี้ได้มั้ย”

    “อะไรวะ แกก็ไปหาที่มันว่างๆนั่งสิ มาแย่งที่ฉันทำไม” แจนขึ้นเสียงใส่ นักเรียนใหม่ชะเง้อคอไปยังที่ว่างหลังห้องแล้วคอตก

    “ผ....ผม....ตัวเล็ก....แล้วก็สายตาสั้น นั่งข้างหลังก็คงไม่เห็นกระดาน”

    “งั้นแกก็ไปนั่งข้างหน้าสิวะ มาแย่งที่ฉันเพื่อ”

    “ถ้าใกล้เกินไป.....ผ.....ผม.....ก็.....ก็จะปวดตาครับ” เด็กคนนั้นเริ่มตัวสั่นเมื่อแจนขึ้นเสียงดังขึ้นกว่าเดิม

    “ปัญหาของแกเองเว่ย ฉันไม่เกี่ยว” แจนตัดบทขณะที่สะบัดหน้าออกมองนอกหน้าต่าง

    “เอ่อ....ถ้าไม่รังเกียจนั่งที่ฉันก็ได้นะ อย่าถือสาแจนมันเลย มันก็ใจแคบอยู่เป็นปกตินั่นแหละ ที่จริงก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอก” ผมบอกกับเขาขณะที่เก็บของแล้วสละโต๊ะให้ ผมไปนั่งหลังห้องก็ได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้วล่ะ

    “ไม่ๆ.....ไม่ดีกว่า....ย....อย่าให้ผมต้องทำให้คุณลำบากเลย” เด็กคนนั้นตะครุบมือผมที่กำลังเก็บของเอาไว้แล้วส่ายหน้าด้วยความเกรงใจ

    อืม......แล้วจะเอายังไงดีล่ะที่นี้

    “นั่งตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวฉันไปนั่งข้างหลังให้เอง” เพื่อนร่วมห้องที่นั่งถัดต่อจากผมออกตัวลุกจากโต๊ะให้ นักเรียนใหม่ยิ้มรับขณะที่กล่าวขอบคุณเบาๆ

    “เอ่อ.....นั่งข้างหลังฉันแบบนี้จะไม่ถูกฉันบังเอาเหรอ” ผมหันหลังกลับไปถามเด็กใหม่ที่นั่งต่อหลังกัน คือส่วนสูงของผมกับเขาก็ต่างกันเยอะอยู่นะ นั่งข้างหลังผมแบบนี้จะมองเห็นกระดานเหรอ

    “ดีแล้วล่ะ ตรงนี้เหมาะแล้วคุณไม่บังผมหรอก” เขาตอบยิ้มๆถ้าเจ้าตัวเขาโอเคก็คงต้องตามนั้นล่ะนะ

    “ฉันชื่อเอเลน ส่วนเจ้าโย่งใจแคบนั่นชื่อแจน” แจนหันมาย่นจมูกใส่ผมแล้วสะบัดหน้าหนีอย่างเคืองๆ

    “ผมชื่ออาร์มิน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

    เราคุยกันอีกสักพักอาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้าห้องมา ตอนแรกผมคิดว่าอาร์มินจะไม่มีหนังสือเรียนเสียอีก แต่ผิดคาดเขาเตรียมพร้อมมาดีทีเดียวเลยล่ะ.....ท่าทางจะเป็นเด็กเรียนแฮะ ในขณะที่ผมกำลังงงๆอยู่กับฟังก์ชันที่บานเป็นดอกเห็ดอยู่เต็มหน้ากระดานอยู่นั้นก็มีอันต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเย็นๆที่หลังต้นคอ

    “ข....ขอโทษ” อาร์มินกระซิบเสียงเบาหน้าตื่น

    “ผ....ผมไม่ได้อยากจะทำให้เอเลนตกใจ แต่เห็น....เอิ่ม.....ร.....รอยกัดที่หลังต้นคอ คิดว่าเอเลน.....อาจจะเจ็บ” อาร์มินก้มหน้าตอบเสียงสั่น แต่เดี๋ยวนะ....รอยกัดที่หลังต้นคอเหรอ หรือว่าจะเป็นรอยที่พี่รีไวทำไว้เมื่อคืนนี้ o_O โอ้ไม่นะ!!!! มันยังไม่หายอีกเหรอเนี่ย ผมรีบยกปกเสื้อตั้งขึ้นปิดคอเอาไว้ ถึงใครจะหาว่าไม่เรียบร้อยก็เถอะ ตอนนี้ผมไม่แคร์

    “รอยยุงกัดน่ะ ไม่เป็นไรหรอก” ถึงจะตอบแบบนั้นไปก็เถอะ แต่ร้อนหน้าชะมัด นี่ผมคงไม่ได้หน้าแดงจนอาร์มินจับพิรุธได้หรอกนะ ผมรีบหันหลังกลับแสร้งทำเป็นสนใจกระดานตรงหน้าทันที

    “ยุงตัวที่กล้ากัดเอเลนแบบนี้.....มันน่าตบให้ตายจริงๆเลยนะ”

    เหมือนจะได้ยินเสียงอาร์มินมาแว่วๆแต่ผมไม่กล้าหันกลับไปถามแล้วว่าอาร์มินพูดอะไร ช่างมันเถอะ...

     

    นับว่าเป็นโชคดีแล้วที่เอเลนไม่ได้หันกลับไปมอง เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเอเลนก็คงช็อคที่ได้เห็นรอยยิ้มร้ายๆที่ประดับอยู่บนหน้าตาจิ้มลิ้มนั้นเป็นแน่

     

    เสียงออดพักเที่ยงดังขึ้นขณะที่เด็กในห้องต่างเก็บของแล้วแตกฮือออกจากห้อง

    “อาร์มิน ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันสิ”

    “ไม่ล่ะ ไม่อยากรบกวนน่ะ ขอบใจที่ชวนผมนะ” อาร์มินเดินออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้น ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะไปโรงอาหารคนเดียวได้แน่เหรอ

    “อย่าห่วงมันเลยน่า พักเที่ยงใครๆก็ไปกินข้าวที่โรงอาหารกัน มันหาทางไปเองได้หรอกน่า” แจนบ่นให้ผมขณะที่ลากผมออกจากห้อง

    “ไอ้พี่เตี้ยมันทำไรอยู่เนี่ย!!! หิวว่ะ”

     

    เสียงจอกแจจอแจของเด็กนักเรียนดังลั่นกันทั่วทั้งโรงอาหาร แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของอาร์มินเลยสักนิด

    “เอเลนมองหาใคร”

    “อ๋อ เพื่อนครับ เพิ่งย้ายมาใหม่ ไม่แน่ใจว่าจะมาถูกรึเปล่า” ผมตอบพี่รีไวขณะที่รับขวดน้ำแร่มาดื่ม

    “ถ้ามันจะโง่ถึงขนาดมาไม่ถูกก็ช่างมันเหอะ” แจนตอบขณะที่ม้วนเส้นสปาเกตตีเข้าปากอย่างหิวโหย แกไปตายอดตายอยากมาจากไหนกันวะแจน

    “เย็นนี้ติดอะไรรึเปล่าล่ะ.....คุณนายแม่โทรมาให้แวะไปที่ร้านด้วย”

    “คุณแม่เหรอครับ......วันนี้ไม่มีโปรแกรมหรอกครับ ไปช่วยงานคุณแม่ที่ร้านก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้ไปนานแล้วด้วย”

    “ไปด้วยสิ ไปด้วย งานนี้กินฟรีแน่ๆ” พี่นานาบะยกมือตะโกนขึ้นดังลั่นโต๊ะท่าทางดีใจมาก ก็นะ ใครๆก็ติดใจเบเกอร์รีฝีมือคุณแม่กันทั้งนั้นนี่นา

    “อ๋มไออ้วย” แจนที่คาบสปาเกตตีไว้เต็มปากก็ยกมือด้วยคน

    “ฉันว่าจะแวะไปที่ชมรมดูพวกปีหนึ่งปีสองมันซ้อมสักหน่อย เดี๋ยวตามไป......พวกแก!!! เย็นนี้ห้ามโดดซ้อมเด็ดขาดนะเว่ย!!!” พี่มิเกะหันไปขึ้นเสียงใส่พวกพี่เอิร์ด ออลโอ กุนเธอร์ ให้ต้องรีบรับคำเสียงดังจนข้าวติดคอกันเป็นแถวๆ

    “แล้ว พวกผมขอตามไปสมทบทีหลังได้มั้ยครับหัวหน้า” พี่ออลโอหันไปเหล่ถามเสียงเบาขณะที่พี่ชายรูปหล่อของผมก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไรซึ่งมันก็เรียกเสียงเฮให้เด็กโต๊ะอื่นหันมามองโต๊ะเรากันให้พรึ่บ

    แน่นอน จะไม่ให้ดีใจได้ยังไงในเมื่องานนี้ได้อิ่มจังตังค์อยู่ครบกันเป็นแถวๆน่ะสิ

     

    “ฉันจะให้คุณนายแม่ทำสตรอเบอร์รี่กรุบกริบแก้วเบิ้มๆให้ดีกว่า ไม่ได้กินนานแล้วคิดถึ้ง....คิดถึง”

    “เจ้นี่ชอบกินอะไรที่ไม่เข้ากับหน้าตาเลยจริงๆนะ”

    “แกมีปัญหากับสาวหวานผู้เรียบร้อยเหมือนผ้ายับที่พับไว้อย่างฉันเหรอออลโอ ห๊ะ!!!!

    “โอ๊ย....โอ๊ย....เจ้ อย่าจิกผมกันเซ่ มันเจ็บอ่ะ”

    “ไม่จิกผมแล้วจะให้ฉันจิกอะไรแกห๊ะ”

    “ปล่อยผมเถอะเจ้....ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ!!!

    “อันที่จริงถึงพี่ไม่ต้องลงโทษ พี่ออลโอแกก็ลงโทษตัวเองด้วยการกัดลิ้นอยู่เป็นประจำอยู่แล้วล่ะครับ”

    “แหม....ไอ้เด็กแจนมันพูดจามีเหตุผลแฮะ” พี่นานาบะพูดพลางหัวเราะร่วนเสียงดัง ท่ามกลางเสียงหัวเราะโหวกเหวกของทุกๆคน ผมและพี่รีไวเดินรั้งท้ายอยู่เงียบๆกันสองคน มืออุ่นๆคอยเกาะเกี่ยวเอาไว้ไม่ยอมให้ผมอยู่ห่างกาย

    “อึดอัดรึเปล่า” พี่รีไวเอ่ยถามขณะที่เงยหน้าจ้องมองผมเขม็ง

    “เปล่านี่ครับ แบบนี้ดีออก ทำให้ผมได้อยู่ใกล้กับพี่ไงครับ” ผมตอบขณะที่ยิ้มให้ จู่ๆเสียงเตือนไลน์ของผมก็ดังขึ้น

    พี่ก็ดีใจที่เอเลนอยู่กับพี่ผมอ่านข้อความนั้นแล้วเอ่ยถามคนที่เดินข้างๆกันเสียงเบา

    “อยู่กันแค่นี้ พี่จะไลน์หาผมทำไมกันครับ”

    มือใหญ่โน้มคอผมลงไปใกล้ขณะที่กระซิบตอบเสียงเบา

    “ยิ่งไลน์ยิ่งใกล้.....ไงล่ะ”

    ผมไม่กล้าเงยหน้ามองคนพูดด้วยซ้ำ ได้แต่ก้มหน้าซุกกับบ่าของพี่ชายช่างแกล้งเอาไว้ ถ้าพี่รีไวเห็นว่าหน้าแดงล่ะก็ มีหวังได้หาเรื่องแกล้งหนักกว่าเดิมแน่ๆ แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ

    พี่เตี้ยของผมน่ารักจังครับ >////<

     

    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าหมาน้อยตัวนี้กำลังเขินอยู่แน่ๆ กับเรื่องเล็กๆน้อยๆก็หน้าแดงเสียแล้ว เด็กหนอเด็ก ช่างไร้เดียงสาเสียเหลือเกินนะ

    “เอเลน.....จะว่าอะไรมั้ย ถ้าคืนนี้พี่จะขอ......”

    เสียงทุ้มๆที่เอ่ยกระซิบอยู่ที่ข้างหูทำให้หัวใจดวงน้อยของเด็กหนุ่มยิ่งเต้นระรัวหนักขึ้น

    ขออะไรครับ รีบขอมาสิครับ.....ผมรออยู่

    “พี่อยากจะขอ...........แม่ง!!!ใครวะ”

    พูดยังไม่ทันจบพี่รีไวก็ตะโกนขึ้นเสียงดังจนผมตกใจ พี่รีไวผลักผมไปหลบด้านหลังขณะที่ตะโกนขึ้นไปบนดาดฟ้า

    “ออกมาสิวะ.....ไอ้คนเหลือขอ!!!” ตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความหงุดหงิดขณะที่ปาบุหรี่ที่ถูกสูบแล้วลงกับพื้นด้วยความโมโห บุหรี่ตัวนั้นยังมีไฟติดอยู่เลย

    “มีอะไรเหรอรีไว” พวกพี่มิเกะที่เดินนำไปก่อนต้องย้อนกลับมาดูพวกเรา

    “มีใครบางคนโยนบุหรี่ที่สูบแล้วลงมาจากดาดฟ้า ถ้าฉันไม่เห็นก่อนคงโดนเอเลนไปแล้ว” พูดพลางกระทืบเท้าขยี้บุหรี่ด้วยความหัวเสีย

    “แกเห็นคนทำมั้ยล่ะ”

    “แดดมันแยงตา ฉันไม่เห็น”

    “ขอผมดูมือพี่หน่อยสิครับ” มือข้างที่รับบุหรี่เอาไว้ปรากฏรอยไหม้เป็นวงกว้าง อีกไม่นานมันต้องพองเป็นตุ่มน้ำใสๆแน่ๆ แผลที่ท้องก็ยังไม่หายดี เจ็บตัวเพิ่มขึ้นอีกแล้วสินะ.....เพราะผมอีกเช่นเคย

    “ไปห้องพยาบาลกันเถอะครับ”

    “เดี๋ยวพี่ไปเองได้ เอเลนกลับเข้าห้องเถอะ พี่จะให้ออลโอไปส่งที่ห้อง เย็นนี้กลับไปคงต้องให้เอเลนล้างแผลให้อีกแล้วล่ะ”

    “เจ็บตัวเพราะผมอีกแล้วสินะครับ”

    “แค่เล็กน้อย.....กลับห้องเถอะ” มือใหญ่ลูบหัวผมเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ พี่รีไวยืนส่งผมจนสุดทางเดินในที่สุด

     

    “จะปล่อยมันไปเหรอ” มิเกะเหล่ถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆกันเรียบๆ ลองได้แหย่หนวดเสือกันขนาดนี้แล้วอย่าคิดว่าจะจบได้ง่ายๆ

    “ไปลากคอมันออกมา.....ฉันจัดการเอง”

     

    และแล้วบ่ายวันนั้นผมก็ไม่เห็นอาร์มินเลยทั้งบ่าย ไม่ใช่หลงทางไปถึงไหนแล้วหรอกนะ

    “ไปเหอะ.....รีบไป เลิกเรียนคนแน่นร้านนะ” แจนเร่งผมขณะที่ช่วยยัดอุปกรณ์การเรียนลงเป้ของผม

    “แต่อาร์มิน.....”กระเป๋านักเรียนของเขายังอยู่ที่นี่อยู่เลย

    “ช่างมันเหอะน่า.....จะห่วงอะไรมันนักหนา เดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละ ไปกันเถอะๆ”

    ผมตัดสินใจคว้ากระเป๋าเป้ของอาร์มินติดมือมาด้วยในที่สุดแล้ววิ่งตามแจนออกไป พี่นานาบะและพี่รีไวรอเราที่สนามฟุตบอลแล้ว หลังจากบอกลาพี่มิเกะกับพวกรุ่นพี่ปีสองกันนิดหน่อยแล้วเราก็ออกเดินไปยังร้านแอนทีคเบเกอร์รี่ จุดหมายปลายทางของเรา

     

    “พวกแกจะยืนขาตายกันไปไหน วิ่งตามลูกให้มันดีกว่านี้หน่อยสิวะ เรื่องท้าต่อยท้าตีล่ะเก่งนัก พออยู่ในสนามล่ะไม่ได้เรื่อง!!!” เสียงมิเกะที่ว้ากๆอยู่ข้างสนามเล่นเอาออลโอถึงกับสะดุ้งเผลอสะดุดฝุ่นล้มกลิ้งทำลูกออกจากสนามท่ามกลางเสียงโห่ฮาของเพื่อนๆร่วมชมรม

    ชายหนุ่มรีบผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งไปตามเก็บบอลด้วยความอับอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ขณะที่กำลังวิ่งตามบอลอยู่นั้นเสียง แกร๊ง!!! ก็ดังขึ้นใกล้ๆตัว พอมองไปด้านหลังก็เห็นกระป๋องน้ำอัดลมนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น จากการสันนิษฐานหรือเรียกอีกอย่างว่าเดา เศษกระป๋องชิ้นนี้เหมือนจะพุ่งมาจากหน้าโรงเรียนที่ซึ่งมีเด็กต่างโรงเรียนกลุ่มใหญ่เดินผ่านพอดิบพอดี เลิกสนใจลูกบอลที่กลิ้งขลุกๆหันไปคว้าเอาเศษกระป๋องนั้นขึ้นมาแทน เดินดุ่มๆไปหน้าโรงเรียนด้วยความหัวเสีย

    “เฮ้ย!!! พวกแก” น้ำเสียงที่ติดไม่ค่อยจะพอใจนักเรียกความสนใจของเด็กนักเรียนกลุ่มนั้นได้เป็นอย่างดี

    “ไอ้กระป๋องนี่น่ะ ของพวกแกรึเปล่า”

    “ของฉันเองแหละ” หญิงสาวสวมแว่นมัดผมหางม้าหนึ่งเดียวของกลุ่มยกมือรับยิ้มๆ

    “เธอเองเหรอ ทิ้งขยะเรี่ยราดใส่ที่ของคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง มันสกปรกนะโว้ย!!! แบบนี้มันหยามกันชัดๆ” ออลโอขึ้นเสียงจนเพื่อนๆร่วมชมรมต้องตามมาสมทบ

    “อ้าว ฉันว่าฉันโยนลงถังไปแล้วนี่พลาดหรอกเหรอ” เธอตอบขณะที่กระชับแว่นสายตามองไปยังถังขยะที่อยู่ใกล้ๆจุดที่ออลโอเก็บกระป๋องได้

    “ก็แล้วถ้ามันลง เธอคิดว่าฉันไปคุ้ยมันมาจากถังขยะรึไงกันเล่า”

    “เอาน่าๆ ใจเย็น ขอโทษแล้วกัน มันมองไม่ชัดนี่นา” ผู้หญิงคนนั้นตอบด้วยท่าทางที่เหมือนจะบอกว่า ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ

    “หนอย....อย่าคิดว่าเรียนโรงเรียนเอกชนผู้ดีแล้วจะมาหยามเด็กโรงเรียนรัฐกันได้นะเฟ่ย” ออลโอทำท่าจะพุ่งเข้าใส่คู่กรณีขณะที่เอิร์ดรีบดึงตัวเอาไว้

    “มีอะไรกันเหรอฮันซี่” ชายหนุ่มร่างสูงผมบลอนด์ทองมีสง่าราศรีของความเป็นผู้นำอย่างเต็มเปี่ยมเดินแหวกกลุ่มเพื่อนนักเรียนออกมาหาหญิงสาวที่อยู่กลางวง

    “เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย ฉันจะทิ้งขวดน้ำอัดลมนั่นแต่มันไม่ลงถัง คุณคนนี้เขาก็เลยไม่พอใจ” เธอตอบผู้ชายคนนั้นด้วยสีหน้าเอือมๆ

    “อะไรกันเล่า ความสะอาดมันเป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนนะเว่ย ทิ้งขยะเรี่ยราดแบบนี้มันหยามกันชัดๆ”

    “ผมต้องขอโทษด้วย เป็นความผิดของทางเราเองจริงๆ” ชายหนุ่มผมทองเอ่ยกับออลโอด้วยท่าทีสุภาพราวกับผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว

    “คิดว่าทำผิดก็ขอโทษแล้วมันจะหายกันเหรอวะ ถ้าอย่างนั้นจะมีตำรวจไว้ทำไมกัน!!!” ออลโอตะโกนเสียงดังขณะที่ปากระป๋องน้ำอัดลมลงพื้นด้วยความโมโห

    “ถ้าหากจะหาเรื่องกันล่ะก็ย่อมได้ แต่บอกไว้ก่อนว่าพวกผมไม่ยอมอยู่นิ่งๆให้พวกคุณเล่นงานฟรีๆหรอกนะ” ฝ่ายเด็กโรงเรียนเอกชนเริ่มกระจายตัวสร้างพื้นที่ให้ตนเองเตรียมพร้อมรับการตะลุมบอนในขณะที่ชายหนุ่มร่างสูงผมทองยังคงยืนนิ่งด้วยใบหน้าสงบราบเรียบ

    “เล่นมันเลยดิวะ รออะไรกันเล่า!!!” ออลโอขึ้นเสียงขณะที่กำลังสาวเท้าเข้าไปประจันหน้ากับชายหนุ่มคนนั้น แต่รังสีอำมหิตที่แผ่พุ่งมาจากด้านหลังทำให้เขาชะงักนิ่ง

    “พวกแก.....ใครบอกให้มาทำเรื่องไร้สาระอะไรกันอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ไปซ้อมกันวะ!!!” มิเกะแหวกกลุ่มเด็กชมรมฟุตบอลตะโกนใส่ออลโอจนหูชาด้วยความฉุนเฉียว แม้กระทั่งฝ่ายคู่กรณีเองก็ยังสะดุ้งกันเป็นแถบๆ

    “ก....ก็เจ้าพวกนี้มันทิ้งขยะใส่โรงเรียนเรานี่เฮีย” ออลโอก้มหน้างุด ความกร่างเมื่อครู่นี้หล่นหายไปทันที

    “พวกเราไม่ได้ตั้งใจ และก็ขอโทษแล้ว แต่คนของคุณก็ยังไม่ยอมจะหาเรื่องให้ได้”

    มิเกะทอดสายตามองชายหนุ่มร่างสูงผมบลอนด์ที่ส่วนสูงไล่เลี่ยกันกับเขาแล้วยังท่าทางผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วนั่นอย่างพิจารณา

    เด็กโรงเรียนอินเตอร์ไฮเหรอ.......

    ต่างฝ่ายต่างประสานสายตาหยั่งเชิงกันอยู่เงียบๆท่ามกลางความอึดอัดของเหล่าผู้ติดตามที่เหลือ เป็นเวลานานพอดูกว่าที่มิเกะจะเอ่ยขึ้น

    “ไร้สาระ” ว่าพลางยกเท้าขึ้นเตะกระป๋องน้ำอัดลมตัวต้นเรื่องลอยไปชนปลายคางออลโอเสียจนเผลอกัดลิ้นตัวเองก่อนจะชิ่งปลิวไปลงถังขยะอย่างสวยงาม

    “แกนี่มันไร้สาระจริงๆว่ะออลโอ เรื่องแค่นี้แท้ๆ แล้วใครใช้ให้แกไปลอกเลียนแบบคำพูดของพระเอกการ์ตูนตาหวานกันวะ ถึงแกจะหัวหยิกเหมือนมันก็เถอะ น่าขายหน้าชะมัด......เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย!!! ทีนี้พวกแกก็ไสหัวกลับไปซ้อมกันได้แล้ว ไป๊!!!” เด็กชมรมฟุตบอลต่างแตกฮือกันไปคนละทิศคนละทางด้วยความตกใจ

    “ไอ้เด็กบ้าพวกนี้ เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ” บ่นไล่หลังไปเบาๆด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันไปชี้หน้าชายหนุ่มผมทองคนนั้นแล้วเอ่ยเสียงดัง

    “ส่วนนายถ้ายังคาใจ เราค่อยมาเคลียร์กันอีกทีหลังจากฉันไล่บี้เจ้าลิงพวกนั้นให้เตะบอลเป็นก็แล้วกัน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×